รายงาน
การสละมรดก
เสนอ
อาจารย์ มาตา สินดา
จัดทาโดย
นางสาว กัญญารัตน์ เนือ้ อ่อน รหัสนสิ ติ 612081006
นาย วรศักด์ิ ไชยภักดี รหสั นิสิต 612081063
รายงานเลม่ นี้เป็นสว่ นหนง่ึ ของวชิ า มรดก (0801313) กลมุ่ P102
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
มหาวทิ ยาลยั ทักษิณ วิทยาเขตพทั ลุง
ก
คานา
รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวิชากฎหมายเก่ียวกับมรดก 0801313 โดยมีวัตถุประสงค์
ในการจัดทาขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับการสละมรดก ซ่ึงเน้ือหาจะประกอบดว้ ย นิยาม
ขอบเขตวิธีการสละมรดก เงื่อนไขเกี่ยวกับการสละมรดก การสละมรดกของบุคคลบางประเภทตามที่กาหนดไว้ใน
มาตรา 1611 ผลของการสละมรดก การเพิกถอนการสละมรดก
ผู้จัดทาขอขอบพระคุณอาจารย์มาตา สินดา ผู้ให้ความรู้และแนวทางในการศึกษา ทางผู้จัดทา หวังเป็น
อย่างย่ิงว่ารายงานเล่มนี้สามารถเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านหรือผู้ที่ต้องการศึกษาหาข้อมูล หากผิดพลาดประการใดก็
ขออภัยมา ณ ทน่ี ี้ด้วย
คณะผจู้ ดั ทา
ข
สารบญั
เน้ือหา หน้า
คานา………………………………………………………………………………………………………………………………………………ก
สารบัญ……………………………………………………………………………………………………………………………………………ข
นยิ ามขอบเขตวิธกี ารสละมรดก..................……………………………………………………………................................1-2
เงือ่ นไขเกย่ี วกับการสละมรดก……………………………………………………………………………………………………..…..2-3
การสละมรดกของบคุ คลบางประเภทตามทีก่ าหนดไวใ้ นมาตรา 1611………………………………….……………...3-4
ผลของการสละมรดก.............................................……………………………………………………………….…….…......4-7
การเพกิ ถอนการสละมรดก………………………………………………………………………………………………….…….......7-9
อ้างอิง.............................................................................................................................................................ค
1
การสละมรดก
สาหรบั การสละมรดกนั้นเป็นกรณีทตี่ วั ทายาทได้แสดงเจตนาว่าจะไม่รับมรดก ซงึ่ ตามมาตรา 1599 เม่ือ
เจา้ มรดกตายมรดกจะตกทอดมายงั ทายาททันที โดยท่ที ายาทไม่ตอ้ งแสดงเจตนารับมรดก ดงั นนั้ หากทายาทคนใด
ไม่ต้องการทรัพย์มรดกทตี่ กทอดมายังตน ทายาทก็ตอ้ งแสดงเจตนาวา่ ไมต่ ้องการที่จะรับมรดกน้นั โดยปฏบิ ตั ติ าม
วธิ ีการสละมรดก ซ่ึงทายาทที่จะทาการสละมรดกน้ันอาจเป็นทายาทโยธรรมหรือผรู้ บั พนิ ยั กรรมกไ็ ด้ โดยการสละ
มรดกจะกระทาไดต้ ่อเมื่อเจา้ มรดกถึงแกค่ วามตายแล้วเท่านั้น ตามมาตรา 1619
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 1619 บัญญตั ไิ ว้ว่า “ผู้ใดจะสละหรอื จาหนา่ ยจ่ายโอนโดย
ประการใด ซ่ึงสิทธอิ นั หากจะมใี นภายหนา้ ในการสบื มรดกผูท้ ่ียงั มชี ีวิตอยู่น้นั ไม่ได”้
จากบทบญั ญัตดิ งั กลา่ ว ทายาทจะทาการสละมรดกได้กต็ ่อเมอื่ เจา้ มรดกถึงแกค่ วามตายเท่านนั้ เพราะหาก
ว่าเจ้ามรดกยงั ไมถ่ ึงแกค่ วามตายก็ย่อมไมม่ มี รดกตกทอดเพ่อื ทายาทผู้มสี ิทธริ ับมรดกทาการสละมรดกได้
หากว่าทายาทคนใดสละมรดกหรือจาหนา่ ยจ่ายโอนสิทธิในการรบั มรดกกอ่ นเจา้ มรดกถึงแกค่ วามตายก็
เท่ากบั ว่าไมม่ ีการสละมรดก ทายาทคนนั้นก็ยงั คงมสี ทิ ธใิ นการรบั มรดกอยู่
วิธกี ารสละมรดก
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 1612 บัญญัติไวว้ า่ “การสละมรดกนัน้ ต้องแสดงเจตนา
ชัดแจ้งเปน็ หนงั สือมอบไวแ้ ก่พนักงานเจา้ หน้าที่ หรอื ทาเปน็ สญั ญาประนปี ระนอมยอมความ”
