The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยในชั้นเรียน_112_ธนบดี สิทธิโคตร_สังคมศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 112 ธนบดี สิทธิโคตร, 2024-02-04 12:54:40

วิจัยในชั้นเรียน_112_ธนบดี สิทธิโคตร_สังคมศึกษา

วิจัยในชั้นเรียน_112_ธนบดี สิทธิโคตร_สังคมศึกษา

บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา โดยใช้เทคนิค LT (Learning Together) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา โดยใช้เทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผ่านเกณฑ์ 70/70 และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมายแพ่ง และกฎหมายอาญา โดยใช้เทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ตอนที่ 1 ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการใช้การสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ที่ผ่านเกณฑ์ 70/70 ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง จากการใช้การสอน แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ซึ่งผู้วิจัยขอนำเสนอผลการวิจัย ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการใช้การสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ที่ผ่านเกณฑ์ 70/70 ผู้วิจัยได้นำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ทำการทดลองกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โดยนำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประกอบด้วยเนื้อหาสาระ จำนวน 6 แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 8 ชั่วโมง คือ 1) ทดสอบก่อนเรียน 2) เรื่อง สัญญาซื้อขาย 3) เรื่อง สัญญากู้ยืม 4) เรื่อง สัญญาเช่าทรัพย์ 5) เรื่อง สัญญาเช่าซื้อ 6) เรื่อง ความผิดทางอาญาและโทษทางอาญา 7) เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน และ 8) ทดสอบหลังเรียน เมื่อทำการสอนจนครบทุกแผน การจัดการเรียนรู้พร้อมกับทำการประเมินผู้เรียนโดยใช้ชิ้นงานและการทำกิจกรรมในการเรียน การสอน และให้ทำแบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียนจำนวน 20 ข้อ จากนั้นผู้วิจัยได้นำ ผลการทดลองของนักเรียนรายบุคคลมาวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยนำแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) แสดงผล การวิเคราะห์ข้อมูล ดังแสดงในตารางที่ 4.1 – 4.2


43 ตารางที่ 4.1 ผลรวมของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้การสอน แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เลขที่ ผลการ วัดก่อน เรียน (20) ผลการวัดระหว่างเรียน รวม (30) ผลการ วัด หลัง เรียน (20) แผนที่ 1 (5) แผนที่ 2 (5) แผนที่ 3 (5) แผนที่ 4 (5) แผนที่ 5 (5) แผนที่ 6 (5) 1 10 4 3 3 3 5 5 23 15 2 5 2 3 4 4 5 5 23 14 3 6 2 3 3 3 5 5 21 15 4 7 3 3 4 4 5 5 24 14 5 11 4 4 4 4 5 5 26 16 6 7 3 3 4 4 5 5 24 14 7 7 2 3 4 4 5 5 23 14 8 9 3 3 3 3 5 5 22 15 9 12 4 4 4 4 5 5 26 17 10 6 2 3 3 3 5 5 21 15 11 4 2 3 3 3 5 5 21 13 12 8 3 3 4 4 5 5 24 15 13 13 4 3 4 4 5 5 25 17 14 9 3 2 4 4 5 5 23 15 15 9 3 2 3 3 5 5 21 14 16 10 3 3 4 4 5 5 24 16 ∑ 133 47 48 58 58 80 80 371 239 ̅ 8.31 2.94 3.00 3.63 3.63 5.00 5.00 23.20 14.94 .. 2.15 0.76 0.77 0.94 0.94 1.29 1.29 5.99 3.86 % 41.56 58.75 60.00 72.50 72.50 100 100 77.29 74.69 ประสิทธิภาพ () 1= 77.29, 2= 74.69


44 จากตารางที่ 4.1 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้คะแนนเฉลี่ยจากการนำเสนอ ผลงาน การทำกิจกรรมในชั้นเรียนและพฤติกรรมการเรียนรู้ เท่ากับ 23.20 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 5.99 คิดเป็นร้อยละ 77.29 และทำคะแนนเฉลี่ยจากการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน เท่ากับ 14.94 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.86 คิดเป็นร้อยละ 74.69 ตารางที่ 4.2 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้การสอนแบบ ร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คะแนนระหว่างเรียน (1 ) คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน (2 ) ̅.. % ̅.. % 16 23.20 5.99 77.29 14.94 3.86 74.69 จากตารางที่ 4.2 พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้การสอน แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.29/74.69 โดยมีคะแนนเฉลี่ยระหว่างเรียน (E1 ) เท่ากับ 23.20 ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน เท่ากับ 5.99 คิดเป็นร้อยละ 77.29 และมีคะแนนเฉลี่ยวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน (E2 ) เท่ากับ 14.94 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.86 คิดเป็นร้อยละ 74.69 แสดงว่า แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) เรื่อง กฎหมาย แพ่งและกฎหมายอาญา ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ สูงกว่าเกณฑ์ 70/70 ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง จากการใช้การสอนแบบ ร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ผู้วิจัยได้นำคะแนนผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน และคะแนนผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่ง และกฎหมายอาญา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนจำนวน 16 คน คะแนนเต็ม 20 คะแนน แสดงผล การวิเคราะห์ข้อมูล ดังแสดงในตารางที่ 4.3 – 4.4


45 ตารางที่ 4.3 คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน และผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นักเรียน (เลขที่) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน D ผลต่างคะแนน D 2 ก่อนเรียน (20) หลังเรียน (20) 1 10 15 5 25 2 5 14 9 81 3 6 15 9 81 4 7 14 7 49 5 11 16 5 25 6 7 14 7 49 7 7 14 7 49 8 9 15 6 36 9 12 17 5 25 10 6 15 9 81 11 4 13 9 81 12 8 15 7 49 13 13 17 4 16 14 9 15 6 36 15 9 14 5 25 16 10 16 6 36 ∑ 133 239 106 744 ̅ 8.31 14.94 .. 2.15 3.86 ร้อยละ 41.56 74.69 ∑ = 106 ∑ 2 = 744


46 จากตารางที่ 4.3 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญาโดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 8.31 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.15 คิดเป็นร้อยละ 41.56 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 14.94 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.86 คิดเป็นร้อยละ 74.69 แสดงว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ตารางที่ 4.4 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 การ ทดสอบ ̅.. ก่อนเรียน 16 8.31 2.15 15.884** 15 0.000 หลังเรียน 16 14.94 3.86 *มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากตารางที่ 4.4 พบว่า ค่า T ที่คำนวณได้เท่ากับ 15.884 ดังนั้น สรุปได้ว่า ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา โดยมีคะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียน เท่ากับ 8.31 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 2.15 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 14.94 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.86 ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05


บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ในการวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง การพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา โดยใช้เทคนิค LT (Learning Together) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในครั้งนี้ผู้วิจัยขอนำเสนอการสรุปผลการวิจัย ดังต่อไปนี้ 5.1 วัตถุประสงค์ 5.1.1 เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมาย อาญา โดยใช้เทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผ่านเกณฑ์ 70/70 5.1.2 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมาย แพ่งและกฎหมายอาญา โดยใช้เทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 5.2 สมมุติฐานของการวิจัย 5.2.1 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังจากใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ในรายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นไปตามเกณฑ์ ร้อยละ 70 5.2.2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 5.3 วิธีดำเนินการวิจัย 5.3.1 ประชากรและกลุ่มเป้าหมาย ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 16 คน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายได้จากการเลือกแบบเจาะจง 1 ห้องเรียน จำนวน 16 คน เพื่อเป็นกลุ่มเป้าหมาย ในการวิจัยครั้งนี้


