The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือราชการ6ชนิด
1.หนังสือภายนอก
2.หนังสือภายใน
3.หนังสือประทับตรา
4.หนังสือสั่งการมี
5.หนังสือประชาสัมพันธ์
6.หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thanaphon wichachai, 2019-10-31 06:38:13

หนังสือราชการ6ชนิด

หนังสือราชการ6ชนิด
1.หนังสือภายนอก
2.หนังสือภายใน
3.หนังสือประทับตรา
4.หนังสือสั่งการมี
5.หนังสือประชาสัมพันธ์
6.หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ

ประเภทหนังสือราชการ 6 ชนิด
เสนอ

อาจารย์พชั นิยา ชุมผอม
จดั ทาโดย

นาย ธนพล วชิ าชัย
เลขที่1 ชั้นปวช.3
ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2562
วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยรี ะนอง

คำนำ

การเขียนหนังสือเพ่อื สอื่
ความหมายของทางราชการนับเป็นสง่ิ สาํ คญั อย่างย่งิ ท้ังน้ี เพราะเอกสาร ของทางราชการท ใช้ภาษาทด่ี แี ละเหมาะสมจะส่ือ

ความหมายเพ่ือให้เข้าใจตรงตามวัตถปุ ระสงค์ของผ้สู ่ง สาร เอกสารท่ีไดม้ กี ารลงนามแลว้ จะบ่งถึงภาพลกั ษณะและ
ประสทิ ธภิ าพของหน่วยงานนน้ั ๆ นอกจาก การใช้ภาษาท่ีดแี ละเหมาะสมแลว้ ยังจาํ เป็นต้องใช้แบบฟอรม่ ให้ถูกต้องตาม
ระเบยี บสาํ นักนายกรัฐมนตรี วา่ ด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ และท่ีแกไ้ ขเพ่ิมเติมอีกดว้ ย ซง่ึ ในปัจจุบนั พบวา่ ยงั มผี ทู้ ีค่ วาม
เขา้ ใจ รปู แบบ และการใช้ภาษาในทางราชการยังไม่ทว่ั ถงึ และมกั ใช่สบื ทอดกนั มาอย่างไมจ่ ะถูกต้องนัก เช่นหนงั สือภายใน
หนงั สอื ภายนอก หนงั สือประทบั ตรา หนงั สือประชาสมั พนั ธ์ หนงั สอื ทเ่ี จา้ หน้าทท่ี ําขนึ้ หรือรบั ไว้เป็นหลกั ฐานในราชการ

นาย ธนพล วิชาชยั

สำรบัญ หนา้

เร่อื ง 1
ประเภทหนงั สือราชการ 2
หนังสอื ภายนอก
หนงั สอื ภายใน 5
หนังสือประทับตรา 6
หนงั สือสั่งการมี ๓ ชนดิ ได้แก่ คาส่ัง ระเบยี บ และข้อบังคบั 8
หนังสอื ประชาสมั พันธ์ มี 3 ชนดิ ได้แก่ ประกาศ แถลงการณ์ และขา่ ว 11
หนังสือทเี่ จา้ หน้าทีท่ าขึน้ หรอื รับไวเ้ ป็นหลกั ฐานในราชการ 13
ตัวอยา่ งหนังสือราชการ 6 ชนดิ 16
“หนงั สอื ที่เจา้ หน้าท่ีทาขน้ึ หรือรับไว้เป็นหลกั ฐานในราชการ” มี 4 ชนดิ 31
คือ หนงั สอื รบั รอง รายงานการประชมุ บนั ทกึ และ หนงั สอื อืน่

1

ประเภทหนงั สือราชการ

ประเภทหนังสอื ราชการ

ในปัจจุบันการติดต่อราชการทั้งภายในหน่วยงานและภายนอกหน่วยงานเป็นการสื่อถึงบุคคล/
หน่วยงาน อีกท้ังยังเป็นปัญหาของหน่วยงานและผู้ปฏิบัตทิ ี่เก่ียวข้องจานวนไม่น้อยที่ยังไม่เข้าใจในการใช้ภาษา
ราชการและแบบฟอร์มท่ีถูกต้อง เพื่อเป็นการสร้างความสาเร็จของผู้ปฏิบัติงานท่ีเก่ียวข้องทางด้านหนังสือได้
ทราบถึงรูปแบบ การใช้คาข้ึนต้น คาลงท้ายที่ถูกต้อง เป็นไปในแนวทางเดียวกันและเปน็ ไปตามระเบียบสานัก
นายกรฐั มนตรีว่าดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 ไดจ้ าแนกหนงั สือราชการไว้มี 6 ชนดิ ดังน้ี

1. หนงั สือภายนอก
2.หนงั สอื ภายใน
3.หนังสอื ประทับตรา
4.หนงั สือสง่ั การมี ๓ ชนิด ได้แก่ คาส่งั ระเบียบ และขอ้ บงั คับ
5.หนงั สอื ประชาสมั พนั ธ์ มี 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ ประกาศ แถลงการณ์ และข่าว
6.หนงั สือทีเ่ จา้ หนา้ ท่ที าขนึ้ หรอื รบั ไว้เป็นหลักฐานในราชการมี 4 ชนดิ คอื หนังสือรบั รอง รายงานการ
ประชุม บันทึก และ หนงั สืออ่นื
ตัวอยา่ งหนงั สือราชการ 6 ชนิด
รปู แบบหนังสือราชการ 6 ชนิด

2

1. หนังสอื ภายนอก

หนังสอื ภายนอก คือหนังสือตดิ ต่อราชการที่เปน็ แบบพธิ โี ดยใชก้ ระดาษตราครุฑ เป็นหนังสอื

ติดตอ่ ระหว่างสว่ นราชการหรือสว่ นราชการมถี งึ หน่วยงานอ่ืนใดซง่ึ มิใชส่ ่วนราชการหรอื ทม่ี ถี ึงบคุ คลภายนอก

๑. ที่ ให้ลงรหัสพยัญชนะแล้วตามด้วยเลขลาดบั ที่ประจาของเจ้าของเรือ่ ง ที่หน่วยราชการน้นั
ส่งออก แลว้ ทบั ด้วยเลขทะเบยี นหนงั สอื ตามลาดบั ในรอบปี เช่น ท่ี กก ๐๕๐๙.๐๑/ ๑๐๑

- ราชการส่วนกลาง เลขท่ีออกหนงั สอื ประกอบดว้ ยพยญั ชนะ ๒ ตัว ซึ่งเป็นอกั ษรย่อประจา
กระทรวง ทบวงและส่วนราชการท่ไี มส่ งั กดั กระทรวง ทบวง เช่น

