วิชา การออกแบบการจัดการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสุนันทา
การออกแบบการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย 1
บทท่ี 1
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 จัดทำขึ้นเพื่อให้เขตพื้นที่การศึกษา
หน่วยงานระดับท้องถิ่น และสถานศึกษาทุกสังกัดที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานนำไปใช้เป็นกรอบในการ
พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และมองเห็นทิศทางที่จะวางแผนจัดการเรียนการสอนได้เป็นมาตรฐาน
เดียวกัน โดยพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคน ให้มีความรู้ความสามารถ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ดังนั้นผู้ท่ี
เกี่ยวข้องกับการนำหลักสูตรแกนกลางไปปฏิบัติใช้ จึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการสำคัญ
ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน แนวทางการจัดการเรียนรู้ การใช้สื่อและแหล่ง
การเรยี นรู้ และการวัดประเมินผลการเรียนรขู้ องผู้เรยี นให้มคี ุณภาพตามหลักการของหลกั สูตร ซงึ่ จะส่งผล
ให้การนำหลักสูตรแกนกลางไปใช้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายของการปฏิรูปการศึกษา โดยมีหลักการ
สำคัญ ดงั น้ี
หลักการสำคัญของหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551มีหลักการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา
ผู้เรยี นให้มีความร้คู วามสามารถโดยมสี าระสำคัญ ดังน้ี
1.1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนไว้เป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระการเ รียนรู้
ให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมาย โดยส่งเสริมให้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติฝึกให้คิดเป็น ทำเป็น
แก้ปญั หาเปน็ รกั การอา่ น และมนี สิ ยั ใฝ่รู้ ใฝ่เรียนตลอดชีวติ
1.2 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปี
ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพื่อให้ครูผู้สอนมองเห็นผลคาดหวังที่ต้องพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน
ให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่สำคัญของแต่ละชั้นปี และต่อเนื่องจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ดงั นั้น การจดั ทำสาระการเรยี นรู้ การกำหนดเนื้อหา การจดั ทำหน่วยการเรียนรู้ การจดั การเรียนการสอน
และการวัดประเมินผลการเรยี นรู้ จะต้องสะท้อนคุณภาพของผูเ้ รียนตามมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวช้วี ัด
การออกแบบการจดั การเรยี นรู้วชิ าภาษาไทย 2
ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน เพื่อใช้ตรวจสอบคณุ ภาพผู้เรยี น และเทียบโอนผล
การเรียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
1.3 การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีคุณลักษณะตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้เอง มีส่วนร่วมในการสร้างผลการ
เรียนรู้ที่มีความหมายแก่ตนเอง ผู้สอนต้องออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และจัดประสบการณ์การเรียนรู้
อย่างเป็นระบบ เน้นประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดแก่ผู้เรียน และคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล พัฒนา
ผู้เรียนจนเตม็ ศักยภาพตามความถนดั และความสนใจเปน็ รายบคุ คล
1.4 การจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรยี นบรรลุเปา้ หมายตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดช้ันปีจะต้อง
ใชก้ ระบวนการการเรยี นรู้ท่หี ลากหลาย ไดแ้ ก่ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทาง
สังคม กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ
กระบวนการพัฒนาค่านิยม ฯลฯ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ผู้สอนต้องฝึกฝนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และ
พฒั นาตนเองจนบรรลุมาตรฐานการเรยี นรูข้ องหลักสตู รอยา่ งมีประสิทธิภาพ
1.5 ผู้สอนต้องออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยศึกษาวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ตัวชี้วัด
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผูเ้ รียน แล้วจึง
เลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ แหล่งการเรียนรู้ เครื่องมือ และวิธีการวัดประเมินผลที่มีคุณภาพ
เพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่เป้าหมายการเรียนรู้ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ และเต็มตามศักยภาพของ
ผเู้ รยี นแต่ละคน
การออกแบบการจดั การเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย 3
สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้ประกอบด้วยองค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ หรือคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ซึ่งกำหนดให้ผู้เรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จำเป็นต้องเรียนรู้ โดยแบง่ เป็น 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ดงั นี้
ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
ความรู้ ทักษะและวัฒนธรรม การนำความรู้ทกั ษะและ การนำความร้แู ละกระบวนการ
การใช้ภาษา เพอ่ื การสอื่ สาร กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ทางวิทยาศาสตรไ์ ปใชใ้ น
ความชื่นชม การเหน็ คณุ คา่ ไปใช้ในการแกป้ ัญหา การ การศกึ ษา ค้นคว้าหาความรู้
ภมู ิปญั ญาไทย และภมู ิใจในภาษา ดำเนนิ ชวี ิต และศกึ ษาต่อ และแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ
ประจำชาติ การมเี หตุมผี ล มเี จตคตทิ ่ดี ี การคิดอย่างเป็นเหตเุ ป็นผล
ตอ่ คณติ ศาสตร์ พฒั นาการ คิดวเิ คราะห์ คิดสรา้ งสรรค์
คิดอย่างเปน็ ระบบและ และจติ วิทยาศาสตร์
สร้างสรรค์
ภาษาต่างประเทศ องคค์ วามรู้ ทักษะสำคญั สงั คมศกึ ษา ศาสนาและ
ความรู้ทกั ษะ เจตคติ และคุณลักษณะ วัฒนธรรม
และวัฒนธรรม การใช้ การอย่รู ว่ มกนั ในสังคมไทย
ภาษาตา่ งประเทศในการ ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา และสังคมโลกอยา่ ง
สื่อสาร การแสวงหาความรู้ ขั้นพ้นื ฐาน สนั ตสิ ขุ การเปน็ พลเมืองดี
และการประกอบอาชพี ศรัทธาในหลักธรรมของ
ศาสนา การเหน็ คุณค่าของ
ทรัพยากรและส่ิงแวดลอ้ ม
ความรักชาติ และภมู ิใจใน
ความเปน็ ไทย
การงานอาชพี และ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
เทคโนโลยี
ความรู้ ทกั ษะ และเจตคติ ศลิ ปะ ความรู้ ทักษะและเจตคติใน
ในการทำงาน การจัดการ ความรู้และทักษะในการคิด การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ
การดำรงชวี ติ การประกอบ รเิ รมิ่ จนิ ตนาการ สร้างสรรค์ พลานามยั ของตนเองและ
อาชีพ และการใช้เทคโนโลยี งานศิลปะ สุนทรียภาพและ ผอู้ ่ืน การป้องกันและ
การเห็นคุณคา่ ทางศิลปะ ปฏิบตั ติ ่อส่ิงตา่ ง ๆ ทม่ี ผี ล
ตอ่ สขุ ภาพอยา่ ง ถูกวธิ ีและ
ทกั ษะในการดำเนนิ ชีวติ
การออกแบบการจัดการเรยี นรู้วิชาภาษาไทย 4
ความสัมพนั ธข์ องการพัฒนาคุณภาพของผูเ้ รียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
วิสยั ทศั น์
หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน ม่งุ พฒั นาผู้เรียนทกุ คน ซ่ึงเป็นกาลังของชาตใิ หเ้ ป็นมนุษย์ ท่ีมีความสมดลุ ท้งั
ดา้ นร่างกาย ความรู้ คณุ ธรรมมจี ิตสานึกในความเปน็ พลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมัน่ ในการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตย
อนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ มคี วามรู้และทักษะพ้นื ฐาน รวมท้ัง เจตคติ ทจ่ี าเปน็ ตอ่ การศึกษาตกอ่ารประกอบอาชพี
