The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by I ' Toey Sittipong Traivong, 2020-03-21 08:23:19

รายงานบันทึก 20 กิจกรรม โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ปีการศึกษา 2562

รายงานผล 20 กิจกรรม ปีการศึกษา 2562

๔๘

ภำพกำรดำเนนิ กิจกรรมกำรทดลองเรือ่ ง ระฆังดำนำ้ จำกขวด

ภำพวสั ดุอุปกรณ์ในกำรทำกิจกรรม ภำพเดก็ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกำรทดลอง

ภำพเด็กปฏบิ ตั ิกิจกรรมกำรทดลอง ภำพผลงำนทส่ี ำเรจ็ ของเดก็

ผลทีเ่ กิดกับเดก็
๑. ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ ตำมจุดประสงค์
๑.๑ เดก็ ไดเ้ รยี นรเู้ ร่ือง อากาศมีตัวตน และต้องการทอ่ี ยู่
๑.๒ เด็กอธิบายการเปลี่ยนแปลงของระฆงั ดาน้าได้ วา่ เม่อื ควา่ ขวดแลว้ กดลงในนา้ ตรง ๆ จะมี
แรงตา้ นตอ้ งใชแ้ รงกด หยดน้ายาลา้ งจานลงไป กดขวดลงนา้ ในลักษณะแนวตัง้ จะเกิดฟองบน
ฝาขวด เมอ่ื กดลงเรอ่ื ย ๆ ฟองสบจู่ ะโตขึน้ เมื่อคอ่ ย ๆ ดงึ ขวดขึน้ ฟองสบูจ่ ะเล็กลง
๑.๓ เด็กใช้ประสาทสัมผสั ทัง้ หา้ ในการหาคาตอบในการทากจิ กรรมได้
๑.๔ เดก็ บันทึกผลการทดลองด้วยการวาดภาพระบายสี และนาเสนอผลการทดลองให้เพ่อื นฟงั ได้
๒. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพ้ืนฐำน และพัฒนำกำรของเด็กปฐมวยั
๒.๑ ดำ้ นกำรเรยี นรู้ / ดำ้ นภำษำ / ด้ำนสติปญั ญำ
- เดก็ ไดเ้ รียนรู้เกีย่ วกับเรื่อง อากาศมีตวั ตน และต้องการท่ีอยู่
- เดก็ สามารถสนทนาโต้ตอบ หรือเล่าเรอ่ื งราวตา่ ง ๆ เกยี่ วกบั สิ่งท่ีเกดิ ขน้ึ จากการ
ทดลอง

๔๙

- เด็กมีความม่ันใจในตนเอง กลา้ คดิ กลา้ แสดงออก มีการแสดงความคดิ เหน็ ของ
ตนเองร่วมกบั ผ้อู ่ืน การตอบคาถาม การซักถามในสิง่ ท่เี ปน็ ขอ้ สงสยั

- เดก็ ใชป้ ระสาทสมั ผสั ทง้ั ห้าในการคน้ หาคาตอบ โดยใช้ทกั ษะทางดา้ นการคดิ การ
สงั เกต การวางแผน การคาดคะเน การตัง้ สมมตุ ฐิ านในการทดลอง การเปรียบเทยี บ
และการทาทดลอง

๒.๒ ด้ำนสังคม
- เด็กได้เรียนรู้ในการทางานร่วมกับผู้อน่ื ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลงร่วมกนั ได้ รูจ้ กั การ
ทางานเป็นกลุม่ การรอคอย การแบ่งปนั การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อน่ื การ
วางแผน ตดั สินใจเลอื ก และลงมอื ปฏบิ ัติดว้ ยตนเอง มกี ารแก้ปญั หาระหวา่ งทา
กิจกรรม

๒.๓ ดำ้ นอำรมณ์ - จติ ใจ
- สนใจทากจิ กรรมการทดลอง รา่ เรงิ แจม่ ใส มีความสขุ และสนกุ สนานในการลงมือ
ปฏบิ ัติกิจกรรมการทดลองด้วยตนเอง มีการทากจิ กรรมเป็นกลุ่ม

๒.๔ ด้ำนเคล่ือนไหว / ดำ้ นร่ำงกำย
- เด็กใชก้ ล้ามเนอื้ มอื ในการหยบิ จบั วสั ดุอปุ กรณ์การทดลองได้อย่างคลอ่ ง และใช้
ประสาทสมั ผสั ท้งั หา้ ในการหาคาตอบได้

๕๐

กิจกรรมท่ี ๑๗ เร่ือง งูเตน้ ระบำ

จุดประสงค์
๑. เพ่ือใหเ้ ดก็ มที กั ษะการสังเกต
๒. เพอ่ื ใหเ้ ดก็ รู้จักเปรียบเทียบอณุ หภูมิร้อนกับเย็นจะมอี ุณหภูมทิ ี่แตกตา่ งกัน
๓. เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ทากิจกรรมการทดลองดว้ ยตนเอง

ข้นั ตอนกำรจัดกจิ กรรม
๑. เด็กนง่ั เปน็ รูปตัวยู ( U ) หรือครง่ึ วงกลมให้เรียบรอ้ ย
๒. เด็กและครูร่วมกนั สร้างขอ้ ตกลงในการทากจิ กรรมรว่ มกนั โดยใชค้ าถาม ดงั นี้
๒.๑ ระหว่างการทากิจกรรม เด็ก ๆ ควรทาอย่างไร
๒.๒ ขณะท่ีครพู ูดหรือเพอ่ื นทไี่ ดร้ ับอนญุ าตให้พดู กาลังพูดเดก็ ๆ ควรทาอยา่ งไร
๒.๓ ถ้าเด็ก ๆ ตอ้ งการตอบคาถาม เด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไรก่อนจะทากจิ กรรม
๓. เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เกีย่ วกบั ประสบการณเ์ ดมิ โดยใช้คาถาม ดงั นี้
๓.๑ เด็ก ๆ เคยสังเกตเหน็ ไอรอ้ นลอยขน้ึ มาจากถนนหรือพ้ืนสนามหรอื ไม่
๔. เด็กและครูร่วมกนั จดั เตรยี มวสั ดุอุปกรณท์ ่ใี ชใ้ นการทดลอง
๕. เด็ก ๆ ทดลองกับกระดาษเพอื่ หาลกั ษณะของลมร้อน
๖. ใหเ้ ด็กวาดวงกลมตามแบบลงบนกระดาษและใชก้ รรไกรตดั ออกมา โดยครูสาธติ การวาดงลู งบนแผน่
วงกลมให้กบั เด็ก และระบายสี เม่ือเดก็ ๆ ระบายสี “ง”ู เสรจ็ แลว้ ให้ใช้กรรไกรตดั ตามเสน้ ทว่ี าดรปู งู
ออกมา
๗. ใหเ้ ดก็ เจาะทีร่ ูกึง่ กลางหวั งแู ล้วรอ้ ยดา้ ยลงไป
๘. ให้เด็กจบั หรอื แขวนงกู ระดาษให้เหนือเทยี นทีจ่ ดุ ไฟ
๙. ใหเ้ ดก็ ทากิจกรรมอย่างอสิ ระ และสงั เกตส่ิงทเ่ี กดิ ขึน้ โดยครใู ชค้ าถามกระตนุ้ ดังน้ี
๙.๑ เดก็ ๆ สังเกตเห็นงขู องตนเองเป็นอย่างไร เพราะอะไรจึงเปน็ เช่นนน้ั
๑๐.เดก็ จดบนั ทึกผลการทดลองของตนเองดว้ ยการวาดภาพระบายสี
๑๑.ให้เด็กออกมานาเสนอผลการทดลองจากส่งิ ท่ีสังเกตเหน็
๑๒.เดก็ และครูร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกับผลการทดลองเรื่อง งเู ต้นระบา พบวา่ อากาศรอ้ นขยายตวั เคลือ่ นท่ี
เรว็ และมีน้าหนกั เบา อากาศรอ้ นจงึ เคลอื่ นท่ลี อยขน้ึ ด้านบน ส่วนอากาศเยน็ จะหนกั กว่า จะหดตวั
เคลอื่ นทชี่ ้า จะลอยตา่ ลง

