แผนการจัด จั การเรีย รี นรูั รายวิช วิ าเคมี ( ว 32203) หน่วยการเรียนรู้ แก๊สและสมบัีติของแก๊ส ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ครูปิยะอนงค์ นิศาวัฒ วั นานันท์ โรงเรีย รี นกีฬกี านครนนท์วิ ท์ ท วิ ยา 6
1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว33203 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและความดันของแก๊ส เวลาเรียน 2 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ อธิบายความสัมพันธ์และคำนวณปริมาตร ความดัน หรืออุณหภูมิของแก๊สที่ภาวะต่างๆ ตามกฎของ บอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์ลูสแซก 3) สาระสำคัญ กฎต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของแก๊ส ได้แก่ กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎรวมแก๊ส และกฎแก๊ส อุดมคติ 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและความดันของแก๊สตามกฏของบอยล์(K) 2. คำนวณปริมาตรหรือความดันโดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎของบอยล์(P) 3. มีความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ(A) 5) สาระการเรียนรู้ เมื่ออุณหภูมิและมวลของแก๊สคงที่ ปริมาตรของแก๊สจะแปรผกผันกับความดัน ตามกฎของบอยล์ เมื่อมวลและความดันของแก๊สคงที่ ปริมาตรของแก๊สจะแปรผันตรงกับอุณหภูมิเคลวิน ตามกฎของชาร์ล
2 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูให้นักเรียนพิจารณารูป 7.1 และเปรียบเทียบสมบัติของสารในสถานะแก๊สที่แตกต่างจาก สถานะอื่น เช่น ระยะห่างระหว่างอนุภาค ปริมาตร ความหนาแน่น จากนั้นอธิบายว่า อนุภาคของแก๊สมีแรง ยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อย และเคลื่อนที่ได้เป�นอิสระจึงมีปริมาตรเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ 2) ครูอธิบายการเกิดความดันของแก๊สในลูกโป่ง โดยใช้รูป 7.2 และหน่วยต่าง ๆ ของความดัน รวมทั้งอุปกรณ์สำาหรับวัดความดันของแก๊ส ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน 3) ครูใช้คำถามนำเข้าสู่กิจกรรม 7.1 ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและความดันของแก๊ส เป�นอย่างไร และถ้าต้องการศึกษาความสัมพันธ์นี้จะทำได้อย่างไร 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม 7.1 การทดลองศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความดันและปริมาตร ของอากาศ แล้วให้นักเรียนอภิปรายผลการทดลองโดยใช้คำถามท้ายการทดลอง 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) นักเรียนร่วมกันอภิปรายกิจกรรม 7.1 จนได้ข้อสรุปว่า ที่อุณหภูมิและจำนวนโมลของอากาศ คงที่ เมื่อปริมาตรของอากาศลดลง ความดันของอากาศจะเพิ่มขึ้น และเมื่อปริมาตรของอากาศเพิ่มขึ้น ความ ดันของอากาศจะลดลง 2) ครูให้นักเรียนศึกษาการทดลองของรอเบิร์ต บอยล์ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน แล้วให้ นักเรียนระบุตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุมในการทดลองของบอยล์ เพื่อให้ได้คำาตอบว่า ตัวแปรต้น คือ ความดันของแก๊ส ตัวแปรตาม คือ ปริมาตรของแก๊ส และตัวแปรควบคุม คือ อุณหภูมิ และจำนวนโมลของแก๊ส 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูใช้คำาถามว่า บอยล์หาความดันของแก๊สที่อยู่ในหลอดแก้วด้านปลายป�ดได้อย่างไร ซึ่งควร ได้คำตอบว่า บอยล์หาความดันของแก๊สที่อยู่ในหลอดแก้วด้านปลายป�ดจากผลต่างของ ความสูงของระดับ ปรอทในหลอดแก้วด้านปลายป�ดและเป�ดบวกกับความดันบรรยากาศ (Pgas = Patm + ผลต่างความสูงของ ปรอท) 2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทดลองของบอยล์ในตาราง 7.1 และกราฟความ สัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและความดันในรูป 7.4 เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า เมื่ออุณหภูมิและจำนวนโมลของ แก๊สคงที่ ปริมาตรจะแปรผกผันกับความดัน จากนั้นครูเขียนสมการทางคณิตศาสตร์แสดงความสัมพันธ์ตามกฏของ บอยล์ 3) ครูอธิบายวิธีการคำนวณปริมาตรและความดันของแก๊ส โดยใช้ตัวอย่าง 1 และ 2
3 6. ขั้นประเมินผล 1) ให้นักเรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจ ตัวอย่าง บรรจุแก๊สชนิดหนึ่งปริมาตร 20 ลูกบาศก์เซนติเมตรในกระบอกฉีดยาที่ความดัน 1 บรรยากาศ ถ้าป�ดปลายกระบอกฉีดยาไว้แล้วกดก้านหลอดฉีดยาจนปริมาตรของแก๊ส เหลือเพียง 5 ลูกบาศก์เซนติเมตร ความดันในกระบอกฉีดยาจะเป�นเท่าใด วิธีทำ จากโจทย์ P1 = 1 atm V1 = 20 cm3 P2 = ? atm V2 = 5 cm3 จากกฎของบอยล์ P1V1 = P2V2 แทนค่าในสมการ 1 atm × 20 cm3 = P2 × 5 cm3 P2 = 1 atm × 20 cm3 5 cm3 = 4 atm 7) สื่อการเรียนรู้ - อุปกรณ์สำหรับกิจกรรม 7.1 การทดลองศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความดันและ ปริมาตรของอากาศ - http://www.kr.ac.th/tech/detchm48/b05.html - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาตรและความดันของแก๊สตาม กฏของบอยล์(K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. คำนวณปริมาตรหรือความดัน โดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎของ บอยล์(P) ประเมินการทำใบ กิจกรรม ใบกิจกรรม นักเรียนสามารถตอบ คำถามได้ถูกต้องผ่าน เกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
