แบบทดสอบ (ชนิดของคำ 7 ชนิด – โวหารภาพพจน์– ศิลาจารึกหลักที่ ๑) 1. ประโยคในข้อใดมีคํานามที่ทำหน้าที่ขยายคําอื่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก. สมุดเล่มนี้ฉันยืมมา ข. เรากําลังรับประทานอาหารว่างตอนบ่าย ค. แม่ซื้อดินสอ 5 แท่ง ง. คุณพ่อคะทำอะไรอยู่คะ ๒. “นกบินสูงมาก”คำที่ขีดเส้นใต้ ทำหน้าที่ใดในประโยค ก. ขยายคำนาม ข. ขยายคำกริยา ค. ขยายคำวิเศษณ์ ง. ขยายคำสรรพนาม ๓. ประโยค “ ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเธอแล้วฉันจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร” คำว่า ‘ เธอ’ เป็นสรรพนามบุรุษใด ก. บุรุษที่ ๑ ข. บุรุษที่ ๒ ค. บุรุษที่ ๓ ง. บุรุษที่ ๔ ๔. ข้อใดใช้คำขยายไม่ถูกต้อง ก. รถวิ่งเร็วมาก ข. ชายคนนั้นสูงปรู๊ดเลย ค. ชุมชนนั้นมีผู้คนอยู่หนาแน่น ง. รถวิ่งจอแจเต็มไปหมดบนถนน ๕. ข้อใดบอกลักษณะนามได้ถูกต้อง ก. ปากกา ๒ ปาก ข. สมุด ๑ ฉบับ ค. จดหมาย ๒ ฉบับ ง. พระสงฆ์ ๒ องค์
๖. ประโยคใดใช้คำสันธาน ก. เขารักแต่เธอ ข. เขาทำตามคำสั่งของพ่อ ค. เขามาถึงบ้านเมื่อวานนี้ ง. เขารักเธอแต่เธอไม่รักเขา ๗. ประโยคในข้อใดมีคำเชื่อมเพื่อแสดงเวลา ก. เขาแพ้เพราะไม่เชื่อฟังผู้ฝึกสอน ข. เขาเดินได้ตอนหนึ่งขวบ ค. เขามาถึงตั้งแต่ไก่โห่ ง. เขาไปกับคุณพ่อ ๘. ข้อใดใช้คำอุทานได้เหมาะสมถูกต้อง ก. อุ๊ย ! ไม่น่าพลาดเลย ข. ไชโย ! ฉันสงสารเธอจัง ค. ชิชะ !หมอนี่ไม่รู้จักเราเสียแล้ว ง. โอ๊ย ! ฉันสอบผ่านหมดทุกวิชา ๙. เธอผู้เลอโฉมกำลังเข้าพิธีแต่งงาน คำที่ขีดเส้นใต้ทำหน้าที่ใดในประโยค ก. ขยายคำนาม ข. ขยายตำกริยา ค. ขยายคำวิเศษณ์ ง. ขยายคำสรรพนาม ๑๐. ข้อใดใช้ภาพพจน์แบบอุปลักษณ์ ก. เธอคือโคมทองของชีวิตพี่ ข. เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย ค. ฝากเพลงนี้มากับสายลมผ่าน ง. หากมีเวลามาเยี่ยมบ้านนาบ้างเธอพี่เน้อ
๑๑. คำประพันธ์ในข้อใดใช้โวลภาพพจน์ยกเว้นข้ออื่น ก. ดังหิงห้อยจะแข่งไยเห็นผิดทั้งบุราณมา ข. นางนวลจับนางนวลนอนเหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา ค. กูไม่ครั่นคร้ามขามใครจะหักให้ภัสธุลีผง ง. ท้าวกะหมังกุหนิงแข็งขันนำไปทอดโกรธดังกัลป์ ๑๒. "บุหลันเลื่อนลอยฟ้าไม่ราคี รัศมีส่องสว่างดั่งกลางวัน” ข้อความนี้เป็นโวหำรภาพพจน์ชนิดใด ก. อุปมา ข. อติพจน์ ค. อุปลักษณ์ ง. บุคลาธิษฐาน ๑๓. “ด้วยระเด่นบุษบาโฉมตรูจากคู่ภิรมย์สมสอง อย่าต่ำศักดิ์รูปชั่วเหมือนตัวน้อง พวกนี้ขอให้สุริย์วงศ์ พงศ์พันธุ์” คำประพันธ์ที่ต้องการใช้โวหารภาพพจน์ใด ก. อุปลักษณ์ ข. อรรพจน์ ค. อติพจน์ ง. อุปมา ๑๔. ข้อใดที่ไม่ใช้โวหารภาพพจน์ ก. ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ ข. เขามีเพชรอยู่ในมือแต่ปล่อยให้หลุดมือไปได้ ค. ธรรมชาติรอบข้างต่างสลดหมดความคะนองทุกสิ่งทุกอย่าง ง. บนเนินเขาเตี้ยๆ มีน้ำพุที่ให้น้ำตลอดฤดู ทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว ๑๕. "พ่อแม่ของธนามีอาชีพเลี้ยงเป็ดพันธุ์ไข่คราวละหลายร้อยตัว เป็ดเหล่านี้กำลังออกไข่ทุกวัน ธนาจึงตื่นแต่ เช้าเก็บไข่เป็ดในเล้า ให้แม่นำไปขายที่ตลาด" เป็นโวหารชนิดใด ก. พรรณนาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค. สาธกโวหาร ง. อุปมาโวหาร
๑๖. “ผิวน้ำสีขุ่นที่ถูกสายลมเย็นปลายเดือนกุมภาพันธุ์โชยพัดผ่าน ทำให้น้ำเป็นระลอกทยอยเข้ากระทบฝั่ง ครั้งแล้วครั้งเล่า ดงดอกหญ้าริมฝั่งที่เหี่ยวแห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาลปะทะลมดังหวีดหวิว” เป็นโวหารชนิดใด ก. พรรณนาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค. สาธกโวหาร ง. อุปมาโวหาร ๑๗. “เขารักษาความดีประดุจเกลือรักษาความเค็ม ทำให้มีแต่คนนับถือ” เป็นโวหารชนิดใด ก. พรรณนาโวหาร ข. บรรยายโวหาร ค. สาธกโวหาร ง. อุปมาโวหาร ๑๘. ข้อใดคือความหมายของโวหารภาพพจน์แบบบุคลาธิษฐาน ก. การใช้ถ้อยคำที่มีความหมายตรงกันข้ามหรือขัดแย้งกันมากล่าวร่วมกันได้อย่างกลมกลืน ข. การใช้ถ้อยคำที่เลียนเสียงธรรมชาติ เพื่อช่วยสื่อให้ผู้รับสารรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงโดยธรรมชาติของ สิ่งนั้น ๆ ค. การเปรียบเทียบโดยการนำเอาสิ่งไม่มีชีวิตหรือมีชีวิต แต่ไม่ใช่คนมากล่าวถึงราวกับเป็นคนหรือทำ กิริยาอาการอย่างคน ง. การเปรียบเทียบที่เรียกสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยใช้คำอื่นแทนคำที่ใช้เรียกนั้นเกิดจากการเปรียบเทียบและ ตีความซึ่งใช้กันมานานจนเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป ๑๙. “การเปรียบเทียบด้วยการกล่าวว่าสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่กล่าว ตรง ๆ แต่ใช้การ กล่าวเป็นนัยให้เข้าใจเอง” คือโวหารภาพพจน์แบบใด ก. สัทพจน์ ข. อติพจน์ ค. บุคลาธิษฐาน ง. อุปลักษณ์ ๒๐. “การใช้ถ้อยคำที่มีความหมายตรงกันข้ามหรือขัดแย้งกันมากล่าวร่วมกันอย่างกลมกลืน” คือโวหาร ภาพพจน์แบบใด ก. ปรพากย์ ข. สัญลักษณ์ ค. อุปมา ง. นามนัย
