The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตำนานดอกกุหลาบ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ตำนานดอกกุหลาบ

ตำนานดอกกุหลาบ

ตำนำน “ดอกกหุ ลำบ”

เมื่อถึงเดือนแห่งความรัก “กมุ ภาพนั ธ์”ทีไร เรากจ็ ะนึกถึงดอกไมแ้ สนสวยที่เปรียบเสมือน
สญั ลกั ษณ์แห่งความรักนนั่ กค็ ือ “ดอกกหุ ลาบ” ซ่ึงปัจจุบนั ไดม้ ีการพฒั นาสายพนั ธุ์ใหม้ ีความ
สวยงามแตกต่างกนั ไป แถมมีสีสนั หลากหลายใหเ้ ลือกช่ืนชม โดยไม่เพียงแต่ “กหุ ลาบ” จะเป็น
ดอกไมท้ ี่มีเสน่ห์เป็นท่ีช่ืนชอบของสาวๆหลายคนเท่าน้นั แต่ดอกไมช้ นิดน้ียงั มีประวตั ิความ

เป็นมาชวนหลงใหล ที่หากใครไดอ้ า่ นเป็นตอ้ งประทบั ใจ

ตำนำนดอกกหุ ลำบของประเทศไทย

→ กหุ ลาบเขา้ มาเมืองไทยสมยั ใดไม่ทราบแน่ชดั แต่จากบนั ทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝร่ังเศสในสมยั สมเดจ็ พระ
นารายณ์มหาราช บนั ทึกไวว้ า่ ไดเ้ ห็นกหุ ลาบท่ีกรุงศรีอยธุ ยา และท่ีแน่นอนอีกแห่งกค็ ือ ในกาพยห์ ่อโคลงนิราศธาร
โศกสมยั กรุงศรีอยธุ ยา ซ่ึงเป็นพระนิพนธ์ของเจา้ ฟ้าธรรมาธิเบศร์ กล่าวถึงกหุ ลาบไวว้ า่

กหุ ลาบกล่ินเฟื่ องฟุ้ง เนืองนอง
หอมรื่นชื่นชมสอง สังวาส
นึกกระทงใส่พานทอง ก่าเกา้
หยบิ รอจมูกเจา้ บ่ายหนา้ เบือนเสีย



สำหรบั ตำนำนดอกกหุ ลำบของไทยเลำ่ กนั วำ่ เป็ นบทละครพระรำชนิพนธข์ อง
รัชกาลท่ี 6 เร่ือง “มทั นะพาธา” ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองคห์ น่ึงช่ือ "มทั นา" ซ่ึงนางไดม้ ีเทพบุตรองคห์ น่ึงช่ือ
"สุเทษณะ" ซ่ึงพระองคท์ รงหลงรักเทพธิดา "มทั นา" มากแต่นางไม่มีใจรักตอบ จึงถูกสาปใหไ้ ปเกิดเป็นดอกกหุ ลาบ
จึงกลายเป็นตานานดอกกหุ ลาบนบั แต่น้นั เป็นตน้ มา

จากบทละครพดู คาฉันท์ เรื่อง มทั นะพาธา ลกั ษณะการแต่ง
มทั นะพาธาเป็นพระราชนิพนธ์เร่ืองเอก และตอนใดที่เนน้ เร่ืองมทั นะพาธาใชค้ า

ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประพนั ธห์ ลายชนิดแต่เนน้ แต่งดว้ ยฉนั ท์ บางตอนใชก้ าพย์
ไดร้ ับการยกยอ่ งจากวรรณคดีสโมสรใหเ้ ป็น ยานี กาพยฉ์ บงั หรือกาพยส์ ุรางคนางค์ และมีบทเจรจาร้อย
หนงั สือท่ีแต่งดีเยยี่ ม ดว้ ยการใชฉ้ นั ทเ์ ป็นบท แกว้ ในส่วนของตวั ละครที่ไม่สาคญั ทาใหม้ ีลีลาภาษาท่ี
ละครพดู ซ่ึงแปลกและแต่งไดย้ าก เป็นเรื่องที่มี หลากหลาย ตอนใดดาเนินเร่ืองรวดเร็วกใ็ ชร้ ้อยแกว้ ตอน
ตวั ละครและฉากสอดคลอ้ งกนั กบั วฒั นธรรม ใดตอ้ งการจงั หวะเสียงและความคลอ้ งจองกใ็ ชก้ าพย์
อารมณ์มากกม็ กั ใชฉ้ นั ท์ เช่นตอนที่สุเทษณ์ตดั พอ้ และมทั
ภำรตะโบรำณ และเขำ้ กบั เนือ้ เรอื่ ง นาเจรจาตอบใชว้ สนั ตดิลกแสดงจงั หวะรวดเร็วของถอ้ ยคา
ไดด้ ี โดยมุ่งสอนใหร้ ู้ถึงความเจบ็ ปวดที่เกิด
จากความรักและรู้ถึงโทษของความ เสริมใหค้ ารมโตต้ อบกนั มีลีลาฉบั ไวและทนั กนั