4 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ....................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
5 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว33203 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและอุณหภูมิของแก๊ส เวลาเรียน 2 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ อธิบายความสัมพันธ์และคำนวณปริมาตร ความดัน หรืออุณหภูมิของแก๊สที่ภาวะต่างๆ ตามกฎของชาร์ล กฎของเกย์ลูสแซก 3) สาระสำคัญ กฎต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของแก๊ส ได้แก่ กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎรวมแก๊ส และกฎแก๊สอุดมคติ 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและความดันของแก๊สตามกฏของชาร์ล (K) 2. คำนวณปริมาตรหรือความดันโดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎของชาร์ล (P) 3. มีความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ(A) 5) สาระการเรียนรู้ กฎของชาร์ล มีสาระสำคัญ คือ เมื่อมวลและความดันของแก๊สคงที่ ปริมาตรของแก๊สจะแปรผันตรงกับ อุณหภูมิเคลวิน เขียนความสัมพันธ์ตามกฎของชาร์ลได้ดังนี้ V ∝ T (เมื่อมวลและความดันคงที่) V = k2 T
6 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1. ครูทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและความดันของแก๊ส ตามกฎของบอยล์ จากนั้น ใช้ คำถามว่า หากอุณหภูมิของแก๊สเปลี่ยนแปลง ปริมาตรของแก๊สจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร เพื่อนำเข้าสู่ กิจกรรม 7.2 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม 7.2 การทดลองศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและอุณหภูมิ ของอากาศ แล้วให้นักเรียนอภิปรายผลการทดลองโดยใช้คำถามท้ายการทดลอง 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ครูอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและอุณหภูมิของแก๊สที่ได้จากการศึกษาของ ชาก-อา แลกซองดร์-เซซา ชาร์ล ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน 2) จากนั้นให้นักเรียนศึกษากราฟ ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและอุณหภูมิของแก๊สโดยให้ นักเรียนทำกิจกรรม 7.3 แล้วให้นักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรม 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูอธิบายว่าอุณหภูมิที่จุดตัดแกน x ของกราฟสอดคล้องกับอุณหภูมิศูนย์สัมบูรณ์ (absolute zero) หรือ 0 เคลวิน (K) จากนั้นอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซียสและเคลวิน 2) ครูอธิบายว่า ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรกับอุณหภูมิในหน่วยเคลวิน เมื่อความดันและ จำนวนโมลของแก๊สคงที่ เรียกว่า กฎของชาร์ล 3) จากนั้นครูอธิบายรูปสมการที่ใช้ในการคำนวณปริมาตรหรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงระยะห่าง สองสภาวะ และยกตัวอย่างการคำนวณโดยใช้ตัวอย่าง 3 และ 4 ประกอบการอธิบาย 4) ครูให้นักเรียนตอบคำาถามชวนคิด 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ให้นักเรียนตอบคำาถามตรวจสอบความเข้าใจ ตัวอย่าง ที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส แก๊สไฮโดรเจนจำนวนหนึ่งมีปริมาตร 330 ลูกบาศก์ เซนติเมตร ถ้าอุณหภูมิลดลง 15 องศาเซลเซียสโดยควบคุมความดันให้คงที่ ปริมาตรของแก๊สไฮโดรเจนจะเป�น เท่าไร
7 จากโจทย์ V1 = 330 cm3 T1 = 40 ° C + 273 = 313 K V2 = ? cm3 T2 = 15 ° C + 273 = 288 K จากกฎของชาร์ล V1 = V2 T1 T2 แทนค่าในสมการ 330 cm3 = V2 313 K 288 K V2 = 330 cm3 × 288 K 313 K = 303.64 cm3 ปริมาตรของแก๊สไฮโดรเจนเท่ากับ 303.64 ลูกบาศก์เซนติเมตร 7) สื่อการเรียนรู้ - อุปกรณ์สำหรับกิจกรรม 7.2 การทดลองศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและ อุณหภูมิของอากาศ - อุปกรณ์สำหรับกิจกรรม 7.3 กราฟความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและอุณหภูมิของแก๊ส - http://www.kr.ac.th/tech/detchm48/b05.html - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน
8 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาตรและความดันของแก๊สตาม กฏของชาร์ล (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. คำนวณปริมาตรหรือความดัน โดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎของ ชาร์ล (P) ประเมินการทำใบ กิจกรรม ใบกิจกรรม นักเรียนสามารถตอบ คำถามได้ถูกต้องผ่าน เกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/
9 ....................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
10 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว33203 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างความดันและอุณหภูมิของแก๊ส เวลาเรียน 3 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ อธิบายความสัมพันธ์และคำนวณปริมาตร ความดัน หรืออุณหภูมิของแก๊สที่ภาวะต่างๆ ตามกฎของชาร์ล กฎของเกย์ลูสแซก 3) สาระสำคัญ กฎต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของแก๊ส ได้แก่ กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎรวมแก๊ส และกฎแก๊สอุดมคติ 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันและอุณหภูมิของแก๊ส (K) 2. คำนวณความดันหรืออุณหภูมิโดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎรวมแก๊ส (P) 3. มีความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A) 5) สาระการเรียนรู้ ความดันแปรผันตามอุณหภูมิในหน่วยเคลวินซึ่งความสัมพันธ์นี้เรียกว่า กฎของเกย-์ลสูแซก ผลคูณความดันและปริมาตร(PV) ในกราฟเป�นค่าแสดง PV ต่อโมล ดังนั้น ถ้าจำนวนโมลของแก๊สที่ใช้ ศึกษาเปลี่ยนไปสมการก็จะกลายเป�น เมื่อ n คือจำนวนโมลของแก๊ส
11 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูทบทวนกฎของบอยล์และกฎของชาร์ล จากนั้นให้นักเรียนพิจารณาข้อความที่ระบุบน กระป๋องสเปรย์ที่ห้ามวางใกล้เปลวไฟหรือที่มีอุณหภูมิสูงในรูป 7.5 2) จากนั้นครูใช้คำถามว่า ความดันภายในกระป๋องสเปรย์ก่อนระเบิดจะเป�นอย่างไร ซึ่งควรได้ คำตอบว่า ความดันของแก๊สในกระป๋องสเปรย์จะสูงมากก่อนระเบิด 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูให้นักเรียนพิจารณาข้อมูลในตาราง 7.2 และชี้ให้เห็นว่า อัตราส่วนระหว่างความดันกับ อุณหภูมิในหน่วยเคลวินเป�นค่าคงที่ แสดงว่า ความดันแปรผันตามอุณหภูมิในหน่วยเคลวินซึ่ง ความสัมพันธ์นี้ เรียกว่า กฎของเกย์ลูสแซก 2) จากนั้นครูอธิบายรูปสมการที่ใช้คำนวณความดันหรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงระหว่างสอง สภาวะและแสดงการคำนวณโดยใช้ตัวอย่างที่ 5 และ 6 3) ครูให้นักเรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ครูให้นักเรียนพิจารณาสมการตามกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล และกฎของเกย์-ลูสแซก จากนั้นครูให้นักเรียนรวมสมการทั้งสามโดยจำนวนโมลของแก๊สคงที่และนำเสนอสมการรวมที่ได้ แล้วสรุป ความสัมพันธ์ของปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิ เมื่อจำนวนโมลของแก๊สคงที่ตามกฎรวมแก๊ส 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูแสดงการคำนวณเกี่ยวกับกฎรวมแก๊สโดยใช้ตัวอย่าง 7 และ 8 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ให้นักเรียนตอบคำาถามตรวจสอบความเข้าใจ ตัวอย่าง แก๊สไนโตรเจนปริมาตร 195 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ความดัน 1.5 บรรยากาศ แก๊สไนโตรเจนนี้มีปริมาตรเท่าใด จากโจทย์ P1 = 1.5 atm P2 = 1 atm V1 = 195 cm3 V2 = ? cm3 T1 = 25 ° C + 273 = 298 K T2 = 0 ° C + 273 K = 273 K
12 จากกฎรวมแก๊ส P1V1 = P2V2 T1 T2 แทนค่าในสมการ 1.5 atm × 195 cm3 = 1 atm × V2 298 K 273 K V2 = 1.5 atm × 195 cm3 × 273 K 298 K × 1 atm = 268 cm3 แก๊สไนโตรเจนมีปริมาตรเป�น 268 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่ STP ตัวอย่าง แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์มีปริมาตร 350 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่อุณหภูมิ 278 เคลวิน ความดัน 1.5 บรรยากาศ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์นี้มีปริมาตรเท่าใด ที่ STP จากโจทย์ P1 = 1.5 atm P2 = 1 atm V1 = 350 cm3 V2 = ? cm3 T1 = 278 K T2 = 0 ° C + 273 K =273 K จากกฎรวมแก๊ส P1V1 = P2V2 T1 T2 แทนค่าในสมการ 1.5 atm × 350 cm3 = 1 atm × V2 278 K 273 K V2 = 1.5 atm × 350 cm3 × 273 K 278 K × 1 atm = 516 cm3 แก๊สไนโตรเจนมีปริมาตรเป�น 516 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่ STP 7) สื่อการเรียนรู้ - http://www.kr.ac.th/tech/detchm48/b05.html - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/
