The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อธิบายประวัติ แนวคิดของนักคิดหลายๆท่านนำมาเรียนรู้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Orawan Mahawan, 2023-02-28 01:36:01

Mapping ทฤษฎีสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา

อธิบายประวัติ แนวคิดของนักคิดหลายๆท่านนำมาเรียนรู้

ค ำน ำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) นี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาทฤษฎีและวิธีวิทยาทางสังคมวิทยา จัดท าขึ้น เพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษาแนวคิดทฤษฎีสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา และเข้าใจถึงแนวคิดสมัยใหม่ รายงานเล่มนี้มีเนื้อหา เกี่ยวกับ แนวคิดวิวัฒนาการ แนวคิดโครงสร้างกับกลุ่มระบบสังคม เป็นต้น ผู้อ่านสามารถน าไปศึกษาค้นคว้าให้เป็น ประโยชน์ และน าไปประยุกต์ใช้ได้ ผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดท าเอกสารฉบับนี้จะเป็นโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษา แนวคิดทฤษฎีวิทยาและ มานุษยวิทยา ต่อผู้ศึกษาไม่มากก็น้อย ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใดทางคณะผ็จัดท าต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย ก


สำรบัญ หน้า ค าน า ก สารบัญ ข บทน าสังคมวิทยา 1 - 3 กลุ่มทฤษฎีวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม 4 - 8 กลุ่มทฤษฎีโครงสร้าง -หน้าที่นิยม 9 -10 ทฤษฎีKarl Marx 11 -12 กลุ่มทฤษฎีแมกซ์เวเบอร์ 13 -15 กลุ่มการปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ 16 -17 ภาวะหลังสมัยใหม่ (Posmodern ) 18 -19 กลุ่มทฤษฎีนีโอมาร์ก 20 -21 ทฤษฎีและวิธีการของ คลิฟฟอร์ด เกียร์ซ 22 -24 ข


บทน ำสังคมวิทยำ 1


นักคิด Auguste Comte Emile Durkheim Max Weber Karl Marx แนวคิด Auguste Comte (1798 – 1857) วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งมีระเบียบ และมีเหตุผลแน่นอน และเสนอว่าควร จะศึกษาสังคมในรูปของวิทยาศาสตร์สังคม Emile Durkheim (1858 – 1917) ควำมเป็นปรึกแผน่ (solidarity) ของสังคมมี 2 แบบ คือ ความเป็นปรึกแผ่นแบบกลไก (Mechanical solidarity) เกิดขึ้นในสังคมแบบดั้งเดิมทมีโครงสร้างทางสังคมแบบง่าย ๆ ไม่สลับซับซ้อน ความเป็นปรึกแผ่นแบบอนิทรีย์(Organicsolidarity) เกิดขึ้นในสังคมสมัยใหม่ที่มีโครงสร้างท างสังคมแบบซับซ้อนเกิดขึ้นในสังคมสมัยใหม่ที่มีโครงสร้างทางสังคมแบบซับซ้อน Max Weber (1864 – 1920) และ Karl Marx (1818 – 1883) สนใจสังคมทุนนิยมเสนอทฤษฎีพื้นฐานท่ีเป็นแนวคิดหลักของสังคม วิทยาสมัยใหม่ เช่น ความสัมพันธ์การ ผลิตการจัดองค์กรราชการแบบเป็นเหตุเป็นผล บทน ำสังคมวิทยำ 2


ขอเสนอต่อการอธิบายสังคม ปฏิรูปสังคมโดยใช้เหตุผลท้าทายประเพณีนิยมสนับสนุนการสร้างความรู้ให้ก้าวหน้าโดยผลวิธีทางวิทยาศาสตร์ (ตั้งค าถาม สมมติฐาน ทดลอง สรุป) “เชื่อว่าการใช้เหตุผุล สามารถน าไปสู่ความสว่างทางความคิด” ตัวอย่างวิเคราะห์สังคม การล่าแม่มด มักเกี่ยวข้องกับความแตกตื่นทางศีลธรรม หรืออุปาทานหมู่ เมื่อวิทยาศาสตร์เติบโตขึ้นในสังคมมนุษย์ เริ่มมีความคลายตัวลง ค าตอบทางวิทยาศาสตร์ได้เข้า มาแทนที่อ านาจมืดของแม่มด ท าให้ “การล่าแม่มด” นั้นหายไปจากโลกเริ่มมีความคลายตัวลง ค าตอบทางวิทยาศาสตร์ได้เข้ามาแทนที่อ านาจมืดของแม่มด ท าให้ “การ ล่าแม่มด” นั้นหายไปจากโลก 3


