1
คู่มือการใช้ฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ฐานการเรียนรู้มารยาทไทย
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม – ภาษาไทย
โรงเรียนผาอินทร์แปลงวิทยา อำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย
ั
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเลย หนองบวลำภู
2
ฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ชื่อฐานการเรียนรู้ “มารยาทไทย”
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ-ภาษาไทย
ที่ตั้งฐานการเรียนรู้ บริเวณแหล่งเรียนรู้บูรณาการ “มารยาทไทย”
ชื่อหัวหน้าวทยากรประจำฐาน นางรัชนี กล้าหาญ
ิ
ชื่อครูแกนนำประจำฐาน
1. นางสาววิยาพร อินทะสุระ
2. นางสาวจินตนา คิดหนองสรวง
3. นายชายอมร สุรสรณ์
4. นางสาวธารา สุธรรมมา
ชื่อนักเรียนแกนนำประจำฐาน
1. นางสาวธิดารัตน์ กัณหา
2. นางสาวขนิษฐา รัตนวัน
3. นางสาวจินดาหรา ยิ่งยอด
4. นายณัฐวุฒิ ฤทธิสน
5. นางสาวรัชฎาพร บุญที
วัตถุประสงค์
1. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกการทำกิจกรรมกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนฝึกมารยาทไทยได้อย่างถูกต้อง งดงาม ตามอัตลักษณ์ของโรงเรียน และ
สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสามารถสืบทอดวัฒนธรรมที่ดีงามที่สอดคล้องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง
4. เพื่อสร้างเครือข่ายฐานการเรียนรู้มารยาทไทย
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. นักเรียนมีความรู้ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดีและโรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้เรื่องมารยาทไทย
่
2. นักเรียนเกิดทักษะเรื่องมาทยาทไทย สามารถเป็นบุคคลที่มีความออนน้อมถอมตน รู้จักกาลเทศะ
่
3. นักเรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ด้านรักความเป็นไทย และเป็นแบบอย่างที่ดีด้านมารยาทไทย
4. เกิดแหล่งเรียนรู้เรื่องมารยาทไทยสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษา และฝึกปฏิบัติ
3
หลักการและเหตุผล
วัฒนธรรมคือวิถีชีวิตของชุมชน และสังคมที่แสดงออกในรูปแบบต่างๆ เช่น การแสดงออกในรูปแบบ
ของการดำรงชีวิต ขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเชื่อ ซึ่งถือว่าเป็นมรดกของชุมชน และสังคมที่สั่งสมมา
อย่างยาวนาน ซึ่งต้องมีการอนุรักษ์ และสืบทอดทางวัฒนธรรมให้ดำรงอยู่ต่อไป การสืบสานวัฒนธรรมไทยจึงมี
ความสำคัญยิ่งต่อการรักษาอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ซึ่งจะแสดงออกถึงวิถีความเป็นไทยทั้งด้าน
ี
ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอกรุ่น
หนึ่ง เพื่อให้วัฒนธรรมได้ดำรงอยู่ในสังคมต่อไป อย่างไรก็ตามการถ่ายทอดทางวัฒนธรรมย่อมมีช่องว่าง
ระหว่างวัยเกิดขึ้นระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ที่มีมุมมองแตกต่างกัน
มารยาทเป็นระเบียบแบบแผนการประพฤติทดีงามอันแสดงถึงพฤติกรรมที่สุภาพเรียบร้อยที่แสดงออก
ี่
ทางกาย วาจาโดยมีใจเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมให้แสดงออกได้อย่างเหมาะสม และเป็นองค์ประกอบย่อยของ
วัฒนธรรมซึ่งเป็นเอกลักษณประจำชาติที่สมควรจะถ่ายทอดสืบต่อไป มารยาทไทยเป็นกิริยามารยาทที่คนไทย
์
ได้สร้างสรรค์ให้เหมาะสมกับลักษณะนิสัยของคนไทย และสภาพแวดล้อมของประเทศไทยเป็นที่ประจักษ์
โดยทั่วไปว่า มารยาทไทยเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของคนไทย โดยเฉพาะการไหว้ ซึ่งเกิดขึ้นจาก
อุปกรณ์นิสัยที่แท้จริงของคนไทยที่มีความอ่อนน้อม ความเคารพผู้อาวุโส รวมถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มี
พระคุณ ด้วยเหตุนี้การไหว้ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่งจึงเป็นอากับกริยาที่แสดงออกด้วยใจและ
เต็มไปด้วยความงดงามอ่อนโยน
สื่อ/อุปกรณ์การเรียนรู้
ชุดคู่มือฐานการใช้ฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ฐานการเรียนรู้มารยาทไทย
ความสอดคล้องกับหลักการทรงงาน
๑. จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ
๒. ทำตามลำดับขั้น
๓. ความเพียร
ความรู้ที่ได้รับจากฐานการเรียนรู้
๑. ศาสตร์พระราชา
๑.๑ ๙ คำสอนของพ่อ : คำสอนที่ ๑ : การปรับปรุงตนเอง
"การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความ
อดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่
จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ ๆ" (พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระราชทานแก่ครูและนักเรียน ณ โรงเรียนจิตรลดา วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๒๓)
๑.๒. ๒๓ หลักการทรงงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลที่ ๙ : ๔ ทำ
ตามลำดับขั้น
4
