The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ดร.ณัฐพงษ์ เพ็ชร, 2022-06-30 05:48:24

วิศวกรรมศาสตร์ เป็นสาขาความรู้และวิชาชีพเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ประยุกตวิทยา (เทคโนโลยี), วิทยาศาสตร์และความรู้ทางคณิตศาสตร์เพื่อการใช้ประโยชน์จากกฎทางธรรมชาติและทรัพยากรทางกายภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด, เพื่อช่วยใ (2)

วิศวกรรมศาสตร์ เป็นสาขาความรู้และวิชาชีพเกี่ยวกับการประยุกต์

ประวัติ ความ

เป็นมา


วิศวกรรมศาสตร์

เรามาจากไหนและกำลังจะไปไหน

ดร.ณัฐพงษ์ เพชรละออ

วิศวกรรมศาสตร์ ????

วิศวกรรมศาสตร์ เป็นสาขาความรู้และวิชาชีพเกี่ยวกับการ

ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี, วิทยาศาสตร์และความรู้ทาง

คณิตศาสตร์เพื่อการใช้ประโยชน์จากกฎทางธรรมชาติและ

ทรัพยากรทางกายภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด, เพื่อช่วยในการ

ออกแบบและประยุกต์ใช้ วัสดุ, โครงสร้าง, เครื่องจักร, เครื่อง

มือ, ระบบ และ กระบวนการ เพื่อการตอบสนองต่อจุดประสงค์

ที่ต้องการได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้

เทคโนโลยี ????

เทคโนโลยี เป็นการผสมผสานเทคนิก, ทักษะ, วิธีการ และ

กระบวนการ เพื่อผลิตสินค้า หรือ บริการ หรือเพื่อบรรวัตถุประสงค์

หนึ่ง ๆ

คำว่า "เทคโนโลยี" เริ่มกลายมาเป็นคำที่ใช้ทั่วไปนับตั้งแต่การ

ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สองในศตวรรษที่ 20

คณิตศาสตร์ ????

คำว่า "คณิตศาสตร์" (คำอ่าน: คะ-นิด-ตะ-สาด) มาจากคำว่า คณิต
( การนับ หรือ คำนวณ ) และ ศาสตร์ ( ความรู้ หรือ การศึกษา )

ซึ่งรวมกันมีความหมายโดยทั่วไปว่า การศึกษาเกี่ยวกับการคำนวณ

หรือ วิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณ

วิทยาศาสตร์ หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติทั้งที่มี
วิทยาศาสตร์ ????
ชีวิตและไม่มีชีวิต รวมทั้งกระบวนการประมวลความรู้เชิงประจักษ์ ที่

เรียกว่า กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และกลุ่มขององค์ความรู้ที่ได้จาก

กระบวนการดังกล่าว

การศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์ยังถูกแบ่งย่อยออกเป็น วิทยาศาสตร์

ธรรมชาติ และ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ คำว่า science ในภาษาอังกฤษ ซึ่ง

แปลว่า วิทยาศาสตร์นั้น มาจากภาษาลาติน คำว่า scientia ซึ่ง

หมายความว่า ความรู้

วิทยาศาสตร์ประยุกต์ คือสาขาวิชาทาง วิทยาศาสตร์ ที่นำความรู้

จาก วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ไปใช้กับปัญหาในทางปฏิบัติ สาขาวิชาต่าง

ของ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นตัวอย่างของวิทยาศาสตร์ประยุกต์

วิทยาศาสตร์ประยุกต์มีความสำคัญสำหรับการพัฒนา เทคโนโลยี ใหม่ ๆ

และในด้าน อุตสาหกรรม เรียกวิทยาศาสตร์ประยุกต์ว่า การวิจัยและ

พัฒนา (research & development) มีนักวิทยาศาสตร์ดังนี้ 1.ทอมัส อัล

วา เอดิสัน 2.ไมเคิล ฟาราเดย์ 3.หลุยส์ ปาสเตอร์ 4.พี่น้องตระกูลไรต์

5.กาลิเลโอ กาลิเลอี

นิยามเกี่ยวกับวิศวกรรมศาสตร์

American Engineers' Council for Professional Development

(ECPD, ซึ่งต่อมาคือ ABET[1]) ได้ให้นิยามเกี่ยวกับวิศวกรรมศาสตร์เอาไว้

ดังนี้

วิศวกรรมศาสตร์ คือ การประยุกต์ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อย่าง

สร้างสรรค์เพื่อการออกแบบและพัฒนาโครงสร้าง, เครื่องจักร, เครื่องมือ,

หรือกระบวนการผลิต หรืองาน

เพื่อการใช้ประโยชน์สิ่งเหล่านี้โดดๆ หรือประยุกต์เข้าด้วยกัน หรือ
เพื่อการสร้างหรือใช้งานสิ่งเหล่านั้นด้วยความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่ง

ที่ใช้งานอย่างหมดจด หรือ
เพื่อการพยากรณ์พฤติกรรมของสิ่งเหล่านั้นภายใต้สภาวะที่เจาะจง

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จักต้องคำนึงถึงความมุ่งหมายในการใช้งาน,

ความคุ้มค่าในการปฏิบัติการ แลความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพยสินด้วย

แนวคิดทางวิศวกรรมศาสตร์นั้นมีปรากฏมาแต่ยุคโบราณกาล
ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง

แล้ว นับแต่มนุษย์สามารถประดิษฐ์เครื่องมือพื้นฐาน เช่น ล้อ ,
กับวิศวกรรมระบบราง
รอก และ คาน เครื่องมือประดิษฐ์เหล่านั้นถูกนิยามถึงในวิศวกร

รมศาตร์ยุคปัจจุบันและถูกใช้ประโยชน์ในงานกลศาสตร์พื้นฐาน


เพื่อการพัฒนาเครื่องมือและวัตถุ

ล้อ คือวัตถุรูปวงกลมถูกยึดไว้ด้วยเพลาที่บริเวณจุดศูนย์กลาง

ทำให้ล้อสามารถหมุนรอบเพลาได้ มักใช้ประกอบกับยานพาหนะ

เพื่อให้เคลื่อนที่ได้โดยง่ายบนพื้น มีหลักฐานว่าล้อถูกประดิษฐ์ขึ้น

ครั้งแรก โดยชาวสุเมเรียนเมื่อ 3,500 ปี ก่อนคริสตกาล

ล้อ ชาวจีนโบราณ​เมื่อ 5 พันปีก่อน ถูกพัฒนาม​ าจากลูกสน

กลม ประกอบการแกน คล้ายเกวียน​มีหลักฐานก​ ารค้นพบล้อ คู่

ขนาน ห่างกัน 80 เซนติเมตร​อายุ​กว่า 4,200 ปี

ล้อในปัจจุบันมีอยู่หลายแบบ หลายขนาดโดยทำจากวัสดุหลาย

อย่างตามการใช้งาน เช่น ล้อเกวียนทำด้วยไม้ ล้อแม็ก ล้อรถยนต์

ที่จะมียางรถยนต์หุ้ม ล้อรถไฟที่ทำด้วยเหล็ก ล้อใส่ตู้ที่ทำจาก

พลาสติก เป็นต้น

รอก เป็นอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย
ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง

สิ่งของ มีลักษณะเป็น ล้อ โดยร้อยไว้กับ เชือก หรือ เคเบิล รอก
กับวิศวกรรมระบบราง
ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของให้สะดวกขึ้น หรือ

ในระบบรอกบางชนิดใช้ในการผ่อนแรง รอกเป็นหนึ่งใน


เครื่องจักรพื้นฐาน

คาน ในทางฟิสิกส์ หมายถึง วัตถุแข็งเกร็งที่ใช้โดยมีจุดหมุน

เพื่อทวีคูณแรงเชิงกล ที่กระทำต่อวัตถุอื่น และนับเป็นตัวอย่าง

หนึ่งของหลักโมเมนต์ หลักของคานนั้นยังใช้จากการใช้กฎการ

เคลื่อนที่ของนิวตัน และสถิตยศาสตร์สมัยใหม่ ใน อียิปต์โบราณ

นั้น ผู้สร้างอาคารหรือ พีระมิด จะใช้คานเพื่อย้ายและยกซึ่งมี
น้ำหนักกว่า 100 ตัน ได้

engineering ?

คำว่า engineering ในภาษาอังกฤษ อันหมายถึง

วิศวกรรมศาสตร์นั้น ถูกสร้างมาจากคำว่า engineer ซึ่งคำๆนี้

สามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึง ค.ศ. 1325

เมื่อคำว่า engine’er (อันมีความหมายว่า ผู้ใช้งานเครื่องจักร) นั้น

เดิมทีหมายถึง "ผู้สร้างเครื่องจักรสำหรับใช้งานเพื่อการทหาร

ความหมายดังที่กล่าวมานั้น (ซึ่งความหมายนี้ได้ถูกยกเลิกไป

แล้ว) คำว่า engine นั้นหมายถึงเครื่องจักรทางการทหาร หรืออาวุธ

นั่นเอง ตัวอย่างเช่นเครื่องยิงหินแคเทอพอลต์

A catapult is a ballistic device used to launch a projectile a
A catapult ?
great distance without the aid of gunpowder or other

propellants – particularly various types of ancient and

medieval siege engines. A catapult uses the sudden release

of stored potential energy to propel its payload. Most

convert tension or torsion energy that was more slowly and

manually built up within the device before release, via

springs, bows, twisted rope, elastic, or any of numerous

other materials and mechanisms.
In use since ancient times, the catapult has proven to be one

of the most persistently effective mechanisms in warfare

catapult เป็นอุปกรณ์ขีปนาวุธที่ใช้ยิงขีปนาวุธในระยะไกลโดยไม่ต้องใช้ดินปืนหรือสารขับเคลื่อนอื่น ๆ
ในโบราณและยุคกลางประเภทต่างๆ catapult ใช้การปล่อยพลังงานศักย์ที่เก็บไว้อย่างกะทันหันเพื่อขับเคลื่อนน้ำหนักบรรทุก ส่วนใหญ่จะแปลงพลังงานความตึงเครียดหรือแรงบิดที่ช้ากว่าและสร้างขึ้นเองภายใน
อุปกรณ์ก่อนปล่อยผ่านสปริง คันธนู เชือกบิด ยางยืด หรือวัสดุและกลไกอื่นๆ มากมายใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ catapult ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำสงคราม

engineering ?

กล่าวโดยสรุปแล้ว แต่เดิมที วิศวกรคือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับอาวุธ

ยุทโธปกรณ์ในกองทัพนั่นเอง สำหรับคำว่า engine นั้นเอง มีความ

หมายที่เก่าแก่กว่านั้นอีกคือมาจากคำว่า ingenium ในภาษาละติน

ซึ่งแปลว่า "ความสามารถที่มีมาโดยกำเนิด" โดยเฉพาะหมายถึงความ

สามารถทางปัญญา เช่นความฉลาดในการประดิษฐ์

ต่อมา เนื่องจากความรู้ในวิทยาการการออกแบบสิ่งก่อสร้าง

สำหรับพลเรือน เช่น สะพาน อาคารบ้านเรือนมีพัฒนาสูงขึ้น คำว่า

Civil Engineer ( Civil แปลว่า พลเรือน) จึงได้ถูกบัญญัติใช้เพื่อการ

แยกแยะระหว่างวิศวกรผู้เชี่ยวชาญในงานก่อสร้างที่ไม่เกี่ยวกับการ

ทหาร กับ วิศวกรที่ทำงานในสายงานวิศวกรรมการทหาร (ความ

หมายของคำว่าวิศวกรรมศาสตร์ หรือ engineering ที่ถูกใช้ในยุคนั้น

ส่วนใหญ่ไม่ตรงกับความหมายที่ถูกใช้ในปัจจุบัน ยกเว้นแต่เพียงบาง

ส่วนที่ยังคงความหมายเดิมมาจนปัจจุบัน เช่น หน่วยทหารช่าง

ยุคโบราณ

ในยุคโบราณไม่ว่าจะ อาโครโปลิสแห่งเอเธนส์,
วิหารพาร์เธนอนในกรีซ, ระบบท่อปะปาแห่งโรมัน, เส้นทางแอปพี

เอิน, โคลอสเซียม หรือสวนลอยบาบิโลน หรือ ประภาคารฟาโรส

แห่งอเล็กซานเดรีย, พีระมิด ในอียิปต์ หรือ Teotihuacan แลเมือง

และพิระมิดแห่งจักรวรรดิมายา, อินคาและแอสแทก หรือ กำแพง

เมืองจีน และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ

นอกเหนือจากนี้นั้น แสดงให้เห็นถึงความปราชเปรื่องของ

วิศวกรโยธาและเครื่องกลยุคโบราณ

วิศวกรโยธาคนแรกสุดในประวัติศาสตร์คืออิมโฮเตป ข้า

ราชบริพารในฟาโรห์โดจเซอร์ เขาคือผู้ออกแบบและควบคุมการ

ก่อสร้างพีระมิดโดจเซอร์ (เป็นพีระมิดแบบขั้นบันได) ในซาคคารา

ในประเทศอียิปต์ ในช่วง 2630-2611 ก่อนคริสตกาล และเขาอาจ

จะเป็นคนๆแรกที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบเสาด้วย

วิหารพาร์เธนอน ?

วิหารพาร์เธนอนสร้างตามการริเริ่มของ เพริเคิล ผู้นำกรุง

เอเธนส์ในสมัยนั้น และสร้างโดยมีประติมากร ฟีเดียส เป็นผู้

ควบคุมงาน การก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อ 447 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถึง

แม้ว่าการก่อสร้างจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อ 438 ปีก่อนคริสต์ศักราช

แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีการตกแต่งเพิ่มเติมอีก 5 ปี บัญชีส่วนหนึ่งของ

การก่อสร้างครั้งนี้หลงเหลืออยู่ และแสดงให้เห็นว่างานที่มีค่าใช้

จ่ายสูงสุด คือ การขนย้ายหินจาก เขาเพนเทลิกัส ซึ่งอยู่ห่างจาก

กรุง เอเธนส์ ไปกว่า 16 กิโลเมตร พาร์เธนอนเป็นอาคารสำคัญ

ที่สุดแห่งหนึ่งของ กรีซสมัยคลาสสิก ที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึง

ปัจจุบัน นับว่าเป็นจุดสูงสุด (Zenith) ของ เสาแบบดอริก

เสาแบบดอริก ?