48 5.3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ประกอบด้วย 5.3.2.1 แผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา ที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้การสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นประกอบ จำนวน ทั้งสิ้น 6 แผน รวม 8 ชั่วโมง มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 5.3.2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมาย แพ่งและกฎหมายอาญาที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นแบบทดสอบปรนัยมี4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ แต่ละข้อ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 มีความยากง่ายระหว่าง 0.45 – 0.7 ค่าอำนาจจำแนก ของข้อสอบรายข้อ มีค่าตั้งแต่ 0.2 ขึ้นไป และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับมีค่า 0.77 หรือ 77% 5.3.3 การเก็บรวมรวมข้อมูล การดำเนินการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยดำเนินการทดลองและเก็บข้อมูลกับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 การดำเนินการทดลองและเก็บข้อมูลในแต่ละขั้น มีดังนี้ 5.3.3.1 เตรียมนักเรียนก่อนดำเนินการสอน โดยแนะนำวิธีการเรียนโดยใช้กิจกรรม การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ให้นักเรียนมีความรู้การสร้างข้อตกลง เบื้องต้นเกี่ยวกับการเรียน ขั้นตอนการเรียนและบทบาทวิธีการปฏิบัติตนในการเรียนวิชาสังคมศึกษา และทำการทดสอบก่อนเรียน (Pretest) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคม ศึกษา เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญาใช้เวลา 1 ชั่วโมงในสัปดาห์แรก 5.3.3.2 ดำเนินการทดลองการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา โดย ใช้กิจกรรมการเรียนรู้การสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) เรื่อง กฎหมายแพ่ง และกฎหมายอาญา กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 6 แผน ใช้เวลา 6 ชั่วโมง 5.3.3.3 ทำการทดสอบหลังเรียน (Posttest) หลังจากการทดลองสอนสิ้นสุดลง โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา ฉบับเดียวกันกับที่ใช้ทดสอบก่อนการทดลอง โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง


49 5.4 สรุปผลการวิจัย ผลการวิจัยในครั้งนี้ สรุปได้ดังนี้ 5.4.1 แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้การสอนแบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.29/74.69 โดยมีคะแนนเฉลี่ยระหว่างเรียน (E1 ) เท่ากับ 23.20 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 5.99 คิดเป็นร้อยละ 77.29 และมีคะแนนเฉลี่ยวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน (E2 ) เท่ากับ 14.94 ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน เท่ากับ 3.86 คิดเป็นร้อยละ 74.69 แสดงว่า แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมาย อาญา ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 70/70 5.4.2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา โดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 8.31 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 2.15 และคะแนนเฉลี่ย หลังเรียน เท่ากับ 14.94 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.86 ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5.5 อภิปรายผล จากผลการวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยขออภิปรายผลตามผลการวิจัย ดังต่อไปนี้ 5.5.1 ผลการศึกษาการใช้แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้การสอน แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า นักเรียนกลุ่มเป้าหมายมีการพัฒนาผลสัมฤทธิ์เพิ่มขึ้น ตามระยะเวลาในการจัดการเรียนการสอนด้วย แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) แสดงว่าการสอนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ทำให้นักเรียนสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางเรียนได้ทั้งนี้ เนื่องมาจากการเรียนรู้ที่ดีจะต้องเป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากความเข้าใจ การเรียนรู้ที่ดีจะต้องช่วยให้ ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ และสามารถใช้การเรียนรู้นั้นให้เป็นประโยชน์ได้ การเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นผู้ ค้นพบด้วยตนเองมีส่วนช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจลึกซึ้งและจดจำได้ดีการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีเมื่อ ผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนของตน สอดคล้อง กับแนวคิดของ ทิศนา แขมมณี(2545) ที่กล่าวไว้ว่า การยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ผู้เรียน มีโอกาสเข้าร่วมในกิจกรรมการเรียนอย่างทั่วถึงและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (Active Participation) การที่ผู้เรียนมีบทบาทเป็นผู้กระทำรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความพร้อม และความกระตือรือร้นที่จะเรียนและเรียนอย่างมีชีวิตชีวา ยึดสมาชิกในกลุ่มเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญ โดยให้ผู้เรียนมีโอกาสปฏิสัมพันธ์กันในกลุ่มได้พูดคุยปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและ


50 ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน (Group Interaction) ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ เกี่ยวกับพฤติกรรมของตนเองและผู้อื่นและเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้สามารถอยู่และทำงานร่วมกับผู้อื่น ได้ดีรวมทั้งช่วยให้ผู้เรียนได้รู้ข้อมูล และทัศนะที่กว้างและหลากหลาย และสอดคล้องกับงานวิจัย ของ ฐาปนีย์ วิชัยรัมย์ (2547: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะ การแก้โจทย์ปัญหา เรื่องเศษส่วน วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผลการวิจัยพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา เรื่องเศษส่วน วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน มีประสิทธิภาพ 79.05/78.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้ และมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.66 2) นักเรียนมีทักษะ การแก้โจทย์ปัญหาหลังเรียนเพิ่มขึ้นก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งมีคำเฉลี่ย ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาก่อนเรียนและหลังเรียนเท่ากับ 14.64 และ 31.33 และนักเรียนมีความพึง พอใจต่อการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาอยู่ในระดับพึงพอใจ มาก พร้อมทั้งสอดคล้องกับงานวิจัยของ สุธามาศ ฤทธิ์ไธสง (2550: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการพัฒนา กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน (LT) กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน (LT) เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ 79.01/80.86 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ มีค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้เท่ากับ 0.5100 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนคิดเป็นร้อยละ 51.00 และ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีเจตคติต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนเพิ่มขึ้นจากก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตที่ระดับ .01 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ นัฐพล พิมพ์ทอง และคณะ (2558: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการพัฒนาการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค Learning Together วิชา สุขศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค Learning Together วิชาสุขศึกษา เรื่อง ชีวิตและครอบครัว โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 แผน 10 คาบเรียน นักเรียนส่วนใหญ่มีพัฒนาการทางการเรียนรู้สูงขึ้น มีคะแนน คิดเป็นร้อยละ 70 - 88 2) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 9.49, sig = 0.00 ) และมีความพึงพอใจในการเรียนรู้แบบ ร่วมมือด้วยเทคนิค Learning Together วิชาสุขศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.43 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ ภคมน วรรณธรรม (2559: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาผลของการจัดการ เรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือเทคนิคแอลทีที่มีต่อความสามารถ ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และใฝ่เรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนกลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และใฝ่เรียนรู้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยการจัดการเรียนรู้


51 แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือเทคนิคแอลทีหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และใฝ่เรียนรู้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยจัดการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือเทคนิคแอลทีหลังการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหา เป็นฐานร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือเทคนิคแอลทีแตกต่างกันโดยสูงกว่าการจัดการเรียนรู้ตามคู่มือ ครูของ สสวท. อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ วรเวทย์พิสิษ ยศศิริ และคณะ (2564: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค Learning Together ผลวิจัยพบว่า ลักษณะรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT ประกอบไปด้วยการพึ่งพาทรัพยากรหรือข้อมูล การพึ่งพาเชิงบทบาทของสมาชิก การมีปฏิสัมพันธ์ที่ ส่งเสริมกันระหว่างสมาชิกภายในกลุ่ม ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละคน ทักษะทางสังคมและการ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม กระบวนการกลุ่ม และรางวัลกลุ่ม การมีส่วนร่วม ปฏิสัมพันธ์และการทำงาน เป็นกลุ่มของนักศึกษาต่อการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT นั้น ผลการศึกษาการมี ส่วนร่วม ปฏิสัมพันธ์และการทำงานเป็นกลุ่มของนักศึกษาต่อการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค LT ในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง และผลการศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาต่อการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยใช้กระบวนการจัดการเรียน การสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก 5.5.2 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง รายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญาจากการใช้การสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย พบว่านักเรียน กลุ่มเป้าหมายมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 8.31 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 14.94 ซึ่งมี คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้งนี้เนื่องมาจาก ความสามารถหรือผลสำเร็จที่ได้รับจากกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและ ประสบการณ์เรียนรู้ทางด้านพุทธิพิสัยจิตพิสัย และทักษะพิสัย และยังได้จำแนกผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนไว้ตามลักษณะของวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน สอดคล้องกับแนวคิดของ ทิศนา แขมมณี(2545) ที่กล่าวไว้ว่า การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ตื่นตัวมีชีวิตชีวา (Active Leaning) การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีเมื่อผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนและมีส่วนร่วม ในกิจกรรมการเรียนของตน การเรียนรู้เกิดขึ้นได้จากแหล่งต่าง ๆ กัน มิใช่จากแหล่งใดแหล่งหนึ่งเพียง แหล่งเดียว ประสบการณ์ความรู้สึกนึกคิดของแต่ละบุคคลถือว่าเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สำคัญ การเรียนรู้กระบวนการมีความสำคัญ กระบวนการเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้และคำตอบ


