The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by TEACHER MILK, 2021-09-27 04:54:20

โวหารภาพพจน์ ม.๒

วิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒

วิชาภาษาไทย

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
เร่อื ง โวหารภาพพจน์

โดย
คุณครจู ติ ติญา แสงสว่าง

ความหมายของภาพพจน์

ภาพพจน์ ตรงกับคาภาษาอังกฤษ
วา่ figure of speech คือ ถอ้ ยคาที่
ทาให้เกิดภาพในใจ โดยใช้กลวิธี
หรือชั้นเชิงในการเรียบเรียงถ้อยคา
ใ ห้ มี พ ล ั ง ท่ี จ ะ ส ั ม ผ ั ส อ า ร ม ณ์ ข อ ง
ผู้อ่านจนเกิดความประทับใจ เกิด
ความเข้าใจลึกซ้ึงและเกิดอารมณ์
สะเทือนใจมากกว่าถ้อยคาท่ีกล่าว
อย่างตรงไปตรงมา ภาพพจน์มี
หลายชนิดดงั จะกล่าวถึงตอ่ ไปนี้

๑. อุปมา ( Simile)

อุปมา คือ การเปรียบเทียบว่าส่ิง
หน่ึงเหมือนกับส่ิงหน่ึง โดยใช้คาเช่ือมที่
มีความหมายเช่นเดียวกับคาวา่ "เหมือน"
เช่น ดุจ ดั่ง ราว ราวกับ เปรียบ
ประดุจ เฉก เล่ห์ ปาน ประหน่ึง
เพียง เพยี้ ง พา่ ง ปูน ฯลฯ

ตวั อยา่ ง
 ปัญญาประดุจดงั อาวุธ
 ไพเราะกังวานปานเสยี งนกร้อง
 ทา่ ทางหล่อนราวกบั นางพญา
 จมกู เหมือนลูกชมพู่

๒. อุปลักษณ์ ( Metaphor )

อุปลักษณ์ คล้ายกับอุปมาโวหารคือ
เป็นการเปรียบเทียบเหมือนกัน แต่เป็น
กา ร เ ป รี ย บ เ ที ย บ ส่ิ ง ห น่ึ ง เ ป็ น อี ก ส่ิ ง ห น่ึ ง
อุ ป ล ั ก ษ ณ์ จ ะ ไ ม่ ก ล่ า ว โ ด ย ต ร ง เ ห มื อ น
อุปมา แต่ใช้วิธีกล่าวเป็นนัยให้เข้าใจเอา
เอง ที่สาคัญ อุปลักษณ์จะไม่มีคาเช่ือม
เหมือนอุปมา มักจะมคี าว่า คอื เป็น

ตวั อยา่ ง
 ขอเป็นเกือกทองรองบาทา ไปจนกว่า

ชีวันจะบรรลยั
 ทหารเป็นร้ัวของชาติ
 เธอคอื ดอกฟา้ แต่ฉันน้ันคือหมาวัด
 ครูคือแม่พิม์ของชาติ
 ชวี ิตคือการต่อสู้ ศตั รูคือยากาลงั

๓. ปฏพิ ากย์ ( Paradox )

ปฏิพากย์ หรือ ปรพากย์ คือการใช้
ถ้อยคาที่มีความหมายตรงกันข้าม หรือ
ขัดแย้งกันมากล่าว อย่างกลมกลืนกัน
เพ่ือเพ่ิมความหมายให้มีน้ าหนักมาก
ย่ิงข้นึ

ตัวอยา่ ง
เลวบรสิ ุทธ์ิ
บาปบริสทุ ธ์ิ
สวยเป็นบ้า
สวรรคบ์ นดนิ
ย่ิงรบี ย่ิงช้า

๔. อติพจน์ ( Hyperbole )

อติพจน์ หรือ อธิพจน์ คือโวหารท่ี
กล่าวเกินความจริง เพ่ือเนน้ ความรู้สึก ทา
ให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกที่ลึกซ้ึง ภาพพจน์
ชนิ ดน้ี นิ ยมใช้กันมากแม้ในภาษาพูด
เพราะเป็นการกล่าวท่ีทาให้เห็นภาพได้
ง่ายและแสดงความรู้สึกของกวีได้อย่าง
ชัดเจน
ตวั อย่าง
 คิดถงึ ใจจะขาด คอแหง้ เป็นผง
 รอ้ นตบั จะแตก หนาวกระดูกจะหลดุ

ในกรณีท่ีใช้โวหารต่ากว่าจริง
เรยี กว่า "อวพจน"์

ตวั อยา่ งเชน่
เลก็ เทา่ ขต้ี าแมว
เพียงชว่ั ลัดน้ิวมือเดยี ว

๕. บคุ ลาธษิ ฐาน (Personification)
บุคลาธิษฐาน หรือ บุคคลวัต คือการ
กล่าวถงึ ส่ิงต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต ไม่มีความคิด ไม่มี
วิญญาณ เชน่ โต๊ะ เก้าอ้ี อิฐ ปูน หรือส่ิงมีชีวิต
ท่ีไม่ใช่มนุษย์ เช่น ต้นไม้ สัตว์ โดยให้ส่ิง
ต่างๆเหล่านี้ แสดงกิริยาอาการและความรู้สึก
ได้เหมือนมนษุ ย์
(บุคลาธิษฐาน มาจากคาว่า บุคคล + อธิษฐาน
หมายถึง อธษิ ฐานใหก้ ลายเป็นบุคคล )
ตวั อย่าง
 มองซิ..มองทะเล บางครั้งมันบา้ บ่นิ
 ทะเลไม่เคยหลบั ใหล บางครั้งยงั สะอ้ืน

