การสมรสท่ีเป็นโมฆยี ะ
เงื่อนไขการสมรสหากมีการฝ่าฝืนอาจถูกศาลเพกิ ถอนดว้ ยเหตุโมฆียะ
( มาตรา 1503)
1. ชายและหญิงตอ้ งมีอายคุ รบ 17 ปี ปริบูรณ์ แต่ในกรณีที่มีเหตุอนั สมควร ศาลอาจอนุญาตใหท้ าํ
การสมรสก่อนน้นั ได้ (ม.1448)
แนวคิด : เกณฑอ์ ายเุ พอื่ การสมรสเท่ากบั เพอ่ื การหม้นั เน่ืองจากคู่สมรสบางรายอาจจะทาํ
การหม้นั และสมรสในเวลาเดียวกนั และความพร้อมทางร่างกายและพร้อมรับผิดชอบในฐานะสามี
ภรรยา ซ่ึงแตกต่างจากการหม้นั หากฝ่ าฝืนเง่ือนไขอายุ ตกเป็นโมฆะตามาตรา 1435 ว.2
เงื่อนไขทางสรีระ-อายขุ องชายและหญิงท่ีจะทาํ การสมรส (ม.1448)
หลกั : การวดั ความเจริญเติบโตทางร่างกายและจิตใจ
ขอ้ ยกเวน้ : หญิงอายไุ มค่ รบ 17 ปี บริบูรณ์ ต้งั ครรภ์ อาจถือไดว้ า่ เป็นเหตุผลสมควร
1. ศาลอาจอนุญาตใหส้ มรสได้
2. มาตรา 1504 ว. 2 (ศาลมิไดส้ ง่ั เพิกถอนจนชายหญิงมีอายคุ รบ 17 ปี บริบูรณ์หรือ
เมื่อหญิงต้งั ครรภก์ ่อนอายคุ รบ 17บริบูรณ์)
• ตวั อยา่ งเช่น ไดเ้ สียกนั ก่อนอายุ 17 ปี จนคนรู้กนั ทวั่ ไป ต่อมาหญิงมีครรถ์ ท้งั คู่มีหน้าท่ี
การงานที่มน่ั คง ถา้ หากไม่สมรสหญิงอาจจะเสียอนาคตการงานจนทาํ ให้เสียผูเ้ สียคนไป
กรณีน้ีเป็ นดุลพินิจของศาลแม้บิดามารดาหญิงไม่ยินยอมมาก่อนก่อนก็ตาม ศาลอาจ
อนุญาตใหส้ มรสในกรณีที่มีเหตุอนั สมควร
เง่ือนไขเก่ียวกบั ความยนิ ยอม-กรณีผเู้ ยาวจ์ ะทาํ การสมรส
2. ผเู้ ยาวท์ าํ การสมรสโดยมิไดร้ ับความยนิ ยอมจากบิดามารดาหรือผปู้ กครอง (ม.1454)
แนวคิด:ใช้เกณฑ์หลกั เดียวกนั กบั กรณีผูเ้ ยาว์จะทาํ การหม้นั และผลแห่งการไม่ขอความยินยอม
เหมือนกบั การหม้นั การสมรสตกเป็นโมฆียะ
ขอ้ ระวงั : การท่ีกฎหมายถือเป็นขอ้ ยกเวน้ และทาํ ใหก้ ารสมรสสมบูรณ์ตอ้ งแยกพจิ ารณา ชายหญิงอาจ
ไดร้ ับการยกเวน้ เรื่องอายตุ ามมาตรา 1448 แต่หากไม่ไดร้ ับการยกเวน้ ในเร่ืองความยินยอมแลว้ การสมรส
อาจถกู ศาลเพิกถอนโดยเหตุขาดความยนิ ยอมไดต้ ลอดเวลา ท้งั น้ีตอ้ งพจิ ารณาวา่ การสมรสไมข่ ดั ต่อเงื่อนไขทุก