กลุ่มทฤษฎีวิวัฒนำกำร ทำงสังคมและวัฒนธรรม 4


พื้นฐานแนวคิด วัฒนธรรมทุกแห่งมีพัฒนาการเป็นเส้นตรง (unilineal evolution) ที่ผ่านกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เหมือนกัน เป้าหมายของการศึกษาวิวัฒนาการคือการค้นหาพบกฎเกณฑ์สากล (Universal law) มานุนักษยวิทยา เอ็ดเวิร์ด บี ไทเลอร์(Edward B. Tylor)/เจมส์เฟรเซอร์(James Frazer)/ลิวอิส เฮนรี่ มอร์แกน (Lewis Henry Morgan)/เฮนรี่ เมน (Henry Maine) ทฤษฎีวิวัฒนาการทางชีวิทยา ของ ชาร์ล ดาร์วิน แนวคิด “ความอยู่รอดของผู้เข้มแข็ง” (survival of the fittest) :สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้นจึงจะอยู่รอดและสืบลูกหลานต่อไปส่วนสัตว์ที่อ่อนแอกว่าจะกว่าจะถูกท าลาย ตัอย่ำวง แนวคิดของนักคิด เอ็ดเวิร์ด บี ไทเลอร์(Edward B. Tylor) 1832-1917 - อธิบายวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม – เน้นพัฒนาการทางความเชื่อศาสนา - ความเชื่อศาสนาของมนุษย์มีพัฒนาเป็นเส้นตรง ความเชื่อในเรื่องภูตผีและวิญญาณ (animism) - (พัฒนาไปสู่)ความเชื่อในเทพเจ้าหลายองค์(polytheism) - ความเชื่อในเทพองค์เดียว (monotheism) พื้นฐานแนวคิด กลุ่มทฤษฎีวิวัฒนำกำรทำงสังคมและวัฒนธรรม 5


• วัฒนธรรมทุกแห่งมีพัฒนาการเป็นเส้นตรง (unilineal evolution) ที่ผ่านกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เหมือนกัน เป้าหมายของการศึกษาวิวัฒนาการคือการค้นหาพบ กฎเกณฑ์สากล (Universal law) • แนวคิด “ความอยู่รอดของผู้เข้มแข็ง” (survival of the fittest) :สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้นจึงจะอยู่รอดและสืบลูกหลานต่อไปส่วนสัตว์ที่อ่อนแอกว่าจะกว่าจะถูกท าลาย • ยกตัวอย่ำงมำ 2 แนวคิดของนักคิดแต่ละคน • เอ็ดเวิร์ด บี ไทเลอร์(Edward B. Tylor) 1832-1917 • - อธิบายวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม • - เน้นพัฒนาการทางความเชื่อศาสนา • - ความเชื่อศาสนาของมนุษย์มีพัฒนาเป็นเส้นตรง ความเชื่อในเรื่องภูตผีและวิญญาณ (animism) • - (พัฒนาไปสู่)ความเชื่อในเทพเจ้าหลายองค์(polytheism) • - ความเชื่อในเทพองค์เดียว (monotheism) ขั้นตอนของวิวัฒนำกำรทำงสังคมออกเป็น 3 ขั้นตอน เอดเวิร์ด บี ไทเลอร์ ยุคคนป่า (savagery) ยุคที่เพศชายท าหน้าที่ ล่าสัตว์ และหาพีชผักผลไม้เป็นอาหาร ยุคอนารยชน (barbarism) เป็นยุคที่มีการใช้โลหะท าเป็นเครื่องมือต่างๆ สังคมระบบทาส ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคน ยุคอารยธรรม (civilization) เป็นยุคที่มนุษย์รู้จักการประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรง มีการใช้ตัวอักษรในการสื่อความหมาย สังคมเปลี่ยนจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม 6