และการศกึ ษาตลอดชีวิต โดยมงุ่ เน้นผ้เู รียนเปน็ สาคญั บนพนื้ ฐานความเชอ่ื วา่ ทกุ คนสามารถเรียนร้แู ละพฒั นาตนเองได้
เตม็ ตามศักยภาพ
จดุ หมาย
1. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมท่พี งึ ประสงค์ เห็นคุณคา่ ของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรม
ของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาท่ีตนนบั ถอื ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
2. มคี วามร้อู นั เป็นสากลและมีความสามารถในการส่ือสาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้เทคโนโลยแี ละมีทกั ษะ
ชีวติ
3. มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ที่ดี มสี ุขนสิ ัย และรักการออกกาลังกาย
4. มคี วามรกั ชาติ มจี ิตสานกึ ในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยดึ มั่นในวิถีชวี ิตและการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข
5. มจี ิตสานกึ ในการอนุรักษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย การอนรุ ักษแ์ ละพัฒนาส่ิงแวดล้อมมจี ิตสาธารณะที่
มุง่ ทาประโยชน์และสรา้ งส่ิงท่ีดีงามในสงั คม และอยู่ร่วมกันในสงั คมอย่างมคี วามสขุ
สมรร นะสาคัญของผูเ้ รยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซอื่ สัตย์สุจริต
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 3. มวี ินัย 4 . ใฝเ่ รียนรู้
5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 6. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
7. รักความเป็นไทย 8. มีจติ สาธารณะ
มาตรฐานและตวั ชีว้ ดั 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
1. ภาษาไทย 2. คณติ ศาสตร์ 3. วทิ ยาศาสตร์ 1 .กิจกรรมแนะแนว
4. สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 5. สขุ ศึกษาและพลศึกษา 2. กจิ กรรมนกั เรยี น
6. ศิลปะ 7. การงานอาชีพและเทคโนโลยี 8. ภาษาตา่ งประเทศ 3. กจิ กรรมเพ่อื สังคมและ
สาธารณประโยชน์
คุณภาพของผเู้ รยี นระดบั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน
การออกแบบการจดั การเรยี นรวู้ ิชาภาษาไทย 5
ลักษณะของหลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทยมีลักษณะเปน็ หลักสูตรอิงมาตรฐาน การพัฒนาหลักสูตร
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของสถานศึกษา ดำเนินการโดยศึกษาวิสัยทัศน์หลักการ และจุดมุ่งหมาย
ของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 แลว้ วเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วัด
และสาระการเรียนรู้แกนกลางเพื่อนำมากำหนดคำอธิบายรายวิชาและหน่วยการเรียนรู้ตลอดปี ซึ่งจะมี
กี่หน่วยก็ได้ รวมทั้งเวลาที่ใช้เรียนรู้แต่ละหน่วย แล้วนำหน่วยการเรียนรู้มาจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้
เพื่อกำหนดกระบวนการเรียนรู้ตามปรัชญาและจุดมุ่งหมายทางการศึกษา นอกจากนี้หลักสูตรกลุ่มสาระ
การเรยี นรูภ้ าษาไทย จดั รายวิชาเปน็ 2 ลักษณะ ดงั น้ี
1. หลักสูตรรายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน เป็นรายวิชาที่นักเรียนทุกคนต้องเรียนเพื่อเป็น
เครื่องมอื ในการเรียนรู้ การคดิ วิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ และการสือ่ สารอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
2. หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม เป็นรายวิชาที่จัดเพื่อสนองความต้องการ ความสนใจและ
ความสามารถของนักเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทยเฉพาะทางที่จะใช้ในการเรียนต่อในชั้นสูงข้ึน
หรอื เพื่อการส่งเสรมิ การประกอบอาชีพ
วตั ุประสงคใ์ นการเรยี นรูภ้ าษาไทย
ในมาตรฐานการเรยี นรู้และชี้วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ได้ระบุส่งิ ทีต่ อ้ งเรียนในวชิ าภาษาไทยเพอ่ื พฒั นาทกั ษะในการสื่อสาร ดงั นี้
1. การอ่าน การอ่านออกเสียงคำ ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คำประพันธ์ชนิดต่างๆ
การอ่านในใจเพอื่ สรา้ งความเขา้ ใจ และการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ความรู้จากสงิ่ ทอ่ี า่ น เพ่อื นำไปปรับใช้
ในชีวิตประจำวนั
2. การเขียน การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสาร โดยใช้ถ้อยคำและรูปแบบ
ต่างๆ ของการเขียน ซึ่งรวมถึงการเขียนเรียงความ ย่อความ รายงานชนิดต่างๆ การเขียนตาม
จินตนาการ วเิ คราะหว์ จิ ารณ์ และเขยี นเชิงสรา้ งสรรค์
3. การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเหน็
ความรู้สึก พูดลำดับเรื่องราวต่างๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสต่างๆ ทั้งเป็นทางการและ
ไมเ่ ปน็ ทางการ และการพูดเพ่อื โนม้ น้าวใจ
4. หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้อง
เหมาะสมกับโอกาสและบุคคล การแต่งบทประพันธ์ประเภทต่างๆ และอิทธิพลของภาษาต่างประเทศใน
ภาษาไทย
การออกแบบการจัดการเรยี นรู้วชิ าภาษาไทย 6
5. วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อศึกษาข้อมูล
แนวความคิด คุณค่าของงานประพันธ์ และความเพลิดเพลิน การเรียนรู้และทำความเข้าใจบทเห่
บทร้องเล่นของเด็ก เพลงพื้นบ้านที่เป็นภูมิปัญญาที่มีคุณค่าของไทย ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด
ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี เรื่องราวของสังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพื่อให้เกิด
ความซาบซ้งึ และภูมิใจ ในบรรพบรุ ษุ ท่ไี ดส้ ง่ั สมสบื ทอดมาจนถงึ ปจั จุบัน
คุณภาพผู้เรียนเมอ่ื จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ระบุถึงคุณภาพผู้เรียนเมื่อจบ
การศึกษาในระดับชั้นต่างๆ ซึ่งจะขอยกตัวอย่างเฉพาะระดับมัธยมศึกษาว่าผู้เรียนต้องมีความสามารถ
ดังตอ่ ไปน้ี
จบชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓
1. อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะได้ถูกต้อง เข้าใจ
ความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย จับใจความสำคัญและรายละเอียดของสิ่งที่อ่าน แสดงความ
คิดเหน็ และขอ้ โตแ้ ย้งเกีย่ วกับเร่ืองท่ีอ่าน และเขียนกรอบแนวคิดผังความคดิ ยอ่ ความ เขียนรายงานจาก
สิ่งที่อ่านได้ วิเคราะห์ วิจารณ์ อย่างมีเหตุผล ลำดับความอย่างมีขั้นตอนและความเป็นไปได้ของเรื่อง
ทีอ่ ่าน รวมทั้งประเมนิ ความถกู ต้องของข้อมลู ท่ีใช้สนบั สนนุ จากเรื่องท่ีอา่ น
2. เขียนสือ่ สารด้วยลายมือท่ีอา่ นงา่ ย ชัดเจน ใชถ้ อ้ ยคำทีถ่ ูกต้องเหมาะสมตามระดับภาษา
เขียนคำขัย คำคม คำอวยพรในโอกาสต่างๆ โฆษณา คติพจน์ สุนทรพจน์ ชีวประวัติ อัตชีวประวัติ
และประสบการณ์ต่างๆ เขียนย่อความ จดหมายธุรกิจ แบบกรอกใบสมคั รงาน เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์
และแสดงความรู้ ความคดิ หรือโตแ้ ยง้ อยา่ งมีเหตุผล เขยี นรายงานการศึกษาคน้ ควา้ และเขียนโครงงาน
3. พดู แสดงความคดิ เหน็ วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินสิ่งทไ่ี ด้จากการฟังและดนู ำข้อคิดไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าอย่างเป็นระบบ
มีศิลปะในการพูด พูดในโอกาสต่างๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และพูดโน้มน้าวอย่างมีเหตุผลน่าเชื่อถือ
มีมารยาทในการฟงั ดูและพูด
4. เขา้ ใจและใช้คำราชาศพั ท์ คำบาลีสันสกฤต คำภาษาถ่นิ คำภาษาต่างประเทศ คำ
ทับศัพท์ และศัพท์บัญญัติในภาษาไทย วิเคราะห์ความแตกต่างในภาษาพูด ภาษาเขียนโครงสร้างของ
ประโยครวม ประโยคซ้อน ลักษณะภาษาที่เป็นทางการ กึ่งทางการ และไม่เป็นทางการ แต่งบท
ร้อยกรองประเภทกลอนสภุ าพ กาพย์ และโคลงสีส่ ุภาพ
5. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน วิเคราะห์ตัวละครสำคัญ วิถีชีวิตไทย
และคุณค่าที่ได้รับจากวรรณคดี วรรณกรรม และอาขยาน พร้อมทั้งสรุปความรู้ข้อคิด เพื่อนำไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
การออกแบบการจัดการเรยี นรู้วชิ าภาษาไทย 7
จบชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6
1. อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะได้ถูกต้องและเข้าใจ
ตคี วาม แปลความ และขยายความเร่อื งท่ีอา่ นได้ วเิ คราะหว์ จิ ารณ์เรอ่ื งทอ่ี ่าน แสดงความคิดเห็นโต้แย้ง
และเสนอความคิดใหม่จากการอ่านอย่างมีเหตุผล คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อ่าน เขียนกรอบ
แนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ และเขียนรายงานจากสิ่งที่อ่าน สังเคราะห์ ประเมินค่า และนำ
ความรู้ความคิดจากการอ่านมาพฒั นาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู้ทางอาชพี และ นำความรู้
ความคดิ ไปประยุกตใ์ ช้แกป้ ัญหาในการดำเนินชีวติ มมี ารยาทและมีนสิ ัยรกั การอ่าน
2. เขียนสือ่ สารในรูปแบบตา่ งๆ โดยใชภ้ าษาไดถ้ ูกต้องตรงตามวัตถปุ ระสงค์ ย่อความจาก
สื่อที่มีรูปแบบและเน้ือหาท่ีหลากหลาย เรียงความแสดงแนวคดิ เชิงสร้างสรรคโ์ ดยใช้โวหารต่างๆ เขียน
บันทึก รายงานการศึกษาค้นคว้าตามหลักการเขียนทางวิชาการ ใช้ข้อมูลสารสนเทศในการอ้างอิง
ผลิตผลงานของตนเองในรูปแบบต่างๆ ทั้งสารคดแี ละบนั เทิงคดี รวมทง้ั ประเมนิ งานเขียนของผู้อื่นและ
นำมาพฒั นางานเขยี นของตนเอง
3. ตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู มีวิจารณญาณในการเลือก
เรื่อง ที่ฟังและดู วิเคราะห์วัตถุประสงค์ แนวคิด การใช้ภาษา ความน่าเชื่อถือของเรื่องที่ฟังและดู
ประเมินสิ่งที่ฟังและดูแล้วนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต มีทักษะการพูดในโอกาสต่างๆ ทั้ง ที่เป็น
ทางการและไม่เปน็ ทางการโดยใชภ้ าษาท่ีถกู ต้อง พดู แสดงทรรศนะ โต้แยง้ โน้มน้าว และเสนอแนวคิด
ใหมอ่ ย่างมเี หตุผล รวมทั้งมีมารยาทในการฟงั ดู และพดู
4. เข้าใจธรรมชาติของภาษา อิทธิพลของภาษา และลักษณะของภาษาไทย ใช้คำและ
กลุ่มคำสร้างประโยคได้ตรงตามวัตถุประสงค์ แต่งคำประพันธ์ประเภท กาพย์ โคลง ร่ายและฉันท์
ใช้ภาษาได้เหมาะสมกับกาลเทศะและใช้คำราชาศัพท์และคำสุภาพได้อย่างถูกต้อง วิเคราะห์หลักการ
สร้างคำในภาษาไทย อิทธพิ ลของภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยและภาษาถิน่ วเิ คราะห์และประเมินการ
ใช้ภาษาจากสือ่ ส่ิงพิมพแ์ ละส่ืออิเล็กทรอนิกส์
5. วิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์วรรณคดีเบื้องต้น รู้และ
เข้าใจลักษณะเด่นของวรรณคดี ภูมิปัญญาทางภาษาและวรรณกรรมพื้นบ้าน เชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทาง
ประวัติศาสตร์และวิถีไทย ประเมินคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ และนำข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมไป
ประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จริง
สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ความหมายของสาระ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ไดอ้ ธบิ ายไวด้ งั น้ี
การออกแบบการจัดการเรยี นรู้วชิ าภาษาไทย 8
สาระ คือ กลุ่มย่อยขององค์ความรู้และทักษะภายใต้กลุ่มสาระการเรียนรู้ เช่น กลุ่มสาระ
การเรียนภาษาไทย ประกอบด้วย 5 สาระ ได้แก่ 1) การอ่าน 2) การเขียน 3) การฟัง การดู และการพูด
4) หลกั การใช้ภาษา 5) วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐานการเรียนรู้ คือ เกณฑ์ที่บ่งชี้ระดับความรูค้ วามสามารถของผู้เรียน มาตรฐานการ
เรียนรู้จะบอกถึงสิ่งที่คาดหวังหรือเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนว่าผู้เรียนต้องมีความรู้และทักษะอะไรบ้างเม่ือ
เรียนเนื้อหาสาระดังกล่าวที่ระบุไว้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เช่น มาตรฐานการเรียนรู้ ท 1.1
“ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตและ
มีนิสัยรักการอ่าน” เป็นการระบุว่าผู้เรียนสามารถใช้กระบวนการอ่าน เช่น การอ่านจับใจความสำคัญ
การอา่ นเชิงวเิ คราะห์ การอ่านอยา่ งมวี จิ ารณญาณไปใช้ในการตดั สนิ ใจหรอื แกป้ ัญหาต่างๆ ได้
นอกจากนี้มาตรฐานการเรียนรู้ยงั เป็นส่ิงสาคัญ ในการพฒั นาการศึกษาทั้งระบบ เพราะ
มาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่าต้องการอะไร จะสอนอย่างไร และประเมินอย่างไร รวมทั้งเป็น
เครื่องมอื ในการตรวจสอบเพ่ือการประกัน คุณภาพการศึกษาโดยใช้ระบบการประเมินคุณภาพภายในและ
การประเมินคณุ ภาพภายนอก ซึ่งรวมถึง การทดสอบระดับเขตพืน้ ท่ีการศึกษา และการทดสอบระดับชาติ
ระบบการตรวจสอบเพื่อประกัน คุณภาพดังกล่าวเป็นสิ่งสาคัญที่ช่วยสะท้อนภาพการจัดการศึกษาว่า
สามารถพฒั นาผู้เรียนให้มคี ุณภาพ ตามที่มาตรฐานการเรียนรู้กาหนดเพียงใด
ตัวชี้วัด คือ การระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละ
ระดับชั้น ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการเรยี นรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม นาไปใช้ในการ
กาหนดเนื้อหา จัดทาหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สาคัญสาหรับการวัด
ประเมนิ ผลเพ่ือตรวจสอบคณุ ภาพผู้เรียน ซง่ึ ตวั ชว้ี ัดแบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ
1. ตัวชี้วัดชั้นปี เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนแต่ละชั้นปีในระดับการศึกษาภาคบังคับ
(ประถมศึกษาปที ี่ 1 – มธั ยมศึกษาปที ่ี 3)
2. ตัวชี้วัดช่วงชั้น เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
(มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 - มัธยมศึกษาปที ่ี 6)
การออกแบบการจัดการเรยี นรวู้ ิชาภาษาไทย 9
ตวั อยา่ ง
สาระ มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวช้วี ดั กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับมธั ยมศึกษา
สาระที่ 1 การอ่าน
มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคดิ เพ่อื นำไปใช้ตัดสินใจ
แกป้ ัญหาในการดำเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอา่ น
ม.1 ตวั ชว้ี ัดชั้นปี ม.3 ตัวชว้ี ัดช่วงชัน้
1. อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ ม.2 1. อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว ม.4-6
และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ต้อง 1. อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง 1. อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว
เหมาะสม กับเรอ่ื งทีอ่ า่ น และบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง และเหมาะสมกับเร่อื ง และบทร้อยกรองได้อยา่ ง
2. จบั ใจความสำคญั จาก ที่อ่าน ถูกตอ้ ง ไพเราะ และ
เรื่องท่อี า่ น 2. จบั ใจความสำคัญ 2. ระบุความแตกต่างของ เหมาะสมกับเรื่องท่อี า่ น
3. ระบุเหตแุ ละผลและ สรปุ ความและอธบิ าย คำท่ีมคี วามหมายโดยตรง
ขอ้ เท็จจรงิ กับขอ้ คิดเหน็ รายละเอียด จากเรือ่ ง และความหมายโดยนยั 2. ตีความ แปลความ และ
จากเร่ืองที่อา่ น ที่อ่าน 3. ระบุใจความสำคญั และ ขยายความเรอื่ งท่อี ่าน
4. ระบุ และอธบิ าย รายละเอียดของข้อมูล
คำเปรยี บเทยี บคำท่ีมี 3. เขียนผงั ความคิดเพอื่ ท่ีสนับสนุน จากเร่ืองท่ี 3. วเิ คราะห์และวจิ ารณเ์ รอื่ ง
หลายความหมาย แสดงความเข้าใจใน อ่าน ทอ่ี ่านในทกุ ๆ ด้านอยา่ งมี
ในบริบทต่างๆ จากการ บทเรยี นตา่ งๆ ทอี่ า่ น 4. อ่านเร่ืองต่างๆ แล้วเขียน เหตผุ ล
อ่าน กรอบแนวคดิ
5. ตคี วามคำยากในเอกสาร 4. อภปิ รายแสดง ผังความคิด บนั ทึก 4. คาดคะเนเหตกุ ารณจ์ าก