๕๑

ภำพกำรดำเนินกิจกรรมกำรทดลองเรือ่ ง งูเต้นระบำ

ภำพวสั ดอุ ุปกรณใ์ นกำรทำกิจกรรม ภำพเดก็ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมกำรทดลอง

ภำพเด็กปฏิบตั ิกิจกรรมกำรทดลอง ภำพผลงำนท่ีสำเร็จของเด็ก

ผลท่ีเกดิ กับเด็ก
๑. ผลที่เกิดข้ึนตำมจุดประสงค์
๑.๑ เด็กได้สังเกตขณะทากจิ กรรมว่ามคี วามแตกต่างกนั
๑.๒ เด็กเขา้ ใจเรอื่ งอุณหภมู ิทีม่ คี วามแตกตา่ งระหว่างอณุ หภมู ริ ้อนกับเย็น
๑.๓ เด็กสามารถนาวัสดุมาทดลองด้วยเองได้ และเข้าใจได้วา่ งกู ระดาษอยูเ่ หนอื อากาศรอ้ นจะทา
ใหง้ หู มนุ ได้ เพราะอากาศรอ้ นจะลอยตวั ข้ึนด้านบน
๒. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพ้ืนฐำน และพฒั นำกำรของเดก็ ปฐมวยั
๒.๑ ด้ำนกำรเรยี นรู้ / ดำ้ นภำษำ / ด้ำนสติปญั ญำ
- ดำ้ นกำรเรยี นรู้ เด็กได้เรยี นรู้เรอ่ื งอุณหภมู ิรอ้ นกบั เยน็ จะมีความแตกต่างกนั อากาศ
ร้อนจะเบาและลอยตวั ขน้ึ ดา้ นบน อากาศเยน็ จะหดตวั จบั ตวั กันแนน่ จึงหนกั ว่าและ
ลอยตา่ ลง
- ดำ้ นภำษำ
- การฟัง เดก็ ใช้ทกั ษะการฟังจากสิง่ ทเ่ี พื่อนสนทนา ซกั ถาม โตต้ อบ
- การพดู ตอบคาถาม แสดงความคิดเหน็ จากสง่ิ ทตี่ นเองคิด อธิบายสิ่งทพ่ี บเหน็

๕๒

- การอา่ น อ่านตามใบกจิ กรรมท่คี รอู า่ นใหฟ้ งั อ่านบตั รคาชื่ออุปกรณ์
- การเขียน เด็กส่วนใหญว่ าดภาพสื่อสารสิง่ ไดเ้ รียนรู้จากทากจิ กรรมได้ชดั เจน
- ด้ำนสติปัญญำ

เดก็ สว่ นใหญส่ ามารถทาการทดลองและเชอ่ื มโยงสิ่งที่ไดเ้ กิดข้ึนจากการลง
มอื ทากจิ กรรมดว้ ยตนเอง เมื่อนางกู ระดาษมาอยเู่ หนอื เปลวเทยี น อากาศร้อนจะ
ลอยตวั สงู ขน้ึ ข้างบน เม่อื ปะทะงกู ระดาษจงึ ทาใหง้ หู มนุ ขน้ึ ด้านบนได้ และเมื่อดบั
เทียนอากาศจะเย็นลงงจู ะไมเ่ คล่อื นท่ี
๒.๒ ด้ำนสงั คม
- เด็ก ๆ ได้ทากิจกรรมรว่ มกบั เพือ่ น รูจ้ กั มารยาทในการฟงั การพดู ยกมอื กอ่ นจะพูด
ควบคุมตนเองปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลงร่วมกนั ได้ เอ้ือเฟ้ือ แบง่ ปนั รอคอยได้ รบั ฟังความ
คดิ เห็นของผู้อื่น สนทนาแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ ระหวา่ งทากจิ กรรม
๒.๓ ดำ้ นอำรมณ์ - จิตใจ
- แสดงออกทางสหี น้าย้มิ แย้ม แจ่มใส สนุกสนาน ตนื่ เตน้ กบั สง่ิ ท่ไี ด้ลงมือปฏิบตั ิ มี
สมาธจิ ดจอ่ กบั กจิ กรรมการทดลอง
๒.๔ ดำ้ นเคลือ่ นไหว / ด้ำนร่ำงกำย
- เด็กใชก้ ลา้ มเนอื้ มือในการหยิบจับวสั ดุอปุ กรณก์ ารทดลองได้อยา่ งคลอ่ ง และใช้
ประสาทสมั ผสั ทง้ั หา้ ในการหาคาตอบได้

๕๓

กจิ กรรมที่ ๑๘ เรือ่ ง สนุกกบั ไฟฟ้ำสถติ

จดุ ประสงค์
๑. เพ่อื ให้เดก็ ได้เรียนรู้เร่ืองการเกิดไฟฟา้ สถิต
๒. เพื่อให้เดก็ เรียนรูเ้ รอื่ งการดูด การผลกั ของวตั ถทุ ่ีมีไฟฟ้าสถิต