เสาแบบดอริก ( อังกฤษ : Doric order ) เป็นลักษณะทาง

สถาปัตยกรรม เสาแบบคลาสสิก หนึ่งในสามแบบของ กรีก

โบราณ ที่มีลักษณะโคนเสาใหญ่และเรียวขึ้นไปจนถึงยอด ตาม

ลำเสาเป็นร่องเว้าตามแนวตั้งยี่สิบร่องรอบเสา ตอนบนเป็นหัวเสา

เรียบที่บานออกไปจากคอลัมน์ไปบรรจบกับแผ่นสี่เหลี่ยมที่ขวาง

กับคานแนวนอนที่วางเหนือเสา

The Appian Way ?

The Appian Way (Latin and Italian: Via Appia) is one of the

earliest and strategically most important Roman roads of

the ancient republic. It connected Rome to Brindisi, in

southeast Italy.[1] Its importance is indicated by its common

name, recorded by Statius, of Appia longarum... regina

viarum ("the Appian Way, the queen of the long roads").
The road is named after Appius Claudius Caecus the Roman

censor who began and completed the first section as a

military road to the south in 312 BC during the Samnite

Wars.

เป็นถนนสายโรมันที่เก่าแก่ที่สุดและมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่สุดแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐโบราณ มันเชื่อมต่อโรมกับ

บรินดิซีทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิตาลี

โคลอสเซียม?

โคลอสเซียม ( อังกฤษ : Colosseum ), โคลิเซียม ( อังกฤษ :

Coliseum ) หรือ ทวิอัฒจันทร์ฟลาเวียน เป็น สนามกีฬา กลาง

แจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลาง กรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัย จักรพร

รดิเวสเปเซียน แห่ง จักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของ

จักรพรรดิไททัส ใน คริสต์ศตวรรษที่ 1 อัฒจันทร์ เป็นรูปวงกลม

ก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57

เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบ

อย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อ

ให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อ

ไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนาม

กีฬาต่าง ๆ ในปัจจุบัน ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 10 ปี

สวนลอยบาบิโลน ?

สวนลอยบาบิโลน จัดเป็นหนึ่งใน เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตั้ง

อยู่ริม แม่น้ำยูเฟรติส ประเทศอิรัก ในปัจจุบัน สร้างโดย พระเจ้า

เนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 แห่งกรุงบาบิโลเนีย สร้างให้แก่ มเหสีของ

พระองค์ชื่อ พระนางอมีทิส สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช

ระเบียงทุกชั้นได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนพุ่ม

ชนิดต่าง ๆ มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำยูเฟรตีสไปทำเป็น

น้ำตกและนำไปเลี้ยงต้นไม้ตลอดปี

ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย ?

ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย หรือ ประภาคารแห่งอ

เล็กซานเดรีย เป็นประภาคารโบราณซึ่งจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่ง

มหัศจรรย์ของโลก ตั้งอยู่บนเกาะฟาโรส เมืองอเล็กซานเดรีย ริม

ฝั่ งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สร้างประมาณ 270 ปีก่อนคริสต์ศักราช

ในรัชสมัยพระเจ้าปโตเลมีที่ 1 โดยสถาปนิกชื่อ โซสเตรโตส

ตัวประคาภารมีความสูงเท่าใดไม่แน่ชัด แต่อยู่ในระหว่าง

200-600 ฟุต (ขนาดพอ ๆ กับ เทพีเสรีภาพ) สร้างด้วยหินอ่อน

แกะสลัก มีตะเกียงขนาดใหญ่บนยอด นักประวัติศาสตร์

สันนิษฐานว่าในเวลากลางวันจะปล่อยควัน ในเวลากลางคืนจะ

เป็นแสงไฟสว่างที่เห็นได้จากระยะไกล ซึ่งยังไม่ทราบว่าใช้วิธีใด

ในการจุดไฟและส่องแสง

ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย มีอายุอยู่ได้ยาวนาน

ถึง 1,600 ปี จนกระทั่งในประมาณศตวรรษที่ 13-14 เกิดแผ่นดิน

ไหวทำให้ประภาคารพังลงมา

พีระมิดอียิปต์ ?

พีระมิดในประเทศอียิปต์ เป็นหนึ่งใน พีระมิด ที่เป็นที่รู้จักโดยมี

หลายแห่งใน ประเทศอียิปต์ เป็นสิ่งก่อสร้างของชาวอียิปต์

โบราณสมัยก่อน ยุคเหล็ก โดยเฉพาะ พีระมิดคูฟู ใน หมู่พีระมิด

แห่งกิซ่า นับเป็นสิ่งก่อสร้าง ขนาดใหญ่ที่สุด ที่มนุษย์เคยสร้างขึ้น

มา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางวิทยาการ ที่น่าอัศจรรย์

ของ อียิปต์โบราณ

กำแพงเมืองจีน ?

กำแพงเมืองจีน เป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัย

โบราณ กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัย

ราชวงศ์ฉิน ทั้งนี้เพื่อป้องกัน ชาวฮัน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ

อารยธรรมจีนในยุคต้น ๆ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว เนื่องจากจะเข้า

มารุกรานจีนตามแนวชายแดนทางใต้ ในสมัยราชวงศ์ฉิน ได้สั่งให้

สร้างกำแพงหมื่นลี้ตามชายแดน

ป้องกันการที่เข้ามารุกรานจากทางเหนือ หลังจากนั้นยังมีการ

สร้างกำแพงต่ออีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อน

จากมองโกเลียและแมนจูเรีย

ได้ตรวจวัดความยาวของสิ่งก่อสร้างจากน้ำมือมนุษย์ที่ใหญ่

ที่สุดในโลกหรือ "กำแพงเมืองจีน"

ยุคโบราณ

ในกรีกโบราณ กลไกอันติคือเธรา เป็นเครื่องคำนวณเครื่อง

แรกในประวัติศาสตร์ หรือสิ่งประดิษฐ์ของอาร์คิมิดีสซึ่งเรียกได้

ว่าเป็นตัวอย่างของงานทางวิศวกรรมเครื่องกลยุคโบราณ งาน

บางชิ้นของอาร์คิมิดิส และ กลไกแอนทิกิธีรา ต้องใช้ความเข้าใจ

อย่างลึกซึ้งในหลักการของเฟืองทดหรือเฟืองแพลนเน็ททอรี

ซึ่งเป็นสองกุญแจสำคัญในทฤษฎีจักรกลเพื่อใช้ในการ

ออกแบบระบบเฟืองในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมและยังคงใช้อย่าง

กว้างขวางในหลายๆสาขางานทางวิศวกรรมเครื่องกล เช่น หุ่น

ยนต์ และวิศวกรรมยานยนต์

เครื่องกลแอนติคิเธียรา ?