ขอ้ ท้งั ในเร่ืองโมฆะและโมฆียะ
เง่ือนไขเกี่ยวกบั การแสดงเจตนา
3. สมรสโดยสาํ คญั ผดิ ตวั คู่สมรสอีกฝ่ ายหน่ึง (ม.1505)
ขอ้ สงั เกต: 1. ไม่ไดม้ ีการพิจารณาวา่ ถึงขนาดหรือไม่
เช่น ตอ้ งการจดทะเบียนสมรสกบั นางสาว ก แต่กลบั ไปจดทะเบียนกบั นางสาว ข เพราะหนา้ ตา
คลา้ ยกนั ขอ้ ท่ีตอ้ งระวงั คือการใชส้ ิทธิเพิกถอนการสมรสตอ้ งกระทาํ ภายใน 90 วนั นบั แต่วนั
สมรส และเฉพาะแต่คู่สมรสท่ีสาํ คญั ตวั ผิดเท่าน้นั ที่จะขอเพิกถอนการสมรสได้ บุคคลอ่ืนแมม้ ี
ส่วนไดเ้ สียกไ็ ม่มีสิทธิเพกิ ถอน
• ขอ้ สงั เกต (ต่อ)
2. กรณีสาํ คญั ผิดในคุณสมบตั ิ ไมก่ ระทบถึงความสมบูรณ์แห่งการสมรส
เช่น สาํ คญั ผิดในฐานะทางการเงิน ความฉลาด ในอาชีพ ในสญั ชาติ หรือในเร่ืองความเป็นกลุ สตรีของคู่
สมรสอีกฝ่ าย
4. สมรสโดยถกู กลฉอ้ ฉลอนั ถึงขนาดซ่ึงถา้ มิไดม้ ีกลฉอ้ ฉลกจ็ ะไม่มีการสมรส (1506)
“ถ้าคู่สมรสได้ทาํ กลฉ้ อฉลถึงขนาดซึ่งถ้ามิได้มีกลฉ้ อฉล จะไม่ทาํ การสมรสความใน
วรรคหนึ่ง
ความในวรรคหนึ่ง ไม่ใช้บงั คับในกรณีท่ีกลฉ้อฉลเกิดโดยบคุ คลท่ีสามโดยคู่สมรสอีกฝ่ าย
หน่ึงมิได้รู้เห็น
สิทธิของเพิกถอนการสมรสเพราะถกู กลฉ้อฉลเป็นอันระงับ เมื่อเ;วลาผ่านพ้นไป 90 วนั
นับแต่วันท่ีรู้ หรือควรได้รู้ถึงกลฉ้อฉลนั้นหรือเมื่อเวลาได้ผ่านไปแล้วหน่ึงปี นับแต่วนั สมรส”
หมายเหตุ: การขอเพิกถอนการสมรสโดยถูกกลฉ้อฉลจะตอ้ งร้องขอต่อศาลภายใน 90
วนั นบั แต่วนั ที่รู้หรือควรไดร้ ู้ถึงกลฉอ้ ฉลหรือภายใน 1 ปี นบั แต่วนั สมรส
• องคป์ ระกอบ
1.การสมรสอีกฝ่ ายหน่ึงถกู กลฉอ้ ฉล จึงไดแ้ สดงเจตนาทาํ การการสมร
2. กลฉอ้ ฉลตอ้ งถึงขนาด
พิจารณาลกั ษณะส่วนตวั
เทียบเคียง มาตรา 167 กลฉอ้ ฉลถึงขนาด ในเรื่องนิติกรรม
คาํ พิพากษาฎีกา 2154 / 2530 : หากมีการใชก้ ลอบุ ายหลอกลวงในเรื่องเกี่ยวกบั ศาสนาที่นบั
ถือ หรือแอบอา้ งชื่อสกลุ ของบุคคลที่ถึงแก่กรรมไปแลว้ ยอ่ มทาํ ใหก้ ารสมรสเป็นโมฆียะ
กลฉอ้ ฉลโดยการน่ิง (ม.162) ตอ้ งเป็นขอ้ ความจริงท่ีเป็นสาระสาํ คญั อยา่ งยง่ิ ในการดาํ เนิน