เริ่มต้นจากการลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นก่อน เมื่อสำเร็จแล้วก็เริ่มลงมือสิ่งที่จำเป็นลำดับต่อไป ด้วย
ความรอบคอบและระมัดระวัง ถ้าทำตามหลักนี้ได้ งานทุกสิ่งก็จะสำเร็จได้โดยง่าย… ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรง
เริ่มต้นจากสิ่งที่จำเป็นที่สุดของประชาชนเสียก่อน ได้แก่ สุขภาพสาธารณสุข จากนั้นจึงเป็นเรื่องสาธารณูปโภค
ขั้นพื้นฐาน และสิ่งจำเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค เน้นการ
ปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด “การพัฒนาประเทศ
ื้
จำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพนฐาน คือความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้น
ก่อน ใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควร สามารถ
ปฏิบัติได้แล้วจึงค่อยสร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป…” พระบรมราโชวาท
ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗
๒. ศาสตร์ท้องถิ่น
วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นอีสานภาษาถิ่นไทเลย
๓. ศาสตร์สากล
การอยู่ร่วมกันในสังคม
การนำไปประยุกต์ใช้
๑. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
่
่
๑.๑ สามารถเป็นผู้นำในเรื่องมาทยาทไทยสามารถเป็นบุคคลที่มีความออนน้อมถอมตน รู้จัก
กาลเทศะ
๒. การประยุกต์ใช้ในภารกิจตามหน้าที่
๒.๑ เป็นแหล่งการเรียนรู้ของวิชาสังคมศึกษาและวิชาภาษาไทย
๒.๒ เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียน ครูและบุคลากรในโรงเรียน และผู้ที่เข้าศึกษาดูงาน
องค์กรหน่วยงานภายนอก
5
วิธีการใช้ฐานการเรียนรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ู้
ฐานการเรียนรู้มารยาทไทย
1. ผู้เข้าศึกษาลงชื่อการเข้าใช้ฐานการเรียนรู้มารยาทไทย
2. นักเรียนแกนนำประจำฐานแนะนำการใช้ฐานการเรียนรู้มารยาทไทย และสาธิตการประพฤติ
ปฏิบัติมารยาทไทย ทั้ง 7 รูปแบบ
3. ศึกษาความรู้จากเอกสาร E-book และป้ายนิเทศของฐานการเรียนรู้มารยาทไทย การประพฤติ
ปฏิบัติมารยาทไทย ทั้ง 7 รูปแบบ
4. ฝึกประพฤติปฏิบัติมารยาทไทย
5. ผู้เข้าศึกษาซักถามปัญหา และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักเรียนแกนนำประจำฐานการเรียนรู้
มารยาทไทย
6. นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
(E-book มารยาทไทย มารยาทในสังคม : กระทรวงวฒนธรรม)
ั
การวิเคราะห์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับฐานการเรียนรู้มารยาทไทย
6
การเชื่อมโยง ๔ มิติ
มิติด้านวัตถุ มิติด้านสิ่งแวดล้อม มิติด้านวัฒนธรรม มิติด้านสังคม
- การพัฒนาทักษะการ – การปรับบุคลิกภาพ – รักและภูมิใจในความเป็น - เกิดทักษะชีวิตในการอยู่
ปฏิบัติตนตามมารยาทไทย ภายนอกของตนเอง ไทย ร่วมกันในสังคมอย่างมี
เพื่อเป็นบุคคลที่มีความออน - มีมารยาทอันดีงามอยู่ - รู้และเข้าใจเห็นคุณค่าใน ความสุข
่
น้อมถ่อมตน รู้จักกาลเทศะ ร่วมกับผู้อื่นได้เอย่างมี ขนบธรรมเนียม ประเพณี – มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ตามแบบแผนของวัฒนธรรม ความสุข และวัฒนธรรมไทยอันดีงาม และมีการช่วยเหลือกันในกลุ่ม
ไทย - การจัดสภาพแวดล้อม
เอื้ออำนวยต่อการจัดกิจกรรม
ความพอประมาณ
นักเรียนมีความพอประมาณในการใช้ความรู้ นำสู่
ื่
ความเข้าใจเพอการปฏิบัติตนตามมารยาทไทย
ี
การมภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ
การวางแผนอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับ
ความมีเหตุผล
มารยาทไทย สามารถนำความรู้ที่ได้ไป
นักเรียนมีมารยาทไทย สามารถเป็นบุคคลที่ ใช้ในชีวิตประจำวัน ปฏิบัติตนเป็น
่
มีความออนน้อมถอมตน รู้จักกาลเทศะ
่
แบบอย่างที่ดีต่อผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง
ตามแบบแผนของวัฒนธรรมไทย
เหมาะสม และอยู่ร่วมกันในสังคมได้
อย่างมีความสุข
นำสู่
เงื่อนไขความรู้ เงื่อนไขคุณธรรม
- การประพฤติปฏิบัติมารยาทไทย - การตรงต่อเวลา - ความอดทน
ื้
- การปฏิบัติตนต่อ บุคคล/สถานที่/กาลเทศะ - ความเมตตากรุณา เออเฟื้อเผื่อแผ่
ถูกต้องตามมารยาทไทย - ความสามัคค - ความออนน้อมถอมตน
่
่
ี
- ความรับผิดชอบ
7
แผนการจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เรื่อง มารยาทไทย
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เหมาะสม (สิ่งแวดล้อม)
2. ครูสนทนาซักถามความรู้ของนักเรียนเกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญของมารยาทไทย ยกตัวอย่าง
มารยาทไทยด้านต่างๆ (ความรู้)
3. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 คนให้ออกมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการมีมารยาทในสถานการณ์ต่างๆ
ครูสรุปความรู้และความเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหาที่จะเรียน (พอประมาณมีเหตุผล)
ชั้นให้ประสบการณ ์