๒๑. ข้อใดมีการใช้โวหารภาพพจน์แบบอุปมาอุไมย ก. ธิดาลิ้นจี่ปีนี้งดงามราวกับนางฟ้า ข. หนาวจนกระดูกจะหลุด ค. สวรรค์ในอกนรกในใจ ง. ทหารคือรั้วของชาติ ๒๒. ข้อใดมีการใช้โวหารภาพพจน์ ก. บริเวณนั้นเป็นทุ่งโล่งลิบตา ฟากตรงข้ามจอมปลวกเป็นป่าที่เจ้าของเพิ่งถาง ข. แดดเช้าส่องมาอบอุ่น คนเลี้ยงวัวยังคงย่ำเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งร้อน ค. เด็กชายวิ่งวนไปรอบๆ บ้านดินทรายยื่นดอกไม้แกว่งไกวหลอกล่อ ง. เธอน่ะกำลังถูกความฟุ้งเฟ้อครอบงำเสียจนตาบอด ๒๓. ข้อใดไม่มีการใช้โวหารภาพพจน์ ก. สะพานแกว่งลั่นเอี๊ยดอ๊าด คนเลี้ยงวัวทั้งสองยังไม่เคลื่อนไหว ข. นุ่นต้นใหญ่สูงตระหง่านเสียดยอดแทงทะลุฟ้าดูโดดเด่นอยู่ริมปลวก ค. ผู้ชายคนหนึ่งหาบถังใส่น้ำยางมาเอวแอ่น ร่างของเขาเซไปมาเหมือนคนเมา ง. นางออกจากบ้านท้ายสวนมาเมื่อตะวันเย็นย่ำ ท่ามกลางหมอกควันกลางฤดูหนาว ๒๔. ข้อใดมีการใช้โวหารภาพพจน์แบบอติพจน์ ก. เด็กน้อยเปรียบดังผ้าขาวอันบริสุทธิ์ ข. เขาร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ค. ต้นข้าวโน้มตัวลงนอน ง. เสียงลมพัดหวีดหวิว ๒๕. ข้อใดไม่ใช่ภาพพจน์ ก. ที่นี่จนใจไม่มีเท่าขี้เล็บ ขี้เกียจเก็บเลยทางมากลางหน ข. ถึงห้วยโป่งเห็นลำธารละหานไหลคงคาใสปลาว่ายคล้ายเห็น ค. เสียงสินธุดุดั้น ลั่นพิสะสะทึกโจม จังหวะฉัดฉวัดเฉวียนตามมา ง. อย่างน้อยนกไม่ยอมให้ลืมดูคนที่อาจจะซ่องพักมันรักษา
๒๖. ข้อใดเป็นโวหารภาพพจน์ชนิด " อวพจน์ " ก. ร้อนตับจะแตก ข. รอมาสักร้อยชาติแล้ว ค. เหนื่อยสายตัวแทบขาด ง. คอยสักอึดใจเดียวเท่านั้น ๒๗. ข้อใดเป็นโวหารภาพพจน์ ก. พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา ข. นกแก้วแจ้วแจ่มเสียง จับไม้เรียงเคียงคู่สอง ค. ไก่ฟ้ามาตัวเดียว เดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา ง. เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย ๒๘. กลอนใช้ภาพพจน์ใดต่อไปนี้เป็นคำปราศรัย ก. อุปมา ข. อุปลักษณ์ ค. บุคลาธิษฐาน ง. อติพจน์ ๒๙. “สลัดไดไหน สลัดน้องแนงนอนไพรฤา เพราะเพื่อมาราญรอน ซิกเคลียร์”คำประพันธ์ที่ต้องการใช้โวหาร ภาพพจน์ใด ก. เล่นคำ ข. สัจพจน์ ค. อัพภาส ง. เล่นเสียงวรรณยุกต์ ๓๐. ผู้พบศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงคือใคร ก. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ข. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ค .พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ง. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ๓๑. ข้อใดไม่ใช่เนื้อหาที่กล่าวในศิลาจารึก ก. สาเหตุของการคิดประดิฐอักษร ข. อธิบายขอบเขตอานาจักรสุโขทัย ค. เหตุการณ์และสภาพความเป็นอยู่ ง. ประวัติของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
