Phanuwit Pitchayapeechadet
โครงการพเิ ศษด้านการออกแบบนทิ รรศการและการจดั แสดง
เรื่อง
Thai betta fish2022
โดย
นาย ภาณุวชิ ญ์ พชิ ญปรีชาเดช
รหสั นกั ศึกษา 6111050431006
โครงการพเิ ศษเปน็ ส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลกั สตู รปริญญาศิลปศาสตรบณั ทติ
สาขาวชิ าออกแบบนทิ รรศการและการจดั แสดง โรงเรยี นการท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ
ปกี ารศึกษา 2564
EVEX 1
แบบคำรอ้ งเสนอโครงกำรพิเศษออกแบบ
หลักสตู รศิลปศำสตรบณั ฑติ สำขำวิชำออกแบบนิทรรศกำรและกำรจัดแสดง
โรงเรียนกำรท่องเท่ียวและกำรบรกิ ำร มหำวิทยำลัยสวนดุสติ
เรียน ประธานหลกั สตู รฯ สาขาวิชาออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง
เร่ือง ขอเสนอหัวข้อโครงการพเิ ศษการออกแบบ
สิ่งท่แี นบมาด้วย สาเนาโครงการพิเศษ จานวน 1 ชดุ
ขา้ พเจ้า.....................................................................................รหสั นกั ศกึ ษา...............................
มคี วามประสงคข์ อเสนอหัวข้อโครงการพิเศษออกแบบในหัวขอ้ เร่อื ง.........................................................
....................................................................................................................................................................
โดยมีทป่ี รกึ ษาโครงการพเิ ศษ ดงั นี้
1. ลงชื่อ..............................................................อาจารย์ท่ปี รึกษาโครงการ
(..............................................................) ............./................/....................
อาจารย์ประจาหลกั สูตรศิลปศาสตรบัณฑติ สาขาวิชาออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง
2. ลงชื่อ..............................................................ผเู้ ชี่ยวชาญ/ผทู้ รงคุณวุฒิ
(..............................................................) ............./................/....................
สถานท่ที างาน........................................................................................................................
ตาแหนง่ .......................................................................ประสบการณ์การทางาน.................ปี
จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดพิจารณาอนุมัติ
ลงช่ือ.............................................................
(.............................................................)
.............../..................../......................
ผูท้ าโครงการพิเศษ
คณะกรรมกำรเหน็ ชอบหัวข้อโครงกำรพิเศษ ได้รับทราบรายละเอียดเรยี บรอ้ ย
00000 ลงชื่อ
ลงช่ือ............................................... (อาจารย์มานะ เอย่ี มบวั )
(..............................................) ......./....../....... ประธานหลกั สูตรศิลปศาสตรบณั ฑติ
สาขาวิชาออกแบบนทิ รรศการและการจัดแสดง
.........ล..ง.ช..ื่อ....(.....................................................................................................................................)............/....../.......
วันที.่ ........../............./..........
ลงช่อื ...............................................
(..............................................) ......./....../.......
ใบอนมุ ัตโิ ครงกำรพิเศษ
หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑติ สาขาวชิ าออกแบบนทิ รรศการและการจัดแสดง
โรงเรยี นการท่องเทย่ี วและการบริการ มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ
ช่ือ.................................................................................................. รหัส ...................................................
หวั ข้อโครงกำรพิเศษ ................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
อำจำรยท์ ่ปี รกึ ษำหลกั ..............................................................................................................................
ผเู้ ชยี่ วชำญ ...............................................................................................................................................
ผทู้ รงคุณวุฒิ ............................................................................................................................................
คณะกรรมกำรสอบโครงกำรพิเศษ ลำยมือช่อื
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ มานะ เอ่ียมบวั
ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.นรนิ ทร สรวิทย์ศริ กุล
อาจารย์ วรรณกิ า เกดิ บาง
อาจารย์ รตนนภดล สมติ นิ ันทน์
วัน / เดือน /ปี ที่สอบ วนั ที่ ...............................................................
สถำนที่สอบ .............................................................................................................
หัวข้อโครงการ โครงการพิเศษดา้ นการออกแบบนทิ รรศการและการจัดแสดง
“Thai betta fish2022W
ผดู้ าเนนิ โครงการ นายภาณวุ ิชญ์ พิชญปรีชาเดช
อาจารยท์ ีป่ รกึ ษา ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ มานะ เอี่ยมบวั
หลักสูตร หลกั สตู รศลิ ปศาตรบัณฑติ สาขาออกแบบนทิ รรศการและจัดแสดง
ปกี ารศึกษา 2554
บทคัดยอ่
ปลากดั เป็นปลาพ้นื เมืองของไทยท่ีนยิ มเลย้ี งกนั มาต้ังแต่สมัยโบราณ ซึ่งรจู้ กั กนั ดขี องคนไทยมา
เป็นเวลาช้านาน เน่ืองจากว่าปลากัดมีลักษณะพิเศษ คือ เป็นปลานักสู้ ทรหด อดทน ซึ่งเป็นเหตุให้คนนามา
“กัดแขง่ ขันกัน” กลายเปน็ เกมกีฬาที่คนไทยนิยมเลน่ กันมา โดยเฉพาะคนในท้องถิ่น และในปจั จุบันได้มี
การเพาะพนั ธ์ปลากดั กันอย่างแพร่หลาย และนาไปสกู่ ารต่อยอด สร้างรายได้ รวมถงึ การส่งออกขายตาม
ต่างประเทศ
ศึกษาโครงการพิเศษนาเร่ืองราวของปลากัดมานาเสนอเรื่องราวให้แก่ผู้ที่สนใจปลากัดมา
นาเสนอทั้งในเชิงข้อมูลการเพาะพันธ์และเชิงธุรกิจในหลายรูปแบบ รวมถึงการตลาดและวีธีการส่งออก
ปลากัดขายสู่ต่างประเทศ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมีการจัดแสดงใน
หลายรูปแบบเพื่อใหม้ ีความเหมาะสมแกผ่ ้สู นใจ ในวันท่ี 21-23 มกราคม 2565
โครงการออกแบบนิทรรศการและจัดแสดง Thai betta fish2022 ผู้ศึกษาโครงการพิเศษได้
ศึกษาข้อมลู ด้านพื้นฐานเก่ียวกับปลากัด ในรูปแบบต่างๆ เพ่ือถ่ายทอดกิจกรรมและรูปแบบท่ีแปลกใหม่
และสร้างแรงดึงดูดและแรงบันดาลใจเกี่ยวกับปลากัด ให้ผู้สนใจได้นาปลากัดไปต่อยอดทางธุรกิจใน
หลายด้าน ท้ังด้านการเพาะพันธ์ การออกแบบเครื่องแต่งกายจากลวดลายของปลากัด รวมถึงการขาย
ปลากัดออกสู่ตลาดและการส่งออกสตู่ ่างประเทศ เพื่อให้ตอบโจทยต์ ามวัตถปุ ระสงค์ที่ต้ังไว้ และโครงการยังมี
ผู้เช่ียวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 2 คน ประเมินและวิเคราะห์ผลและได้ให้คาแนะนาในเรื่องการ
ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเข้าร่วมจัดประกวดการออกแบบชุดจากลวดลายของปลากัด ผ่านทางช่องทาง
Social Media เพ่ือให้มผี ู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมมากขน้ึ
ก
กิตตกิ รรมประกาศ
ในการศึกษาและดาเนินโครงการพิเศษด้านการออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง Thai
betta fish2022 สามารถสาเรจ็ ลลุ ว่ งไปด้วยดี เป็นผลจากการศึกษา ค้นคว้า หาข้อมลู หลายแหล่งข้อมูล
และได้รับความร่วมมือจากผู้สนบั สนุนและผู้มอี ปุ การคุณ ดงั น้ี
ขอขอบพระคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มานะ เอ่ียมบัว และอาจารย์ทุกท่านในหลักสูตรที่ให้
คาแนะนา ให้คาปรึกษารวมถึงการปรับปรุงและแก้ไขข้อบกพร่องตลอดทุกขั้นตอนจนจนเสร็จส้ิน
กระบวนการทาให้รูปเลม่ ประสบความสาเรจ็ ดว้ ยดี
ขอขอบพระคุณคณะกรรมการ ผู้เชยี่ วชาญและผู้ทรงคุณวฒุ ิ ที่คอยให้คาแนะนาถ่ายทอดทักษะ
ความรู้ในดา้ นต่าง ๆ และประเมินความเป็นไปไดใ้ นการจัดทาโครงการน้ีแกข่ ้าพเจ้า
โครงการพิเศษนี้เป็นส่งหน่ึงของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขา
ออกแบบนิทรรศการและการจดั แสดง ทั้งนีข้ ้อความเนอ้ื หาบางส่วนทอ่ี ้างองิ ถึงผสู้ นับสนนุ วนั เวลา และ
สถานที่จัดงาน ฯลฯ ตามท่ีได้แสดงไว้ในแผนภาพและในโครงการน้ี เป็นเพียงการอ้างอิงเพ่ือให้
แบบจาลองของการศึกษาน้ีเหมาะสมและใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยผู้จัดทามิได้มีเจตนาจะกระทา
ให้เกดิ ความเสยี หายตอ่ ผใู้ ด
นายภาณวุ ิชญ์ พชิ ญปรชี าเดช
พฤษภาคม 2565
ข
สารบญั หนา้
(ก)
บทคดั ยอ่ (ข)
กิตติกรรมประกาศ (ค)
สารบัญ (ง)