4. นักเรียนแสดงความเคารพครู รุ่นพี่
ความหมายและความสำคัญของมารยาทไทย
5. ครูให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับ ความหมายและความสำคัญของมารยาทไทย โดยใช้ข้อมูลจากใบ
ความรู้ อินเทอร์เน็ตตัว จากนั้นตั้งคำถามให้นักเรียนช่วยกันตอบ ตัวอย่างเช่น
1) มารยาทหมายถึงอะไร มีความสําคัญอย่างไร
2) มารยาทไทยที่ควรรู้และปฏิบัติให้ถูกต้องดีงามมีอะไรบ้าง
ขั้นตอนการฝึกมารยาทไทย
6.ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน แต่ละกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับมารยาทไทยด้านต่างๆจากแผ่นพับ
วีดีโอ (มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี)
7. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติมารยาทไทย
8. ครูซักถามนักเรียนและให้ทดสอบการปฏิบัติมารยาทไทยเป็นกลุ่ม
9. ครูอธิบายเพิ่มเติมหรือเสริมความรู้ว่าการมีมารยาทเป็นเรื่องสำคัญของมนุษย์ที่อยู่ร่วมในสังคม
ั
เดียวกัน เป็นการแสดงความเคารพ ให้เกียรติกันมารยาทเป็นสิ่งที่บุคคลพึงปฏิบัติโดยมีระเบียบแบบแผนอน
เหมาะสมตามกาละเทศะขอบข่ายมารยาทไทย เป็นการธำรงรักษาวัฒนธรรมด้านมารยาทไทยให้อยู่คู่ชาติไทย
(ความรู้ คุณธรรม มีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกันที่ดี วัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม )
10.ในขณะปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน ครูสังเกตพฤติกรรมในการฝึกปฏิบัติของนักเรียนตามแบบแผน
ประเมินพฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม
(ความรู้ คุณธรรม มีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกันที่ดี วัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม )
ขั้นสรุป
11. ครูแนะนำให้นักเรียนนำความรู้เกี่ยวกับมารยาทไทยไปใช้ในการดำเนินชีวิต ประจำวัน รวมทั้ง
ื่
นำไปเผยแพร่ให้บุคคลอื่น เช่น คนในครอบครัว เพอนบ้าน คนในชุมชน ได้รู้และเข้าใจ
12. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่องมารยาทไทย
13. เรียนถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยง
ี
14. นักเรียนและครูร่วมกันประเมินผลการทำงาน
8
ชุดคำถามกระตุ้นเพื่อปลูกฝังหลักคิดพอเพียง
ฐานการเรียนรู้ มารยาทไทย
เวลา ตลอดปีการศึกษา
คำถามกระตุ้นเพื่อปลูกฝังหลักคิดพอเพียงก่อนเรียน
ั
1. คำว่า มารยาท เกี่ยวข้องกบเรื่องใดบ้าง
2. ลักษณะสำคัญของมารยาทไทยคือลักษณะอย่างไร
3. มารยาทไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักกันมากที่สุดคืออะไร
4. ถ้านักเรียนเป็นผู้ที่มีมารยาทที่ดี สุภาพออนน้อม จะมีประโยชน์อย่างไร ในการอยู่ร่วมกับคนอื่น
่
(ความรู้ พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี)
คำถามกระตุ้นคิดเพื่อปลูกฝังหลักคิดพอเพียงระหว่างเรียน
1. โลกจะเป็นอย่างไร ถ้าทกคนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ความรู้ พอประมาณ มีเหตุผล ม ี
ุ
ภูมิคุ้มกันที่ดี)
2. นักเรียนจะนำความรู้เรื่องมารยาทไทยในชีวิตประจำวันได้อย่างไร (ความรู้ พอประมาณ มีเหตุผล
มีภูมิคุ้มกันที่ดี)
3. ปฏิบัติกิจกรรมฝึกมารยาทไทยให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายนักเรียนจะปฏิบัติตนอย่างไร
(คุณธรรม)
ี
คำถามกระตุ้นความคิดพอเพยงหลังเรียนพอดี
9
ที่มาของฐานการเรียนร
ู้
ฐานการเรียนรู้ “มารยาทไทย”
สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม
ั
กิริยามารยาทไทยเกี่ยวกับความเคารพ การยืน การเดิน การนั่ง การพูด การทักทาย การแต่งกาย
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงามและธำรงรักษา
ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกอย่างสันติสุข
ตัวชี้วัด
อธิบาย กิริยามารยาทไทยเกี่ยวกับความเคารพ การยืน การเดิน การนั่ง การพูด การทักทาย การแต่ง
กาย (ส 2.1 ป.2/2)
สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. ความเป็นมา ความสำคัญ และคุณค่าของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงต่อสังคมไทย
2. หลักแนวคิดของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3. หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
4. โครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
5. การปฏิบัติตนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
6. ตัวอย่างการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ทักษะการคิดวิเคราะห์
4. ทักษะการสำรวจค้นหา
5. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
คุณลักษณะที่พึ่งประสงค์
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ซื่อสัตย์สุจริต
มีวินัย
อยู่อย่างพอเพียง
มุ่งมั่นในการทำงาน
รักความเป็นไทย
มีจิตสาธารณะ
10
ภาคผนวก
11
แนวคิดและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