ชีวติ ครอบครัว
ตัวอย่าง กลฉ้อฉลโดยการนิ่ง
• การที่หญิงผา่ ตดั เอามดลกู ออกสองขา้ งจนตนเองไมส่ ามารถกาํ เนิดบุตร หรือชายเป็นหมนั ท้งั ฝ่ าย
ชายกไ็ ม่เคยแสดงพฤติกรรมวา่ ไม่ถือเอาการมีบุตรเป็นเร่ืองสาํ คญั ของชีวติ สมรส เช่นน้ีหากหญิง
น่ิงไม่เปิ ดเผยขอ้ เทจ็ จริง ชายสามารถอา้ งไดว้ า่ สมรสโดยถูกกลฉอ้ ฉลดว้ ยการน่ิง อาจจะถือไดว้ า่
เป็นขอ้ ยกเวน้ ท่ีหญิงหรือชายมีหนา้ ที่ที่ตอ้ งแจง้ ความจริง ต่ออีกฝ่ าย เน่ืองจากวตั ถปุ ระสงคข์ อง
การสมรสคือการมีบุตรธิดา ไวส้ ืบสกลุ จะเห็นไดว้ า่ ถา้ เป็นกรณีท่ีไม่ทาํ ใหว้ ตั ถปุ ระสงคข์ องการ
สมรสพน้ วิสยั ยอ่ มนาํ มาอา้ งไมไ่ ด้
กรณีที่ไม่ทาํ ให้วตั ถปุ ระสงค์ของการสมรสพ้นวิสัย ย่อมนาํ มาอ้างไม่ได้
• เช่น ปกปิ ดวา่ ตนเป็นเกย์ เป็นหญิงโสเภณี อยใู่ นระหวา่ งการหลบหนีจบั กมุ ของเจา้ หนา้ ที่ตาํ รวจในคดีฆ่าคน
ตาย เป็นตน้ เนื่องจากขอ้ เทจ็ จริงเหล่าน้ีเจา้ ตวั ไม่มีหนา้ ท่ีตอ้ งแจง้ ใหอ้ ีกฝ่ ายทราบ แต่เป็นหนา้ ที่ขชองฝ่ ายหลงั
ท่ีตอ้ งสืบเสาะเอาเอง
กลฉ้อฉลโดยบคุ คลที่สาม
• เมื่อคู่สมรสอีกฝ่ าย(ที่ไม่ไดถ้ ูกหลอก)ไดร้ ู้เห็นดว้ ย
เช่น ตนเองไดท้ ราบและเป็นผบู้ อกใหบ้ ุคคลที่สามไปหลอกคู่สมรสอีกฝ่ าย ดงั น้นั ฝ่ ายที่ถูกหลอก
ขอใหศ้ าลเพิกถอนการสมรสน้นั ได้
ขอ้ ยกเวน้ : หากคู่สมรสท้งั สองฝ่ ายตา่ งสุจริต คูส่ มรสที่ถกู หลอกจะขอใหศ้ าลเพกิ ถอนไม่ไดเ้ พราะท้งั คูส่ ุจริต
ระยะเวลาในการใช้สิทธิเพิกถอน
• 1506 ว. 3 มี 2 ระยะ ไดแ้ ก่
1. 90 นบั แต่วนั ท่ีไดร้ ู้หรือควรรู้ถึงกลฉอ้ ฉลหรือ
2. เมื่อระยะเวลาผา่ นไป 1ปี นบั แต่วนั สมรส
ขอ้ สังเกต : มาตรา 1506 ว.3 ไม่ไดก้ าํ หนดวา่ ตอ้ งเป็นคู่สมรสที่ถูกกลฉอ้ ฉลเท่าน้นั ที่จะมีสิทธิขอใหศ้ าล
เพกิ ถอน ซ่ึงแตกต่างจาก มาตรา การสมรสเพราะสาํ คญั ตวั ผดิ
คาํ พิพากษาฎกี าที่ 2185 / 2530
• โจทกท์ ี่ 1 และจาํ เลยท่ี 1 หม้นั และทาํ การสมรสกนั วนั น้นั เอง หลงั จากจดทะเบียนสมรส