สารบญั ตาราง (จ)
สารบัญภาพ
1
บทที่ 1 บทนา 1
ความเปน็ มาและความสาคญั ของโครงการ 2
วตั ถุประสงค์ของโครงการ 2
กรอบแนวความคดิ ในการดาเนินโครงการ 3
ขอบเขตการศกึ ษาโครงการ 3
ประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ บั 3
นยิ ามศพั ท์
4
บทที่ 2 เอกสารและวรรณกรรมที่เกีย่ วข้อง 5
ประวัติและความเปน็ มาของปลากดั 19
ชนิดของปลากัด 30
วิธกี ารเพาะเล้ยี งและขยายพันธ์ุ 53
สง่ ออกต่างประเทศ 67
การออกแบบนิทรรศการและการจดั แสดง 69
ทฤษฎสี ี/กราฟกิ ในการออกแบบ 71
พน้ื ทก่ี ารจัดแสดง
72
บทท่ี 3 วธิ ีและข้นั ตอนการดาเนินโครงการ 73
วิธดี าเนินโครงการ 73
ขั้นตอนการออกแบบ 73
ขั้นตอนการจดั แสดง 73
เครอื่ งมือท่ีใช้ในโครงงาน 75
การวเิ คราะหข์ อ้ มูล 76
ผูท้ รงคณุ วฒุ ิและผูเ้ ช่ียวชาญ 77
78
บทที่ 4 ผลลัพธข์ องโครงการ 78
แนวคดิ ในการออกแบบนิทรรศการและการจดั แสดง
Inspiration ในการดาเนินโครงการ
Mood & Tone ในการดาเนินโครงการ หนา้
การออกแบบพื้นท่ีจัดงาน Plan 79
การออกแบบทัศนียภาพ Presentation 80
การออกแบบสญั ลกั ษณข์ องงาน Logo 81
การออกแบบสอื่ โฆษณาประชาสัมพนั ธ์ Poster 90
การออกแบบของท่ีระลึก 90
ผลการประเมินโครงการโดยผทู้ รงคุณวุฒแิ ละผ้เู ชี่ยวชาญ 91
92
บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ
สรปุ ผลการดาเนนิ การ 94
อภิปรายผล 94
ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ จากผเู้ ชย่ี วชาญ 95
95
เอกสารอา้ งองิ
96
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก. แบบประเมินผ้ทู รงคณุ วฒุ แิ ละผู้เชย่ี วชาญ 99
ภาคผนวก ข. ประวตั ิผู้ทรงคณุ วุฒิและผเู้ ชี่ยวชาญ 100
ภาคผนวก ค. ประวตั ผิ ้ดู าเนินโครงการ 110
112
สารบญั ตาราง หนา้
ตารางที่ 92
4.1 ตารางแสดงคา่ เฉลย่ี การเมนิ จากผทู้ รงคุณวุฒิและผ้เู ช่ยี วชาญ
สารบญั ภาพ หนา้
ภาพท่ี
5
2.1 ปลากดั ไทย 6
2.2 ปลากดั ไทย 9
2.3 ลักษณะทว่ั ไปของปลากดั 12
2.4 ลกั ษณะทีด่ ีของปลากดั ไทย 12
2.5 ลกั ษณะรูปร่างของปลากัดไทย 12
2.6 ลกั ษณะของปลากดั 13
2.7 ปลากดั สีเดยี วสอี ่อน 14
2.8 ปลากัดสีเดียวเขม้ 14
2.9 ปลากัดสีเดียวตาข่าย 15
2.10 ปลากดั สองสี 15
2.11 ปลากดั สองสผี สม 15
2.12 ปลากดั สองสผี เี ส้ือ 16
2.13 ปลากัดสามสี 16
2.14 ปลากดั สามสสี ผี สม 17
2.15 ปลากดั สามสผี เี ส้อื 17
2.16 ปลากัดหลากสี 18
2.17 ปลากดั หลากสีลายจดุ 18
2.18 ปลากัดหลากสีลายหัว 18
2.19 รูปแบบสีสนั ของปลากัด 19
2.20 รปู แบบสีของปลากดั 20
2.21 ลกั ษณะของปลากดั ลูกหมอ้ 20
2.22 ปลากดั ลูกหม้อ 21
2.23 ปลากดั ป่ามหาชยั , ปลากดั ป่าภาคใต้, ปลากดั ป่าภาคอสี าน 22
2.24 ปลากดั ลกู ผสม 23
2.25 ปลากัดลูกผสมหรือลกู สงั กะสีหรือลกู ตะก่วั 24
2.26 ปลากัดลูกผสมระหว่างปลากัดหม้อและปลากัดป่าภาคใต้ 24
2.27 ปลากดั ครบี ยาว 25
2.28 ปลากดั จนี 25
2.29 ปลากดั จนี (Veil Tail Betta) 26
2.30 ลกั ษณะของปลากดั จนี 26
2.31 รปู รา่ งของปลากดั จนี
ภาพท่ี หนา้
2.32 ปลากัดหางสามเหล่ียม 27
2.33 ปลากัดหางสามเหลยี่ มหรือปลากัดเดลตา 27
2.34 ปลากัดหางพระจันทร์คร่งึ ซีก 28
2.35 ปลากดั หางพระจนั ทร์ครึง่ ซีกหรอื ฮาลฟ์ มนู 28
2.36 ปลากดั หางมงกฎุ 29
2.37 ปลากัดหางมงกุฎหรอื ปลากดั คราวนเ์ ทล 29
2.38 การขยายพันธ์ปุ ลากัด เตรียมพ่อพันธ์ุ 30
2.39 การเตรียมแม่พนั ธ์ุ 31
2.40 การเลอื กปลากดั เพื่อผสมพนั ธุ์ 31
2.41 การเลอื กปลากดั เพศเมยี เพ่อื ผสมพนั ธ์ุ 32
2.42 วธิ ีการผสมพนั ธ์ุ 33
2.43 ลกั ษณะและวิธกี ารผสมพันธุ์ 34
2.44 วธิ ีการผสมพันธ์ุ (เพศผู้เก็บไข่ใส่หวอด) 35
2.45 การเตรียมบอ่ เพาะพ่อพันธ์แุ ม่พนั ธุ์ 35
2.46 บ่อเพาะพนั ธุ์ปลากดั 36
2.47 การตรวจสอบการวางไขข่ องปลา 37
2.48 การอนบุ าลลกู ปลา 38
2.49 การอนุบาลลูกปลา (การฟกั ตวั ออกจากไข่) 39
2.50 การเตรยี มบ่อ 40
2.51 การจาแนกเพศปลากดั 41
2.52 การเกิดเม็ดสีของปลากัด 42
2.53 การเกิดเม็ดสี รงควตั ถสุ เี งาวาว สีนา้ เงนิ และสีเขยี ว 43
2.54 การเกิดเมด็ สี รงควตั ถุสดี า 43
2.55 การเกดิ เมด็ สี รงควัตถุสีแดง 44
2.56 การเกดิ เม็ดสขี องปลากดั รงควัตถแุ คโรทีนอยด์ 44
2.57 โรคของปลากดั 45
2.58 โรคและอาการของปลากดั 45
2.59 อาการของโรคไฟลามทงุ่ 46
2.60 อาการของโรคทอ้ งมาน 46
2.61 อาการของโรคปากดา 47
2.62 อาการของโรคปากเปอื่ ย 47
2.63 อาการของโรคเช้อื รา 48
ภาพท่ี หนา้
2.64 อาการของโรคหางและครบี เปอ่ื ย 48
2.65 อาการของโรคจุดขาว 49
2.66 อาการของโรคสนิม 50
2.67 อาการของโรควณั โรคปลา 50
2.68 อาการของโรคท่เี กดิ จากแบคทีเรีย 51
2.69 อาการของโรคคอลมั น์ 52
2.70 อาการของโรคการตกเลอื ด 52
2.71 อาการของโรครใู นหวั 52
2.72 ปลากัดเพอื่ การสง่ อออกต่างประเทศ 53
2.73 ปลากัดลายธงชาติ 55
2.74 สถาบนั วิจยั สขุ ภาพสัตว์นา้ กรมประมง 57
2.75 สถิติการสง่ อออกต่างประเทศ 63
2.76 สง่ อออกตา่ งประเทศโดยไปรษณยี ์ไทย 64
2.77 ขน้ั ตอนการสง่ อออกต่างประเทศ 65
2.78 วธิ ีการแพ็คปลากัดเพือ่ ส่งอออกต่างประเทศ 66
2.79 แอปพลเิ คชัน Wallet@POST 67
2.80 พ้นื ที่การจดั แสดง 71
3.1 ผู้ทรงคณุ วฒุ แิ ละผู้เช่ียวชาญ 76
3.2 ผเู้ ชี่ยวชาญด้านงาน Event 77
4.1 Inspiration ในการดาเนินโครงการ 79
4.2 Mood & Tone ในการดาเนนิ โครงการ 80
4.3 ผังพน้ื ทสี่ ถานท่จี ดั แสดงงาน 81
4.4 พน้ื ที่ PALAGON HALL 3 81
4.5 ภาพจาลองทางเขา้ งานจัดแสดง 82
4.6 ภาพจาลองบรรยากาศทางเขา้ งานจดั แสดง 83
4.7 ภาพจาลองจัดแสดง โซน EXIBITION 84
4.8 ภาพจาลองจัดแสดง โซน EXIBITION (ตอ่ ) 85
4.9 ภาพจาลองจดั แสดง โซนบูธ ขายอาหารปลากดั 86
4.10 ภาพจาลองจัดแสดง โซนบธู ขายอาหารปลากดั (ต่อ) 87
4.11 ภาพจาลองจดั แสดง โซน workshop 88
4.12 ภาพจาลองจัดแสดง โซน workshop (ต่อ) 89
ภาพท่ี หน้า
4.13 ภาพจาลองจัดแสดง โซน เวที 90
4.14 การออกแบบสญั ลักษณ์ของงาน Logo 91
4.15 การออกแบบสอ่ื โฆษณาประชาสัมพันธ์ Poster 91
4.16 การออกแบบของที่ระลึก 92
บทท่ี1
บทนำ
1.1 ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั
ปลากัด เป็นปลาน้าจืดสายพันธุ์พ้ืนเมือง พบได้ตามแหล่งน้าธรรมชาติทั่วไปในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ เดิมทีชาวไทยสมัยโบราณนิยมเลี้ยงปลากัดเพื่อน้ามากัดในลักษณะเกมกีฬาคล้ายกับการ
ชนไก่มากว่าร้อยปีแล้ว เพราะปลากัดเป็นปลาท่ีมีความอดทนในการต่อสู้เปน็ ระยะเวลานานเพื่อเอาชนะกนั
มีคุณสมบัติว่องไว อดทน แข็งแรง มีสัญชาตญาณของการเป็นนักสู้เพื่อปกป้องอาณาเขตของตนเอง
โดยลักษณะธรรมชาติในการกัดของปลากัดจะมีลีลาท่ีสวยงามและมีชั้นเชิงในการต่อสู้ มีการพองครีบให้
ขยายใหญ่ขึ้นเพ่ือข่มขวัญคู่ต่อสู้ ซ่ึงแท้จริงแล้วยังมีปลาอีก 2 ชนิดท่ีนิยมน้ามากัดแข่งขัน นั่นคือ ปลา
หวั ตะกัว่ และปลาเข็ม แตไ่ มไ่ ด้รับความนิยมเท่ากบั ปลากดั ขณะเดยี วกันด้วยสสี ันลวดลายสดใสแตกตา่ งจาก
ปลาชนิดอน่ื ปลากดั จึงนยิ มน้ามาเลย้ี งเพือ่ เป็นปลาสวยงามเช่นกัน
เดิมทีปลากัดไทยเป็นปลาท่ีสามารถพบได้ตามแหล่งน้าธรรมชาติทั่วไป อย่างท้องนาและบึงต่างๆ
มีชอ่ื เรียกสายพนั ธวุ์ ่า “ปลากดั ปา่ หรอื ปลากดั ลูกทุ่ง” มลี ักษณะไม่สวยงามมากนกั ปกติจะมีสีน้าตาล เทา หรือเขยี ว
แต่เม่ืออยู่ในสภาวะท่ีต้องต่อสู้ ตัวผู้จะมีน้าเงินหรือแดงปรากฏขึ้นชัดเจน และครีบจะพองโตกางออกเต็มท่ี
ดูสง่าสวยงาม ต่อมามีการพัฒนาสายพันธ์ุเพ่ือให้ปลากัดป่าสามารถกัดเก่งข้ึน อดทนข้ึน จึงมีชื่อเรียกใหมว่ า่
“ปลากัดลูกหม้อ” ซึ่งมาจากการใช้หมอดินในการเพาะเลี้ยงระยะแรก มีรูปร่างหนาและใหญ่มากข้ึน
ส่วน “ปลากัดจีน” ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากปลากัดหม้ออีกทีหน่ึง มีลักษณะครีบและหางยาวขึ้น
มากกว่าล้าตัวอีกเท่าหนึง่ ที่ส้าคัญคือมีการพัฒนาสีสันให้สวยงามมากขึ้น ซ่ึงชื่อปลากัดจีน ไม่ได้หมายความ
ว่ามาจากเมอื งจีน แต่มาจากครีบท่ยี าวกรุยกรายสสี ดใสเหมอื นชุดงวิ้ ของจนี นน่ั เอง
ปลากัดความสวยงามของไทยได้รับความนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในประเทศต่างๆท่ัวโลก
เกษตรกรผ้เู พาะเลยี้ งปลาสวยงามของไทยมีความรแู้ ละความชา้ นาญในการพัฒนาสายพันธป์ ลากดั จนเปน็ ที่
ยอมรับของนักเล้ียงปลาท่ัวโลกจากมูลคา่ การสง่ ออกปลาสวยงามแต่งละปี พบไดว้ ่าปลากัดเปน็ ปลาสวยงาม
ท่ีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับ 1 ส้าหรับการประกวดปลากัดสวยงามนั้น ในแต่ละปีจะมีการจัดประกวด
หลายๆงาน ท่ีเป็นงานใหญ่ระดับประเทศแต่ผู้คนสมัยนี้จะเล้ียงดูปลากัดแบบผิดๆไม่รู้วิธีการเลี้ยงดูและ
เพาะเล้ียงท่ีถูกต้อง ดังนั้นจึงจัดท้าโครงการนขี้ ึ้นมาเพ่ือให้ความรู้และข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ บุคคลทั่วไปที่
ชื่นชอบและต้องการเพาะเล้ียงอีกท้ังยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปท่ีต้องการ