“เศรษฐกิจพอเพียง”เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนว
่
ทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่กอนวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และ
ื่
เมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพอให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่
ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ
ความมีเหตุผลรวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคมกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิด
ุ้
จากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ
ระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และ
ขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจ
ในทุกระดับให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความ
อดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
ประมวลและกลั่นกรองจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่ง
พระราชทานในวโรกาสต่าง ๆ รวมทั้งพระราชดำรัสอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุ
ญาติให้นำไปเผยแพร่ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2542 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายและประชาขน
โดยทั่วไป
" เศรษฐกิจพอเพียง แปลว่า Sufficiency Economy คำว่า Sufficiency Economy นี้ไม่มีในตำรา
เศรษฐกิจ.จะมได้อย่างไร เพราะว่าเป็นทฤษฎีใหม่ Sufficiency Economy นั้น ไม่มีในตำราเพราะหมายความ
ี
ว่าเรามีความคิดใหม่ …และโดยที่ท่านผู้เชี่ยวชาญสนใจ ก็หมายความว่า เราก็สามารถที่จะไปปรับปรุง หรือไป
ั
ื่
ใช้หลักการเพอที่จะให้เศรษฐกิจของประเทศและของโลกพฒนาดีขึ้น. "
12
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 23 ธันวาคม 2542
" อันนี้เคยบอกว่า ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า
ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว
จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป
แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร
บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้
แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก "
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2540
หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง
การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสาย
กลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดังนี้
• กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ ควรจะเป็น โดยมี
พื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สมารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลาและเป็นการมองโลกเชิง
ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวิกฤต เพื่อ ความมั่นคง และ ความ
ยั่งยืน ของการพัฒนา
• คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้น
การปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
• คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้
13
ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเอง
ี
และผู้อื่น เช่นการผลิตและการบริโภค ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพยง
นั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
จากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ
และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะ
เกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
• เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้
และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือเงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
อย่างรอบด้านความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและ
ความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติเงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มี
ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
• แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ
การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
ความรู้และเทคโนโลยี
ี
" ถ้าไม่ม เศรษฐกิจพอเพียง …จะพังหมด จะทำอย่างไร. ที่ที่ต้องใช้ไฟฟ้าก็ต้องแย่ไป.… หากมี
เศรษฐกิจพอเพียงถ้าเรามีเครื่องปั่นไฟ ก็ให้ปั่นไฟหรือถ้าขั้นโบราณกว่า มืดก็จุดเทียนคือมีทางที่จะ
แก้ปัญหาเสมอ.… ฉะนั้น เศรษฐกิจพอเพียงแต่จะบอกว่า เศรษฐกิจพอเพียงให้พอเพียงเฉพาะตัวเองร้อย
เปอร์เซ็นต์ นี่เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้.จะต้องมีการแลกเปลี่ยน ต้องมีการช่วยกัน.…… พอเพียงในทฤษฎีหลวงนี้ คือให้
สามารถจะดำเนินงานได้ นี้นี้ ก็มีเป็นขั้น ๆแบบไม่เต็มที่เวลาไฟดับ...”