กก - กระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกีฬา รส - กระทรวงแรงงานและสวัสดิการ
สงั คม - ราชการส่วนภูมภิ าค เลขที่ออกหนังสือประกอบด้วยพยัญชนะ ๒ ตัว ซ่งึ เปน็ อักษรยอ่ ของจังหวดั
เชน่

ชพ - ชุมพร นว - นครสวรรค์
๒. ช่อื สว่ นราชการเจา้ ของหนังสอื คอื ชื่อส่วนราชการที่เป็นเจา้ ของหนังสือนน้ั ราชการน้ันส่งออก
และใหล้ งท่ตี ง้ั ไว้ด้วย
๓. วนั เดอื น ปี ท่ีออกจดหมาย ให้ลงตัวเลขของวนั ท่ี ช่อื เตม็ ของเดอื น และตัวเลขของ
ปพี ทุ ธศักราช เชน่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๓๗
๔. เร่อื ง ใหล้ งเรอื่ งยอ่ ทีเ่ ปน็ ใจความทส่ี ั้นทส่ี ดุ ของหนังสอื ฉบบั นน้ั ในกรณีท่ีเป็นหนังสอื ต่อเน่อื ง
โดยปกตใิ หล้ งเรือ่ งของหนงั สอื ฉบับเดมิ
๕. คาขึน้ ตน้ ใช้ตามฐานะผรู้ บั หนังสือตามตารางการใชค้ าขึ้นต้น สรรพนามและคาลงทา้ ยตาม
ระเบียบ สานกั นายกรัฐมนตรีว่าดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ ซง่ึ ใหใ้ ชบ้ ังคบั ต้ังแตว่ นั ท่ี ๑ มิถุนายน
๒๕๒๖ เป็นตน้ ไป
๖. อา้ งถงึ (ถ้ามี) ใหอ้ า้ งถึงหนงั สอื ท่ีเคยมตี ดิ ตอ่ กันเฉพาะหนงั สือทีส่ ว่ นราชการผูร้ บั หนงั สือไดร้ ับมา
ก่อนแล้วจากสว่ นราชการใดก็ตาม โดยอ้างถงึ ให้ชดั เจนวา่ ใครเป็นเจา้ ของหนังสือ เลขท่ี วันที่ เดือน และปี
ทีอ่ อกหนงั สอื
๗. สงิ่ ที่สง่ มาดว้ ย (ถ้ามี) ใหล้ งช่ือส่งิ ของ เอกสาร หรือบรรณสารทส่ี ่งไปพรอ้ มกับหนงั สือน้นั ถ้า
สง่ ไปในซองเดียวกนั ไมไ่ ด้ กใ็ หร้ ะบวุ ่าสง่ ไปทางใด
๘. ขอ้ ความ ใหล้ งสาระสาคญั ของเรื่องให้ชดั เจนและเขา้ ใจง่าย หากมีความประสงค์หลายประการ
ให้แยกเป็นขอ้ ๆ
๙. คาลงท้าย ให้ใชค้ าลงท้ายตามฐานะของผูร้ ับหนงั สือ
๑๐. ลงชอ่ื ใหล้ งลายมือช่อื เจ้าของหนงั สือ และให้พิมพช์ อื่ เต็มของเจ้าของลายมอื ช่ือไวใ้ ตล้ ายมือช่อื
๑๑. ตาแหนง่ ใหล้ งตาแหนง่ ของเจา้ ของหนังสือ
๑๒. ส่วนราชการเจา้ ของเรือ่ ง ใหล้ งช่ือส่วนราชการหรอื หนว่ ยงานที่ออกหนงั สอื ถา้ สว่ นราชการท่ี
ออกหนังสืออยู่ในระดบั กระทรวงหรือทบวงให้ลงชือ่ ส่วนราชการเจา้ ของเรือ่ งท้งั ระดับกรมและกอง ถา้ สว่ น
ราชการทอี่ อกหนงั สอื อยใู่ นระดับกรมลงมา กล็ งชือ่ เจา้ ของเรือ่ งเพียงระดบั กองหรอื หน่วยงานทรี่ ับผดิ ชอบ
๑๓. โทร. ใหล้ งหมายเลขโทรศพั ทข์ องสว่ นราชการเจา้ ของเรื่อง หรอื หน่วยงานท่อี อกหนังสือ และเลข
หมายภายในต้สู าขาไวด้ ว้ ย (ถ้าม)ี
๑๔. สาเนาสง่ (ถา้ มี) ในกรณที ่ผี ู้จดั ทาสาเนาส่งไปให้ผ้ใู ดแล้ว ให้พิมพ์ช่ือเต็มหรอื ชอื่ ยอ่ ของสว่ น

3

ราชการหรอื ชือ่ บคุ คลที่สง่ สาเนาไปให้ เพอื่ ให้เปน็ ท่เี ขา้ ใจระหว่างผู้ส่งและผ้รู ับ (สมพร มนั ตะสูตร แพ่ง
พพิ ัฒน์, ๒๕๔๐: ๑๒๖–๑๒๗)

๑๕. สรรพนาม ใช้ตามฐานะแหง่ ความสมั พันธ์ระหวา่ งเจา้ ของหนงั สือและผรู้ ับหนงั สือตามทปี่ รากฏ
ในตารางการใช้คาขึน้ ตน้ สรรพนาม และคาลงท้ายท่ีกาหนดไว้

4

รูปแบบหนังสอื ราชการภายนอก

5

2. หนังสอื ภายใน

หนังสอื ภายใน คือหนงั สือติดต่อราชการทเ่ี ปน็ แบบพธิ กี ารน้อยกว่าหนงั สอื ภายนอก เป็นหนังสือ
ตดิ ต่อภายในกระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวดั เดยี วกนั ใช้กระดาษบันทึกข้อความ

๑. สว่ นราชการ ให้ลงชอ่ื สว่ นราชการเจา้ ของเร่อื ง หรือหน่วยงานที่ออกหนังสอื โดยมีรายละเอยี ด
พอสมควร ปกตถิ า้ ส่วนราชการทีอ่ อกหนังสืออยูใ่ นระดบั กรมข้นึ ไป ให้ลงชื่อส่วนราชการเจา้ ของเรอื่ งทงั้ ระดบั
กรมและกอง ถา้ ราชการที่ออกหนังสอื อยู่ในสว่ นราชการทต่ี า่ กวา่ กรมลงมา ให้ลงชื่อสว่ นราชการเจ้าของ
เรอ่ื งเพยี งระดับกอง หรอื ส่วนราชการเจา้ ของเรื่องพรอ้ มทงั้ ใหล้ งหมายเลขโทรศัพท์ (ถ้ามี)