52 ต่าง ๆ ที่ตนต้องการ ผลงานต่าง ๆ จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดขึ้นกับกระบวนการเป็นสำคัญ ดังนั้น การเรียนรู้ที่ดีจึงต้องเน้นกระบวนการด้วยการเรียนรู้ที่มีความหมายต่อผู้เรียน คือการเรียนรู้ที่ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้การช่วยให้ผู้เรียนได้ใช้ความรู้จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ ในสิ่งนั้นมากขึ้น และเกิดความรู้เพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับงานวิจัยของ เสรี ถุนนอก (2542: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเมืองการปกครองกลุ่มสร้าง เสริมประสบการณ์ชีวิตของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือ กับเรียนรู้กับการสอนแบบปกติ พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยการเรียนแบบร่วมมือกันมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยการสอนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 พร้อมทั้งสอดคล้องกับงานวิจัยของ พิสมัย วีรยาพร (2550: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา และความพึงพอใจ ในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 เรื่องสมการและการแปรผัน ชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 1 ที่เรียนแบบร่วมมือ (LT) กับที่เรียนแบบปกติ ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่เรียนแบบร่วมมือ (LT) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและความพึงพอใจในการ เรียนวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 สูงกว่านักเรียนที่เรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ ชนินทร พุมบัณฑิต (2563: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาพัฒนาการผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนโดยเทคนิคการสอนแบบรวมมือ (Learning Together: LT) สําหรับการเรียนการสอน วิชาการคิดสรางสรรคและนวัตกรรมทางธุรกิจ ในยุคไทยแลนด 4.0 ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของกลุมประชากรที่ผูสอนใชเทคนิคการสอนแบบกลุมเรียนรูรวมกัน (Learning Together: LT) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่แตกต่างกัน โดยมีคาเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกวาก่อน เรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และมีความพึงพอใจในเทคนิคการสอนแบบกลุมเรียนรู้ ร่วมกัน (Learning Together: LT) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และสอดคล้องกับงานวิจัย ของ นิลุบล ศิลปธนู และคณะ (2564: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค LT ร่วมกับเทคนิคผังกราฟิก เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการกลุ่มของกลุ่ม สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลการวิจัย พบว่า 1) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค LT ร่วมกับเทคนิคผังกราฟิก กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2) นักเรียนมีทักษะกระบวนการกลุ่มหลังการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค LT ร่วมกับเทคนิคผังกราฟิก กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อยู่ในระดับดี 3) นักเรียนมีความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค LT ร่วมกับเทคนิคผังกราฟิก กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อยู่ในระดับมาก และสอดคล้องกับงานวิจัยของ ดวงพร ปราบคช (2560: บทคัดย่อ) ได้ศึกษา


53 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พื้นที่ใต้โค้งปกติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนราชวินิต บางเขน โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค Learning Together ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พื้นที่ใต้โค้งปกติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนราชวินิต บางเขนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Learning Together มีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Learning Together อยู่ในระดับมากที่สุด 5.6 ข้อเสนอแนะ 5.6.1 ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 5.6.1.1 ครูผู้สอนควรจะขยายเวลาในการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) เพื่อให้ผู้เรียนได้มีเวลาในการทำกิจกรรมได้เพียงพอ เพราะนักเรียนใช้เวลา ในการทำงานกลุ่มค่อนข้างมาก 5.6.1.2 ครูผู้สอนควรสร้างบรรยากาศในการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้แสดงความสามารถ ของตนเองได้อย่างอิสระทั้งความรู้และความคิด 5.6.1.3 ผู้เรียนบางคนชอบใช้โทรศัพท์ทำอย่างอื่น นั่งพูดคุยกัน หรือสนใจอย่างอื่น ครูผู้สอนควรหาแรงจูงใจ เพื่อกระตุ้นให้การทำกิจกรรมในรูปแบบกลุ่มเป็นไปอย่างต่อเนื่อง 5.6.1.4 เนื่องจากการทำวิจัยนี้เป็นการทำวิจัยเพียงลำพัง ควรส่งเสริมให้มีการทำวิจัย ในลักษณะเป็นทีม เพื่อการพัฒนาการทำงานเป็นทีม แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทั้งในสาขาวิชาเดียวกัน หรือต่างสาขาวิชา จะเป็นประโยชน์ทั้งในส่วนของครูผู้สอนและผู้เรียน 5.6.2 ข้อเสนอแนะสำหรับการทำวิจัยครั้งต่อไป 5.6.2.1 จากผลการวิจัยเป็นการศึกษากับโรงเรียนขนาดเล็ก ควรมีการศึกษาวิจัยโดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ในกลุ่มโรงเรียนขนาดอื่น เช่น โรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ 5.6.2.2 จากผลการวิจัย พบวา ผลการจัดการเรียนรูแบบรวมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) นักเรียนส่วนใหญ่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา เรื่อง กฎหมาย แพ่งและกฎหมายอาญา สูงขึ้นจากเดิม และควรมีการศึกษาวิจัยผลการจัดการเรียนรู้แบบต่าง ๆ ที่มีต่อนักเรียนที่มีความสามารถในการเรียนแตกต่างกัน เพื่อศึกษาว่าการจัดการเรียนรู้รูปแบบใด ที่เหมาะสมกับนักเรียนกลุ่มต่าง ๆ


54 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. ชนินทร พุมบัณฑิต. (2563: บทคัดย่อ). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยเทคนิคการสอนแบบ ร่วมมือ (Learning Together: LT) สําหรับการเรียนการสอนวิชาการคิดสรางสรรคและ นวัตกรรมทางธุรกิจ ในยุคไทยแลนด 4.0. ฐาปนีย์ วิชัยรัมย์. (2547: บทคัดย่อ). การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการแก้โจทย์ ปัญหา เรื่อง เศษส่วน วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. ดวงพร ปราบคช. (2560: บทคัดย่อ). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พื้นที่ใต้โค้งปกติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนราชวินิตบางเขน โดยใช้รูปแบบการเรียน แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Learning Together. ทิศนา แขมมณี. (2545: 105). ศาสตรการสอนเพื่อการจัดกระบวนการเรียนรูที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: ศูนย์ตำราและเอกสารทางวิชาการ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. นัฐพล พิมพ์ทอง และคณะ. (2558: บทคัดย่อ). การพัฒนาการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค Learning Together วิชาสุขศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. นิลุบล ศิลปธนู และคณะ. (2564: บทคัดย่อ). การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค LT ร่วมกับเทคนิคผังกราฟิก เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการกลุ่ม ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องตน. กรุงเทพฯ: สุรีวิยาสาสน. พิมพ์พันธ์ เดชะคุปต์. (2544: 6). การเรียนการสอนที่เนนผูเรียนเปนสําคัญ: แนวคิด วิธีและเทคนิค การสอน 1. กรุงเทพฯ: เดอะมาสเตอรกรุป แมนเนจเมนท. พิสมัย วีรยาพร. (2550: บทคัดย่อ). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถ ในการคิดแก้ปัญหา และความพึงพอใจในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 เรื่อง สมการและการแปรผัน ชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 1 ที่เรียนแบบร่วมมือ (LT) กับที่เรียนแบบปกติ. ภคมน วรรณธรรม. (2559: บทคัดย่อ). ผลของการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับ การเรียนแบบร่วมมือเทคนิคแอลทีที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และ ใฝ่เรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์. ลวน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2539). เทคนิคการวัดผลการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน.