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา 23 ธันวาคม 2542
เศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ
เศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางปฏิบัติของ ทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางในการพัฒนาที่นำไปสู่
ความสามารถในการพึ่งตนเอง ในระดับต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นตอน โดยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับความผันแปรของ
ธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่าง ๆ โดยอาศัยความพอประมาณและความมีเหตุผล การสร้าง
14
ภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้ ความเพียรและความอดทนสติและปัญญา การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และความ
สามัคค ี
เศรษฐกิจพอเพียงมีความหมายกว้างกว่าทฤษฎีใหม่โดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวคิดที่ชี้บอก
หลักการและแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ในขณะที่ แนวพระราชดำริเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่หรือเกษตรทฤษฎี
ใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรอย่างเป็นขั้นตอนนั้นเป็นตัวอย่างการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง
ในทางปฏิบัติ ที่เป็นรูปธรรมเฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสม
ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ อาจเปรียบเทียบกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบ
พื้นฐานกับแบบก้าวหน้า ได้ดั้งนี้
ความพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัวโดยเฉพาะเกษตรกร เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน
เทียบได้กับทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ 1 ที่มุ่งแก้ปัญหาของเกษตรกรที่อยู่ห่างไกลแหล่งน้ำต้องพึ่งน้ำฝนและประสบ
ี
ความเสี่ยงจากการที่น้ำไม่พอเพียง แม้กระทั่งสำหรับการปลูกข้าวเพื่อบริโภค และมีข้อสมมติว่า มีที่ดินพอเพยง
ในการขุดบ่อเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวจากการแก้ปัญหาความเสี่ยงเรื่องน้ำ จะทำให้เกษตรกรสามารถมี
ข้าวเพื่อการบริโภคยังชีพในระดับหนึ่งได้ และใช้ที่ดินส่วนอื่น ๆ สนองความต้องการพื้นฐานของครอบครัว
รวมทั้งขายในส่วนที่เหลือเพื่อมีรายได้ที่จะใช้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่สามารถผลิตเองได้ ทั้งหมดนี้เป็นการ
สร้างภูมิคุ้มกันในตัวให้เกิดขึ้นในระดับครอบครัว
อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่ง ในทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ 1 ก็จำเป็นที่เกษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจาก
ี
ชุมชนราชการ มูลนิธิ และภาคเอกชน ตามความเหมาะสมความพอเพยงในระดับชุมชนและระดับองค์กรเป็น
เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ 2 เป็นเรื่องของการสนับสนุนให้เกษตรกรรวม
พลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ หรือการที่ธุรกิจต่าง ๆ รวมตัวกันในลักษณะเครือข่ายวิสาหกิจ
กล่าวคือ เมื่อสมาชิกในแต่ละครอบครัวหรือองค์กรต่าง ๆ มีความพอเพียงขั้นพนฐานเป็นเบื้องต้นแล้ว
ื้
ื้
ื่
ก็จะรวมกลุ่มกันเพอร่วมมือกันสร้างประโยชน์ให้แก่กลุ่มและส่วนรวมบนพนฐานของการไม่เบียดเบียนกัน การ
แบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำลังและความสามารถของตนซึ่งจะสามารถทำให้ ชุมชนโดยรวมหรือ
เครือข่ายวิสาหกิจนั้น ๆ เกิดความพอเพียงในวิถีปฏิบัติอย่างแท้จริง
ความพอเพียงในระดับประเทศ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุม ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3
ซึ่งส่งเสริมให้ชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจสร้างความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ในประเทศ เช่น บริษัทขนาดใหญ่
ธนาคาร สถาบันวิจัย เป็นต้น
15
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในลักษณะเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ในการสืบทอดภูมิปัญญา แลกเปลี่ยน
ความรู้ เทคโนโลยี และบทเรียนจากการพัฒนา หรือร่วมมือกันพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้
ประเทศอันเป็นสังคมใหญ่อันประกอบด้วยชุมชนองค์กร และธุรกิจต่าง ๆ ที่ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงกลายเป็น
เครือข่ายชุมชนพอเพียงที่เชื่อมโยงกันด้วยหลัก ไม่เบียดเบียน แบ่งปัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในที่สุด
" … ขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบและทำงานตั้งอธิษฐาน
ตั้งปณิธานในทางนี้ ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพอกินไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่มีความความพออยู่พอกิน มี
ความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้
เราก็จะยอดยิ่งยวดได้ …
ิ
ฉะนั้นถ้าทุกท่านซึ่งถือว่าเป็นผู้มีความคิดและมีอิทธิพล มีพลังที่จะทำให้ผู้อื่น ซึ่งมีความคดเหมือนกัน
ช่วยกันรักษาส่วนรวมให้อยู่ดีกินดีพอสมควร ขอย้ำ พอควร พออยู่พอกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอื่นมาแย่ง
คุณสมบัตินี้จากเราไปได้ ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถาวรที่จะมีคุณค่าอยู่ตลอดกาล”"
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๒