๒. ท่ี ให้ลงตัวรหสั พยัญชนะและเลขประจาของเจ้าของเรื่อง ทับเลขทะเบยี นหนังสือส่งสาหรบั
หนังสอื ของคณะกรรมการใหก้ าหนดตัวรหัสพยญั ชนะเพม่ิ ขึ้นไดต้ ามความจาเปน็

๓. วันที่ ใหล้ งตวั เลขของวันที่ ชอื่ เต็มของเดอื น และตัวเลขของปพี ทุ ธศกั ราชทอ่ี อกหนังสือ
๔. เรื่อง ใหล้ งเรอ่ื งย่อท่เี ปน็ ใจความสนั้ ทีส่ ุดของหนงั สือฉบับนัน้ ในกรณที ่เี ป็นหนังสอื ต่อเน่อื ง ใหล้ ง
เรื่องของหนงั สอื ฉบบั เดิม
๕. คาขนึ้ ตน้ ใช้คาขึ้นต้นตามฐานะของผรู้ บั หนงั สอื ตามตารางการใชค้ าขน้ึ ต้น สรรพนาม และคาลงท้าย
แล้วลงตาแหนง่ ของผูท้ ห่ี นงั สอื นนั้ มถี งึ หรอื ชื่อบคุ คลในกรณีท่ีมีถึงตวั บุคคลไมเ่ กี่ยวกบั ตาแหนง่ หน้าท่ี
๖. ขอ้ ความ ให้ลงสาระสาคญั ของเร่ืองให้ชดั เจนและเขา้ ใจง่าย และหากมคี วามประสงคห์ ลายประการ
ให้แยกเปน็ ข้อ ๆ ในกรณีทม่ี กี ารอา้ งถงึ หนังสอื ทเี่ คยมีตดิ ต่อกนั หรอื มีสงิ่ ท่สี ง่ มาด้วยใหร้ ะบุไวใ้ นขอ้ น้ี
๗. ลงชื่อและตาแหน่ง โดยอนุโลมในกรณที ี่กระทรวง ทบวง กรม หรือจงั หวดั ใดประสงคจ์ ะกาหนดแบบ
การเขยี นโดยเฉพาะ เพือ่ ใชต้ ามความเหมาะสมกใ็ ห้กระทาได้

6

รูปแบบหนงั สือราชการภายใน

7

3. หนงั สือประทับตรา

หนังสอื ประทบั ตรา คือหนงั สอื ที่ใชป้ ระทับตราแทนการลงช่ือของหวั หนา้ สว่ นราชการระดับกรมข้นึ ไป โดยให้
หวั หนา้ สว่ นราชการระดบั กองหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมายจากหัวหนา้ สว่ นราชการระดบั กรมข้ึนไปเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ
ลงช่ือย่อกากบั ตรา หนังสอื ประทับตราใหใ้ ช้ไดท้ ัง้ ระหวา่ งสว่ นราชการและระหวา่ งสว่ นราชการกับ
บุคคลภายนอก เฉพาะกรณที ไ่ี ม่ใชเ่ ร่อื งสาคัญ ได้แก่ การขอรายละเอียดเพม่ิ เติม การสง่ สาเนาหนังสอื สงิ่ ของ
เอกสาร หรอื บรรณาสาร การตอบรบั ทราบทีไ่ มเ่ กีย่ วกบั ราชการสาคญั หรอื การเงนิ การแจ้งผลงานที่ได้
ดาเนนิ งานไปแลว้ ใหส้ ว่ นราชการท่ีเก่ียวข้องทราบ การเตอื นเรอ่ื งทีค่ า้ ง เรือ่ งซงึ่ หัวหนา้ ส่วนราชการระดับกรม
ขึน้ ไปกาหนดโดยทาเป็นคาสงั่ ให้ใช้หนังสือราชการ โดยใช้กระดาษตราครฑุ

1.ท่ี ให้ลงรหสั ตัวพยญั ชนะและเลขประจาเจ้าของเร่อื งทบั เลขทะเบียนหนงั สอื ส่ง
2.ถึง ให้ลงชื่อส่วนราชการ หน่วยงาน หรอื บุคคลทห่ี นงั สอื นั้นมีถงึ
3.ข้อความ ใหล้ งสาระสาคัญของเรื่องใหช้ ัดเจนและเข้าใจงา่ ย
4.ชือ่ สว่ นราชการทส่ี ่งหนังสือออก ให้ลงชื่อสว่ นราชการที่ส่งหนงั สือออก
5.ตราช่ือส่วนราชการ ใหป้ ระทับตราชื่อส่วนราชการดว้ ยหมึกสีแดง และให้ผู้รับผิดชอบลงลายมือช่ือ
ย่อกากับตราท่ีประทบั น้ัน
6.วนั เดอื น ปี ใหล้ งตวั เลขของวันที่ ชื่อเตม็ ของเดอื น และตัวเลขของปีท่อี อกหนงั สือ
7.สว่ นราชการเจ้าของเร่อื ง ใหล้ งชื่อส่วนราชการเจ้าของเร่อื ง หรือหน่วยงานท่ีออกหนงั สือ
8.โทร. หรือทตี่ ัง้ ใหล้ งหมายเลขโทรศัพท์ของส่วนราชการเจา้ ของเร่ือง

8

4. หนังสือสง่ั การ

หนังสือส่งั การ ใหใ้ ชต้ ามแบบทกี่ าหนดไว้ หนังสอื ส่งั การมี 3 ชนดิ ได้แก่ คาส่ัง ระเบียบ และ
ขอ้ บังคับ

คาสงั่ คือบรรดาข้อความท่ีผูบ้ งั คบั บญั ชาส่ังการใหป้ ฏบิ ตั ิโดยชอบดว้ ยกฏหมาย ใช้กระดาษตราครุฑ

1. คาสง่ั คอื ข้อความท่ผี ู้บงั คบั บัญชาสั่งใหป้ ฏบิ ัตโิ ดยชอบด้วยกฎหมาย ใชก้ ระดาษตราครฑุ โดยมี
รายละเอียด ดงั นี้

1.1 คาสงั่ ให้ลงช่อื ส่วนราชการ หรือตาแหน่งของผ้มู อี านาจทีอ่ อกคาสง่ั

1.2 ที่ ให้ลงเลขทอ่ี อกคาสั่ง โดยเร่ิมฉบับแรกจากเลข ๑ เรยี งไปตามลาดบั ทับเลขทป่ี ีพทุ ธศกั ราชท่อี อก
คาสงั่

1.3 เรอ่ื ง ใหล้ งชอ่ื เรอ่ื งทีอ่ อกคาส่ัง

1.4 ข้อความ ให้อา้ งเหตุทอ่ี อกคาสงั่ และอ้างถึงอานาจทใี่ ห้ออกคาสง่ั (ถา้ ม)ี ไว้ด้วย และวัน เดือน ปี ท่ี
ใชเ้ รมิ่ บงั คบั