๖. สัญลกั ษณ์ ( Symbol )
สัญลักษณ์ เป็นการเรียกช่ือส่ิงๆหน่ึง
โดยใช้คาอ่ืนมาแทน ไม่เรียกตรงๆ ส่วน
ใหญ่คาท่ีนามาแทนจะเป็นคาท่ีเกิดจาก

การเปรียบเทียบและตีความ ซ่ึงใช้กันมา
นานจนเป็นท่เี ขา้ ใจและร้จู ักกันโดยทั่วไป

ตัวอยา่ ง

เมฆหมอก แทน อุปสรรค

สีดา แทน ความช่ัวร้าย

สีขาว แทน ความบรสิ ทุ ธ์ิ
หงส์ แทน คนชัน้ สูง
กา แทน คนต่าต้อย

ดอกไม้ แทน ผหู้ ญิง
สตปิ ัญญา
แสงสว่าง แทน

เพชร แทน ความแขง็ แกร่ง

๗. นามนยั (Metonymy)

นามนัย คือ การใช้คาหรือวลี ซ่ึงบ่ง
ลักษณะหรือคุณสมบัติของส่ิงใดส่ิงหน่ึง
แทนอีกส่ิงหน่ึง คล้ายๆสัญลักษณ์ แต่
ต่าง กั นต รง ท่ี นา มนัยน ้ัน จะดึงเอา
ลักษณะบางส่วนของส่ิงหน่ึงมากล่าว ให้
หมายถึงส่วนทัง้ หมด
ตัวอยา่ ง
เมืองย่าโม่ หมายถงึ จังหวดั นครราชสีมา
เกา้ อ้ี หมายถึง ตาแหน่ง

หวั หงอก หมายถึง คนเฒ่าคนแก่
หัวดา หมายถึง หน่มุ สาว
ฉตั ร หมายถงึ กษัตรยิ ์
ทีมเสือเหลอื ง หมายถงึ ทมี มาเลเซีย

๘. สัทพจน์ ( Onomatopoeia )

สัทพจน์ หมายถึง ภาพพจน์ที่เลียนเสียง
ธรรมชาติ เช่น เสียงดนตรี เสียงสัตว์ เสียง
คล่ืน เสียงลม เสียงฝนตก เสียงน้ าไหล ฯลฯ
การใช้ภาพพจน์ประเภทนี้ จะทาให้เหมือนได้
ยนิ เสียงนนั้ จรงิ ๆ
ตวั อย่าง

 ลูกหมารอ้ งบอ๊ ก ๆ ๆ
 ลูกนกรอ้ งจ๊บิ ๆ ๆ
 เปรย้ี ง ๆ ดงั เสยี งฟา้ ฟาด
 ตะแลกแตก๊ แต๊กตะแลกแตก๊ แตก๊

กระเด่อื งดงั แทรกสารวลสรวลสันต์
 คล่ืนซดั ครนื ครืนซ่าทผ่ี าแดง
 น้าพุพุ่งซ่า ไหลมาฉาดฉาน
 มนั ดงั จอกโครม จอกโครม

๙. ปฏิพจน์ ( Oxymoron )

ปฏิพจน์ คือ การใช้คาที่ไม่สอดคล้อง
กันหรือขัดแย้งมารวมไว้ด้วยกัน เพ่ือให้มี
ความหมายท่ีให้ความรู้สึกขัดแย้ง หรือ
เพ่ิมน้ าหนักให้แก่ความหมายของคาแรก
ภาพพจน์ชนิดน้ี มักใช้เป็นช่ือเร่ืองเพ่ือ
เรยี กรอ้ งความสนใจของผู้อา่ น

ตวั อยา่ ง
ไฟเยน็ สนั ตภิ าพร้อน ชัยชนะของผู้แพ้

๑๐. ปฏิปจุ ฉา
( Rhetoricalquestion )

ปฏิปุจฉา หรือ คาถามเชิงวาทศิลป์
คือ การตั้งคาถามแต่มิได้หวังคาตอบ
หรือ ถ้ามีคาตอบก็เป็นคาตอบที่ทั้งผู้ถาม
เเละผู้ตอบรู้ดีอยู่เเล้ว นักเขียนจะใช้
คาถามเชิงวาทศิลป์เพ่ือเร้าอารมณ์ผู้อ่าน
หรือส่ือความหมายเเละข้อคิดท่ีต้องการ

ตวั อย่าง
 เราจะยอมให้มีการฉอ้ ราษฎร์บังหลวง

ตอ่ ไปอกี หรือ
 ถ้าเหตุการณ์ภายหนา้ มีเเต่ร้ายฉันจะ

ทนทรมานอยู่ได้อยา่ งไร

แหลง่ ขอ้ มูลอา้ งองิ

https://www.slideshare.net/
KruJamDmsintern/ss-
32264402

สบื ค้นเม่ือวนั ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๔


Click to View FlipBook Version