รายงาน เรื่อง ศิลปะเรอเนซองส์ (Renaissance) โดย นางสาววิภาพร โพธิ์หล้า เลขที่๓๔ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๗ เสนอ ครูพิสมัย สืบเลย รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชา ท๓๒๑๐๒ การเขียน๑ ภาคการเรียนที่๒ ปีการศึกษา๒๕๖๖ โรงเรียนสีชมพูศึกษา อำ เภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น
คำ นำ ศิลปะเรอเนซองส์ (Renaissance) ศิลปินได้นำ เอาเเบบอย่างศิลปะชั้นสูงในสมัยกรีกเเละโรมัน มาสร้าง สรรค์ได้อย่างอิสระเต็มที่ งานสถาปัตยกรรมมีการก่อสร้างเเบบกรีกเเละโรมัน อาคารมีประตูหน้าต่าง เพิ่มมากขึ้น ประดับตกเเต่งด้วยภาพจิตรกรรมเเละประติมากรรมอย่างหรูหรา สง่างาม ผู้เขียนต้องการจะสื่อให้เห็นถึงศิลปะในยุคเรอเนซองส์จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องศิลปะเรอเนซองส์ นำ เสนอรายงาน เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักศิลปะเเละผลงานต่างๆในยุคนั้น จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม ศิลปินที่สำ คัญเเละผลงานศิลปะที่โด่งดังในยุคเรอเนซองส์ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง ตามสมควร ขอขอบพระคุณครูพิสมัย สืบเลย ที่กรุณาให้คำ เเนะนำ ในการจัดทำ รายงานจนสำ เร็จลุล่วงด้วยดี นางสาววิภาพร โพธิ์หล้า ๑มีนาคม ๒๕๖๖
สารบัญ เรื่อง หน้า บทนำ ความหมายเเละความสำ คัญของศิลปะเรอเนซองส์ เเหล่งกำ เนิดของศิลปะเรอเนซองส์ ประเภทของงานศิลปะ สถาปัตยกรรม จิตรกรรมเเละประติมากรรม ศิลปินที่สำ คัญในยุคเรอเนซองส์ ผลงานศิลปะที่โด่งดัง บทสรุป บรรณานุกรม ๑ ๑ ๒ ๒ ๒ ๓ ๔ ๗ ๑๑ ๑๒
บทนำ คำ ว่า “เรอเนซองส์” หมายถึง การเกิดใหม่ หรือ “ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ” เป็นการระลึกถึงศิลปะกรีก และโรมันในอดีตซึ่งเคยรุ่งเรืองให้กลับมาอีก ศิลปะเรอนเนซองส์ไม่ใช่การลอกเลียนแบบจากอดีต แต่เป็นการ เน้นความสำ คัญของลักษณะเฉพาะบุคคล มีความสนใจลักษณะภายนอกของมนุษย์และธรรมชาติ ก่อให้เกิด ความกระตือรือร้นในการค้นหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และวิทยาการแขนงต่างๆ ศิลปินได้นำ เอาแบบอย่างศิลปะชั้นสูงในสมัยกรีกและโรมัน มาสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระเต็มที่ งาน สถาปัตยกรรมมีการก่อสร้างแบบกรีกและโรมันเป็นจำ นวนมาก ลักษณะอาคารมีประตูหน้าต่างเพิ่มมากขึ้น ประดับตกแต่งภายในด้วยภาพจิตรกรรมและประติมากรรมอย่างหรูหรา สง่างาม ความหมายเเละความสำ คัญของศิลปะเรอเนซองส์ ศิลปะเรอเนสซองซ์ Renaissance Art (พ.