13 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ความดันและอุณหภูมิของแก๊ส (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. คำนวณความดันหรืออุณหภูมิ โดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎรวม แก๊ส (P) ประเมินการทำใบ กิจกรรม ใบกิจกรรม นักเรียนสามารถตอบ คำถามได้ถูกต้องผ่าน เกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
14 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ....................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
15 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว33203 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร และจำนวนโมลของแก๊ส เวลาเรียน 2 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ คำนวณปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ จำนวนโมล หรือมวลของแก๊ส จากความสัมพันธ์ตามกฎของอาโวกาโดร และกฎแก๊สอุดมคติ 3) สาระสำคัญ กฎต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของแก๊ส ได้แก่ กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎรวมแก๊ส และกฎแก๊สอุดมคติ 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและจำนวนโมลของแก๊ส (K) 2. คำนวณปริมาตรหรือจำนวนโดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎของอาโวกาโดร (P) 3. มีความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A) 5) สาระการเรียนรู้ กฏอาโวกาโดรมีใจความว่า “ ที่ความดันและอุณหภูมิของแก๊สคงที่ ปริมาตรของแก๊สจะแปรผันตรง กับจำนวนโมเลกุลหรือจำนวนโมลของแก๊สนั้น" เมื่อ n คือจำนวนโมล และ V คือปริมาตรของแก๊ส เขียนเป�น ความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ได้ว่า ปริมาตรของแก๊ส แปรผันตรงกับจำนวนโมลของแก๊ส
16 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูทบทวนกฎรวมแก๊ส จากนั้นใช้คำถามว่า หากจำนวนโมลของแก๊สไม่คงที่จะมีผลต่อ ปริมาตรของแก๊สอย่างไร เพื่อนำาเข้าสู่กิจกรรม 7.4 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 2) ครูให้นักเรียนทำากิจกรรม 7.4 การทดลองศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและจำนวน โมลของแก๊ส แล้วให้นักเรียนอภิปรายผลการทดลองโดยใช้คำถามท้ายการทดลอง 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ที่อุณหภูมิและความดันคงที่ ปริมาตรของแก๊สขึ้นอยู่กับจำนวนโมลของแก๊ส โดยแก๊สที่มี จำนวนโมลมากกว่าจะมีปริมาตรมากกว่า 2) ครูอธิบายว่า ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและจำนวนโมลของแก๊ส เมื่อความดันกับอุณหภูมิ ของแก๊สคงที่ เรียกว่า กฎของอาโวกาโดร 3) จากนั้นครูอธิบายรูปสมการที่ใช้คำนวณปริมาตรหรือจำนวนโมลที่เปลี่ยนแปลงระหว่างสอง สภาวะ และแสดงการคำนวณโดยใช้ตัวอย่าง 9 และ 10 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูแสดงการคำนวณเกี่ยวกับกฎรวมแก๊ส ตัวอย่าง เมื่อบรรจุแก๊สอาร์กอนจำนวน 2.0 โมลในกระบอกสูบที่มีก้านกระบอกสูบเคลื่อนที่ ได้ จะมีปริมาตร 3.0 ลิตร ถ้าเติมแก๊สอาร์กอนเพิ่มไปอีก 1.0 โมล ปริมาตรของแก๊สในกระบอกสูบจะเป�นกี่ ลิตร กำหนดให้อุณหภูมิและความดันของแก๊สไม่เปลี่ยนแปลง 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนทำาแบบฝ�กหัด 7.1 เพื่อทบทวนความรู้
17 7) สื่อการเรียนรู้ - http://www.kr.ac.th/tech/detchm48/b05.html - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - อุปกรณ์กิจกรรม 7.4 การทดลองศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและจำนวนโมลของแก๊ส 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาตรและจำนวนโมลของแก๊ส (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. คำนวณปริมาตรหรือจำนวนโดย ใช้ความสัมพันธ์ตามกฎของอาโวกาโดร (P) ประเมินการทำใบ กิจกรรม ใบกิจกรรม นักเรียนสามารถตอบ คำถามได้ถูกต้องผ่าน เกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
18 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ....................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
19 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว33203 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส เรื่อง แก๊สอุดมคติ เวลาเรียน 2 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ คำนวณปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ จำนวนโมล หรือมวลของแก๊ส จากความสัมพันธ์ตามกฎของ อาโวกาโดร และแก๊สอุดมคติ 3) สาระสำคัญ แก๊สใด ๆ ที่มีสมบัติ เป�นไปตามสมการ PV = nRT จัดเป�นแก๊สอุดมคติ และเรียกสมการนี้ว่า กฎแก๊ส อุดมคติ 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ จำนวนโมล หรือมวลของแก๊ส โดยใช้ ความสัมพันธ์ตามกฎแก๊สอุดมคติ (K) 2. คำนวณปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ จำนวนโมล หรือมวลของแก๊ส โดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎแก๊ส อุดมคติ(P) 3. มีความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A) 5) สาระการเรียนรู้ แก๊สสมบูรณ์ ( Ideal gas ) หรือก๊าซอุดมคติหมายถึง ก๊าซที่มีสมบัติเป�นไปตามกฎ ต่าง ๆของก๊าซ ไม่ ว่าที่ภาวะใด ๆก็ตาม แก๊สจริง ( Real gas ) หมายถึง ก๊าซที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่ว ๆ ไป ซึ่งจะไม่เป�นไปตามกฎ ต่าง ๆ ตามก๊าซสมมติทุกประการ โดยเฉพาะที่อุณหภูมิต่ำและความดันสูงมาก ๆ