แลว้ จาํ เลยท่ี 2 เป็ นบิดาจาํ เลยท่ี 1 ก็มอบตวั จาํ เลยที่1 ให้ไปอยู่กินกบั โจทกท์ ่ี 1 ทนั ที
โจทกืท่ี1 และจาํ เลยที่1 กพ็ ากนั ไปไหวพ้ ระในที่ต่าง ๆ จนถึงตอนเยน็ ส่งตวั เขา้ หอ จาํ เลยที่
1 กไ็ ม่ไดอ้ ิดเอ้ือน แต่ไม่ยอมให้โจทกท์ ่ี 1 ร่วมประเวณีเพราะเหน็ดเหน่ือยไม่มีอารมณ์จะ
ร่วมเพศ ท้งั จาํ เลยที่1 อายุเพียง 19 ปี และไม่เคยสมรสมาก่อน อาจจะยงั กลวั การร่วม
ประเวณี ดงั น้นั การที่จาํ เลยที่1 ไม่ยอมร่วมประเวณีจะถือเป็นการกลฉอ้ ฉลไม่ได้ การสมรส
โจทกแ์ ละจาํ เลยที่1 ไม่ตกเป็นโมฆียะ โจทกไ์ ม่มีสิทธิฟ้องขอเพิกถอนและเรียกแหวนหม้นั
กบั สินสอดคืน จากจาํ เลยท้งั สองได้
5. สมรสโดยถกู ข่มขู่
แนวคิด: ใชเ้ กณฑ์เดียวกบั การพิจารณาเร่ืองข่มข่อู นั จะทาํ ใหน้ ิติกรรมตกเป็ นโมฆียะ ตอ้ งเป็ นการข่มขู่ท่ีจะ
เกิดภยั อนั ใกลจ้ ะถึง และร้ายแรงถึงขนาดที่จะจูงใจใหผูถ้ ูกข่มขู่มีมูลตอ้ งกลวั ซ่ึงถา้ มิไดม้ ีการข่มขู่น้นั การ
สมรสกค็ งจะมิไดก้ ระทาํ ข้ึน (ม.164 -167)
มาตรา 1506 มีความวา่
“ถ้าคู่สมรสได้ทาํ การสมรสโดยถกู ข่มข่อู ันถึงขนาด ซ่ึงถ้ามิได้มกี ารข่มขู่น้ันจะไม่ทาํ การสมรส การ
สมรสเป็ นโมฆียะ
สิทธิขอเพิกถอนการสมรสเพราะถูกข่มขู่เป็ นระงับ เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้ว 1 ปี นับแต่วันท่ี
พ้นจากการข่มขู่ ”
• ฎ.1776 / 2522 :
• จากลกั ษณะภยั จะเห็นไดว้ า่ การข่มข่อู าจจะทาํ ได้ 2 ทาง คือทางกายและจิตใจ
ขอ้ สังเกต : การข่มขู่ต่อกายของคู่สมรสอีกฝ่ ายปัจจุบนั คงเกิดไดย้ ากกวา่ ในอดีตเพราะในปัจจุบนั การจด
ทะเบียนสมรสตอ้ งทาํ ต่อหนา้ นายทะเบียน ยกเวน้ นายทะเบียนจะถูกข่มข่หู รือรู้เห็นเป็นใจดว้ ยการข่มขู่
หมายเหตุ :การข่มข่ทู ่ีเกิดข้ึนโดยบุคคลที่ 3 แมค้ ู่สมรสอีกฝ่ ายหน่ึงมิไดร้ ู้เห็นดว้ ยก็ทาํ ใหก้ ารสมรสน้นั เป็ น
โมฆียะ เน่ืองจากการข่มขู่ท่ีถึงขนาดมีผลบีบบงั คบั ให้ตอ้ งแสดงเจตนาสมรสอยา่ งเดียว ขอ้ น้ีแตกต่างจาก
การสมรสท่ีเกิดจากการฉ้อฉลโดยบุคคลที่ 3 ซ่ึงไม่เป็ นโมฆียะ หากคู่สมรสอีกฝ่ ายหน่ึงมิไดร้ ู้ เห็นดว้ ย