ศ. ๑๙๔๐ - ๒๑๔๐) คำ ว่า "เรอเนสซองซ์" หมายถึง การเกิด ใหม่ ซึ่งเป็นการระลึกถึงศิลปะกรีกและโรมันในอดีต ซึ่งเคยรุ่งเรืองให้กลับมาอีก ศิลปะเรเนสซองซ์ไม่ใช่การลอก เลียนแบบจากอดีต แต่เป็นยุคสมัยแห่งการเน้นความสำ คัญของลักษณะเฉพาะบุคคล มีความสนใจลักษณะ ภายนอกของมนุษย์ และ ธรรมชาติ เป็นแบบที่มีเหตุผลทางศีลธรรม ก่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการค้นหา ความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ และวิทยาการแขนงต่าง ๆ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น"ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา" โดยมีรากฐาน มาจากประเทศอิตาลี และแผ่ขยายไปยังดินแดนต่าง ๆ ในยุโรป ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา วัดยังคงเป็นผู้อุปถัมภ์ที่สำ คัญของเหล่าศิลปินนอกจากนี้ยังมีพวกขุนนาง พ่อค้าผู้ ร่ำ รวย ซึ่งเป็นชนชั้นสูงก็ได้ว่าจ้าง และอุปถัมภ์เหล่าศิลปินต่าง ๆ ด้วย ตระกูลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น ได้แก่ ตระ กูลวิสคอนตี และสฟอร์ซา ในนครมิลาน ตระกูลกอนซากาในเมืองมานตูอา และตระกูลเมดีชีในนครฟลอเรนซ์ การอุปถัมภ์ศิลปินนี้มีผลในการกระตุ้นให้ศิลปินใฝ่หาชื่อเสียง และความสำ เร็จมาสู่ชีวิตมากขึ้น ผลงานของ ศิลปินที่มีทั้ง จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ทำ ให้ชื่อเสียงของศิลปินหลายคน เป็นที่รู้จักทั่วโลก ตลอดกาล เช่น ลีโอนาโด ดาวินชี มิเกลันเจโล ราฟาเอล สถานภาพทางสังคมของศิลปินเป็นที่ยอมรับกัน อย่างสูงในวงสังคม เกิดสำ นักทางศิลปะเพื่อฝึกฝนช่างฝีมือ และเกิดมีศิลปินระดับอัฉริยะขึ้นมาอย่างมากมาย และในยุคยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานี้เอง ที่มีการพัฒนาการพิมพ์ขึ้นในประเทศเยอรมนีโดย โยฮัน กูเทนเบิร์กเป็นผู้ ผลิตนวัตกรรมชิ้นนี้ขึ้นมา ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ทำ ให้ศิลปะการพิมพ์ได้เริ่มมีการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างจริงจัง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ๑
เเหล่งกำ เนิดของยุคเรอเนซองส์ ยุคเรเนสซองส์ (Renaissance ) เป็นยุคที่ต่อจากยุคกลาง หลังจากที่บ้านเมืองในทวีปยุโรปตกอยู่ในความทรุด โทรม ขาดการทะนุบำ รุงรักษามาเป็นระยะเวลานาน ในยุคเรเนสซองส์ชาวยุโรปเริ่มให้ความสนใจหันกลับมาฟื้นฟู พัฒนาบ้านเมืองใหม่ เพื่อให้มีความรุ่งเรืองเหมือนในยุคกรีกและโรมัน ได้มีการนำ เอาศิลปะวิทยาที่ดีในอดีตกลับมาใช้ พัฒนาใหม่ จนทำ ให้มีการเรียกชื่อยุคเรเนสซองส์อีกชื่อหนึ่งว่า “ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา” ซึ่งมีความหมายว่า การเกิดใหม่ (Rebirth) ศูนย์กลางยุคเรเนซองส์คืออิตาลี ผู้คนในยุคเรเนสซองส์ เชื่อในเรื่องเหตุผลมากขึ้น แสวงหาข้อเท็จจริง เลิกเชื่อผู้นำ ศาสนาจักรอย่างงมงาย แสวงหาความสุข ความสวย ความงาม ความโอ่อ่า ยอมรับความจริงของชีวิตกับธรรมชาติ สนใจเรื่องกายวิภาค มิติสัมพันธ์ การจัดองค์ประกอบ สิ่งต่างๆเหล่านี้ได้สะท้อนออกมาทางงานสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้าง ผลงานทางศิลปะ ผลงานทางดนตรี วรรณกรรม และการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ผู้มีฐานะทางสังคม พ่อค้า ขุนนาง เริ่มให้ความสนใจ กับผลงานทางศิลปะดนตรีมากขึ้น ประเภทของงานศิลปะ สถาปัตยกรรม งานสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ในสมัยเรอเนซองส์ ได้แก่ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter) ในกรุงโรม เป็น ศูนย์กลางของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก วิหารนี้มีศิลปินผู้ออกแบบควบคุมงานก่อสร้างและลงมือตกแต่งด้วย ตนเอง ต่อเนื่องกันหลายคน เช่น โดนาโต บรามันโต (Donato Bramante ค.