สาหรบั วิธีการสละมรดกน้ันกฎหมายได้กาหนดไว้ 2 วธิ ี
1) การทาเปน็ หนงั สอื สละมรดกมอบแก่พนักงานเจา้ หนา้ ที่
โดยพนักงานเจา้ หนา้ ทผ่ี รู้ บั อานาจมอบหนงั สอื สละสทิ ธิในการรับมรดก ก็คอื นายอาเภอ ผู้อานวยการเขต หรือ
พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ซี ่งึ เปน็ ผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมายจากนายอาเภอหรือผ้อู านวยการเขตแลว้ แตก่ รณี หากวา่ ทายาททท่ี า
การสละมรดกได้นาหนังสอื ไปมอบให้พนกั งานเจา้ หน้าทท่ี ไ่ี มม่ ีอานาจรบั มอบถอื ว่าเป็นการสละมรดกทไ่ี ม่ชอบดว้ ย
กฎหมายเท่ากับไม่มีผลเปน็ การสละมรดก ทายาทผ้นู ้ันยังคงมีสทิ ธไิ ดร้ ับมรดกไดอ้ ยู่เช่นเดมิ
2) สละมรดกโยทาเปน็ สญั ญาประนปี ระนอมยอมความ
กรณขี องสัญญาประนปี ระนอมยอมความนต้ี ้องพจิ ารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850 ถึง
มาตรา 852 กล่าวคอื สัญญาประนีประนอมยอมความนน้ั เปน็ สญั ญาระงบั ขอ้ พพิ าทอนั ใดอนั หนนึ่งที่มอี ยหู่ รือจะมี
ข้ึนให้เสร็จไปดว้ ยตา่ งยอมผ่อนผนั ใหแ้ กก่ ันและตอ้ งมีหลักฐานเป็นหนังสอื ลงลาบมือชอ่ื ผา่ ยทต่ี อ้ งรบั ผิดหรือลายมือ
ชอ่ื ตัวแทนของฝ่ายนนั้ เปน็ สาคัญ
การทาสัญญาประนปี ระนอมยอมความน้นั จะเกิดขน้ึ ได้ก็ดว้ ยการแสดงเจตนาดว้ ยกนั ทั้งสองฝา่ ยเท่านน้ั
หากทาสัญญาประนปี ระนอมยอมความเพียงฝา่ ยเดยี วไม่ถือวา่ เปน็ สัญญาประนีประนอมยอมความ แตใ่ นกรณีทีม่ ี
2
ทายาทหลายคน ทายาททตี่ ้องการสละมรดกไม่จาเป็นตอ้ งทาสญั ญาประนปี ระนอมยอมความกับทายาททัง้ หมดทุก
คน แม้ทากับทายาทคนหนง่ึ คนใดกม็ ีผลใชบ้ งั คบั แล้ว
ขอ้ สงั เกต การสะมรดกนน้ั หากวา่ ทายาทคนนั้นมฐี านะในการรบั มรดกของเจ้ามรดกทั้ง 2 ฐานะ คอื ฐานะทายาท
โยธรรมและฐานะผ้รู บั พนิ ัยกรรม ซ่ึงทายาทยอ่ มสามารถสละมรดกได้ทงั้ 2 ฐานะหรือจะระบตุ วั ตนสละมรดกใน
ฐานะอะไรกไ็ ดแ้ ตถ่ ้าทายาทคนน้ันไม่ไดร้ ะบุว่าตนสละมรดกในฐานะใด เชน่ นี้ย่อมถอื วา่ ทายาทคนนนั้ ได้สละมรดก
ของเจ้ามรดกทง้ั 2 ฐานะ
เงอื่ นไขเกย่ี วกับการสละมรดก
1) ทายาทจะสละมรดกแตเ่ พียงบางส่วนหรอื มีเงอ่ื นไขไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 1613 วรรคหนงึ่ บญั ญตั ิไวว้ ่า “การสละมรดกนั้น จะทาแต่เพียง
บางสว่ น หรือทาโดยมเี ง่ือนไข หรอื เงื่อนเวลาไมไ่ ด”้
จากบทบญั ญตั ดิ ังกลา่ ว ทายาทจะสละมรดกแตเ่ พียงบางส่วนหรอื ทาโดยมเี ง่อื นไขหรือเงอ่ื นเวลาไมไ่ ด้
ตัวอย่าง ทายาทผูห้ นง่ึ ทาหนงั สือสละมรดกโดยมอบแก่เจา้ พนักงานไว้โดยชอบดว้ ยกฎหมาย โดยกาหนดให้มผี ล
เมื่อแรม 1 คา่ เดอื น 10 ในกรณนี เ้ี ป็นการสละมรดกโยมีเงอื่ นไขเวลา จึงถือวา่ เป็นการสละมรดกโดยไมช่ อบด้วย
กฎหมาย มผี ลเปน็ การสละมรดก ทายาทคนนน้ั ยังมีสทิ ธิไดร้ ับมรดกของเจา้ มรดกอยู่
นอกจากนี้ การสละมรดกบางสว่ นกจ็ ะกระทาไมไ่ ด้ การสละมรดกต้องสละมรดกทกุ สว่ นที่ตนมีสิทธไิ ด้รบั
เช่น สละมรดกเพียง 1 ใน 3 สว่ นของทรพั ย์มรดกอันตกแกต่ น กรณนี ้ีถอื ว่าเปน็ การสละมรดกบางสว่ น จงึ เป็นการ
สละมรดกทไี่ ม่ชอบดว้ ยกฎหมาย ไม่มผี ลเปน็ การสละมรดก
2) การสละมรดกต้องไมม่ ีเจตนาเจาะจงใหม้ รดกของตนทสี่ ละแล้วนน้ั ตกไดแ้ ก่ทายาทคนหนึง่ คนใด
โดยเฉพาะ หรอื ยอมรับแบง่ ทรพั ยม์ รดกทม่ี รี าคาน้อยกวา่ ส่วนทีต่ นจะได้ เพราะวา่ กรณนี ้จี ะกลายเปน็
เรอื่ งการแบง่ ทรัพย์มรดกโยการทาสัญญาประนีประนอมยอมความ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 597/2508 เมือ่ ในสญั ญาประนีประนอมยอมความระหว่างจาเลยบุตรจาเลยและผู้