23 หลักการทรงงาน ของในหลวงรัชกาลที่ ๙
ในหลวงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่นอกจากจะทรงด้วยทศพิธราชธรรมแล้ว ยังทรงเป็นพระราชาที่
เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และการทำงานแก่พสกนิกรของพระองค์ และนานาประเทศ แนวคิดหรือ
หลักการทรงงาน ของในหลวง มีความน่าสนใจที่สมควรนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตการทำงานเป็นอย่างยิ่ง หวังว่า
คุณจะนำเอาหลักการทรงงานเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์เพื่อความสำเร็จ และความมั่นคงในชีวิต ซึ่งนั้นหมายถึง
ส่วนหนึ่งของความมั่นคงของประเทศไทยเรา
ข้อที่ ๑ จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ
การที่จะพระราชทานโครงการใดโครงการหนึ่ง จะทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบ ทั้ง
ี
จากข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสาร แผนที่ สอบถามจากเจ้าหน้าที่นักวิชาการและราษฎรในพื้นที่ ให้ได้รายละเอยด
ที่ถูกต้อง เพื่อที่ จะพระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว ตรงตามความต้องการของ
ประชาชน
16
ข้อที่ ๒ ระเบิดจากภายใน
้
พระองค์ทรงมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาคน ทรงตรัสว่า "ต้องระเบิดจากขางใน" หมายความว่า ต้องสร้าง
ความเข้มแข็งให้คนในชุมชนที่เราเข้าไปพัฒนาให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อน แล้วจึงออกมาสู่
สังคมภายนอก มิใช่การนำเอาความเจริญหรือบุคคลจากสังคมภายนอกเข้าไปหาชุมชนหมู่บ้าน ที่ยังไม่ทันได้มี
โอกาสได้เตรียมตัว หรือตั้งตัว
ข้อที่ ๓ แก้ปัญหาจากจุดเล็ก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปี่ยมไปด้วยพระอัจฉริยภาพในการแก้ไขปัญหา ทรงมองปัญหาใน
ภาพรวม (Macro) ก่อนเสมอ แต่การแก้ปัญหาของพระองค์จะเริ่มจากจุดเล็ก ๆ (Micro) คือ การแก้ไขปัญหา
เฉพาะหน้าที่คนมักจะมองข้าม
ข้อที่ ๔ ทำตามลำดับขั้น
ในการทรงงานของพระองค์จะทรงเริ่มต้นจากสิ่งที่จำเป็นของประชาชนที่สุดก่อน ได้แก่ สาธารณสุข
เมื่อมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ก็จะสามารถทำประโยชน์ด้านอื่น ๆ ต่อไปได้ จากนั้นจะเป็นเรื่อง
ุ
สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่งจำเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้ำ เพื่อการเกษตร การอปโภค
บริโภค ที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให้ความรู้ทางวิชาการ และ
เทคโนโลยีที่เรียบง่าย เน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์
สูงสุด
ข้อที่ ๕ ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์
การพัฒนาใด ๆ ต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยา
เกี่ยวกับนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกัน
ข้อที่ ๖ ทำงานแบบองค์รวม
ทรงมีวิธีคิดอย่างองค์รวม (Holistic) หรือมองอย่างครบวงจรในการที่จะพระราชทานพระราชดำริ
ี่
เกี่ยวกับโครงการหนึ่งนั้น จะทรงมองเหตุการณ์ทจะเกิดขึ้น และแนวทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง ดังเช่น กรณีของ
"ทฤษฎีใหม่" ที่พระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทยเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพแนวทางหนึ่งที่พระองค์
ทรงมองอย่างองค์รวม ตั้งแต่การถือครองที่ดิน โดยเฉลี่ยของประชาชนคนไทยประมาณ ๑๐-๑๕ ไร่ การบริหาร
จัดการที่ดิน และแหล่งน้ำอันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการประกอบอาชีพ เมื่อมีน้ำในการเกษตรแล้วจะ
ส่งผลให้ผลผลิตดีขึ้น และหากมีผลผลิตมากขึ้นเกษตรกรต้องรู้จักวิธีการจัดการ และการตลาด รวมถึงการ
รวมกลุ่มรวมพลังชุมชนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อพร้อมที่จะออกสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคมภายนอกได้อย่าง
ครบวงจรนั้น คือ ทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ ๑, ๒ และ ๓
17
ข้อที่ ๗ ไม่ติดตำรา
การพัฒนาตามแนวพระราชดาริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีลักษณะของการพัฒนาที่อนุโลม
และรอมชอมกับสภาพธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และสภาพของสังคมจิตวิทยาแห่งชุมชน "ไม่ติดตำรา" ไม่ผูกมัดติด
กับวิชาการ และเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของคนไทย
ข้อที่ ๘ ประหยัด เรียบง่าย
ประชาชนชาวไทยทราบกันดีว่าเรื่องส่วนพระองค์ก็ทรงประหยัดมากดังที่เราเคยเห็นว่า หลอดยาสี
พระทนต์นั้นทรงใช้อย่างคุ้มค่าอย่างไร หรือฉลองพระองค์แต่ละองค์ทรงใช้อยู่เป็นเวลานาน ขณะเดียวกันการ
พัฒนา และช่วยเหลือราษฎรทรงใช้หลักในการแก้ปัญหาด้วยความเรียบง่าย และประหยัด ราษฎรสามารถทำ
เองได้ หาได้ในท้องถิ่น และประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้น ๆ มาแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องลงทุนสูง หรือใช้
เทคโนโลยีที่ไม่ยุ่งยากนัก
ข้อที่ ๙ ทำให้ง่าย
ทำอะไรให้ง่ายๆ ทำให้ชีวิตง่าย โปรดรับสั่งทำสิ่งยากๆ ให้กลายเป็นิส่งที่ง่ายๆ นักข่าวชาวฝรั่งเศส
ถามพระองค์ว่า พระองค์ทรงงานแบบใด ท่านตรัสตอบเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า“ซิมปลีฟีเย่” ซึ่งภาษาอังกฤษ
แปลว่า ซิมพลีฟาย(simplify) ภาษาไทยแปลว่า ทำให้ง่ายคนส่วนใหญ่ชวนทำสิ่งง่ายๆ ให้เป็นสิ่งยากๆ ผมบอก
เจ้าหน้าที่งานยาเสพติดว่า ถ้าใครโทรศัพท์มาของความช่วยเหลือ ให้ถามเขาคำแรกว่า “คุณจะให้ผมไปหาคุณ