55 วัชรา เล่าเรียนดี. (2548: 193; อ้างอิงจาก Johnson & Johnson. 1986). การจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค LT. วัฒนาพร ระงับทุกข. (2542). การจัดการเรียนการสอนที่เนนผูเรียนเปนศูนยกลาง. กรุงเทพฯ: เลิฟแอนดเลิฟเพรส. วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2545: 51). การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือด้วยวิธีการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนที่เน้นจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนให้แก่ผู้เรียน. วรเวทย์พิสิษ ยศศิริ และคณะ. (2564: บทคัดย่อ). การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค Learning Together. สุธามาศ ฤทธิ์ไธสง. (2550: บทคัดย่อ). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค การเรียนรู้ร่วมกัน (LT) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ. สุภณิดา ปุสุรินทร์คำ. (2549: 79-81). รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT (Learning Together) การเรียนรู้ร่วมกัน. สมศักดิ์ เกรัมย์. (2551: ก). การศึกษาทักษะการทำงานร่วมกัน โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือ เรื่อง ระบอบการปกครอง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. เสรี ถุนนอก. (2542: บทคัดย่อ). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเมือง การปกครองกลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่าง การสอน โดยการเรียนแบบร่วมมือกับเรียนรู้กับการสอนแบบปกติ. ไสว ฟักขาว. (2542). การจัดการเรียนการสอนที่เนนผูเรียนเปนศูนยกลาง. กรุงเทพฯ: เอมพันธ. สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ. (2545). การเขียนแผนการจัดการเรียนรูที่เนนการคิด. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ. อาภรณ ใจเที่ยง. (2550). หลักการสอน (ฉบับปรับปรุง). (พิมพครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร. เอกรินทร สี่มหาศาล. (2545). กระบวนการจัดทําหลักสูตรสถานศึกษาแนวคิดสูการปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: บุคพอยท. Artzt and Newman. (1990). Cooperative learning. Mathematics Teacher. 83, 448 - 452. Gronlund, N.E. (1993). กระบวนการเชิงระบบ เพื่อวัดพฤติกรรมหรือผลการเรียนรู้ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นจากกิจกรรมการเรียนรู้. Johnson, D.W., & R.T. Johnson. (1994). Learning together and alone. New Jersey: Prentice Hall. Slavin, Robert E. (1987). Cooperative learning and the cooperative school. Education Leadership. 45 (November 1987), 7-13.


ภาคผนวก


ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ


58 ประวัติย่อผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 1 ชื่อ ว่าที่ร้อยตรี จักราชัย ใจซื่อ ประวัติการศึกษา 1) ปริญญาโทคณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตำแหน่ง/วิทยฐานะ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 2 ชื่อ นายวรวุฒิ คำชมภู ประวัติการศึกษา 1) ปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ตำแหน่ง/วิทยฐานะ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 3 ชื่อ นางกุศล ด้วงสะดี ประวัติการศึกษา 1) ปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการจัดการทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2) ปริญญาตรีครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาประถมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ตำแหน่ง/วิทยฐานะ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ


ภาคผนวก ข เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย


60 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา เวลา 6 ชั่วโมง เรื่อง สัญญาซื้อขาย เวลา 1 ชั่วโมง ครูผู้สอน จ่าสิบเอก ธนบดี สิทธิโคตร วันที่21 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 1. ตัวชี้วัด ส 2.1 ม.3/1 อธิบายความแตกต่างของการกระทำความผิดระหว่างคดีอาญาและคดีแพ่ง 2. สาระสำคัญ สัญญาซื้อขาย เป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า ผู้ขาย โอนกรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า “ผู้ชื้อ” โดยผู้ซื้อได้ใช้ราคาทรัพย์สินนั้นเป็นเงินแก่ผู้ขาย เพื่อเป็นการตอบแทน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายการทำสัญญาซื้อขายที่ถูกต้องได้(K) 2. นักเรียนสามารถจำแนกลักษณะการกระทำความผิดทางแพ่งและความรับผิดชอบทางแพ่ง ที่พบในชีวิตประจำวันได้(P) 3. นักเรียนเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น (A) 4. สาระการเรียนรู้ - ทรัพย์สินที่ซื้อขายกันได้ - ทรัพย์สินที่ซื้อขายกันไม่ได้ - แบบของสัญญาซื้อขาย - หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขาย - หน้าที่ของผู้ซื้อ


61 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงต์ของผู้เรียน 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นเตรียม 1. ครูแจงสาระการเรียนรูตัวชี้วัด จุดประสงคในการเรียนรูแนวทางปฏิบัติในการ เรียน เกณฑคะแนนการผ่านแตละจุดประสงค และการเรียนกระบวนการกลุม ซึ่งนักเรียนศึกษา เนื้อหาสาระรวมกัน โดยกําหนดบทบาทใหแตละคนมีหนาที่ช่วยเหลือกลุม และกลุมจะสรุปคําตอบร วมกันสงคําตอบเปนผลงานของกลุม ผลงานกลุมไดคะแนนเทาไร สมาชิกทุกคนในกลุ่มนั้นจะได คะแนนเทากันทุกคนในการทํากิจกรรมครั้งนี้ 2. ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกอนเรียน เพื่อวัดความรูพื้นฐานเดิมของ นักเรียน 3. ครูและนักเรียนทบทวนเนื้อหาเดิม หรือความรูพื้นฐานที่เกี่ยวของ 4. แบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 4 คน โดยคละเพศและความสามารถทางการเรียน ประกอบดวยนักเรียนเกง 1 คน ปานกลาง 2 คน ออน 3 คน ไดมาจากการวัดผมสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 ขั้นสอน (ทำงานเป็นกลุ่ม) 1. ครูนําเขาสูบทเรียนเกี่ยวกับเรื่องสัญญาซื้อขาย โดยครูถามคําถาม ดังนี้ - สัญญาซื้อขายคืออะไร 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับสัญญาซื้อขาย พร้อมยกตัวอย่างสถานการณ์หนาชั้นเรียน 3. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายกอนทํากิจกรรม โดยครูถามคําถามกอนทํากิจกรรม ดังนี้ - การทํากิจกรรมนี้สามารถอธิบายการทำสัญญาซื้อขายที่ถูกต้องได้อย่างไร)


