The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chompunuchh1998, 2021-12-06 23:21:21

สื่อ

สื่อ

ส่อื การสอนรายวิชาการงานอาชพี (งานบ้าน)

ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2

เร่อื ง ความรู้พน้ื ฐานดา้ นการซอ่ มแซม และตกแตง่ เสอื้ ผา้
จดั ทำโดย นางสาวชมพูนชุ อปุ ถมั ภ์

การซ่อมแชม และตกแตง่ เสอื้ ผา้

การซอ่ มแชม และตกแตง่ เสื้อผา้

การซอ่ มแชม และตกแต่งเส้ือผ้า เป็นวิธกี ารหนง่ึ ท่ชี ่วยทำให้เสื้อผ้าทช่ี ำรดุ ล้าสมัย หรือ
อยู่ในสภาพที่งานได้ ให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งต้องอาศัยความรู้พื้นฐานในการดัด
เย็บแบการนา การสอย การดนั การเยบ็ ตะเขบ็ ต่างๆ เป็นต้น เพ่อื ใหส้ ามารถเลอื กใช้วิซีซ่อมแซม
ตกแต่ง และดัดแปลงอย่างถูกต้องเหมาสม อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและสร้างความ
ภาคภูมใิ จใหก้ ับคนเองเมอ่ื มาใช้ประโยชนไ์ ดอ้ กี ดว้ ย

การซ่อมแซมเสื้อผ้า

การซ่อมแซมเสื้อผ้าที่ชำรุดให้กลับมาใช้งานได้อีกนั้น อาจซ่อมแซมด้วยมือ หรืออาจใช้
จักรก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของรอยชำรุดและเครื่องมือที่มีอยู่ให้เหมาะสม เพื่อให้ใด้ชั้นงานที่มี
คุณภาพโดยเลือกวิธกี ารซ่อมแซมให้เหมาะสมกบั สว่ นทช่ี ำรดุ ดังนี้

1. การสอย
เป็นวิธีการซ่อมแซมเสื้อผ้าที่ชำรุดบริเวณรอยพับปลายแขนเสื้อ ชายกระโปรง หรือ
ปลายขากางเกง โดยการเย็บส่วนที่ขาดให้ติดกัน แต่จะไม่ปรากฎรอยเย็บให้เห็น จะเห็นเป็นจุด
เล็ก ๆ อยู่ห่างกันเป็นระยะ ๆ ที่ผ้าด้านนอกเท่านั้น ซึ่งการสอยมีหลายชนิดแต่ที่นิยมใช้ทั่วไป มี
ดังนี้

1.1 การสอยซอ่ นด้าย
การสอยซ่อนด้ายการสอยซ่อนด้าย เป็นการสอยที่มองเห็นเส้นด้ายเย็บเพียง
เล็กน้อย โดยแทงเข็มให้สอดเข้าไปในพับทบของผา้ ให้กว้างช่วงละประมาณ 1 เซนติเมตร
ซึ่งก่อนแทงเข็มออกให้สะกิดเส้นดา้ ยจากผ้าชิ้นล่างประมาณ 1-3 เส้น แล้วสอดเข็มเข้าไป
ในสันทบผ้า จากนั้นแทงเข็มออกสะกิดเส้นด้ายจากผ้าชิ้นล่าง ทำเช่นนี้เรื่อยไปจนสิ้นสุด
แนวที่ต้องการสอย

ควิ อาร์โคด้ วดี ีโอการสอยซอ่ นดา้ ย

1.2 การสอยพัน
การสอยพันเป็นการสอยที่มองเห็นด้ายทางด้านผิดมากกว่าด้านถูก โดยแทงเข็ม
จากจุดข้างบนลงมาที่จุดข้างล่างตรงสันทบ และแทงเข็มสะกิดเนื้อผ้าทางด้านล่างแล้วดึง
เข็มขึ้นดึงด้ายตามทำเช่นนี้ไปจนสิ้นสุดการเย็บ ซึ่งการสอยชนิดนี้เป็นการสอยที่ให้ความ
ทนทาน มักนิยมใช้ในการสอบชายกางเกงทั่วไป

คิวอาร์โค้ดวีดโี อการสอยพนั

1.3 การสอยฟันปลา
การสอยฟันปลาการสอยฟันปลาเป็นการสอยที่มองเห็นเส้นด้ายด้านผิดใน
ลักษณะไขว้หักมุม โดยแทงเข็มใน ลักษณะทแยงไขว้ไปมา ซึ่งเป็นการสอยที่ยึดผ้าไว้อย่าง
หลวมๆนยิ มใชส้ อยผา้ ยดื ผ้าหนาทีร่ ิมผา้ ไมล่ ุ่ย ไม่ต้องพับริมกอ่ นสอย