หรือคุณจะมาหาผมเดี๋ยวนี้”
ข้อที่ ๑๐ การมีส่วนร่วม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงทรงนำ "ประชาพิจารณ์" (Public
Hearings) มาใช้ในการบริหาร เพื่อเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้มาร่วมกัน
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องคำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชน หรือความต้องการของ
สาธารณชน
ข้อ ๑๑ ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม
การปฏิบัติในพระราชกรณียกิจ และการพระราชทานพระราชดำริในการพัฒนาและช่วยเหลือพสก
นิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงระลึกถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ
ข้อที่ ๑๒ บริการที่จุดเดียว
One Stop Services การบริการรวมที่จุดเดียว เป็นรูปแบบการบริการแบบเบ็ดเสร็จที่เกิดขึ้นเป็น
ครั้งแรกในระบบบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทย โดยทรงให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจาก
พระราชดำริ เป็นต้นแบบในการบริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว เพื่อประโยชน์ที่จะมาขอใช้บริการจะ
ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย โดยจะมีหน่วยงานราชการต่าง ๆ มาร่วมดำเนินการและให้บริการประชาชน ณ ที่
แห่งเดียว
18
ข้อที่ ๑๓ ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ
ทรงเข้าใจถึงธรรมชาติ และต้องการให้ประชาชนใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทรงมองอย่างละเอียดถึง
ปัญหาธรรมชาติ หากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติ จะต้องใช้ธรรมชาติเข้าช่วยเหลือ อาทิ การแก้ไขปัญหาป่า
เสื่อมโทรม ได้พระราชทานพระราชดำริ การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยในการฟื้นฟ ู
ธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งการปลูกป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง
ข้อที่ ๑๔ ใช้อธรรมปราบอธรรม
ทรงนำความจริง ในเรื่องความเป็นไป แห่งธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็นหลักการ
แนวปฏิบัติที่สำคัญในการแก้ปัญหาและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาวะที่ไม่ปกติเข้าสู่ระบบที่เป็นปกติ เช่น การ
ึ้
ทำน้ำดี ขับไล่น้ำเสีย หรือเจือจางน้ำเสียให้กลับเป็นน้ำดี ตามจังหวะการขนลงตามธรรมชาติของน้ำ การบำบัด
น้ำเน่าเสียโดยใช้ผักตบชวา ซึ่งมีตามธรรมชาติให้ดูดซึมสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ำ ดังพระราชดำรัสความว่า "ใช้
อธรรมปราบอธรรม"
ข้อที่ ๑๕ ปลูกป่าในใจคน
เป็นการปลูกป่าลงบนแผ่นดิน ด้วยความต้องการอยู่ของมนุษย์ ทำให้ต้องการบริโภค และใช้
ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง เพื่อประโยชน์ของตนเอง และสร้างความเสียหายให้แก่สิ่งแวดล้อมไม่รู้จัก
พอ ปัญหาความไม่สมดุลจึงบังเกิดขึ้น ดังนั้นในการฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับคืนมาจะต้องปลูกจิตสำนึกในการรัก
ผืนป่าให้แก่คนเสียก่อน
ข้อที่ ๑๖ ขาดทุนคือกำไร
หลักการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่มีต่อพสกนิกรไทย “การให้” และ “การ
เสียสละ” เป็นการกระทำอันมีผลเป็นกำไร คือความอยู่ดีมีสุขของราษฎร
ข้อที่ ๑๗ การพึ่งตนเอง
การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ เพื่อการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
เพื่อให้มีความแข็งแรงพอที่จะดำรงชีวิตได้ต่อไป แล้วขั้นต่อไปก็คือ การพัฒนาให้ประชาชนสามารถอยู่ในสังคม
ได้ตามสภาพแวดล้อม และสามารถพึ่งตนเองได้ในที่สุด
ข้อที่ ๑๘ พออยู่พอกิน
ให้ประชาชนสามารถอยู่อย่าง “พออยู่พอกิน” ให้ได้เสียก่อน แล้วจึงค่อยขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะ
ที่ก้าวหน้าต่อไป
ข้อที่ ๑๙ เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นปรัชญาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิต ให้
้
ดำเนินไปบน “ทางสายกลาง” เพื่อให้รอดพนและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกา
ภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งปรัชญานี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งระดับบุคคล องค์กร และชุมชน
19
ข้อที่ ๒๐ ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน
"คนที่ไม่มีความสุจริต คนที่ไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่ายไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่
สำคัญอันใดได้ ผู้ที่มีความสุจริต และความมุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่ที่เป็นคุณเป็น ประโยชน์
แท้จริงที่สำเร็จ" พระราชดำรัส เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๒๒
"ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อยก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้ มากกว่าผู้ที่
ี
ี
มีความรู้มากแต่ไม่มความสุจริต ไม่มความบริสุทธิ์ใจ" พระราชดำรัส เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ๒๕๓๓
"ผู้ว่า CEO ต้องเป็นคนที่สุจริต ทุจริตไม่ได้ ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป ข้าราชการ
หรือประชาชนที่มีการทุจริต ถ้ามีทุจริตแล้วบ้านเมืองพัง ที่เมืองไทยพังมาเพราะมีการทุจริต" พระราชดำรัส
เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๖
ข้อที่ ๒๑ ทำงานอย่างมีความสุข