ร้องขัดทรัพยม์ ีขอ้ ตกลงว่าจาเลยยอมสละมรดกสว่ นตนทง้ั ส้นิ เชน่ น้ี แม้จะมขี ้อตกลงต่อไปว่าให้จาเลยมสี ทิ ธิ
เก็บกนิ จนกว่าจะวายชนม์และผ้รู อ้ งขัดทรพั ย์ยกท่ดี ินสว่ นหนึ่งให้บุตรจาเลยกด็ ีกไ็ ม่ถอื วา่ เป็นการสละมรดกโดย
มเี ง่อื นเวลาและเงือ่ นไขแตถ่ อื ว่าเป็นการได้สิทธเิ พราะการสละมรดกโดยสญั ญาประนปี ระนอมยอมความการ
สละมรดกจึงสมบรู ณไ์ ม่ฝ่าฝืนมาตรา 1613
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1723/2515 ข้อตกลงระหวา่ งทายาททใ่ี ห้ทายาทคนหน่งึ ชาระหน้ีสินของเจ้ามรดกทงั้
หมดแลว้ ยินยอมให้ทายาทผชู้ าระหน้ดี ังกลา่ วแต่ผ้เู ดียวลงชอื่ รบั มรดกสว่ นของเจา้ มรดกในโฉนดท่ีดินนั้นไมใ่ ช่
เป็นเร่อื งทายาทสละมรดก ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 1612 เพราะการ
สละมรดกตามมาตรานห้ี มายถึงการสละส่วนของตนโดยไม่เจาะจงว่าจะใหแ้ กท่ ายาทคนใด
3
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4921/2552 การสละมรดกมี ป.พ.พ.มาตรา 1612 บัญญัตใิ ห้กระทาได้ 2 แบบคอื
แสดงเจตนาชัดแจ้งเปน็ หนังสอื มอบไวแ้ ก่พนกั งานเจา้ หน้าที่ หรือทาเปน็ สัญญาประนีประนอมยอมความ คา
วา่ พนกั งานเจ้าหนา้ ที่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1612 หมายถงึ ผอู้ านวยการเขตหรอื นายอาเภอหรือหวั หนา้ กิง่
อาเภอและหมายรวมถงึ บุคคลท่กี ระทาหนา้ ท่แี ทนด้วย ดงั น้นั การที่บตุ รท้ังเจ็ดของเจา้ มรดกไปให้ถอ้ ยคาและ
ทาบันทึกหลกั ฐานเป็นหนังสือระบุชัดแจง้ วา่ ไมข่ อรับโอนมรดกทีด่ นิ ไว้ตอ่ เจ้าหน้าทีบ่ รหิ ารงานที่ดินอาเภอซ่งึ
เป็นหัวหน้าส่วนราชการประจาสานกั งานทด่ี ินอาเภอสวี ในฐานะเจ้าหน้าที่บริหารงานทดี่ นิ ปฏบิ ัตริ าชการแทน
นายอาเภอ ซงึ่ นายอาเภอมอี านาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 38 (10) ทใี่ ช้
บังคบั อยูใ่ นขณะน้นั ท่จี ะมอบอานาจให้หวั หน้าส่วนราชการทีป่ ระจาอยใู่ นอาเภอปฏิบัติราชการแทนได้ จึงเปน็
การแสดงเจตนาตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีต่ ามกฎหมายแลว้ แตก่ ารทบ่ี ุตรทั้งเจ็ดระบวุ ่า ไม่ประสงคข์ อรับมรดก
ท่ีดินแปลงนี้และยินยอมใหจ้ าเลยรับมรดกแปลงน้แี ตผ่ ู้เดยี ว ไม่ใช่การสละมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1612
เพราะเปน็ การสละมรดกโดยมีเงอ่ื นไข ตอ้ งหา้ มตาม ป.พ.พ. มาตรา 1613 อย่างไรกต็ ามบนั ทกึ ดังกล่าวมี
ลกั ษณะเปน็ สญั ญาประนีประนอมยอมความมผี ลใช้บงั คับผกู พนั บุตรทั้งเจ็ดกับจาเลยไดต้ าม ป.พ.พ. มาตรา
850, 852 และ 1750
3) การสละมรดกนนั้ อาจเป็นการสละมรดกโดยมีค่าตอบแทนกไ็ ด้
แตว่ า่ ค่าตอบแทนท่ใี หแ้ ก่ผสู้ ละมรดกต้องเป็นทรพั ย์สนิ ของทายาทผใู้ ห้ค่าตอบแทนน้ันเอง โดยไม่จากดั ว่าต้องเป็น
คา่ ตอบแทนจากทายาทอ่นื ทุกคนหรอื คนใดคนหนึง่ แตต่ อ้ งไมใ่ ช่ทรัพยส์ นิ ในกองมรดกหรอื สว่ นมรดกท่ที ายาทผู้ให้
ค่าตอบแทนคนนั้นจะได้รบั มิฉะนั้นจะกลายเป็นการแบ่งปันหรอื แลกเปลยี่ นทรพั ย์มรดกกัน ไมใ่ ช่การสละมรดกโย
ชอบด้วยกฎหมาย
การสละมรดกของบคุ คลบางประเภทตามที่กาหนดไวใ้ นมาตรา 1611
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 1611 บัญญัติไวว้ า่ “ทายาทซึ่งเป็นผเู้ ยาว์ บคุ คล
วกิ ลจริต หรอื บคุ คลผูไ้ ม่สามารถจะจดั ทาการงานของตนเองไดต้ ามความหมายแหง่ มาตรา 32 แหง่ ประมวล
กฎหมายนี้ จะทาการดังตอ่ ไปนี้ไมไ่ ด้ เว้นแต่จะไดร้ บั ความยินยอมของบิดามารดา ผู้ปกครอง ผอู้ นบุ าล หรอื ผู้