วิชาการโดยพิจารณาจาก ความคิดเห็นและขอ้ ย่อความและรายงาน เร่ืองทอ่ี า่ น และประเมินคา่
บรบิ ท โตแ้ ยง้ เกีย่ วกับเรอ่ื ง 5. วิเคราะห์ วจิ ารณ์ และ เพอ่ื นำความรู้ ความคดิ ไป
6. ระบขุ ้อสังเกตและ ทอ่ี า่ น ประเมนิ เรอ่ื งทอ่ี ่านโดย ใชต้ ดั สินใจแกป้ ัญหาในการ
ความสมเหตุสมผลของ ใชก้ ลวธิ กี ารเปรียบเทยี บ ดำเนินชวี ติ
งานเขยี นประเภทชกั จูง 5. วเิ คราะหแ์ ละจำแนก เพอื่ ใหผ้ ูอ้ า่ นเขา้ ใจไดด้ ี
โน้มนา้ วใจ ขอ้ เทจ็ จรงิ ข้อมูล ขึน้ 5. วเิ คราะห์ วิจารณ์ แสดง
7. ปฏบิ ตั ิตามคู่มอื แนะนำ สนับสนนุ และขอ้ คดิ เห็น 6. ประเมินความถูกต้อง ความคิดเหน็ โต้แย้งกบั เรื่อง
วธิ กี ารใช้งานของ จากบทความทอี่ า่ น ของข้อมลู ท่ีใชส้ นบั สนนุ ที่อา่ น และเสนอความคิด
เครือ่ งมอื หรอื เครื่องใช้ ในเรอ่ื งท่อี ่าน ใหม่อยา่ งมเี หตผุ ล
ในระดับท่ยี ากขึน้ 6. ระบขุ ้อสังเกต 7. วิจารณค์ วามสมเหตสุ มผล
8. วิเคราะห์คณุ คา่ ทีไ่ ดร้ บั การชวนเช่ือ การโนม้ น้าว การลำดับความและความ 6. ตอบคำถามจากการอา่ น
จากการอ่านงานเขยี น หรือความสมเหตสุ มผล เป็นไปไดข้ องเรือ่ ง ประเภทต่างๆ ภายในเวลา
อยา่ งหลากหลาย เพ่อื ของงานเขยี น 8. วเิ คราะห์เพ่ือแสดง ทีก่ ำหนด
นำไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ความคดิ เหน็ โต้แยง้
9. มมี ารยาทในการอ่าน 7. อ่านหนังสอื บทความ เก่ียวกบั เร่ืองทอี่ า่ น 7. อา่ นเร่อื งตา่ งๆ แล้วเขยี น
หรือคำประพันธ์อย่าง 9. ตีความและประเมนิ คณุ ค่า กรอบแนวคิด ผังความคิด
หลากหลาย และประเมิน และแนวคดิ ที่ไดจ้ ากงาน บันทึก ยอ่ ความ และ
คุณคา่ หรือแนวคิดที่ได้ รายงาน
จากการอา่ นเพ่อื นำไปใช้
แกป้ ญั หาในชวี ติ 8. สังเคราะห์ความรจู้ ากการ
อ่านสอื่ สงิ่ พมิ พ์
8. มมี ารยาทในการอ่าน ส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์
และแหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆ มา
พัฒนาตน พฒั นาการเรยี น
และพฒั นาความรู้ทาง
การออกแบบการจดั การเรียนรู้วิชาภาษาไทย 10
ตัวชีว้ ัดช้นั ปี ตัวช้ีวัดชว่ งชนั้
ม.1 ม.2 ม.3 ม.4-6
เขยี นอย่างหลากหลาย อาชพี
เพ่อื นำไปใช้แก้ปัญหา 9. มีมารยาทในการอา่ น
ในชีวติ
10. มมี ารยาทในการอา่ น
สาระท่ี 2 การเขียน
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นส่อื สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราว
ในรูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสิทธิภาพ
ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี ตวั ชี้วดั ช่วงชน้ั
ม.1 ม.2 ม.3 ม.4-6
1. คดั ลายมอื ตัวบรรจง 1. คัดลายมือ ตัวบรรจง 1. คดั ลายมอื ตัวบรรจง 1. เขยี นสอ่ื สารในรูปแบบ
ครึง่ บรรทัด ครึ่งบรรทัด คร่ึงบรรทัด ตา่ งๆ ไดต้ รงตาม
วัตถุประสงค์ โดยใช้
2. เขียนสื่อสารโดยใช้ถ้อยคำ 2. เขยี นบรรยาย 2. เขียนขอ้ ความโดย ภาษาเรยี บเรียงถูกตอ้ ง
ถูกตอ้ ง ชัดเจน เหมาะสม และพรรณนา ใชถ้ ้อยคำได้ถูกต้อง มีข้อมูลและสาระสำคัญ
และสละสลวย ตามระดบั ภาษา ชดั เจน
3. เขียนเรียงความ
3. เขยี นบรรยาย 4. เขียนย่อความ 3. เขียนชวี ประวัติหรือ 2. เขยี นเรียงความ
ประสบการณ์โดยระบุ 5. เขียนรายงานการศึกษา อตั ชีวประวัติ 3. เขียนยอ่ ความจากสอ่ื ที่มี
สาระสำคัญ และ โดยเล่าเหตกุ ารณ์
รายละเอียดสนับสนุน คน้ ควา้ ขอ้ คิดเห็น และทศั นคติ รปู แบบ และเน้อื หา
6. เขยี นจดหมายกจิ ธุระ ในเรือ่ งต่างๆ หลากหลาย
4. เขยี นเรยี งความ 7. เขียนวเิ คราะห์ วิจารณ์ 4. ผลติ งานเขียนของตนเอง
5. เขียนย่อความจากเรือ่ งท่ี 4. เขียนยอ่ ความ ในรปู แบบต่างๆ
และแสดงความรู้ 5. เขียนจดหมายกิจธรุ ะ 5. ประเมนิ งานเขยี นของผู้อนื่
อา่ น ความคิดเห็น หรือโตแ้ ย้ง 6. เขยี นอธิบาย ชีแ้ จง แล้วนำมาพฒั นางานเขียน
6. เขยี นแสดงความคดิ เห็น ในเรือ่ งทีอ่ ่านอย่างมีเหตุผล ของตนเอง
8. มีมารยาทในการเขยี น แสดงความคดิ เห็นและ 6. เขยี นรายงานการศึกษา
เกยี่ วกบั สาระจากสอ่ื ท่ี โต้แยง้ อยา่ งมเี หตุผล ค้นคว้าเรือ่ งทส่ี นใจตาม
ได้รบั 7. เขียนวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ หลกั การเขียนเชิงวิชาการ
7. เขยี นจดหมายสว่ นตัว และแสดงความรู้ และใชข้ อ้ มูลสารสนเทศ
และจดหมาย กจิ ธรุ ะ ความคิดเหน็ หรอื โต้แย้ง อ้างองิ อย่างถูกต้อง
8. เขยี นรายงาน การศึกษา ในเรือ่ งตา่ งๆ 7. บันทกึ การศกึ ษาค้นควา้
คน้ ควา้ และโครงงาน 8. กรอกแบบสมัครงาน เพ่ือนำไปพัฒนาตนเอง
9. มีมารยาทในการเขยี น พร้อมเขียนบรรยาย อยา่ งสม่ำเสมอ
เกย่ี วกบั ความรู้และทกั ษะ 8. มีมารยาทในการเขียน
ของตนเองที่เหมาะสม
กบั งาน
9. เขยี นรายงานการศึกษา
ค้นคว้าและโครงงาน
10. มมี ารยาทในการเขียน
การออกแบบการจดั การเรียนรูว้ ิชาภาษาไทย 11
สาระที่ 3 การฟัง การดู และการพูด
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด
และความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์
ตัวช้วี ดั ช้นั ปี ตัวชีว้ ัดช่วงช้ัน
ม.1 ม.2 ม.3 ม.4-6
1. พดู สรุปใจความสำคญั ของ 1. พดู สรปุ ใจความสำคญั 1. แสดงความคดิ เห็นและ 1. สรุปแนวคดิ และแสดง
ประเมินเร่อื งจากการฟงั ความคิดเห็นจากเร่ืองท่ีฟัง
เร่ืองที่ฟงั และดู ของเร่อื งที่ฟงั และดู
2. เล่าเรอื่ งยอ่ จากเรือ่ งทฟ่ี ัง 2. วิเคราะหข์ ้อเท็จจริง และการดู และดู
และดู ข้อคิดเห็นและความ 2. วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์เรื่อง 2. วเิ คราะห์ แนวคดิ การใช้
3. พดู แสดงความคิดเหน็ ภาษา และความน่าเช่อื ถอื
อย่าง นา่ เชื่อถอื ของขา่ วสารจาก ทฟี่ ังและดู เพ่อื นำขอ้ คิด จากเร่อื งที่ฟงั และดูอยา่ งมี
เหตผุ ล
สร้างสรรคเ์ กีย่ วกบั เรอื่ งที่ ส่อื ตา่ งๆ มา
ฟงั และดู 3. ประเมินเรือ่ งท่ีฟังและดู
4. ประเมินความนา่ เช่อื ถือ 3. วเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์เรอ่ื ง ประยกุ ตใ์ ช้ ในการดำเนิน แล้วกำหนดแนวทางนำไป
ของสอ่ื ทม่ี เี น้อื หาโน้มน้าว ชีวติ ประยุกต์ใช้ในการดำเนิน
ใจ ท่ี 3. พดู รายงานเรือ่ งหรอื ชีวิต
5. พูดรายงานเรอ่ื งหรอื ฟงั และดอู ยา่ งมีเหตุผลเพอ่ื
ประเดน็ ที่ศึกษาค้นควา้ ประเด็นที่ศกึ ษาค้นควา้ 4. มีวิจารณญาณในการ
จาก นำข้อคิดมาประยุกตใ์ ช้ ใน จากการฟัง การดู และ เลอื ก
การดำเนินชีวติ
การสนทนา เรื่องท่ีฟังและดู
4. พูดในโอกาสตา่ งๆ ได้ตรง 4. พูดในโอกาสต่างๆ ได้ตรง
ตามวัตถุประสงค์ ตามวัตถปุ ระสงค์
5. พูดรายงานเร่อื งหรือ 5. พดู โนม้ น้าวโดยนำเสนอ
การฟงั การดู และการ ประเด็นที่ศกึ ษาค้นควา้ หลกั ฐานตาม ลำดบั 5. พดู ในโอกาสตา่ งๆ พูด
สนทนา 6. มีมารยาทในการฟงั การดู เนือ้ หา แสดงทรรศนะ โต้แย้ง
6. มีมารยาทในการฟัง การ และการพูด อย่างมีเหตุผล และ โน้มนา้ วใจ และเสนอ
ดู น่าเชือ่ ถอื แนวคิดใหมด่ ว้ ยภาษา
และการพูด 6. มีมารยาทในการฟงั การดู ถกู ตอ้ งเหมาะสม
และการพูด 6. มีมารยาทในการฟัง การดู
และการพูด
การออกแบบการจัดการเรียนรู้วชิ าภาษาไทย 12
สาระท่ี 4 หลักการใชภ้ าษาไทย
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและ
พลงั ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ
ตัวชีว้ ัดชนั้ ปี ตัวชีว้ ดั ชว่ งชัน้
ม.1 ม.2 ม.3 ม.4-6
1. อธิบายลกั ษณะของเสียง 1. สร้างคำในภาษาไทย 1. จำแนก และใชค้ ำ 1. อธิบายธรรมชาติของ
ในภาษาไทย 2. วเิ คราะห์โครงสรา้ ง ภาษาตา่ งประเทศ ที่ใช้ใน ภาษา
2. สร้างคำ ในภาษาไทย ประโยคสามญั ภาษาไทย พลงั ของภาษา และ
3. วิเคราะหช์ นดิ และหนา้ ที่ ประโยครวมและประโยค 2. วิเคราะหโ์ ครงสร้าง ลักษณะของภาษา
ของคำในประโยค ซอ้ น ประโยคซับซอ้ น 2. ใช้คำและกลุ่มคำสรา้ ง
4. วิเคราะห์ความแตกต่าง 3. แตง่ บทรอ้ ยกรอง
4. ใช้คำราชาศัพท์ 3. วเิ คราะห์ระดับภาษา ประโยคตรงตาม
ของภาษาพูดและภาษา 5. รวบรวมและอธิบาย
เขยี น 4. ใช้คำทับศพั ทแ์ ละ วัตถุประสงค์