20 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูให้นักเรียนพิจารณาสมการตามกฎรวมแก๊สและกฎของอาโวกาโดร จากนั้นครูให้นักเรียน รวมสมการทั้งสองและนำเสนอสมการที่ได้ 2) นักเรียนร่วมกันสรุปความสัมพันธ์ของ ปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ และจำนวนโมลของแก๊ส ตามสมการ PV = nRT 3) จากนั้นครูให้ความรู้ว่า แก๊สใด ๆ ที่มีสมบัติ เป�นไปตามสมการนี้จัดเป�นแก๊สอุดมคติ และเรียก สมการนี้ว่า กฎแก๊สอุดมคติ 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูให้นักเรียนตอบคำาถามชวนคิด จากความรู้เรื่องปริมาตรของแก๊สที่ STP จะคำนวณค่าคงที่ของแก๊สที่ STP หรือที่อุณหภูมิ 0°C ความดัน 1 atm แก๊ส 1 mol จะมีปริมาตร 22.4L เมื่อนำข้อมูลดังกล่าวแทนค่าในสมการกฎแก๊สอุดม คติจะสามารถหาค่า R ได้ดังนี้ จาก PV = nRT R = PV nT แทนค่าจะได้ R = (1 atm)(22.4 L) (1 mol)(0 + 273 K) = 0.0821 L • atm • mol-1 • K-1 ดังนั้น ค่าคงที่ของแก๊สมีค่าเท่ากับ 0.0821 L • atm • mol-1 • K-1 2) ครูให้ความรู้ว่า ตัวเลขค่าคงที่ของแก๊สขึ้นอยู่กับหน่วยที่ใช้ โดยยกตัวอย่างค่าคงที่ของแก๊สใน หน่วยเอสไอ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ครูอธิบายการคำนวณโดยใช้กฎแก๊สอุดมคติในตัวอย่าง 11–14 จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถาม ตรวจสอบความเข้าใจ 1) การเติมแก๊สไนโตรเจนในยางรถยนต์ที่มีความจุ 12 ลิตรให้มีความดัน 29.4 ปอนด์ต่อ ตารางนิ้ว (psi) ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ต้องใช้แก๊สไนโตรเจนกี่กรัม
21 2) ยางรถยนต์เส้นหนึ่งมีปริมาตร 10 ลิตร อัดอากาศจนมีความดัน 32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ที่ อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งพบว่า ความดันลดลงเหลือ 28 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ที่ อุณหภูมิเดียวกัน จำนวนโมลของอากาศที่รั่วออกจากยางรถยนต์ เป�นเท่าใด เมื่อกำหนดให้ยางรถยนต์มี ปริมาตรคงที่ 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูแสดงการคำนวณเกี่ยวกับแก๊สอุดมคติ 1. การเติมแก๊สไนโตรเจนในยางรถยนต์ที่มีความจุ 12 ลิตรให้มีความดัน 29.4 ปอนด์ต่อ ตารางนิ้ว (psi) ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ต้องใช้แก๊สไนโตรเจนกี่กรัม 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนทำแบบฝ�กหัดเพื่อทบทวนความรู้ 7) สื่อการเรียนรู้ - http://www.kr.ac.th/tech/detchm48/b05.html - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ป ริมาตร ความ ดัน อุณ ห ภูมิ จำนวนโมล หรือมวลของแก๊ส โดย ใช้ความสัมพันธ์ตามกฎแก๊สอุดมคติ (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. คำนวณปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ จำนวนโมล หรือมวลของ แก๊ส โดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎ แก๊สอุดมคติ(P) ประเมินการทำใบ กิจกรรม ใบกิจกรรม นักเรียนสามารถตอบ คำถามได้ถูกต้องผ่าน เกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
22 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ....................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
23 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว33203 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส เรื่อง ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส เวลาเรียน 1 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ อธิบายการแพร่ของแก๊สโดยใช้ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส คำนวณและเปรียบเทียบอัตราการแพร่ของแก๊ส โดยใช้กฏการแพรผ่านของเกรแฮม 3) สาระสำคัญ การแพร่ของแก๊สเกิดจากโมเลกุลของแก๊สเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ การแพร่ของแก๊สขึ้นอยู่กับมวล โมเลกุล แก๊สที่มีมวลโมเลกุลน้อยกว่า (เบากว่า) จะแพร่ได้เร็วกว่า 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายกฎต่าง ๆ ของแก๊ส โดยใช้ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส (K) 2. มีความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A) 5) สาระการเรียนรู้ ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ ใช้อธิบายสมบัติของก๊าซ เสนอว่า 1) ก๊าซประกอบด้วยโมเลกุลที่มีขนาดเล็กมากอยู่ห่างกัน และไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างกัน 2) แต่ละโมเลกุลเคลื่อนที่เป�นเส้นตรงอยู่ตลอดเวลาด้วยอัตราเร็วคงที่ (แต่ไม่จำเป�นต้อง เท่ากัน) จนกระทั่งชนกันเองหรือชนผนังภาชนะที่บรรจุ จึงจะเปลี่ยนทิศทางและอาจเปลี่ยนอัตราเร็วด้วย เมื่ออุณหภูมิ คงที่อัตราเร็วเฉลี่ยของโมเลกุลของก๊าซชนิดหนึ่ง ๆ จะคงที่