1.5 สง่ั ณ วันที่ ให้ลงตัวเลขของวนั ที่ ชือ่ เตม็ ของเดอื น และตัวเลขของปีพทุ ธศกั ราชทีอ่ อก

1.6 ลงชื่อ ใหล้ งลายมอื ชื่อผ้อู อกคาสั่ง และพมิ พ์ช่ือเตม็ ของเจา้ ของลายมอื ช่อื ไวใ้ ต้ลายมอื ช่ือ

1.7 ตาแหนง่ ใหล้ งตาแหน่งของผอู้ อกคาสัง่

ตัวอย่างแบบคาสงั่

9

2. ระเบียบ บรรดาขอ้ ความทผี่ มู้ อี านาจหน้าท่ีได้วางไว้ โดยอาศัยอานาจของกฎหมายหรอื ไมก่ ไ็ ด้ เพื่อใช้
เป็นหลักปฏิบตั งิ านเป็นประจา ใช้กระดาษตราครฑุ โดยมรี ายละเอียด ดงั น้ี

2.1 ระเบียบ ใหล้ งชือ่ สว่ นราชการท่อี อกระเบยี บ
2.2 ว่าดว้ ย ให้ลงช่อื ของระเบยี บ
2.3 ฉบับท่ี ถา้ เป็นระเบยี บทกี่ ลา่ วถงึ เป็นครัง้ แรกในเร่ืองน้ันไม่ตอ้ งลงว่าเป็นฉบับที่เทา่ ไร แตถ่ า้ เปน็ เร่ือง
เดียวกนั แตม่ กี ารแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ให้ลงเปน็ ฉบบั ท่ี๒ ๓ หรอื ๔ ตามลาดบั )
2.4 พ.ศ. ให้ลงตวั เลขปพี ทุ ธศักราชทอี่ อกระเบียบ
2.5 ข้อความ ให้อ้างเหตผุ ลโดยยอ่ เพ่ือแสดงถงึ ความมุง่ หมายท่ีต้องการออกระเบียบ และอา้ งถึงกฎหมาย
ท่ใี หอ้ านาจออกระเบยี บ (ถ้าม)ี
2.6 ข้อความ ใหเ้ รียงขอ้ ความทจ่ี ะใชเ้ ปน็ ขอ้ ๆ โดย ข้อ ๑ เปน็ ระเบียบ ข้อ ๒ เปน็ วันท่ีใชบ้ ังคบั (กาหนด
วา่ ใชบ้ งั คับเม่อื ใด สว่ นขอ้ สุดทา้ ยเป็นผู้รักษาระเบยี บ ถา้ มีมากข้อหรอื หลายเร่ืองจะแบง่ เปน็ หมวดกไ็ ด้ โดยให้
เลือ่ นข้อผู้รกั ษาการไปเปน็ ข้อสดุ ท้ายก่อนทีจ่ ะข้ึนหมวดหนึง่
2.7 ประกาศ ณ วันที่ ให้ลงตัวเลขของวันที่ ช่อื เตม็ ของเดอื น และตวั เลขปพี ทุ ธศกั ราชทอ่ี อกบังคับ
2.8 ลงชอ่ื ใหล้ งลายมือชอ่ื ผู้ออกระเบียบหรอื ขอ้ บงั คบั และพมิ พ์ชอ่ื เต็มของเจ้าของลายมอื ช่ือไว้ใตล้ ายมือ
ชอ่ื
2.9 ตาแหน่ง ให้ลงตาแหนง่ ของผู้ออกระเบียบหรือขอ้ บังคบั นนั้

10

ตัวอยา่ งแบบระเบยี บ

11

3. ข้อบังคับ คือ บรรดาข้อความทผี่ ู้มีอานาจหน้าทีก่ าหนดให้ใช้โดยอาศัยอานาจของกฎหมายทบี่ ัญญตั ิให้
กระทาได้
ใชก้ ระดาษตราครฑุ และให้จดั ทาตามแบบท่ี 6 ทา้ ยระเบียบ โดยกรอกรายละเอยี ดดงั น้ี

3.1 ขอ้ บังคับ ให้ลงชื่อสว่ นราชการท่ีออกข้อบังคับ
3.2 ว่าดว้ ย ให้ลงช่อื ของข้อบงั คับ
3.3 ฉบบั ทีถ่ ้าเป็นข้อบงั คับท่ีกล่าวถงึ เป็นครงั้ แรกในเรือ่ งน้ัน ไมต่ อ้ งลงวา่ เป็นฉบับที่เทา่ ใด แต่ถา้ เป็น
ข้อบงั คบั
เรื่องเดียวกันที่มกี ารแก้ไขเพม่ิ เตมิ ให้ลงเป็นฉบับท่ี 2 และทีถ่ ัด ๆ ไปตามลาดับ
3.4 พ.ศ. ใหล้ งตวั เลขของปพี ทุ ธศักราชท่อี อกขอ้ บงั คบั
3.5 ขอ้ ความ ให้อา้ งเหตผุ ลโดยย่อเพื่อแสดงถึงความมงุ่ หมายทต่ี ้องออกข้อบังคับและอ้างถงึ กฎหมาย
ที่ให้อานาจออกขอ้ บงั คบั
3.6 ข้อ ใหเ้ รียงข้อความที่จะใช้บงั คับเปน็ ข้อ ๆ โดยให้ ข้อ 1 เปน็ ช่อื ขอ้ บังคับ ข้อ 2 เป็นวันใช้บังคบั
กาหนดวา่
ให้ใช้บงั คบั ต้งั แต่เมอ่ื ได้และข้อสุดทา้ ยเปน็ ข้อผูร้ ักษาการข้อบงั คบั ใดถา้ มีมากข้อหรอื หลายเรื่องจะแบง่ เปน็
หมวดก็ได้โดยใหย้ า้ ยข้อผรู้ กั ษาการไปเป็นข้อสุดท้ายก่อนที่จะขึน้ หมวด 1
3.7 ประกาศ ณ วนั ที่ ให้ลงตวั เลขของวันท่ี ชอ่ื เต็มของเดอื น และตัวเลขของปีพทุ ธศักราชท่อี อกข้อบังคับ
3.8 ลงชอ่ื ให้ลงลายมือช่ือผู้ออกขอ้ บังคับ และพิมพ์ชือ่ เต็มของเจ้าของลายมอื ชื่อไว้ใตล้ ายมือชอ่ื
3.9 ตาแหนง่ ใหล้ งตาแหน่งของผ้อู อกข้อบงั คับ