5. แต่งบทร้อยกรอง ความหมาย ของคำ
6. จำแนก และใช้สำนวนท่ี ภาษาตา่ งประเทศที่ใชใ้ น ศพั ท์บัญญัติ 3. ใช้ภาษาเหมาะสมแก่
เป็นคำพงั เพย และ ภาษาไทย
สภุ าษิต 5. อธิบายความหมายคำศัพท์ โอกาส กาลเทศะ และ
ทางวชิ าการและวิชาชีพ บุคคล รวมทัง้ คำราชา
6. แตง่ บทรอ้ ยกรอง ศพั ท์
อย่างเหมาะสม
4. แต่งบทรอ้ ยกรอง
5. วิเคราะหอ์ ิทธพิ ลของ
ภาษาต่างประเทศและ
ภาษาถิ่น
6. อธิบายและวิเคราะห์
หลกั การสร้างคำใน
ภาษาไทย
7. วิเคราะหแ์ ละประเมินการ
ใชภ้ าษาจากสื่อสงิ่ พมิ พ์
และสื่ออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
การออกแบบการจดั การเรยี นรวู้ ิชาภาษาไทย 13
สาระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนำมาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ
ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี ตัวชว้ี ดั ชว่ งชน้ั
ม.1 ม.2 ม.3 ม.4-6
1. สรปุ เนอื้ หาวรรณคดีและ 1. สรปุ เนอ้ื หาวรรณคดแี ละ 1. สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี 1. วเิ คราะห์และวิจารณ์
วรรณกรรมทีอ่ า่ น วรรณกรรมที่อ่านในระดับ วรรณกรรม และ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
2. วิเคราะห์วรรณคดแี ละ ทย่ี ากขน้ึ วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ใน ตามหลักการวิจารณ์
วรรณกรรมที่อ่านพร้อมยก 2. วิเคราะหแ์ ละวิจารณ์ ระดับ เบือ้ งต้น
เหตุผลประกอบ วรรณคดี วรรณกรรม และ ท่ียากย่งิ ขน้ึ 2. วิเคราะหล์ กั ษณะเดน่ ของ
3. อธบิ ายคุณคา่ ของ วรรณกรรมท้องถิน่ ท่อี ่าน 2. วเิ คราะห์วิถีไทย และ วรรณคดเี ชื่อมโยงกับการ
วรรณคดี พร้อมยกเหตผุ ลประกอบ คุณคา่ จากวรรณคดี และ เรยี นรู้ทางประวตั ิศาสตร์
และวรรณกรรมที่อ่าน 3. อธบิ ายคุณคา่ ของ วรรณกรรมทอ่ี า่ น และวถิ ีชีวติ ของสงั คมใน
4. สรุปความรแู้ ละข้อคิดจาก วรรณคดี 3. สรปุ ความร้แู ละข้อคิดจาก อดีต
การอา่ น เพอ่ื ประยุกต์ใช้ และวรรณกรรมท่ีอ่าน การอา่ น เพือ่ นำไป 3. วเิ คราะห์และประเมิน
ในชีวิตจรงิ 4. สรุปความรแู้ ละขอ้ คิด ประยกุ ต์ ใช้ในชวี ติ จรงิ คณุ ค่า ด้านวรรณศิลปข์ อง
5. ท่องจำบทอาขยานตามท่ี จาก 4. ทอ่ งจำและบอกคุณค่าบท วรรณคดีและวรรณกรรม
กำหนดและบทร้อยกรองที่มี การอ่าน ไปประยุกตใ์ ชใ้ น อาขยานตามที่กำหนดและ ใน
คุณค่าตามความสนใจ ชีวติ จริง บทร้อยกรอง ทม่ี ีคุณค่าตาม ฐานะทเ่ี ปน็ มรดกทาง
5. ท่องจำบทอาขยานตามท่ี ความสนใจและนำไปใช้ วัฒนธรรมของชาติ
กำหนด และบทร้อยกรองท่ี อ้างอิง 4. สงั เคราะหข์ อ้ คิดจาก
มี วรรณคดี และวรรณกรรม
คณุ ค่าตามความสนใจ เพ่อื นำไปประยกุ ตใ์ ช้ใน
ชีวิตจริง
5. รวบรวมวรรณกรรม
พ้ืนบ้าน และอธิบายภมู ิ
ปญั ญาทางภาษา
6. ทอ่ งจำและบอกคณุ ค่าบท
อาขยานตามท่กี ำหนดและ
รอ้ ยกรองทมี่ ีคุณคา่ ตาม
ความสนใจ และนำไปใช้
การออกแบบการจดั การเรียนรูว้ ิชาภาษาไทย 14
อา้ งองิ
การเชอ่ื มโยงหลักสูตรโดยครูหรือผู้เกยี่ วข้อง จะทำการวิเคราะหม์ าตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด
ระหว่างชั้นปีและช่วงชั้น พิจารณาสาระการเรียนรู้แกนกลางเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการจัดการ
เรยี นรู้ เพอ่ื เป็นแนวทางในการสอนและพฒั นาศกั ยภาพของผเู้ รยี นได้อยา่ งสูงสดุ
การวเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชี้วัดของกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551
ฉบับนี้มี 2 ลักษณะคือ มาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีและช่วงชั้น (Grade-level indicators/
Grade-level expectations) เป็นมาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ระบุเป็นการ
เฉพาะในแต่ละชั้นปี และชว่ งช้ัน วา่ ผเู้ รยี นควรมีคุณภาพอย่างไร หรอื ไดร้ บั การจัดการเรยี นรู้ในเร่ืองใด
มาตรฐานการเรียนรทู้ ้งั สองลักษณะในหลักสูตรฉบับน้ีมีท้ังที่เป็นมาตรฐานดา้ นเน้ือหา มาตรฐาน
ด้านกระบวนการ และมาตรฐานด้านคุณค่า การนำหลักสูตรแบบอิงมาตรฐานฉบับนี้ไปสู่การจัดกิจกรรม
การเรียนรู้และการประเมินผลการเรียนรู้ในแต่ละระดับชั้น จะต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่ า การ
เชื่อมโยงหลักสูตร ซึ่งผู้บริหารและครูรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ชัดเจน ทั้งที่เป็น
การเชือ่ มโยงภายนอก โดยพจิ ารณามาตรฐานรวมท้ังระบบ และมาตรฐานการเรียนรู้ระหว่างช้ันปีและช่วง
ชั้น และการเชื่อมโยงภายใน โดยพิจารณาตัวชี้วัดภายในชั้นปีและช่วงชัน้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซอ้ น
การออกแบบการจัดการเรียนร้วู ิชาภาษาไทย 15
ในการจัดการเรียนรู้ จึงได้กำหนดสาระการเรียนรู้แกนกลางขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการสอนและพัฒนา
ศกั ยภาพของผเู้ รียนได้อยา่ งสงู สดุ
ประเภทของมาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐานการเรียนรู้แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1) มาตรฐานการเรียนรูด้ ้านเนื้อหา (content
standard) 2) มาตรฐานการเรียนรู้ด้านกระบวนการ (process standard) และ 3) มาตรฐานการ
เรียนรู้ด้านคุณค่า (value standard) ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ได้กำหนดตัวชี้วัดเพื่อใช้ระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละ
ระดับชั้น ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม นำไปใช้
กำหนดเนื้อหา จัดทำหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับการวัด
ประเมินผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียนทำให้เกิดเอกภาพและความชัดเจนแก่ผู้สอนในการจดั การเรยี นรู้
วัดและประเมินผลในแต่ละระดบั ช้ัน รวมทั้งแก้ปัญหาการเทียบโอนระหว่างสถานศึกษาอีกด้วยมาตรฐาน
การเรยี นรูแ้ ตล่ ะประเภทมรี ายละเอยี ด ดงั นี้
1. มาตรฐานการเรียนรู้ด้านเนื้อหา เป็นข้อความที่อธิบายสิ่งที่ผู้เรียนควรเรียนรู้ในแต่ละ
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ โดยเน้นความร้ทู ี่สำคัญในเน้อื หาวชิ านน้ั
ตวั อยา่ ง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทยมาตรฐาน ท 4.1เข้าใจ
ธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทาง
ภาษา และรกั ษา ภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาตโิ ดยตัวชวี้ ัดช้นั ปีมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ข้อ 1. ว่า “จำแนก
และใช้คำภาษาตา่ งประเทศท่ีใช้ในภาษาไทย” โดยหลกั สูตรฯยงั ไดก้ ำหนดสาระการเรียนรู้แกนกลางว่า
“คำที่มาจากภาษาต่างประเทศ” หมายความวา่ ผู้เรียนในช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรียนรู้เน้ือหาเรื่องการ
ยืมคำภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาไทย ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางนี้จะช่วยสร้างความ
ชดั เจนให้แกผ่ สู้ อนในการจดั การเรยี นการสอนต่อไป
2. มาตรฐานการเรียนรู้ด้านทักษะ/กระบวนการ เป็นข้อความที่อธิบายว่าผู้เรียนควรมี
ทักษะอะไรบ้าง และควรพัฒนากระบวนการใดเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้นั้นอย่างมี
คุณภาพ
ตวั อยา่ ง
การออกแบบการจดั การเรียนรู้วิชาภาษาไทย 16
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย สาระท่ี 2 การเขยี นมาตรฐาน ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขยี น เขยี น
สื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ
และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพโดยตัวชี้วัดชั้นปีมัธยมศึกษาปีที่ 2 ข้อ 7 “เขียน
วิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้งในเรื่องที่อ่านอย่างมีเหตุผล” สาระการ
เรียนรู้แกนกลางว่า“การเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้งจากส่ือ