คิวอาร์โค้ดวดี ีโอการสอยฟันปลา

2. การเนา
เป็นการเย็บผ้าด้วยมือให้ติดกันชั่วคราวเพื่อการเย็บถาวร หรือการสอย เช่น การเนา
ตะเข็บการเนาชายเส้ือ และชายกระโปรง การเนากระเป๋าให้ตดิ กับตัวเส้อื เปน็ ดนั ซง่ึ มีหลายชนิด
โดยแต่ละชนดิ มปี ระโยชน์และการใชง้ านท่ีแตกตา่ งกนั ดังนี้

2.1 การเนาเท่ากัน
การเนาเท่ากันเป็นการเย็บผ้าด้วยมือท่ชี ่วยยึดผา้ 2 ชิ้นหรอื อาจมากกว่า 2 ช้ิน ให้
ติดกันโดยมีความถี่ห่างของผีเข็มเสมอกันทั้งด้านบนและด้านล่างประมาณ 1 ส่วน 4 ถึง 1
สว่ น 2 นว้ิ 1 เซนติเมตร ซงึ่ ถา้ เนาหา่ งกว่านจี้ ะไม่สามารถบังคับผา้ ทั้ง 2 ชิน้ ให้อยคู่ งที่ได้ จึง
เหมาะสำหรับ การเนาตะเข็บกอ่ นเยบ็ การเนาชายเสือ้ และชายกระโปรงก่อนสอย เป็นต้น

คิวอารโ์ ค้ดวีดโี อการเนาเทา่ กัน

2.2 การเนาไม่เท่ากนั
การเนาไม่เทา่ กนั เป็นการเนาท่ีความห่างของผีเข็มสลับกัน โดยผีเข็มถี่อยู่ด้านบน
และผีเข็มห่างจะอยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นการเนาที่ช่วยยึดผ้าให้ติดกันโดยจะแน่นกว่าการเนา
เท่ากัน ใช้เป็นแนวในการเย็บจักรได้ดี หรือจะใช้เนาเพื่อใช้ลองตัวเมื่อต้องตัดเสื้อหรือตัด
กระโปรง เป็นต้น

คิวอารโ์ ค้ดวดี ีโอการเนาเทา่ กนั

2.3 การเนาเฉยี ง
การเนาเฉียงเป็นการเนาทแยงผ้า 2 ชิน้ ให้ติดกัน เชน่ การเนาผ้ารองปกให้ติดกับ
ชิ้นปกเสื้อ การเนาปากกระเป๋าเจาะในขณะที่จะทำการเย็บเพื่อช่วยไม่ให้เสียรูป สาบเส้ือ
หรอื ใชเ้ นายดึ สว่ นทกี่ ำลงั เยบ็ เชน่ เนายึดรงั ดุมกุ๊นดว้ ยผา้ เพอื่ ไมใ่ หแ้ ยกเสียรปู เปน็ ต้น

คิวอารโ์ คด้ วีดโี อการเนาเฉียง

2.4 การเนาเทเลอร์
การเนาเทเลอร์เป็นการเนาที่ทิ้งด้ายให้หลวมเป็นห่วง 1 ฝีเข็ม สลับกับดึงด้ายให้
ตงึ 1 ผีเขม็ ตามแนวท่ตี ้องการเย็บตะเขบ็ เปน็ การเย็บ

คิวอาร์โค้ดวดี ีโอการเนาเทเลอร์

3. การปะ
เป็นการซ่อมแซมเสื้อผ้าบริเวณทเี่ น้ือผา้ ขาดหายไปเปน็ ชอ่ งโหว่ขนาดคอ่ นข้างใหญ่ เชน่
รอยไหมจากเตารดี ผ้าถกู เก่ียวขาดเปน็ ปากฉลาม เป็นตน้ โดยการนำผ้าชิ้นใหม่มาปดิ ซ้อนแล้วเย็บ
สอย เพอื่ เนอื้ ผ้าเดมิ ใหค้ งรปู และทนทานขึ้น หรอื สามารถปะเพ่อื ตกแต่งให้สวยงามได้