62 4. ใหแตกลุมแบงหนาที่ในการรับผิดชอบงานภายในกลุม เพื่อดําเนินงานที่ครู มอบหมาย โดยกําหนดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในกลุมตามกิจกรรมการเรียนรูแบบกลุมรวมมือ เทคนิค LT ดัง นี้ นักเรียนคนที่ 1 อานคําแนะนํา คําสั่งหรือโจทยในการดําเนินงาน นักเรียนคนที่ 2 ฟงขั้นตอนและรวบรวมขอมูล นักเรียนคนที่ 3 อานสิ่งที่โจทยตองการทราบแลวหาคําตอบ นักเรียนคนที่ 4 ตรวจคําตอบ 5. ครูแนะนําวาสมาชิกในกลุมจะตองทําหนาที่ตามที่ไดรับมอบหมายทุกครั้งและตอง หมุนเวียนเปลี่ยนหนาที่กันไปจนครบทุกคน 6. ใหนักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรม เรื่อง สัญญาซื้อขาย เพื่อให้สามารถอธิบายหน้า ชั้นเรียนให้สมาชิกฟังได้และบันทึกผลการทํากิจกรรมในใบงาน ซึ่งครูจะคอยใหคําแนะนําแกนักเรียน และครูสังเกตประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมกลุม 7. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสรุปกิจกรรมในบทเรียนเปนแผนผังความคิด เรื่อง สัญญาซื้อขายในกระดาษชารท ขั้นตรวจสอบผลงาน 1. ครูใหแตละกลุมสงผลงานและนําเสนอผลการทํากิจกรรมหนาชั้นเรียน 2. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทํา กิจกรรมลงในแบบประเมินการเสนอผลงาน 3. ครูสรุปผลการประเมินการเสนอผลงานที่นักเรียนประเมินเพื่อน และครูประเมิน เพิ่มเติม ขั้นสรุปและประเมินผล 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหาบทเรียนเรื่อง สัญญาซื้อขาย เพื่อใหไดประเด็น ตามจุดประสงคการเรียนรู 2. นักเรียนทําแบบฝกหัด เรื่อง สัญญาซื้อขาย เปนรายบุคคล 3. ครูตรวจคําตอบแบบฝกหัดรายบุคคล แจงคะแนนความกาวหนาของนักเรียนแต ละคนและคะแนนความก้าวหนาของกลุมที่คิดออกมาเปนคะแนนเฉลี่ย และแสดงความชื่นชมกลุมที่ สมาชิกทําแบบฝกหัดไดคะแนนดี


63 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 2. สื่อ PowerPoint เรื่อง สัญญาซื้อขาย 3. ใบงาน เรื่อง ซื้อขาย 4. กระดาษชารท 9 กระบวนการวัดผลและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ เครื่องมือวัด วิธีการวัด เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. อธิบายการทำสัญญา ซื้อขายที่ถูกต้องได้และ จำแนกลักษณะการ กระทำความผิดทางแพ่ง และความรับผิดชอบทาง แพ่งที่พบใน ชีวิตประจำวันได้ - ใบงาน เรื่อง สัญญาซื้อขาย - ตรวจใบงาน เรื่อง สัญญาซื้อ ขาย - ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 2. การนำเสนอผลงาน - แบบประเมิน ก า ร น ำ เ ส น อ ผลงาน - ป ร ะ เ มิน ก า ร นำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล -สังเกตพฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4. พฤติกรรมการทำงาน กลุ่ม - แบบสังเกต พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 5. คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ - แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - สังเกตความมี วินัย ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่น ในการทำงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์


64 10. บันทึกผลหลังสอน 1. ปัญหาที่เกิด ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................ ................ ................................................................................................................................................................ 2. วิธีการแก้ปัญหา ................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................... ..... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3. ผลการแก้ปัญหา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ... ................................................................................................................................................................ จ่าสิบเอก............................................. (ธนบดี สิทธิโคตร) ครูผู้สอน ............./................/...............


65 11. ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ................................................ (นางกุศล ด้วงสะดี) ครูพี่เลี้ยง ............./................/............... 12. ความคิดเห็นของหัวหน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................... ............................. ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ................................................ (นายวรวุฒิ คำชมภู) หัวหน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ ............./................/............... 13. ความคิดเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ว่าที่ร้อยตรี................................................ (จักราชัย ใจซื่อ) ผู้อำนวยการสถานศึกษา ............./................/...............


66 ภาคผนวก


67 ใบงาน เรื่อง สัญญาซื้อขาย ตอนที่ 1 คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. ซื้อขาย หมายความว่าอย่างไร 2. ทรัพย์สินที่ซื้อขายกันได้ ได้แก่ทรัพย์สินประเภทใด จงยกตัวอย่าง 3. ทรัพย์สินที่ซื้อขายกันไม่ได้ ได้แก่อะไรบ้าง


68 ตอนที่ 2 คำชี้แจง : ให้นักเรียนอ่านกรณีตัวอย่างแล้วตอบคำถาม กรณีตัวอย่างที่ 1 นายน้อมนำที่ดินพร้อมบ้านเสนอขายให้แก่นายชอบเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท นายชอบ ชำระเงินให้แก่นายน้อม ส่วนหนึ่งเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท ทั้งสองคนนัดกันไปจดทะเบียนซื้อขายต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เมื่อถึงกำหนดวันนัด นายน้อมไม่ไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน นายน้อมผิดสัญญาซื้อขายอย่างไร อธิบายเหตุผล ............................................................................................................................. ............................. ...................................................................................................................................... .................... เมื่อนายน้อมผิดสัญญา นายชอบควรปฏิบัติอย่างไร ............................................................................................................................. ............................. ..................................................................................................... ..................................................... กรณีตัวอย่างที่ 2 นางสาวหวานตกลงขายแหวนเพชรให้แก่นางสาวพลอย เป็นเงิน 50,000 บาท ทั้งสองทำ สัญญาจะซื้อขายไว้ และลง ลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย โดยกำหนดวันส่งแหวนเพชร เมื่อถึงกำหนดนัด นางสาวหวานไม่ยอมขายแหวนเพชรให้นางสาวพลอย โดยอ้างว่ามีผู้ให้ราคาแหวนเพชรสูงกว่า นางสาวพลอย นางสาวพลอยสามารถฟ้องนางสาวหวานให้จ่ายค่าเสียหายให้แก่นางสาวพลอยได้หรือไม่ ............................................................................................................................. ............................. ..................................................................................................... .....................................................


69 กรณีตัวอย่างที่ 3 สายทองซื้อวิทยุจากร้านโชคชัย เมื่อสายทองกลับถึงบ้านเปิดวิทยุฟัง ปรากฏว่าเสียงวิทยุดังไม่ สม่ำเสมอ ระบบเสียงไม่ชัด สายทองจึงนำวิทยุไปขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ ร้านโชคชัยต้องรับผิดชอบวิทยุที่ชำรุดบกพร่องหรือไม่ ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. .............................


70 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ลงใน ช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. ความถูกต้องของเนื้อหา 2. ความคิดสร้างสรรค์ 3. วิธีการนำเสนอผลงาน 4. การนำไปใช้ประโยชน์ 5. การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................................ผู้ประเมิน ................./............................/.................... เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 – 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง


71 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลง ในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อนามสกุล ของผู้รับ การ ประเมิน ความตั้งใจ ในการทำงาน ความ รับผิดชอบ การตรงต่อเวลา ความสะอาด เรียบร้อย ผลสำเร็จ ของงาน รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ...................................................................ผู้ประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ................./............................/.................... ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 – 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง


72 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลง ในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อนามสกุล ของผู้รับ การ ประเมิน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ำใจ การมี ส่วนร่วม ในการปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ...................................................................ผู้ประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ................./............................/.................... ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 – 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง


73 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลง ในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และ อธิบายความหมาย ของเพลงชาติ 1.2 ปฏิบัติตนตามสิทธิและหน้าที่ของนักเรียน 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทำงานกับสมาชิกใน โรงเรียน 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่ สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตาม หลักของศาสนา 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่ เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนและชุมชนจัดขึ้น 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวที่จะทำ ความผิด ทำตามสัญญา ที่ตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง ไม่หาประโยชน์ ในทางที่ไม่ถูกต้อง 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของ ครอบครัว และโรงเรียน ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และรับผิดชอบในการทำงาน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล


74 5. อยู่อย่าง พอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินของตนเอง เช่น สิ่งของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และ เก็บรักษาดูแลอย่างดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล 5.4 ไม่เอาเปรียบผู้อื่น และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อม ให้อภัยเมื่อผู้อื่น กระทำผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ ชีวิตประจำวันบนพื้นฐานของ ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และ สภาพแวดล้อม ยอมรับและ ปรับตัว อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 6. มุ่งมั่น ในการทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับ มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งาน สำเร็จ 7. รักความเป็น ไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญา ไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ และแบ่งปันสิ่งของให้ ผู้อื่น 8.3 ดูแล รักษาทรัพย์สมบัติของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน 8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของ โรงเรียน ลงชื่อ...................................................................ผู้ประเมิน ................./............................/....................