ต่างๆ เช่น บทความ บทเพลง หนังสืออ่านนอกเวลา สารคดี บันเทิงคดี” หมายความว่า ผู้เรียนในช้ัน
มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรียนรเู้ น้ือหาเรือ่ ง การเขียนวิเคราะห์ วิจารณส์ ิ่งท่ไี ดจ้ ากการอา่ นนน่ั เอง
3. มาตรฐานการเรียนรู้ด้านคุณค่า หรือคุณลักษณะ เป็นข้อความที่อธิบายเกี่ยวกับเจตคติ
ค่านยิ ม ที่ควรพัฒนาใหเ้ กิดขน้ึ ในการเรยี นร้ขู องผู้เรยี น
ตัวอยา่ ง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สาระที่ 1 การอ่าน มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่าน
สร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน
ตัวชี้วัดช่วงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ข้อ 9 “มีมารยาทในการอ่าน” หมายความว่าในช่วงชั้นนี้ (ม.4-6)
ผู้สอนควรปลูกฝังเร่ืองมารยาทในการอ่านใหแ้ ก่ผู้เรียน เพื่อให้ผ้เู รียนสนใจและเหน็ คุณค่าของการอา่ น
ตวั อย่าง
การวิเคราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ดั ของกลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย
แบบวเิ คราะห์ตวั ชวี้ ดั เพื่อจดั ทำคำอธิบายรายวิชา
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ท๒๑๑๐๑ และ ท๒๑๑๐๒ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑
สาระท่ี ๑ การอา่ น ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ญั หา
มาตรฐาน ท ๑.๑ ในการดำเนนิ ชวี ติ และมนี ิสยั รักการอ่าน
การออกแบบการจัดการเรยี นร้วู ชิ าภาษาไทย 17
ตวั ชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ คำสำคญั (Key Word) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
เนอื้ หา กระบวนการ/คำกริยา - มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
- รักความเป็นไทย
๑. อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ - การอา่ นออกเสียง - ฝึกอ่านบทรอ้ ยแก้ว - มมี ารยาทในการอ่าน
และบทร้อยกรองได้ บทร้อยแกว้ บทรอ้ ยกรอง - ฝึกอา่ นทำนองเสนาะ - มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
- รักความเป็นไทย
ถกู ตอ้ งเหมาะสมกับเร่อื ง - หลกั เกณฑ์ในการอา่ น - มีมารยาทในการอ่าน
ท่ีอา่ น ออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและ - มุ่งม่นั ในการทำงาน
- มีมารยาทในการอา่ น
ท ๑.๑ ม.๑/๑ บทรอ้ ยกรอง
- มุ่งมั่นในการทำงาน
๒. จับใจความสำคัญจาก - การอา่ นจับใจความสำคญั - สรปุ เรอ่ื งท่อี า่ น - ใฝเ่ รียนรู้
เรอ่ื งทีอ่ า่ น จากเรือ่ งส้ัน, บทสนทนา, - สังเกต - มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
- ใฝเ่ รยี นรู้
ท ๑.๑ ม.๑/๒ นิทานชาดก ,วรรณคดีใน
- ม่งุ มัน่ ในการทำงาน
บทเรียน, บทความ, สารคดี - ใฝ่เรยี นรู้
- มีวินัย
๓. ระบเุ หตแุ ละผล และ - การวเิ คราะห์จากบทความ - วิเคราะห์
- มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
ข้อเทจ็ จริงกบั ข้อคิดเห็น สารคดี, บันเทิงคดี, งาน - แสดงความคดิ เห็น - ใฝ่เรยี นรู้
จากเร่อื งท่ีอา่ น เขยี นเชิงสร้างสรรค์, เร่ือง - ระบเุ หตผุ ล
ท ๑.๑ ม.๑/๓ เลา่ จากประสบการณ์
๔. ระบุและอธบิ ายคำ - การวิเคราะห์และตีความคำ - วิเคราะห์
เปรยี บเทียบ และคำทมี่ ี เปรยี บเทียบและคำที่มี - จำแนก
หลายความหมายใน หลายความหมายจาก - สังเกต
บริบทตา่ งๆ จากการอา่ น วรรณคดใี นบทเรียน,งาน - ค้นคว้า
ท ๑.๑ ม.๑/๔ เขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ - อธบิ าย
๕. ตีความคำยากในเอกสาร - เอกสารทางวชิ าการทมี่ ีคำ - วเิ คราะห์
วชิ าการ โดยพิจารณาจาก ประโยค และขอ้ ความท่ี - สังเกต
บริบท ต้องใชบ้ ริบทช่วยพิจารณา - ค้นคว้า
ท ๑.๑ ม.๑/๕ ความหมาย - ตคี วาม
๖. ระบุขอ้ สังเกตและความ - งานเขียนประเภทชกั จูง - สงั เกต
สมเหตุสมผลของงาน โน้มนา้ วใจ - ปฏิบตั กิ ารอ่าน
เขยี นประเภทชักจงู
โนม้ นา้ วใจ
ท ๑.๑ ม.๑/๖
๗. ปฏบิ ัติตามค่มู ือแนะนำ - การอา่ นและปฏิบัตติ าม - ปฏบิ ัติตาม
วธิ กี ารใชง้ าน ของ เอกสารคมู่ อื
เครอ่ื งมือหรือเคร่อื งใช้
ในระดับทย่ี ากขนึ้
ท ๑.๑ ม.๑/๗
การออกแบบการจัดการเรยี นร้วู ชิ าภาษาไทย 18
ตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ เน้ือหา คำสำคัญ (Key Word) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
- การอ่านหนังสอื ตามความ กระบวนการ/คำกริยา - มุง่ มน่ั ในการทำงาน
๘. วเิ คราะห์คณุ คา่ ที่ได้รบั สนใจของผเู้ รียนทม่ี คี วาม - วิเคราะห์ - ใฝ่เรยี นรู้
จากการอ่านงานเขยี น เหมาะสมกบั วัยของผู้เรยี น - บอกข้อคดิ - มีวจิ ารณญาณ
อยา่ งหลากหลายเพอื่ - แสดงความคดิ เห็น
นำไปใช้แก้ปัญหาใน
ชีวติ - หลกั การของมารยาทใน - ปฏิบัติการอ่าน - มมี ารยาทในการอา่ น
ท ๑.๑ ม.๑/๘ การอา่ น
- การอา่ นอยา่ งมี
๙. มมี ารยาทในการอา่ น วิจารณญาณ
ท ๑.๑ ม.๑/๙
สาระท่ี ๒ การเขียน
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบ
ตา่ งๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ เนอ้ื หา คำสำคญั (Key Word) คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
กระบวนการ/คำกรยิ า - รกั ความเปน็ ไทย
๑. คดั ลายมือตวั บรรจง - หลักการคัดลายมือตวั - ฝกึ คดั ลายมอื - มรี ะเบยี บวินยั
- มมี ารยาทในการเขยี น
ครง่ึ บรรทัด บรรจงครึ่งบรรทัด
ท ๒.๑ ม.๑/๑ - คัดลายมือตวั บรรจง
ครงึ่ บรรทดั
๒. เขียนสอื่ สารโดยใช้ถอ้ ยคำ - การเขียนแนะนำตนเอง - คน้ ควา้ - มีระเบียบวินยั
ถกู ต้องชัดเจน เหมาะสม - การเขยี นแนะนำสถานท่ี - สงั เกต - ใฝ่เรียนรู้
และสละสลวย - การเขียนบน - ปฏบิ ัตกิ ารเขียน - มุ่งมัน่ ในการทำงาน
ท ๒.๑ ม.๑/๒ ส่ืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ - มมี ารยาทในการเขียน
๓. เขยี นบรรยาย - การเขยี นบรรยาย - สงั เกต - มีระเบยี บวินยั
ประสบการณโ์ ดยระบุ ประสบการณ์ - เขยี นบรรยายประสบการณ์ - มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
สาระสำคญั และ - มมี ารยาทในการเขยี น
รายละเอียดสนบั สนนุ
ท ๒.๑ ม.๑/๓
การออกแบบการจัดการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย 19
ตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ เนอ้ื หา คำสำคญั (Key Word) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- หลักการเขยี นเรยี งความ กระบวนการ/คำกริยา - มีระเบียบวนิ ยั
๔. เขยี นเรียงความ - เขยี นเรยี งความ - คน้ ควา้ - ใฝ่เรยี นรู้
ท ๒.๑ ม.๑/๔ - สังเคราะห์ - มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
- เขียนเรียงความ - มีมารยาทในการเขยี น
- มีระเบียบวนิ ยั
๕. เขียนยอ่ ความจากเร่ือง - หลักการเขยี นย่อความจาก - คน้ คว้า - ใฝ่เรียนรู้
- มุ่งม่ันในการทำงาน
ที่อ่าน เรอื่ งส้นั , คำสอน, โอวาท, - ปฏิบตั ิการเขียน - มีมารยาทในการเขียน
ท ๒.๑ ม.๑/๕ คำปราศรยั , สนุ ทรพจน์, - มีระเบยี บวนิ ยั
- ใฝ่เรียนรู้
รายงาน, ระเบยี บ, คำสัง่ , - ความมีเหตผุ ล
- มมี ารยาทในการเขียน
เรื่องเลา่ , และประสบการณ์
- มรี ะเบยี บวินยั
๖. เขียนแสดงความคดิ เห็น - การเขยี นแสดง - วเิ คราะห์ - มุ่งมัน่ ในการทำงาน
- มีมารยาทในการเขยี น
เก่ียวกับสาระจากสื่อที่ ความคดิ เห็นจาก บทความ, - เขยี นแสดงความคิดเห็น
ได้รับ หนังสอื อ่านนอกเวลา,ขา่ ว
ท ๒.๑ ม.๑/๖ และเหตุการณ์ประจำวนั
และเหตุการณ์สำคญั ตา่ งๆ
๗. เขยี นจดหมายส่วนตวั และ - หลกั การเขียนจดหมาย - เขยี นจดหมาย
จดหมายกจิ ธรุ ะ สว่ นตัวและจดหมายกจิ ธุระ
ท ๒.๑ ม.๑/๗
๘. เขียนรายงานการศกึ ษา - หลกั การเขยี นรายงาน - ค้นคว้า - มรี ะเบียบวนิ ยั
ค้นควา้ และโครงงาน ศกึ ษาคน้ คว้าและรายงาน - สังเคราะห์ - ใฝ่เรยี นรู้
ท ๒.๑ ม.๑/๘ โครงงาน - เขยี นรายงาน - มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