ขน้ั ตอนกำรจดั กิจกรรม
๑. เด็กนง่ั เป็นรปู ตัวยู ( U ) หรือคร่ึงวงกลมให้เรียบรอ้ ย
๒. เดก็ และครรู ่วมกนั สรา้ งขอ้ ตกลงในการทากิจกรรมรว่ มกนั โดยใช้คาถาม ดงั น้ี
๒.๑ ระหวา่ งการทากิจกรรม เด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไร
๒.๒ ขณะท่คี รูพดู หรือเพอ่ื นทไ่ี ด้รับอนุญาตใหพ้ ูดกาลงั พดู เดก็ ๆ ควรทาอยา่ งไร
๒.๓ ถา้ เดก็ ๆ ตอ้ งการตอบคาถาม เด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไรกอ่ นจะทากิจกรรม
๓. เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เก่ียวกับประสบการณ์เดมิ โดยใชค้ าถาม ดงั นี้
๓.๑ เด็ก ๆ เคยสังเกตหรือไม่ วา่ เราสวมเสอื้ สองตัว เมือ่ เวลาถอดเส้ือกันหนาวออก
เดก็ สงั เกตเหน็ อะไร
๔. เดก็ และครูร่วมกนั จดั เตรยี มวัสดุอปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการทดลอง
๕. ให้เดก็ ทดลองน้าวัตถุสองสิ่งมาถกู นั แล้วน้าไปวางใกล้เศษกระดาษหรือเมด็ โฟม และสังเกตสิง่ ท่เี กิดขนึ
๖. เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เก่ยี วกับกิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังนี้
๖.๑ ถา้ เรานาผา้ ขนสัตว์มาถกู ับลูกโปง่ แลว้ นา้ ไปวางเหมือนโฟมหรอื กระดาษช้ินเลก็ เด็ก ๆ คดิ วา่
จะเกิดอะไรขน้ึ
๖.๒ ถา้ เราน้าลกู โป่งมาถูกบั ผมหรอื อุปกรณ์อน่ื ทีเ่ ป็นพลาสตกิ แล้วนา้ มาใกลก้ ับงูกระดาษ เดก็ ๆ
คดิ ว่าจะเป็นอย่างไร
๗. ใหต้ ัวแทนแต่ละกล่มุ ออกมารับอปุ กรณแ์ ลว้ ไปนา้ ไปทดลอง จากน้ันสังเกตว่าเกดิ การเปลยี่ นอย่างไร
๘. ใช้คาถามนากจิ กรรมดังน้ี
๘.๑ เดก็ ๆ คดิ ว่า เราจะมีวธิ กี ารทาให้เกิดการดูด การผลักกันไดอ้ ยา่ งไร
๙. ใหเ้ ดก็ ทากิจกรรมอย่างอสิ ระ และสงั เกตสง่ิ ท่เี กิดขนึ้ โดยครูใชค้ าถามกระตนุ้ ดงั นี้
๙.๑ เด็ก ๆ คดิ วา่ เม่อื นาวตั ถุสองส่ิงมาถูกัน และนาไปวางใกลเ้ ศษกระดาษหรอื งูกระดาษ ทาไม
จงึ ดูดหรอื ผลกั กันได้ เพราะอะไรจึงเป็นเชน่ นั้น
๑๐.เด็กจดบนั ทึกผลการทดลองของตนเองด้วยการวาดภาพระบายสี
๑๑.ใหเ้ ดก็ ออกมานาเสนอผลการทดลองจากส่งิ ทสี่ ังเกตเหน็
๑๒.เดก็ และครูร่วมกนั สรปุ เกยี่ วกบั ผลการทดลองเรื่อง สนกุ กับไฟฟา้ สถติ พบวา่ เม่อื นาวตั ถสุ องสิ่งมาถู
กันจะเกิดเสยี ดสี ทาให้เกดิ ไฟฟ้าสถติ เม่ือนามาไปใกล้กับวสั ดทุ ี่ช้นิ เลก็ หรอื เบา เกิดการเหน่ยี วนา ดูด
เขา้ มาหากันได้

๕๔

ภำพกำรดำเนินกิจกรรมกำรทดลองเรอ่ื ง สนุกกับไฟฟ้ำสถิต

ภำพวัสดุอุปกรณใ์ นกำรทำกิจกรรม ภำพเดก็ ปฏบิ ัติกจิ กรรมกำรทดลอง

ภำพเด็กปฏิบตั ิกิจกรรมกำรทดลอง ภำพผลงำนที่สำเรจ็ ของเดก็

ผลท่ีเกิดกับเด็ก
๑. ผลที่เกดิ ข้นึ ตำมจุดประสงค์
๑.๑ เดก็ ได้เรยี นร้เู รือ่ งไฟฟา้ สถติ จะมีประจุไฟฟา้ เม่ือวสั ดุสองส่ิงมปี ระจไุ ฟฟา้ ขวั้ ต่างกันจะดูด
เข้าหากนั แตถ่ ้าขวั้ เหมือนกันจะผลกั กนั
๑.๒ เด็กทราบวา่ เมื่อนาวสั ดุสองสิง่ มาเสียดสกี นั จะเกดิ ไฟฟา้ สถิต เมอื่ นาไปใกล้กับวสั ดทุ เี่ บาก็จะ
สามารถเหน่ียวนาวัสดุเขา้ มาหากนั ได้
๒. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพื้นฐำน และพัฒนำกำรของเดก็ ปฐมวยั
๒.๑ ด้ำนกำรเรยี นรู้ / ด้ำนภำษำ / ดำ้ นสตปิ ัญญำ
- ดำ้ นกำรเรยี นรู้ เด็กได้เรยี นร้เู ร่ืองไฟฟา้ สถิตจะมปี ระจุไฟฟา้ เม่ือวสั ดสุ องสิ่งมปี ระจุ
ไฟฟา้ ข้ัวตา่ งกนั จะดูดเข้าหากัน แตถ่ า้ ขว้ั เหมือนกันจะผลักกนั เหมอื นกับแมเ่ หล็ก
เม่อื นาวัสดุสองสิ่งมาเสียดสกี นั จะเกดิ ไฟฟา้ สถิต เมอื่ นาไปใกล้กบั วสั ดทุ ่เี บากจ็ ะ
สามารถเหนี่ยวนาทาให้งกู ระดาษสา่ ยไปมาเหมือนกับงูเตน้ ระบา
- ด้ำนภำษำ
- การฟงั เดก็ ใชท้ ักษะการฟงั จากสง่ิ ทเ่ี พือ่ นสนทนา ซกั ถาม โต้ตอบ

๕๕

- การพดู ตอบคาถาม แสดงความคดิ เห็นจากสงิ่ ทตี่ นเองคดิ อธิบายสงิ่ ทพี่ บเห็น
- การอา่ น อ่านตามใบกจิ กรรมทคี่ รูอา่ นให้ฟงั อ่านบตั รคาช่ืออปุ กรณ์
- การเขยี น เด็กส่วนใหญว่ าดภาพส่ือสารส่งิ ได้เรียนรู้จากทากิจกรรมได้ชดั เจน
- ดำ้ นสติปัญญำ

เด็กส่วนใหญส่ ามารถทาการทดลองและเช่อื มโยงส่ิงที่ได้เกดิ ขึน้ จากการลง
มือทากจิ กรรมดว้ ยตนเอง เมอื่ นาวสั ดุสองส่ิงมาเสยี ดสกี ันจะทาใหเ้ กิดไฟฟา้ สถิต
และนาไปใกลว้ สั ดทุ ่เี บาจะเกดิ การเหน่ยี วนาและถูกดูดเขา้ มาได้ จากกิจกรรมพบวา่
ส่ิงที่เกิดข้ึน เชน่ เมอ่ื นาลกู โป่งมาถกู ับผมแลว้ นาไปวางเหนอื ศรี ษะ จะเกิดการดูดผม
ให้ตัง้ ข้นึ ได้ และนาลกู โปง่ มาถกู ับผ้าขนสตั วแ์ ละนาไปใกลง้ ูกระดาษทาให้งูกระดาษ
สา่ ยไปมาเหมอื นงเู ต้นระบา
๒.๒ ดำ้ นสังคม
- เดก็ ๆ ได้ทากจิ กรรมรว่ มกับเพอ่ื น ร้จู ักมารยาทในการฟงั การพดู ยกมอื กอ่ นจะพูด
ควบคุมตนเองปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลงรว่ มกันได้ เอ้ือเฟ้ือ แบ่งปนั รอคอยได้ รับฟังความ
คิดเหน็ ของผอู้ นื่ สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ระหว่างทากิจกรรม
๒.๓ ดำ้ นอำรมณ์ - จิตใจ
- แสดงออกทางสหี น้ายิม้ แยม้ แจ่มใส สนุกสนาน ตน่ื เตน้ กบั สงิ่ ทไ่ี ดล้ งมือปฏิบตั ิ มี
สมาธิจดจ่อ กับกิจกรรมการทดลอง
๒.๔ ด้ำนเคล่ือนไหว / ด้ำนร่ำงกำย
- เดก็ ใชก้ ล้ามเนื้อมือในการหยิบจับวัสดุอปุ กรณ์การทดลองไดอ้ ย่างคล่อง และใช้
ประสาทสัมผัสทงั้ หา้ ในการหาคาตอบได้