รัก

บทละครพดู คาฉนั ท์ เรื่อง มทั นะพาธา มทั นะพาธา แปลวา่ “ความ
พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเร่ิม เจบ็ ปวดหรือความเดือดร้อน
พระราชนิพนธ์เม่ือวนั ท่ี ๒ กนั ยายน ๒๔๖๖ ณ
พระราชวงั พญาไท และเสร็จสมบูรณ์ในวนั ท่ี ๑๘ เพราะความรัก”

ตุลาคม ปี เดียวกนั ( ๑ เดือน ๑๖ วนั ) นางเอกของเร่ืองมีนามวา่ “มทั
นา”ซ่ึงมีความหมายวา่ “ความ
ลุ่มหลง หรือความรัก”แทนคาวา่

“กพุ ชกะ” ท่ีแปลวา่ ดอก
กหุ ลาบ

แนวคิดของเร่ืองเป็นเรื่องที่เก่ียวกบั ความรัก ความ
ลุ่มหลง ความเจบ็ ร้าวระทมเพราะความรัก ซ่ึงตวั

ละครทุกตวั จะตอ้ งไดร้ ับรสดงั กล่าวน้ี

→ เรื่องย่อ

มทั นะพาธาเป็นเร่ืองสมมุติวา่ เกิดในอินเดียโบราณเน้ือเรื่องกลา่ วถึงเหตุการณ์บนสวรรค์ เทพบุตรสุเทษณ์หลงรักเทพธิดามทั นาแตน่ างไม่ปลงใจดว้ ย
สุเทษณ์จึงขอใหว้ ิทยาธรมายาวนิ ใชเ้ วทมนตร์สะกดเรียกนางมา มทั นาเจรจาตอบสุเทษณ์อยา่ งคนไม่รู้สึกตวั สุเทษณ์จึงไม่โปรดเม่ือขอใหม้ ายาวินคลายมนตร์ มทั
นากร็ ู้สึกตวั และตอบปฏิเสธสุเทษณ์ สุเทษณ์โกรธจึงสาปใหเ้ ธอจุติไปเกิดบนโลกมนุษย์ มทั นาขอไปเกิดเป็นดอกกหุ ลาบ สุเทษณ์กาหนดวา่ ใหด้ อกกหุ ลาบดอกน้นั
กลายเป็นมนุษยเ์ ฉพาะวนั เพญ็ เพียงวนั และคืนเดียวต่อเม่ือมีความรักจึงจะพน้ สภาพจากเป็นดอกไม้ และหากเป็นความทุกขเ์ พราะความรักกใ็ ห้วงิ วอนต่อพระองค์
พระองคจ์ ะช่วย

ณ กลางป่ าหิมะวนั ฤษีกาละทรรศินพบ ตน้ กหุ ลาบจึงขดุ ไปปลูกไวท้ ่ีอาศรมเม่ือมทั นากลายเป็นมนุษยก์ เ็ ล้ียงดูรักใคร่เหมือนลูกทา้ วชยั เสนกษตั ริยแ์ ห่ง
เมืองหสั ตินาปุระเสดจ็ ไปล่าสตั วไ์ ดพ้ บนางมทั นากเ็ กิดความรัก มทั นากม็ ีใจเสน่หาต่อชยั เสนดว้ ยเช่นกนั ท้งั สองจึงสาบานรักต่อกนั และมทั นาไม่ตอ้ งกลบั ไปเป็น
กหุ ลาบอีกแต่เมื่อชยั เสนพามทั นาไปยงั เมืองหสั ตินาปุระของพระองคพ์ ระนางจณั ฑีมเหสีของชยั เสนหึงหวงและแคน้ ใจมากนางขอใหพ้ ระบิดาซ่ึงเป็นพระราชา
แควน้ มคธยกทพั มาตีหสั ตินาปุระ จณั ฑียงั ใชใ้ หน้ างคอ่ มขา้ หลวงทากลอุบายวา่ มทั นารักกบั ศุภางคท์ หารเอกของชยั เสนชยั เสนหลงเช่ือจึงสง่ั ใหป้ ระหารมทั นาและ
ศุภางคแ์ ต่ต่อมาเม่ือชยั เสนรู้วา่ มทั นาและศุภางคไ์ ม่มีความผดิ กเ็ สียใจมากอามาตยเ์ อกจึงทูลความจริงวา่ ยงั มิไดส้ งั หารนาง และศิษยข์ องพระกาละทรรศินไดพ้ านาง
กลบั ไปอยใู่ นป่ าหิมะวนั แลว้ ส่วนศุภางคก์ เ็ ป็นอิสระเช่นกนั และไดอ้ อกต่อสูก้ บั ขา้ ศึกจนตายอยา่ งทหารหาญ
ชยั เสนจึงเดินทางไปรับนางมทั นา ขณะน้นั มทั นาทูลขอใหส้ ุเทษณ์รับนางกลบั ไปสวรรคส์ ุเทษณ์ขอใหน้ างรับรักตนก่อน แต่มทั นายงั คงปฏิเสธสุเทษณ์กริ้วจึงสาป
ใหม้ ทั นาเป็นกหุ ลาบตลอดไป ชยั เสนมาถึงแต่กไ็ ม่ทนั การณ์จึงไดแ้ ต่นาตน้ กหุ ลาบกลบั ไปยงั เมืองหสั ตินาปุระ