- มีจิตสาธารณะ
๙. มีมารยาทในการเขยี น - หลักการของมารยาทใน - ปฏิบตั ิการเขยี น - มีมารยาทในการเขียน
ท ๒.๑ ม.๑/๙ การเขียน - มีระเบียบวนิ ยั
- มีมารยาทในการเขียน
การออกแบบการจัดการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย 20
สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพูด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
และความรูส้ ึกในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ เนอื้ หา คำสำคัญ (Key Word) คุณลักษณะอันพึงประสงค์
- การพูดสรปุ ความ - มีมารยาทในการฟัง ดู พูด
๑. พูดสรปุ ใจความสำคัญ - การพดู แสดงความรู้ กระบวนการ/คำกรยิ า
ของเร่ืองทีฟ่ งั และดู ความคิดจากเรือ่ งที่ฟัง - มมี ารยาทในการฟงั ดู พดู
ท ๓.๑ ม.๑/๑ และดู - ฟงั
- การเลา่ เรือ่ งย่อจากทฟ่ี ัง - ดู - ความมีเหตผุ ล
๒. เลา่ เรอ่ื งย่อจากเร่ืองที่ และดู - ปฏบิ ัติ - มีวจิ ารณญาณ
ฟงั และดู - วิเคราะห์ - มมี ารยาทในการฟงั ดู พูด
ท ๓.๑ ม.๑/๒ - หลักการพูดแสดง
ความคดิ เหน็ อย่าง - ฟัง - ความมีเหตผุ ล
๓. พูดแสดงความคดิ เห็น สร้างสรรคจ์ ากเร่ืองทีฟ่ งั - ดู - มีวจิ ารณญาณ
อย่างสร้างสรรค์เกย่ี วกับ และดู - ปฏิบตั ิการพูด - มีมารยาทในการฟัง ดู พดู
เรื่องทฟี่ ังและดู - มวี จิ ารณญาณ
ท ๓.๑ ม.๑/๓ - ฟงั - มมี ารยาทในการฟงั ดู พูด
- ดู
๔. ประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือ - การพดู ประเมนิ - วเิ คราะห์ - มีระเบยี บวนิ ยั
- แสดงความคิดเห็น - มมี ารยาทในการฟัง ดู พูด
ของส่ือทีม่ ีเนอ้ื หาโน้มนา้ ว ความน่าเช่ือถือของสื่อท่มี ี - ปฏิบัติการพูด
ใจ เนื้อหาโนม้ นา้ วใจ - วิเคราะห์
- ปฏิบตั ิการพดู
ท ๓.๑ ม.๑/๔ - แสดงความคิดเหน็
- ประเมินค่า
๕. พูดรายงานเรื่องหรอื - การพูดรายงานการศึกษา
- ฟัง
ประเด็นที่ศกึ ษาคน้ คว้า ค้นคว้าจากแหลง่ เรยี นรู้ใน - ดู
- ค้นควา้
จากการฟัง การดู และ ชมุ ชนและทอ้ งถ่นิ ของ - วิเคราะห์
- ปฏบิ ตั กิ ารพูด
การสนทนา ตนเอง
- ปฏิบตั กิ ารฟัง การดู
ท ๓.๑ ม.๑/๕ และการพูด
๖. มีมารยาทในการฟงั การดู - หลักการของมารยาทใน
และการพูด การฟงั การดู และ
ท ๓.๑ ม.๑/๖
การพดู
การออกแบบการจดั การเรียนรู้วชิ าภาษาไทย 21
สาระท่ี ๔ หลักการใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ
พลังของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ
ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ เนอื้ หา คำสำคญั (Key Word) คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
- ลักษณะของเสียงใน กระบวนการ/คำกรยิ า - ใฝเ่ รียนรู้
๑. อธบิ ายลกั ษณะของ ภาษาไทย - สังเกต
เสยี งในภาษาไทย - การสร้างคำประสม, - อธิบาย - ใฝ่เรยี นรู้
ท ๔.๑ ม.๑/๑ คำซ้ำ, คำซอ้ น และ - มุง่ ม่นั ในการทำงาน
คำพอ้ ง - ค้นควา้
๒. สรา้ งคำในภาษาไทย - ชนิดและหนา้ ท่ีของคำ - สังเกต - ใฝ่เรียนรู้
ท ๔.๑ ม.๑/๒ ในประโยค - วเิ คราะห์ - ม่งุ ม่ันในการทำงาน
- อธิบาย
๓. วเิ คราะหช์ นิดและหนา้ ที่ - ภาษาพูดและภาษาเขยี น - ค้นควา้ - ใฝ่เรยี นรู้
ของคำในประโยค - สังเกต - มงุ่ มั่นในการทำงาน
ท ๔.๑ ม.๑/๓ - ฉันทลักษณก์ าพย์ยานี ๑๑ - วเิ คราะห์
- อธบิ าย - ใฝเ่ รียนรู้
๔. วิเคราะหค์ วามแตกตา่ ง - สำนวน คำพงั เพย และ - ค้นควา้ - มุ่งมั่นในการทำงาน
ของภาษาพูดและภาษา สุภาษติ - สังเกต - รกั ความเป็นไทย
เขยี น - วเิ คราะห์
ท ๔.๑ ม.๑/๔ - อธิบาย - ใฝ่เรียนรู้
- คน้ ควา้ - มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
๕. แตง่ บทรอ้ ยกรอง - สงั เกต - รักความเป็นไทย
ท ๔.๑ ม.๑/๕ - อธบิ าย - อยู่อยา่ งพอเพยี ง
- สงั เคราะห์
๖. จำแนกและใชส้ ำนวนที่ - ฝกึ แต่งกาพยย์ านี ๑๑
เป็นคำพังเพยและสภุ าษิต - จำแนก
ท ๔.๑ ม.๑/๖ - วเิ คราะห์
- สังเกต
- อธิบาย
- ประเมินค่า
การออกแบบการจดั การเรียนร้วู ิชาภาษาไทย 22
สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยา่ งเหน็ คุณคา่ และนำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง
ตวั ช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้ เนอื้ หา คำสำคญั (Key Word) คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๑. สรุปเนอื้ หาวรรณคดีและ กระบวนการ/คำกริยา - รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
- วรรณคดีและวรรณกรรม - การอา่ น - ใฝเ่ รียนรู้
วรรณกรรมท่อี า่ น เก่ยี วกับศาสนา,ประเพณี, - สังเกต - ซอ่ื สัตย์ สุจรติ
ท ๕.๑ ม.๑/๑ พิธีกรรม,สภุ าษติ คำสอน, - วเิ คราะห์ - รักความเป็นไทย
เหตกุ ารณ์ประวตั ศิ าสตร์, - อยู่อยา่ งพอเพยี ง
๒. วิเคราะห์วรรณคดแี ละ บันเทิงคด,ี บนั ทึกการ - การอา่ น
วรรณกรรมที่อา่ นพร้อม เดนิ ทาง และวรรณกรรม - วเิ คราะห์ - รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
ยกเหตุผลประกอบ ทอ้ งถ่นิ - แสดงความคิดเห็น - ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต
ท ๕.๑ ม.๑/๒ - ความมเี หตผุ ล
- หลักการวิเคราะห์วรรณคดี - การอา่ น - รกั ความเปน็ ไทย
และวรรณกรรม - อธิบาย - อยู่อย่างพอเพียง
- วิเคราะห์ - รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๓. อธิบายคุณคา่ ของ - หลักการประเมินคุณคา่ - แสดงความคิดเหน็ - ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต
วรรณคดีและวรรณกรรม วรรณคดีและวรรณกรรม - ประเมนิ ค่า - ความมเี หตุผล
ที่อา่ น - การอ่าน - รักความเปน็ ไทย
ท ๕.๑ ม.๑/๓ - บอกขอ้ คดิ - อย่อู ย่างพอเพยี ง
- วเิ คราะห์ - รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๔. สรปุ ความรู้และข้อคิดจาก - วรรณกรรมร้อยแก้วและ - การนำไปใช้ - ซอ่ื สตั ย์ สุจริต
การอ่านเพ่อื ประยกุ ตใ์ ช้ ร้อยกรอง - ความมเี หตผุ ล
ในชีวติ จรงิ - การท่องจำ - มีวจิ ารณญาณ
ท ๕.๑ ม.๑/๔ - สวดโอเ้ อว้ ิหารราย - รักความเปน็ ไทย
- วเิ คราะห์ - อยู่อยา่ งพอเพยี ง
๕. ทอ่ งจำบทอาขยานตามที่ - บทอาขยานและ - ประเมินค่า - รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
กำหนดและบทรอ้ ยกรอง บทร้อยกรอง - ซือ่ สตั ย์ สุจริต
ที่มีคณุ คา่ ตามความสนใจ - รักความเปน็ ไทย
ท ๕.๑ ม.๑/๕ - อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
การออกแบบการจดั การเรียนรวู้ ิชาภาษาไทย 23
การวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยจะถูกนำมาใช้
ในการออกแบบโครงสร้างรายวิชา มอี งคป์ ระกอบหลัก ๆ ดงั น้ี
1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชว้ี ัด ทเี่ ป็นเปา้ หมายในการพฒั นาผู้เรยี นสำหรบั หน่วยน้ันๆ
ซึ่งอาจมาจากกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกันหรือต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกัน มาตรฐาน
การเรยี นร้แู ละตัวช้วี ัด อาจมกี ารสอนหรือฝึกซ้ำให้เกิดการความชำนาญ และมคี วามร้กู วา้ งขวางขน้ึ
2. สาระสำคัญ เป็นความรู้ ความคิด ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง หรือความรู้ที่เป็นแก่น
เป็นหลักการของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่เกิดจากการหลอมรวมของมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดในหนว่ ย
การเรยี นรู้ ซึ่งสาระสำคญั ถือเป็นหัวใจทจ่ี ะนำไปกำหนดแนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ในหน่วยนั้นๆ
3. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ จะต้องสะท้อนให้เห็นสาระสำคัญของหน่วยการเรียนรู้ น่าสนใจ
เหมาะสมกบั วัย มีความหมายและสอดคลอ้ งกับชวี ติ จริงของผเู้ รียน
4. เวลา การกำหนดเวลาเรียนควรมีความเหมาะสมและเพียงพอกับการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาให้นักเรียนมีความสามารถตามที่ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด และ