เฉพาะคู่สมรสที่ถูกข่มข่มู ีสิทธิเพกิ ถอน ภายใน 1 ปี นบั แต่วนั ท่ีพน้ จากการข่มขู่
คาํ พพิ ากษาฎีกาที่ 6868 / 2542
• พฤติการณ์ท่ีโจทก์ถูกจาํ เลยใชก้ าํ ลงั ข่มขู่บงั คบั จากจงั หวดั สมุทรปราการให้จาํ เลยตอ้ งมาท่ีจงั หวดั
ฉะเชิงเทรา ตอ้ งถูกควบคุมตวั อยู่ตลอดเวลา 12 วนั และถูกล่วงละเมิดทางเพศ แมข้ ณะจดทะเบียน
สมรสก็ยงั อยู่ในความควบคุมของจาํ เลยเช่นน้ี โจทก์เพียงลาํ พงั ย่อมตอ้ งเกรงกลวั การบงั คบั และคาํ ขู่
ของจาํ เลยที่ว่าจะไม่พาโจทก์กลบั บ้านจะทาํ ร้ายร่างกายและพาโจทก์ไปอยู่ในป่ าหากไม่ยอมจด
ทะเบียนสมรสกบั จาํ เลย วญิ �ูชนท่ีตกอยใู่ นภาวะการณ์เช่นน้ียอ่ มมีมูลตอ้ งเกรงกลวั ว่าจะเกิดอนั ตราย
ต่อร่างกายและเสรีภาพของตนหากไม่ยินยอมปฏิบตั ิตนตามคาํ ข่มขู่เช่นเดียวกบั โจทก์ การสมรส
ระหวา่ งโจทกก์ บั จาํ เลยจึงเป็ นการสมรสโดยถูกข่มขู่อนั ถึงขนาดซ่ึงถา้ มิไดม้ ีการข่มขู่น้นั โจทกจ์ ะไม่
ทาํ การสมรสกบั จาํ เลย การสมรสจึงเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยม์ าตรา 1507
วรรคหน่ึง
นอกจากกรณีการสมรสท่ีตกเป็ นโมฆะและโมฆียะ
• มาตรา 1460(การสมรสในพฤติการณ์พิเศษ):ในวนั ที่มีพฤติการณ์ดงั กล่าวชายหญิงไม่สามารถ
จดทะเบียนได้ แต่กฎหมายไดร้ ับรองให้มีการสมรสมีผลยอ้ นหลงั ไปถึงวนั ท่ีชายหญิงไดแ้ สดง
เจตนาทาํ การสมรส หากชายหญิงคู่น้นั ไดจ้ ดทะเบียนกนั ในภายหลงั เม่ือพฤติการณ์ผา่ นพน้ ไป
แลว้
• ผล :เม่ือการสมรสมีผลสมบูรณ์ยอ้ นหลงั ย่อมทาํ ให้บุตรท่ีอาจเกิดในระหว่างท่ีตกอยู่ใน
พฤติการณ์พิเศษเป็นบุตรที่ชอบดว้ ยกฎหมายของชายเพราะเป็นบุตรท่ีเกิดในสมรส
ผลของคาํ พิพากษาเพิกถอนการสมรส
อา้ งเป็ นเเหมื่อตกุใหาร้เสส่ือมมรสสไิทดธม้ ิขีคอาํ งพบิพุคาคกลษภาาใยหนเ้ พอิกกถผอูท้ นาํ กใาหร้ถสือุจวรา่ิตสไิ้นมส่ไุดดล้ เงวใน้ นแวตนั ่จทะ่ีไมดีคจ้าํ พดทิพะากเบษียานถกึงทาร่ีสเพุดิกแถตอ่จนะ
กผลารขสอมงกราสรนห้นั ยแา่ โลดว้ ย(คมาํ พ.1ิพ5าก1ษ1าม)าโใดชยบ้ ใงั นคเบัรื่ออนง ุโกลามรสมรสที่เป็ นโมฆียะ มาตรา 1512ให้นาํ บทบญั ญตั ิ
