The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ๅ/การตอบสนองของพืช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 46890, 2020-10-30 11:32:33

บทที่12การตอบสนองของพืช

บทที่ๅ/การตอบสนองของพืช

E-book คำศัพท์บทท่ี10
กำรลำเลยี งสำรของพืช

จัดทำโดย
นำยศิวชั บุตรดี
ช้ันมธั ยมศึกษำปี ที่5/5

เลขท่ี15

กตั เตชัน

Guttation

นำ้ ท่พี ืชดูดจำกดนิ จะถูกนำไปใช้ในกระบวนกำรเมแทบอลซิ ึมน้อยมำกนำ้ ส่วนใหญ่พืชจะ
คำยออกมำในรูปของไอนำ้ สู่บรรยำกำศทเี่ รียกว่ำ กำรคำยนำ้ (transpiration)
หลงั จำกฝนตกใหม่ๆ อุณหภูมิลดลง ควำมชื้นในอำกำศมำกและไม่มแี สงสว่ำง พืชไม่
สำมำรถคำยนำ้ ได้อย่ำงปกติ แต่ภำยในพืชมีแรงดันรำกดันนำ้ จำกรำกไปยงั ส่วนต่ำง ๆ ของ
พืชตลอดเวลำ แต่ใบไม่สำมำรถปล่อยนำ้ ออกทำงปำกใบด้วยกำรคำยนำ้ ได้ นำ้ จงึ ถูกปล่อย
ออกทำงรูเลก็ ๆ ท่เี รียกว่ำ ไฮดำโทด (hydathode) ซึ่งอยู่บริเวณปลำยสุดของเส้นใบ กำรเสีย
นำ้ ในรูปของหยดนำ้ นี้ เรียกว่ำ กตั เตชัน (guttation)

กำรคำยนำ้

Transpiration

เป็ นกำรแพร่ของนำ้ ออกไปทำงปำกใบ ซ่ึงจะเกดิ มำกในตอนกลำงวนั ทอ่ี ณุ หภูมิ อำกำศมี
ควำมชื้นน้อย กำรคำยนำ้ จะส่งผลให้เกดิ แรงดงึ นำ้ จำกส่วนล่ำงของลำต้นขึน้ ไปสู่ส่วนทีอ่ ยู่
สูงกว่ำ ช่วยลดอณุ หภูมทิ ีใ่ บ พืชถ้ำคำยนำ้ มำกเกนิ ไปจะทำให้ใบเห่ียว ทำให้พืชเจริญช้ำลง

กำรซึมตำมรูเลก็

Capillary action

เกดิ จำกแรงระหว่ำงโมเลกุลของของเหลวกบั ผนังหลอดกบั แรงระหว่ำงโมเลกลุ ของของเหลว
ด้วยกนั นำ้ มแี รงยดึ เหนย่ี วกบั หลอด(แรงเช่ือมแน่น)มำกกว่ำแรงระหว่ำงโมเลกลุ ของนำ้ (แรงยดึ ติด)
นำ้ ในหลอดจึงสูงกว่ำระดบั นำ้ นอกหลอดและพืน้ ผวิ ของนำ้ ในหลอดจะมีลกั ษณะเว้ำและเกำะตดิ กับ
ขอบหลอดด้ำนใน ส่วนปรอทจะตรงข้ำม ปรอทในหลอดจงึ ตำ่ กว่ำระดบั ปรอทนอกหลอด

ควำมดนั รำก

Root pressure

เม่ือปริมำณน้ำในรำกมจี ้ำนวนมำกขึน ท้ำให้เกดิ แรงดันในรำกทสี่ ูงขนึ จนสำมำรถดนั
ของเหลวขนึ ไปยังท่อไซเลมได้ กำรล้ำเลยี งน้ำแบบนีจะเกดิ กบั พืชบำงชนิดเท่ำนัน เพรำะใน
สภำพท่อี ำกำศร้อนจัดและ แห้งแล้ง พืชไม่สำมำรถสร้ำงแรงดนั รำกได้

ชลศักย์

Water potential

เป็ นค่ำที่กำหนดขึน้ เพ่ือบ่งบอกถงึ ระดับพลงั งำนเสรีของนำ้ เปรียบเทียบกบั ระดับ
พลงั งำนเสรีของนำ้ บริสุทธ์ิเป็ นหลกั โดยกำหนดให้ค่ำศักย์ของนำ้ บริสุทธ์ิทีภ่ ำวะปกติมคี ่ำ
เท่ำกบั 0 นำ้ ใดทม่ี พี ลงั งำนเสรีน้อยกว่ำนำ้ บริสุทธ์ิจะมีค่ำศักย์ตำ่ กว่ำ 0 ดงั น้ันควำมสำมำรถ
และทิศทำงกำรเคล่ือนทขี่ องนำ้ โดยวธิ ีกำรแพร่หรือออสโมซิส จะขึน้ อยู่กบั ค่ำศักย์ของนำ้
กล่ำวคือ นำ้ จะเคลื่อนทจี่ ำกบริเวณทีม่ ีค่ำศักย์สูงไปยงั ที่ๆ มคี ่ำศักย์ต่ำกว่ำเสมอ (นำ้ บริสุทธ์ิ
ที่ควำมดนั 1 บรรยำกำศ ค่ำศักย์ของนำ้ จะมีค่ำสูงสุดเท่ำกบั 0)