เครื่องกลแอนติคิเธียรา เป็น คอมพิวเตอร์ แอนะลอก เชิงกล

สมัยโบราณ (หลักการทำงานตรงกันข้ามกับคอมพิวเตอร์แบบ

ดิจิทัล ) มีการออกแบบเพื่อให้คำนวณตำแหน่งทาง ดาราศาสตร์

เครื่องกลดังกล่าวนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญในเรืออับปาง ห่างจาก

เกาะแอนติคิเธียรา ของ กรีซ ซึ่งอยู่ระหว่างคือเธรา และเครเต

ระบุอายุประมาณ 80 ปีก่อนคริสตกาล

อาร์คิมิดีส ?

อาร์คิมิดีส ( กรีกโบราณ ป.  287 – 212 ปีก่อน ค.ศ.) เป็น นัก

คณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักปรัชญา นักฟิสิกส์ และ

วิศวกร ชาว กรีก เกิดเมื่อ 287 ปีก่อนคริสตกาล ในเมือง ซีรากู

ซา ซึ่งในเวลานั้นเป็นนิคมท่าเรือของกรีก แม้จะมีรายละเอียด

เกี่ยวกับชีวิตของเขาน้อยมาก แต่เขาก็ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน

บรรดา นักวิทยาศาสตร์ ชั้นนำใน สมัยคลาสสิก ความก้าวหน้าใน

งานด้านฟิสิกส์ของเขาเป็นรากฐานให้แก่วิชา สถิตยศาสตร์

ของไหล , สถิตยศาสตร์ และการอธิบายหลักการเกี่ยวกับ คาน

เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเครื่องจักรกลหลายชิ้น ซึ่งรวม

ไปถึงปั๊ มเกลียว (screw pump) ซึ่งได้ตั้งชื่อตามชื่อของเขาด้วย

ผลการทดลองในยุคใหม่ได้พิสูจน์แล้วว่า เครื่องจักรที่อาร์คิมิดีสอ

อกแบบนั้นสามารถยกเรือขึ้นจากน้ำหรือสามารถจุดไฟเผาเรือได้

โดยอาศัยแถบกระจกจำนวนมาก

ยุคโบราณ

ในกองทัพจีนและโรมันโบราณต่างก็นำเครื่องจักรทางทหาร

ที่ซับซ้อนเข้ามาใช้งานในราชการกองทัพ เช่น เครื่องยิงหินแคเทอ

พอลต์, เครื่องยิงธนูบะลิสตา ในกองทัพโรมัน หรือการนำจรวด

เข้ามาใช้ในงานสงครามของกองทัพจีน สำหรับเครื่องยิงหินเท

รบิวเชตซึ่งถูกสร้างเพื่อการทำลายกำแพงเมืองของข้าศึกนั้น ถูก

สร้างขึ้นในยุคกลาง

บัลลิสต้า ?

The ballista and that from called bolt thrower, was an

ancient missile weapon that launched either bolts or stones

at a distant target. Developed from earlier Greek weapons,

it relied upon different mechanics, using two levers with

torsion springs instead of a tension prod (the bow part of a

modern crossbow). The springs consisting of several loops

of twisted skeins. Early versions projected heavy darts or

spherical stone projectiles of various sizes for siege

warfare. It developed into a smaller precision weapon

บัลลิสต้าและสิ่งที่เรียกว่าเครื่องขว้างโบลต์ที่เรียกว่าเป็นอาวุธมิสไซล์โบราณที่ยิงโบลต์หรือก้อนหินไป

ที่เป้าหมายที่อยู่ห่างไกล พัฒนาขึ้นจากอาวุธกรีกรุ่นก่อน โดยอาศัยกลไกต่างๆ โดยใช้คันโยกสองคัน

ที่มีสปริงบิดเป็นเกลียวแทนแรงดึง (ส่วนคันธนูของหน้าไม้สมัยใหม่) สปริงประกอบด้วยเกลียวบิด

เป็นเกลียวหลายห่วง รุ่นแรก ๆ ฉายลูกดอกหนักหรือกระสุนหินทรงกลมขนาดต่างๆ สำหรับการทำ

สงครามปิดล้อม มันพัฒนาเป็นอาวุธที่มีความแม่นยำขนาดเล็กลง

A trebuchet ?

A trebuchet is a type of catapult that uses a long arm to

throw a projectile. It was a common powerful siege engine

until the advent of gunpowder. The design of a trebuchet

allows it to launch projectiles of greater weights further

distances than that of a traditional catapult.

There are two main types of trebuchet. The first is the

traction trebuchet, or mangonel, which uses manpower to

swing the arm. It first appeared in China in the 4th century

BC. Carried westward by the Avars, the technology was

adopted by the Byzantines in the late 6th century AD and

by their neighbors in the following centuries.

Trebuchet เป็นหนังสติ๊กชนิดหนึ่งที่ใช้แขนยาวขว้างกระสุนปืน มันเป็นเครื่องปิดล้อมที่ทรงพลัง

ทั่วไปจนกระทั่งมีดินปืนเกิดขึ้น การออกแบบ Trebuchet ช่วยให้สามารถยิงขีปนาวุธที่มีน้ำหนักมาก
ขึ้นในระยะทางไกลกว่าของหนังสติ๊กแบบเดิม

ยุคกลาง

ชาวอิรักนามอัล จาซาริ คือผู้ที่มีอิทธิพลต่อการออกแบบเครื่องจักรในปัจจุบัน ใน

ช่วงระหว่าง ค.ศ. 1174 ถึง1200 เขาประดิษฐ์เครื่องจักรห้าเครื่องสำหรับการสูบ

น้ำถวายกษัตริย์ตุรกีราชวงศ์อาร์ตูควิดและปราสาทของราชวงศ์ เครื่องสูบน้ำ

ลูกสูบแบบ double-acting reciprocating ที่เขาออกแบบคือเครื่องจักรเครื่อง

แรกที่มีการใช้ทั้ง connecting rod และcrankshaft ดังนั้นจะมีการเปลี่ยนการ

เคลื่อนที่แบบหมุนให้เป็นการเคลื่อนที่แบบกลับไปกลับมา แต่สำหรับวิศวกรใน

ปัจจุบันแล้ว กลไกชนิดนี้ถือว่าเป็นกลไกขั้นพื้นฐาน

แม้กระทั่งทุกวันนี้ ของเล่นบางชิ้นก็ยังใช้กลไก คาน-แคมซึ่งพอในงาน

ประดิษฐ์กุญแจรหัสและตุ๊กตากลไขลานของอัล จาซารี นอกจากนี้ งานของเขา

ผ่านงานประดิษฐ์ของเขามากกว่า 50 ชิ้น เขาได้พัฒนาและค้นพบหลายๆสิ่ง เช่น

segmental gears, ระบบควบคุมเชิงกล, กลไก escapement, หุ่นยนต์, นาฬิกา,

การเคลื่อนที่แบบลูกสูบ

Rotation around a fixed axis is a special case of rotational

motion. The fixed-axis hypothesis excludes the possibility of an
axis changing its orientation and cannot describe such

phenomena as wobbling or precession. According to Euler's

rotation theorem, simultaneous rotation along a number of

stationary axes at the same time is impossible; if two rotations

are forced at the same time, a new axis of rotation will appear.