พิทักษ์ แล้วแตก่ รณี และไดร้ ับอนุมัตจิ ากศาลแลว้ คือ
(1) สละมรดก
(2) รบั มรดกอนั มีคา่ ภาระตดิ พนั หรือเงอื่ นไข”
จากบทบญั ญัตดิ งั กล่าว กฎหมายไดบ้ ัญญัตคิ ้มุ ครองในเรื่องการสละมรดกของบุคคลไว้ 3 ประเภท
1) ผู้เยาว์ กฎหมายกาหนดว่าผู้เยาว์จะสละมรดกเองไมไ่ ด้ จะตอ้ งไดร้ ับความยนิ ยอมจากบดิ ามารดาและ
ได้รับการอนมุ ตั จิ ากศาลเสียกอ่ น มิฉะนัน้ การสละมรดกยอ่ มไมข่ อบด้วยกฎหมาย
4
2) บคุ คลวกิ ลจรติ ซง่ึ รวมถงึ บุคคลวิกลจริตทศ่ี าลส่ังใหเ้ ปน็ คนไรค้ วามสามารถด้วยโดยการสละมรดกจะตอ้ ง
ได้รบั ความยินยอมจากผูอ้ นุบาลกอ่ นและตอ้ งไดร้ บั อนุมัติจากศาลเท่านัน้ หากฝา่ ฝืนการสละมรดกกไ็ ร้ผล
3) บคุ คลผไู้ ม่สามารถจะจดั ทาการงานของตนเองได้ตามความหมายแหง่ มาตรา 32 ซงึ่ ก็คอื บคุ คลทศี่ าล
สง่ั ให้เปน็ คนเสมือนไร้ความสามารถน่นั เอง โดยการสละมรดกของคนเสมอื นไรค้ วามสามารถจะต้องไดร้ ับ
ความยินยอมจากผูพ้ ทิ กั ษ์กอ่ นและไดร้ บั อนุมัติจากศาลเทา่ นั้น
ผลของการสละมรดก
เมอื่ ทายาทคนใดไดท้ าการสละมรดกโยชอบด้วยกฎหมายแลว้ ผลของการสละมรดกยอ่ มเปน็ ไปตามทีบ่ ญั ญตั ิ
ไวใ้ นมาตรา 1615 วรรคหน่งึ
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 1615 วรรคหนงึ่ บัญญตั ิไวว้ า่ “การทท่ี ายาทสละมรดกนน้ั มี
ผลย้อนหลังไปถึงเวลาทเี่ จ้ามรดกตาย”
จากบทบัญญัตดิ งั กล่าวไมว่ ่าทายาทท่ีทาการสละมรดกจะเปน็ ทายาทโยธรรมหรอื ทายาทผู้รบั พนิ ยั กรรมกต็ าม
การสละมรดกก็ยอ่ มมผี ลยอ้ นหลังไปถึงเวลาทเ่ี จ้ามรดกตาย ซึง่ ถอื ว่าทรัพยม์ รดกของเจา้ มรดกไมไ่ ด้ตกทอดแก่
ทายาทผู้สละมรดกน้นั เลย สิทธิ หน้าทแ่ี ละความรบั ผดิ ในฐานะทายาทของผ้สู ละมรดกยอ่ มหมดไปนับแตเ่ จ้ามรดก
ถงึ แก่ความตาย ถา้ ทายาทผสู้ ละมรดกได้รบั สว่ นแบ่งมรดกบ้างแล้วก่อนสละมรดกกต็ อ้ งคนื ให้กองมรดกเพ่อื นาไป
แบ่งปันแก่ทายาทอน่ื ต่อไป
ตวั อยา่ ง นายหนึง่ เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย มีบตุ ร 2 คน คอื นายเอกกบั นางโท โดยนางโทมีบตุ รหนง่ึ คนคือ
เดก็ หญงิ ฟา้ หลงั จากนายหนึ่งถึงแก่ความตายไปได้ 7 วนั นางโทกถ็ ึงแก่ความตาย และนายเอกกไ็ ด้ทาการสละ
มรดกของนายหนง่ึ เจ้ามรดกโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ดังนี้ มรดกของนายหน่งึ จะตกทอดแก่ใครบ้าง
กรณนี น้ี ายเอกและนางโทถอื วา่ เปน็ ผสู้ บื สันดานในลาดบั เดยี วกนั จงึ ตอ้ งแบง่ มรดกเทา่ ๆกนั ต่อมานางโทถึงแก่
ความตายและนายเอกกส็ ละมรดก ซ่ึงการท่ีนายเอกสละมรดกนนั้ ผลของการสละมรดกยอ่ มมผี ลยอ้ นหลังไปถึง
เวลาทนี่ ายหนงึ่ เจ้ามรดกถึงแก่ความตายตามมาตรา 1516 วรรคหนง่ึ ดงั นัน้ มรดกในสว่ นของนายเอกทจี่ ะไดร้ ับ
นนั้ จงึ ตอ้ งนาแบ่งใหก้ บั นางโท เพราะวา่ ขณะที่นายหนง่ึ เตา้ มรดกถงึ แก่ความตายน้นั นางโทยงั มีสิทธริ บั มรดกอยู่
มรดกของนายหนงึ่ เจา้ มรดกจงึ ตกทอดมายงั นางโทแม้ภายหลงั นางโทจะไม่มสี ภาพบคุ คลอย่กู ็ตาม และเม่ือนางโท
ถงึ แกค่ วามตาย มรดกของนางโทจงึ ตกทอดไปยงั ผสู้ บื สันดานของนางโทซ่งึ กค็ ือเด็กหญงิ ฟา้ ทจี่ ะเขา้ มารบั มรดกใน
ฐานะทายาทโดยธรรมของนางโท
ผลของการสละมรดกตอ้ งแยกพิจารณาเปน็ 2 กรณี ดังนี้
1) กรณที ายาทโดยธรรมสละมรดก ตอ้ งพิจารณาตามมาตรา 1615 วรรคสอง
5
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 1615 วรรคสอง บัญญตั ไิ วว้ ่า "เม่อื ทายาทโดยธรรมคนใด
สละมรดก ผ้สู บื สนั ดานของทายาทคนนั้นสบื มรดกไดต้ ามสทิ ธิของตน และชอบทจี่ ะไดร้ ับสว่ นแบง่ เทา่ กับส่วน