๕๖

กจิ กรรมที่ ๑๙ เรื่อง ลมอ่อนๆ พดั ผำ่ นหอ้ ง

จุดประสงค์
๑. เพอ่ื ให้เดก็ มีทักษะการสงั เกต
๒. เพอ่ื ใหเ้ ด็กไดเ้ รียนรู้เร่อื งอากาศเคลือ่ นไหวได้
๓. เพอ่ื ใหเ้ ด็กได้เรยี นรู้เรื่องแรงลม

ขั้นตอนกำรจดั กิจกรรม
๑. เด็กนง่ั เปน็ รปู ตวั ยู ( U ) หรอื คร่ึงวงกลมใหเ้ รียบรอ้ ย
๒. เด็กและครูรว่ มกนั สร้างขอ้ ตกลงในการทากิจกรรมรว่ มกนั โดยใชค้ าถาม ดงั นี้
๒.๑ ระหวา่ งการทากจิ กรรม เด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไร
๒.๒ ขณะทคี่ รูพดู หรือเพอ่ื นทไี่ ดร้ ับอนญุ าตใหพ้ ดู กาลังพูดเด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไร
๒.๓ ถา้ เด็ก ๆ ตอ้ งการตอบคาถาม เด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไรกอ่ นจะทากจิ กรรม
๓. เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เกี่ยวกับประสบการณเ์ ดมิ โดยใชค้ าถาม ดงั นี้
๓.๑ เด็ก ๆ เคยสงั เกตหรอื ไม่ ว่า ลมสามารถพดั อะไรให้ปลวิ ได้บ้าง เพราะอะไรถงึ ปลิว
๓.๒ เดก็ ๆ เคยสงั เกตเหน็ ลมหรอื ไม่ เห็นทีไ่ หน
๔. ครูจะพาเด็ก ๆ ทา้ กจิ กรรมลมอ่อนพัดผา่ นห้อง โดยให้เด็กพับกระดาษใหเ้ ปน็ พัดเพอ่ื ใชส้ รา้ ง “ลม”
ออ่ นๆ ในห้อง
๕. เด็กและครสู นทนารว่ มกนั เกย่ี วกับกจิ กรรม โดยใชค้ าถาม ดังน้ี
๕.๑ เดก็ ๆ คิดวา่ เราสามารถจะทาลมอ่อนๆ ในห้องดว้ ยวธิ ีอนื่ อีกหรอื ไม่ และดว้ ยวธิ ีอะไร
๖. ให้เดก็ สองคนนั่งหนั หนา้ เข้าหากันแล้วให้เด็กคนหน่ึงใชม้ อื ตดี า้ นข้าง แลว้ ให้เดก็ อีกคนหนึง่ สังเกตวา่
เกดิ อะไรขน้ึ กับตวั เขาบ้าง
๗. นาอุปกรณ์มาให้เด็ก คอื กลอ่ งกระดาษ ใหเ้ ด็ก ๆ เจาะรทู ก่ี ลอ่ งกระดาษ แลว้ ใชก้ ระดาษกาวตดิ ขอบ
กล่องกระดาษทกุ ดา้ นเพอ่ื ปอ้ งกนั ไม่ใหล้ มผา่ นออกไปได้
๘. ครจู ดุ เทียนแลว้ วางกล่องกระดาษท่มี รี ูหนั ไปหาเทียน เดก็ ใชม้ ือตขี ้างของกล่องกระดาษ
๙. ใหเ้ ดก็ นาลกู บอลพลาสตกิ มาวางแลว้ ใช้มือตีขา้ งกลอ่ งกระดาษ
๑๐.ให้เดก็ ทากจิ กรรมอย่างอสิ ระ และสงั เกตสิง่ ที่เกิดขึน้ โดยครูใชค้ าถามกระต้นุ ดังน้ี
๑๐.๑ เดก็ ๆ สงั เกตเหน็ วา่ เกดิ อะไรกับเทียน
๑๐.๒ เด็ก ๆ สังเกตเหน็ หรอื ไมว่ ่าเกดิ อะไรขนึ้ กบั ลูกบอลพลาสตกิ
๑๑.เดก็ จดบนั ทกึ ผลการทดลองของตนเองดว้ ยการวาดภาพระบายสี
๑๒.ให้เดก็ ออกมานาเสนอผลการทดลองจากส่ิงทีส่ ังเกตเห็น
๑๓.เดก็ และครูรว่ มกันสรุปเกยี่ วกบั ผลการทดลองเรือ่ ง ลมอ่อนๆ พดั ผ่านห้อง พบวา่ อากาศสามารถ
เคลอ่ื นทไี่ ดแ้ ละเมื่ออากาศเคลอื่ นทจ่ี ะทาใหเ้ กดิ ลมเมอ่ื อากาศเคลือ่ นทีเ่ รว็ และแรงจะทาใหเ้ กิดพายุ

๕๗

นอกจากนี้ พลงั ลมจะทาใหว้ ตั ถุลอยได้ เชน่ กระดาษปลวิ ผา้ ปลิว หรือวา่ ว แรงลมจะมีกาลังมากหรือ
น้อยข้นึ อยกู่ บั ระยะทางและท่กี ระทาให้เกิดลมดว้ ย

ภำพกำรดำเนินกิจกรรมกำรทดลองเร่ือง ลมออ่ นๆ พัดผำ่ นหอ้ ง

ภำพวสั ดอุ ปุ กรณ์ในกำรทำกจิ กรรม ภำพเดก็ ปฏิบัติกจิ กรรมกำรทดลอง

ภำพนำเสนอผลกำรทดลอง ภำพผลงำนทสี่ ำเร็จของเดก็

ผลที่เกดิ กับเดก็
๑. ผลท่เี กิดขนึ้ ตำมจุดประสงค์
๑.๑ เดก็ มีทกั ษะการสังเกตขณะทากิจกรรมได้
๑.๒ เด็กเขา้ ใจเรอื่ งอากาศเคลือ่ นไหวได้ เรยี กวา่ ลม
๑.๓ เด็กสามารถนาวสั ดุมาทดลอง และเขา้ ใจได้ว่า แรงลมและระยะทางว่ามีความแตกต่างกัน
จะสง่ ผลตอ่ สง่ิ กรดี ขวางไดต้ ่างกนั
๒. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพน้ื ฐำน และพัฒนำกำรของเดก็ ปฐมวยั
๒.๑ ด้ำนกำรเรยี นรู้ / ด้ำนภำษำ / ด้ำนสติปญั ญำ
- ดำ้ นกำรเรยี นรู้ เดก็ ไดเ้ รยี นรู้เรือ่ ง ลมคืออากาศเคลอ่ื นไหว พลังลมทาใหว้ ัตถุ
เคลอ่ื นท่ีได้ลมจะแรงหรอื เบาขน้ึ อยูก่ บั แรงกระทาและระยะทาง สามารถทาให้เทียน
ดับได้