ลิวอิส เฮนรี มอร์แกน (Lewis Henry Morgan) นักมานุษยวิทยาคนแรกที่วิจัยภาคสนาม โดยการศึกษาชาวอินเดียนเผ่าอิราควอย์ มอร์แกน ได้น าเทคโนโลยีการผลิตมาแบ่งขั้นวิวัฒนาการสังคมและวัฒนธรรม ออกเป็น 7 ขั้นตอน ขั้นที่1Lower status of savagery: มนุษย์ยุคนี้ เก็บหารากไม้ ผลไม้และพืชผักต่างๆเป็น อาหาร ขั้นที่ 2 Middle status of savagery: มนุษย์รู้จักหาปลา ใช้ไฟ ขั้นที่ 3 Upper status of savagery: มนุษย์รู้จักเครื่องมือล่าสัตว์ เช่น หอก ธนู ขั้นที่ 4 Lower status of barbarism: มนุษย์ประดิษฐ์ภาชนะดินเผา ขั้นที่ 5 Middle status of barbarism: มนุษย์รู้จักเลี้ยงสัตว์ เริ่มการเพาะปลูกคิดค้นเขื่อน และการควบคุมน้ า ขั้นที่ 6 Upper status of barbarism: มนุษย์สามารถหลอมโลหะ ประดิษฐ์เครื่องมือเหล็ก ขั้นที่ 7 Status of civilization: มนุษย์รู้จักใช้ตัวอักษรและตัวหนังสือ ทฤษฎีวิวัฒนาการสายใหม่ แนวคิดมานุษยวิทยาในศตวรรษที่ 19 (ค.ศ. 1940) เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ น าทฤษฎีวิวัฒนาการมาปรับปรุงใหม่ เพิ่มคาอธิบายให้เห็นแต่ละขั้นวิวัฒนาการมีการเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรม แนวคิดมานุษยวิทยา:ที่มองมนุษย์กับธรรมชาตินั้นสัมพันธ์โดยมีวัฒนธรรมเป็น เครื่องมือในการปรับตัว เน้นอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมว่าเป็นตัวก าหนดกระบวนการวิวัฒนาการทางสังคม วัฒนธรรม(สิ่งแวดล้อมเป็นก าหนดการเปลี่ยนแปลง) จูเลียน สตวล (Julian Steward) วิวัฒนำกำรหลำยสำย (Multi-linear) - การปรับตัวของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมด้วยใช้วัฒนธรรม - มนุษย์สร้างวัฒนธรรมให้ตนอยู่รอดได้ ขึ้นการปรับกับสภาพแวดล้อมนั้น - วิวัฒนาการหลายสายมีวิวัฒนาการแบบหลายสาย (multi-linear) จูเลียน สตวล (Julian Steward) การศึกษา เป็นการศึกษากระบวนการปรับตัวของสังคมภายใต้อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม เน้นการศึกษาวิวัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากการปรับตัวของสังคม แนวคิด มองสังคมมีลักษณะพลวัตหรือเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงเป็นผลของการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม 7


วิวัฒนำกำรแบบหลำยสำย (Multi-linear) การเปลี่ยนแปลงทางสังคม น่าจะมีวิวัฒนาการแบบหลายสาย (Multi-linear) สังคมมีจุดก าเนิดที่แตกต่างกัน มีรูปแบบของสังคมที่แตกต่างกัน สังคมที่มีรูปแบบที่เหมือนกันแต่อาจจะมีสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันก็เป็นได้ ความสัมพันธ์ระหว่าง วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม มีความใกล้ชิดและส่งผลกระทบซึ่งกันและกันอย่างแยกไม่ออก วิวัฒนาการสากล แนวคิดแบบวิวัฒนาการสากล วัฒนธรรมจะพัฒนาสูงขึ้นเมื่อมนุษย์สามารถใช้เทคโนโลยีควบคุมและน าพลังงานมาใช้ประโยชน์มากขึ้น และมนุษย์สามารถประดิษฐ์ คิดค้นเครื่องมือเครื่องใช้ที่ก้าวหน้าขึ้น เช่น สังคมอุตสาหกรรม วัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการต่ า คือวัฒนธรรมที่มีวิธีการผลิตแบบใช้แรงงานคน สังคมจะมีวิวัฒนาการสูงต่ า ขึ้นอยู่กับจ านวนพลังงานที่สามารถน ามาใช้ เลสลี ไวต์(Leslie White) วิวัฒนาการสากล (Universal evolution) มานุษยวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์:จึงค้นหากฎเกณฑ์หรือทฤษฎีสากล เพื่อน ามาใช้อธิบายวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมของกลุ่มชนต่างในโลก 8