ตอ่ ยอดและสรา้ งอาชพี นี้
1
1.2 วตั ถุประสงค์
1.1 เพ่ือสง่ เสรมิ พฒั นาเศรษฐกจิ เกีย่ วกับปลากดั ใหก้ บั ผบู้ รโิ ภคและผปู้ ระกอบการ
1.2 เพอื่ อนรุ ักษณ์ความสวยงามตามธรรมชาตขิ องปลากัด
1.3 เพือ่ ให้ขอ้ มลู ความรู้การดูแลและการเพาะเลี้ยงปลากัดไทย
1.3 กรอบแนวคิด
โครงกำรพิเศษด้ำนกำรออกแบบนิทรรศกำรและกำรจดั แสดง
“Thai betta fish2022”
EVENT EXHIBITION
Workshop - ให้ความรใู้ นการเพาะพนั ธ์ปลากัด
- การสอนเพาะพนั ธุ์ปลากัด - ใหค้ วามรเู้ กี่ยวกับการเลยี้ งดูอย่าง
จัดประกวดปลำกดั สวยงำม ถูกต้อง
โซนภำยในงำน
- บูธโชว์ปลากดั สวยงามระดบั ประเทศ สถำนที่จัดงำน
- บูธอาหารส้าหรบั ปลากัด ศนู ย์การคา้ สยามพารากอน
- บูธปลากัดสายพันธต์ า่ งๆ
- เวทีสา้ หรบั การให้ความรู้ในเร่อื งของปลากัดโดย กลุ่มเป้ำหมำย
ผู้เช่ยี วชาญในการเพาะปลากัดของไทยดังไกลถงึ - ผูป้ ระกอบการ
ตา่ งประเทศ - กล่มุ คนรกั ปลากัด
- ทุกเพศ ทุกวยั
2
1.4 ประโยชน์ทีค่ ำดวำ่ จะได้รบั
1.1 ผู้คนจะไดร้ ู้วธิ ีการดูและและเพาะเลี้ยงอย่างถูกตอ้ ง
1.2 ตอ่ ยอดสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกจิ ให้กบั ผปู้ ระกอบการ
1.3 อนรุ กั ษณ์ปลากดั ไทยมีมาตั้งแตส่ มยั โบราณ
1.5 ขอบเขตของโครงกำร
นิทรรศการนี้มุ่งเน้นในด้านการจัดกิจกรรมเพ่ือให้ความรู้ในด้านการเพาะเลี้ยงและการดูแลปลากัดท่ีถูกต้อง
เพ่ือสามารถต่อยอดและสรา้ งอาชีพให้กบั ผู้ประกอบการและใครหลายๆ คน
1.6 นิยำมศพั ท์
ปลากัด หมายถึง ชื่อปลาน้าจืดขนาดเล็กชนิด Betta splendens Regan ในวงศ์ Osphronemidae ขนาด
ยาวได้ถึง ๖.๕ เซนติเมตร ท้ารังเป็นหวอดท่ีผิวน้า ตัวผู้ใหญ่กว่าตัวเมีย มีสีสวยงาม สามารถกางครีบและ
แผ่นปิดเหงือก เปลง่ สลี ้าตวั ให้เข้มขน้ึ ในขณะต่อสมู้ กั กดั กนั จึงเรียกว่า ปลากัด
3
บทที่ 2
เอกสารและวรรณกรรมทเ่ี ก่ียวข้อง
โครงการออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง ผู้ศึกษาโครงการได้จัดโครงการ Thai betta fish 2022
เพอ่ื ใหค้ วามรแู้ ละความเขา้ ใจในเร่ืองของปลากัด เพราะเปน็ สงิ่ สวยงามทน่ี ยิ มของใครหลายคนทีช่ นื่ ชอบและ
ต้องการเล้ียงหรือขยายพันธุ์เพ่ือต่อยอดทางด้านเศรษฐกิจแต่มักจะไม่รู้ข้อมูลหรือวิธีการต่างๆ ในการดูแล
เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ท่ีถูกต้องดังน้ันจึงจัดทาโครงการน้ีข้ึนมาเพื่อให้ข้อมูลความรู้และวิธีการดูแล
การเจรญิ เติบโตได้อยา่ งสวยงามและถูกตอ้ งดงั น้ี
2.1 ประวตั แิ ละความเป็นมาของปลากัด
2.2 ชนิดของปลากัด
2.3 วธิ ีการเพาะเลีย้ งและขยายพนั ธุ์
2.4 สง่ ออกต่างประเทศ
2.5 การออกแบบนทิ รรศการและการจัดแสดง
2.6 ทฤษฎสี ี/กราฟิกในการออกแบบ
2.7 พ้ืนทก่ี ารจัดแสดง
4
2.1 ประวัติและความเปน็ มาของปลากัด
ปลากัดเป็นปลาน้าจืดขนาดเล็ก ซึ่งรู้จักกันดีของคนไทยมาเป็นเวลาช้านาน เน่ืองจากว่าปลากัดมี
ลกั ษณะพิเศษ คือ เป็นปลานักสู้ ทรหด อดทน ซงึ่ เป็นเหตุให้คนนามา “กัดแขง่ ขนั กัน” กลายเป็นเกมกีฬาท่ี
คนไทยนิยมเล่นกันมาต้ังแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะคนในท้องถ่ินชนบท ว่ากันว่าเม่ือเสรจ็ จากงานประจาคอื
อาชีพการเกษตร ผู้คนในแต่ละชมุ ชนตามชนบทต่าง ๆ มักจะหอบหิ้วเอาปลากัดตัวเก่งของตัวเองออกมากัด
แข่งขันกนั
2.1.1 ประวัตปิ ลากัด
ปลากัด (Betta splendens Regan)เป็น ปลาพ้ืนเมืองของไทยที่นิยมเพาะเล้ียงมาตั้งแต่โบราณ
เป็นเวลาหลายร้อยปี มาแล้ว ท้ังเพ่ือไว้ดูเล่น และเพ่ือกีฬากัดปลา และเป็นที่รู้จักกันดีในต่าง ประเทศมา
นานเช่นกัน ได้มีการนาปลากัดไปเลี้ยงในยุโรป ตั้งแต่พ.ศ. 2414 ได้ นาไปทาการเพาะเลี้ยงกันอย่าง
กว้างขวาง และเพาะไดส้ าเร็จที่ ประเทศ ผรัง่ เศส เม่อื ปี พ.ศ. 2436 ปจั จบุ ันประเทศไทยมีการเพาะพันธ์ุกัน
แพรห่ ลาย เนื่องจากเปน็ ปลาที่เลี้ยงและเพาะพันธ์ไุ ดง้ ่ายปีหน่ึงประเทศไทยส่ง ปลากัดไปขายยังต่างประเทศ
คิดเป็นมูลค่าหลายล้านบาทปลากัดพันธ์ุดั้งเดิม ใน ธรรมชาติ มีสีน้าตาลขุ่นหรือสีเทาแกมเขียว ครีบและหางสั้น
ปลาเพศผู้มีครีบ และหางยาวกว่าเพศเมีย เล็กน้อย จากการเพาะพันธุ์และการคัดพันธ์ุติดต่อกันมานานทาให้ได้
ปลากัดที่มีสีสันสวยงามหลายสี อีกทั้งลักษณะครีบก็แผ่กว้างใหญ่ สวยงามกว่าพันธ์ุดังเดิมมากและจาก
สาเหตุนี้ทาให้มีการจาแนกพันธ์ุปลากัดออกไปได้เป็นหลายชนิด เช่น ปลากัดหม้อ ปลากัดทุ่ง ปลากัดจีน
ปลากดั เขมร ปลากดั พมา่ เป็นตน้ เนอื่ งจาก
ปลากดั เปน็ ปลาขนาดเล็ก เจริญเตบิ โตดีในภาชนะแคบ ๆ และในการเลี้ยงไมต่ ้องใช้ เครอ่ื งชว่ ยเพ่ิม
ออกซเิ จน ในนา้ จงึ เปน็ ทีน่ ิยมนามาใช้เปน็ สตั วท์ ดลองในหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร
ภาพที่ 2.1 ปลากดั ไทย
ที่มา : Taiwod (2562)
5
ในปี พ.ศ. 2383 พระมหากษัตรยิ ์ไทยได้มอบปลากัดแก่นายแพทย์เดียวดอร์ แคนเตอร์ จากสถาบัน
เบนเกลเมดิคอล เซอร์วิสของสหรัฐอเมริกา ที่เป็นวาดภาพ และบันทึกรายละเอียดเก่ียวกับปลากัดไว้ ในปี
พ.ศ. 2392 นายแพทย์เดียวดอร์ แคนเตอร์ ได้ต้ังชื่อให้ว่า Macropodus pugnax, Var. แต่พบว่าเกิดความ
สับสนระหวา่ งชนดิ ปลากดั กับปลาชนิดอื่นทม่ี ีการค้นพบใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกนั บ่อย ทาใหม้ กี ารตรวจสอบ
อีกครัง้ ในปี พ.ศ.2452 โดย ซ.ี เทด็ เรแกน และได้ให้ช่อื ทางวิทยาศาสตร์ใหแ้ กป่ ลากดั ว่า Betta splendens
หมายถงึ นกั รบผู้สงา่ งาม
พบหลักฐานบันทึกถึงการเริ่มนาปลากัดไทยไปเลี้ยงในยุโรป ปี พ.ศ. 2414 โดยมีการเพาะสาเร็จที่
ประเทศฝร่ังเศส เมอื่ ปี พ.ศ. 2436 ได้นาเขา้ ไปในเยอรมันนี คร้ังแรกในปี พ.ศ. 2439 และเข้าสู่สหรัฐอเมริกาในปี
พ.ศ. 2453
ลักษณะทางอนุกรมวิธานปลากัด เป็นปลามีเกล็ดจัดอยู่ในกลุ่มของปลากริม ปลาหมอไทย ปลา
กระดี่ ปลาสลดิ มีชอ่ื สามัญวา่ Siamese Fighting Fish หรือมกั เรียก Fighting Fish จัดอนกุ รมวธิ านได้ ดงั น้ี
Phylum : Chordata Subphylum : Vertebrata
Superclass : Gnathostomata Class : Actinopterygii
Subclass : Neopterygii Division : Teleostei
Subdivision : Euteleostei Superorder : Acanthopterygii
Series : Percomorpha
Suborder : Anabantoidei
Subfamily : Macropodinae
Species : Betta splendens
ภาพท่ี 2.2 ปลากดั ไทย
ที่มา : pasusat (2558)
6
เสน่ห์ของปลากัดท่ีนอกจากจะมีลีลาการต่อสู้ท่ีดุเดือดเร้าใจและทรหดอดทนแล้ว จากบันทึกของ
มิสเตอร์ เอช. เอ็ม. สมิท ท่ีปรึกษาด้านสัตว์น้าในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 6
ซึ่งได้ชมการกัดปลามามากกว่า 100 ครั้ง บันทึกไว้ว่าการกัดปลาของคนไทยไม่ใช่เรื่องโหดร้าย ป่าเถ่ือน
สยดสยองเหมือนดงั ที่เข้าใจกัน แต่เป็นการต่อสู้ทเี่ ร้าใจเตม็ ไปด้วยศลิ ปะและความงามในลลี าการเคล่ือนไหว
ท่ีสง่างาม คล่องแคล่ว เฉียบแหลม และอดทน เมื่อเกมสิ้นสุด ปลาทั้งคู่อาจมีสภาพถูกกัดขาดว่ิน หรือเกล็ดหลุด
แต่ภายในเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ก็สามารถงอกกลับมาเป็นปกติใหม่ดังเดิมนอกจากนั้นแล้ว ปลากัดยังเป็น
ปลาที่สวยงามท่ีหาใดเทียบ ยุคต่อมาเริ่มมีการนาปลากัดมาเพาะเลี้ยงเพ่ือใชใ้ นการกัดแข่งขัน และผสมพันธ์ุ
เพือ่ ให้ไดป้ ลาทีอ่ ดทน กัดเก่ง สแี ปลกตาสวยงาม ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางและเป็นปลาสวยงามชนิดแรก
ที่คนไทยนิยมเล้ียง การเพาะเล้ียงปลากัดจึงแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มหนึ่งเป็นการเพาะเลี้ยงปลากัด
เพ่ือเอาไว้กัดแข่งขันเป็นการกีฬา อีกกลุ่มหนึ่งเป็นการเพาะเลี้ยงปลากัดเพื่อเป็นปลาสวยงาม ปลากัดสาย
พันธ์ุดั้งเดิมจากธรรมชาติมักเรียกติดปากว่า “ปลากัดลูกทุ่ง” หรือ “ปลากัดป่า” และได้มีการพัฒนาสาย
พันธ์ุและความสามารถในช้นั เชิงการกัดจนถึงปัจจุบัน จนเป็นเอกลกั ษณ์อยา่ งหนง่ึ ของประเทศไทยและเป็นท่ี
รบั รู้ของชาวต่างชาติในช่ือ “Siamese fighting fish”
ปลากัด มีชื่อสามัญว่า Siamese Fighting Fish เป็นปลาสวยงามที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย
มานานแล้ว เนื่องจากเป็นปลาสวยงามท่ีนอกจากจะมีสีสันสดเข้มสวยงามสะดุดตามากแล้ว ยังเป็นปลาที่
จัดว่าเป็นยอดนักสู้ตัวฉกาจอย่างย่ิง โดยเฉพาะปลากัดที่ไปจากประเทศไทยจัดว่าเป็นปลาท่ีกัดเก่งและมีความ
ทรหดมากทีส่ ุด ทาให้ได้รับความนิยมจากประเทศต่างๆทั่วโลก ในประเทศไทยนิยมเลี้ยงปลากัดมานานแลว้ และ
ได้เน้นเป็นการเล้ียง เพื่อเกมกฬี าโดยเฉพาะมีการจัดตัง้ เป็นบ่อนการพนัน ทางราชการจะมีการอนุญาตให้เปิด
สถานทีส่ าหรบั เดมิ พนั การกดั ปลา เรียก บอ่ นปลากัด หรอื บอ่ นกัดปลา มาต้ังแต่โบราณจนกระทง่ั ปจั จบุ ัน
ปลากดั ท่ีพบและสามารถรวบรวมข้อมูลได้ในปจั จบุ ันมจี านวนมากกว่า 40 สายพนั ธทุ์ ี่พบในประเทศไทย
มีไม่น้อยกว่า 11 สายพันธ์ุ ดังนี้ Betta abbreviata, Betta anabatoides, Betta belliea,Betta cocina,