๕๘

- ด้ำนภำษำ
- การฟัง เด็กใช้ทกั ษะการฟังจากสงิ่ ที่เพอื่ นสนทนา ซกั ถาม โตต้ อบ
- การพดู ตอบคาถาม แสดงความคดิ เหน็ จากสิ่งทต่ี นเองคดิ อธบิ ายสงิ่ ทพี่ บเห็น
- การอา่ น อา่ นตามใบกจิ กรรมที่ครูอา่ นใหฟ้ งั อา่ นบตั รคาช่อื อปุ กรณ์
- การเขยี น เดก็ สว่ นใหญว่ าดภาพสอื่ สารสิง่ ได้เรียนรู้จากทากจิ กรรมได้ชดั เจน

- ด้ำนสตปิ ญั ญำ
เดก็ สว่ นใหญ่สามารถทาการทดลองและเชอ่ื มโยงสง่ิ ทไ่ี ดเ้ กดิ ขึ้นจากการลง

มอื ทากจิ กรรมดว้ ยตนเอง เมือ่ นากล่องกระดาษมาเจาะรู และออกแรงตกี ลอ่ ง
เหมือนการตบการมือ จะทาให้เกดิ แรงลม และทาใหเ้ ทียนดบั ได้ หรือทาให้ลูกบอล
พลาสตกิ เคล่ือนทไ่ี ด้
๒.๒ ด้ำนสงั คม
- เดก็ ๆ ไดท้ ากิจกรรมรว่ มกับเพื่อน รูจ้ ักมารยาทในการฟัง การพดู ยกมอื กอ่ นจะพูด
ควบคุมตนเองปฏบิ ัติตามข้อตกลงร่วมกันได้ เออ้ื เฟ้ือ แบง่ ปนั รอคอยได้ รบั ฟงั ความ
คดิ เหน็ ของผู้อ่นื สนทนาแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ระหวา่ งทากจิ กรรม
๒.๓ ด้ำนอำรมณ์ - จติ ใจ
- แสดงออกทางสีหน้ายมิ้ แยม้ แจ่มใส สนกุ สนาน ตนื่ เตน้ กับสงิ่ ที่ไดล้ งมือปฏิบตั ิ มี
สมาธจิ ดจอ่ กับกจิ กรรมการทดลอง
๒.๔ ด้ำนเคล่อื นไหว / ดำ้ นร่ำงกำย
- เด็กใช้กลา้ มเน้ือมอื ในการหยิบจับวัสดอุ ุปกรณ์การทดลองไดอ้ ยา่ งคลอ่ ง และใช้
ประสาทสมั ผัสทัง้ ห้าในการหาคาตอบได้

๕๙

กจิ กรรมท่ี ๒๐ เรอื่ ง ติดหนบึ โดยไม่ต้องใช้กำว

จุดประสงค์
๑. เพอื่ ให้เด็กได้เรียนรูเ้ รอ่ื งการเกิดไฟฟา้ สถติ
๒. เพ่ือใหเ้ ด็กเรียนรู้เร่ืองการดูด การผลักของวตั ถุทีม่ ไี ฟฟ้าสถิต

ขน้ั ตอนกำรจดั กิจกรรม
๑. เด็กนัง่ เปน็ รปู ตัวยู ( U ) หรือคร่งึ วงกลมใหเ้ รยี บรอ้ ย
๒. เดก็ และครรู ่วมกนั สร้างขอ้ ตกลงในการทากจิ กรรมรว่ มกนั โดยใช้คาถาม ดังน้ี
๒.๑ ระหวา่ งการทากิจกรรม เดก็ ๆ ควรทาอยา่ งไร
๒.๒ ขณะทค่ี รูพูดหรือเพอื่ นทไี่ ดร้ บั อนุญาตใหพ้ ูดกาลังพดู เดก็ ๆ ควรทาอยา่ งไร
๒.๓ ถา้ เดก็ ๆ ตอ้ งการตอบคาถาม เด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไรกอ่ นจะทากจิ กรรม
๓. เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เก่ียวกบั ประสบการณเ์ ดิม โดยใช้คาถาม ดังนี้
๓.๑ เดก็ ๆ คดิ วา่ ถา้ เรานาวสั ดุไปติดทีผ่ นังต้องทาอยา่ งไรจงึ จะติดไดไ้ ม่หลน่
๓.๒ เดก็ ๆ คดิ วา่ ถา้ เราต้องการนาวสั ดุไปตดิ กบั ผนงั โดยไมต่ อ้ งใชก้ าวจะมวี ิธกี ารทาอยา่ งไร
๔. แนะนาอุปกรณ์นาอุปกรณ์มาใหเ้ ดก็ ฟัง
๕. ให้เดก็ ทดลองนา้ วัตถสุ องสงิ่ มาถูกนั แล้วนา้ ไปวางใกล้เศษกระดาษหรือเมด็ โฟม และน้าผา้ ขนสัตว์มาถู
กับกระดาษชินเลก็ และนา้ ไปติดดา้ นขา้ งชนั วางของ
๖. ใหเ้ ด็กทากจิ กรรมอย่างอสิ ระ และสงั เกตสง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยครใู ช้คาถามกระต้นุ ดังน้ี
๖.๑ เด็ก ๆ สังเกตเห็นอะไรเกิดขึ้นบา้ ง เม่ือนาวตั ถุสองสง่ิ มาถูกนั แลว้ นาไปวางใกลเ้ ศษกระดาษ
หรอื เม็ดโฟม
๖.๒ เด็ก ๆ สงั เกตเห็นอะไรเกดิ ขึ้นบ้าง เม่อื นาผ้าขนสัตวม์ าถกู ับกระดาษชิ้นเล็ก และนาไปตดิ
ด้านข้างชนั้ วางของ
๖.๓ เด็ก ๆ คดิ ว่า เราจะมวี ธิ กี ารทาใหเ้ กดิ การดดู สง่ิ ของใหต้ ดิ กันไดอ้ ยา่ งไร
๖.๔ เดก็ ๆ คิดว่า ทาไมจึงวตั ถจุ งึ ดดู ตดิ กันได้ เพราะอะไรจงึ เป็นเชน่ น้ัน
๗. เดก็ จดบันทกึ ผลการทดลองของตนเองด้วยการวาดภาพระบายสี
๘. ใหเ้ ด็กออกมานาเสนอผลการทดลองจากสงิ่ ทส่ี ังเกตเห็น
๙. เด็กและครูรว่ มกันสรปุ เกย่ี วกบั ผลการทดลองเร่อื ง ติดหนบึ โดยไม่ตอ้ งใชก้ าว พบวา่ เมอ่ื นาวัตถสุ อง
สงิ่ มาถกู ันจะเกิดเสยี ดสี ทาให้เกิดไฟฟา้ สถิต และเกดิ การถา่ ยเทประจุไฟฟา้ จะเกดิ การเหนยี่ วนา ดดู
เข้ามาหากนั ได้เม่ือนามาไปติดด้านข้างของชั้นวางของจะทาใหล้ ูกโปง่ ตดิ อยไู่ ดโ้ ดยไมต่ ้องใช้กาว