กลุ่มทฤษฎี โครงสร้ำง-หน้ำที่นิยม 9


Edward B Tylor กำรพัฒนำ ยุคคนป่า ล่าสัตว์ ยุคอารยชน รู้จักการใช้โลหะ มีทาส ยุคอารยธรรม ประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรงต่างๆ แนวคิด เชื่อว่ายุโรปคือมาตรฐานความเจริญ วิวัฒนาการเป็นขั้นบันได James Frazer แนวคิด ประยุกต์แนวคิดของ Tylor ศึกษาชาวอินเดียน ขั้นตอนวิวัฒนาการมีปัจจัยส าคัญคือเทคโนโลยีเพื่อการผลิตในการ ยังชีพ การวิวัฒนาการมีอยู่ 7 ขั้นตอน หารากไม้ผลไม้เป็นอาหาร มนุษย์รู้จักหาปลาและใช้ไฟ รู้จักเครื่องมือล่าสัตว์ ใช้ภาชนะดินเผา รู้จักการเลี้ยงสัตว์ รู้จักการใช้ตัวอักษรและตัวหนังสือ สามารถหลอมโลหะได้ Fran Boas 1851-1942 ให้แนวคิด ประวัติศาสตร์เฉพาะกรณี เขากล่าวว่ามนุษย์พัฒนาต่างกันแต่ละคนแต่ละ สังคมก็ต้องมีความต่างกันจะเอาชาวยุโรปมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้ โดยเขาไปศึกษาและใช้ชีวิตร่วมกับชาวเอสกีโม วิวัฒนำกำรสมัยใหม่ Harris วิวัฒนาการของมนุษย์นั้นได้รับมาจากอิทธิพลและสภาพแวดล้อมที่เป็นไปต่อ การปรับตัวของวัฒนธรรมเช่น อิสลามไม่กินหมูเพราะหมูเลี้ยงยากและไม่ทนแล้ง ชาวฮินดูไม่วัวมีประโยชน์ทุกส่วนถ้ากินไปเดี๋ยวจะสูญพันธุ์ Julian Steward เสนอแนวคิดวิวัฒนาการไร้สายกินวัวเพราะ โดยใช้วัฒนธรรมสร้างวัฒนธรรมให้อยู่รอด วิวัฒนาการของแต่ละสายนั้นมีความ ต่างกัน Leslie White ใช้แนวคิดวิวัฒนาการสากล คือ การใช้เทคโนโลยีท าให้ชีวิตดีขึ้นเช่น เทคโนโลยีในการท านาโดยใช้เครื่องจักร กลุ่มทฤษฎีโครงสร้ำง-หน้ำที่นิยม 10


ทฤษฎีKarl Marx 11


Karl Marx แนวคิด ประวัติศาสตร์ของสังคมมนุษย์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ระหว่างผู้กดขี่และผู้ถูกกดขี่ ประวัติศาสตร์พัฒนาการทางสังคมของมาร์ค พัฒนาการทางสังคมมี 4 แบบตามวิถีการผลิต 1.Asiatic 2. Ancient 3. Feudal 4. Capital โครงสร้างทางสังคมแบ่งเป็นสองส่วนคือส่วนบนและส่วนล่าง ส่วนบนประกอบไปด้วยความคิดปรัชญาค่านิยมอุดมการและกฎหมาย ส่วนล่างประกอบไปด้วยแรงงานเครื่องมือการผลิตทุน การก่อเกิดชนชั้นยุคทุนนิยม นายทุนผลิตเพื่อก าไร กรรมาชีพผลิตเพื่อยังชีพ พฤติกรรมทางสังคมยุคทุนนิยม ภาวะแปลกแยกคือการที่แรงงานรู้สึกแปลกแยกจากวัตถุที่ตนผลิตโดยไม่รู้สึกว่าตนได้ใช้ประโยชน์ จากสิ่งนั้น ภาวะหลงใหลบูชาสิ่งที่ตนเองสร้างขึ้นมีอยู่สองแบบ 1.นายทุนหลงมัวเมาในทุน 2.แรงงานมัวเมาในสินค้า จิตส านึกทางชนชั้น เช่นแรงงานถูกนายทุนเอาเปรียบจึงเกิดการส านึกทางชนชั้นปฏิวัตินายทุนเพื่อเปลี่ยนแปลงไม่ให้ตน โดนเอาเปรียบ ยกตัวอย่างเหตุการณ์อธิบายสังคม คนงานในนิคมแห่งหนึ่งออกมาประท้วงเพื่อให้ได้เงินโอทีหลังจากการท างานล่วงเวลางานโดยสุดท้าย เจ้าของโรงงานก็ยอมให้โอทีพนักงานที่ท างานล่วงเวลาตามความเหมาะสมแก่การควรที่จะได้ ทฤษฎีKarl Marx 12