24 3) โมเลกุลของก๊าซมีพลังงานจลน์ค่าหนึ่ง เท่ากับ 1/2 mV2 เมื่อ m คือ มวลของโมเลกุล และ V คือ อัตราเร็วในการเคลื่อนที่ของโมเลกุล 4) เมื่อโมเลกุลชนกันหรือชนผนังภาชนะ อาจจะมีการถ่ายพลังงาน แต่ไม่มีการสูญเสียพลังงานรวม 5) ที่อุณหภูมิเดียวกัน ก๊าซทุกชนิดจะมีพลังงานจลน์เฉลี่ยเท่ากันพลังงานจลน์เฉลี่ยของก๊าซจะแปรผัน ตรงกับอุณหภูมิเคลวิน ก๊าซที่มีสมบัติครบถ้วนตามทฤษฎีจลน์เรียกว่า ก๊าซสมบูรณ์ ซึ่งไม่มีจริง ก๊าซจริงอาจมี สมบัติใกล้เคียงกับก๊าซสมบูรณ์ได้ ถ้าอยู่ในระบบที่อุณหภูมิสูงและความดันต่ำ ก๊าซส่วนใหญ่โดยเฉพาะก๊าซ เฉื่อยที่อุณหภูมิห้อง ความดัน 1 บรรยากาศ มีสมบัติใกล้เคียง กับก๊าซสมบูรณ์ 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูใช้คำถามนำว่า ปริมาตรและความดันของแก๊สเกี่ยวข้องกับขนาดอนุภาค ระยะห่าง ระหว่างอนุภาค และการเคลื่อนที่ของอนุภาคแก๊สอย่างไร 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูวาดรูปหรือแสดงรูปจำลองของ อนุภาคแก๊ส ดังรูป จากนั้นให้นักเรียนอภิปราย เกี่ยวกับขนาดของอนุภาคแก๊สเพื่อให้ได้ข้อสรุปตามทฤษฎีจลน์ของแก๊สว่า - อนุภาคแก๊สมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับภาชนะที่บรรจุ ดังนั้นผลรวมปริมาตรของอนุภาค แก๊สมีค่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาตรของภาชนะที่บรรจุ 2) ครูชี้ให้เห็นว่า อนุภาคแก๊สอยู่ห่างกันมากเมื่อเทียบกับขนาดของอนุภาคจากนั้นใช้คำถามนำ อภิปราย - ระยะห่างระหว่างอนุภาค มีผลต่อแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคแก๊สอย่างไร จนได้ข้อสรุปว่า อนุภาคแก๊สอยู่ ห่างกันมาก ทำให้แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยมาก จน ถือว่าไม่มีแรงกระทำต่อกัน
25 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ครูให้ความรู้ว่า แก๊สแต่ละอนุภาค เคลื่อนที่เป�นเส้นตรงในทิศทางที่ไม่แน่นอนด้วยอัตราเร็ว คงที่ที่แตกต่างกันดังรูป 2) จากนั้นครูใช้ คำถามว่า แก๊สแต่ละอนุภาคมีพลังงานจลน์ เท่ากันหรือไม่ เพราะเหตุใด ซึ่งควรได้ คำตอบว่า มีพลังงานจลน์ไม่เท่ากัน เนื่องจากมีอัตราเร็วในการเคลื่อนที่ไม่เท่ากัน 3) จากนั้นครูอธิบายว่าเมื่อ อนุภาคแก๊สเกิดการชนจะมีการถ่ายเทพลังงานให้แก่กันโดยไม่มีการ สูญเสียพลังงานจลน์รวม ดังนั้นพลังงานจลน์เฉลี่ยของแก๊สจึงมีค่าคงที่ ณ อุณหภูมิหนึ่ง ๆ 4) ครูอธิบายว่า แก๊สต่างชนิดกันที่อุณหภูมิเดียวกัน มีพลังงานจลน์เฉลี่ยเท่ากัน ถ้าเพิ่มอุณหภูมิจะ ทำให้อนุภาคแก๊สเคลื่อนที่เร็วขึ้น พลังงานจลน์เฉลี่ยของแก๊สเพิ่มขึ้น 5) ครูให้ความรู้ว่า ข้อมูลที่กล่าวมาแล้วนั้นเป�นสาระสำคัญของทฤษฎีจลน์ของแก๊ส ซึ่งแก๊สอุดมคติ มีพฤติกรรมเป�นไปตามทฤษฎีจลน์ของแก๊สทุกประการ และแก๊สทั่วไปมีพฤติกรรมใกล้เคียงกับแก๊สอุดมคติที่ อุณหภูมิสูงและความดันต่ำ 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูให้นักเรียนศึกษาการใช้ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอธิบายกฎของบอยล์ กฎของเกย์-ลูสแซก กฎของชารล์ และกฎของอาโวกาโดร ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน แล้วอภิปรายสรุปร่วมกันโดยใช้รูป 7.7 7.8 และ 7.9 ประกอบการอภิปราย 6.5 ขั้นประเมินผล 1) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปบทเรียนเรื่อง ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส 7) สื่อการเรียนรู้ - http://www.kr.ac.th/tech/detchm48/b05.html - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - รูป 7.7 7.8 และ 7.9
26 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายกฎต่าง ๆ ของแก๊ส โดย ใช้ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