75 เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 91 - 108 ดีมาก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ำกว่า 54 ปรับปรุง


76 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก. ลักทรัพย์ ข. นิติกรรม ค. ประหารชีวิต ง. ไม่สามารถยอมความ 2. ข้อใดต่อไปนี้คือลักษณะที่สำคัญของกฎหมายอาญา ก. เป็นกฎหมายที่ไม่มีบทกำหนดโทษ ข. เป็นกฎหมายที่กำหนดความผิดไว้โดยชัดแจ้ง ค. เป็นกฎหมายที่กำหนดให้ความผิดมีผลย้อนหลัง ง. เป็นกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิและหน้าที่ของบุคคลโดยทั่วไป 3. อัพ เลาะ และบอล ร่วมกันต่อยเจมส์เพื่อแย่งโทรศัพท์ แล้วพากันหลบหนีไป อัพ เลาะ และบอลมี ความผิดฐานใด ก. ลักทรัพย์ ข. ชิงทรัพย์ ค. ปล้นทรัพย์ ง. วิ่งราวทรัพย์ 4. การเช่าทรัพย์สินในข้อใดต้องมีการทำหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด ก. รถจักรยาน ข. ที่นาปลูกข้าว ค. เครื่องคอมพิวเตอร์ ง. ช้างเพื่อเป็นพาหนะ ชื่อ-นามสกุล...........................................................................................ชั้น ม................. เลขที่.......................


77 5. เวฟเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากร้านนายขุนเป็นเงิน 5,000 บาท โดยทำสัญญาชำระ 10 งวด แต่เวฟ ไม่ชำระงวดที่ 9 และ 10 นายขุนจึงบอกเลิกสัญญา และริบเงินที่ชำระมาแล้วทั้งหมด การกระทำของ นายขุนสามารถทำได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ก. ได้ เพราะเวฟผิดสัญญาเช่าซื้อโดยผิดนัดไม่ชำระเงิน 2 งวดติดกัน ข. ได้ เพราะรถจักรยานยนต์ของนายขุนเป็นร้านที่ถูกต้องตามกฎหมาย ค. ไม่ได้ เพราะเงินของนายเวฟที่ส่งไปให้นายขุนจำนวน 8 งวดนั้น ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของนาย เวฟ ง. ไม่ได้ เพราะได้ทำสัญญาเช่าซื้อถูกต้องแล้วนายขุนต้องรอให้นายเวฟชำระเงินงวดที่ 9 และ 10 ก่อน 6. ต้าร์ตกลงขายรถยนต์ให้ครีมในราคา 400,000 บาท โดยทั้งสองให้สัญญาปากเปล่า ต่อมาต้าร์ เปลี่ยนใจไม่ยอมขายรถ ครีมสามารถฟ้องร้องต่อศาลได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ก. ได้ เพราะต้าร์ผิดสัญญา ข. ได้ เพราะเป็นความผิดทางแพ่ง ค. ไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายกันไว้ง. ไม่ได้ เพราะราคาซื้อขายต่ำกว่าที่กฎหมาย กำหนด 7. การซื้อขายในข้อใดไม่สามารถกระทำได้ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก. มาร์คซื้อที่ดินในเขตป่าสงวน ข. มิวสิคซื้อรถยนต์ยุโรปป้ายแดง ค. กอล์ฟขายแหวนเพชรให้เพื่อนสนิท ง. กายซื้อบ้านพร้อมที่ดินต่อจากพี่ชาย 8. นัดโกรธไอซ์ที่ไม่ยอมให้ยืมเงิน จึงเอายาพิษใส่ในน้ำให้ไอซ์ดื่ม กรณีนี้นัดจะมีความผิดฐานใด ก. ความผิดฐานเจตนาฆ่า ข. ความผิดฐานพยายามฆ่า ค. ความผิดฐานประมาทฆ่า ง. ความผิดฐานประสงค์ในการฆ่า 9. การกระทำในข้อใดจัดเป็นการกระทำความผิดทางแพ่ง ก. อัพลักรถจักรยานยนต์ของเลาะ แล้วนำไปทิ้งน้ำ ข. เจมส์เสพยาบ้า แล้วไม่ยอมทำงานให้แก่นายจ้าง ค. กายเช่าบ้านของมายด์แล้วค้างค่าเช่าเป็นเวลานานถึง 2 ปี ง. ไอซ์ตบหน้านัด เพราะนัดไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของเธอ 10. บุคคลในข้อใดไม่จัดอยู่ในกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง ก. ตำรวจ ข. คู่ความ ค. ทนายความ ง. ผู้พิพากษา


78 11. มิวสิคทำสัญญาเช่าห้องแถวของกอล์ฟ 1 ห้อง เป็นเวลา 3 ปี โดยทำสัญญาเช่ากันเอง มีฝนและ ขุนเป็นพยาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี มิวสิคไม่ชำระค่าเช่าห้องให้กอล์ฟอีกเลย กอล์ฟสามารถบอก เลิกสัญญาได้หรือไม่ ก. ไม่ได้ เพราะเช่าไม่ครบ 3 ปี ข. ได้ เพราะมิวสิคผิดสัญญาเช่า ค. ได้ เพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ ง. ได้ เพราะเป็นสิทธิในฐานะเจ้าของทรัพย์ 12. ข้อใดเป็นลักษณะของการกระทำผิดโดยประมาท ก. เจมส์เอาไม้ตีหัวเพื่อนเพราะโมโห ข. เลาะแอบขโมยรถจักรยานที่จอดไว้ไปขี่เล่น ค. กอล์ฟขับรถด้วยความคึกคะนองจึงชนคนที่กำลังข้ามถนน ง. อัพมีอาชีพขายแผ่นดีวีดีภาพยนตร์เถื่อน เพราะรายได้ดี 13. สัญญาซื้อขายในข้อใดที่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก. รถยนต์ ข. ห้องแถว ค. แหวนเพชร ง. โทรศัพท์เคลื่อนที่ 14. ครีมแอบหยิบรองเท้าคู่ใหม่ของต้าร์แล้วเอารองเท้าคู่เก่าของตนเองมาวางไว้แทน ครีมมีความผิด ฐานใด ก. ลักทรัพย์ ข. ชิงทรัพย์ ค. วิ่งราวทรัพย์ ง. ยักยอกทรัพย์ 15. เวฟกู้ยืมเงินฝนเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท เป็นเวลา 2 ปี โดยเขียนในสัญญาว่า ชำระดอกเบี้ย ตามกฎหมาย เมื่อครบกำหนด เก๋ต้องชำระดอกเบี้ยเท่าไร ก. 700 บาท ข. 740 บาท ค. 750 บาท ง. 1,500 บาท 16. การกระทำในข้อใดผิดหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินกันตามกฎหมาย ก. บอลผ่อนชำระหนี้เงินกู้ครบแล้วจึงขอหลักฐานการกู้ยืมเงินคืน ข. กายกู้ยืมเงินขุนจำนวน 1,000 บาท โดยที่ไม่ได้ทำหนังสือสัญญากันไว้ ค. มายด์ชำระหนี้เงินกู้บางส่วนจึงลงชื่อในหนังสือสัญญา พร้อมบอกจำนวนเงินที่ชำระ ง. ฝนให้ต้าร์กู้เงิน 50,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อปี และมีการทำหนังสือสัญญา กัน