การเคลื่อนที่แบบลูกสูบ (reciprocating motion) เป็นการเคลื่อนที่เชิงเส้นขึ้นและลงซ้ำ ๆ หรือย้อนกลับมา พบได้ใน

กลไกต่างๆ รวมถึงเครื่องยนต์ลูกสูบและปั๊ ม การเคลื่อนไหวที่ตรงกันข้ามสองอันที่ประกอบด้วยวัฏจักรการโต้ตอบ

ครั้งเดียวเรียกว่าจังหวะ

A connecting rod ?

A connecting rod is the part of a piston engine which connects
the piston to the crankshaft. Together with the crank, the

connecting rod converts the reciprocating motion of the piston

into the rotation of the crankshaft. The connecting rod is

required to transmit the compressive and tensile forces from

the piston. In its most common form, in an internal combustion

engine, it allows pivoting on the piston end and rotation on the

shaft end.

ก้านสูบเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ลูกสูบที่เชื่อมต่อลูกสูบกับเพลาข้อเหวี่ยง เมื่อใช้ร่วมกับข้อเหวี่ยง ก้านสูบจะ

แปลงการเคลื่อนที่แบบลูกสูบของลูกสูบให้เป็นการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยง ต้องใช้ก้านสูบเพื่อส่งแรงอัดและแรงดึง

จากลูกสูบ ในรูปแบบทั่วไป ในเครื่องยนต์สันดาปภายใน ช่วยให้หมุนปลายลูกสูบและหมุนที่ปลายเพลาได้

A crankshaft ?

A crankshaft is a shaft driven by a crank mechanism consisting

of a series of cranks and crankpins to which the connecting

rods of an engine is attached. It is a mechanical part able to

perform a conversion between reciprocating motion and

rotational motion. In a reciprocating engine, it translates

reciprocating motion of the piston into rotational motion

เพลาข้อเหวี่ยงเป็นเพลาที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกข้อเหวี่ยงที่ประกอบด้วยชุดข้อเหวี่ยงและขาข้อเหวี่ยงซึ่งติดก้านสูบของ

เครื่องยนต์ เป็นชิ้นส่วนทางกลที่สามารถทำการแปลงระหว่างการเคลื่อนที่แบบลูกสูบกับการเคลื่อนที่แบบหมุนได้ ใน

เครื่องยนต์แบบลูกสูบ จะแปลงการเคลื่อนที่แบบลูกสูบของลูกสูบเป็นการเคลื่อนที่แบบหมุน

A combination lock ?

A combination lock is a type of locking device in which a

sequence of symbols, usually numbers, is used to open the lock.

The sequence may be entered using a single rotating dial which

interacts with several discs or cams, by using a set of several

rotating discs with inscribed symbols which directly interact

with the locking mechanism, or through an electronic or

mechanical keypad.

รหัสล็อคคือประเภทของอุปกรณ์ล็อคที่ใช้ลำดับของสัญลักษณ์ ซึ่งมักจะเป็นตัวเลข ในการเปิดล็อค ลำดับอาจถูกป้อน

โดยใช้แป้นหมุนหมุนเดียวซึ่งโต้ตอบกับแผ่นดิสก์หลายแผ่น โดยใช้ชุดจานหมุนหลายชุดที่มีสัญลักษณ์จารึกไว้ ซึ่งโต้ตอบ

โดยตรงกับกลไกการล็อค หรือผ่านแป้นพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเครื่องกล

An escapement ?

An escapement is a mechanical linkage in mechanical watches

and clocks that gives impulses to the timekeeping element and

periodically releases the gear train to move forward, advancing

the clock's hands. The impulse action transfers energy to the

clock's timekeeping element (usually a pendulum or balance

wheel) to replace the energy lost to friction during its cycle and

keep the timekeeper oscillating. The escapement is driven by

force from a coiled spring or a suspended weight, transmitted

through the timepiece's gear train. Each swing of the pendulum

or balance wheel releases a tooth of the escapement's escape

wheel, allowing the clock's gear train to advance or "escape" by

a fixed amount.

An escapement คือการเชื่อมโยงทางกลไกในนาฬิกากลไกและนาฬิกาที่ส่งแรงกระตุ้นไปยังองค์ประกอบการบอก
เวลาและปล่อยชุดเกียร์เป็นระยะเพื่อเคลื่อนไปข้างหน้าโดยเคลื่อนเข็มนาฬิกาไปข้างหน้า แรงกระตุ้นจะส่งพลังงานไปยัง

องค์ประกอบการบอกเวลาของนาฬิกา

ยุคฟื้ นฟูศิลปวิทยา

สมัยฟื้ นฟูศิลปวิทยา หรือ เรอแนซ็องส์ เป็นช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ยุโรป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสมัยกลางสู่สมัย

ใหม่และครอบคลุมศตวรรษที่ 15 และ 16 มีการแสดงลักษณะด้วยความพยายามที่จะฟื้ นฟูและก้าวข้ามแนวคิดและความสำเร็จ

ของสมัยคลาสสิก ได้เกิดขึ้นภายหลังจากวิกฤติการณ์จากสมัยกลางปลายและมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม

ครั้งใหญ่
หลังจาก สงครามครูเสด อันยาวนานร่วม 300 ปีสิ้นสุดลง ยุโรป ก็เข้าสู่สมัยฟื้ นฟูศิลปวิทยา โดยในช่วงแรกความรู้ทางศิลปะ

และวิทยาการของกรีกและโรมันได้ถูกนำเข้ามาผ่านเอกสารและหนังสือที่นักวิชาการมุสลิมในโลกอาหรับได้แปลไว้ เช่น ปรัชญา

ของ อริสโตเติล และคณิตศาสตร์ของกรีก ต่อมาการล่มสลายของนคร คอนสแตนติโนเปิล ศูนย์กลางแห่ง จักรวรรดิไบแซน

ไทน์ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 จากการรุกรานของ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 แห่งจักรวรรดิออตโตมัน ทำให้บรรดาพระ และผู้มี

วิชาความรู้ในเมืองหอบตำราสำคัญที่คัดลอกด้วยมือ (manuscripts) ต่างๆอันเป็นความรู้และสมบัติทางวัฒนธรรมที่ตกทอด

มาจากอารยธรรมกรีก และโรมัน ออกมาเผยแพร่เพื่อต่อสังคมยุโรปในวงกว้าง และเนื่องจากในขณะนั้นเทคโนโลยีการพิมพ์ และ

การพิมพ์แบบตัวเรียง (moveable types) เพิ่งได้รับการประดิษฐ์ขึ้นโดย กูเทนเบิร์ก ในยุโรป ความรู้ศิลปวิทยาการในสมัย

คลาสสิคจึงแพร่กระจายไปได้เร็วมาก ทำให้ยุโรปได้นำศิลปวิทยาการที่ได้รับการเผยแพร่ใหม่เหล่านี้ มาสอนในมหาวิทยาลัย

ตลอดจนนำมาปรับปรุง ดัดแปลงใหม่ ทำให้ยุโรปมีความเจริญก้าวหน้าในศาสตร์ทุก ๆ ด้าน

ยุคฟื้ นฟูศิลปวิทยา

วิลเลียม กิลเบิร์ตจัดได้ว่าเป็นวิศวกรไฟฟ้าคนแรกจากผลงานการตีพิมพ์ De

Magnete ใน ค.ศ. 1600ซึ่งเป็นผลงานที่มีการบัญญัติคำว่า"ไฟฟ้า"ขึ้นใช้เป็น

ครั้งแรก
เครื่องจักรไอน้ำเครื่องแรกถูกสร้างขึ้นโดยวิศวกรเครื่องกลชาวอังกฤษนาม โท

มัส ซาวารี ใน ค.ศ. 1698 ซึ่งการพัฒนาเครื่องจักรไอน้ำนี้ นำไปสู่การปฏิวัติ

อุตสาหกรรมในทศวรรตต่อมา และทำให้การผลิตแบบ Mass Production นั้น

เป็นไปได้
วิชาชีพวิศวกรก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในศตวรรตที่สิบแปด และความ

หมายของวิศวกรรมศาสตร์ก็แคบลง หมายถึง เฉพาะสาขาวิชาที่มีการนำ

วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เข้ามาใช้ เช่นเดียวกับ สาขาที่เคยอยู่ในสาย

วิศวกรรมการทหารและโยธา ก็ถูกยกขึ้นมาเป็นวิศวกรรมศาสตร์

electric force ?