แบ่งท่ผี ้สู ละมรดกนน้ั จะไดร้ บั แต่ผสู้ ืบสันดานนน้ั ต้องไมใ่ ชผ่ ู้ท่บี ิดามารดา ผปู้ กครอง หรือ ผู้อนบุ าลแลว้ แต่
กรณี ได้บอกสละมรดกโดยสมบูรณ์ในนามของผสู้ บื สนั ดานนนั้ "
จากบทบัญญตั ดิ งั กลา่ ว การสละมรดกของทายาทโดยธรรมถือเปน็ การเฉพาะตัวของทายาทคนนนั้ ถ้า
ทายาทผสู้ ละมรดกนนั้ มีผสู้ ืบสันดาน ผสู้ ืบสนั ดานของทายาทท่สี ละมรดกกย็ ่อมเข้าสืบมรดกได้ตามสิทธขิ อง
ผ้สู บื สนั ดานนน้ั เองและกช็ อบท่ีจะไดร้ บั สว่ นแบง่ เทา่ กบั ส่วนแบง่ ท่ผี ูส้ ละมรดกจะได้รบั โดยในการพิจารณาเรือ่ ง
สทิ ธใิ นการรบั มรดกของผู้สบื สนั ดานของทายาทผสู้ ละมรดกนนั้ ต้องพิจารณาในขณะท่เี จา้ มรดกถึงแกค่ วามตาย
ด้วย
ขอ้ สังเกต ผสู้ บื สนั ดานตามมาตรา 1615 วรรคสองนี้ กฎหมายไมไ่ ดเ้ ฉพาะเจาะจงวา่ จะตอ้ งเป็น
ผู้สืบสันดานโดยตรงอยา่ งเช่นการรับมรดกแทนท่ตี ามมาตรา 1643 ดงั นัน้ ผู้สบื สันดานในที่นีจ้ ึงหมายถึงบตุ รทีช่ อบ
ดว้ ยกฎหมายของผสู้ ละมรดก บุตรนอกกฎหมายท่บี ดิ ารบั รองแล้วและบุตรบญุ ธรรม ซง่ึ บตุ รทุกประเภทของผู้สละ
มรดกย่อมสามารถเขา้ สืบมรดกในกรณีนไ้ี ด้ทงั้ สนิ้
การสละมรดกของทายาทโดยธรรมนัน้ ทายาทสละมรดกรายใดยอ่ มเสียสทิ ธใิ นการรับมรดกของเจ้ามรดก
ท่ีตนสละเท่านน้ั แต่ไมต่ ดั สทิ ธิของผ้สู ละมรดกทจ่ี ะรับมรดกของบคุ คลอนื่ โดยอาศยั การรับมรดกแทนที่บุคคลท่ตี น
สละโดยพิจารณาไดจ้ ากมาตรา 1645
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1645 บญั ญัติไว้ว่า “การทีบ่ ุคคลใดสละมรดกของบุคคลอกี
คนหนึง่ นัน้ ไม่ตดั สิทธิของผสู้ ละทีจ่ ะรับมรดกแทนทบ่ี คุ คลอกี คนหนึ่งนน้ั ในการสบื มรดกบคุ คลอ่ืน”
ตัวอยา่ ง นายเอกมีบตุ รชอบด้วยกฎหมายคอื นายหนึ่ง และนายหนึ่งมีบุตรชอบดว้ ยกฎหมายคือนายสอง
ตอ่ มานายหนึ่งถงึ แกค่ วามตายก่อนนายเอก ส่วยนายสองกไ็ ด้สละมรดกของนายหนึ่งโยชอบด้วยกฎหมายต่อมา
นายเอกถงึ แก่ความตายโดยมที รัพยม์ รดก 200,000 บาท กรณีน้แี ม้วา่ นายสองจะไดส้ ละมรดกของนายหนึ่งโดย
ชอบด้วยกฎหมายแล้วก็ตาม แต่การทนี่ ายสองสละมรดกของนายหน่งึ ซง่ึ เป็นบดิ าของตนแลว้ ก็ไมต่ ดั สทิ ธิของนาย
สองที่จะรบั มรดกของนายเอกแทนทีน่ ายหน่ึงตามมาตรา 1645 ดังนั้น นายสองจงึ มีสิทธิรับมรดกแทนทีน่ ายหนง่ึ ได้
2) กรณีทายาทผรู้ บั พินัยกรรมสละมรดก ตอ้ งพิจารณาตามมาตรา 1617 และมาตรา 1618
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 1617 บญั ญัติไวว้ ่า “ผรู้ ับพินยั กรรมคนใดสละมรดก ผู้น้นั
รวมตลอดท้งั ผู้สบื สันดานไม่มสี ทิ ธจิ ะรบั มรดกทไี่ ด้สละแล้วนั้น”
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1618 บัญญตั ไิ ว้วา่ “ถ้าทายาทโดยธรรมผู้ทไ่ี ด้สละมรดกไม่มี
ผู้สบื สันดานทจี่ ะรับมรดกได้ หรอื ผรู้ บั พินยั กรรมได้สละมรดก ใหป้ ันส่วนแบง่ ของผทู้ ่ีไดส้ ละมรดกนัน้ ๆ แก่
ทายาทอืน่ ของเจ้ามรดกต่อไป”
6
จากบทบญั ญัตดิ ังกลา่ ว จะเห็นว่าหากทายาทโดยธรรมสละมรดก แม้ตวั ผูส้ ละมรดกจะหมดสทิ ธริ ับมรดก
ต่อไป แต่ผู้สบื สันดานของผู้สละมรดกยอ่ มสืบมรดกตอ่ ไปไดแ้ ตถ่ ้าผู้รับพินยั กรรมสละมรดก ผรู้ บั พินยั กรรมย่อม
หมดสทิ ธใิ นการรับมรดกและผู้สืบสันดานของผู้รับพินยั กรรมกไ็ ม่อาจสบื สทิ ธิในการรบั มรดกตอ่ ไปได้และส่งผลให้
ขอ้ กาหนดพนิ ัยกรรมในส่วนที่สละมรดกนนั้ ตกไปและให้นามรดกในสว่ นของทายาทผ้รู บั พินัยกรรมทีส่ ละมรดกนน้ั
ไปแบง่ ปนั แก่ทายาทโดยธรรมของเจา้ มรดกต่อไป
ตัวอยา่ ง นายเอกมีมรดกทงั้ หมด 300,000 บาท นายเอกได้จดทะเบยี นสมรสโยถกู ตอ้ งตามกฎหมายกับ