4. การด้น
เป็นการเย็บผ้าให้ติดกันอย่างถาวรด้วยมือที่ใช้แทนการเย็บด้วยจักร เพื่อให้ผ้านั้นติดกัน
แน่นไม่หลุดออกจากกันได้ง่าย มีระยะผีเขม็ ถก่ี วา่ การเนา ซงึ่ เปน็ การเย็บท่ีมีความทนทานมาก โดย
ทนี่ ิยมทวั่ ไปมดี ังนี้

4.1 การด้นตะลุย
การด้นตะลุยมีวิธีทำคล้ายการเนา ซึ่งเป็นการเย็บผ้า 2 ชิ้นให้ติดกันอย่างถาวร
โดยการแทงเข็มขึ้นและลงให้ผีเขม็ ถที่ ่ีสดุ ใชใ้ นการเย็บท่ัวไป ทำแนวรูด และปะผ้า

ควิ อาร์โค้ดวีดโี อการดน้ ตะลุย

4.2 การด้นถอยหลงั
การดันถอยหลังเป็นการเย็บผ้า 2 ชิ้นให้ติดกันโดยแทงเข็มขึ้นและย้อนไปแทง
เข็มจุดดา้ นหลัง จากนั้นแทงเขม็ ขึน้ จุดข้างหนา้ แล้วดึงด้ายขึ้น ทำเช่นนีไ้ ปจนสิ้นสุดตะเข็บ
ซึ่งด้านหน้าจะมีลักษณะผีเข็มเหมือนการเย็บด้วยจักร ส่วนด้านหลังด้ายเย็บซ้อนกันแน่น
เหมาะสำหรบั การเย็บผา้ ท่ัวไปที่ ต้องการความทนทาน

ควิ อาร์โค้ดวีดโี อการด้นถอยหลัง

5. การเย็บตะเขบ็
ตะเขบ็ เกดิ จากการเย็บผ้า 2 ช้ินขึ้นไปใหต้ ิดกนั ซ่งึ อาจทำด้วยจักรหรอื มือก็ไดส้ ำหรับการ
ซอ่ มแซมตะเข็บเส้อื ผา้ ใหส้ วยงามนัน้ จะตอ้ งใช้ด้ายสเี ดยี วกับของเดิม โดยซอ่ มแซมให้ใกล้เคยี งกับ
ตะเขบ็ เดมิ ทส่ี ดุ ทัง้ วธิ ีการเย็บ ผีเข็ม และสขี องด้าย

6. การติดกระตุม
กระดุมที่ใช้กันโดยทั่วไป มี 3 ชนิด คือ กระคุมมีก้าน กระดุมไม่มีก้าน และกระดุมแป๊บ
การเยบ็ แต่ละชนิดกใ็ ช้วิธีท่ีแตกต่างกันไป

การตกแตง่ เสื้อผา้
เป็นวิธีการที่ทำให้เสื้อผ้าดูแปลกใหม่และสวยงามซึ่งมีหลายวิธี แต่สำหรับการตกแต่งท่ี

สามารถทำได้ง่ายๆ นัน้ มี ดังนี้

1. การปกั
เป็นการตกแต่งเส้ือผ้าโดยใช้วัสดตุ ่างๆ มาเย็บลงบนผ้า เพื่อทำให้เกิดลวดลายสวยงามซึ่ง
ประกอบดว้ ย

1.1 การปักหนา้ เดยี ว
การปักหน้าเดียว เป็นการปักให้ดูสวยงามแต่ด้านหน้าด้านเดียว ด้านหลังจะห่าง หรือ
ข้ามไปบ้างหรือมีเส้นไหมยุ่ง ๆ อยู่บ้างก็ไม่ค่อยกระไร แต่ก็ควรระวังเรื่องการข้ามไหมจากลาย
อันหนึ่งไปอีกลายอันหนึ่ง อย่าข้ามในระยะห่างกันมากนัก เพราะถ้าเป็นผ้าแพรหรือผ้าต่วน จะ
ทำใหเ้ หน็ เสน้ ด้ายทขี่ ้ามปรากฏออกมาด้านหน้า ทำให้หมดความสวยงามไปได้ ทั้งจะทำให้ลายท่ี
ปักนน้ั ไมค่ งทนถาวรหรือหลุดได้ง่าย การปกั หน้าเดียวน้ีมักใช้กับลวดลายท่ีแคบ ๆ มีช่วงไหมส้ัน
เช่น หนา้ หมอน ก็มกั เปน็ การปกั หน้าเดียว การปกั จะใช้การปักทับลาย หรือปักยกลายก็ได้ เชน่