วิลเลียม กิลเบิร์ต เป็นนักวิทยาศาสตร์,เป็นนักดาราศาสตร์และนักค้นคว้าวิจัย

ด้านวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับแม่เหล็กและไฟฟ้า ที่สำคัญคือ เขาเป็นคนค้นคิดคำ

"electricity" หรือ ไฟฟ้า
ผลงานชิ้นแรกของเขา ว่าด้วยแม่เหล็ก และวัตถุสภาพแม่เหล็ก และว่าด้วยแม่

เหล็กใหญ่ของโลก ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1600 ในงานชิ้นนี้ เขาได้บรรยายถึงการ

ทดลองของเขามากมายด้วยลูกโลกจำลอง ที่เรียกว่า "เทอร์เรลลา" (terrella)
จากการทดลองของเขา เขาสรุปได้ว่าโลกนั้น ก็คือตัวแม่เหล็กเอง และสรุปว่า นี่

คือเหตุผลที่ทำให้เข็มทิศชี้ไปทางทิศเหนือ (ก่อนนี้บางคนเชื่อว่า เข็มทิศชี้ไปหา

ดาวเหนือ หรือเกาะแม่เหล็กขนาดใหญ่ทางขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นตัวดึงดูดเข็มทิศ)
ในหนังสือเล่มนี้ เขายังได้ศึกษาถึงไฟฟ้าสถิต โดยการใช้แท่งอำพัน (อำพัน เป็น

ยางไม้แข็ง สีเหลืองอมน้ำตาล ในภาษากรีกเรียกว่า อิเล็กตรอน (elektron)

ด้วยเหตุนี้ กิลเบิร์ตจึงเรียกปรากฏการณ์ที่ตนค้นพบว่า "electric force"

(แรงไฟฟ้า)

Steam engine ?

เครื่องจักรไอน้ำ (อังกฤษ: Steam engine) ประดิษฐ์โดย โทมัส นิวโคเมน

(Thomas Newcomen) เมื่อ พ.ศ. 2248 (ค.ศ. 1705) ต่อมา เจมส์ วัตต์ ได้

พัฒนาเครื่องจักรไอน้ำขึ้น ซึ่งหลังจากนั้น ได้มีการนำเอาชื่อท่านมาตั้งเป็นหน่วย

ของกำลังไฟฟ้าวัตต์
เครื่องจักรไอน้ำเป็นเครื่องจักรแรกๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น รถจักรไอน้ำ เรือกล

ไฟ
เครื่องจักรไอน้ำ เป็นเครื่องจักรประเภท สันดาปภายนอก สามารถนำมาเปลี่ยน

เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ โดยการนำไอน้ำมาหมุนกังหันของ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า

(ไดนาโม) เครื่องจักรไอน้ำต้องมีหม้อต้มในการต้มน้ำในการทำให้เกิดไอน้ำ ไอน้ำ

ที่ได้จากการต้ม จะนำไปเป็นแรงในการดันกระบอกสูบหรือกังหัน
ข้อดีของเครื่องจักรไอน้ำประการหนึ่งคือการที่สามารถใช้แหล่งความร้อนจาก

อะไรก็ได้ เช่น นิวเคลียร์ พลังงานแสงอาทิตย์ เอทานอลนำมันจากพืช และอื่นได้

อีกมาก

Industrial Revolution ?

การปฏิวัติอุตสาหกรรม (อังกฤษ: Industrial Revolution) คือช่วงเวลา

ตั้งแต่ ค.ศ. 1760 ถึง ค.ศ. 1850 เมื่อการเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรกรรม การ

ผลิต การทำเหมืองแร่ การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยี ส่งผลกระทบอย่างลึก

ซึ้งต่อสภาพสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมในขณะนั้น การปฏิวัติเริ่มต้นในสห

ราชอาณาจักร จากนั้นจึงแพร่ขยายไปยังยุโรปตะวันตก อเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น จน

ขยายไปทั่วทั้งโลกในเวลาต่อมา
การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งส่ง

ผลกระทบในเกือบทุกแง่มุมของชีวิตประจำวันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ที่เห็นเด่นชัด

ที่สุดคือการที่รายได้และจำนวนประชากรโดยเฉลี่ยเริ่มที่จะขยายตัวอย่างยั่งยืนใน

แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้สองร้อยปีหลังจาก ค.ศ. 1800 ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อ

หัวของโลกขยายตัวมากกว่าสิบเท่า ในขณะที่จำนวนประชากรขยายตัวมากกว่า

หกเท่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มาตรฐานการดำรงชีวิตของประชาชน

ธรรมดาส่วนมากเริ่มเติบโตอย่างมั่นคง

Mass production ?

Mass production, also known as flow production or

continuous production, is the production of substantial

amounts of standardized products in a constant flow,

including and especially on assembly lines. Together with job

production and batch production, it is one of the three main

production methods.

การผลิตจำนวนมากหรือที่เรียกว่าการผลิตแบบไหลต่อเนื่องหรือการผลิตแบบต่อเนื่องคือการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานจำนวน

มากในกระแสคงที่ รวมถึงและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายการประกอบ ร่วมกับการผลิตงานและการผลิตเป็นชุด

วิศวกรรมไฟฟ้า ยุคปัจจุบัน ?
จุดเริ่มต้นมาจากการทดลองของอาเลสซันโดร วอลตา ในช่วง 1800s การ


ทดลองของ เกออร์ก ซีโมน โอห์ม และ ไมเคิล ฟาราเดย์ และการประดิษฐ์มอร์
เตอร์ไฟฟ้าใน ค.ศ. 1872 สำหรับงานของเจมส์ คลาร์ก แมกซ์เวลล์และเฮนริค

เฮิรต์ในช่วงปลายศตวรรตที่ 19 ทำให้วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้ถือกำเนิดขึ้นมา

มากไปกว่านั้น การค้นพบหลอดสุญญากาศและทรานซิสเตอร์ในช่วงเวลาต่อมา

ทำให้ความรู้ในสาขาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเด่น

ล้ำเหนือวิศวกรรมสาขาอื่นๆ

อาเลสซานโดร โวลตา ?