27 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว33203 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส เรื่อง การแพร่ของแก๊ส เวลาเรียน 2 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ อธิบายการแพร่ของแก๊สโดยใช้ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส คำนวณและเปรียบเทียบอัตราการแพร่ของแก๊ส โดยใช้กฏการแพรผ่านของเกรแฮม 3) สาระสำคัญ การแพร่ของแก๊สเกิดจากโมเลกุลของแก๊สเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ การแพร่ของแก๊สขึ้นอยู่กับมวล โมเลกุล แก๊สที่มีมวลโมเลกุลน้อยกว่า (เบากว่า) จะแพร่ได้เร็วกว่า 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการแพร่ของแก๊สโดยใช้ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส (K) 2. อธิบายความสัมพันธ์ของอัตราการแพร่กับมวลต่อโมลของแก๊ส (K) 3. คำนวณและเปรียบเทียบอัตราการแพร่หรือมวลต่อโมลของแก๊สโดยใช้กฎการแพรผ่านของเกรแฮม( P ) 4. มีความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A) 5) สาระการเรียนรู้ การแพร่ผ่านของแก๊ส (Effusion) หมายถึงกระบวนการที่โมเลกุลของแก๊สเคลื่อนที่จากบริเวณหนึ่ง ผ่านรูเล็ก ๆ ไปสู่อีกบริเวณหนึ่งโดยไม่มีการชนกันของโมเลกุล เช่น การบรรจุแก๊สไฮโดรเจนลงในภาชนะ เครื่องป��นดินเผาที่ไม่ได้เคลือบ มีรูพรุน แล้วตั้งทิ้งไว้ในอากาศ ไฮโดรเจนฟุ้งกระจายภายในภาชนะออกมาข้างนอกและ อากาศข้างนอกฟุ้งกระจายเข้าไปในภาชนะโดยมีการผ่านรูเล็ก ๆ ของภาชนะ
28 ในป� ค.ศ.1833 โทมัส เกรแฮม (Thomas Graham) พบว่า “อัตราการแพร่และอัตราการแพร่ผ่านของ แก๊สจะแปรผกผันกับรากที่สองของความหนาแน่นของแก๊ส ภายใต้อุณหภูมิและความดันเดียวกัน” และตั้งเป�นกฎ เรียกว่า กฎการแพร่ของเกรแฮม 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูใช้คำถามเพื่อนำเข้าสู่เรื่องการแพร่ของแก๊สว่า การส่งกลิ่นหอมของดอกไม้หรือน้ำหอม เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วอภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า สารมีกลิ่นที่อยู่ในสถานะแก๊สเคลื่อนที่หรือแพร่ ออกมาจากดอกไม้หรือน้ำหอม ซึ่งการแพร่ของแก๊สจากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งเกิดขึ้นได้ เนื่องจาก โมเลกุลของแก๊สมีพลังงานจน์และเคลื่อนที่ได้อยางอิสระในทุกทิศทางตามทฤษฎีจลน์ของแก๊ส 2) ครูใช้คำถามว่าแก๊สแต่ละชนิดจะแพร่ด้วยอัตราเร็วแตกต่างกันหรือไม่ เพื่อนำเข้าสู่กิจกรรม 7.5 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูสาธิตกิจกรรม 7.5 การทดลองการแพร่ของแก๊สแอมโมเนียและแก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ เนื่องจากการทดลองนี้ใช้สารละลายกรดและเบสที่มีความเข้มข้นสูงและระเหยให้แก๊สที่เป�นอันตราย จึงต้องทำ ในตู้ดูดควันหรือในบริเวณที่อากาศถ่ายเทสะดวก หลังจากทำการทดลองแล้วครูให้นักเรียนอภิปรายผลการ ทดลองโดยใช้คำถามท้ายการทดลอง 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) เมื่อทำกิจกรรมแล้ว นักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า อัตราการแพร่ของแก๊สไฮโดรเจน คลอไรด์มีค่าน้อยกว่าอัตราการแพร่ของแก๊สแอมโมเนีย เนื่องจากแก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์มีมวลต่อโมลมากกว่า ดังนั้น แก๊สที่มีมวลต่อโมลมากกว่าจะแพร่ได้ช้ากว่าแก๊สที่มีมวลต่อโมลน้อยกว่า
29 2) ครูใช้ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส ที่กล่าวว่า ที่อุณหภูมิเดียวกัน แก๊สทุกชนิดมีพลังงานจลน์เฉลี่ย เท่ากัน และสมการ Ek = 1 2 mv2 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วในการเคลื่อนที่กับมวลของแก๊ส 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูให้นักเรียนศึกษาการทดลองของทอมสัน เกรแฮม จากนั้นอภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุป เกี่ยวกับความสัมพันธ์เพื่อให้ได้ข้อสรุป เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการแพร่ผ่านและมวลต่อโมลของ แก๊สตามกฏการแพร่ของเกรแฮม รวมทั้งแสดงสมการเปรียบเทียบอัตราการแพร่ผ่านของแก๊ส 2 ชนิดตาม สมการกฎการแพร่ของเกรแฮม ซึ่งสามารถใช้ในการประมาณอัตราการแพร่ของแก๊สได้ 2) ครูยกตัวอย่างเพื่ออธิบายการคำนวณ 3) ครูอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการแพร่และความหนาแน่นตามรายละเอียดในหนังสือ เรียนและอธิบายวิธีการคำนวณ 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนทำแบบฝ�กหัด 7.3 เพื่อทบทวนความรู้ 7) สื่อการเรียนรู้ - http://www.kr.ac.th/tech/detchm48/b05.html - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - กิจกรรม 7.5 การทดลองการแพร่ของแก๊สแอมโมเนียและแก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์
30 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายการแพร่ของแก๊สโดยใช้ ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. อธิบายความสัมพันธ์ของอัตรา การแพร่กับมวลต่อโมลของแก๊ส (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. คำนวณและเปรียบเทียบอัตราการ แพร่หรือมวลต่อโมลของแก๊สโดยใช้กฎ การแพรผ่านของเกรแฮม( P ) ตรวจการทำ แบบฝ�กหัด ใบงาน ใบกิจกรรม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