Bettaimbellis Betta macrophthalma, Betta Persephone,Betta pugnax,Betta maragdina,Betta
splendens, และ Betta tessyae เป็นต้น ซึ่งปลากัดท่ีเรามักพบเห็นและเรียกเป็นปกติว่า “ปลากัด” น้ัน
ไม่ว่าจะเป็นปลากัดหม้อ หรือปลากัดจีนจะหมายถึงปลากัดท่ีมีช่ือทางวิทยาศาสตร์ว่า Betta splendens
และมีชื่อสามญั วา่ Siamese Fighting Fish นนั้ เอง
2.1.2 ลกั ษณะทั่วไปของปลากัด
ปลากัดเป็นปลาพ้ืนเมืองของประเทศไทย มีรูปร่างสวยงาม พบแพร่กระจายทั่วไปทุกภาคของ
ประเทศและสาหรับในต่างประเทศก็พบว่ามีปลากัดกระจายอยู่ทั่วไปเช่นกัน เช่น มาเลเซีย พม่า ลาว กัมพูชา
และจีน เป็นตน้ ตามธรรมชาติปลากัดจะมีสีน้าตาลขุน่ หรอื สเี ทาแถบเขยี วมลี ายตามลาตวั ครีบและหางส้นั มี
นิสัยก้าวร้าว ตัวผู้ครีบและหางจะยาวกว่าตัวเมียเล็กน้อยและยังมีสีสันสวยงามมากกว่าตัวเมียอย่างเห็นได้ชัด
ปลากัดจะอาศัยอยู่ ตามบริเวณแหล่งน้าท่ีค่อนข้างใส น้านิ่งหรือไหลเอ่ือย ๆ บริเวณผิวน้า เช่น ทะเลสาบ
7
หนอง บึง แอ่งน้า ลาคลอง ท่ีมีพันธุ์ไม้น้าขึ้นประปราย เป็นต้น ปลากัดมีลาตัวแบนข้าง ลาตัวยาว หัวเล็ก
มีขนาดเฉล่ีย 5-6 เซนติเมตร ชอบกินอาหารจาพวกสตั วข์ นาดเล็กหรือตัวอ่อนของแมลง เช่น ลูกน้า ไรแดง
ไรนา้ หนอนแดง เปน็ ตน้ แต่ถ้านามาเล้ียงก็สามารถฝึกให้กนิ อาหารสาเรจ็ รปู ได้ ปลากัดจะมีฤดูการผสมพันธ์ุ
ในชว่ งเดอื น พฤษภาคม-กันยายน โดยปลาจะจับคกู่ นั เองตวั ตอ่ ตัว ตัวผูจ้ ะสรา้ งรังโดยการพ่นฟองขนึ้ มาตาม
ผิวน้าเรียกว่า “หวอด” ตัวเมียที่พร้อม จะวางไข่ก็จะเข้ามาวางไข่โดยตัวผู้จะเป็นตัวรัดตัวเมียให้ปล่อยไข่
ออกมาพร้อม ๆ กับปล่อยน้าเชอ้ื ของตวั เองออกมา จากน้นั ตวั ผ้จู ะเก็บไขม่ าไว้ในรงั ของตัวเอง “หวอด” และ
เฝ้าดูแลไข่จนกระทั้งไข่ฟักเป็นตัวออกมาปลากัดยังมีอวัยวะพิเศษอย่างหนึ่ง ท่ีช่วยในการหายใจ นอกจาก
เหงือก อวัยวะนั้นมีช่ือว่า(Labyrinth organ) อยู่ในโพรงอากาศหลังช่องเหงือก ซ่ึงทาให้ปลากัดสามารถอยู่
ในน้าทม่ี อี ากาศนอ้ ยได้เป็นอย่างดี
ปลากัดจะอาศัยอยู่ตามบริเวณแหล่งน้าที่ค่อนข้างใส น้าน่ิงหรือไหลเอ่ือย ๆ เช่น ทะเลสาบ หนอง บึง
ลาคลอง มีลาตัวแบนข้าง ลาตัวยาว หัวเล็ก มีขนาดยาวเฉล่ีย 5 เซนติเมตร ชอบกินลูกน้า ไรแดง ไรน้า และ
หนอนแดง ปลากัด มีความพิเศษต่างจากปลาชนิดอ่ืน คือมันจะมีอวัยวะช่วยหายใจอยู่ท่ีบริเวณเหงือกเรียกว่า
Labyrinth organ อยู่ในโพรงอากาศหลังเหงือก ซ่ึงทาให้ปลากัดสามารถอยู่ในน้าที่มีอากาศน้อยได้เป็นอย่างดี
ทาให้สามารถใช้ออกซิเจนจากการฮุบอากาศที่ผิวน้าได้โดยตรง ปลากัดจึงสามารถอาศัยอยู่ในน้าน้อยที่มีออกซิเจน
ตา่ ได้ เพราะมันสามารถวา่ ยขึ้นรับออกซเิ จนท่ีอยู่บนผวิ น้าไดส้ ุภาษิตเก่ากาลที่กล่าวถงึ ปลากัดทีว่ ่า “แคม่ องก็ท้อง
แล้ว”อันหมายถึงปลากัดตัวผู้ท่ีจ้องมองปลากัดตัวเมีย จนตัวเมียก็สามารถต้ังท้องได้เองนั้น ไม่ใช่ความเป็นจริง
อย่างที่กล่าวอ้างมาแต่อย่างใดในความเป็นจริงแห่งธรรมชาติ ปลากัดจะมีฤดูการผสมพันธุ์ในฤดูฝนช่วงระหว่าง
เดือนพฤษภาคมถึงกันยายนของทุกปี โดยปลากัดจะจับคู่กันเองแบบตัวต่อตัว ตัวผู้จะสร้างรังโดยการพ่นฟอง
ข้ึนมาไวต้ ามบรเิ วณผิวนา้ ทเ่ี ราเรยี กกันวา่ “หวอด”ปลากัดตัวเมียที่มไี ข่สุกก็จะเข้ามาวางไข่ โดยตัวผู้จะว่ายเข้า
รัดตัวเมียให้ปล่อยไข่ออกมาพร้อม ๆ กับปล่อยน้าเช้ือของตัวเองออกมาผสมกัน ไข่จะถูกปล่อยออกมาเป็นชุดๆ
กอ่ นท่ีไข่จะจมลงสู่พนื้ พ่อปลาจะฮุบฟองไข่ แลว้ นาไปพ่นไว้ในหวอดจนกว่าไข่จะหมด ซ่งึ อาจใชเ้ วลานับช่วั โมง
หลังจากน้ันพ่อปลาจะเป็นผู้ทาหน้าที่เฝ้าระวังไข่ และลูกอ่อน ในการผสมพันธุ์แต่ละคร้ัง แม่ปลาจะวางไข่
ประมาณ 200-700 ฟองหลังจากน้ัน 4 วัน ลูกปลาท่ีเพ่ิงฟักออกเป็นตัว จะพักอยู่ภายใต้หวอด จนกว่า
อาหารในถุงอาหารท่ีตดิ ตัวมาด้วยจะถูกใชห้ มด และครบี ได้พัฒนาอย่างสมบรู ณ์ พ่อปลาจะคอยเสริมหวอด
ด้วยการพ่นฟองอากาศใหม่อยู่เรื่อยๆ คอยเฝ้าระวังศัตรูที่จะเข้ามากิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม่ปลาที่จะต้อง
ถูกขับไล่ให้ไปอยู่ห่างๆ เนื่องจากชอบกินลูกของตัวเอง 1 เดือนหลังจากวางไข่ ปลาตัวเมียก็พร้อมที่จะสร้าง
ไข่ชดุ ใหม่ ในระยะเวลา 1 ปี ปลาตวั เมียหน่งึ ตวั สามารถใหไ้ ขไ่ ดป้ ระมาณ 2,500-5,000 ฟอง
ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นพัฒนาสายพันธุ์ปลากัดให้มีลักษณะครีบและสีสันสวยงามแปลกตาทั้งที่
เป็นสเี ดียว สองสี และหลายสี กบั ได้มีการพัฒนาสายพันธ์ปุ ลากัดให้ไดป้ ลากดั ขนาดใหญท่ ่ีมีความยาวของลาตัว
3 - 4น้ิว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก ปัจจุบันปลากัดได้ถูกพัฒนาจนได้ครีบหางท่ีมีลักษณะสวยงามหลาย
รูปแบบ เช่น หางมงกุฎ หางสามเหล่ียม หางพระจันทร์ครึ่งซีก มีท้ังครีบสั้นและครีบยาวและมีสีสัน
8
หลากหลายตั้งแต่สอี ่อน เช่น สีมุก สีเหลือง สีชมพู สีส้ม และสีเข้ม เช่น สีแดง สีน้าเงิน สีดา รูปแบบของสกี ็
มีท้ังสีเดียว สองสี หลายสี และที่เป็นลวดลาย ในการผสมปลากัดให้ได้สีที่ต้องการนั้นจะต้องศึกษาการ
ถ่ายทอดพันธุกรรมของสีและคัดเลือกพ่อแม่พันธ์ุท่ีสามารถให้ลักษณะสีที่ต้องการนามาผสมคัดพันธ์ุจนกว่า
จะไดล้ กั ษณะตามท่คี าดหวงั
ลักษณะโดยท่ัวไปปลากัดเป็นปลาขนาดเล็ก มีลกั ษณะลาตัวยาว แบนขา้ ง หวั เลก็ ปากเล็ก และค่อนชี้
ข้ึนด้านบนเล็กน้อย มีกระดูกอยู่ที่ด้านหน้าช่องตา (preorbital) และมีเกล็ดละเอียดขนาดเล็กปกคลุมอยู่ทั่ว ทั้ง
ส่วนหัว และตัวความยาวจากปากถึงโคนครีบหาง ยาวประมาณ 2.9-3.3 เท่า ของความกว้างของลาตัว และ
3.0-3.3 เท่าของความยาวหัว หรือมีขนาดได้ไม่เกิน 6 เซนติเมตร ครีบหลังอยู่ค่อนทางด้านหาง ครีบหลังมี
ก้านครีบเดี่ยว 1-2 ก้าน และก้านครีบแขนง 7-9 ก้าน ฐานครีบก้นยาวท่ีเร่ิมจากครีบท้องถึงโคนครีบหาง โดย
ประกอบด้วยก้านครีบเด่ียว 2-4 ก้าน และก้านครีบแขนง 21-24 ก้าน ส่วนครีบอกมีขนาดเล็กกว่าครีบอ่ืน ๆ
ทงั้ น้ี ปลากัดจะไม่มีเส้นข้างตัว สว่ นสเี กล็ดหรอื ลาตวั มีหลายสี เชน่ แดง คราม เขยี ว น้าเงิน และสีผสมตา่ งๆ
โดยพบว่า สีของเพศผู้จะมีสีสวยงามกว่าเพศเมีย ปลากัดมีอวัยวะพิเศษที่ช่วยในการหายใจร่วมกับเหงือก
เรยี กว่า Labyrinth organ ซึ่งจะอยู่ในโพรงอากาศหลงั ช่องเหงอื ก เป็นอวัยวะท่มี ลี ักษณะเป็นแผ่นกระดูกอ่อนบาง
ๆ เรยี งซอ้ นทับไปมา และมรี อยหยักคล้ายดอกเห็ดหูหนูขาวบนแผน่ ประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยจานวนมาก ทาให้
สามารถแลกเปล่ียนออกซิเจนได้โดยตรงจากอากาศโดยไม่ต้องผ่านเหงือก จึงเป็นความพิเศษที่ทาให้ปลากัด
สามารถอาศัยในน้าที่ไม่มีออกซิเจนได้ ซ่ึงจะเร่ิมมีเม่ือปลามีอายุประมาณ 10 วันโดยธรรมชาติ ปลากัดจะมี
นิสัยก้าวร้าว และหวงถิ่น มีนิสัยชอบกัดต่อสู้กัน ซ่ึงพบได้มากในเพศผู้มากกว่าเพศเมีย และปลากัดเพศผู้
ยงั มนี สิ ยั ชอบทาร้ายปลากดั เพศเมีย พฤตกิ รรมนี้จะแสดงออกเมื่อมอี ายุประมาณ 1.5-2 เดือน
ภาพที่ 2.3 ลักษณะทั่วไปของปลากดั
ทมี่ า : Taiwod (2562)
9
2.1.3 ลกั ษณะที่ดีของปลากดั
การดูลักษณะของปลากัดจะพิจารณาใน ๓ ส่วนหลัก คือ สภาพความสมบูรณ์และอาการการ
แสดงออก ลกั ษณะรูปทรง และลักษณะสี
สภาพความสมบูรณ์และอาการการแสดงออก ปลากัดที่ดีตอ้ งมีสุขภาพสมบูรณ์ ไมม่ แี ผลตามลาตวั
และครีบ เกล็ดไม่หลดุ พอง ครบี ไมฉ่ กี ขาด มีกิรยิ าอาการกระฉับกระเฉง แผ่พองเมือ่ ถกู กระตนุ้
ลกั ษณะรูปทรง
ลาตัว ควรเป็นรูปกระสวยที่ดึงกว้างออกบริเวณครีบท้องหรือตะเกียบ ส่วนด้านบนลาดลงสู่หัวและหาง
โดยทุกด้านเรียวเข้าสู่โคนหาง ความยาวของลาตัวควรเป็น 3 - 4 เท่าของความกว้างจากบนลงล่าง ขนาด
ของลาตัวจะตอ้ งสมส่วนกับขนาดครบี ถา้ เปน็ ปลากดั หางคู่อาจมลี าตัวกวา้ งกวา่ ปลากัดหางเดียว
ลกั ษณะลาตวั ปลากัด แบ่งได้ ดงั น้ี
รูปทรงปลาช่อน จะมลี ักษณะลาตัวยาว หวั ใหญเ่ หมือนปลาชอ่ น รปู ร่างเพรยี ว
รปู ทรงปลาหมอ จะมีลกั ษณะตัวสัน้ และค่อนขา้ งอ้วน
รูปทรงปลากราย จะมีลกั ษณะหน้าเชดิ ลาตวั ตรง มลี กั ษณะเปน็ สเ่ี หลยี่ ม มองดา้ นบนจะ
ผอมบาง มีครบี อก และครบี ก้นยาว
รปู ทรงปลาตะเพยี น จะมลี กั ษณะลาตวั ปอ้ ม และครีบยาวสวยงาม
ครีบ ควรแผ่สวยงาม แผ่นครีบจะต้องเต็ม แข็งแรงไม่ชารุด ขอบของแผ่นครีบควรเรียบ
และไม่ฉีกขาด ยกเว้นปลาท่ีมีก้านครีบยื่นเลยแผ่นครีบ ก้านครีบควรจะตรงและขนาน หรือแผ่ออกเป็น
ระเบียบจากฐานครีบ ท่ีอยู่ติดลาตัวสู่ขอบนอกของครีบ ก้านครีบอาจยื่นยาวเลยแผ่นครีบได้ ซ่ึงในกรณีน้ี
ทุกครีบควรมลี ักษณะเหมือนๆ กัน
ครีบหลัง ปลากัดหางเดียวควรมีครีบหลังลักษณะเป็นรปู หยดน้าฐานกวา้ ง หรือรูปเปลวไฟ
ทเี่ อนไปทางด้านหลัง ครบี ควรกว้างและเต็มสมบรู ณ์ สว่ นปลากัดครีบยาว ครีบหลังควรซ้อนทับต่อเน่ืองเป็น
เนื้อเดียวกันกับครีบหางสาหรับปลากัดครีบส้ัน ขอบครีบด้านหลังควรสอดรับเป็นแนวเดียวกันกับขอบ