ข้อคดิ ทไ่ี ด้จากเรื่องบทละครพดู คาฉันท์เรื่องมัทนะพาธา

▪ ความรักมีท้งั คุณและโทษ

ความรักมีประโยชนท์ าใหจ้ ิตใจแช่มช่ืนมีความสุขและเม่ือผดิ หวงั พลาดรักอาจทาใหเ้ กิดโทษได้ ถา้ ปล่อยใหค้ วามรักน้นั เป็นความหลง ขาดสติพิจารณา ไตร่ตรอง
อาจทาใหต้ นเองและผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งเดือดร้อนได้

▪ ความรักท่แี ท้จริงควรเกดิ จากใจบริสุทธ์ิ
บทละครพดู คาฉนั ทเ์ รื่องมทั นะพาธามีสาเหตุมาจากความรักของสุเทษณ์เทพบุตรท่ีมีต่อนางมทั นาความรักของสุเทษณ์เป็นความรักท่ีเห็นแก่ตวั แฝงไปดว้ ย

ความอยากครอบครอง มิไดเ้ สียสละและเขา้ ใจความรักอยา่ งแทจ้ ริง ความรักท่ีสุเทษณ์มีต่อนางมทั นาก่อใหน้ างเกิดทุกข์ เม่ือนางไม่รับรักกส็ าปใหน้ างเป็นดอก
กหุ ลาบตลอดไป

▪ การพจิ ารณาตดั สินเร่ืองใดควรใช้สตปิ ัญญาประกอบกบั เหตุผลเพื่อตดั สินความ
การที่ทา้ วชยั เสนฟังความจากนางค่อมท่ีใส่ร้ายนางมทั นาและศุภางคท์ หารเอกวา่ ลกั ลอบเป็นชูก้ นั ดว้ ยความโกรธพระองคจ์ ึงตดั สินให้ประหารชีวติ โดยมิ

พิจารณาใหถ้ ่องแทท้ าใหน้ างมทั นาและศุภางคต์ อ้ งรับทุกขจ์ ากการตดั สินใจคร้ังน้ีโชคดีที่ผทู้ ่ีมีรับสงั่ ใหเ้ ป็นผปู้ ระหาร ท้งั สองมีเมตตาทาใหร้ อดชีวิตในที่สุดและ
ความจริงกเ็ ปิ ดเผยนี่เป็นโชคดีแต่ถา้ ในทางกลบั กนั ท้งั สองถูกประหารดว้ ยการใส่ความ การตดั สินดว้ ยอารมณ์ชวั่ วบู ทาใหท้ ้งั สองสิ้นชีวติ แมค้ วามจริงจะเปิ ดเผย
ในภายหลงั กไ็ ม่มีประโยชน์แต่อยา่ งใดกลบั สร้างบาปและความทุกขใ์ จใหแ้ ก่ทา้ วชยั เสนมากข้ึนอีกดว้ ย

ลกั ษณะดีเด่นของมทั นะพาธา

๑. การที่พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงริเริ่มนาฉนั ทม์ าแต่ง เป็นบทละครพูด ซ่ึงทรงทาไดเ้ ช่นน้ี เพราะพระองคท์ รงเป็นนกั ปราชญท์ างภาษาและวรรณคดี จึงทรงสามารถ สรรคาที่ง่ายแก่
การเขา้ ใจของผอู้ ่านมาแตง่ เป็นฉนั ท์ ซ่ึงเป็นร้อยกรองที่แตง่ ยากเนื่องจากบงั คบั ใชค้ าครุ ลหุตามฉนั ทลกั ษณ์ทุกคา ท้งั ยงั ทรงสามารถผกู เป็นบทเจรจาตามลกั ษณะของบทละครพูดใหด้ าเนินเร่ืองราวตามโครง
เรื่องที่วางไวไ้ ดอ้ ยา่ งดี จนผอู้ ่านสมั ผสั ไดท้ ้งั รสคา รสความท่ีไพเราะและความงดงามทางภาษา