๖๐

ภำพกำรดำเนินกิจกรรมกำรทดลองเรื่อง ติดหนบึ โดยไมต่ อ้ งใช้กำว

ภำพวสั ดอุ ปุ กรณใ์ นกำรทำกจิ กรรม ภำพเด็กปฏบิ ตั ิกิจกรรมกำรทดลอง

ภำพนำเสนอผลกำรทดลอง ภำพผลงำนที่สำเร็จของเดก็

ผลทเ่ี กิดกบั เดก็
๑. ผลท่ีเกดิ ขนึ้ ตำมจุดประสงค์
๑.๑ เด็กทราบวา่ เมอื่ นาวสั ดสุ องสิ่งมาเสยี ดสีกัน จะเกดิ ไฟฟ้าสถติ และถ่ายเทประจไุ ฟฟา้ เมอื่
วัสดุมขี ว้ั ตา่ งกัน จะเกดิ การเหนีย่ วนาดูดตดิ กันได้
๑.๒ เดก็ ได้เรียนรกู้ ารนาถงุ พลาสติกติดกบั มือตนเองได้นาน โดยนาถงุ พลาสตกิ มาถูผม แผ่น
พลาสตกิ จะมปี ระจไุ ฟฟา้ เป็นลบ มอื เสมือนขว้ั บวก จงึ เกิดการดงึ ดดู ถงุ พลาสติกติดกับฝา่ มือ
เราได้
๒. พัฒนำกำรควำมสำมำรถพ้นื ฐำน และพฒั นำกำรของเด็กปฐมวยั
๒.๑ ด้ำนกำรเรยี นรู้ / ดำ้ นภำษำ / ด้ำนสตปิ ญั ญำ
- ดำ้ นกำรเรยี นรู้ เดก็ สามารถนาวสั ดุมาทดลองตามวธิ กี ารของแต่ละกลุ่ม และเกิด
การเหนย่ี วนาทาใหว้ ัสดตุ ิดกับผนงั ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งใชก้ าว จากการทดลองนาลกู โปง่ มา
ถูกับผ้าขนสัตว์ และเม่อื นาลูกโปง่ ไปแปะท่ีผนังชั้นวางของ พบว่า ลกู โป่งติดอย่ไู ด้
โดยไมต่ อ้ งใชก้ าว

๖๑

- ด้ำนภำษำ
- การฟัง เดก็ ใช้ทักษะการฟงั จากสิ่งทเี่ พื่อนสนทนา ซกั ถาม โต้ตอบ
- การพดู ตอบคาถาม แสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ตนเองคดิ อธบิ ายสง่ิ ทพ่ี บเห็น
- การอา่ น อา่ นตามใบกจิ กรรมท่ีครูอา่ นให้ฟัง อา่ นบตั รคาชอ่ื อปุ กรณ์
- การเขียน เด็กส่วนใหญว่ าดภาพส่อื สารสง่ิ ไดเ้ รียนรู้จากทากิจกรรมได้ชดั เจน

- ดำ้ นสติปญั ญำ
เดก็ สว่ นใหญส่ ามารถทาการทดลองดว้ ยตนเอง เมอ่ื นาวสั ดุสองส่ิงมาถู

เพอ่ื ให้เกิดการเสยี ดสจี ะเกิดประจไุ ฟฟ้าเปน็ บวกและลบจะสามารถดึงดดู และผลกั
กัน
๒.๒ ด้ำนสังคม
- เดก็ ๆ ไดท้ ากิจกรรมรว่ มกับเพ่ือน รจู้ ักมารยาทในการฟงั การพดู ยกมอื กอ่ นจะพดู
ควบคุมตนเองปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลงร่วมกันได้ เอื้อเฟื้อ แบ่งปนั รอคอยได้ รบั ฟงั ความ
คดิ เห็นของผอู้ นื่ สนทนาแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ระหวา่ งทากิจกรรม
๒.๓ ดำ้ นอำรมณ์ - จติ ใจ
- แสดงออกทางสหี น้ายม้ิ แย้ม แจม่ ใส สนกุ สนาน ตน่ื เตน้ กบั สง่ิ ทไ่ี ด้ลงมือปฏิบัติ มี
สมาธจิ ดจอ่ กับกจิ กรรมการทดลอง
๒.๔ ดำ้ นเคลอื่ นไหว / ด้ำนร่ำงกำย
- เดก็ ใชก้ ล้ามเน้อื มอื ในการหยิบจับวัสดอุ ุปกรณ์การทดลองไดอ้ ยา่ งคลอ่ ง และใช้
ประสาทสัมผัสทั้งหา้ ในการหาคาตอบได้

๖๒

กจิ กรรมที่ ๒๑ เรอ่ื ง ภำพพกิ เซล (สร้ำงรูปภำพของเรำ)

จุดประสงค์
๑. เพอ่ื ใหเ้ ดก็ มที กั ษะการสงั เกตรายละเอยี ดจากภาพเลก็ ไปสภู่ าพโดยรวม
๒. เพือ่ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นร้เู กย่ี วกับตัวเลข ๐ และตวั เลข ๑
๓. เพื่อใหเ้ ดก็ ได้มีทกั ษะกระบวนการในการสังเกตและการคาดคะเนคาตอบ

ข้นั ตอนกำรจดั กิจกรรม
๑. เด็กนัง่ เป็นรูปตวั ยู ( U ) หรอื ครึง่ วงกลมให้เรยี บรอ้ ย
๒. เดก็ และครูร่วมกนั สร้างขอ้ ตกลงในการทากจิ กรรมรว่ มกัน โดยใชค้ าถาม ดงั นี้
๒.๑ ระหว่างการทากิจกรรม เด็ก ๆ ควรทาอย่างไร
๒.๒ ขณะทีค่ รพู ดู หรือเพอื่ นทไี่ ดร้ ับอนญุ าตใหพ้ ดู กาลงั พดู เดก็ ๆ ควรทาอยา่ งไร
๒.๓ ถ้าเดก็ ๆ ตอ้ งการตอบคาถาม เดก็ ๆ ควรทาอยา่ งไรกอ่ นจะทากิจกรรม
๓. นาเข้าส่กู ิจกรรมโดยชวนเด็ก ๆ นับตัวเลขปากเปลา่ ๑ – ๑๐ พรอ้ มกนั ๑ รอบ
นาตัวเลข ๐ และเลข ๑ ข้นึ ใหเ้ ดก็ ๆ ดู แลว้ ให้เดก็ ๆ ชว่ ยกันบอกพร้อมกนั และตั้งคาถามถามเดก็ ต่อ
วา่ เลข ๑ ต้องมีของจานวนกชี่ ้นิ แล้วเลข ๐ มีของกีช่ ้นิ ใหเ้ ด็กเปรียบเทยี บจานวนทมี่ คี วามแตกตา่ ง
กนั
๔. นาแผน่ กระดาษขนึ้ มา ซง่ึ ในแผน่ กระดาษนัน้ ตวั เลข ๐ และ ๑ เยอะแยะมากมาย โดยใหเ้ ด็กระบาย
เฉพาะชอ่ งท่มี ตี ัวเลข ๑ เทา่ น้นั และให้เด็กช่วยกนั ดสู ิวา่ เมอื่ ระบายเสร็จแลว้ จะไดอ้ อกมาเป็นภาพ
อะไร
๕. ใหเ้ ด็ก ๆ แบง่ กลมุ่ ออกเป็น 6 กลุ่ม พรอ้ มทังอธบิ ายคา้ ส่ังและบอกขอ้ ตกลงในขณะทา้ กิจกรรม
๖. ใหเ้ ด็กทากิจกรรมอย่างอสิ ระ และสังเกตสิ่งทเี่ กดิ ขึ้น โดยครูใชค้ าถามกระตุ้น ดังน้ี
๖.๑ เด็ก ๆ สังเกตเห็นอะไรเกิดข้นึ บ้าง เมือ่ ระบายสลี งใชชอ่ งทีม่ ีตวั เลข ๑ บนกระดาษ
๗. เมอ่ื เดก็ ระบายสีเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ใหเ้ ด็กช่วยกนั เกบ็ อปุ กรณ์ และใหเ้ ด็กออกมานาเสนอผลงานของ
ตนเองใหเ้ พ่ือนฟงั
๘. เด็กและครูร่วมกันสรปุ กจิ กรรมเก่ยี วภาพที่เกดิ ขนึ้ มาจากชนิ้ สว่ นหลาย ๆ ช้ินมารวมกนั ทาใหเ้ กดิ เปน็
ภาพโดยรวมขนาดใหญ่ อยา่ งเช่นภาพท่เี ราเหน็ ในจอโทรทัศน์ จอโทรศพั ท์ เป็นต้น
๙. จากนั้นให้เดก็ ๆ สะท้อนสิง่ ที่เดก็ ไดเ้ รียนรแู้ ละสังเกตเหน็ จากการทดลองผา่ นการวาดภาพลงในใบงาน
กิจกรรมและครูสนทนากบั เด็กเป็นรายบุคคลเก่ียวกบั ภาพท่ีเด็กวาด และบันทกึ คาพดู ของเด็กลงในใบ
งานกิจกรรม