12

ตวั อย่างแบบข้อบังคับ

13

5. หนงั สือประชาสมั พนั ธ์
หนงั สอื ประชาสัมพันธ์ ให้ใช้ตามแบบทีก่ าหนดไว้ หนังสือประชาสมั พันธม์ ี 3ชนดิ ไดแ้ ก่ ประกาศ

แถลงการณแ์ ละข่าว
หนงั สอื ประชาสัมพันธม์ ี 3 ชนดิ ได้แก่ ประกาศ แถลงการณ์ และข่าว

1 ประกาศ คอื บรรดาขอ้ ความท่ที างราชการประกาศหรอื ชีแ้ จงให้ทราบ หรือแนะแนวทางปฏบิ ัติ ใช้
กระดาษตราครฑุ
และใหจ้ ัดทาตามแบบท่ี 7 ทา้ ยระเบยี บ โดยกรอกรายละเอยี ดดังนี้

14

1.1 ประกาศ ให้ลงชือ่ ส่วนราชการท่ีออกประกาศ
1.2 เรอื่ ง ใหล้ งชือ่ เรื่องทีป่ ระกาศ
1.3 ขอ้ ความ ใหอ้ า้ งเหตุผลท่ตี ้องออกประกาศและข้อความทีป่ ระกาศ
1.4 ประกาศ ณ วันท่ี ให้ลงตัวเลขของวันท่ี ช่ือเตม็ ของเดือนและตวั เลขของปพี ุทธศกั ราชทีอ่ อก
ประกาศ
1.5 ลงชือ่ ใหล้ งลายมอื ชอ่ื ออกประกาศ และพิมพ์ช่อื เตม็ ของเจ้าของลายมอื ชือ่ ไวใ้ ต้ลายมอื ชอ่ื
1.6 ตาแหน่ง ใหล้ งตาแหนง่ ของผอู้ อกประกาศ ในกรณีทีก่ ฎหมายกาหนดให้ทาเป็นแจง้ ความ ให้
เปลี่ยนคาว่าประกาศ เป็นแจง้ ความ
ตัวอยา่ งแบบประกาศ

2 แถลงการณ์ คือ บรรดาข้อความท่ีทางราชการแถลงเพือ่ ทาความเข้าใจในกจิ การของทางราชการหรอื
เหตุการณ์ หรอื กรณใี ด ๆ ใหท้ ราบชดั เจนโดยทั่วกนั ใชก้ ระดาษตราครุฑและใหจ้ ดั ทาตามแบบที่ 8 ทา้ ย
ระเบยี บ โดยกรอกรายละเอยี ดดังนี้

15

2.1 แถลงการณ์ ให้ลงชือ่ ส่วนราชการทีอ่ อกแถลงการณ์
2.2 เร่อื ง ให้ลงชื่อเรอ่ื งที่ออกแถลงการณ์
2.3 ฉบบั ที่ ใชใ้ นกรณีทีจ่ ะตอ้ งออกแถลงการณห์ ลายฉบบั ในเรื่องเดียวท่ีต่อเนอ่ื งกันให้ลงฉบบั ท่ีเรยี ง
ตามลาดับไวด้ ้วย
2.4 ข้อความ ให้อา้ งเหตุผลท่ีตอ้ งออกแถลงการณ์และขอ้ ความท่แี ถลงการณ์
2.5 สว่ นราชการทีอ่ อกแถลงการณ์ ให้ลงชื่อส่วนราชการทอี่ อกแถลงการณ์
2.6 วนั เดอื น ปี ให้ลงตวั เลขของวนั ที่ ชอ่ื เต็มของเดอื น และตวั เลขของปพี ทุ ธศักราชทอ่ี อกแถลงการณ์
ตัวอยา่ งแบบแถลงการณ์

ขา่ ว คอื บรรดาข้อความท่ีทางราชการเหน็ สมควรเผยแพร่ใหท้ ราบ
หลกั การประชาสัมพนั ธ์ การประชาสัมพนั ธ์ในปจั จุบนั มหี ลกั ใหญ่ๆ สาคญั ๆ อยู่ 3 ประการด้วยกนั คือ 1. การ
บอกกล่าวหรอื ชีแ้ จงเผยแพรใ่ ห้ทราบ การบอกกล่าวชแี้ จงหรือเผยแพรใ่ ห้ทราบนี้คอื การบอก กล่าวช้ีแจงให้
ประชาชนทราบถึง 1.1)นโยบาย 1.2)วัตถุประสงค์ 1.3)การดาเนนิ งาน 1.4) ผลงาน บรกิ าร และกจิ กรรมต่างๆ
ตลอดจนขา่ วคราวความเคลอื่ นไหวขององค์การสถาบนั ให้ ประชาชน และกลุม่ ประชาชนทเ่ี กย่ี วข้องไดท้ ราบ