ศ. ๑๔๔๐– ๑๕๑๔) ราฟาเอล (Raphel ค.ศ. ๑๔๘๓ – ๑๕๒๐) ไมเคิล แองเจลโล (Michel Angelo ค.ศ. ๑๔๗๕ – ๑๕๖๔) และ โจวันนิ เบอร์นินี (Giovanni Bernini ค.ศ. ๑๕๙๘ – ๑๖๘๐) ๒
จิตรกรรมเเละประติมากรรม งานจิตรกรรมและประติมากรรมในสมัยเรอเนซองส์ ศิลปินสร้างสรรค์ในรูปความงามตามธรรมชาติ และความ งามที่เป็นศิลปะแบบคลาสสิกที่เจริญสูงสุด ซึ่งพัฒนาแบบใหม่จากศิลปะกรีกและโรมัน ความสำ คัญของศิลปะสมัย เรอเนซองส์ มีความสำ คัญต่อการสร้างสรรค์ศิลปะเกือบทุกสาขา โดยเฉพาะเทคนิคการเขียนภาพ การใช้องค์ ประกอบทางศิลปะ (Composition) หลักกายวิภาค (Anatomy) การเขียนภาพทัศนียวิทยา (Perspective Drawing) การแสดงออกทางศิลปะมีความสำ คัญในการพัฒนาชีวิต สังคม ศาสนาและวัฒนธรรม จัดองค์ประกอบ ภาพให้มีความงาม มีความเป็นมิติ มีความสัมพันธ์กับการมองเห็นใช้เทคนิคการเน้นแสงเงาให้เกิดดุลยภาพ มี ระยะตื้นลึก ตัดกันและความกลมกลืน เดวิด (David) ปีเอตะ (Pietà) โมเสส (Moses) ๓
ศิลปินที่สำ คัญในยุคเรอเนซองส์ ๑.ลีโอนาร์โด ดา วินชี ( Leonardo Da Vinci ) เป็นศิลปินที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินชื่อกันมาแล้ว ทั้งตัวศิลปิน และผลงานของเขา ดาวินชีเป็นทั้งจิตรกร ช่าง แกะสลัก สถาปนิก และนักประดิษฐ์ เขาถูกยกย่องว่าเป็น หนึ่งในจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ผลงานของเขา ยังถูกกล่าวถึง และนำ มาศึกษาในทุกวันนี้ เทคนิคในงานภาพวาดของดาวินชีนั้นมีทุกอย่างที่เป็นของงานศิลปะเรเนสซองส์ ทั้งการใช้ Perspective แบบ เส้นตรง, การไล่สีตามการตกของแสง (Chiaroscuro), การแสดงออกทางอารมณ์ แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา เอง คือ Sfumato (fumo ในภาษาอิตาลีหมายถึงควัน) หรือการทำ สีบริเวณใบหน้าให้อ่อนลงเหมือนมีควัน หมอกจางๆ ด้วยการขัดเงา ผลงานที่สำ คัญของดาวินชี มีตั้งแต่งานภาพวาด เช่น The Last Supper ภาพกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระ เยซูอันโด่งดัง, Virgin of the Rocks ภาพพระแม่มารีกับพระเยซูในวัยทารก พร้อมกับเทวทูตเกเบรียล, Mona Lisa ภาพหญิงสาวที่เป็นที่จดจำ กันทั่วโลก รอยยิ้มที่น่าหลงใหล ชวนให้คิดตามว่าเธอยิ้มเพราะอะไร เธอยิ้มให้กับใคร รวมถึงเธอคือใครกันแน่ หรืองานภาพร่าง The Vitruvian Man ที่แสดงความสนใจในเรื่อง กายภาพมนุษย์ของดาวินชี ภาพร่างมีสัดส่วน และความสมมาตรที่สมดุล มีความหมายถึงการรวมกันของ มนุษย์, โลก และสวรรค์ ‘The Last Supper’ หนึ่งในผลงานชื่อดังของเลโอนาโด ดา วินซี (photo: https://en.wikipedia.org) ๔