๖๓

ภำพกำรดำเนนิ กิจกรรมกำรทดลองเรอ่ื ง ภำพพิกเซล (สร้ำงรูปภำพของเรำ)

ภำพวสั ดอุ ปุ กรณใ์ นกำรทำกจิ กรรม ภำพเดก็ ปฏิบตั ิกจิ กรรมกำรทดลอง

ภำพนำเสนอผลกำรทดลอง ภำพผลงำนทส่ี ำเร็จของเด็ก

ผลท่เี กิดกับเดก็
๑. ผลท่ีเกดิ ขนึ้ ตำมจุดประสงค์
๑.๑ เดก็ ไดฝ้ ึกทักษะการสังเกตในการระบายสตี วั เลข ๑ ซ่งึ จะมีอยู่มากมาย แต่เม่ือระบายเสร็จ
แล้วภาพที่ออกมาจะสงั เกตเป็นรปู ภาพท่ชี ดั เจน
๑.๒ เดก็ ไดเ้ รยี นรู้เกยี่ วกับตวั เลข ๐ และตวั เลข ๑ และสามารถเปรียบเทยี บได้ว่าเลข ๑ มีจานวน
คา่ มากกว่าเลข ๐
๑.๓ เดก็ มที กั ษะกระบวนการในการสงั เกตและการคาดคะเนคาตอบกอ่ นลงมอื ปฏบิ ตั ิ เพ่อื ดูส่งิ ที่
เกิดขน้ึ หลงั จากการลงมอื ปฏิบตั ิแล้วเป็นไปตามทไ่ี ดค้ าดคะเนคาตอบท่ตี งั้ ไว้
๒. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพ้นื ฐำน และพฒั นำกำรของเด็กปฐมวยั
๒.๑ ดำ้ นกำรเรยี นรู้ / ด้ำนภำษำ / ดำ้ นสติปัญญำ
- เด็กได้รจู้ กั การนับตวั เลข รูจ้ ักสี และรปู ร่างรายละเอียดจนถงึ ภาพโดยรวม
- การฟงั เด็กใชท้ กั ษะการฟังตามคาสัง่
- การพูด ตอบคาถาม อธบิ ายสิ่งทีเ่ หน็ ได้
- การเขยี น เด็กส่วนใหญ่ระบายสีตวั เลขได้เรียนรู้ไดอ้ ย่างชดั เจน

๖๔

- เดก็ ส่วนใหญส่ ามารถเชอ่ื มโยงสงิ่ ที่ได้ทดลองเกย่ี วกับภาพโดยรวมทีม่ ีขนาดใหญ่ เกิด
จากภาพทีเ่ ปน็ ชิน้ เล็ก ๆ มารวมกัน

๒.๒ ดำ้ นสังคม
- เดก็ ได้ทากจิ กรรมรว่ มกบั เพือ่ น รูจ้ กั มารยาทในการฟัง ควบคมุ ตนเองปฏิบตั ติ าม
คาสัง่ ได้

๒.๓ ดำ้ นอำรมณ์ - จิตใจ
- แสดงออกทางสหี น้าย้มิ แย้ม แจ่มใส สนกุ สนาน ตน่ื เตน้ กบั สิ่งท่ไี ดล้ งมือปฏบิ ตั ิ มี
สมาธิจดจ่อ กบั กจิ กรรมการทดลอง

๒.๔ ดำ้ นเคลอื่ นไหว / ด้ำนร่ำงกำย
- เดก็ ได้ใชก้ ลา้ มเนื้อเล็กในการหยิบจับอปุ กรณใ์ นขณะทากิจกรรม อยา่ งเชน่ การ
ระบายสภี าพท่เี กดิ จากชน้ิ สว่ นตัวเลข ๑

๖๕

กจิ กรรมที่ ๒๒ เรอื่ ง เรอื แบบใดบรรทุกน้ำหนกั ได้มำกท่สี ุด

จดุ ประสงค์

๑. เพ่ือให้เด็กไดเ้ รยี นรูเ้ กี่ยวกับการวางวตั ถใุ หไ้ ดม้ ากทีส่ ดุ ในการบรรทุกนา้ หนักของเรือ

๒. เพื่อใหเ้ ดก็ มที ักษะกระบวนการในการทดลอง และการคาดคะเนคาตอบ
๓. เพ่อื ให้เด็กมีความม่นั ใจในการทากิจกรรมด้วยตนเอง

ขั้นตอนกำรจดั กจิ กรรม
๑. เดก็ นัง่ เป็นรูปตัวยู ( U ) หรือคร่งึ วงกลมใหเ้ รยี บร้อย

๒. เดก็ และครรู ว่ มกันสรา้ งขอ้ ตกลงในการทากิจกรรมรว่ มกัน โดยใชค้ าถาม ดังน้ี

๒.๑ ระหวา่ งการทากจิ กรรม เด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไร
๒.๒ ขณะทีค่ รูพูดหรอื เพอ่ื นทไ่ี ด้รบั อนญุ าตใหพ้ ดู กาลังพูดเด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไร

๒.๓ ถ้าเด็ก ๆ ต้องการตอบคาถาม เด็ก ๆ ควรทาอยา่ งไรก่อนจะทากิจกรรม

๓. เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เกี่ยวกบั เรือทล่ี อยในน้า โดยใชค้ า้ ถาม ดังนี
๓.๑ เดก็ ๆ รจู้ ักเรอื ในลกั ษณะใดบา้ ง
๓.๒ เด็ก ๆ เคยเหน็ เรอื ประเภทตา่ ง ๆ มลี ักษณะอย่างไรบา้ ง
๓.๓ เดก็ ๆ วา่ ลกั ษณะภายในของเรอื เหลา่ นแี ตกตา่ งกันอยา่ งไร
๓.๔ เดก็ ๆ คดิ ว่า เรอื แบบใดบรรทกุ ผ้โู ดยสารหรอื สนิ คา้ ได้จา้ นวนมากท่สี ุด เพราะอะไร