ควรพิจารณาในภาพรวมของทุกหนว่ ยการเรยี นรู้ในรายวชิ านนั้ ๆ อยา่ งเหมาะสม ซ่งึ การกำหนดเวลาของ
แตล่ ะหน่วยการเรียนรพู้ จิ ารณาไดด้ งั น้ี
4.1 จำนวนตวั ชวี้ ัด หากมีตัวชวี้ ัดจำนวนมากยอ่ มใชเ้ วลาในการเรียนรู้มาก
4.2 สาระสำคญั ทม่ี คี วามยากงา่ ยตอ้ งการเวลาในการจดั การเรียนรู้มากน้อยตามไปดว้ ย
4.3 วิธีการและกระบวนการเรยี นรู้ที่ครูแต่ละคนใช้ เช่น หากวางแผนใช้วิธีการศึกษา
นอกห้องเรยี น มกี ารศกึ ษาคน้ คว้าเชงิ ลึก หนว่ ยการเรยี นรูล้ ักษณะน้ีย่อมใชเ้ วลามากขึน้
5. น้ำหนักคะแนน การกำหนดน้ำหนักคะแนนเป็นส่วนชว่ ยให้เห็นทิศทาง การกำหนดเวลา
การจัดการเรยี นรู้ และการวดั และประเมนิ ผล ให้สอดคล้องกับความสำคัญของมาตรฐานและตัวชวี้ ัด เพอ่ื
ความสะดวกในการนำไปใช้กำหนดคะแนนรวมรายปีในระดับประถมศึกษา และรายภาคเรียน ใน
ระดบั มัธยมศึกษากำหนดให้ รวมทงั้ สน้ิ 100 คะแนน และเม่ือจำแนกคะแนนน้เี ปน็ รายหนว่ ย การ
เรียนรู้ คะแนนดังกล่าวถอื เป็น “น้ำหนักคะแนน” และเป็นการบ่งบอกถึงความสำคัญของแต่ละ หน่วย
การเรยี นรู้ และเพ่อื ใช้ในการประเมินระหวา่ งเรยี น (Formative Evaluation) และประเมิน รวบยอด
(Summative Evaluation) ของหน่วยการเรียนรู้ การให้น้ำหนักคะแนนของแต่ละหน่วยสามารถ
พจิ ารณาโดยใชห้ ลกั คิด เชน่ เดยี วกบั การกำหนดเวลาเรียนของหนว่ ย
การออกแบบการจัดการเรยี นรู้วิชาภาษาไทย 24
ตัวอยา่ ง
โครงสร้างรายวิชาภาษาไทย
ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๑
รหัส ท๒๑๑๐๑
ลำดับ ชือ่ หน่วย เวลาเรยี น ๖๐ ช่ัวโมง คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน
การเรียนรู้ มาตรฐาน สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก
๑ นิราศภูเขาทอง
การเรียนรู้ / ตัวชว้ี ัด (คาบ) คะแนน
๒ กาพย์
พระไชยสุริยา ท ๑.๑ ม.๑/๑ - ปฐมนิเทศ ๓
ท ๑.๑ ม.๑/๒ อา่ นออกเสียงบทร้อยกรอง
ท ๑.๑ ม.๑/๙ - ท่องจำอาขยาน ๒
ท ๒.๑ ม.๑/๑ - การอ่านจับใจความสำคัญ ๒
ท ๒.๑ ม.๑/๒ - การเล่าเรือ่ งย่อ ๑
ท ๒.๑ ม.๑/๓ - การคดั ลายมอื ๑
ท ๒.๑ ม.๑/๙ - การเขยี นแนะนำสถานท่ี ๑
ท ๓.๑ ม.๑/๒ - การเขยี นบรรยาย ๑
ท ๓.๑ ม.๑/๖ ประสบการณ์ ๑
ท ๔.๑ ม.๑/๑ - เสียงในภาษาไทย
ท ๔.๑ ม.๑/๒ - คำพ้อง ๑
ท ๔.๑ ม.๑/๓ - คำนาม คำสรรพนาม ๕
ท ๕.๑ ม.๑/๓ คำกรยิ า
ท ๕.๑ ม.๑/๕ - อธบิ ายคุณคา่ ของวรรณคดี ๒
รวม ๒๐ ๑๐
ท ๑.๑ ม.๑/๑ - การอา่ นจับใจความและพูด ๑
ท ๑.๑ ม.๑/๒ แสดงความคดิ เห็น
ท ๑.๑ ม.๑/๓ - การอา่ นบทร้อยกรอง ๑
ท ๑.๑ ม.๑/๔ - การสวดโอ้เอว้ หิ ารราย ๒
ท ๑.๑ ม.๑/๙ - มาตราตัวสะกด ๑
ท ๒.๑ ม.๑/๔ - เขยี นเรียงความ ๒
ท ๒.๑ ม.๑/๘ - การพนิ จิ คุณค่าวรรณกรรม ๓
ท ๒.๑ ม.๑/๙ - เขยี นรายงาน ๔
ท ๓.๑ ม.๑/๕ - พูดรายงาน ๒
ท ๓.๑ ม.๑/๖ - แต่งกาพย์ยานี ๑๑ และ ๔
ท ๔.๑ ม.๑/๑ กาพยฉ์ บงั ๑๖
ท ๔.๑ ม.๑/๒
ท ๔.๑ ม.๑/๕
การออกแบบการจดั การเรยี นรู้วชิ าภาษาไทย 25
ลำดบั ช่ือหนว่ ย มาตรฐาน สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั
(คาบ) คะแนน
การเรียนรู้ การเรียนรู้ / ตวั ชว้ี ัด
๒๐ ๑๐
ท ๕.๑ ม.๑/๑ เวลา นำ้ หนัก
(คาบ) คะแนน
ท ๕.๑ ม.๑/๒ ๒
ท ๕.๑ ม.๑/๓ ๒
๑
ท ๕.๑ ม.๑/๔ ๒
รวม ๑
๓
ลำดบั ช่ือหนว่ ย มาตรฐาน สาระสำคญั
๔
การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ / ตัวชี้วดั ๕
๓ ราชาธริ าช ท ๑.๑ ม.๑/๑ - การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว ๑๗ ๑๐
๒ ๓๐
ท ๑.๑ ม.๑/๒ และจับใจความสำคญั ๒ ๔๐
๖๐ ๑๐๐
ท ๑.๑ ม.๑/๙ - การเขียนย่อความ
ท ๒.๑ ม.๑/๕ - การพดู สรปุ ความ
ท ๒.๑ ม.๑/๖ - การเขยี นแสดงความ
ท ๒.๑ ม.๑/๙ คิดเห็น
ท ๓.๑ ม.๑/๑ - การพูดแสดงความคดิ เหน็
ท ๓.๑ ม.๑/๓ - คำวิเศษณ์ คำบุพบท
ท ๓.๑ ม.๑/๖ คำสันธาน
ท ๔.๑ ม.๑/๒ - คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน
ท ๔.๑ ม.๑/๓ - การพินิจคณุ คา่ วรรณกรรม
ท ๕.๑ ม.๑/๑
ท ๕.๑ ม.๑/๒
ท ๕.๑ ม.๑/๓
ท ๕.๑ ม.๑/๔
รวม
สอบกลางภาคเรยี น
สอบปลายภาคเรยี น
รวมทง้ั หมด
จากตัวอยา่ งโครงสร้างรายวิชาจะเหน็ ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ ซึ่งในหลักสูตรสถานศกึ ษาผู้สอนได้นำ
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัดจากหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 ไปส่กู ารปฏิบัติใน
ช้นั เรียน และทำให้ผูส้ อนทราบว่าผู้เรียนไดบ้ รรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ทไี่ ดก้ ำหนดไว้หรือไม่
การออกแบบการจดั การเรยี นรู้วิชาภาษาไทย 26
บทสรุป
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นการวางแผนจัดการเรียนการ
สอนในการศึกษาระดับขั้นพื้นฐานให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ระบุไว้ในหลักสูตร ซึ่งหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 มีหลักการสำคัญ คือ การกำหนดสมรรถนะสำคัญ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดชั้นปีและตัวชี้วัดช่วงชั้นของผู้เรียนไว้เป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ทุก
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ซ่งึ สาระการเรยี นรู้ทจ่ี ัดให้แกผ่ เู้ รยี นประกอบด้วยองค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการ
เรียนรู้ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ 1. ภาษาไทย 2.
คณิตศาสตร์ 3. วิทยาศาสตร์ 4. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 5. สุขศึกษาและพลศึกษา 6.
ศิลปะ 7. การงานอาชีพและเทคโนโลยี 8. ภาษาต่างประเทศ ดังนั้นผู้ทีน่ ำหลักสูตรแกนกลางไปปฏิบัติ
ใช้ เช่น ในการพัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของสถานศึกษา ผพู้ ฒั นาหลักสูตรต้องศึกษา
วิสัยทัศน์หลักการ และจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 แล้ว
วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้แกนกลางเพื่อนำมากำหนดคำอธิบายรายวิชา
และหน่วยการเรียนรู้ตลอดปี รวมทั้งเวลาท่ใี ชเ้ รยี นรแู้ ต่ละหนว่ ย แลว้ นำหนว่ ยการเรียนรมู้ าจัดทำแผนการ
จัดการเรียนรู้เพื่อกำหนดกระบวนการเรียนรู้ตามปรัชญาและจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เป็นหัวใจสำคัญ
ของหลักสตู รต่อไป
รายการอ้างองิ
กมลมนสั ชท์ บณั ฑติ ยานนท์. (2555). พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542:
หลกั สตู รการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2544 และหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน
พทุ ธศักราช 2551. เอกสารประกอบการเรยี นการสอนวชิ าหลกั สูตรและการสอน.
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย: เอกสารอัดสำเนา.
คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน, สำนักงาน. (2545). พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 และทีแ่ ก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
ศกึ ษาธิการ, กระทรวง. (2545). หลักสตู รการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2544. กรุงเทพมหานคร:
องค์การรับส่งสินค้าและพสั ดุภณั ฑ์.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2551). หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.
กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
การออกแบบการจดั การเรียนร้วู ิชาภาษาไทย 27
เสรี ลาชโรจน.์ (2542). วเิ คราะห์แนวคิดในการจัดการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐานตามพระราชบัญญัติ
การศึกษา พุทธศกั ราช 2542. เอกสารประกอบการนำอภปิ รายนสิ ติ บัณฑติ ศึกษา
ภาควิชามธั ยมศกึ ษา คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เอกสารอัดสำเนา.
การออกแบบการจดั การเรียนรวู้ ิชาภาษาไทย 28