นางโท มบี ตุ ร 2 คนคอื นายหนง่ึ กับนายสอง โยนายหนึ่งไดจ้ ดทะเบยี นรับนายสามเป็นบตุ รบญุ ธรรมโดยชอบดว้ ย
กฎหมาย นายเอกทาพนิ ัยกรรมนกเงนิ 200,000 บาท ใหน้ ายหนงึ่ หลังจากนนั้ นายเอกถึงแกค่ วามตาย นายหนึง่ ก็
ทาการสละมรดกโดยทาเปน็ หนังสือละมรดกและมอบใหแ้ กผ่ ู้อานวยการไว้แล้วน
กรณนี น้ี ายหนง่ึ ซง่ึ เปน็ ทายาททท่ี าการสละมรดกนน้ั มี 2 ฐานะ คอื ท้งั ฐานะทายาทโดยธรรมตามมาตรา
1629 (1) และในฐานะทายาทผ้รู ับพินยั กรรมโดยเจ้ามรดกคือนายเอกได้ทาพนิ ยั กรรมยกใหน้ ายหน่ึง 200,000
บาท แต่นายหน่ึงกลบั สละมรดกโดยไมร่ ะบุว่าสละมรดกในฐานะใด จึงถอื วา่ นายหน่งึ ไดส้ ละมรดกทงั้ ในฐานะ
ทายาทโดยธรรมและฐานะผรู้ บั พินยั กรรม
โดยผลของการสละมรดกในฐานะผ้รู ับพินัยกรรมของนายหนง่ึ ย่อมเป็นไปตามมาตรา 1615 วรรคหนง่ึ ท่ี
กาหนดให้การสละมรดกมผี ลยอ้ นหลังไปถงึ วันทเ่ี จ้ามรดกถงึ แกค่ วามตายเมือ่ นายหนึง่ ได้สละมรดกในฐานะผู้รับ
พินยั กรรม ตามมาตรา 1617 และมาตรา 1618 ผู้สบื สนั ดานของนายหนึ่งก็ไม่สามารถเข้าสืบมรดกไดเ้ พราะถือว่า
พนิ ยั กรรมนนั้ มีผลตกไปตามมาตรา 1698 (3) มรดกในสว่ นของนายหน่งึ ตามขอ้ กาหนดในพนิ ัยกรรมยอ่ มกลบั สู่
กองมรดกตามมาตรา 1620 ประกอบมาตรา 1699 เมอ่ื มรดกกลับสกู่ องมรดกแลว้ กต็ ้องนามาแบ่งใหท้ ายาทโดย
ธรรมทีเ่ หลอื ตอ่ ไป โดยทายาทโดยธรรมของนายเอกกค็ อื นายหนึง่ นายสองและนางโท
สาหรับนายหนึง่ และนายสองถอื วา่ เปน็ ที่ชอบด้วยกฎหมายของนายเอกจงึ เปน็ ผ้สู ืบสันดานตามมาตรา
1629 (1) ท่มี สี ทิ ธไิ ด้รับมรดกเทา่ ๆกันตามมาตรา 1633 ส่วนนางโทน้ันเป็นทายาทประเภทคสู่ มรสตามมาตรา
1629 วรรคสอง สว่ นแบง่ ของคสู่ มรสใหพ้ ิจารณาตามมาตรา 1635 (1) เมอ่ื มคี สู่ มรสกับผ้สู ืบสันดาน คสู่ มรสกจ็ ะได้
มรดกเสมอื นเป็นทายาทช้ันบุตร ดังนัน้ นายหนึ่ง นายสอง และนางโทจึงได้รบั มรดกเท่าๆกนั คนละ 100,000 บาท
แต่เมอื่ ถอื ว่านายหนึง่ ได้สละมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมด้วย ผลคอื ทาให้ทรพั ยม์ รดกในส่วนท่ตี กทอด
แกน่ ายหนง่ึ นน้ั กลบั สู่กองมรดกโยมผี ลย้อนหลังไปถึงเวลาทีน่ ายเอกเจา้ มรดกถึงแกค่ วามตายตามาตรา 1615 วรรค
หนง่ึ โดยถอื เสมอื นวา่ นายหน่งึ ไม่เคยไดร้ บั มรดกเลย แต่การสละมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมนั้น กฎหมาย
กาหนดให้ผู้สืบสนั ดานของทายาทผสู้ ละมรดกสามารถเข้าสบื มรดกของผู้สละมรดกและได้รับมรดกเท่ากบั ทผ่ี สู้ ละ
มรดกจะไดร้ ับ เพราะฉะน้ัน ในกรณนี ีน้ ายสามซึง่ เป็นผสู้ ืบสนั ดานของนายหน่งึ จงึ เข้าสบื มรดกไดต้ ามมาตรา 1615
วรรคสอง แม้วา่ นายสามจะเปน็ บตุ รบุญธรรมของนายหน่ึงก็ตาม
7
ตวั อย่าง นายหน่งึ มบี ตุ รทช่ี อบด้วยกฎหมาย 2 คน คอื นายเอกและนายโท นายหนง่ึ ทาพนิ ยั กรรมยก
ทรัพย์มรดกทง้ั หมดของตนเองใหแ้ กน่ ายโทแตเ่ พียงผเู้ ดยี ว ซ่ึงนายหนง่ึ มีทรัพยม์ รดกทัง้ หมด 200,000 บาท ตอ่ มา
นายหน่ึงถงึ แกค่ วามตาย นายโทจงึ ไดท้ าหนังสือสละมรดกของนายหนงึ่ ในฐานะทายาทผู้รับพนิ ยั กรรมโดยชอบดว้ ย
กฎหมาย
กรณนี น้ี ายโทไดส้ ละมรดกในฐานะทายาทผรู้ บั พนิ ยั กรรมแลว้ นายโทผรู้ บั พนิ ยั กรรมยอ่ มหมดสทิ ธใิ นการ
รับมรดกในฐานะทายาทผรู้ ับพินยั กรรมและผสู้ ืบสันดานของนายโทผรู้ บั พินยั กรรมก็ไมอ่ าจสืบสิทธิในการรับมรดก
ต่อไปไดต้ ามมาตรา 1617 และส่งผลใหข้ ้อกาหนดพินัยกรรมในสว่ นทส่ี ละมรดกนั้นตกไปตามมาตรา 1698 (3)และ
ให้นามรดกในส่วนของนายโททายาทผูร้ ับมรดกทีส่ ละมรดกน้นั ไปแบง่ ปันแก่ทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกตอ่ ไป