ด้านหลังของครีบก้น ในปลากัดหางคู่ ครีบหลังจะใหญ่กว่าปลากัดหางเดียว และควรมีลักษณะใกล้เคียงกับ
ครบี ก้นมากทีส่ ดุ ลกั ษณะครบี ทสี่ มบูรณ์ จะเป็นเสมือนเงาในกระจกของครบี กน้
ครีบหาง เป็นครีบที่มีรูปแบบหลากหลายมากท่ีสุด รูปแบบทั่วไปสาหรับปลาหางเดียว
อาจเป็นหางกลม หางกลมปลายแหลม หางรูปสามเหลี่ยม หางคร่ึงวงกลม หางย้วยแบบผา้ ม่าน และหางรูป
ใบโพธิ์ซ่ึงปลายย้อยลง หางทุกแบบควรแผ่เต็มสมบูรณ์ได้สัดส่วน ควรมีการกระจายของก้านครีบเท่ากัน
ระหว่างส่วนบน และส่วนลา่ ง ของเส้นที่ลากผา่ นจดุ กลางของโคนครีบ ขอบดา้ นนอกโคง้ ได้รปู
สาหรับปลาหางเดียวที่มีหางกลม หางกลมปลายแหลม หางรูปสามเหลี่ยม และหางครึ่ง
วงกลม หางครง่ึ บน และคร่ึงลา่ ง ควรเป็นเสมอื นเงาในกระจกซ่ึงกนั และกัน
10
ส่วนปลาหางเดียวที่มีหางย้วยแบบผ้าม่าน หางควรแผ่ใหญ่สมบูรณ์ ปลาหางรูปใบโพธิ์
ซงึ่ ปลายย้อยลง ครีบหางควรกว้าง ขอบครบี ควรโค้งไดร้ ปู สวยงามเรียวสสู่ ่วนปลาย
ในกรณีของปลาหางคู่ ลักษณะหางอาจเป็นลักษณะท่ีเชื่อมต่อกันจนปลายหางเกือบเป็น
เส้นตรง หรือเว้าเล็กน้อย หรือเว้ามากเป็นรูปหัวใจ หรือหางแยกท่ีซ้อนทับ เกยกัน หรือหางที่แยกจากกัน
เต็มที่โดยไมซ่ ้อนทับ หรอื เป็นหางท่ีเว้าลึกในระดับต่างๆ แตย่ ังไม่แยกกันเด็ดขาด ลกั ษณะท่ดี คี อื หางทงั้ สอง
ข้างควรเป็นเสมอื นเงาในกระจกซึง่ กันและกัน
ครีบก้น ลักษณะครีบท่ีดีควรมีขอบครีบส่วนหน้าและส่วนหลังขนานกัน และค่อยๆ โค้งไป
ทางด้านหลัง ขอบด้านหน้า และขอบด้านหลัง จะต้องไม่เรียวสอบแหลมเข้าหากัน ในปลากัดครีบยาว
ลักษณะครีบก้นที่ดี จะต้องแผ่กว้างคล้ายสี่เหลี่ยม และซ้อนทับเป็นเน้ือเดียวกันกับครีบหาง ในปลากัดครีบส้ัน
ลักษณะที่ดี จะต้องคล้ายสี่เหล่ียม ท่ีด้านหน้าแคบลบมุมโค้งเข้าสู่ตัวปลา และโค้งกว้างออกมาทามุมแหลม
กับขอบด้านหลัง บรรจบกันเป็นชายน้าเรียวแหลม ขอบด้านหลังโค้งเข้าเล็กน้อย และควรกว้างประมาณ 4
เทา่ ของขอบด้านหน้า
ครีบท้อง หรือตะเกียบหรือทวนลักษณะที่ดีควรมีลักษณะเหมือนใบมีดท่ีมีด้านคมอยู่
ด้านหลัง ขอบด้านหน้าโค้งเข้าเล็กน้อย ปลายแหลม ครีบท้ังคู่ควรมีความยาวและขนาดเท่ากัน และไม่ไขว้กัน
ครีบจะต้องไม่สั้นหรอื กวา้ งเกนิ ไป และไม่ยาวหรอื แคบเกนิ ไป ครีบอก ควรเป็นครบี ท่ีสมบูรณ์ กวา้ งและยาว
รูปแบบครบี หาง แบง่ ได้ ดังนี้
หางรูปสามเหลี่ยม (delta tail) ครีบหางจะมีขนาดใหญ่ และแผ่โค้ง ปลายหางกลมมน
กา้ นครบี ตรงถงึ ปลาย
หางหวีหรือหนามเตย (comb tail) ครีบหางจะมีขนาดใหญ่ และยาว บริเวณปลายครีบหาง
ครีบหลงั และครบี ทอ้ งมีลักษณะเป็นหนาม
หางมงกุฎ (crown tail) ครีบหางจะยาวมากกว่าแบบหางหวี ก้านครีบที่แผ่ออกจะตั้งตรง
ตั้งแต่โคนครีบหางถึงปลายครีบหาง และจะพบลักษณะเป็นหนามบริเวณปลายครีบหาง ครีบหลัง และครีบ
ทอ้ ง กา้ นครบี หางเปน็ ท้ังกา้ นครบี เดี่ยวหรือก้านครบี คู่
หางคู่ (double tail) ครบี หางจะมีลกั ษณะสองแฉก
11
ภาพท่ี 2.4 ลักษณะท่ีดีของปลากดั ไทย
ที่มา : saranukromthai (2560)
ลกั ษณะรปู รา่ งของปลากดั
ปลากัดจัดเป็นปลาขนาดเล็ก ลาตัวมีความยาวประมาณ 5-7 เซนติเมตร ลักษณะลาตัวเรียวยาว
แบนข้าง ปากมีขนาดเล็กเชิดขึ้นด้านบนเล็กน้อย ส่วนหัวมีเกล็ดปกคลุม ครีบก้นมีฐานครีบค่อนข้างยาว มีจานวนก้าน
ครีบ 23 - 26 อัน ครีบท้องเล็กยาวสีของลาตัวเป็นสีเทาแกมดาสีของครีบและเกล็ดบริเวณใกล้ครีบจะเป็นสี
สดเขม้ สีใดสหี นึ่งทง้ั ตัว เช่น ปลากัดสีแดง จะมคี รบี ทกุ ครบี และเกลด็ ท่อี ยูใ่ กล้ครบี เป็นสีแดงทั้งหมด
ภาพที่ 2.5 ลกั ษณะรปู รา่ งของปลากัดไทย
ทีม่ า : home.kku (2553)
12
ภาพที่ 2.6 ลกั ษณะของปลากัด
ทีม่ า : thefishbite.wordpress (2556)
2.1.4 รปู แบบสีปลากัด
ปลากดั สีเดยี ว
ปลากัดสเี ดยี ว (solid color) หมายถงึ ปลากดั ทม่ี ีสเี ดียวกันทั้งหมดทั้งครบี และลาตัว โดยไมม่ สี อี ่ืนแต้ม
หรือปะปน ยกเว้นเขม่าดาท่ีพบจากปากจรดครีบหู เส้นของครีบ และขอบเกล็ด ส่วนตะเกียบ (ครีบท้อง)
อนุโลมให้มีสีอ่ืนๆได้ แต่ปลากัดเผือกที่ลาตัว และครีบท้องจะมีสีอื่นไม่ได้ ส่วนครีบหูน้ัน อนุโลมให้เป็นครีบ
กระจก (ครีบที่มีลักษณะใส) ได้ ปลากัดสีเดียว คือ ปลากัดที่มีสีเดียวกันตลอดลาตัวและครีบต่างๆยกเว้น
ดวงตาซึ่งอาจมีหลายสี โดยแยกเปน็ 3 กลุ่มยอ่ ย ดงั น้ี
ปลากัดสีเดียวสีอ่อน คือ ปลากัดที่มีสีโทนอ่อน มีด้วยกันหลายสีเช่น ขาว เหลือง ส้ม ทอง
ใส และ สีอนื่ ๆ
ภาพท่ี 2.7 ปลากดั สีเดยี วสอี ่อน
ท่มี า : thaibettahub (2564)
13
ปลากัดสีเดียวสีเข้ม คือ ปลากัดที่มีโทนสีเข้ม มีด้วยกันหลายสีเช่น แดง ดา น้าเงิน เขียว
เทา นาค และ สีอ่ืนๆ
ภาพที่ 2.8 ปลากัดสเี ดียวสเี ข้ม
ที่มา : thaibettahub (2564)
ปลากัดสีเดียวตาข่าย คือ ปลากัดสเี ดยี วทีม่ ลี าตัวและครีบสีเดยี วกนั แต่ขอบเกล็ดจะมีลายเส้น
สีดา ตัดเหมือนตาข่าย และจะมีลายเส้นดาตัดขอบครีบส่วนต่าง ๆ โดยรอบ เช่น แดงตาข่ายดาเหลืองสัปปะรด
สม้ ตาขา่ ย และ สีอน่ื ๆ
ภาพที่ 2.9 ปลากัดสีเดียวตาข่าย
ที่มา : thaibettahub (2564)
ปลากดั สองสี
ปลากัดสองสี (bi-color) หมายถึง ปลากดั ทม่ี สี ีลาตัวสีเดียว และสคี รบี สเี ดียว ซ่ึงทั้งสองส่วนต้องมีสี
แตกต่างกัน ยกเว้นเขมา่ ดาบรเิ วณปากจรดโคนครีบหู และเสน้ ขอบครีบจะเป็นสีใดก็ได้ ส่วนตะเกียบอนุโลม
ให้มีสีอืน่ ได้ ส่วนครีบหูอนุโลมใหเ้ ปน็ ครบี กระจกได้ ปลากดั สองสี คอื ปลากัดทีม่ สี โี ดดเดน่ 2 สี ภายในลาตัว
และครีบ โดยแยกเปน็ 3 กลมุ่ ยอ่ ย คือ
ปลากดั สองสีสีตดั คือ ปลากดั ทีม่ ีลาตวั สหี นง่ึ และครบี อีกสีหนึง่ โดยไมม่ ีสีอืน่ ปน แม้แตก่ ้าน
ครบี เชน่ เรดดราก้อน ชอ็ คโกแล็ค ฯลฯ
14
ภาพที่ 2.10 ปลากดั สองสี
ทีม่ า : thaibettahub (2564)
ปลากัดสองสีสีผสม คือ ปลากัดที่มีลาตัวและครีบเป็น 2 สีผสมกัน โดยไม่มีลายตัดขอบสี
ดกู ลมกลืน เช่น มสั ตาด แบลก็ ออเร้นทค์ อปเปอรเ์ รด คอปเปอรแ์ บล็ก ฯลฯ
ภาพท่ี 2.11 ปลากดั สองสผี สม
ที่มา : thaibettahub (2564)
ปลากัดสองสีผีเส้ือ คือ ปลากัดโทนสีคล้ายปลากัดสเี ดียว แต่บริเวณรอบนอกของครีบสว่ น
ต่าง ๆ จะเป็นขอบขาวโดยรอบของความยาวครีบทั้งหมด โดยพิจารณาดูถึงความคมชัดรอยตัดของสีท่ีมี
ความสม่าเสมอ จะต้องไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของหาง กระโดง ชายน้า หูตะเกียบ เช่น กรีนบัตเตอร์ฟลาย
คอปเปอรบ์ ัตเตอร์ฟลาย
ภาพที่ 2.12 ปลากัดสองสผี เี สือ้
ท่ีมา : thaibettahub (2564)
15
ปลากดั สามสี
ปลากัดสามสี คือ ปลากัดที่มีสีโดดเด่น 3 สีบริเวณส่วนลาตัวและครบี ซ่ึงมีด้วยกันหลายโทนสีโดย
แยกดงั น้ี
ปลากดั สามสสี ีตัด คือ ปลากดั ทม่ี ีลาตัวสีหน่ึง แต่ครบี จะมีสองสตี ัดกัน เชน่ เรดดราก้อนขอบสี
ต่างๆ ยกเวน้ สีขาว
ภาพท่ี 2.13 ปลากดั สามสี
ทม่ี า : thaibettahub (2564)
ปลากัดสามสีสีผสม คือ ปลากัดท่ีมีลาตัวและครีบมี 3 สีผสมกัน โดยไม่มีรอยตัดของสี
ดูกลมกลืน เชน่ มัสตาด เรดคอปเปอรฯ์ ลฯ
ภาพท่ี 2.14 ปลากดั สามสสี ผี สม
ที่มา : thaibettahub (2564)
16
ปลากัดสามสีผีเส้ือ คือ ปลากัดท่ีคล้ายปลากัดสองสีตัดแต่ปลายครีบท้ังหมด จะมีขอบขาว
โดยรอบ เชน่ เรดดราก้อนขอบขาว กรนี เรดดราก้อนขอบขาว ฯลฯ
ภาพที่ 2.15 ปลากดั สามสีผีเสอ้ื
ทีม่ า : thaibettahub (2564)
ปลากัดหลากสี
ปลากัดหลากสี (multi-color) หมายถึง ปลากัดที่มีตั้งแต่สองสีข้ึนไป ทั้งส่วนของลาตัว และครีบ
ยกเวน้ เขม่าดาบริเวณปากจรดโคนครบี หู และเสน้ ขอบครีบจะเป็นสใี ดก็ได้ สว่ นของตะเกยี บอนโุ ลมให้มีสีอื่น
ได้ ส่วนครีบหูอนุโลมให้เป็นครีบกระจกได้ปลากัดหลากสี คือ ปลากัดท่ีมีรูปแบบ แถบสีและลวดลาย ท่ี
หลากหลายซึง่ ต้องมีต้ังแต่ 2 สขี นึ้ ไป โดยแยกเป็น 3 กล่มุ ย่อยคอื
ปลากัดหลากสีลายหินอ่อน คือ ปลากัดท่ีมีสีต้ังแต่ 2 แถบสีขึ้นไป ท้ังที่ลาตัว และ/หรือ
ครีบ เชน่ แฟนซี ฯลฯ
ภาพท่ี 2.16 ปลากัดหลากสี
ทีม่ า : thaibettahub (2564)
17
ปลากัดหลากสีลายจุด คือ ปลากัดท่ีมีต้ังแต่ 2 สีขึ้นไป เป็นจุดสีเด่นชัด ข้ึนบริเวณลาตัว
และ/หรอื ครบี เชน่ สม้ จุดดา ขาวจดุ แดง ฯลฯ
ภาพที่ 2.17 ปลากดั หลากสีลายจดุ
ทม่ี า : thaibettahub (2564)
ปลากัดหลากสีลายหัว คือ ปลากัดท่ีมีต้ังแต่ 2 สีขึ้นไป แต่จะมีสีโดดเด่นส่วนท่อนหัว หรือ
ยาวไปถึง ส่วนกลางลาตวั หรอื สบี ริเวณบนหวั มีสีตัดกนั อยา่ งชดั เจน เชน่ ปลากดั มอนสเตอร์ ทกั ซิโด ตันโจ
ภาพท่ี 2.18 ปลากดั หลากสีลายหัว
ทม่ี า : thaibettahub (2564)
ภาพท่ี 2.19 รูปแบบสีสันของปลากดั
ท่ีมา : thaibettahub (2564)
18
ภาพท่ี 2.20 รปู แบบสีของปลากัด
ท่ีมา : ngthai (2564)
2.2 ชนดิ ของปลากัด
ปลากัดในปัจจุบันมีจานวนมากกว่า 40 สายพันธ์ุ ซ่ึงพบในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 11 สายพันธ์ุ
เช่น Betta breviata, Betta anabatoides, Betta belliea, Betta cocina, Betta imbellis, Betta splendens,
Betta macrophthalma, Betta Persephone, Betta pugnax, Betta smaragdina, และ Betta tessyae