79 17. การทำหลักฐานในการกู้ยืมก่อให้เกิดผลดีอย่างไร ก. ช่วยให้การกู้ยืมเงินสะดวกรวดเร็ว ข. ช่วยให้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้หากมีการบิดพลิ้ว ค. เป็นหลักฐานที่สามารถนำไปแสดงหักลดหย่อนภาษีได้ ง. เป็นหลักประกันว่าผู้ให้กู้จะได้รับเงินคืนครบถ้วนอย่างแน่นอน 18. นายอัพยิงปืนเข้าไปในรถโดยสารประจำทาง กระสุนปืนไปถูกนายมิวสิคถึงแก่ความตาย นายอัพมี ความผิดฐานใด ก. ฆ่าคนตายโดยเจตนา ข. ฆ่าคนตายโดยประมาท ค. ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ง. ฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 19. ทรัพย์สินในข้อใดถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ ก. รถยนต์ ข. คอนโดมิเนียม ค. ทองคำแท่ง ง. เครื่องคอมพิวเตอร์ 20. ข้อใดเรียงลำดับโทษทางอาญาจากหนักไปเบาได้ถูกต้อง ก. ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน ข. ประหารชีวิต กักขัง จำคุก ปรับ ริบทรัพย์สิน ค. ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ริบทรัพย์สิน ปรับ ง. ประหารชีวิต กักขัง จำคุก ริบทรัพย์สิน ปรับ


ภาคผนวก ค ผลคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย


81 แบบประเมินสำหรับผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ เรื่อง “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา โดยใช้เทคนิค LT (Learning Together) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล 2 อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี” คำชี้แจง : แบบประเมินฉบับนี้ใช้สำหรับท่านซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบว่าแผนการจัดการ เรียนรู้มีความสอดคล้องกับตัวแปรหรือไม่ โดยมีเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ ให้คะแนน +1 หมายถึง แน่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องกับตัวแปร ให้คะแนน 0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องกับตัวแปร ให้คะแนน -1 หมายถึง แน่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรู้ไม่มีความสอดคล้องกับตัวแปร


82 คำชี้แจง : ผู้เชี่ยวชาญโปรดพิจารณาว่าแผนการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องกับตัวแปรหรือไม่ (ตัวแปร คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค LT (Learning Together) ลำดับ แผนการจัดการเรียนรู้ ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง สัญญาซื้อขาย +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) 2. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สัญญากู้ยืม +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) 3. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง สัญญาเช่าทรัพย์ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) 4. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง สัญญาเช่าซื้อ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) 5. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ความผิดทางอาญาและ โทษทางอาญา +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) 6. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับ ทรัพย์สิน +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้)


83 แบบประเมินสำหรับผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ เรื่อง “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา โดยใช้เทคนิค LT (Learning Together) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล 2 อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี” คำชี้แจง : แบบประเมินฉบับนี้ใช้สำหรับท่านซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบว่าข้อคำถามแต่ละข้อ มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมหรือไม่ โดยมีเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ ให้คะแนน +1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ให้คะแนน 0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อคำถามมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ให้คะแนน -1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามไม่มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม


84 คำชี้แจง : ผู้เชี่ยวชาญโปรดพิจารณาว่าแบบทดสอบแต่ละข้อมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์หรือไม่ จุดประสงค์ แบบทดสอบ ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1. อธิบายลักษณะ การกระทำความผิด ทางแพ่งและ ความรับผิดชอบทาง แพ่งได้ ข้อใดต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ ก. ลักทรัพย์ ข. นิติกรรม ค. ประหารชีวิต ง. ไม่สามารถยอมความ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) การกระทำในข้อใดจัดเป็นการกระทำความผิด ทางแพ่ง ก. อัพลักรถจักรยานยนต์ของเลาะ แล้วนำไป ทิ้งน้ำ ข. เจมส์เสพยาบ้า แล้วไม่ยอมทำงานให้แก่ นายจ้าง ค. กายเช่าบ้านของมายด์แล้วค้างค่าเช่าเป็น เวลานานถึง 2 ปี ง. ไอซ์ตบหน้านัด เพราะนัดไปมีความสัมพันธ์ ฉันชู้สาวกับสามีของเธอ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) บุคคลในข้อใดไม่จัดอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ทางแพ่ง ก. ตำรวจ ข. คู่ความ ค. ทนายความ ง. ผู้พิพากษา +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) 2. อธิบายการทำ สัญญาซื้อขาย กู้ยืมเงิน การเช่าทรัพย์สินในข้อใดต้องมีการทำหลักฐาน เป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้)


85 เช่าทรัพย์สิน เช่าซื้อที่ ถูกต้องได้ ก. รถจักรยาน ข. ที่นาปลูกข้าว ค. เครื่องคอมพิวเตอร์ ง. ช้างเพื่อเป็นพาหนะ สัญญาซื้อขายในข้อใดที่ต้องทำเป็นหนังสือและ จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก. รถยนต์ ข. ห้องแถว ค. แหวนเพชร ง. โทรศัพท์เคลื่อนที่ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) การทำหลักฐานในการกู้ยืมก่อให้เกิดผลดี อย่างไร ก. ช่วยให้การกู้ยืมเงินสะดวกรวดเร็ว ข. ช่วยให้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้หากมีการ บิดพลิ้ว ค. เป็นหลักฐานที่สามารถนำไปแสดงหัก ลดหย่อนภาษีได้ ง. เป็นหลักประกันว่าผู้ให้กู้จะได้รับเงินคืน ครบถ้วนอย่างแน่นอน +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) ทรัพย์สินในข้อใดถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ ก. รถยนต์ ข. คอนโดมิเนียม ค. ทองคำแท่ง ง. เครื่องคอมพิวเตอร์ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) 3. จำแนกลักษณะการ กระทำความผิดทาง แพ่งและความ รับผิดชอบทางแพ่งที่ พบในชีวิตประจำวันได้ เวฟเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากร้านนายขุนเป็น เงิน 5,000 บาท โดยทำสัญญาชำระ 10 งวด แต่เวฟไม่ชำระงวดที่ 9 และ 10 นายขุนจึงบอก เลิกสัญญา และริบเงินที่ชำระมาแล้วทั้งหมด +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้)


86 การกระทำของนายขุนสามารถทำได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ก. ได้ เพราะเวฟผิดสัญญาเช่าซื้อโดยผิดนัดไม่ ชำระเงิน 2 งวดติดกัน ข. ได้ เพราะรถจักรยานยนต์ของนายขุนเป็น ร้านที่ถูกต้องตามกฎหมาย ค. ไม่ได้ เพราะเงินของนายเวฟที่ส่งไปให้นาย ขุนจำนวน 8 งวดนั้น ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของนาย เวฟ ง. ไม่ได้ เพราะได้ทำสัญญาเช่าซื้อถูกต้องแล้ว นายขุนต้องรอให้นายเวฟชำระเงินงวดที่ 9 และ 10 ก่อน ต้าร์ตกลงขายรถยนต์ให้ครีมในราคา 400,000 บาท โดยทั้งสองให้สัญญาปากเปล่า ต่อมาต้าร์ เปลี่ยนใจไม่ยอมขายรถ ครีมสามารถฟ้องร้อง ต่อศาลได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ก. ได้ เพราะต้าร์ผิดสัญญา ข. ได้ เพราะเป็นความผิดทางแพ่ง ค. ไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายกันไว้ ง. ไม่ได้ เพราะราคาซื้อขายต่ำกว่าที่กฎหมาย กำหนด +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) การซื้อขายในข้อใดไม่สามารถกระทำได้ตาม กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก. มาร์คซื้อที่ดินในเขตป่าสงวน ข. มิวสิคซื้อรถยนต์ยุโรปป้ายแดง ค. กอล์ฟขายแหวนเพชรให้เพื่อนสนิท ง. กายซื้อบ้านพร้อมที่ดินต่อจากพี่ชาย +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) มิวสิคทำสัญญาเช่าห้องแถวของกอล์ฟ 1 ห้อง เป็นเวลา 3 ปี โดยทำสัญญาเช่ากันเอง มีฝน +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้)