1. ผลเก่ียวกบั คู่สมรส
2. ผลเก่ียวกบั บุตร
3. ผลต่อบุคคลภายนอก
ผลเกย่ี วกับคู่สมรส
• มาตรา 1513
“ ถา้ ปรากฎวา่ คูส่ มรสท่ีถกู ฟ้องเพกิ ถอนการสมรสไดร้ ู้เห็นเป็นใจในเหตุแห่งโมฆียะ คู่สมรสจะตอ้ งรับ
ผดิ ชดใชค้ ่าทดแทนความเสียหายซ่ึงคูส่ มรสอีกฝ่ ายหน่ึงไดร้ ับตอ่ กายและช่ือเสียงหรือทรัพยส์ ิน เนื่องจากการ
สมรสน้นั และใหค้ วามในมาตรา 1512 มาใชบ้ งั คบั น้นั โดยอนุโลม
ถา้ หากการเพิกถอนการสมรสตามวรรคหน่ึงทาํ ใหอ้ ีกฝ่ ายยากจนลง และไม่มีรายไดพ้ อจากทรัพยส์ ิน
หรือจากการงานท่ีเคยทาํ อยรู่ ะหวา่ งสมรส คูส่ มรสท่ีถูกฟ้องน้นั จะตอ้ งรับผิดในค่าเล้ียงชีพที่บญั ญตั ิไวใ้ น
มาตรา 1526”
• สรุป กรณีความรับผิดของคู่สมรสที่ไดร้ ู้เห็นเป็นใจในเหตุแห่งโมฆียกรรม แบ่งออกเป็น
1. ความรับผดิ ชดใชค้ ่าทดแทน (ตามวรรคแรก) เช่น ค่าเสียหายแก่กาย ช่ือเสียง หรือทรัพยส์ ิน
คลา้ ยกบั ค่าทดแทน
คลา้ ยค่าทดแทนกรณีผดิ สญั ญาหม้นั ในมาตรา 1440
2. ความรับผิดในค่าเล้ียงชีพ (ตามวรรคทา้ ย)
ผลทางทรัพย์สินหลงั สมรสเป็ นโมฆียะ
ให้นําผลฟ้องหย่ามาใช้บังคบั
ทรัพยส์ ิน เวลาจดทะเบียนตอ้ งสุจริต
แบ่งสินสมรส ชาํ ระหน้ี
(ม.1533) ม.1535 ค่าทดแทน คา่ ล้ียงชีพ
คา่ เสียหายจากการอยู่ ค่ า เ ล้ี ย ง ดู ที่ เ ค ย ไ ด้
และขาดหายไปทาํ
ร่วมกบั อีกฝ่ าย ใหต้ นขดั สน
ผลเก่ยี วกบั บตุ ร
• มาตรา 1560 “บุตรเกิดระหวา่ งสมรสซ่ึงศาลใหเ้ พิกถอนภายหลงั ถือวา่ เป็นบุตรที่ชอบดว้ ยกฎหมาย”
• หลกั : ก่อนมีคาํ พิพากษา การสมรสมีผลสมบูรณ์ทุกประการ ถือเป็นบุตรในสมรส (ม.1536)
• ขอ้ สงั เกตุ : ความเป็นบุตรชอบดว้ ยกฎหมายของบิดาไม่ข้ึนอยกู่ บั ความสุจริตในขณะสมรสของชายหญิง
การสมรสท่ีเป็นโมฆียะมีผลทาํ ใหค้ วามสมั พนั ธ์ของชายหญิงสิ้นสุดลงไม่วา่ ส่วนตวั หรือทาง
ทรัพยส์ ิน ในขณะท่ี ความสมั พนั ธ์ทางสายโลหิตระหวา่ งบิดามารดากบั ยตุ รยงั ไมส่ ิ้นสุด
การใช้อาํ นาจปกครองบตุ ร และค่าอุปการะเลยี้ งดู