ธำตุอำหำรรอง

Micronutrients

เป็ นธำตุอำหำรทีพ่ ืชต้องกำรในปริมำณน้อย ได้แก่ Fe, Mn, Zn, Cu, B, Mo และ Cl

ธำตุอำหำรหลกั

Macronutrients

เป็ นธำตุอำหำรทพ่ี ืชต้องกำรในปริมำณมำก คือ N, P, K, Ca, Mg และ S

แบบซิมพลำสต์

Symplast pathway

เป็ นกำรลำเลยี งนำ้ ผ่ำนแต่ละเซลล์โดยส่งผ่ำนทำงพลำสโมเดสมำตำ นำ้ จะผ่ำนเข้ำไปใน
แต่ละเซลล์ จำกขนรำกคือช้ันเอพิเดอร์มสิ คอร์เท็กซ์ เอนโดเดอร์มสิ เพริไซเคลิ ไซเลม

แบบทรำนส์ เมมเบรน

Transmembrane pathway

ในขณะทีท่ ศิ ทำงกำรลำเลยี งท้งั ซิมพลำสต์ หรืออะโพพลำสต์นำ้ สำมำรถเคล่ือนทผ่ี ่ำนเยื่อ
หุ้มระหว่ำงสองเซลล์ทอี่ ยู่ชิดกนั ได้

แบบอโพพลำสต์

Apoplast pathway

นำ้ ลำเลยี งผ่ำนโดยแแทรกผ่ำนผนังเซลล์ของแต่ละเซลล์ไปจนถงึ เอนโดเดอร์มิสซึ่งจะ
ผ่ำนไม่ได้เพรำะมีแถบแคสพำเรียนสตริปก้นั อยู่นำ้ จงึ ต้องเคลื่อนทีเ่ ข้ำไปผ่ำนเยื่อหุ้มเซลล์
ของเอนโดเดอร์มิส

โปรตนี ลำเลยี ง

Transport protein

กำรเคล่ือนท่ีของธำตุอำหำรเข้ำสู่รำกพืชน้ันแตกต่ำงจำกนำ้ ในขณะทโ่ี มเลกลุ ของนำ้
เคล่ือนทีผ่ ่ำนที่ผ่ำนเย่ือหุ้มเซลล์ได้โดยออสโมซิสธำตุอำหำรไม่สำมำรถแพร่ผ่ำนเย่ือหุ้ม
เซลล์ได้โดยตรงเน่ืองจำกอยู่ในรูปของไอออนชนิดต่ำง ๆ ดังน้ันธำตุอำหำรจะเข้ำสู่เซลล์พืช
และเข้ำสู่ไขเลม็ ได้โดยอำศัยโปรตีนลำเลยี ง (transport protein) ซ่ึงมที ้งั แบบฟำซิลเิ ทตและ
แบบแอกทฟี ทรำนสปอร์ตโดยธำตุอำหำรแต่ละชนิดจะมกี ลไกในกำรเข้ำสู่เซลล์พืชแตกต่ำง
กนั ขึน้ อยู่กบั สมบัติของธำตุอำหำรน้ัน

พลำสโมเดสมำตำ

Plasmodesmata

เป็ นช่องทำงทีเ่ ช่ือมต่อระหว่ำงเซลล์ที่อยู่ตดิ กนั กำรปรำกฏของพลำสโมเดสมำตำและ
ช่องว่ำงระหว่ำงเซลล์ ทำให้ระบบของพืชประกอบด้วยส่วนประกอบใหญ่ ๆ สองส่วน คือ
ซิมพลำสต์ อะโพพลำสต์

รูหยำดนำ้

Hydathode

รูเปิ ดเลก็ ๆ ทป่ี ลำยใบหรือขอบใบเป็ นทำงคำยนำ้ ของพืชออกมำรวมตวั เป็ นหยดนำ้

แรงดงึ จำกกำรคำยนำ้

Transpiration pull

แรงดึงทเ่ี กดิ ขนึ้ จำกกำรคำยนำ้ ของพืช ใบจะคำยนำ้ ออกไปเรื่อยๆทำให้เซลล์ของใบขำดนำ้
ไป จงึ เกดิ แรงดงึ นำ้ ทำให้นำ้ เคล่ือนท่ีต่อเน่ือง คือแรงโคฮีชัน ซึ่งยดึ เหนี่ยวระหว่ำงโมเลกลุ
ของนำ้ ด้วยกนั เอง และแรงแอดฮีชัน ซ่ึงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลของนำ้ กบั ผนังเซลล์ของ
ไซเลม็

เลนทเิ ซล

Lenticel


รอยแตกหรือช่องเลก็ ๆ ที่ผิวของลำต้นหรือรำกในอำกำศซ่ึงเป็ นบริเวณที่มกี ำรคำยนำ้ และ
แลกเปลยี่ นก๊ำซระหว่ำงเนื้อเย่ือของพืชกบั บรรยำกำศ

ไฮโดรพอนิกส์

Hydroponics

กำรปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน โดยให้รำกแช่อยู่ในนำ้ ที่มธี ำตุอำหำรพืชละลำยอยู่ และส่วนลำต้น
และส่วนอ่ืนๆ จะอยู่เหนือระดบั สำรละลำย โดยมีวัสดุพยุงไว้อย่ำงเหมำะสม


Click to View FlipBook Version