16

และรู้เห็นถงึ สงิ่ ดังกล่าว ซึง่ นับเปน็ การปพู ้ืนฐานแห่ง ความเข้าใจในองคก์ ารสถาบนั ทาใหส้ ถาบนั เปน็ ทร่ี ู้จัก
เข้าใจ และเล่อื มใส ตลอดจนทาใหป้ ระชาชนเกิด ความรู้สึกทเ่ี ป็นไปในทางท่ดี ตี ่อองค์การสถาบัน 2. การ
ปอ้ งกันและแก้ไขความเข้าใจผดิ การป้องกนั ความเข้าใจผดิ น้ี ทางดา้ นวิชาการประชาสมั พนั ธ์ ถอื เป็นการ
ประชาสัมพันธ์เพ่อื ป้องกัน (Preventive Relation) ซง่ึ มีความสาคัญมาก เพราะการป้องกนั ไว้กอ่ นยอ่ มมผี ล
ดกี วา่ ทีจ่ ะตอ้ งมาทาการแก้ไขในภายหลัง ฉะน้นั การป้องกันความเข้าใจผิดจงึ เป็นการ กระทาทปี่ ้องกันมใิ ห้
กล่มุ ประชาชนที่เก่ยี วข้องกบั สถาบนั บังเกิดความเขา้ ใจผดิ ในตวั สถาบันได้ ประเภทของการแก้ไขความเข้าใจ
ผิด 1. การแก้ไขความเขา้ ใจผดิ ทางตรง คือการออกคาแถลง ถ้อยแถลง แถลงการณห์ รือประกาศ ชีแ้ จงแก้
ความเข้าใจผดิ น้นั ไปยังกล่มุ ประชาชนเพอื่ ใหป้ ระชาชนทราบและเข้าใจอย่างถกู ต้องตรงตามความเปน็ จริง
วธิ กี ารแกไ้ ขความเข้าใจผิดวิธีน้จี งึ เปน็ วธิ แี ก้อย่างตรงไปตรงมา กล่าวคอื ความจริงมีอย่อู ยา่ งไรก็ แถลงไป
ตามน้ันอยา่ งไรก็ตามการแกไ้ ขความเข้าใจผิดทางตรง 2. การแก้ไขความเข้าใจผดิ ทางอ้อม การแกไ้ ขความ
เข้าใจผิดทางอ้อมน้สี ่วนมากใช้ความเขา้ ใจผดิ บาง ประการทไ่ี ม่สมควรใชว้ ิธีการแกไ้ ขทางตรง เพราะอาจจะทา
ให้เกดิ ผลเสียหายมากกวา่ ผลดี การแกไ้ ข ความเขา้ ใจผดิ ทางออ้ มนี้ จึงมิใชก่ ารออกประกาศชี้แจง หรอื
แถลงการณ์เหมือนวธิ แี รก แตเ่ ป็นการ กระทา (deeds) ใหป้ ระชาชนได้เหน็ ประจกั ษแ์ ก่ตนเอง เพ่ือลบลา้ ง
ความเข้าใจผิดหรอื ขา่ วลืออกุศล ดังกล่าวเสยี ตวั อย่างเช่น มีขา่ วลอื หรือความเขา้ ใจผิดเก่ียวกับความสกปรกใน
การผลิต การบรรจหุ ีบห่อ ของสินค้าหรือผลิตภณั ฑข์ องบรษิ ทั ก็อาจจะแก้ไขความเขา้ ใจผิดด้วยการกระทาและ
แสดงใหเ้ หน็ ขอ้ เท็จจรงิ โดยการเชญิ สือ่ มวลชนหรอื ตวั แทนกลุ่มประชาชนทีเ่ ขา้ ใจผิดเขา้ มาเย่ยี มชมโรงงาน
หรอื บรษิ ทั หรอื ชมกรรมวธิ ใี นการผลิตการบรรจหุ บี หอ่ ของสนิ ค้าเปน็ การลบล้างความเขา้ ใจผดิ ไปในตัว 3. การ
สารวจประชามตหิ ลกั ทีส่ าคัญของการประชาสมั พนั ธอ์ ีกประการหนึง่ ก็คอื จะต้องมกี ารสารวจ วิจยั ประชามติ
เพราะองคก์ ารสถาบนั จะดาเนนิ การประชาสัมพนั ธไ์ ด้อยา่ งมีประสิทธภิ าพจะตอ้ งรซู้ ้งึ ถึง ความรสู้ กึ นกึ คดิ ของ
ประชาชน หรือท่เี รยี กว่าประชามติ (Public Opinion) จะตอ้ งทราบวา่ ประชาชน ตอ้ งการอะไร ไม่ต้องการ
อะไร ชอบหรือไมช่ อบในสิ่งไหน ตลอดจนทา่ ทตี า่ งๆ ท่ปี ระชาชนมีตอ่ องค์การ สถาบันของเรา ซึง่ จะทราบได้
จากการสารวจวจิ ยั ประชามตเิ พ่อื องคก์ ารสถาบันจะสามารถตอบสนองส่ิง ตา่ งๆ ใหส้ อดคล้องกบั ความรูส้ ึกนึก
คดิ และความต้องการของประชาชน

หนงั สือประชาสมั พันธ์ ให้ใชต้ ามแบบท่กี าหนดไวใ้ นระเบยี บนี้ เว้นแต่จะมกี ฎหมายกาหนดแบบไวโ้ ดยเฉพาะ

3. ขา่ ว คือ บรรดาขอ้ ความท่ที างราชการเหน็ สมควรเผยแพร่ให้ทราบ ใหจ้ ดั ทาตามแบบที่ 9 ท้ายระเบยี บ
โดยกรอก รายละเอยี ดดงั นี้

3.1 ขา่ ว ใหล้ งชือ่ ส่วนราชการทีอ่ อกขา่ ว

3.2 เรอ่ื ง ให้ลงช่ือเรอ่ื งท่อี อกข่าว

3.3 ฉบบั ที่ ใชใ้ นกรณที จ่ี ะต้องออกข่าวหลายฉบับในเรื่องเดยี วท่ตี อ่ เน่อื งกัน ใหล้ งฉบับทีเ่ รยี งตามลาดบั
ไว้ดว้ ย

3.4 ข้อความ ใหล้ งรายละเอยี ดเกย่ี วกับเร่ืองของข่าว

3.5 สว่ นราชการทอี่ อกข่าว ใหล้ งชอ่ื สว่ นราชการทีอ่ อกข่าว

17

3.6 วนั เดือน ปี ให้ลงตวั เลขของวันที่ ชือ่ เต็มของเดือน และตวั เลขของปพี ุทธศกั ราชท่อี อกข่าว

ตวั อย่างแบบขา่ ว

18

6.หนงั สอื ท่ีเจา้ หน้าทีท่ าขน้ึ หรือรบั ไวเ้ ป็นหลักฐานในราชการ
หนงั สือท่ีเจ้าหนา้ ท่ีทาข้ึนหรือรบั ไว้เป็นหลกั ฐานในราชการ คอื หนังสือที่ทางราชการทาข้ึน

นอกจากที่กลา่ วแลว้ ขา้ งตน้ หรือหนังสอื ทห่ี น่วยงานอ่นื ใดซ่ึงมใิ ช่สว่ นราชการหรอื บคุ คลภายนอกมมี าถึงสว่ น
ราชการและสว่ นราชการรับไวเ้ ปน็ หลักฐานของทางราชการ มี 4 ชนดิ คอื หนงั สอื รับรอง รายงานการประชมุ
บนั ทกึ และหนังสืออน่ื

หนงั สอื รบั รอง คอื หนงั สือท่ีสว่ นราชการออกให้เพอ่ื รับรองแก่บุคคล นิติบคุ คลหรอื หนว่ ยงาน เพื่อ
วัตถปุ ระสงคอ์ ย่างหนง่ึ อยา่ งใดใหป้ รากฏแกบ่ ุคคลโดยท่วั ไปไม่จาเพาะเจาะจง ใช้กระดาษตราครฑุ

รายงานการประชมุ คอื การบันทึกความคดิ เห็นของผู้มาประชมุ ผู้เขา้ รว่ มประชุม และมติของที่
ประชมุ ไวเ้ ป็นหลักฐาน