กฎหมายใหน้ าํ ผลการหยา่ โดยคาํ พิพากษามาใชบ้ งั คบั อนุโลม ดงั น้นั การใชอ้ าํ นาจปกครองบุตร และ
ค่าอปุ การะเล้ียงดู จึงตอ้ งเป็นไปตาม
• มาตรา 1520 ว.ทา้ ย
• มาตรา 1521
• มาตรา 1522 ว.ทา้ ย
บุตรจากการสมรสโมฆยี ะ
บทสนั นิษฐานความ การใชอ้ าํ นาจปกครอง ศาลช้ี คา่ อุปการะเล้ียงดู
เป็นบุตร (ม.1560) ขาด (ม.1520 ว.ทา้ ย) (ม.1522 ว.ทา้ ย)
ผลต่อบคุ คลภายนอก
• หลกั : การสมรสที่เป็นโมฆียะตราบใดท่ีศาลยงั ไม่มีคาํ พิพากษาเพิกถอน ตอ้ งถือวา่ มีผลสมบูรณ์
(เทียบเคียงการเร่ืองการหยา่ )
มาตรา 1511 “การสมรสที่ไดม้ ีคาํ พพิ ากษาใหเ้ พกิ ถอน ใหถ้ ือวา่ สิ้นสุดในวนั ท่ีมีคาํ พพิ ากษาถึงที่สุดแต่จะอา้ งเป็น
เหตุเสื่อมสิทธิไม่ไดข้ องบุคคลภายนอกผทู้ าํ การโดยสุจริตไม่ได้ เวน้ แตจ่ ะไดจ้ ดทะเบียนเพกิ ถอนการสมรส”
มาตรา 1531ว.ทา้ ย “การหยา่ โดยคาํ พพิ ากษามีผลต้งั แตเ่ วลาท่ีคาํ พพิ ากษาถึงที่สุด แตจ่ ะอา้ งเป็นเหตเุ ส่ือมสิทธิ
กบั บุคคลภายนอกผทู้ าํ การโดยสุจริตไม่ได้ เวน้ แต่จะไดจ้ ดทะเบียนหยา่ ไวแ้ ลว้ ”
• “ทาํ การสุจริต” ตามมาตราน้ีหมายความวา่ ในขณะที่เขา้ มาทาํ นิติกรรมกบั สามีภรรยา บุคคลภายนอก
ไม่ทราบวา่ ไดม้ ีคาํ พิพากษาเพิกถอนการสมรสน้นั ไปแลว้
เช่น นาย ก ไดท้ าํ สญั ญาเช่าตึกเป็นสินสมรสโดยไม่ทราบถึงศาลไดเ้ พกิ ถอนการสมรสแลว้ ดงั น้ี สามีหรือ
ภรรยาจะบอกเลิกบอกสญั ญาเช่าโดยอา้ งวา่ การสมรสไดส้ ิ้นสุดลง และไดแ้ บ่งตึกแถวระหวา่ งกนั
เรียบร้อยไม่ได้ นาย ก ยงั คงมีสิทธิต่อไป
ขอ้ ยกเวน้ ระยะเวลาการคุม้ ครองบุคคลภายนอกผสู้ ุจริตอาจยตุ ิลงเมื่อไดม้ ีการจดทะเบียนเพกิ
ถอนการสมรส เป็นหลกั ฐานแสดงแก่บุคคลทว่ั ไป
การคุ้มครองบุคคลภายนอกผู้ทําการโดยสุจริต
ม.1511 คุม้ ครองจนถึงวนั จดทะเบียนเพกิ ถอน
ตวั อยา่ ง จดทะเบียน (วนั ที่ 20)
มีคาํ พพิ ากษา
(วนั ท่ี 1)
ทาํ สัญญาเช่าก่อนวนั ท่ี 20 แมส้ ัญญาจะ หากทาํ สญั ญาวนั ที่ 20 แมส้ ุจริต
หมดอายหุ ลงั วนั ที่ 20กบ็ อกเลิกไม่ได้ กบ็ อกเลิกไม่ได้