กลุ่มทฤษฎี แมกซ์เวเบอร์ 13


กำรกระท ำทำงสังคม (SOCIAL ACTION) 1.การกระท าอย่างมีเหตุผลเพื่อบรรลุเป้าหมาย(goal) เช่นวิศวกรสร้างสะพาน(สะพานมีประโยชน์ต่อสังคมหรือสร้างสะพานแล้วได้เงินหรือแสดงศักยภาพของวิศวกร) 2.การกระทาอย่างมีเหตุผลเพื่อบรรลุค่านิยม(value) เช่น การปฏิบัติตามศาสนา (ค่านิยมบอกว่าการปฏิบัติธรรมเป็นคนดีถ้าเราท าได้ประโยชน์คือเป็นคนดีเราจึงท าให้บรรลุค่านิยม) 3.การกระท าอย่างไม่เหตุผลแต่เกิดจากอารมณ์(affective) เช่นทะเลาะเบาะแว้งตบหัวเพื่อน 4.การกระท าที่เป็นไปตามประเพณี(tradition) เช่นการประกอบพิธีกรรม ควำมสัมพันธ์ทำงสังคมตำมตัวแบบในอุดมคติ (IDEA TYPE) แบบที่1 แบบแผนกระท าที่มีรากฐานมาจากรณีเฉพาะทางประวัติศาสตร์ เป็นแบบแผนที่สามารถดึงได้มาจากบรรทัดฐานทางสังคม สมัยใดสมัยหนึ่งในอดีต แบบที่2 แบบแผนการกระท าของมนษุย์ที่ประมวลขึ้นจากข้อเท็จจริงทางสังคมในประวัติศาสตร์ แบบที่3 แบบแผนการกระท าทางสังคมที่แสดงความเป็นเหตุเป็นผล มุ่งแสดงพฤติกรรมที่มีเหตุผลก ากับ หรือ “การกระท าทางสังคม” ทฤษฎีการแลกเปลี่ยนทางสังคม เฟรดริก บารท อธิบายพฤติกรรมมนุษย์ในเชิงกระบวนการ มนุษย์จะตัดสินใจท าสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตักตวงประโยชน์ให้มากที่สุด กฎระเบียบและข้อบังคับ เป็นเพียงทางเลือก มนุษย์จะตัดสินใจว่าเขาก าลังจะท า อย่างไร ในสถานการณ์หนึ่ง จากตีความบรรทัดฐาน การตัดสินใจนั ้นก่อเกิดการวางแผนและพฤติกรรมขึ ้นมา ทฤษฎีแมกซ์เวเบอร์ 14


มำร์เซล มอสล์ เสนอว่าการแลกเปลี่ยนสินค้ากระท าในรูปแบบ “ของขวัญ” การให้ของขวัญเป็นการกระท าท่ีพันธสัญญาผูกมัด คือ ผู้ให้ผู้รับจะต้องท าข้อมูลผูกมัดที่ต่อกัน หรืออยู่ภายใต้แบบแผนการแลกเปลี่ยนคือการตอบแทนผลประโยชน์ร่วมกัน ช่วงชั้น(STRATA) • แมกซ์เวเบอร์ และ คารล์มากซ์สังคมมีความแตกต่างในการจัดระดับชนชั้นภายใน สังคม • คารล์มากซ์: ปัจจัยทางเศรษฐกิจ (การเป็นเจ้าของทุน)คือ ปัจจัยในการแบ่ง “ชนชั้น” เช่น ชนชั้นนายทุน และชนชั้นแรงงาน • แมกซ์เวเบอร์ ปัจจัยทางสังคม คือ ปัจจัยในการแบ่ง “ช่วงชั้น” • ช่วงชั้น คือ กลุ่มคนที่มีความคิด การมองโลกและวิถีชีวิตเฉพาะตน ซึ่งบางครั้งอาจขัดแย้ง และบางครั้งอาจยอมรับซึ่งกันและกัน 15