๓๒. หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีคุณค่าในด้านใดมากที่สุด ก. อักษรศาสตร์และประวัติศาสตร์ ข. อักษรศาสตร์และรัฐศาสตร์ ค. สังคมศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ง. รัฐศาสตร์และประวิติศาสตร์ ๓๓. ศิลาจารึกตอนที่นำมาเรียนนี้ มีลักษณะการแต่งอย่างไร ก. บทความ ข. จดหมายเหตุ ค. ชีวประวัติ ง. อัตชีวประวัติ ๓๔. ศิลาจารึกหลักที่ ๑ มีความสำคัญอย่างไร ก. เป็นแหล่งข้อมูลเรื่องราวในอดีต ข. แสดงค่านิยมไทยในสมัยสุโขทัย ค. เป็นความเชื่อของคนสมัยสุโขทัย ง. เป็นบันทึกการเดินทางของพ่อขุนรามคำแห่งมหาราช ๓๕. ข้อใดอธิบายความในศิลาจารึกต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง “พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูมีพี่น้องท้องเดียวกันห้าคนผู้ชายสาม ผู้หญิงโสง พี่เผื่อผู้อ้ายตาจากเผือเตรียมแต่ยังเล็ก” ก. พ่อขุนรามคำแหงมีพี่น้องท้องเดียวกัน ๕ คน ข. มารดาของพ่อขุนรามคำแหงมีพระนามว่านางเสือง ค. บิดาของพ่อขุนรามคำแหงมีพระนามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ง. พ่อขุนรามคำแหงเป็นบุตรคนที่ ๒ ส่วนพ่อขุนบานเมืองเป็นคนโต ๓๖. กูบ่หนีกูขี่ช้างเบกพล กูขับเข้าก่อนพ่อกู" ข้อความนี้สะท้อนสะท้อนให้สะท้อนให้เห็นสิ่งใด ก. ความรัก ข. ความอดทน ค. ความกตัญญู ง. ความกล้าหาญ ๓๗. "กูได้หมากส้มหมากหวานอันใดกินอร่อยดี กูเอามาแก่พ่อกู" จากข้อความนี้สะท้อนให้เห็นค่านิยมด้านใด ก. ความรัก ข. ความขยัน ค. ความกตัญญู ง. ความระลึกชอบ
๓๘. ข้อใดแปลคำศัพท์ไม่ถูกต้อง ก. เกลื่อนเข้า หมายถึง เคลื่อนพลเข้าทำศึก ข. บำเรอ หมายถึง รับใช้,ปรนนิบัติ ค. หมากหวาน หมายถึง ผลไม้เชื่อม ง. ไพร่ฟ้าหน้าใส หมายถึง ไพร่พล ๓๙. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะสำนวนภาษาที่ใช้ในศิลาจารึก ก. ใช้คำไทยแท้เป็นส่วนใหญ่ ข. ใช้ประโยคสั้น ง่ายไม่ซับซ้อน ค. ไม่นิยมใช้คำกริยา ง. บางตอนมีเสียงสัมผัสอันไพเราะ ๔๐. ข้อใดสะท้อนค่านิยมทางด้านความกตัญญูกตเวที ก. กูบ่หนี กูขี่ช้างเบิกพล กูขับเข้าก่อนพ่อกู ข. พ่อกูจึงขขึ้นชื่อกู ชื่อพระรามคำแหง เพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน ค. กูพร่ำบำเรอแก่พี่กูดั่งบำเรอแก่พ่อกู ง. พี่กูตายจึงได้เมืองแก่กูทั้งกลม