31 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
32
31 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว33203 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส เรื่อง การประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับแก๊สและสมบัติของแก๊ส เวลาเรียน 2 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ สืบค้นข้อมูล นำเสนอตัวอย่างและอธิบายการประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับสมบัติและกฎต่าง ๆ ของแก๊ส ในการอธิบายปรากฏการณ์หรือแก้ป�ญหาในชีวิตประจำวันและในอุตสาหกรรม 3) สาระสำคัญ กฎต่าง ๆ ของแก๊สสามารถนำาไปใช้อธิบายสมบัติและปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับแก๊ส ตลอดจน ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและในอุตสาหกรรม 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายปรากฏการณ์และยกตัวอย่างการนำความรู้เกี่ยวกับแก๊สและสมบัติของแก๊สไปใช้ประโยชน์(K) 2. สืบค้นข้อมูลปรากฏการณ์การนำความรู้เกี่ยวกับแก๊สและสมบัติของแก๊สไปใช้ประโยชน์(P) 3. มีความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A) 5) สาระการเรียนรู้ ออกซิเจนเป�นธาตุที่มีประโยชน์มากที่สุดธาตุหนึ่ง การใช้ประโยชน์อาจแบ่งกว้าง ๆ เป�นสองประเภทคือ 1. การใช้ประโยชน์ทางสรีระ ออกซิเจนนอกจากจะเป�นธาตุจำเป�นสำหรับการดำรงชีวิต กล่าวคือใช้ในการหายใจและการ เผาผลาญอาหารแล้ว ยังใช้ประโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตดังนี้
32 ก. ใช้ในวงการแพทย์ ในการช่วยรักษาโรคหลายชนิด เช่น ปอดบวม (pneumonia),emphesema โรคเกี่ยวกับระบบการหายใจ เกี่ยวกับหัวใจ ฯลฯ ข. ใช้ในการเดินทางในอวกาศของมนุษย์อวกาศ ค. ใช้ในการดำน้ำในทะเลลึก 2. การใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม ก. ใช้ในอุตสาหกรรมการถลุงเหล็กและเหล็กกล้า ที่สำคัญได้แก่การใช้ออกซิเจนในรูปของแก๊สเผา ไหม้กับแก๊สอะซีติลีน ได้เปลวไฟที่ร้อนหลายพันองศาเซลเซียสใช้ในการตัดและเชื่อมเหล็กและเหล็กกล้า นอกจากนี้แล้วยังใช้ออกซิเจนโดยตรงใน blast furnace และในกระบวนการ open hearth และอื่น ๆ ข. ใช้เตรียมสารเคมี เช่น ใช้เตรียมแก๊สสังเคราะห์ (synthesis gas) จากแก๊สมีเทน ค. ใช้เป�นเชื้อเพลิงจรวด ง. ใช้ในอุตสาหกรรมการทำเหมือง จ. ใช้ในกระบวนการทำให้น้ำเสียบริสุทธิ์ (water treatment) 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูให้นักเรียนศึกษาการประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับแก๊สและสมบัติของแก๊สในการอธิบาย ปรากฏการณ์หรือนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันหรือในอุตสาหกรรมตามรายละเอียดในหนังสือเรียน 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม 7.6 สืบค้นข้อมูลการใช้ประโยชน์จากความรู้เรื่องแก๊สและสมบัติ ของแก๊สและนำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในห้องเรียน 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ครูให้นักเรียนนำเสนองานหน้าชั้นเรียน และร่วมกันอภิปรายการทำกิจกรรม 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของแก๊สและการนำแก๊สไปใช้ประโยชน์ การพ่นสารออกจากกระป๋องสเปรย์ การทำงานของกระป๋องสเปรย์จะใช้หลักการเคลื่อนที่ ของแก๊สจากบริเวณที่มีความดันสูงไปยังบริเวณที่มีความดันต่ำกว่า โดยภายในกระป๋องสเปรย์ ประกอบด้วย สาร 2 ชนิด คือ สารที่ต้องการฉีดพ่นและแก๊สที่มีความดันสูงซึ่งทำาหน้าที่ เป�นสารผลักดัน (propellant) เมื่อ กดหัวฉีดของกระป๋องสเปรย์ จะทำให้แก๊สซึ่งมีความดันสูงเคลื่อนที่ออกมาสู่ภายนอก พร้อมกับพาสารที่ ต้องการฉีดพ่นออกมาด้วย สง่ผลให้ความดันภายในกระป๋องสเปรย์ลดลง จนเมื่อความดันเท่ากับความดัน
33 บรรยากาศจึงไม่สามารถฉีดพ่นสารออกมาได้อีก ดังนั้นจึงไม่ควรทิ้งกระป๋องสเปรย์ที่ไม่ใช้แล้วรวมกับขยะชนิด อื่นเพราะ อาจถูกนำไปเผาซึ่งจะทำให้แก๊สที่ยังคงเหลืออยู่ขยายตัวและเกิดการระเบิดได้ 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจ 7) สื่อการเรียนรู้ - http://www.kr.ac.th/tech/detchm48/b05.html - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - กิจกรรม 7.6 สืบค้นข้อมูลการใช้ประโยชน์จากความรู้เรื่องแก๊สและสมบัติของแก๊ส 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายปรากฏการณ์และ ยกตัวอย่างการนำความรู้เกี่ยวกับ แก๊สและสมบัติของแก๊สไปใช้ ประโยชน์(K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. สืบค้นข้อมูลปรากฏการณ์การ นำความรู้เกี่ยวกับแก๊สและสมบัติ ของแก๊สไปใช้ประโยชน์(P) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
34 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
35