การปกั โซ่
การปักโซ่ เป็นการปักโดยพันเข็มเหมือนกับการถักรังดุม แต่ทำต่อกันเหมือน
ลักษณะของโซ่ โดยเริ่มจากจับปลายเส้นด้ายด้านที่ยาวกว่า แล้ว ใช้ส่วนปลายด้ายพันรอบ
นิ้วชี้ 1 รอบ จากนั้นมว้ นให้ปลายเส้นด้ายสอดเข้าให้รอบห่วงที่นิว้ แล้วปลดด้ายออกจากนวิ้
แลง้ รดู ปมห่วงให้มาสุดที่ปลายเส้นดา้ ย

ควิ อาร์โค้ดวดี โี อการปักโซ่

การปักคทั เวริ ์ค
การปกั คทั เวิร์ค เปน็ การปกั รมิ ผ้าท่ีสวยงามลายหนึ่ง ทำไม่ยากอย่างทค่ี ดิ หรือจะ
ปักเป็นลวดลายบนผ้าก็สวย เริ่มจากจุดที่ 1 แทงเข็มขึ้นมาดึงด้ายตวัดปลายเข็ม แทงเข็ม
ลงที่จดุ 2 ใหข้ ้ึนมาทีจ่ ุด 3 ดังในภาพ สามารถใช้ปกั เพอื่ กันชายผ้าลุ่ยไดด้ ี ส่วนมากจะใช้ใน
งานฝีมือที่ปกั รมิ ผา้ สักหลาดใหต้ ดิ กัน

คิวอาร์โคด้ วดี ีโอการสอยซ่อนดา้ ย

1.2 การปกั สองหน้า

การปักให้เหมือนกันทั้งสองด้าน คือ ด้านหน้าและด้านหลัง หรือด้านนอกและด้านใน
ใช้ปักกับลายแคบ ๆ แต่ถ้าลายทีจ่ ะปักเป็นลายกว้างหรือลายใหญ่ ก็ปักแต่เฉพาะขอบลายจะใช้
วธิ ีปักยกลายก็ได้
ก่อนที่จะลงมือปักต้องด้นไปหาท่ีตั้งต้นปัก เพราะเราไม่ขมวดปมไหมให้เป็นปมเมื่อปักเสร็จลาย
หนึ่งแล้ว หรือว่าจวนจะหมดลายแลว้ ใหแ้ ทงเขม็ พาไหมท่ีเหลือย้อนกลบั ไปในลายท่ีปักแล้วจึงตัด
ไหมให้เรียบร้อยการปักน้ใี ชป้ ัก ผา้ เชด็ หน้า ผา้ ห่ม ผ้าม่าน

1.3 การปักแรเงา
การปักแรเงา มีผู้นิยมกันมากในขณะนี้ เพราะเป็นการปักที่ดูสวยกว่าการปักสองหน้า
หรือหน้าเดยี ว ซง่ึ เป็นแบบธรรมดา การปกั แรเงาน้ี เป็นการปกั เหลือบสีแรเงาให้ดูเหมอื นจริง เช่น
รปู ดอกไม้ ใบไม้ หรอื อาจใชว้ ิธแี รเงาช่วยให้สดใสได้

2. การปะเพอื่ การตกแตง่

เป็นการนำผ้าหรือวัสตุอื่นๆ ที่เป็นลวดลายหรือต้องการให้เกิดลวดลายมาทับบนเสื้อผ้า
และปักริมโดยวธิ ใี ดวิธีหน่งึ ตามต้องการ

3. การก๊นุ

เป็นการนำผ้าเลียงมาเย็บหุ้มริมผ้าแล้วตกแต่งให้สวยงามขึ้น ทำให้ริมผืนผ้าเรียบเนียน
ตลอดแนว

บรรณานกุ รม

ชุตมิ า เฟื่องฟงุ้ . เส้อื ผา้ สตร3. การเนาผ้า.[ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ท่ีมา: http://mounbumrungsil-
cloth3.blogspot.com/. (13 ตลุ าตม 2564).

วไิ ลวรรณ มานะศรีสรุ ิยา.

วรรณี วงศ์พานชิ ย.์ 2562. หนงั สือเรียน รายวชิ าพืน้ ฐาน การงานอาชีพและเทคโนโลยี งานบ้าน ม.1-
ม.3. กรงุ เทพมหานคร:บริษัทอกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จำกัด.


Click to View FlipBook Version