แบบทดสอบ (เฉลย) (ชนิดของคำ 7 ชนิด – โวหารภาพพจน์– ศิลาจารึกหลักที่ ๑) 1. ข. เรากําลังรับประทานอาหารว่างตอนบ่าย ๒. ข. ขยายคำกริยา ๓. ค. บุรุษที่ ๓ ๔. ก. รถวิ่งเร็วมาก ๕. ค. จดหมาย ๒ ฉบับ ๖. ง. เขารักเธอแต่เธอไม่รักเขา ๗. ค. เขามาถึงตั้งแต่ไก่โห่ ๘. ค. ชิชะ !หมอนี่ไม่รู้จักเราเสียแล้ว ๙. ง. ขยายคำสรรพนาม ๑๐. ก. เธอคือโคมทองของชีวิตพี่ ๑๑. ค. กูไม่ครั่นคร้ามขามใครจะหักให้ภัสธุลีผง ๑๒. ก. อุปมา ๑๓. ง. อุปมา ๑๔. ก. ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ ๑๕. ข. บรรยายโวหาร ๑๖. ก. พรรณนาโวหาร ๑๗. ง. อุปมาโวหาร ๑๘. ค. การเปรียบเทียบโดยการนำเอาสิ่งไม่มีชีวิตหรือมีชีวิต แต่ไม่ใช่คนมากล่าวถึงราวกับเป็นคนหรือทำกิริยา อาการอย่างคน ๑๙. ง. อุปลักษณ์ ๒๐. ก. ปรพากย์ ๒๑. ก. ธิดาลิ้นจี่ปีนี้งดงามราวกับนางฟ้า ๒๒. ข. แดดเช้าส่องมาอบอุ่น คนเลี้ยงวัวยังคงย่ำเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งร้อน
๒๓. ง. นางออกจากบ้านท้ายสวนมาเมื่อตะวันเย็นย่ำ ท่ามกลางหมอกควันกลางฤดูหนาว ๒๔. ง. เสียงลมพัดหวีดหวิว ๒๕. ก. ที่นี่จนใจไม่มีเท่าขี้เล็บ ขี้เกียจเก็บเลยทางมากลางหน ๒๖. ง. คอยสักอึดใจเดียวเท่านั้น ๒๗. ง. เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย ๒๘. ก. อุปมา ๒๙. ก. เล่นคำ ๓๐. ข. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๓๑. ก. สาเหตุของการคิดประดิฐอักษร ๓๒. ก. อักษรศาสตร์และประวัติศาสตร์ ๓๓. ง. อัตชีวประวัติ ๓๔. ก. เป็นแหล่งข้อมูลเรื่องราวในอดีต ๓๕. ง. พ่อขุนรามคำแหงเป็นบุตรคนที่ ๒ ส่วนพ่อขุนบานเมืองเป็นคนโต ๓๖. ง. ความกล้าหาญ ๓๗. ค. ความกตัญญู ๓๘. ง. ไพร่ฟ้าหน้าใส หมายถึง ไพร่พล ๓๙. ข. ใช้ประโยคสั้น ง่ายไม่ซับซ้อน ๔๐. ค. กูพร่ำบำเรอแก่พี่กูดั่งบำเรอแก่พ่อกู
แบบทดสอบ (การสร้างคำซ้ำ ซ้อน ประสม – คำยืมภาษาต่างประเทศ) 1. คำในข้อใดเป็นคำประสมทุกคำ ก. งูน้ำ ผู้ดี สัปปะรด ข. มั่นคง ทุ่มเท เล็ก ๆ ค. ประกาศ ชาวสวน สามารถ ง. อกไก่ นักเรียน หมอความ ๒. ข้อใดเป็นคำประสมทุกคำ ก. บ้านเรือน พ่อแม่ ลูกหลาน ข. ขาดเหลือ บ้านนอก อ้วนพี ค. ห่อหมก ชั่วดี บ้านพัก ง. กล้วยไม้ เสื้อคลุม แผ่นเสียง ๓. ข้อใดไม่ใช่คำประสม ก. ไม้จิ้มฟัน ข. เรือรบหลวง ค. น้ำตาลมะพร้าว ง. หมูเห็ดเป็ดไก่ ๔. คำประสมในข้อใดเกิดจากคำนามกับคำวิเศษณ์ ก. ว่ากล่าว ดูถูก ข. มดแดง ม้าเร็ว ค. อยู่ไฟ ไฟฉาย ง. ยินดี วิ่งเร็ว ๕. คำในข้อใดไม่เป็นคำประสมทั้งหมด ก. เครื่องเคียง เครื่องพัง ข. เครื่องปรุง เครื่องเล่น ค. เครื่องครัว เครื่องดื่ม ง. เครื่องใน เครื่องเรือน ๖. ข้อใดเป็นคำประสมที่เกิดจากคำนามประสมกับคำกริยา ก. หน้าม้า ข. คอห่าน ค. แม่เลี้ยง ง. กล้วยไม้ ๗. ข้อใดไม่มีคำประสม ก. เทียนดอกไม้ไข่ขาวมะพร้าวพร้อม น้ำมันหอมแปูงปรุงฟุ้งทั่วห้อง ข. อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย ค. แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน ง. ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอุตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
๘. คำในข้อใดเป็นคำประสม ก. แม่น้ำ ข. สามัคคี ค. แบบฝึกหัด ง.รองเท้า ๙. ข้อใดมีคำประสมประกอบอยู่ด้วย ก. ผ้าที่เย็บนั้นสวย ข. เข็มเย็บผ้าของใคร ค. ใครเย็บผ้าให้น้อง ง. ฉันชอบผ้าผืนนั้น ๑๐.ข้อใดไม่มีคำซ้อน ก. กินข้าวเสร็จแล้วต้องช่วยกันเก็บถ้วยชามให้เรียบร้อย ข. ประชาชนกำลังยื้อแย่งกันซื้อเสื้อเหลืองที่เมืองทองธานี ค. เด็กวัยรุ่นทุกวันนี้ชอบกินเหล้าเมายาประพฤติตนเหลวแหลก ง. รัฐบาลยอมให้ราคาน้ำมันลอยตัวได้จึงทำให้น้ำมันมีราคาแพง ๑๑. ข้อใดเป็นคําซ้อนเพื่อความหมายทุกคํา ก. อ้วนพีพรรคพวก ยักษ์มาร ข. ซักฟอก เร็วไว ฟุ่มเฟือย ค. โลเล ฟ้อนรํา ลูกหลาน ง. เสื้อผ้า กักขัง อ่อนแอ ๑๒. ข้อใดมีคําซ้อนเพื่อเสียงทุกคํา ก. รุ่งริ่ง รกร้าง รุงรัง ข. ทอดทิ้ง หาบหาม ถอดถอน ค. กรอบแกรบ กรีดกราด กระดากกระเดือง ง. บากบั่น บอบบาง บิดเบือน ๑๓. คำซ้อนในข้อใดมีลักษณะต่างกับข้ออื่น ก. งอแง โยกเยก รุ่มร่าม ข. ดูแล มากหลาย เลือกเฟ้น ค. ปากคอ ญาติโยม หยิบยืม ง. ขวากหนาม กดขี่ ค้ำจุน ๑๔. ข้อใดเป็นคำซ้ำที่เป็นคำกริยามีความหมายแสดงอาการต่อเนื่อง ก. ฉันรู้เรื่องนี้พอเลาๆ ข. อาจารย์สอนๆ ไปก็หยุด ค. เธอทำงานลวกๆ พอให้เสร็จ ง. นักเรียนวิ่งเร็วๆ ให้ทันเข้าแถว
๑๕. คำซ้ำในข้อใดที่มีความหมายเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ก. คุณยายชอบอาบน้ำอุ่นๆ ข. ตอนเช้าๆ อากาศเย็นสบายๆ ค. แม่สัญญาว่าจะให้รางวัลไปๆ ก็ลืม ง. ห้องแคบนักเรียนนั่งชิดๆ กันหน่อย ๑๖. คำซ้อนต่อไปนี้คำใดสร้างคำซ้ำไม่ได้ ก. ชั่วดี ข. ทิ้งขว้าง ค. งกเงิ่น ง. ป่าวร้อง ๑๗. ข้อใดไม่ควรใช้ไม้ยมกแทนคำเพื่อให้เป็นคำซ้ำ ก. คนไข้หนาวจนตัวสั่นริกริก ข. ทุกทุกคนก็ชอบความสวยงาม ค. คนคนนี้ไว้ใจไม่ได้ ง. เขาควรจะพูดกันซึ่งซึ่งหน้า ๑๘. ข้อใดไม่มีคําซ้ำ ก. ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม ข. เลขง่ายง่ายทำไมทำไม่ได้ ค. เปิดวิทยุเสียงค่อยค่อยหน่อยได้ไหม ง. ห้องห้องนี้ใครเป็นคนทำความสะอาด ๑๙. คําซ้ำในข้อใดมีความหมายหนักแน่นขึ้น ก. หยิบหนังสือเล่มบน ๆให้หน่อยสิ ข. นั่งเขียนไปเรื่อย ๆก็เพลินดีเหมือนกัน ค. รู้แบบงูๆ ปลาๆ คือรู้แบบไม่จริง ง. ของส่งมาคราวนี้มีแต่สินค้าใหม่ๆทั้งนั้น ๒๐. คำซ้ำในข้อใดมีความหมายเปลี่ยนไปจากเดิมสิ้นเชิง ก. คุณแม่ชอบดื่มน้ำเย็นๆ ข. ตอนเช้าๆ อากาศเย็นสบาย ค. ห้องมันแคบนั่งชิดๆ กันหน่อย ง. พ่อสัญญาว่าจะให้รางวัล ไปๆ ก็ลืม ๒๑. เหตุใดจึงมีการยืมคำมาใช้ในภาษาไทย ก. เพราะมีความสัมพันธ์ทางการค้า การทูต ข. เพราะในปัจจุบันมนุษย์มีความหลากหลาย ค. เพราะมีการประชาสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ ง. เพราะภาษาต่างประเทศมีมากจึงต้องนำมาใช้ในประเทศไทยบ้าง
๒๒. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาต่างประเทศทุกคำ ก. เกาเหลา ข้าวเปล่า ข. บันได แก้วน้ำ ค. ทุเรียน มะขาม ง. กัลปังหา กีตาร์ ๒๓. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษทุกคำ ก. คอนเสิร์ต แท็กซี่ นอต ข. เกียร์ ดีเซล จับกัง ค. ทีวี พราหมณ์ ชอล์ก ง. จาระบี เรดาห์ จับฉ่าย ๒๔. ประโยคใดมีคำทีมาจากภาษาจีน ก. อย่าลืมปิดไฟทุกครั้งก่อนนอน ข. ฉันไม่ชอบเดินคนเดียวตอนเย็น ค. คุณครูบอกให้จัดโต๊ะและเก้าอี้ให้เรียบร้อย ง. มีพระห้อยคอแล้วรู้สึกเป็นสิริมงคล ๒๕. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาเขมรทุกคำ ก. ยูโด จรวด บรรทม ข. โควตา ธามรงค์ โก๋แก่ ค. กำเนิด บันได ตรัส ง. บะหมี่ ตำรวจ คาราเต้ ๒๖. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤตทุกคำ ก. ตำรวจ กำเนิด ข. สะใภ้ วิญญาณ ค. อัศจรรย์ สัญญา ง. คอมพิวเตอร์ ฟิล์ม ๒๗. คำในข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น ก. โก้เก๋ ข. สาเก ค. ยี่หร่า ง. เหรียญ ๒๘. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาญี่ปุ่นทุกคำ ก. สุกียากี้ วาซาบิ ข. เฉาก๊วย โอเลี้ยง ค. เตียง เก้าอี้ ง. เทนนิส บุฟเฟต์ ๒๙. ชื่อกีฬาชนิดใดที่ไม่ได้มาจากภาษาอังกฤษ ก. กอล์ฟ ข. เคนโด ค. เทนนิส ง. สนุกเกอร์
๓๐. “ยูโด” เป็นชื่อศิลปะการป้องกันตัว เป็นคำที่มาจากภาษาใด ก. โปรตุเกส ข. ฝรั่งเศส ค. อังกฤษ ง. ญี่ปุ่น ๓๑. “โปโล รักบี้ เทนนิส ปิงปอง” เป็นชื่อกีฬาที่มาจากภาษาใด ก. โปรตุเกส ข. ฝรั่งเศส ค. อังกฤษ ง. จีน 3๒. “กะปิตัน”เป็นคำที่มาจากภาษาใด ก. จีน ข. ไทย ค. อังกฤษ ง. ฝรั่งเศส ๓๓. “ตรัส เจริญ ตำรวจ ดล” เป็นคำที่มาจากภาษาใด ก. สันสกฤต ข. เขมร ค. บาลี ง. ไทย ๓๔. “กงสีซุป เก้าอี้ฆ้อง ยี่ห้อ” มีคำที่มาจากภาษาจีนกี่คำ ก. ๕ คำ ข. ๔ คำ ค. ๓ คำ ง. ๒ คำ ๓๕. “ ทรานซิสเตอร์ ชิมแปนซี ทีวี เคนโด คาราเต้ ห้าง” มีคำที่มาจากภาษาอังกฤษกี่คำ ก. ๑ คำ ข. ๒ คำ ค. ๓ คำ ง. ๔ คำ ๓๖. ข้อใดถูกต้อง ก. คาราเต้เป็นชื่อศิลปะการต่อสู้ที่มาจากภาษาอังกฤษ ข. โพงพางเป็นชื่ออุปกรณ์หาปลาที่มาจากภาษาจีน ค. กุหลาบเป็นชื่อดอกไม้ที่มาจากภาษาฝรั่งเศส ง. สุกียากี้เป็นชื่ออาหารที่มาจากภาษาจีน