กลุ่มกำรปฏิสัมพันธ์ เชิงสัญลักษณ์ 16


แนวคิด : George Herbert Mead : I + Me = Self พัฒนาตัวตน จากการปฏิสัมพันธ์ การสวมบทบาท จากการเล่น และเรียนรู้ผ่านภาษา ที่สัญลักษณ์ ถ่ายทอดกฏเกณฑ์สังคม ให้ ตัวตนอิสรภาพของปัจเจก ปะทะ I +me=self มนุษย์ต่างจากสัตว์ มนุษย์มีปฏิสัมพันธ์ ดังนั้น เพื่อค้นหาการสร้างตัวตน กลุ่มทฤษฎีจึงสนใจปฏิสัมพันธ์ ของมนุษย์ โดยเฉพาะ “การโต้ตอบ” เฮอร์เบิร์ต บลูมเมอร์ลูกศิษย์ก็น าแนวคิดของเขาพัฒนาเป็นแนวคิดปฎิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ Erving Goffman : การวิเคราะห์เชิงละคร “ คนทุกคนมีการกระท าทางสังคมต่อผู้อื่นด้วยการเล่นละครให้ผู้อื่นดู” (การกระท าทางสังคม ที่เราพูดโต้ตอบกันใน ชีวิตประจ าวันนั้น เปรียบเสมือนการเล่นละครน าเสนอให้ต่างคนได้ชม) ชำร์ลล์คูลลี่ย์: “ตัวตนที่เห็นจากกระจกเงา” นักคิด : ส านักชิคาโก 1891 จอร์ช เฮอร์เบิร์ต มี้ด George Herbert Mead เฮอร์เบิร์ต บลูมเมอร์Herbert Blumer เออร์วิ่ง ก้อฟมั่น Erving Goffman:1922-1982 ชาร์ลล์คูลลี่ย์ นักสังคมวิทยาคลาสิก ศตวรรษที่ 19 ศตวรรษที่ 20 ยุคหลังสังคมอุตสาหกรรม EX.วิเครำะห์สังคม : มนุษย์มีความคิดและปฏิสัมพันธ์ จึงสื่อสารด้วยสัญลักษณ์หรือสื่อแทนเพื่อให้ง่ายต่อ การเข้าใจ เช่น ทางข้ามม้าลาย เป็นสัญลักษณ์ให้เพื่อให้รถหยุดและให้คนข้าม คนข้ามก็จะโต้ตอบด้วยการ ขอบคุณ แต่ถ้าเราไม่หยุดรถแล้วมีคนข้ามพอดีแล้วชน ก็จะเป็นกระจกสะท้อนว่าตัวเราเห็นแก่ตัว ไม่ท า ตามระเบียบข้อบังคับของสังคม ข้อเสนอต่อกำรอธิบำยสังคม : การใช้การการสื่อสารด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ควรให้ความรู้แก่ทุกคนให้รู้เท่า เทียมเพื่อความยุติธรรม เท่าเทียม และ เพื่อให้ไม่เกิดข้ออ้างว่าไม่รู้ความหมายหรือสิ่งที่ต้องการจะสื่อจาก สัญลักษณ์ กลุ่มกำรปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ 17


ภำวะหลังสมัยใหม่ (Posmodern) 18


กำรท ำควำมเข้ำใจต่อท ำควำมเข้ำใจกับภำวะหลังสมัยใหม่ (Postmodern) Postmodern - โพสต์โมเดิร์น เกิดจากความอิ่มตัวของโมเดิร์นในท่ามกลางความเป็นโมเดิร์น - เป็นการกลายพันธุ์ของโมเดิร์นเองส่วนหนึ่งเช่น กรณีของสภาวะสังคม - การจงใจวิพากษ์ต่อความเป็นโมเดิร์น เช่น แนวศิลปะ และวิชาการ แนวคิดแบบโมเดิร์น - เป็นสภาพสร้างที่สมบูรณ์ที่สมบูรณ์ครบวงจร (โครงสร้างสังคม แนวคิดการปกครองเชิงอุดมคติ) - มนุษย์เป็นต้นก าเนิดของการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เป้าหมายก็คือ ประโยชน์สุขของตัวมนุษย์เอง มันเป็นภาพที่สวยสดงดงาม จุดอิ่มตัวแนวคิดแบบสมัยใหม่ - พอมาถึงจุดหนึ่ง แนวคิดแบบสมัยใหม่ก็ต้องถึงจุดอิ่มตัว - โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อถูกทดสอบกับข้อเท็จจริง อย่างเช่น สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือการเข่นฆ่า ล้างเผ่าพันธุ์ (วิทยาศาสตร์เป็นเครื่องเข็นฆ่า การแบ่งขั้วทางการเมือง) กำรอิ่มตัว Modern จึงน ำไปสู่กำรพัฒนำเป็น Postmodern - โพสต์โมเดิร์นนั้นเกิดจากความอิ่มตัวของโมเดิร์นในท่ามกลางความเป็นโม เดิร์น - เป็นการกลายพันธุ์ของโมเดิร์นเองส่วนหนึ่งเช่น กรณีของสภาวะสังคม -การจงใจวิพากษ์ต่อความเป็นโมเดิร์น เช่น แนวศิลปะ และวิชาการ Postmodern หลังสมัยใหม่ มี 3 เรื่อง - สภาพสังคม สังคมที่มี สภาวะหลังสมัยใหม่ (postmodern condition หรือ postmodernity) - สกุลทางศิลปะ แนวทางศิลปะวรรณกรรม หรือ ศิลปะแบบหลังสมัย - แนะแนววิชาการ แนวคิดทางวิชาการด้านสังคมศาสตร์และมนุษย์ ศาสตร์คือแนวคิด คิดหลัง สมัยใหม่นิยม (Postmodernism) หรือ “แนวหลังโครงสร้างนิยม” (Post-structuralism) นักคิดคนส ำคัญ Auguste Comte (1798 – 1857) Emile Durkheim (1858 – 1917) Max Weber (1864 – 1920) Karl Marx (1818 – 1883) George Herbert Mead Charles Horton Cooley ภำวะหลังสมัยใหม่(Posmodern) 19