ตามมาตรา 1618 ประกอบมาตรา 1620 และเมือ่ นายโทได้สละมรดกแล้ว การสละมรดกน้นั ยอ่ มมีผลย้อนหลงั ไป
ถงึ วันทีเ่ จ้ามรดกถงึ แกค่ วามตาย โดยถอื เสมอื นวา่ นายโทไมเ่ คยรับมรดกตามพนิ ยั กรรมเลยและเมือ่ นายหนึง่ ได้ทา
พนิ ยั กรรมยกทรัพย์มรดกของตนเองให้แก่นายโทแตเ่ พียงผู้เดยี วแล้ว นายเอกยอ่ มถูกตัดมใิ หร้ ับมรดกโดยปรยิ ายตา
มาตรา 1608 วรรคสาม แตเ่ ม่ือขอ้ กาหนดพินัยกรรมในส่วนท่ีนายโทได้สละมรดกนั้นตกไปแลว้ ตามมาตรา 1698
(3) และการสละมรดกนัน้ กม็ ีผลย้อนหลังไปถึงวันทเี่ จ้ามรดกถึงแก่ความตาย โดยถอื เสมือนวา่ นายโทไม่เคยรบั
มรดกตามาตรา 1615 วรรคหน่งึ นายเอกจึงมสี ทิ ธิกลบั มารับมรดกของนายหน่ึงได้ ดงั น้ันทรพั ย์มรดกของนายหนง่ึ
ย่อมตกแกน่ ายเอกและนายโทในฐานะทายาทโยธรรมตามมาตรา 1629 (1) โดยท้ังสองคนมีสทิ ธไิ ด้รับมรดกของ
นายหนง่ึ คนละส่วนเทา่ ๆกันตามมาตรา 1633
การเพกิ ถอนการสละมรดก
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์มาตรา 1613 วรรคทา้ ย บญั ญตั วิ า่ “การสละมรดกน้นั จะถอนเสีย
มไิ ด”้
แต่การสละมรดกของทายาทอาจทาใหเ้ จา้ หนี้ของทายาทนน้ั เสยี เปรียบมาตรา 1614 จึงบัญญตั ิทางแกไ้ ขไว้
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยม์ าตรา 1614 ถ้าทายาทสละมรดกด้วยวิธีใดโดยทร่ี ู้อย่วู ่าการทที่ า
เชน่ น้ันจะทาใหเ้ จา้ หนี้ของตนเสียเปรียบ เจ้าหนี้มสี ิทธทิ จ่ี ะร้องขอให้เพกิ ถอนการสละมรดกนนั้ เสยี ไดแ้ ตค่ วาม
ขอ้ นมี้ ิให้ใช้บงั คับ ถา้ ปรากฏว่าในขณะท่สี ละมรดกนัน้ บคุ คลซึ่งเป็นผไู้ ด้ลาภงอกแตก่ ารนนั้ มิไดร้ เู้ ทา่ ถงึ
ขอ้ ความจริงอนั เปน็ ทางใหเ้ จา้ หนี้ต้องเสยี เปรียบนัน้ ดว้ ย แตห่ ากกรณีเป็นการสละมรดกโดยเสนห่ าเพยี งแต่
ทายาทผสู้ ละมรดกเปน็ ผู้รู้ฝา่ ยเดยี วเทา่ น้ันก็พอแลว้ ที่จะขอเพกิ ถอนได้
การสละมรดกที่ทาใหเ้ จ้าหนเี้ สียเปรยี บ หมายถงึ การสละมรดกท่มี ีผลกระทบกระเทอื นถงึ ความสามารถ
ในการชาระหนใ้ี ห้เจ้าหน้ขี องตนคือ ทรัพย์สินของทายาทผูส้ ละมไี มพ่ อทจี่ ะชาระหนไี้ ด้ครบถว้ นแต่ถ้าลูกหน้มี ี
ทรพั ย์สินของตนเองพอใชห้ นใ้ี ห้แกเ่ จ้าหน้ไี ดท้ งั้ หมดการสละมรดกของลูกหน้กี ็ไม่กระทบกระเทือนตอ่
ความสามารถในการใช้หน้ีของลกู หน้แี ตป่ ระการใดจึงถอื ว่าการสละมรดกนั้น ไม่ได้ทาให้เจา้ หน้เี สียเปรียบ
8
ตามมาตรา 1614 เจา้ หนจ้ี ะขอใหเ้ พกิ ถอนการสละมรดกไดก้ ็ต่อเม่ือขณะสละมรดกลกู หน้ีรอู้ ยวู่ ่าจะทาให้
เจา้ หนี้เสยี เปรียบเทา่ น้ัน ถ้าในขณะนั้นลูกหนีไ้ มร่ ูว้ ่าการสละมรดกของตนจะทาใหเ้ จ้าหนี้เสียเปรยี บเพราะเชอื่ โดย
สุจรติ วา่ ทรัพย์สนิ ของตนมีพอชาระหนีแ้ กเ่ จ้าหนไี้ ด้ครบถ้วน แมค้ วามจรงิ ทรัพย์สินน้นั ไดส้ ูญเสียไปเพราะเหตอุ ยา่ ง
ใดอยา่ งหน่งึ ซงึ่ ลูกหน้ีไม่อาจทราบได้ ทาใหท้ รพั ยส์ นิ ท่มี ีอยไู่ ม่พอชาระหนีก้ ็ตามเจา้ หนกี้ ข็ อใหเ้ พกิ ถอนไมไ่ ด้
การสละมรดกนัน้ อาจมีไดท้ ง้ั สละมรดกโดยเสน่หาและสละโดยมคี ่าตอบแทนซงึ่ ผทู้ ่ีได้รับผลประโยชน์อาจ
เป็นผสู้ ืบสันดานของทายาทผู้สละมรดกหรือทายาทอน่ื ของเจ้ามรดกกไ็ ด้ตามทม่ี าตรา 1614 เรยี กวา่ ผู้ได้ลาภงอก
การสละมรดกโดยมีคา่ ตอบแทนน้นั ของผ้ไู ดล้ าภงอกจะตอ้ งไดร้ ใู้ นขณะท่ีมกี ารสละมรดกดว้ ยวา่ ทาให้เจา้ หน้ีของผู้
สละมรดกเสียเปรียบ
เจ้าหนจี้ งึ จะขอใหเ้ พกิ ถอนไดถ้ า้ เปน็ การสละมรดกโดยเสนห่ าแม้ลูกหนร้ี แู้ ต่เพยี งฝ่ายเดียววา่ การสละ
มรดกทาใหเ้ จา้ หน้ีเสียเปรียบก็เพยี งพอท่จี ะขอให้เพกิ ถอนได้