๓๗. ข้อใดไม่มีคำที่มาจากภาษาเขมร ก. จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ความเห็นชอบ ข. คุณปู่ทำกนกแก้วลายไทยงามไพจิตร ค. ให้รื่นเริงสุขสำราญเหมือนดอกไม้บานยามเช้า ง. เพลงลาวดำเนินทรายมีท่วงทำนองไพเราะอ่อนหวาน ๓๘. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤตที่ใช้รูปตรงกันทุกคำ ก. พยายาม ปรารถนา ธรรม ข. อาทิตย์ ราชินี ญาติ ค. บัณฑิต ทารุณ ชีวิต ง. ลัทธิ ทุกข์ เถระ ๓๙. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาบาลีทุกคำ ก. ศาล ฤกษ์ วิญญาณ ข. บัญญัติ พิษ วิกฤต ค. กติกา ทัพพี สมถะ ง. จักร เมตตา ภาษา ๔๐. ข้อใดเป็นภาษาเปอร์เซียทุกคำ ก. ลุสา วินันตู ตะเบ๊ะ ข. กุญแจ สลาตัน โสร่ง ค. ยาหยัง บุหรง สาหรี ง. สักหลาด คาราวาน ยี่หร่า
แบบทดสอบ(เฉลย) (การสร้างคำซ้ำ ซ้อน ประสม – คำยืมภาษาต่างประเทศ) 1. ง. อกไก่ นักเรียน หมอความ ๒. ง. กล้วยไม้ เสื้อคลุม แผ่นเสียง ๓. ง. หมูเห็ดเป็ดไก่ ๔. ค. อยู่ไฟ ไฟฉาย ๕. ข. เครื่องปรุง เครื่องเล่น ๖. ค. แม่เลี้ยง ๗. ก. เทียนดอกไม้ไข่ขาวมะพร้าวพร้อม น้ำมันหอมแปูงปรุงฟุ้งทั่วห้อง ๘. ก. แม่น้ำ ๙. ข. เข็มเย็บผ้าของใคร ๑๐. ง. รัฐบาลยอมให้ราคาน้ำมันลอยตัวได้จึงทำให้น้ำมันมีราคาแพง ๑๑. ก. อ้วนพีพรรคพวก ยักษ์มาร ๑๒. ค. กรอบแกรบ กรีดกราด กระดากกระเดือง ๑๓. ก. งอแง โยกเยก รุ่มร่าม ๑๔. ข. อาจารย์สอนๆ ไปก็หยุด ๑๕. ค. แม่สัญญาว่าจะให้รางวัลไปๆ ก็ลืม ๑๖. ง. ป่าวร้อง ๑๗. ค. คนคนนี้ไว้ใจไม่ได้ ๑๘. ง. ห้องห้องนี้ใครเป็นคนทำความสะอาด ๑๙. ง. ของส่งมาคราวนี้มีแต่สินค้าใหม่ๆทั้งนั้น ๒๐. ง. พ่อสัญญาว่าจะให้รางวัล ไปๆ ก็ลืม ๒๑. ก. เพราะมีความสัมพันธ์ทางการค้า การทูต ๒๒. ง. กัลปังหา กีตาร์ ๒๓. ก. คอนเสิร์ต แท็กซี่ นอต
๒๔. ค. คุณครูบอกให้จัดโต๊ะและเก้าอี้ให้เรียบร้อย ๒๕. ค. กำเนิด บันได ตรัส ๒๖. ค. อัศจรรย์ สัญญา ๒๗. ข. สาเก ๒๘. ก. สุกียากี้ วาซาบิ ๒๙. ข. เคนโด ๓๐. ง. ญี่ปุ่น ๓๑. ค. อังกฤษ 3๒. ง. ฝรั่งเศส ๓๓ ข. เขมร ๓๔. ค. ๓ คำ ๓๕. ค. ๓ คำ ๓๖. ข. โพงพางเป็นชื่ออุปกรณ์หาปลาที่มาจากภาษาจีน ๓๗. ข. คุณปู่ทำกนกแก้วลายไทยงามไพจิตร ๓๘. ค. บัณฑิต ทารุณ ชีวิต ๓๙. ค. กติกา ทัพพี สมถะ ๔๐. ง. สักหลาด คาราวาน ยี่หร่า