๒. การท่ีทรงต้งั ชื่อตวั ละคร และสถานท่ีอนั เป็นฉากของเร่ืองไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามยคุ แห่งภารตวรรษ คือ ยคุ แห่งอาณาจกั รพวกภารตะซ่ึงสืบเช้ือสายมาจากพระภรต พระจกั รพรรดิโบราณ ของอินเดีย
ตามเร่ืองมหาภารตะ ซ่ึงเป็นมหากาพยส์ าคญั เรื่องหน่ึง แตง่ ในประเทศอินเดียโบราณ เป็นมหากาพยภ์ าษาสันสกฤตเรื่องยาวท่ีสุดในโลก ท่ีทรงแต่งไดเ้ ช่นน้ีก็เพราะพระองคท์ รงเช่ียวชาญทางวรรณคดีภาษา
สนั สกฤตดว้ ย

๓. ไดท้ รงใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนตามแบบการเขียนภาษาองั กฤษมีเคร่ืองหมายจุลภาค มหพั ภาค ฯลฯ. ส่วนการสะกดการันตน์ ้นั ไดท้ รงใชว้ สิ รรชนีย(์ สระอะ) กากบั เพอื่ ใหอ้ า้ นออกเสียงตาม พระราช
ประสงค์ เช่น ม–ณี (มณี) ดุจะ (ดุจ)มะทะนา (มทนา) พ–ธู (พธู) ฯลฯ การเขียนอยา่ งแบบที่ทรงใชน้ ้ี ปรากฏวา่ ไม่มีผใู้ ดใชต้ าม ท้งั น้ีอาจขดั กบั อกั ขรวธิ ีไทย ซ่ึงใชก้ นั มานาน การที่ทรงใชอ้ กั ขรวธิ ีอยา่ งที่
ปรากฏในบทละครเรื่องน้ี อาจเป็นเพราะทรงคิดมาจากภาษาองั กฤษ ซ่ึงทรงเช่ียวชาญมากและอาจเป็นการทดลองดูก็ได้ สาหรับชื่อนางเอกของเรื่องน้ี มีพระราชปรารภในคานาของเรื่องฉบบั เดิมวา่ มี
พระราชดาริไวว้ า่ จะใชช้ ่ือนางเอกตามชื่อดอกไม้ แต่เมื่อทรงทราบวา่ ในภาษามคธ เรียกดอกกุหลาบวา่ “ กพุ ชก ” ซ่ึงถา้ แผลงสระ อะ เป็น อา จะไดศ้ พั ทวา่ กุพชกา ซ่ึงมีความหมายวา่ นางคอ่ ม จึงไมโ่ ปรด
และไดท้ รงหาคาศพั ทต์ า่ งๆ ท่ีพอจะใชเ้ ป็นามชองสตรี ก็ทรงเลือกเอา “ มทั นา ” จากศพั ท์ “ มทน” ซ่ึงมี ความหมายวา่ ความลุ่มหลงหรือความรัก ในขณะท่ีทรงคน้ หาชื่อ นางเอก ทรงพบศพั ท์ “ มทน
พาธา ” ซ่ึงเซอร์โมเนียร์ วลิ เลียมส์ แปลไวว้ า่ “ ความเจบ็ ปวด หรือ ความเดือดร้อนแห่งรัก”ก็โปรดวา่ เหมาะกบั เน้ือเรื่อง จึงทรงต้งั ชื่อเรื่องน้ีวา่ “ มทั นะพาธา หรือ ตานานแห่งดอกกุหลาบ”

ที่วา่ ชื่อเรื่อง มทั นะพาธา เหมาะกบั เน้ือเรื่องกเ็ พราะตามเน้ือเร่ือง ตวั ละครทุกตใั นเร่ืองที่มีความรักตอ่ กนั ไมว่ า่ จะเป็นความรักฉนั คูร่ ัก ฉนั พอ่ กบั ลูก หรือ ฉนั เจา้ กบั ขา้ กล็ ว้ นประสบกบั ความเดือดร้อน
จากความรัก ตรงกบั พุทธโอวาทของพระพทุ ธองคท์ ่ีกล่าววา่ “ ที่ใดมีรัก ท่ีนนั่ มีทุกข์ ”

เรียบเรียโดย ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอแม่ใจ

https://sites.google.com/site/learnthaibykrugikk/mathna-phatha
https://sites.google.com/site/mathnaphatha51/home/9-khunkha-thi-di-rab
https://www.newtv.co.th/news/11601


Click to View FlipBook Version