87 และขุนเป็นพยาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี มิว สิคไม่ชำระค่าเช่าห้องให้กอล์ฟอีกเลย กอล์ฟ สามารถบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่ ก. ไม่ได้ เพราะเช่าไม่ครบ 3 ปี ข. ได้ เพราะมิวสิคผิดสัญญาเช่า ค. ได้ เพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ ง. ได้ เพราะเป็นสิทธิในฐานะเจ้าของทรัพย์ เวฟกู้ยืมเงินฝนเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท เป็นเวลา 2 ปี โดยเขียนในสัญญาว่า ชำระ ดอกเบี้ยตามกฎหมาย เมื่อครบกำหนด เก๋ต้อง ชำระดอกเบี้ยเท่าไร ก. 700 บาท ข. 740 บาท ค. 750 บาท ง. 1,500 บาท +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) การกระทำในข้อใดผิดหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงิน กันตามกฎหมาย ก. บอลผ่อนชำระหนี้เงินกู้ครบแล้วจึงขอ หลักฐานการกู้ยืมเงินคืน ข. กายกู้ยืมเงินขุนจำนวน 1,000 บาท โดยที่ ไม่ได้ทำหนังสือสัญญากันไว้ ค. มายด์ชำระหนี้เงินกู้บางส่วนจึงลงชื่อใน หนังสือสัญญา พร้อมบอกจำนวนเงินที่ชำระ ง. ฝนให้ต้าร์กู้เงิน 50,000 บาท โดยคิด ดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อปี และมีการทำหนังสือ สัญญากัน +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) 4. อธิบายลักษณะการ กระทำความผิดทาง อาญาและบทลงโทษได้ ข้อใดต่อไปนี้คือลักษณะที่สำคัญของกฎหมาย อาญา ก. เป็นกฎหมายที่ไม่มีบทกำหนดโทษ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้)


88 ข. เป็นกฎหมายที่กำหนดความผิดไว้โดยชัดแจ้ง ค. เป็นกฎหมายที่กำหนดให้ความผิดมีผล ย้อนหลัง ง. เป็นกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิและหน้าที่ของ บุคคลโดยทั่วไป ข้อใดเรียงลำดับโทษทางอาญาจากหนักไปเบา ได้ถูกต้อง ก. ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน ข. ประหารชีวิต กักขัง จำคุก ปรับ ริบทรัพย์สิน ค. ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ริบทรัพย์สิน ปรับ ง. ประหารชีวิต กักขัง จำคุก ริบทรัพย์สิน ปรับ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) อัพ เลาะ และบอล ร่วมกันต่อยเจมส์เพื่อแย่ง โทรศัพท์ แล้วพากันหลบหนีไป อัพ เลาะ และ บอลมีความผิด ฐานใด ก. ลักทรัพย์ ข. ชิงทรัพย์ ค. ปล้นทรัพย์ ง. วิ่งราวทรัพย์ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) นัดโกรธไอซ์ที่ไม่ยอมให้ยืมเงิน จึงเอายาพิษใส่ ในน้ำให้ไอซ์ดื่ม กรณีนี้นัดจะมีความผิดฐานใด ก. ความผิดฐานเจตนาฆ่า ข. ความผิดฐานพยายามฆ่า ค. ความผิดฐานประมาทฆ่า ง. ความผิดฐานประสงค์ในการฆ่า +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) ข้อใดเป็นลักษณะของการกระทำผิดโดย ประมาท ก. เจมส์เอาไม้ตีหัวเพื่อนเพราะโมโห +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้)


89 ข. เลาะแอบขโมยรถจักรยานที่จอดไว้ไปขี่เล่น ค. กอล์ฟขับรถด้วยความคึกคะนองจึงชนคนที่ กำลังข้ามถนน ง. อัพมีอาชีพขายแผ่นดีวีดีภาพยนตร์เถื่อน เพราะรายได้ดี ครีมแอบหยิบรองเท้าคู่ใหม่ของต้าร์แล้วเอา รองเท้าคู่เก่าของตนเองมาวางไว้แทน ครีมมี ความผิดฐานใด ก. ลักทรัพย์ ข. ชิงทรัพย์ ค. วิ่งราวทรัพย์ ง. ยักยอกทรัพย์ +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้) นายอัพยิงปืนเข้าไปในรถโดยสารประจำทาง กระสุนปืนไปถูกนายมิวสิคถึงแก่ความตาย นาย อัพมีความผิดฐานใด ก. ฆ่าคนตายโดยเจตนา ข. ฆ่าคนตายโดยประมาท ค. ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ง. ฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน +1 +1 +1 1.00 (ใช้ได้)


ตารางที่ ค.1 วิเคราะห์ค่าความยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) ของแบบวัดผลสัมฤ(Learning Together) คน ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 1 2 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 3 1 1 1 0 1 1 1 0 1 1 0 1 1 1 4 1 0 0 1 1 1 1 0 1 1 0 1 1 1 5 0 1 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 0 1 6 1 0 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 7 1 1 0 0 0 0 1 0 0 1 1 0 1 1 8 1 0 0 0 1 0 1 1 1 0 1 0 0 1 9 0 0 1 0 1 0 0 0 0 0 0 1 1 1 10 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 0 11 0 1 1 0 1 1 0 1 1 0 1 1 0 1 12 1 0 1 0 1 0 1 1 0 1 1 0 1 1 13 0 1 0 1 1 0 1 0 1 1 1 0 1 0 14 1 1 0 1 0 1 0 1 0 1 1 1 0 0 15 1 1 1 1 1 1 1 0 0 0 1 1 1 1 16 0 0 0 0 0 0 0 1 1 1 1 1 1 1 PH 7 5 4 5 6 5 8 4 7 7 5 6 6 8 PL 4 5 5 4 6 4 4 5 3 5 6 6 6 5 P 0.68 0.62 0.56 0.56 0.75 0.56 0.75 0.56 0.62 0.75 0.68 0.75 0.75 0.81


90 ฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา โดยใช้เทคนิค LT ข้อที่ คะแนน รวม 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 27 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 28 1 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 26 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0 1 0 28 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 26 1 0 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 26 0 1 0 1 1 0 0 1 1 0 1 1 1 1 1 1 25 1 1 1 1 0 0 1 1 0 1 0 1 0 0 1 1 27 0 1 0 0 1 1 1 0 0 1 1 1 1 1 1 1 21 1 1 1 1 1 0 1 1 0 1 1 0 1 0 0 0 22 1 0 1 1 0 1 1 0 1 1 0 1 1 0 1 1 20 0 1 0 1 1 1 1 0 1 1 0 1 1 0 0 1 19 1 0 0 1 0 0 1 1 0 1 0 1 1 1 1 1 18 1 0 1 0 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 16 1 0 0 0 1 1 1 0 0 1 0 0 0 0 0 0 16 1 0 0 1 0 0 1 0 1 0 1 1 1 1 0 1 16 6 7 5 8 6 6 6 8 7 7 6 8 7 6 8 7 6 3 3 5 4 5 7 3 7 7 3 6 6 4 3 6 0.67 0.62 0.50 0.81 0.62 0.68 0.81 0.68 0.87 0.87 0.56 0.87 0.81 0.62 0.68 0.81


Click to View FlipBook Version