ซึง่ ปลากัดท่เี รามักพบเหน็ และเรยี กเป็นปกติวา่ “ปลากดั ” นนั้ ไม่วา่ จะเปน็ ปลากดั หม้อ หรอื ปลากดั จนี จะหมายถงึ
ปลากัดที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Betta splendens และมีช่ือสามัญว่า Siamese Fighting Fishในการ
เพาะเล้ียงปลากัดเพ่ือเอาไว้กัดแข่งขัน จะเป็นการพฒั นาสายพันธ์ุของปลากดั ครบี ส้ัน หรอื ปลาลกู หม้อ แต่ด้ังเดิม
ขึ้นมา เพ่ือให้ได้สายพันธ์ุปลาใหม่ ๆ ที่กัดเก่ง ทรหดอดทน และมีขนาดใหญ่ในอดีตเคยมีการนาปลากัด
พื้นเมอื งจากภาคใตม้ าผสมบ้าง เพ่อื สร้างลูกผสมท่ีกัดเก่ง และมกี ารใช้กลวิธีการเพาะเลีย้ งปลาดว้ ยสมุนไพร
เพอ่ื ช่วยเคลือบเกล็ดปลา ซง่ึ เชอื่ กันวา่ จะทาให้เกล็ดแขง็ ศัตรูกดั เข้าได้ยากสว่ นการเพาะเล้ียงปลากัดเพ่ือเป็น
ปลาสวยงาม นอกจากจะพัฒนาให้ได้สีท่ีสวยงาม และรูปแบบใหม่ๆ แล้ว ก็ได้มีการพัฒนาสร้างสายพันธุ์ ปลากัด
ครีบยาว ทีเ่ รียกกนั ทว่ั ไปว่า ปลากดั จนี ซึง่ มีครบี ยาวใหญ่สวยงาม ในระยะหลงั นี้ได้มีการพัฒนารูปทรง ของครีบ
แบบต่างๆ และมีการพัฒนาปลากัดครีบส้ันให้เป็นปลาสวยงาม โดยพัฒนาสีสันให้สวยขึ้น และพัฒนาปลา
ลกู หมอ้ ให้มสี ีใหม่ ๆ รปู แบบสสี นั ของปลากัดลูกหม้อได้พัฒนาไปอย่างมากมายแทบทุกโทนสี และกลายเป็นปลา
สวยงามอกี ประเภทหน่ึงซงึ่ เป็นทนี่ ิยมเล้ยี งกันอย่างแพรห่ ลายปลากัดถูกจัดแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดงั นี้
2.2.1 ปลากัดลกู หมอ้
มีลักษณะลาตัวค่อนข้างหนาเม่ือเทียบกับสายพันธุ์อ่ืน ส่วนหัวค่อนข้างโต ปากใหญ่ ครีบส้ันสีเข้ม
เดิมมักจะเป็นสีเขียวหรือสีน้าเงินแกมแดง แต่ปัจจุบันมีหลายสี เช่นสีแดง สีน้าเงิน สีม่วง สีเขียว และสีนาก
เปน็ ชนดิ ท่มี คี วามอดทน กัดเกง่ ได้รบั ความนยิ มสาหรบั การกัดพนัน ปัจจบุ นั นิยมเรียกเปน็ กลมุ่ ของ ปลากัดครบี สนั้
ปลากัดลูกหม้อ เป็นปลากัดที่ได้จากผู้เล้ียงในสมัยก่อนคัดพันธ์ุปลากัดทุ่งหรือปลากัดป่าจากแหล่ง
ต่างๆ มาผสมพันธุ์กันเพื่อให้ได้ลูกปลากัดที่มีลักษณะดี แข็งแรง กัดทน และดุ ลูกปลาท่ีได้จะนาไปเลี้ยงใน
19
หม้อดิน ดังน้ันคาว่า “ลูกหม้อ" หรือ “ปลากัดลูกหม้อ” นั้นจึงได้ชื่อมาจากการใช้หม้อดินในการเพาะและ
อนุบาลปลากัด น่ันเอง ปลากัดลูกหม้อจะมีรูปร่างหนาและใหญ่กว่าปลากัดชนิดอื่น สีสันสวยงามดูแล้วน่า
เกรงขาม สสี ่วนมากจะเป็นสนี า้ เงิน แดง เทา เขยี ว คราม หรอื แดงปนน้าเงนิ
ภาพท่ี 2.21 ลักษณะของปลากดั ลูกหม้อ
ท่มี า : il.mahidol (2542)
ปลากัดลูกหม้อหรือปลากัดไทยหรือปลากัดครีบสั้นเป็นปลากัดพัฒนามาจากการเพาะเลี้ยง และการ
คัดพันธ์ุ มาหลายช่ัวอายุ เพ่ือการกัดต่อสู้โดยเฉพาะ มีรูปร่างลาตัวที่โตกว่าปลากัดลูกทุ่ง และปลากัดลูกผสมมี
ลักษณะปากใหญ่ ว่ายน้าปราดเปรียว สีสันสวยงามหลากสี เช่น สีแดงเข้ม น้าเงินเข้ม น้าตาลเข้ม หรือสีผสม
ระหว่างสีต่าง ๆ ปลาชนิดน้ีกัดได้ทรหดย่ิงกว่าชนิดอ่ืน ใช้เวลาในการกัดนาน จึงนิยมเล้ียงมากกว่าปลากัด
ลูกทุ่ง และปลากัดลกู ผสม โดยแบ่งประเภทของปลากดั ลกู หม้อตามรูปร่างของรา่ งกาย ได้แก่
ปลากัดลูกหม้อทรงปลาช่อน มีลักษณะลาตัวยาว ทรงกระบอก คล้ายปลาช่อน มีหน้าสั้น
ช่วงหัวยาวและโคนหางใหญ่ ถือเป็นปลาที่มีลีลาการต่อสู้ท่ีดุดัน และมีพละกาลังมาก มีประวัติการกัดชนะ
เป็นอันดับหน่ึงในเวทีตา่ ง ๆ
ปลากัดลูกหม้อทรงปลาหม้อ มีลักษณะลาตัวสั้น หนา ลาตัวกว้างหนาเมื่อมองจากทาง
ดา้ นขา้ ง และดา้ นบน ลกั ษณะลาตวั คลา้ ยกับปลาหมอไทย เป็นปลาทท่ี รหด และวอ่ งไวในการกดั
ปลากัดลกู หม้อทรงปลากราย มลี ักษณะมีหน้างอนข้ึน ลาตัวสั้นแบน เปน็ ปลาทค่ี ลอ่ งแคล่ว
และว่องไวในการกดั และมีประวตั กิ ารกดั ทยี่ อดเย่ยี ม
ภาพที่ 2.22 ปลากัดลกู หมอ้
ที่มา : pasusat (2558)
20
2.2.2 ปลากัดป่าหรือปลากัดลูกทงุ่
มีลักษณะลาตัวเล็กกว่าพันธุ์ลูกหม้อ ลาตัวค่อนข้างยาว ครีบยาวปานกลางหรือยาวกว่าพันธ์ุ
ลูกหม้อเล็กน้อย สีไม่เข้มมากนัก เป็นพันธุ์ท่ีมีความต่ืนตกใจได้ง่ายท่ีสุด การกัดจะมีความว่องไวมากกว่า
พันธุล์ ูกหม้อ ปากคม แต่ไม่ค่อยมีความอดทนใช้เวลาประมาณ 30 นาที จะรผู้ ลแพ้ชนะนิยมใช้ในวงการกัดพนัน
เช่นกัน
ปลากัดลูกทุ่งหรือปลากัดป่าเป็นปลากัดที่พบในแหล่งน้าธรรมชาติ ตามท้องนา และหนองบึง เป็น
ปลาขนาดเล็กที่ไม่มีลักษณะเด่นมากนัก ส่วนมากครีบ และหางมีสีแดงเกือบตลอด มีประสีดาบ้างเล็กน้อย
บางทีอาจมีแต้มสีเขียวอ่อน ๆ เรียงต่อกันเป็นเส้นสีเขียว ๆ ที่ครีบหลัง เวลาถอดสี ท้ังตัวและครีบจะเป็นสี
น้าตาลด้าน ๆ คล้ายใบหญ้าแห้ง ในปัจจุบันคาว่า "ปลาป่า" หมายความรวมถึงปลากัดพื้นเมืองภาคอีสาน
ปลากัดพน้ื เมอื งภาคใต้ และ ปลากดั ปา่ มหาชยั ด้วย
ปลากัดทุ่งหรือปลากัดป่า ซงึ่ พบอยตู่ ามธรรมชาตอิ าทเิ ชน่ ทงุ่ นา หนองนา้ บึง มีความสามารถในชน้ั
เชิงการต่อสู้แตกต่างออกไปในแต่ละถ่ิน ความพิเศษของปลากัดป่าอยู่ที่ความเป็นนักสู้โดยธรรมชาติและที่
พิเศษยิ่งกว่านั้นคือ การที่ปลาตัวผู้สามารถเปล่ียนสีให้งดงามเมื่อถูกกระตุ้น ในสภาวะต่ืนตัวครีบทุกครีบจะ
แผ่กางออกเต็มท่ี แผ่นเยื่อหุ้มเหงือกขยายพองตัวออก พร้อมกับสีน้าเงินหรือแดงท่ีปรากฏขึ้นมาชัดเจน ทา
ให้ดสู งา่ อาจหาญ และสวยงาม
ปลากดั มหาชยั ปลากดั ภาคใต้
ปลากดั ป่าภาคอสี าน
ภาพท่ี 2.23 ปลากัดป่ามหาชัย , ปลากดั ปา่ ภาคใต้, ปลากดั ป่าภาคอสี าน
ทม่ี า : il.mahidol (2542)
21
2.2.3 ปลากัดลกู ผสมหรือพันธสุ์ งั กะสหี รือพันธุล์ กู ตะกั่ว
ปลากัดลูกผสม (Hybrid Betta) หรือ"ลูกสังกะสี" หรือ "ลูกตะก่ัว" เป็นชื่อปลาที่เกิดจากการผสม
พันธ์ุระหว่างปลากดั ท่งุ กับปลาหม้อผสมขา้ มพนั ธ์ุ ซ่งึ อาจจะใช้พ่อปลากัดทุง่ กับแมป่ ลากัดหม้อ หรือ พอ่ เป็น
ปลากัดหม้อกับแม่ปลากัดทุ่ง เมื่อได้ลูกผสมออกมานักเล้ียงปลากัดก็จะ เรียกกันว่า ลูกสังกะสีหรือลูกตะกั่ว
หรืออาจจะมีบางรายใช้พ่อปลากัดทุ่งหรือพ่อ ปลากัดหม้อ กับแม่ลูกผสมเม่ือได้ลูกก็จะเรียก ว่าลูกสังกะสี
หรืออาจจะมีบางที่ใช้พ่อเป็นลูกผสมกับพ่อปลากัดทุ่งหรือพ่อปลากัดหม้อเมื่อได้ลูกออกมาก็เรียกว่าเป็นลูก
ผสม เหมือนกัน เท่า กับว่าเมื่อใช้พ่อแม่ปลากัดต่างเหล่ากันมาผสมได้ลูกเมื่อไรก็จะเรียกว่า ลูกสังกะสี หรือ
ลูกตะก่ัว ซ่ึงก็จะได้ ปลากัดใหม่ลูกผสมที่ลาตัวมีหลายสี และเป็นปลากัดท่ีมีความทน ทรหดและกัดได้คม
และว่องไวมากทีเดียว และเม่ือนาไปกัดกับ ปลากัดทุ่งหรือปลากัดป่าชัยชนะมักจะตกเป็นของลูกผสมเสีย
เป็นส่วน ใหญ่ว่ากันว่าปลากัดลูกผสมท่ีมีประวัติ การกัดเก่งกว่า ปลาอื่นในบรรดาพวกปลากัดลูกสังกะสี
ด้วยกันมักจะเป็นปลากัดลูกผสมรูปปลาช่อน ซึ่งสามารถสังเกตได้ตรง ที่มีครีบยาว กระ โดงยาว และหาง
ใหญ่ซ่ึงนับ ได้ว่าเป็นปลากัดท่ีเก่งและมีรูปรา่ งดงามมากแต่อยา่ งไรก็ดี แม้ว่าปลากัดลูกผสมจะกัดได้เก่งและ
รูปร่างสวยงามดีมากก็ จริง แต่นักเลงปลากัดก็นิยมเล้ียงและเพาะพันธ์ุกันน้อย กว่าปลากัดหม้อ ซ่ึงตาม
ตานานกล่าวไว้ว่าอาจจะ เป็นเพราะปลากัดลกู ผสมมีนา้ อดนา้ ทนในการต่อสู้น้อยกว่าปลา กัดหม้อ และเป็น
ท่ีรู้กันในวงการปลากัดว่าถ้าเอาปลากัดลูก ผสมไปกัดกับปลากัดหม้อแล้วปลากัดลูกผสมมักจะเป็นฝ่ายพ่าย
แพ้แต่อย่างไรก็ตามก็มีบางคร้ังเหมือนกันที่ นักเลงปลากัดบาง คนท่ีมีปลากัดลูกผสมตัวเก่งไปกัดกับปลากดั
หม้อ สามารถกาชัยชนะได้บ้าง ซ่ึงนาน ๆ จะเป็นชัยชนะของปลากัดลูกผสม และ การที่ปลากัดลูกสังกะสี
สามารถเอาชนะปลากัดลูกหม้อได้ก็อาจะมาจากสาเหตุท่ีปลากัดหม้อตวั น้ันมีอายุอ่อนวัยกวา่ ปลากดั ลูกผสม
หรือมีขนาดลาตัวเล็กกว่าหรือปลากัดหม้อเจบ็ ป่วย ไมส่ ม บูรณห์ รอื มสี าเหตุอน่ื ๆ อกี หลายประการ อันเป็น
ต้นเหตใุ หป้ ลากดั หม้อ ต้องพา่ ยแพต้ าม สภาพความไมส่ มบูรณข์ องร่างกาย
ภาพที่ 2.24 ปลากดั ลูกผสม
ทม่ี า : sites.google (2558)
22
ปลากัดลูกผสมเป็นลูกปลาท่ีเกิดจากการผสมข้ามสายพันธ์ุระหว่างปลากัดลูกหม้อกับปลากัดลูกท่งุ
โดยอาจผสมระหว่างพ่อเป็นปลาลูกหม้อกบั แม่เปน็ ปลาลูกทุ่ง หรอื พอ่ เป็นปลาลูกทุ่งกับแม่เป็นปลาลูกหม้อได้
ท้ังสองแบบ ผู้เพาะต้องการให้ปลาลูกผสมท่ีได้มีลักษณะปากคม กัดคล่องแคล่ว ว่องไวแบบปลาลูกทุ่ง และมี
ความอดทนแบบปลาลูกหม้อ โดยพยายามคัดปลาท่ีมีลักษณะลาตัวเป็นปลาลูกทุ่ง เพราะเม่ือนาไปกัดกับ
ปลาลูกท่งุ แท้ ๆ ปลาลูกผสมนจ้ี ะกัดทนกว่าปลาลกู ท่งุ
ปลาสงั กะสแี ละปลากัดลกู หม้อเปน็ ปลากัดที่นักเพาะพนั ธ์ุปลาได้นามาคัดสายพันธ์ุ โดยมงุ่ หวงั จะได้
ปลาทก่ี ดั เก่ง จากบันทกึ คาบอกเล่าของหลวงอัมรินทร์สมบตั ิ (ครอบ สวุ รรณนคร) ซง่ึ เป็นนักเลงปลาเก่าเช่ือ
ว่า ปลาสังกะสีและปลาลูกหม้อน่าจะได้รับการพัฒนาข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2430 โดยท่านจาได้ว่าก่อนหน้าน้ันยัง
ตอ้ งจับปลาปา่ มากดั พนนั กนั อยู่ ตอ่ มานักเลงปลาบางคนก็เริ่มใช้วธิ ีไปขุดลว้ งเอาปลาป่าที่อาศัยอยตู่ ามรูปูใน
ฤดูแล้ง มาขังไว้ในโอ่ง และเล้ียงดูให้อาหาร พอถึงฤดูฝน ก็นามากัดพนันกับปลาป่า ซึ่งส่วนใหญ่จะสปู้ ลาขุด