เมือ่ ศาลมีคาส่งั ใหเ้ พิกถอนการสละมรดกแล้ว เจา้ หนตี้ อ้ งรอ้ งขอต่อศาลใหส้ ง่ั ใหต้ นเขา้ รับมรดกแทนที่
ทายาทตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยม์ าตรา 1614 วรรคสอง
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์มาตรา 1614 วรรคสอง บัญญตั ิว่า เมอื่ ไดเ้ พิกถอนการ สละมรดก
แล้ว เจา้ หนจี้ ะรอ้ งขอให้ศาลส่ังเพ่อื ให้ตนรับมรดกแทนทท่ี ายาทและในสทิ ธิของทายาทนน้ั ก็ได้
เม่อื เจา้ หนไี้ ดร้ ับชาระหนีแ้ ลว้ ถา้ สว่ นของทายาทผู้สละมรดกยงั เหลอื ให้ตกได้แกผ่ ู้สืบสนั ดานของทายาท
นน้ั หรอื ทายาทอน่ื ของเจา้ มรดกแลว้ แตก่ รณตี ามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 1614 วรรคสาม โดย
มรดกที่สละจะไมต่ กกลับมายงั ผู้สละมรดกนนั้
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์มาตรา1614 วรรคสาม ในกรณเี ชน่ น้ี เม่ือไดช้ าระหนี้ของ ทายาท
นั้นใหแ้ กเ่ จ้าหนี้แลว้ ถ้าสว่ นของทายาทนนั้ ยงั มเี หลืออยอู่ กี ก็ใหไ้ ด้แกผ่ ูส้ บื สนั ดานของ ทายาทนน้ั หรือทายาท
อื่นของเจา้ มรดกแล้วแต่กรณี
สว่ นทเ่ี หลอื จากการชาระหนใ้ี หเ้ จา้ หนี้ท้ังหลายหากผ้สู ละมรดกเป็นทายาทโดยธรรมมีผู้สบื สันดาน
ผสู้ บื สันดานกส็ บื มรดกตอ่ ไป หากไมม่ ีผสู้ ืบสนั ดานก็ต้องปนั สว่ นแบง่ ของผู้สละน้นั ให้แก่ทายาทอ่ืนของเจา้ มรดก
ต่อไปตามมาตรา 1618 ประกอบมาตรา 1614 วรรคสาม หากผสู้ ละมรดกเปน็ ผ้รู ับพินัยกรรม ตอ้ งปันสว่ นของผู้
สละมรดกนน้ั แกท่ ายาทอนื่ ของเจ้ามรดกต่อไป ไม่สามารถให้ ผูส้ บื สันดานเข้ามาสบื มรดกได้ ตามขอ้ ห้ามในมาตรา
1617 ประกอบมาตรา 1614 วรรคสาม การเพกิ ถอนการสละมรดกในมาตรา 1614 ไมม่ ีกาหนดอายุความระบุ
เอาไว้ จงึ ตอ้ งใชอ้ ายคุ วามการเพกิ ถอนการฉ้อฉลตามมาตรา 240 มาบังคับโดยอนโุ ลม
ตัวอย่าง ทายาทเปน็ หนเ้ี จ้าหน้ีอยู่ 1,000,000 บาท และมีทรัพย์มรดกทจี่ ะตกทอดแกต่ นจานวน
1,000,000 บาท แต่ทายาทคนนยี้ ังมที รัพย์สินของตนเองอีกจานวน 200,000,000 บาท การสละมรดกในกรณี
ย่อมไมท่ าให้เจา้ หนีข้ องทายาทเสยี เปรียบ เจา้ หนีจ้ งึ ไม่สามารถฟ้องเพิกถอนการสละมรดกได้
9
นอกกจากนก้ี ารสละมรดกโดยมคี ่าตอบแทนน้ัน บุคคลซึง่ เป็นผู้ไดล้ าภงอกแตก่ ารน้ันตอ้ งรถู้ ึงการ
เสยี เปรียบดงั กล่าวนั้นดว้ ย หากบคุ คลนน้ั ไมร่ ู้ เจ้าหน้กี จ็ ะเพกิ ถอนการสละมรดกน้ันไมไ่ ด้ แตอ่ ย่างไรก็ตามหากการ
สละมรดกน้นั กระทาโดยเสนห่ า กรณีน้กี ไ็ มต่ ้องพิจารณาว่าผูไ้ ดล้ าภงอกจะรู้หรือไม่วา่ การสละมรดกนั้นทาให้
เจ้าหนเี้ สยี เปรยี บ เพยี งแต่ทายาทผ้สู ละมรดกร้คู นเดยี วก็เป็นอันเพยี งพอแลว้ ท่ีเจา้ หนี้จะเพิกถอนการสละมรดกน้นั
ได้
การเพกิ ถอนการสละมรดกนนั้ เจา้ หนตี้ อ้ งกระทาโดยฟ้องเปน็ คดตี ่อศาลให้เพิกถอนการสละมรดกนัน้
และเม่อื ศาลไดม้ ีคาส่งั ให้เพกิ ถอนการสละมรดกนั้นแลว้ เจา้ หนี้นน้ั จะเขา้ มารับมรดกแทนที่ในส่วนทที่ ายาทนัน้ สละ
มรดกและชอบจะไดร้ ับชาระหน้เี ฉพาะตามสว่ นแห่งหน้ีทต่ี นควรจะไดร้ บั และถา้ มมี รดกเหลือกต็ อ้ งนามรดกส่วนที่
เหลอื คนื ใหแ้ กผ่ ้สู ืบสันดานของผู้สละมรดกนัน้ ตอ่ ไป
ค
เอกสารอา้ งองิ
ฝ่ายวิชาการ นิติสาส์น(ลุงชาวใต้)/กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยมรดก./สืบค้นจาก สรุปบรรยายฉบับเตรียม
สอบ./สืบคน้ เมอื่ วนั ท่ี 2 มนี าคม 2565
รองศาสตราจารยเ์ พิ่มบญุ แกว้ เขียว.( 2553).ถาม-ตอบ มรดกและพินยั กรรม: --กรงุ เทพ : วิญญชู น, 2553
(พิมพค์ รั้งท่ี 7),155-185