ทำงานต้องมีความสุขด้วย ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุขเราจะแพ้ แต่ถ้าเรามีความสุขเราจะชนะ สนุก
กับการทำงานเพียงเท่านั้น ถือว่าเราชนะแล้ว หรือจะทำงานโดยคำนึงถึงความสุขที่เกิดจากการได้ทำประโยชน์
ให้กับผู้อื่นก็สามารถทำได้ “…ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกัน ในการทำ
ประโยชน์ให้กับผู้อื่น…”
ข้อที่ ๒๒ ความเพียร
การเริ่มต้นทำงานหรือทำสิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มีความพร้อม ต้องอาศัยความอดทน และความมุ่งมั่น
ดังเช่นพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” กษัตริย์ผู้เพียรพยายามแม้จะไม่เห็นฝั่งก็จะว่ายน้ำต่อไป เพราะถ้าไม่
เพียรว่ายก็จะตกเป็นอาหารปู ปลาและไม่ได้พบกับเทวดาที่ช่วยเหลือมิให้จมน้ำ
ข้อที่ ๒๓ รู้ รัก สามัคคี
รู้ คือ รู้ปัญหาและรู้วิธีแก้ปัญหานั้น
รัก คือ เมื่อเรารู้ถึงปัญหาและวิธีแก้แล้ว เราต้องมีความรัก ที่จะลงมือทำ ลงมือแก้ไขปัญหานั้น
ื
สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่สามารถลงมือทำคนเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมมอร่วมใจกัน
(สืบค้นข้อมูลที่ : http://www.thaihealth.or.th)
20
๙ คำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ใจความของพระบรมราโชวาททั้งหมดจะมุ่งเน้นให้คนในชาติ รู้รักสามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความ
ี
พอเพียง รู้จักตนเอง มีความขยันหมั่นเพยร ในการทำหน้าที่ของตนเอง หมั่นศึกษาหาความรู้ให้กับตนเอง และ
ที่สำคัญจะต้องซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดโกงใคร ซึ่งคำสอนทั้งหมด หากเราทุกคนทำได้ ก็จะทำให้สังคมและประเทศ
ของเรามีความเจริญรุ่งเรือง และไร้ซึ่งปัญหาทั้งมวล
๑. ความเพียร
การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความ
เพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงาม
นั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันควรทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีควรต้องมีความ
อดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน
นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๖
๒. ความพอดี
ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและ
ความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อม
แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับ ผลที่เกิดขึ้นจึงจะ
แน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๐
๓. ความรู้ตน
เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะ
สามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญ
์
ให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพในหนังสือ วันเด็ก
ประจำปี ๒๕๒๑
๔. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้
คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับ
ี
สิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคให้หมู่คณะและในชาติ
ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่
โดยแท้ พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๒๑
21
่
๕. อ่อนโยน แต่ไม่ออนแอ
ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็ง
กระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม พระบรมราโชวาท ใน
พิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๔๙๖
๖. พูดจริง ทำจริง
ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและ
ความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริม
เกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม พระบรม
ราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๐
๗. หนังสือเป็นออมสิน
หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจน
ทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้ มนุษย์ก้าวหน้า
ได้โดยแท้ พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้า
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๔
๘. ความซอสัตย์
ื่
ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็ก ๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมขึ้นในตนเอง
ี
เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อ
์
เชิญลงพิมพในหนังสือวันเด็ก ปี พุทธศักราช ๒๕๓๑
๙. การเอาชนะใจตน
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้อง
ฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่
เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดี
บังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ พระราชดำรัส
พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๒ ที่จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓
(สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.).)
22
้
สถิติการเข้าใชและความพึงพอใจ
ฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มารยาทไทย
ประจำปีการศึกษา 2563
ิ
สถติการเข้าใช้ฐานการเรียนร้มารยาทไทย ประจ าปการศึกษา 2563
ู
ี
120
100
80
60
40
20
0
จ านวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม
้
ึ
กราฟแสดงร้อยละความพงพอใจในการใชฐานการเรียนรู้มารยาทไทย
ึ
ปการศกษา 2563
ี
นอย น้อยที่สุด
้
3% 2%
ปานกลาง
21% มากท่สด
ี
ุ
38%
มากทีสุด
่
มาก
ปานกลาง
น้อย
่
น้อยทีสุด
มาก
36%
23
24
25
26
27
28
29