ที่นามาเลี้ยงไว้ไม่ได้ การเล่นปลาขุดยังนิยมเล่นกันมาถึงประมาณ พ.ศ. 2496 หลังจากน้ันก็มีการเก็บปลาท่ี
กัดเก่งเลี้ยงไว้ข้ามปี และหาปลาป่าตัวเมียมาผสม ลูกปลาที่ได้จากการผสมในชุดแรกเรียกว่า "ปลาสังกะสี
สีแดง" หรอื "ปลากัดสงั กะส"ี ปลาสังกะสีท่ีเก่ง อดทน สวยงาม ก็จะถูกคดั ไวเ้ ปน็ พ่อแม่พันธ์ุ เม่อื ผสมออกมา
ในชุดต่อไป จะได้ปลาที่เรียกว่า "ปลาลูกหม้อ" หรือ "ปลากัดหม้อ" ท่ีเรียกว่า ปลาสังกะสี สันนิษฐานว่า
น่าจะได้ช่ือมาจากผิวหนังท่ีหนาแกร่ง ไม่ขาดง่ายเมื่อถูกกัดเหมือนปลาป่า ปลาสังกะสีมักจะตัวใหญ่ มีสีสัน
ลักษณะต่างจากปลาปา่ แต่ส่วนมากมีชั้นเชิงและความอดทนในการกัดส้ปู ลาลูกหม้อไม่ได้ สว่ นที่เรียกว่า ปลา
ลูกหม้อ น้ัน น่าจะมาจากการนาหม้อดินมาใช้ในการเพาะและอนุบาลปลากัดในระยะแรกๆ ปลาลูกหม้อจึงเป็น
ปลาสายพันธุ์ที่สร้างมาโดยนักเลงปลาทั้งหลาย เพ่ือให้ได้ลักษณะท่ีดีสาหรับการต่อสู้ และมีสีสันที่สวยงามตาม
ความพอใจของเจ้าของ ปลาลูกหม้อมีรูปร่างหนาใหญ่กว่าปลาป่าและปลาสังกะสี ส่วนมากสีจะเป็นสีน้าเงิน สี
แดง สีเทา สีเขียว สีคราม หรือสีแดงปนน้าเงิน ครีบหางอาจเป็นรูปมนป้าน หรือรูปใบโพธ์ิ การเล่นปลากัดใน
สมัยก่อนนั้น ปลาลูกหม้อแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ "ลูกแท้" และ "ลูกสับ" ลูกแท้หมายถึง ลูกปลาที่เกิดจาก
พอ่ แมท่ ีม่ าจากครอกเดียวกนั ส่วนลูกสับหมายถึง ลูกปลาทีเ่ กดิ จากพ่อแมท่ ่ีมาจากต่างครอกกนั
ภาพท่ี 2.25 ปลากัดลูกผสม
ท่ีมา : bom-tr33.wixsite (2562)
23
ปลากัดสังกะสี เป็นปลากัดลูกผสมระหว่างปลากัดหม้อเพศผู้กับปลากัดทุ่งเพศเมีย ปลากัดสังกะสี
จะกัดทนไม่เท่ากับปลากัดหม้อ แต่จะทนกว่าปลากัดทุ่ง นอกจากน้ียังมีผู้คิดเอาปลากัดสังกะสีเพศผู้ผสมกบั
ปลากัดทุ่งเพศเมียออกมาเป็นปลากัดที่เรียกว่า ซ้าสาม หมายถึง ปลาที่มีลูกผสมระหวา่ งปลาลูกทุ่ง ลูกหม้อ
และสังกะสี
ภาพที่ 2.26 ปลากัดลูกผสมระหวา่ งปลากดั หม้อและปลากัดป่าภาคใต้
ทีม่ า : il.mahidol (2542)
2.2.4 ปลากัดจนี หรอื ปลากัดครบี ยาว
ปลากัดจีนหรือปลากัดครีบยาวหลายคนเข้าใจผิดว่าปลากัดจีนเป็นปลากัดอีกสายพันธุ์หน่ึง ซ่ึงมา
จากประเทศจีน ซึ่งโดยแท้จริงแล้วปลาชนิดนี้ก็เป็นปลากัดไทยท่ีมีพ้ืนเพมาจากปลากัดป่า ซ่ึงเกิดจากการ
ผสมคดั พันธุ์เพื่อให้ได้ปลาลูกหม้อท่ีกดั เกง่ มลี ักษณะที่ดีสวยงาม แต่เผอญิ ได้ปลาชนิดใหม่ท่ีครีบและหางยาว
ออกมามากกว่าปกติ หลงั จากนนั้ กม็ ีการปรับปรงุ พนั ธ์ุให้ได้ครีบ และหางท่ีแผ่กว้างขึ้น มีลักษณะสวยงามข้ึน
มีสีสันใหม่ ๆ โดยมีวัตถุประสงค์หลักท่ีจะเล้ียงเป็นปลาสวยงาม โดยเฉพาะลักษณะครีบที่ยาว รุ่มร่าม และ
สสี นั ฉดู ฉาดน้ีเองจึงมองดูเหมือนอุปรากรจีน หรอื ง้ิว ซึง่ ใสช่ ุดทม่ี ีสสี ันฉูดฉาด ปลายแขนและขอบชุดยาวทา
ให้เวลาร่ายรามองดูพลิ้วไปมา จึงเรียกปลากัดพวกนี้ว่า ปลากัดจีน ปลากัดครีบยาวนิยมเล้ียงกันมากใน
ต่างประเทศ และไดพ้ ัฒนาสายพนั ธุ์ไปหลากหลายสายพันธ์เุ พอ่ื ตอบสนองความต้องการของผเู้ ลีย้ ง
ภาพท่ี 2.27 ปลากดั ครีบยาว
ทมี่ า : il.mahidol (2542)
24
ปลากดั จนี เป็นปลากัดทีเ่ กิดจากการเพาะและคัดพันธุ์ปลากัดโดยเนน้ เพ่ือความสวยงามพยายามคัด
พันธ์ุเพื่อให้ปลามีหางยาวและสีสันสดเข้ม จนในปัจจุบันสามารถผลิตปลากัดจีนที่มีความสวยงามอย่างมาก
มีครีบต่าง ๆ ค่อนข้างยาว โดยเฉพาะครีบหางจะยาวมากเป็นพิเศษและมีรูปทรงหลายแบบ มีสีสันสดสวย
มากมายหลายสี เป็นปลาที่ไม่ค่อยตื่นตกใจเช่นเดียวกับปลาหม้อ แต่ไม่มีความอดทน เม่ือปล่อยกัดกันมักรู้ผลแพ้
ชนะภายใน 10 นาที ไมน่ ยิ มใชใ้ นการกัดพนัน ปจั จบุ ันนิยมเรียกเปน็ กลมุ่ ของ ปลากัดครีบยาว
ภาพที่ 2.28 ปลากัดจีน
ทม่ี า : home.kku (2553)
ปลากัดจีน (Veil Tail Betta) เป็นรูปแบบสายพันธุ์ปลากัดสวยงาม ท่ีคนไทยพัฒนาเป็นประเภทแรกๆ
เรยี กว่าเปน็ ปลากัดสายสวยงามทคี่ นไทยร้จู กั เลน่ กันมานาน รองจากสายหม้อ สายกดั หรอื สายลูกทงุ่ รูปทรง
หางและทรงเครื่อง ที่ถูกคัดเลือกรูปแบบ "พู่กันจีน" ที่เขียนบนกระดาษ เป็นรูปทรงที่มีความพล้ิวไหวในตัว
การพัฒนาสายพันธ์ุปลากัดจีนในปัจจุบันมีความหลากหลายมากข้ึน นอกไปจากสีเด่ียวๆ หรือรูปแบบปลา
เขมรหรือสาย butterfly การเพ่ิมมูลค้าของปลากัดจีน จึงมีความหลากหลายมากขึ้น เราจึงพบเห็น ปลากัดจีน
ท่ีมีรูปทรงแบบ koi แบบ vanda หรือ รูปแบบปลากัดสวยงามประเภทอ่ืนๆ จะมีให้เห็นในปลากัดจีนใน
ปัจจุบันมากขึ้นเร่ือยๆ ปลากัดจีนยังคงอยู่ในตลาดและคงไว้ตราบเท่านาน อาจเน่ืองมาจากมีสายประกวด
ประเภทนี้อยู่ ทาให้มีผู้ชื่นชอบและพัฒนาปลากัดประเภท "ปลากัดจีน" อยู่ไม่น้อย แด่นักปรับปรุงพันธ์ุปลา
กัดจนี จากอดีตสูป่ จั จุบนั
ภาพท่ี 2.29 ปลากดั จนี (Veil Tail Betta)
ท่ีมา : plakat-thai (2560)
25
ปลากัดจีนเป็นชื่อที่ใช้เรียกปลากัดครีบยาวมาช้านาน เข้าใจว่าอาจมาจากลักษณะครีบท่ียาวรุ่ยร่ายสี
ฉูดฉาดเหมือนง้ิวจีน ปลากัดจีนเป็นปลาที่พัฒนาสายพันธ์ุมาจากปลาลกู หม้อ โดยผสมคัดพันธุ์ให้ได้ลักษณะ
ท่ีมีครีบและหางยาวขึ้น ความยาวของครีบหางสว่ นใหญ่จะยาวเท่ากับ หรือมากกว่าความยาวของลาตัวและ
หัวรวมกัน และมีการพัฒนาให้ได้สีใหม่ ๆ และสวยงาม โดยนักเพาะเล้ียงปลากัดชาวไทย ซ่ึงได้พัฒนาสาย
พันธ์ุสาเร็จมาช้านาน ก่อนท่ีปลากัดจะถูกนาไปเล้ียงในต่างประเทศ แต่ไม่มีการบันทึกไว้ว่า การพัฒนาปลา
กัดสายพันธ์ุนี้เกิดขึ้นต้ังแต่เม่ือใด ปลากัดชนิดน้ีเป็นชนิดท่ีนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามแพร่หลายไปทั่วโลก
และได้มีการนาไปพัฒนาสายพนั ธุอ์ ยา่ งต่อเน่ือง จนไดส้ ายพันธทุ์ ่มี ีลกั ษณะใหม่ ๆ ออกมาอีกมากมาย
ภาพที่ 2.30 ลักษณะของปลากัดจนี
ทีม่ า : th.wikipedia (2562)
ปลากัดจีนหรือปลากัดครีบยาวหรือปลากัดเขมร เป็นพันธุ์ปลากัดท่ีค้นพบโดยนักเพาะพันธุ์ปลากัดหม้อ
โดยพบบังเอิญขณะท่ีพัฒนาปลากัดให้ได้ลักษณะครีบยาว ใหญ่ และให้มีหลากหลายสีที่สวยงาม จนได้ปลา
กัดที่มีลักษณะหางเป็นพวง คล้ายปลาทอง สีของปลากัดชนิดน้ี ได้แก่ สีแดง สีน้าเงิน สีเขียวม่วง สีน้าเงิน
รวมถึงการผสมหลากหลายสีในตัวเดียวกัน ถือเป็นปลากัดที่นิยมเลี้ยงมากในประเทศไทย รวมถึงใน
ต่างประเทศ จึงมีการเพาะเล้ียงเพื่อส่งขายออกต่างประเทศ ทาให้สร้างรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับต้นๆ
ของปลาสวยงามมีแหลง่ เพาะเล้ยี งทีส่ าคัญในแถบภาคกลาง และภาคตะวนั ตก เช่น ปทุมธานี อยุธยา ราชบุรี
นครปฐม เปน็ ต้น
ภาพที่ 2.31 รูปรา่ งของปลากัดจีน
ทีม่ า : pasusat (2558)
26
2.2.5 ปลากัดหางสามเหลี่ยมหรือปลากดั เดลตา
ปลากัดหางสามเหล่ียมหรือปลากัดเดลตา (Delta) เป็นปลาที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากปลากัดครีบ
ยาว หรือปลากัดจีน โดยพัฒนาให้หางสน้ั เข้าและแผ่กวา้ งออกไปเป็นรูปสามเหล่ียม ขอบครีบหางกางทามุม
45 - 60 องศา กับโคนหาง และต่อมาได้พัฒนาให้ครีบแผ่ออกไปกว้างมากยิ่งข้ึน เรียก "ซูเปอร์เดลตา" ซึ่งมี
หางแผก่ างใหญ่กว่าปกติ จนขอบครีบหางดา้ นบนและลา่ งเกือบเป็นเส้นตรง
ภาพท่ี 2.32 ปลากัดหางสามเหล่ยี ม
ท่มี า : saranukromthai (2560)
ภาพที่ 2.33 ปลากดั หางสามเหลี่ยมหรอื ปลากดั เดลตา
ท่ีมา : sites.google (2558)
27
2.2.6 ปลากดั หางพระจนั ทรค์ รง่ึ ซีกหรือฮาลฟ์ มนู
ปลากัดหางพระจันทร์ครึ่งซีกหรือฮาล์ฟมูน (Halfmoon) เป็นปลากัดท่ีมีหางแผ่เป็นรูปคร่ึงวงกลม
โดยขอบครีบหางจะแผ่เป็นแนวเส้นตรงเดียวกันเป็นมุม 180 องศา ได้มีแนวคิดและความพยายามในการที่
จะพัฒนาปลากัดสายพันธ์ุน้ีต้ังแต่ พ.ศ. 2500 ในประเทศเยอรมนี แต่เพ่ิงประสบผลสาเร็จเม่ือราว พ.ศ. 2530
โดยนักเพาะเลี้ยงปลากัดชาวฝรั่งเศสและชาวเยอรมัน ปลากัดหางพระจันทร์ครึ่งซีกมีลักษณะท่ีสาคัญ คือ
ครีบหางแผ่เป็นรูปครงึ่ วงกลม โดยขอบครีบด้านหน้าจะแผเ่ ป็นแนวเส้นตรงเดียวกันเปน็ มุม 180 องศา ครีบ
ด้านนอกเป็นขอบเส้นโค้งของคร่ึงวงกลม ก้านครีบหางแตกแขนง 2 ครั้ง เป็น 4 แขนง หรือมากกว่า ปลาที่
สมบรู ณ์จะต้อง มีลาตวั และครีบสมส่วนกัน โดยลาตัวต้องไม่เล็กเกินไป ครีบหางแผ่ต่อเน่ืองหรือซ้อนทับกับ
ครบี หลังและครีบกน้ จนเหน็ เปน็ เนือ้ เดียวกัน ขอบครีบหลังโคง้ มนเป็นสว่ นหนง่ึ ของวงกลม เสน้ ขอบครีบทุก
ครีบโค้งรับเป็นเส้นเดียวกัน (ยกเว้นครีบอก) ปลายหางคู่ท่ีแยกเป็น 2 แฉกจะต้องซ้อนทับและโค้งมน
สวยงาม ปลากัดหางพระจันทร์ครึ่งซีก ท่ีแท้จริงจะต้องมีขอบครีบหางแผ่ทามุม 180 องศา ได้ตลอดไป
ถงึ แม้ปลาจะมอี ายุมากขึน้ ก็ตาม
ภาพที่ 2.34 ปลากดั หางพระจนั ทรค์ รงึ่ ซีก
ท่ีมา : home.kku (2553)
ภาพที่ 2.35 ปลากดั หางพระจันทร์ครง่ึ ซกี หรือฮาลฟ์ มนู
ทม่ี า : sites.google (2558)
28
2.2.7 ปลากดั หางมงกฎุ หรือปลากัดคราวน์เทล
ปลากดั หางมงกุฎหรือปลากัดคราวน์เทล (Crowntail) เปน็ ปลากดั ท่ีได้รบั การพฒั นาสายพนั ธุ์ขึน้ ใน พ.ศ.