๒.มิเกลแองเจโล บัวนารอตติ ( Michelangelo Buonarroti ) ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคเรอเนสซองส์ทัดเทียมกับเลโอนาร์โด ดา วินชี มิเกลแองเจโล เป็นจิตรกร ประติมากร และสถาปนิก เขาเป็นชาวอิตาลีเช่นเดียวกับดาวินชี เขาถูกเรียกว่า Il Divino (The Divine One) จากผู้ที่ ชื่นชม อย่างไรก็ตามตัวมิเกลแองเจโลเองนั้นคิดว่าตนเองเป็นประติมากรมากกว่าจิตรกร เขาเป็นคนที่มีความ คิดแตกต่างกับผู้คนในยุคนั้นๆ มีความเป็นส่วนตัวสูง ในบางครั้งก็วาดภาพหน้าคู่แข่งลงในผลงานของตนเอง มิเกลแองเจโลมีผลงานที่สำ คัญทั้งรูปปั้นแกะสลัก และภาพวาด โดยมีอิทธิพลจากการศึกษางานแกะสลักของ กรีก และโรมัน เขามีความเชี่ยวชาญด้านกายภาพของมนุษย์ ดังที่จะพบเห็นได้ในงาน David และ Pietà มิ เกลแองเจโลจะเริ่มแกะสลักก้อนหินอ่อนทั้งก่อน จนกระทั่งเป็นงานที่สวยงามราวกับมีชีวิต ในงานภาพวาดที่โด่งดังที่สุดอย่าง The Creation of Adam ที่ถูกวาดบนโบสถ์ซีสทีน (Sistine Chapel) เขา วาดอดัมที่มีกล้ามเนื้อ และเปลือยตามแบบคลาสสิก ยื่นมือไปหาพระเจ้าผู้ซึ่งกำ ลังลอยเข้ามาหาทางขวา ผล งานชิ้นนี้เป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในยุคนั้น เพราะในงานศิลปะทางศาสนาจะไม่มีการวาดหรือแกะสลักพระเจ้าให้มีรูป ร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ แต่มิเกลแองเจโลนั้นมีความคิดที่ต่างออกไป รูปปั้น ‘Pietà’ งานประติมากรรมหินอ่อนชิ้นเอกของไมเคิลแองเจโล ตั้งอยู่ในมหาวิหารนักบุญเป โตร ที่นครรัฐวาติกัน (photo: https://en.wikipedia.org) ๕
๓. ราฟาเอล (Raphael) ราฟาเอล หรือชื่อเต็ม ราฟาเอลโล่ ซานติ เป็นจิตรกรและสถาปนิกชาวอิตาเลียน เขาถูกนับเป็นหนึ่งในสาม ศิลปิน (Trinity of Great master)ที่ยิ่งใหญ่ในยุคเรเนสซองส์ต่อจากดา วินชี และมิเกลแองเจโล ผลงานของราฟาเอลมีความโดดเด่นในเรื่องของความชัดเจน การจัดองค์ประกอบของภาพ และความสง่างาม ของตัวละครในภาพ เขามีงานที่โดดเด่นทั้งงานภาพปูนเปียก(Fresco)ที่โด่งดังที่สุดจะเป็น School of Athens School of Athens เป็นภาพวาดนักปรัชญาชาวกรีกเรียงรายอยู่ด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์การหลอมรวมกันของ ศิลปะ ปรัชญา และวิทยาศาสตร์ เป็นภาพที่มีรายละเอียดให้ตีความได้มาก ยกตัวอย่างเช่น บุคคลสองคนตรง กลางของภาพ คือ เพลโต และอริสโตเติล สองนักปรัชญาที่สำ คัญที่สุดในโลกปรัชญาตะวันตก เราจะเห็นว่า เพลโต ผู้ซึ่งยืนอยู่ทางซ้าย ทำ ท่าทางชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า เป็นการบ่งบอกถึงหลักความคิดเรื่องฟอร์ม (Form) ที่ว่า โลกของสิ่งที่เราเห็นและจับต้องนั้น ไม่ใช่สิ่งที่แท้จริง โลกที่แท้จริงนั้นเป็นโลกทางจิตวิญญาณที่มีความคิด และไอเดียต่างๆ ส่วนอริสโตเติล ที่ยืนผายมือไปหาผู้ชม และถือหนังสือ บอกถึงความคิดที่ว่าความรู้ต่างๆ จะ ต้องมาจากประสบการณ์ ต้องเกิดจากการไปพบเจอสิ่งต่างๆบนโลก นอกจากนี้ราฟาเอลยังมีงานภาพเหมือนบุคคลที่โด่งดัง เช่น La Fornarina, Portrait of Baldassare Castiglione เป็นต้น ภาพ ‘The School of Athens’ จิตรกรรมฝาผนังชิ้นเอกของราฟาเอล ถือกันว่าเป็นงานที่เพียบ พร้อมไปด้วยลักษณะการเขียนภาพแบบเรอเนซองส์ (photo: https://en.wikipedia.org) ๖