กลุ่มทฤษฎีนีโอมำร์กซ์ 20


กลุ่มทฤษฎีนีโอมำร์กซ์ นักคิด : Neo-Marxian มาร์กซีสต์แนวใหม่ -แนวเฮเกลนักคิดที่ส าคัญ ได้แก่ จอร์จ ลูแคส (1885-1971) ชาวฮังกาเลี่ยน แอนโตนิโอ แกรมชี(1891- 1937) ชาวอิตาเลี่ยน -ส านักแฟรงเฟิร์ต ได้แก่ เฮอร์เบอร์ต มาคูส (1989-1979) ชาวเยอรมัน อะดอร์โน (1903-) ชาวเยอรมัน ฮาเบอร์มาส (1929-) ชาวเยอรมัน ดาเรนดอร์ฟ (1928-) ชาวเยอรมัน อัลทูแซร์(1918-1990) ชาวฝรั่งเศส แนวคิด : กลุ่มที่ 1 มีพื้นฐำนเดิม ขยำย น ำแนวคิดอื่นๆ ที่ไม่เห็นต่ำง มำปรับปรุงให้ เป็นระเบียบแบบแผนขึ้น กลุ่มที่ 2 น ำแนวคิดมำปรับปรุงให้สอดคล้องกับกำรเปลี่ยน ทำงสังคม กลุ่มลัทธินีโอมาร์กซีสต์และแนวคิดส าคัญ 1. ลัทธินีโอมำร์กซีสต์แนวมนุษยนิยม(humanism) แนวคิดส าคัญของลัทธินี้มุ่งที่มนุษย์แต่ละคน เป็นจุดหมาย ลัทธินี้ให้ความส าคัญในสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ 2. ลัทธินีโอมำร์กซีสต์แนวซ้ำยใหม่(New left) แนวคิดของลัทธินี้อาศัยแนวคิดมาร์กซีสต์มนุษย นิยมเป็นพื้นฐาน 3. ลัทธินีโอมำร์กซีสต์แนวเฮเกล ผนวกหลักวิภาษวิธีระหว่างแนวทางจิตวิสัยและวัตถุวิสัยของชีวิต ทางสังคมเข้าโดยกันเป็นการปูพื้นฐาน ส าหรับพัฒนาการของทฤษฎีเชิงวิจารณ์สมัยต่อมา ลูแคส:มี2แนวคิด 1.การสร้างตัวตนทางความคิด(reification) 2.ส านึกที่ผิดพลาดทางชนชั้น (False consciousness) แอนโตนิโอ แกรมชี:การครอบง าทางอุดมการณ์ , แนวคิดประชาสังคม (Civil Society) 4. ลัทธินีโอมำร์กซีสต์ส ำนักแฟรงเฟิร์ต แนวคิดเชิงวิพากษ์ (Critical theory) แนวคิดของลัท ประกอบขึ้นด้วยข้อวิพากษ์ด้านต่างๆ ของชีวิตทางสังคม โดยแนวคิดหลักนี้ให้ความสนใจ อย่าง เข้มข้นต่อโลกทางวัฒนธรรมว่าเป็นตัวที่ก าหนดการเปลี่ยนแปลงที่ส าคัญ กลุ่มทฤษฎีนีโอมำร์กซ์ 21