2543 โดยนักเพาะเลี้ยงปลากัดชาวอินโดนีเซีย เป็นปลากัดสายพันธุ์ใหม่ท่ีมีหางจักเป็นหนามเหมือนมงกุฎ
และเปน็ สายพนั ธุ์หน่ึงท่ีได้รบั ความนยิ มเล้ยี งกันมากในปจั จบุ นั ลกั ษณะสาคัญของปลากัดชนดิ นค้ี ือ กา้ นครบี
จะโผลย่ าวออกไปจากปลายหาง ลกั ษณะดูเหมือนหนาม ซ่ึงอาจยาวหรือส้ันแตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับ
ลักษณะการแยกของปลายหนาม และการแยกการเว้าโคนหนามก็มีหลายรูปแบบ ปลากัดหางมงกุฎท่ี
สมบูรณ์จะมีครีบหางแผ่เต็มซ้อนทับได้แนวกับครีบอ่ืน ๆ และส่วนของหนามมีการจัดเรียงในรูปแบบท่ี
สวยงามสม่าเสมอ
ภาพท่ี 2.36 ปลากดั หางมงกุฎ
ทม่ี า : saranukromthai (2560)
ภาพท่ี 2.37 ปลากัดหางมงกุฎหรือปลากดั คราวน์เทล
ทมี่ า : sites.google.(2558)
29
2.3 วธิ ีเพาะเลี้ยงขยายพนั ธุ์
ในการเลี้ยงปลากัดนั้นสามารถแบ่งออกได้เปน็ 2 รูปแบบ คือ เลยี้ งเพื่อความสวยงาม และเลีย้ งไว้
เพื่อกัดแข่งขัน (การกีฬา) ซ่ึงการเลี้ยงทั้ง 2 แบบ จะมีวิธีการเล้ียงท่ีแตกต่างกัน แต่มีสิ่งหน่ึงที่เหมือนกันคือต้อง
เล้ยี งแบบเดี่ยว หมายถงึ ไม่สมารถเลี้ยงรวมกันหลายๆตวั เพราะปลากัดเป็นปลาท่นี สิ ัยก้าวรา้ ว ชอบต่อสู้ดงั นั้น
วิธีท่ีดีที่สุดในการเลี้ยงปลากัดคือ แยกเลี้ยงในขวดโหล หรือขวดสุราก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เล้ียง
อาหารที่ใช้อาจจะเป็นอาหารท่ีมีชีวิตหรืออาหารสาเร็จรูป อาหาท่ีมีชีวิตอาทิเช่น ลูกน้า ไรแดง หนอนแดง
เป็นต้น
2.3.1 การเพาะเลี้ยงและขยายพนั ธป์ุ ลากัด
การเพาะพนั ธุ์ปลากดั ดาเนนิ ไดต้ ามข้ันตอนต่อไปน้ี
การเตรยี มพ่อแม่พนั ธุ์
ปลากัดจะสมบูรณ์เพศเมื่ออายุ 4 - 6 เดือน สามารถนาไปใช้เป็นพ่อแม่พันธ์ุได้ การเลือกปลา
เพศผู้ควรเลือกปลาท่ีคึกคะนอง คือ เม่ือนาปลาดังกล่าวไปใกล้กับปลาเพศผู้ตวั อื่น ก็จะแสดงอาการก้าวรา้ ว
ทันที โดยจะกางกระพุ้งแก้มและกางครีบรี่เข้าหาปลาตัวอื่นทันทีพร้อมที่จะกัดหรืออาจสังเกตจากการสร้าง
หวอดก็ได้ เพราะปลาเพศผทู้ ีส่ มบรู ณ์เพศและพรอ้ มจะผสมพันธ์ุ มักจะสร้างหวอดในภาชนะทเี่ ลยี้ งเสมอ
สาหรับปลาเพศเมียควรเลือกปลาทม่ี ีท้องแก่คือมีไข่แก่เต็มที่ โดยสังเกตได้จากสว่ นท้องของปลา
ซึ่งจะขยายตัวพองออกอย่างชัดเจนและเมื่อลองให้อดอาหารเป็นเวลา 1 วัน ส่วนท้องก็ยังคงขยายอยู่
เชน่ เดิม นาแม่ปลาท่ีเลือกได้ไปใส่ขวดแล้วนาไปวางเทียบกับปลาเพศผู้ เมอ่ื ปลาเพศผู้แสดงอาการเก้ียวพาราสี
ปลาเพศเมียที่ท้องแก่จะเกิดลายสีขาวแกมเหลืองพาดจากส่วนหลังลงไปทางส่วนท้อง จานวน 4 - 6 แถบ
ในเร่อื งสสี ันของปลานนั้ สามารถเลือกได้ตามความชอบของผดู้ าเนนิ การ เพราะปลาสีตา่ งกนั สามารถผสมกันได้
ภาพที่ 2.38 การขยายพันธ์ุปลากัด เตรยี มพ่อพันธุ์
ที่มา : home.kku (2553)
30
ภาพที่ 2.39 การเตรยี มแม่พันธุ์
ทมี่ า : home.kku. (2553)
การคัดเลือกพอ่ แม่พันธ์ุและการเลี้ยงพอ่ แม่พันธุก์ ารคัดเลือกพ่อแม่พนั ธ์ุ
ในการคัดเลือกปลาเพ่ือผสมพนั ธ์ุมีหลักท่ีควรปฏิบัติคือคัดเลือกปลาเพศผูท้ ่ีแข็งแรง ปราดเปรยี้ ว
ลักษณะสีสดสวย ชอบสร้างรัง เรียกว่า “หวอด” ซึ่งแสดงถึงปลาเพศผู้มีความสมบูรณ์ทางเพศเต็มที่พร้อมที่
จะผสมพันธุ์ปลาเพศเมีย สังเกตบริเวณท้องมีลักษณะอูมเป่งและบรเิ วณใต้ท้องจะมีตุ่มสีขาวใกล้กับรูก้นเห็น
ได้ชัดเจน ซึ่งเรยี กว่า “ไข่นา” โดยปลาจะใหไ้ ข่ประมาณ 500-1000 ฟอง ในฤดูผสมพนั ธ์ุจะสังเกตเห็นความ
สมบูรณ์ของเพศปลาได้ชัดเจน
ปลาตัวผู้ต้องมีความแข็งแรง มีลักษณะสีสันตามต้องการ และต้องเป็นปลาท่ีชอบสร้างหวอด ซึ่งมี
ลักษณะเป็นฟองอากาศจับกลุ่มลอยอยู่บริเวณผิวน้า หวอดเกิดจากปลาตัวผู้พ่นฟองอากาศท่ีประกอบด้วย
เมือกจากปากและลาคอห่อหุ้มอากาศเอาไว้
ปลาตัวเมียตอ้ งมีความแข็งแรง และมลี กั ษณะสีสันตามตอ้ งการเชน่ กัน ปลาตัวเมยี ท่ีพร้อมผสม
พันธต์ุ ้องมีทอ้ งทเี่ ปง่ ใต้ท้องมีต่มุ สีขาวที่เรียกว่า ไขน่ า มองเห็นได้ชัดเจน และจะมีลายพาดตามขวางของ
ลาตัว 2-3 แถบ เรียกวา่ ลายชะโด
ปลากดั ตัวผู้กาลังกอ่ หวอด “หวอด”ของปลากดั ตัวผู้
ภาพท่ี 2.40 การเลือกปลากัดเพื่อผสมพนั ธ์ุ 31
ทมี่ า : il.mahidol (2542)
ปลากัดตวั เมยี ใต้ทอ้ งมีไข่นา ไขน่ าของปลากดั ตวั เมีย
ภาพที่ 2.41 การเลือกปลากดั เพศเมียเพ่ือผสมพันธุ์
ที่มา : il.mahidol (2542)
การเล้ยี งพ่อแม่พนั ธ์ุ
ในการเล้ียงพ่อแม่พันธ์ุนั้นควรใช้น้าที่มีค่า Phประมา 6.5- 7.5 มีความกระด้าง 75-100 ppm มีความ
เป็นดา่ ง 150- 200 ppm บรรจุนา้ ลงในขวด เพียง ¾ เท่าหรอื ½ เพียงเว้นชอ่ งว่างให้อากาศได้สัมผสั กับน้า
นอกจากน้ันสถานท่ี ที่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเพราะจะทาให้ปลาตายได้ในกรณีที่ได้รับ
ความรอ้ นมาก ๆ อุณหภมู ทิ ่เี หมะสมควรอยู่ระหวา่ ง 25-28 c
วธิ กี ารผสมพันธุ์
เม่ือได้พ่อแม่พันธ์ุเหมาะสมแล้ว ให้นาขวดปลาเพศผู้และเพศเมียที่มาวางติดกัน ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า
“เทียบคู่” โดยจะใช้เวลา 3-10 วัน จากน้ันนาพ่อแม่พันธ์ุท่ีผ่านการเทียบคู่มา 3-10 วัน ใส่ลงในภาชนะที่
เตรยี มไว้สาหรับ ผสมพนั ธ์กุ นั โดยใส่พวกพันธุไ์ ม้น้าลลงไปดว้ ย ภาชนะดงั กล่าวอาจเป็น โหลแกว้ กะละมัง
ต้กู ระจกหรอื อ่างดินก็ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผเู้ พาะ หลังจากน้ัน 1-2 วัน ปลาเพศผู้กจ็ ะเรมิ่ สรา้ งรังข้ึน
และจะไล่ต้อนตัวเมียให้ไปอยู่ในรัง (ใต้หวอด) ตัวผู้จะทาการรัดตัวเมียบริเวณช่องอวัยวะเพศเพื่อให้ตัวเมีย
ปลอ่ ยไข่ออกมาพร้อมกบั น้าเชอื้ ของตวั เอง เมื่อเสร็จสิ้นการวางไข่ตวั ผ้กุ ็จะไลต่ ัวเมียออกจากรังทันที เพ่ือกัน
ไม่ให้ตัวเมียกินไข่สามารถนาตัวเมียออกจากภาชนะได้ทันที ปล่อยให้ตัวผู้เฝ้าดูแลไข่เพียงลาพังตัวเดียว
หลังจาก 2 วนั กส็ ามารถนาตวั ผอู้ อกจากภาชนะได้ เพราะถา้ ปลอ่ ยเกนิ กว่านี้ตวั ผจู้ ะกนิ ลกู ตัวเองเปน็ อาหาร
เมือ่ ปลาตวั ผู้และตวั เมียได้เทียบคู่กันแล้ว ข้นั ตอ่ ไปจงึ นาปลาทั้งคู่มาใสล่ งในอ่างเพาะทเ่ี ตรียมไว้โดย
จะต้องมีฝาปิดด้านบนเพ่ือป้องกันปลากระโดด อ่างท่ีใช้ควรมีสีเข้มเพื่อปลาตัวผู้จะได้มองไข่ได้ชัดเจน
เม่ือปลาสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่(ใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน)ในอ่างเพาะได้แล้ว ปลาตัวผู้
จะเร่ิมก่อหวอดติดกับพันธ์ุไม้น้า หลังจากก่อหวอดเสร็จจะเริ่มพองเหงือกและกางครีบ ไล่ต้อนตัวเมียให้ไป
อย่ใู ตห้ วอด
เม่ือปลาตัวเมียลอยตัวข้ึนบริเวณผวิ น้า ปลาตัวผู้จะงอตัวเป็นรูปตัวยู หรือตัวเอส รัดปลาตัวเมียตรง
บริเวณช่องอวัยวะเพศ ถ้าปลาตัวเมียมีไข่แก่เต็มที่ไข่ก็จะหลุดออกมาทางช่องอวัยวะเพศ ทันทีที่ปลาตัวเมีย
32
ปล่อยไข่ ปลาตัวผู้ก็จะฉีดน้าเช้ือเข้าผสมทันที ไข่ท่ีปล่อยออกมาจะค่อยๆจมลงสู่ก้นอ่างเพาะ ปลาตัวผู้กจ็ ะ
ตามลงไปใช้ปากอมไข่ที่ละฟองมาพ่นใส่ไว้ท่ีหวอดจนหมด ส่วนตัวเมียอาจช่วยตัวผู้เก็บไข่ที่ได้รับการผสม
แล้วไปพน่ ท่หี วอดบ้าง เป็นบางคร้งั ในชว่ งต้นๆของการผสมพันธุ์ เมอ่ื ปลาตวั เมียวางไข่แลว้ จะลอยตวั น่ิงๆสัก
พักหน่งึ แล้วเร่มิ ว่ายหงายท้องเพื่อให้ตวั ผู้รัดอีกคร้ัง พฤติกรรมดงั กล่าวจะเกิดขน้ึ หลายๆคร้ังจนกวา่ ตัวเมียจะ
วางไข่หมด ตัวเมียจะใช้เวลาในการวางไข่ท้ังหมดประมาณ 1-6 ชั่วโมง ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับขนาดและความ
สมบูรณ์ของตัวเมีย เมื่อส้ินสุดการวางไข่ตัวผู้จะทาหน้าท่ีดแู ลไข่เพียงตวั เดียว และจะไล่ต้อนตัวเมยี ไม่ใหเ้ ขา้
ใกล้หวอด ช้อนตัวเมียออกจากอ่างเพาะเพราะตัวเมียอาจกินไข่ที่ผสมแล้ว ปล่อยให้ตัวผู้ดูแลไข่ประมาณ 2
วนั แลว้ จึงแยกออกจากอ่างเพาะ ช่วงท่ตี ัวผ้ดู ูแล ไข่มันจะไมย่ อมกนิ อาหาร อาจเน่อื งมาจากกลัวจะเข้าใจ
ผดิ คดิ ว่าไข่เป็นอาหาร ไขจ่ ะเริ่มฟกั ออกเปน็ ตัวหลังจากได้รบั การผสมจากน้าเชอื้ ประมาณ 36 ช่ัวโมง
นาปลามาใสไ่ ว้ในอา่ งเพาะเลย้ี ง
ปลากดั ตัวผ้กู าลงั ก่อหวอด
เพาะเลี้ยง
ภาพท่ี 2.42 วิธีการผสมพันธุ์
ทม่ี า : il.mahidol (2542)
33
ปลากัดเพศผ้เู กีย้ วพาราศีเพศเมีย
ปลากดั เพศผูก้ าลงั รัดปลากดั เพศเมีย
ปลากดั เพศเมยี กาลงั ปลอ่ ยไข่
ภาพท่ี 2.43 ลักษณะและวิธกี ารผสมพนั ธ์ุ
ทมี่ า : il.mahidol (2542)
34
ปลากัดเพศผกู้ าลงั เก็บไข่ใส่ในหวอด
ภาพที่ 2.44 วธิ ีการผสมพันธ์ุ (เพศผเู้ ก็บไขใ่ ส่หวอด)
ทม่ี า : il.mahidol (2542)
การเตรยี มบ่อเพาะพันธุ์
บ่อหรือภาชนะท่ีจะใช้เป็นบ่อเพาะปลากัดควรมีขนาดเล็ก ส่วนมากนิยมใช้ภาชนะต่าง ๆ ไม่มีบ่อถาวร
เช่น อ่างดินเผา กะละมัง ถัง หรือตุ่มน้าขนาดเล็ก เพราะสะดวกกว่าการเพาะในบ่อภาชนะดังกล่าวมักมี
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร ใส่น้าสะอาดลงในภาชนะท่ีเตรียมไว้ให้มีระดับสูงประมาณ
10 - 15 เซนติเมตร จากนั้นใส่พันธุ์ไม้น้าที่มีใบหรือลาต้นอยู่ผิวน้า เช่น จอก ผักตบชวา ผักบุ้ง หรือผักกระเฉด
ลงไปบา้ งเลก็ น้อยเพื่อใหป้ ลาสรา้ งหวอดไดง้ า่ ย
ภาพท่ี 2.45 การเตรียมบอ่ เพาะพ่อพันธแ์ุ มพ่ นั ธ์ุ
ที่มา : home.kku. (2553)
35
การปล่อยปลาลงบ่อเพาะ
เมื่อเทียบปลาไว้เรียบร้อยแลว้ จึงปล่อยปลาท้ังคู่ลงบอ่ เพาะที่เตรียมไว้ ต้องพยายามอย่าให้ปลา
ต่ืนตกใจมากนัก จากน้ันหาแผ่นวัสดุ เช่น กระดาษแข็ง หรือแผ่นกระเบื้อง ปิดบนภาชนะท่ีใช้เพาะ โดย
ปิดไว้ประมาณ 2 ใน 3 ของพนื้ ท่ีปากภาชนะเพราะปลากัดมักชอบวางไข่ในบริเวณท่ีมืด เน่อื งจากต้องการความ
เงยี บสงบ วัสดทุ ่ีนามาปิดจะสามารถช่วยบงั แสงและกันลมไม่ให้หวอดของปลาแตก
เทคนคิ ท่ีสาคญั คือการปล่อยพ่อแมป่ ลาควรปล่อยในตอนเย็น เวลาประมาณ 17.00 - 18.00 น.
เพราะโดยปกติแล้วเมื่อปล่อยพ่อแม่ปลารวมกันปลาเพศผู้จะเกี้ยวพาราสีปลาเพศเมีย โดยว่ายน้าต้อนหน้า
ต้อนหลังอยู่ประมาณ 15 นาที จากน้ันจะไล่กัดปลาเพศเมียจนปลาเพศเมียจะต้องหนีไปแอบซุกอยู่ตามพันธ์ุไม้
น้า แล้วปลาเพศผจู้ ะเร่ิมหาที่ก่อหวอด เมื่อก่อหวอดไปพักหนึ่งกจ็ ะไปไล่กัดปลาเพศเมียอีก ดงั น้ันหากปล่อย
ปลาทั้งค่ตู ั้งแต่เช้าปลาเพศเมยี ก็จะถูกกัดค่อนข้างบอบช้า แตถ่ า้ ปลอ่ ยใกลค้ ่าเมื่อปลาเพศผู้หาจุดสร้างรังได้ก็
จะค่าพอดี ปลาเพศผู้จะไม่ไปรบกวนปลาเพศเมียอีก แตจ่ ะสร้างรังไปจนเรียบร้อยรงุ่ เช้าก็พร้อมจะผสมพันธุไ์ ด้
ภาพที่ 2.46 บ่อเพาะพนั ธป์ุ ลากัด
ท่ีมา : home.kku. (2553)
36