ผลงานศิลปะที่โด่งดัง ๑.The Mona Lisa โดย ปี ๑๕๗๑ : ภาพวาดที่ โด่งดังที่สุดในโลก วาดโดยลีโอนาโด ดา วินชี เป็นจุดเยี่ยมชมหลักของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในกรุง ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีคนเข้าเยี่ยมชมถึง ๖ ล้านคนในทุกๆ ปี ๒. The Creation of Adam โดย ปี ๑๕๑๒ : ถูกวาดไว้บนเพดานโบสถ์น้อยซิสทีนใน นครรัฐวาติกัน ถูกวาดระหว่างค.ศ.๑๕๐๘–๑๕๑๒ อิงเนื้อหาตามพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับหนังสือปฐม กาล เป็นตอนที่พระเจ้าพ่นลมหายใจแห่งชีวิตให้ แก่อาดัม มนุษย์คนแรก ภาพที่หัตถ์ของพระเจ้า ใกล้จะแตะกับมือของอาดัมได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของมนุษยชาติ และกลายเป็นภาพถูกลอกแบบ ตลอดจนถูกนำ ไปล้อเลียนนับครั้งไม่ถ้วน ๓.The Last Supper โดย Leonardo Da Vinci ปี ๑๔๙๘ : นี่คือรูปภาพที่โด่งดังมาก ภาพนี้ไม่ได้ แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์แต่กลับอยู่บนผนังในห้องกิน ข้าวที่อารามซานตามารีย์ เดลเล กราซี ในเมือง มิลานประเทศอิตาลี ภาพวาดได้แสดงให้เห็นถึง ฉากของอาหารค่ำ มื้อสุดท้ายของพระเยซูคริสถ์ และเหล่าสาวกของพระองค์ทั้งสิบสองคน การได้ รับชมสุดยอมผลงานชิ้นโบว์แดงในอารามเล็กๆ คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเมืองมิลาน ที่มอบให้กับคุณ ๗
๔.The School of Athens โดย Raphael ปี ๑๕๑๑ : เป็นภาพหนึ่งในชุดภาพที่ราฟาเอลได้รับ สัญญาให้วาดสำ หรับวังพระสันตะปาปาในกรุง วาติกัน ซึ่งเป็นงานจิตรกรรมสำ หรับตกแต่งห้อง ชุดที่ปัจจุบันเรียกว่า “ห้องราฟาเอล” ภาพตั้งอยู่ ภายใน “ห้องเซนยาทูรา” (Stanza della Segnatura) “สำ นักแห่งเอเธนส์” ถือกันว่าเป็น งานชิ้นเอกของราฟาเอลและเป็นงานที่เป็นงานที่ เพียบพร้อมไปด้วยลักษณะการเขียนภาพแบบเรอ แนซ็องส์สูง ๕.The kiss of Judas โดย Giotto di Bondone ปี ๑๓๐๖ : ตั้งอยู่ภายใน โบสถ์น้อยส โกรเวญญี เมืองปาดัวในประเทศอิตาลี ๖. The Last Judgement โดย Michelangelo Buonarroti ปี ๑๕๔๑ :ภาพนี้ถูกเขียนไว้ภายใน โบสถ์น้อยซิสทีน ในนครรัฐวาติกัน มีเกลันเจโล เขียนภาพ “The Last Judgement ” ระหว่างปี ค.ศ. ๑๕๓๔ ถึงปี ๑๕๔๑ สิบปีหลังจากการเขียน เพดานชาเปลซิสติน ๘
๗.Primavera โดย Sandro Botticelli ปี ๑๔๘๒ : ปัจจุบันภาพเขียน Primavera ตั้งแสดงอยู่ที่หอ ศิลป์อุฟฟิซิในเมืองฟลอเร็นซ์ในประเทศอิตาลี ภาพ นี้ได้รับการตีความหมายกันไปต่างๆ ที่รวมทั้งความ หมายทางการเมืองว่าความรักคือโรม, ไตรเทพี (three Graces) คือปิซา เนเปิลส์ และ เจนัว, เมอร์คิวรีคือมิลาน, ฟลอราคือฟลอเรนซ์, เมย์คือ มานตัว, คลอริสและเซพไฟร์คือเวนิสและโบลซาโน นอกจากความหมายต่างๆ ที่ว่าแล้วภาพนี้ก็ยัง