บันทึก คือข้อความซ่งึ ผู้ใต้บงั คบั บญั ชาเสนอต่อผู้บังคับบัญชาหรือผู้บงั คับบญั ชาส่งั การแก่
ผใู้ ตบ้ ังคบั บญั ชาหรอื ข้อความทเ่ี จา้ หนา้ ท่หี รอื หนว่ ยงานระดับต่ากวา่ ส่วนราชการระดับกรมติดตอ่ กนั ในการ
ปฏิบัตริ าชการ โดยใช้กระดาษบนั ทึกข้อความ
หนังสือทีเ่ จ้าหนา้ ที่ในหนว่ ยงานจดั ทาขนึ้ ตามอานาจหนา้ ที่ หรือหนังสอื ท่ีบคุ คล ภายนอกทาขนึ้ ย่ืนตอ่
เจา้ หน้าทแ่ี ละเจ้าหน้าทไี่ ดร้ ับไวเ้ ป็นหลักฐานของทางราชการ ช่อื วา่ “หนังสือท่ีเจ้าหน้าท่ที าขน้ึ หรือรบั ไวเ้ ปน็
หลักฐานในราชการ” มี 4 ชนดิ คอื หนงั สอื รับรอง รายงานการประชุม บนั ทกึ และ หนังสอื อ่ืน

1.หนงั สือรับรอง คือ หนังสือทสี่ ่วนราชการออกใหเ้ พอ่ื รับรองแกบ่ คุ คล นิตบิ ุคคล หรอื สว่ นราชการ เพือ่
วตั ถปุ ระสงค์อย่างใดอย่างหน่งึ มีรายละเอยี ดดงั น้ี

1.1 เลขท่ี ใหล้ งเลขที่เร่มิ แต่ ๑ เปน็ ตน้ ไปจนส้นิ ปีปฏทิ นิ
1.2 ส่วนราชการเจา้ ของหนังสอื ให้ลงชือ่ สว่ นราชการ และจะลงทีต่ งั้ ด้วยกไ็ ด้

19

1.3 ขอ้ ความ ใหล้ งข้อความขึ้นต้นวา่ “หนงั สอื ฉบับน้ี ให้ไว้เพือ่ รับรองวา่ ” แล้วต่อชื่อบคุ คล นิติบุคคล
หรือหน่วยงานท่ที างราชการรับรอง เฉพาะบุคคล ใช้ระบคุ านาหน้านาม ช่ือ นามสกุล ตาแหน่งหนา้ ที่ สงั กดั
หนว่ ยงาน แล้วจึงลงข้อความ

1.4 ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี ให้ลงเลขบอกวนั ท่ี ชอื่ เตม็ ของเดือน และเลขบอก พ.ศ.
1.5 ลงชอื่ ใหป้ ฏบิ ัติเช่นเดียวกบั ในระเบยี บ
1.6 ตาแหน่ง ให้ปฏิบัตเิ ช่นเดียวกับในระเบยี บ
1.7 รปู ถา่ ยและลายมอื ชอ่ื ผ้ไู ดร้ บั การรบั รอง ใช้ในกรณที สี่ าคญั ซง่ึ ออกใหแ้ ก่บุคคล ให้ติดรปู ถ่ายของผู้
ได้รับการรบั รอง ขนาด 4 ´ 6 ซม. หน้าตรง ไม่สวมหมวกประทบั ตราชือ่ สว่ นราชการบนขอบด้านขวามอื ของ
รูปถ่าย ให้ลงชอ่ื ผู้ได้รบั การรับ รองลงลายมอื ชือ่ ไว้ด้านลา่ งและมชี อื่ เตม็ ด้วย

ตัวอยา่ งแบบหนงั สือรบั รอง

2.รายงานการประชมุ คือ การบันทกึ เหตกุ ารณ์ในทป่ี ระชุมความคดิ เห็นของผมู้ าประชุม ผู้เข้าร่วม
ประชมุ และมตขิ องที่ประชมุ ไวเ้ ป็นหลักฐาน มรี ายละเอยี ดดังน้ี

2.1 รายงานการประชุม ให้ลงชื่อคณะทปี่ ระชุม หรือชอ่ื การประชมุ

20

2.2 คร้งั ท่ี ให้ลงครั้งทป่ี ระชมุ
2.3 เม่อื ให้ลง วนั เดือน ปี ท่ปี ระชุม
2.4 ณ ใหล้ งสถานทีท่ ป่ี ระชมุ
2.5 ผู้มาประชุม ให้ลงชอ่ื หรือตาแหน่งของผทู้ เี่ ปน็ คณะท่ีประชมุ ซงึ่ มาประชุม ถ้ามผี ้มู าประชมุ แทน ใหล้ ง
ระบุว่ามาประชุมแทนผใู้ ดหรอื ตาแหน่งใด
2.6 ผไู้ มม่ าประชุม ใหล้ งชอ่ื และตาแหน่งผ้เู ปน็ คณะทีป่ ระชุมซง่ึ มไิ ดม้ าประชุมพร้อมทั้งเหตุผลม่ีไมม่ า
ประชมุ
2.7 ผูเ้ ข้ารว่ มประชมุ ให้ลงชอื่ และตาแหนง่ ของผทู้ ่มี ิไดเ้ ปน็ คณะทป่ี ระชมุ แตม่ าร่วมประชมุ
2.8 เริม่ ประชุมเวลา ใหล้ งเวลาท่เี ริ่มประชมุ
2.9 ขอ้ ความ ให้บนั ทกึ ข้อความท่ีประชมุ ให้เรมิ่ ด้วยประธานกลา่ วเปิดประชมุ และเรอื่ งทีป่ ระชุมหรือ
ระเบยี บวาระการประชุมพรอ้ มทัง้ มตหิ รอื ขอ้ สรุปของทปี่ ระชุมแต่ละเรื่องตามลาดบั
2.10 เลิกประชุมเวลา ให้ลงเวลาเลิกประชมุ
2.11 ผู้จดรายงานการประชุม ใหล้ งชอ่ื ผู้จดรายงานการประชมุ
2.12 ผ้รู บั รองรายงานการประชุม หมายถึง ประธานท่ีประชมุ ซึง่ ลงนามรับรองในเมอื่ ทป่ี ระชุมรบั รอง
รายงานการประชมุ น้นั แล้ว

ตัวอยา่ งแบบรายงานการประชมุ

21

3. บนั ทึก คอื ขอ้ ความซึง่ ผู้ใตบ้ งั คับบัญชาเสนอตอ่ ผูบ้ งั คบั บัญชาหรือผู้บังคบั บญั ชาสั่งผใู้ ต้บงั คับบญั ชา
หรอื ข้อความท่เี จ้าหนา้ ที่หรอื หน่วยงานตา่ กวา่ ระดบั กรมติดต่อ กันในการปฏิบัติราชการ โดยปกติให้กาหนดใช้
กระดาษบนั ทึกข้อความ มีรายละเอยี ดดงั น้ี