อาเลสซานโดร จูเซปเป อันโตนิโอ อนาสตาซิโอ โวลตา เป็นนักฟิสิกส์ชาว

ลอมบาร์ดี ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าคิดค้นแบตเตอรี (เซลล์ไฟฟ้าเคมี) ขึ้นในคริสต์


ทศวรรษ 1800

อาเลสซานโดร เป็นผู้บุกเบิกการผลิตไฟฟ้าและพลังงานซึ่งเป็นเครดิตใน


ฐานะ ผู้ประดิษฐ์แบตเตอรี่ไฟฟ้าและผู้ค้นพบก๊าซมีเทน Volta พิสูจน์ให้


เห็นว่ากระแสไฟฟ้าสามารถเกิดขึ้นได้ทางเคมีและหักล้างทฤษฎีที่แพร่หลายว่า


กระแสไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์เท่านั้น สิ่งประดิษฐ์ของ Volta กระตุ้นให้


เกิดความตื่นเต้นทางวิทยาศาสตร์และนำไปสู่การทดลองอื่น ๆ ที่นำไปสู่การ


พัฒนาด้านไฟฟ้าเคมีในที่สุด

ไมเคิล ฟาราเดย์ ?
ฟาราเดย์ได้ทดลองใช้ลวดขดเป็นวงหลายรอบแบบที่เราเรียกว่า คอยด์ โดย


ต่อปลายทั้งสองของขดลวดเข้ากับ กัลวานอมิเตอร์ และทดลองสอดแท่งแม่เหล็ก


เข้าไปในระหว่างขดลวด พบว่า กัลวานอมิเตอร์กระดิกไปข้างหนึ่ง และพอแม่เหล็ก


หยุดนิ่ง เข็มก็เบนกลับที่เดิม พอเขาดึงแท่งแม่เหล็กออก เข็มก็เบนไปอีกทางหนึ่ง


ตรงข้ามกับตอนแรก แล้วหยุดนิ่ง เขาพบว่า ไฟฟ้าเกิดจากการที่เส้นแรงแม่เหล็ก


ตัดกับขดลวด เขาจึงเรียกกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นว่า กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ


(Induced current) ซึ่งเขาพบว่ากระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำจะเกิดก็ต่อเมื่อมีการ


เคลื่อนที่ตัดกันของสนามแม่เหล็กกับขดลวดเท่านั้น ถ้าหยุดเคลื่อนที่กระแสไฟฟ้าก็


หายไป เขาจึงมีแนวคิดที่จะให้กระแสไฟฟ้าไหลอยู่ตลอดเวลา จึงหมุนขดลวดตัด


กับสนามแม่เหล็กตลอดเวลา เกิดสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า ไดนาโม

เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ ?
แมกซ์เวลล์เป็นศาสตราจารย์ด้าน ฟิสิกส์เชิงทดลอง (Experimental


Physics) คนแรกของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (พ.ศ. 2414) โดยเป็นผู้ก่อตั้งห้อง


ทดลอง คาเวนดิช (Cavendish Laboratory) ที่มีชื่อเสียง แมกซ์เวลล์ได้ตี


พิมพ์หนังสือเล่มสำคัญชื่อ "เรื่องราวว่าด้วยไฟฟ้าและแม่เหล็ก" (Treatise on


Electricity and magnetism) ในปี พ.ศ. 2416 ซึ่งเป็นการให้วิธีการทาง


คณิตศาสตร์เพื่ออธิบาย ทฤษฎีของฟาราเดย์ เกี่ยวกับ ไฟฟ้า และ แรงของแม่


เหล็ก นอกจากนี้ แมกซ์เวลล์ยังได้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับการมองเห็นสี จลนะ


หรือ การเคลื่อนไหวของ ก๊าซ แต่งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาได้แก่ ทฤษฎีว่าด้วย


การแผ่รังสีของแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งทำให้แมกซ์เวลล์ได้รับการยกย่องให้เป็นนัก


ทฤษฎีฟิสิกส์ชั้นนำแห่งศตวรรษ

วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ?

วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Engineering) เดิมเป็นสาขาหนึ่งของวิศวกรรมไฟฟ้าที่ถูกแยกออกมาเพื่อ


ให้เห็นความแตกต่างของงานทางด้านไฟฟ้ากำลัง กับงานทางด้านอิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์ เดิมทีเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และ ทดสอบวงจรไฟฟ้า ซึ่งสร้างจากอุปกรณ์ที่มี


คุณสมบัติเฉพาะทางแม่เหล็กไฟฟ้า ตั้งแต่อุปกรณ์ที่เป็น active เช่นหลอดสูญญากาศ, แบตเตอรี, เซลล์เชื้อเพลิง,

จอแสดงผล จนถึง อุปกรณ์จากสารกึ่งตัวนำเช่น ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และ อื่น ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ที่เป็น พาสซีฟ

เช่นตัวต้านทาน, ตัวเก็บประจุและขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานตามจุดประสงค์ที่ต้องการ เช่น

เป็นวงจรวิทยุสื่อสาร วงจรคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

หลอดสุญญากาศ ?


หลอดสุญญากาศ หมายถึง อุปกรณ์ที่ควบคุมกระแสไฟฟ้าผ่านขั้วอิเล็กโทรด

ภายในบริเวณที่มีอากาศหรือก๊าซเบาบาง ปรากฏการณ์ ทางฟิสิกส์ที่ใช้อธิบาย


การนำไฟฟ้าก็คือ ปรากฏการณ์เทอร์มิออนิค อิมิตชัน (thermionic emission)


ซึ่งอธิบายว่าเมื่อโลหะถูกทำให้ร้อนจนถึงระดับหนึ่งด้วยการป้อนกระแสไฟฟ้าจะทำให้


อิเล็กตรอนหลุดออกมาที่ผิวของโลหะ เมื่อทำการป้อนศักย์ไฟฟ้าเพื่อดึงดูดอิเล็กตรอน


ที่หลุดออกมาอยู่ที่ผิวด้วยขั้วโลหะอีกขั้วหนึ่งที่อยู่ข้างๆ จะทำให้เกิดการไหลของกระแส


ได้ เราเรียก หลอดสุญญากาศที่มีขั้วโลหะเพียงสองขั้วนี้ว่า หลอดไดโอด (Diode)


โดยขั้วที่ให้อิเล็กตรอน เรียกว่า คาโธด (Cathode) และขั้วที่รับอิเล็กตรอนเรียกว่า


อาโนด (Anode)

ทรานซิสเตอร์ ?