แสดงถึงธรรมชาติของความเป็นมนุษยชาติอย่างลึก ซึ้ง เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของ วัฒนธรรมร่วมสมัยและเป็นการแสดงออกของ เนื้อหาของวรรณกรรมคลาส ๘.Sistine Madonna โดย Raphael ปี ๑๕๑๒ : ปัจจุบันภาพเขียน Sistine Madonna ตั้งแสดงอยู่ที่ หอจิตรกรรมชั้นครูแห่งเดรสเดนที่เมืองเดรสเดนใน ประเทศเยอรมนี ตัวแบบในภาพยืนบนปุยเมฆที่ ล้อมเป็นกรอบด้วยม่านหนาหนักสองข้าง พระแม่มารีเองดูราวกับว่าลอยลงมาจากสวรรค์จาก ที่ว่างลวงตามายังที่ว่างจริงบริเวณหน้าภาพที่จะ เห็นได้จากจุดโฟกัสที่พระหนุของพระองค์ นักบุญ บาร์ บาราปรายตามาทางผู้ศรัทธาที่เลยออกมาจาก ระเบียงด้านล่างของภาพ มงกุฎพระสันตะปาปา ด้านล่างซ้ายของภาพเป็นสิ่งที่เชื่อมระหว่างที่ว่าง ลวงตาของภาพและที่ว่างจริงนอกภาพ(real และpictorial space) ๙
๙.The Assumption of the Virgin โดย Titian ปี ๑๕๑๘ : Titian ใช้เวลาสองปีในการเขียนภาพ The Assumption of the Virgin ซึ่งแบ่งเป็นสาม ตอนและใช้สีที่วิจิตร ซึ่งทำ ให้ทิเชียนกลายมาเป็น หนึ่งในช่างเขียนคนสำ คัญที่สุดของกรุงโรม ๑๐.The Birth of Venus โดย Sandro Botticelli ปี ๑๔๘๖ : ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่หอ ศิลป์อุฟฟิซิ, เมืองฟลอเร็นซ์ ประเทศอิตาลี ซาน โดร บอตติเชลลีเขียนภาพ “กำ เนิดวีนัส” ที่เป็น ภาพของวีนัสลอยมาเกยฝั่งอย่างผู้หญิงเต็มตัว ๑๐
สรุป ศิลปะเรอเนซองส์(Renaissance) เป็นยุคสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยา เริ่มสมัยศตวรรษที่ 14 ถึง 16 เป็นการระลึก ถึงศิลปะยุคสมัยกรีกโรมัน เป็นยุคที่ศิลปะ Classic ที่ถููกฟื้นฟู เน้นความสำ คัญของลักษณะเฉพาะบุคคล เน้น ไปที่ลักษณะภายนอกของมนุษย์และธรรมชาติ ที่ได้รับแบบอย่างจากศิลปะชั้นสูงในสมัยกรีกและโรมัน นำ มาส ร้างสรรค์รวมไปถึงงานสถาปัตยกรรม การก่อสร้าง ซึ่งในภาพรวมอาคารจะมีประตูหน้าต่างเพิ่มมากยิ่งขึ้น ประดับตกแต่งภายในด้วยภาพจิตรกรรมและประติมากรรมที่ดูหรูหรา สง่างาม เช่น สถาปัตยกรรมที่เป็นที่รู้จัก คือ มหาวิหารเซนจ์ปีเตอร์ (St.Peter) ในกรุงโรม เป็นสถานที่สำ คัญ เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกาย โรมันคาทอลิก ได้รับการออกแบบจากศิลปินหลายๆท่านที่ลงมือออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างเอง เช่น โดนาโด บรามันโด (Donato Bramante) ราฟาเอล (Raphel) ไมเคิล แองเจลโล (Michel Angelo) และ โจวันนิ เบอร์นินี (Giovanni Bernini) ๑๑
บรรณานุกรม https://goterrestrial.com/2020/09/10/renaissance-art/ http://renaissancecaution.blogspot.com/2012/09/renaissance.html https://becommon.co/culture/italian-renaissance-exhibition/ https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/historyofart/yukh-klang-middle-age/silpa-rex-nesxng-s-renaissance https://entertainment.trueid.net/detail/2oA2ELGJXAgD http://realmetro.com/10-famous-renaissance-paintings/ ๑๒