3.1 ชื่อหรือตาแหนง่ ท่บี นั ทึกถงึ โดยใช้คาข้นึ ต้นตามความเหมาะสม
3.2 สาระสาคัญของเรือ่ ง ให้ลงใจความของเรือ่ งท่ีบนั ทกึ ถ้ามีเอกสารประกอบให้ระบไุ ว้ด้วย
3.3 ชื่อและตาแหน่ง ใหล้ งลายมือช่ือและตาแหนง่ ของผ้บู นั ทกึ และในกรณีท่ไี มใ่ ช้กระดาษบนั ทกึ ข้อความ
ใหล้ งวัน เดือน ปี ท่บี นั ทกึ ไวด้ ว้ ย

ตวั อย่างแบบบันทกึ

22

4. หนงั สืออื่นๆ คอื หนงั สือหรอื เอกสารอื่นใดทเ่ี จา้ หน้าทีท่ าขึน้ เพื่อ เปน็ หลักฐานใน ทางราชการ รวมถงึ
ภาพถา่ ย ฟิลม์ เทปบันทกึ เสยี ง เทปบนั ทึกภาพ หรอื หนงั สือท่ีบุคคลภายนอกทาขน้ึ ยื่นต่อเจ้าหน้าที่และ
เจ้าหนา้ ท่ีรับเข้าทะเบียนของทางราชการ

หนังสอื ดังกล่าวนี้ มแี บบตามท่หี น่วยงานแตล่ ะหนว่ ยจะกาหนดขน้ึ เว้นแตท่ ม่ี ีแบบตามกฎหมายกาหนด
เชน่ โฉนด แผนท่ี แบบ แผนผัง สัญญา หลักฐานการสบื สวนและสอบสวน และคารอ้ งเป็นตน้
การรบั และสง่ หนังสือ

หนว่ ยสารบรรณได้จัดลาดับความสาคัญและความเร่งดว่ นของหนงั สือเพอ่ื ดาเนนิ การก่อนหลังตามชั้น
ความเร็วของหนงั สือ โดยแบง่ เปน็ 3 ประเภทคือ

ดว่ นที่สดุ ผปู้ ฏบิ ตั ติ ้องปฏบิ ตั ใิ นทนั ทที ี่ไดร้ ับหนงั สือนั้น
ดว่ นมาก ผู้ปฏิบัติต้องปฏบิ ตั โิ ดยเร็ว
ดว่ น ผปู้ ฏบิ ัติต้องปฏิบัติใหเ้ รว็ กว่าปกติเทา่ ที่จะทาได้
Ø หนงั สอื รบั รอง คือ หนงั สอื ที่สว่ นราชการออกใหเ้ พ่ือรบั รองแก่ บุคคล นติ ิบุคคล หรอื หนว่ ยงานเพ่อื
วตั ถปุ ระสงคอ์ ย่างหนึ่งอย่างใดให้ปรากฏแก่บุคคลโดยท่วั ไปไมจ่ าเพาะเจาะจง
1. ส่วนราชการทีอ่ อกข่าว ใหล้ งชอ่ื สว่ นราชการที่ออกขา่ ว
2. เลขท่ี ใหล้ งเลขทข่ี องหนังสอื รบั รองโดยเฉพาะ เร่มิ ตั้งแตเ่ ลข ที่ 1 เรียงเป็นลาดบั ไปจนถงึ สิน้ ปปี ฏิทนิ ทบั
เลขปี
พทุ ธศกั ราชทอี่ อกหนังสือรบั รอง หรอื ลงเลขท่ีของหนงั สอื ทัว่ ไปตามแบบหนงั สือภายนอกอยา่ งหนึง่ อย่างใด
3. สว่ นราชการเจ้าของหนังสอื ใหล้ งชอื่ ส่วนราชการซ่ึงเป็นเจ้าของหนังสอื นนั้ และจะลงสถานที่ตั้งของสว่ น
ราชการ
เจ้าของหนงั สือด้วยก็ได้
4. ข้อความ ใหล้ งข้อความขน้ึ ต้นวา่ หนงั สอื ฉบบั นีใ้ ห้ไว้เพือ่ รบั รองว่า แล้วต่อดว้ ยช่อื บุคคล นิตบิ ุคคล หรอื

23

หน่วยงานที่ทางราชการรับรองในกรณเี ปน็ บุคคลใหพ้ มิ พ์ชอ่ื เตม็ โดยมคี านาหนา้ นาม ช่ือ นามสกุล
ตาแหน่งหนา้ ท่ี และสังกัดหน่วยงานท่ีผ้นู ้นั ทางานอยอู่ ยา่ งชดั แจง้ แล้วจงึ ลงขอ้ ความท่ีรับรอง
5. ให้ไว้ ณ วันที่ ให้ลงตวั เลขของวันท่ี ชอ่ื เต็มของเดอื น และตวั เลขของปีพุทธศกั ราชที่ออกหนงั สอื รับรอง
6. ลงชื่อ ให้ลงลายมอื ช่อื หัวหน้าส่วนราชการผอู้ อกหนงั สอื หรือ ผ้ทู ไี่ ดร้ บั มอบหมายและพิมพช์ ่อื เตม็
ของเจ้าของลายมือชอ่ื ไวใ้ ตล้ ายมือช่ือ
7. ตาแหน่ง ให้ลงตาแหนง่ ของผ้ลู งลายมือช่อื ในหนังสือ
8. รูปถา่ ยและลายมอื ชอ่ื ผูไ้ ดร้ ับการรบั รอง ในกรณที ่กี ารรบั รองเปน็ เรอ่ื งสาคัญท่ีออกใหแ้ ก่บุคคล ให้ติดรูป
ถ่าย
ของผ้ทู ่ีได้รบั การรับรอง ขนาด 4 x 6 เซนติเมตร หนา้ ตรง ไม่สวมหมวก ประทบั ตราชื่อสว่ นราชการทอ่ี อก
หนังสอื
บนขอบล่างด้านขวาของรปู ถ่ายคาบต่อลงบนแผ่นกระดาษ และใหผ้ ้นู ้ันลงลายมอื ชอื่ ไวใ้ ตร้ ปู ถ่าย พรอ้ มทง้ั
พมิ พ์
ชือ่ เต็มของเจา้ ของลายมอื ช่อื ไวใ้ ตล้ ายมอื ชือ่ ดว้ ย

รปู แบบหนังสอื รับรอง

24

25

ตวั อย่างหนังสอื ภายนอก

26

ตวั อย่างหนังสอื ภายใน

27

28

ตวั อย่างหนงั สอื ประทบั ตรา

ตวั อย่าง4.หนงั สอื ส่งั การ

29

30

31

ตัวอยา่ ง5.หนงั สอื ประชาสมั พนั ธ์

32

33

34

35

36

ตัวอยา่ ง 6. หนงั สอื ท่ีเจ้าหน้าทีท่ าขนึ้ หรอื รบั ไวเ้ ป็นหลักฐานในราชการ

37

38

39

40

41

42

43

44

45

46

47


Click to View FlipBook Version