ทรานซิสเตอร์ เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำที่มีคุณสมบัติขยายหรือสลับสัญญาณไฟฟ้า


หรือพลังงานไฟฟ้า ยูเลียส เอดการ์ ลิเลียนเฟลด์ วิศวกรและนักฟิสิกส์ชาวเยอรมันจด


สิทธิบัตรทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า (field-effect transistor) ในปี ค.ศ. 1926


แต่ในเวลานั้นยังไม่สามารถสร้างได้จริง

สิ่งประดิษฐ์ของโทมัส ซาวารีและเจมส์ วัตต์ทำให้วิศวกรรมเครื่องกลใน ยุคปัจจุบัน ?
ปัจจุบันก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะการพัฒนาเครื่องจักรเฉพาะ


หรือเครื่องมือในการซ่อมบำรุงในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างก็ทำให้ความ

รู้ในแขนงนี้กว้างมากขึ้นทั้งในสหราชอาณาจักร
วิศวกรรมเคมีเองก็มีความคล้ายคลึงกับวิศวกรรมเครื่องกล ถูกพัฒนาใน

ศัตวรรตที่ 19 ในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมในเวลานั้นมีความ

ต้องการวัสดุและกระบวนการใหม่ๆ และในช่วงปี 1880 ความต้องการการ

ผลิตทางเคมีจำนวนมากทำให้อุตสาหกรรมเคมีถือกำเนิดขึ้น และทำให้เกิด

การพัฒนากระบวนการผลิตสารเคมีขนาดหนักจนทำให้มีโรงงานผลิตสารเคมี

เกิดขึ้น บทบาทของวิศวกรเคมีคือการออกแบบโรงานและกระบวนการผลิต

สารเคมี

สิ่งประดิษฐ์ของโทมัส ซาวารีและเจมส์ วัตต์ทำให้วิศวกรรมเครื่องกลใน ยุคปัจจุบัน ?
ปัจจุบันก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะการพัฒนาเครื่องจักรเฉพาะ


หรือเครื่องมือในการซ่อมบำรุงในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างก็ทำให้ความ

รู้ในแขนงนี้กว้างมากขึ้นทั้งในสหราชอาณาจักร
วิศวกรรมเคมีเองก็มีความคล้ายคลึงกับวิศวกรรมเครื่องกล ถูกพัฒนาใน

ศัตวรรตที่ 19 ในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมในเวลานั้นมีความ

ต้องการวัสดุและกระบวนการใหม่ๆ และในช่วงปี 1880 ความต้องการการ

ผลิตทางเคมีจำนวนมากทำให้อุตสาหกรรมเคมีถือกำเนิดขึ้น และทำให้เกิด

การพัฒนากระบวนการผลิตสารเคมีขนาดหนักจนทำให้มีโรงงานผลิตสารเคมี

เกิดขึ้น บทบาทของวิศวกรเคมีคือการออกแบบโรงานและกระบวนการผลิต

สารเคมี

วิศวกรรมการบิน แต่เดิมทีมุ่งหมายเพียงการออกแบบอากาศยาน ทว่าต่อ
ยุคปัจจุบัน ?
มามีความมุ่งหมายรวมไปถึงการออกแบบอวกาศยานด้วย จุดกำเนิดของ


วิศวกรรมการบินอาจจะย้อนไปได้ถึงความพยายามค้นคว้าด้านการบินใน

ศัตวรรตที่ 18-19 รวมทั้งเครื่องร่อนผลงานของ เซอร์ จอร์จ เคยเลย์ ใน

ช่วงทศวรรตสุดท้ายของศัตวรรตที่ 18 ด้วย ในช่วงแรกเริ่ม ความรู้ใน

วิศวกรรมการบินนั้นมีเพียงแนวคิดและทักษะจากวิศวกรรมสาขาอื่นๆเท่านั้น
แต่เพียงทศวรรตเดียวหลังความสำเร็จในการบินของ พี่น้องไรต์ คือช่วงปี

1920s พัฒนาการด้านการบินได้รับการพัฒนาไปมากผ่านการสร้าง

อากาศยานสำหรับ การทหาร ใน สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในขณะดียวกัน

การวิจัยเพื่อพัฒนาความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ก็ดำเนินไปโดยการนำทฤฎี

ทางฟิสิกส์มาประยุกต์เข้ากับการทดลองจริง

สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์

วิศวกรรมศาสตร์นั้นคล้ายคลึงกับวิทยาศาสตร์ที่มีขอบข่ายกว้างขวางจนสามารถแตกแยกย่อยลงมาได้หลาย

สาขาย่อย และในแต่ละสาขาย่อยต่างก็มองตัวเองในสายงานต่างๆทางวิศวกรรม ถึงแม้ว่าในช่วงแรก วิศวกรจะถูก

ฝึกศึกษามาในสาขาใดสาขาหนึ่ง แต่หลังจากผ่านประสบการณ์งานในสายวิศวกรรมมาแล้ว วิศวกรผู้นั้นอาจจะมี

ความสามารถในการทำงานได้หลากหลายสาขา โดยประวัติศาสตร์แล้ว วิศวกรรมสาขาหลักๆแบ่งได้ดังนี้

วิศวกรรมการบินและอวกาศยาน - ออกแบบอากาศยาน อวกาศยาน และสิ่งที่เกี่ยวข้อง
วิศวกรรมเครื่องกล - ออกแบบระบบเชิงกายภาพหรือกลศาสตร์ ตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง

ระบบกันกระเทือน
วิศวกรรเคมี - ใช้หลักการทางเคมีในกระบวนการผลิตเคมีอุตสาหกรรม รวมไปถึงการค้นคว้าวิจัยเชื้อเพลิง

และวัสดุจำเพาะใหม่ๆ

สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์

วิศวกรรมไฟฟ้า - ออกแบบระบบไฟฟ้า เช่น หม้อแปลงไฟฟ้า ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด
วิศวกรรมโยธา - ออกแบบและก่อสร้างสิ่งก่อสร้าง เช่น รางรถไฟ ถนนหนทาง สะพาน ตึกและอาคารบ้าน

เรือน

เนื่องด้วยพัฒนาการอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี วิศวกรรมสาขาใหม่ๆมีความสำคัญมากขึ้นและได้รับการ

พัฒนาเช่น วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมแม็คคาทรอนิกส์ วิศวกรรมไฟฟ้าเครื่องกลการผลิต นาโนเทคโนโลยี

บางครั้ง สาขาใหม่นั้นก็เกิดจากการผสมผสานความรู้ของสาขาเดิมเข้าด้วยกัน การเกิดขึ้นใหม่ของสาขาทาง

วิศวกรรมนั้น โดยทั่วไปแล้วจะถูกนิยามแบบชั่วคราว ในหลากหลายรูปแบบ หรือนิยามในฐานสาขาย่อยของสาขาที่

มีอยู่แล้ว ช่วงว่างของความรู้นี้ เมื่อได้รับความสนใจศึกษามากขึ้น ก็จะได้รับการยกระดับให้เป็นสาขาใหม่ ตัวชี้วัด

ได้ตัวหนึ่งของการเกิดสาขาใหม่นั้นคือการตั้งสาขาวิชาหรือหลักสูตรของมหาวิทยาลัย

สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมเกษตร
วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์ วิศวกรรมทรัพยากรน้ำ
วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ วิศวกรรมดินและน้ำ
วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมโลจิสติกส์
วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์
วิศวกรรมธรณี วิศวกรรมขนส่ง
วิศวกรรมระบบสิ่งก่อสร้าง วิศวกรรมขนถ่ายวัสดุ
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรมความปลอดภัย
วิศวกรรมโทรคมนาคม วิศวกรรมปิโตรเลียม
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม วิศวกรรมปิโตรเคมี
วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมซอฟต์แวร์
วิศวกรรมชีวเวช วิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร
วิศวกรรมการผลิต วิศวกรรมสารสนเทศ


Click to View FlipBook Version