ทฤษฎีและวิธีกำรของ คลิฟฟอร์ด เกียร์ซ วัฒนธรรมคือควำมหมำย 22


ทฤษฎีและวิธีการของคลิฟฟอร์ด เกียร์ซ(1926-2006) ทฤษฎีวัฒนธรรมและควำมหมำย ได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดของ Max Webber ดังนั้นคลิฟฟอร์ดเกียร์ซ จึงสนใจศึกษาวัฒนธรรม เพรำะเชื่อว่ำจะสำมำรถเข้ำใจมนุษย์ได้ จำกสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้สร้ำงผ่ำนกำรให้ควำมหมำยและสถำปนำให้วัฒนธรรมเป็นรูปธรรม ผ่ำนสัญลักษณ์ วัฒนธรรม คือ ความหมาย ดังนั้น วัฒนธรรมจึงเป็นเรื่องของการสื่อความหมายในการสื่อแนวความคิดผ่านสัญลักษณ์ ฉะนั้นเพื่อให้เข้าใจวัฒนธรรมจึงเสนอให้ตีความสัญลักษณ์ว่ามี ความหมายใดซ่อนอยู่ กำรตีควำมหมำยวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ สัญลักษณ์ คืออะไรก็ตาม การกระท า เหตุการณ์ คุณลักษณะความสัมพันธ์ ที่ใช้เป็นสื่อแทนแนวความคิด(Conception) แนวคิด=ความหมายของสัญลักษณ์ เพราะแนวคิดของความหมายเป็นนามธรรมสัมผัสไม่ได้ จึงต้องสื่อผ่านสัญลักษณ์แสดงเป็นรูปนามธรรมของความคิด เช่น ไม้กางเขน/ค าว่า หลวง นายหลวง วัดหลวง วังหลวง ทฤษฎีและวิธีกำรของ คลิฟฟอร์ด เกียร์ซ 23


กำรวิเครำะห์กำรตีควำมหมำยวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ -วัฒนธรรมคือโครงสราีงความหมายของสัญลักษณ์ที่มีความหมายซอ้นอย่ี อย่างซับซ้อน ดังนั้น=ต้องดึงความหมายซับซ้อนมาตีความ“บรรยายที่ละเอียดและลุ่มลึก” จะแจ้งความหมาย อันนัยยะของการกระท านักมานุษยวิทยาต้องลงภาคสนามเพื่อเข้าใจโลกทศันข์องกลุ่มเป้าหมาย เช่น กรณี การชนไก่ วิธีกำรตีควำมหมำย วิธีการตีความหมายมี 2 วิธี (ที่ใช้ร่วมกัน ) -วิธีแรก คือ การบรรยายรูปแบบสัญลักษณให้ชัดเจน -วิธีที่สอง คือการตีความรูปแบบนนั้นในบริบทโครงสราีงของความหมายของสัญลักษณเีป็นตัวประกอบ เช่นสัญลักษณ์ใน รัฐละคร ตัวอย่ำง รัฐนำฏกรรมบำหลี คือพิธีกรรมความตายของพระราชินี แห่งเมืองกะลุงกรุง ได้เสียชีวิตลง โดยภายในงานก็ได้ตกแต่ง ท า พิธีทางศาสนา โดยจะจัดตามวัฒนธรรม เอกลักษณ์และมีสัญลักษณ์ นั้นก็คือ ภายในบาเด สร้างถึง 11ชั้น ตาม สูงต่ าตามวรรณะผู้วายชน หรือเชื้อสายของราชวงศ์ ซึ่งสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงชน ชั้นได้ชัดเจน นั้นคือ พระศพจะถูกเก็บไว้ที่วัวที่สร้างขึ้นมา โดยสีด า=เชื้อพระวงศ์(พระราชา) สีขาว= พราหมณ์ สีแดง=คน ทั่วไป และทุกคนจะไม่ความโศกเศร้าแสดงให้เหันเพราะเชื่อว่าจะจะไป รบกวนและฉุดรั ้งวิญญาณไม่ให้จากไป 24


นายพงศธร เพ็งบุญ 65204210 คณาพงษ์รัตนาวงค์65206481 นางสาวชญานิศ มณีขัติย์65206649 นางสาวฐิติกุล ทาผัด 65203758 นางสาวอวรรณ มหาวรรณ 65204265


Click to View FlipBook Version