๔. เด็กและครรู ว่ มกันอภิปรายกอ่ นเร่มิ การทดลอง โดยใชค้ าถามกระตนุ้ ดงั น้ี

๔.๑ ถา้ เรามเี รือ เราจะวางลูกแกว้ และก้อนหินรปู วงแหวนในเรือได้อย่างไร

๕. ใหเ้ ด็ก ๆ แบ่งกล่มุ ออกเป็น 6 กลุ่ม พร้อมทังอธบิ ายค้าสั่งและบอกขอ้ ตกลงในขณะทา้ กิจกรรม และ
ขอตวั แทนออกมารบั อุปกรณส์ ้าหรบั ทา้ กจิ กรรม

๖. ให้เด็กทากิจกรรมอยา่ งอสิ ระ โดยมีเงอื่ นไขวา่ สรา้ งเรือจากดนิ นา้ มนั ในรูปแบบท่ีหลากหลาย โดย

คานึงถงึ การขนส่งในปรมิ าณมากทส่ี ดุ เท่าทจี่ ะเป็นไปได้ จากนน้ั ใหว้ างเรอื ลงในน้า และใสน่ อ็ ตรูปวง
แหวนลงไป และสงั เกตส่ิงท่ีเกิดขึ้น

๗. ให้เดก็ ๆ แตล่ ะกลุม่ ทดลองด้วยตนเองหลายๆคร้งั จะพบว่า ครั้งใดดีที่สุด และเรือบรรทกุ ลูกแกว้ และ
กอ้ นหนิ ได้กี่ลูกหรือก้อน

๘. เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เกี่ยวกับการทดลอง โดยใช้คาถาม ดังน้ี

๘.๑ เดก็ ๆ คิดวา่ เพราะเหตใุ ดเรอื แตล่ ะลาถึงรับน้าหนกั ได้แตกตา่ งกัน
๘.๒ ถ้าเด็ก ๆ นาลกู แก้วและก้อนหินรูปวงแหวนใส่ลงไปบนเรือมากเกนิ ไป จะเกิดอะไรขึ้น

๘.๓ ถ้าเราสรา้ งเรือดนิ นา้ มนั ลาเลก็ เราจะสามารถบรรทุกนา้ หนกั ได้มากนอ้ ยเพยี งใด
๙. ให้เด็ก ๆ สะทอ้ นสง่ิ ท่ีเดก็ ได้เรยี นรู้และสังเกตเหน็ จากการทดลองผา่ นการวาดภาพลงในใบงาน

กิจกรรมและครสู นทนากบั เด็กเป็นรายบคุ คลเกีย่ วกับภาพทีเ่ ดก็ วาด และบนั ทึกคาพดู ของเด็กลงในใบ

งานกจิ กรรม

๖๖

ภำพกำรดำเนินกิจกรรมกำรทดลองเรอ่ื ง เรอื แบบใดบรรทุกน้ำหนกั ไดม้ ำกที่สดุ

ภำพวัสดุอปุ กรณใ์ นกำรทำกจิ กรรม ภำพเดก็ ปฏิบัติกิจกรรมกำรทดลอง

ภำพนำเสนอผลกำรทดลอง ภำพผลงำนท่ีสำเร็จของเด็ก

ผลทเ่ี กิดกับเดก็
๑. ผลที่เกิดขึ้นตำมจุดประสงค์
๑.๑ เดก็ ไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกับการออกแบบและการวางแผน ในการวางลกู แกว้ และก้อนหินรูปวง
แหวนลงไปในเรอื ใหไ้ ดจ้ านวนมากทส่ี ดุ โดยทเี่ รือนั้นจะไม่จม แต่ถา้ หากเดก็ ไมส่ ามารถทาตาม
แผนทอี่ อกแบบไว้ได้ เดก็ ก็จะไดเ้ รยี นรแู้ ละแก้ปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ ตอ่ ไปดว้ ยตนเอง
๑.๒ เดก็ มีทกั ษะกระบวนการในการสงั เกตและการคาดคะเนคาตอบกอ่ นลงมือปฏบิ ัติ เพ่อื ดสู งิ่ ท่ี
เกดิ ข้นึ หลังจากการลงมอื ปฏิบตั แิ ล้วเป็นไปตามที่ไดค้ าดคะเนคาตอบท่ตี ้งั ไว้
๑.๓ เด็กมคี วามม่ันใจและกล้าตดั สินใจดว้ ยตนเองในการทากจิ กรรมเพิ่มขึน้ จากการไดล้ งมอื ทา
กจิ กรรมในการวางลูกแกว้ และกอ้ นหินรูปวงแหวนลงไปในเรอื
๒. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพื้นฐำน และพฒั นำกำรของเดก็ ปฐมวยั
๒.๑ ด้ำนกำรเรยี นรู้ / ด้ำนภำษำ / ดำ้ นสตปิ ัญญำ
- เดก็ ไดเ้ รียนร้เู กย่ี วกับการออกแบบเรือจากกันปนั้ ดนิ น้ามันในลกั ษณะต่าง ๆ โดยเรือ
น้นั จะสามารถบรรทกุ ลูกแก้วและกอ้ นหินรูปวงแหวนไดจ้ านวนมาก โดยที่เรอื นั้นไม่
จมลงไปในน้า และทสี่ าคญั การวางแผนในการวางลกู แกว้ และกอ้ นหินรปู วงแหวนก็มี
ความสาคญั ตอ่ การจมของเรอื ได้ กิจกรรมนจ้ี งึ ฝกึ ใหเ้ ด็กได้รู้จกั การออกแบบและ

๖๗

วางแผนในขณะก่อนทากจิ กรรมตลอดจนการแก้ปญั หาในการทากิจกรรมในครั้ง
ต่อไป
- เดก็ มีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สามารถคน้ พบคาตอบได้ดว้ ยตนเอง
- การฟงั เดก็ ใช้ทักษะการฟังจากส่ิงทเ่ี พื่อนและครสู นทนารว่ มกนั มกี ารโตต้ อบ และ
แสดงความคดิ เห็นร่วมกบั ผ้อู น่ื
- การพดู การแสดงความคิดของตนเองร่วมกับผอู้ น่ื การตอบคาถาม และการอธบิ าย
ลักษณะตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน
- การอา่ น อา่ นภาพ สัญลกั ษณ์ และอ่านบัตรคาชอ่ื วัสดอุ ปุ กรณ์
- การเขยี น เดก็ จะเขียนด้วยการวาดภาพเพื่อสอื่ ความหมายส่งิ ทไ่ี ดจ้ ากการเรียนรู้
และการเขียนคดั ลอกข้อความทพ่ี บเห็นในระหวา่ งการเรยี นรู้
- เดก็ จนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ในการวาดภาพสะทอ้ นความคดิ และสิ่งที่ได้
เรยี นรู้
๒.๒ ดำ้ นสงั คม
- การแสดงความคดิ ของตนเองร่วมกับผู้อ่นื
- การรอคอย และการปฏบิ ัตติ ามคาสั่ง
๒.๓ ด้ำนอำรมณ์ - จิตใจ
- เด็กสนุกสนานกบั การทากจิ กรรมการทดลองสงั เกตไดจ้ ากการยิม้ การหัวเราะขณะ
ทากิจกรรม
- มคี วามมั่นใจและการกลา้ ตดั สนิ ด้วยตนเองในขณะทากจิ กรรม
๒.๔ ดำ้ นเคลื่อนไหว / ดำ้ นร่ำงกำย
- เดก็ ได้ใช้กลา้ มเนอ้ื เล็กในการปน้ั ดินน้ามันเป็นเรือ และการหยบิ ลกู แก้วและกอ้ นหนิ
รูปวงแหวนลงไปในเรือให้เบาท่ีสุด


Click to View FlipBook Version