ส่วนท่ี 1
สภาพการจัดการศกึ ษา
สภาพทัว่ ไป
1. ประวัติและความเปน็ มาของโรงเรยี นวดั ไผค่ ่อม(แพร-ประชาอุปถมั ภ์ )
1.1 ประวัติโรงเรยี นโดยย่อ
โรงเรียนวัดไผ่คอ่ ม(แพร-ประชาอุปถมั ภ์ ) เริ่มทำการก่อต้ังเมือ่ วันที่ 20 สิงหาคม 2479
โดยอาศยั ศาลาวดั เปน็ สถานที่เรยี น เปดิ สอนต้งั แต่ช้ัน ก. ข. ค. และ ป.1-ป.4 รวม 6 ปี มนี ายอนนั ต์ ดีสมบรู ณ์
เปน็ ผ้บู ริการคนแรก ไดร้ บั การแตง่ ตัง้ เม่ือวนั ท่ี 20 สิงหาคม 2484 เม่ือ พ.ศ. 2504 พระอาจารย์จนั ทโน
เจ้าอาวาสวัดไผค่ ่อมรตั นาราม คณะครู คณะกรรมการวดั กรรมการโรงเรยี น ผู้นำชมุ ชน และประชาชนในหม่ทู ี่
1 และหมทู่ ี่ 3 รว่ มกันจัดสร้างอาคารของโรงเรยี นเปน็ เอกเทศ วางศิลาฤกษ์เพื่อกอ่ สร้างอาคารเมือ่ วนั ท่ี 20
กุมภาพันธ์ 2505 โดยศึกษาธิการจังหวัดและนายอำเภอ เมืองพิษณโุ ลกเปน็ ประธานในพิธี ไดร้ บั งบประมาณ
สนับสนนุ เพิม่ เตมิ จากทางราชการ จำนวน40,000 บาท เมอื่ พ.ศ. 2506 ต่อมานายจำรัส แก้วกลน่ิ ได้ขอ
งบประมาณจาก ก.ส.ช. จำนวน 70,000 บาท สร้างอาคารติดพน้ื ดินจำนวน 1 หลงั ขนาด กว้าง 8 เมตร ยาว
17 เมตร พน้ื คอนกรีตผนงั อฐิ บลอ็ ก หลงั คามุงสงั กะสี เปน็ อาคารแบบองค์การ 001
วันท่ี 1 พฤษภาคม 2522 เปดิ สอนชั้น ป.5 และ ป.6 และไดเ้ ปลยี่ นชอื่ โรงเรยี นจากโรงเรยี นวัดไผค่ ่อมฯ
เปน็ โรงเรยี นวดั ไผ่คอ่ ม(แพร - ประชาอุปถัมภ์) พ.ศ. 2525 จดั สร้างโรงอาหาร ขนาดกวา้ ง 7 เมตร ยาว14 เมตร
โดยทุนทรพั ย์ของผปู้ กครองนักเรียนและผูน้ ำชมุ ชน เปิดสอน ชั้นเดก็ เมื่อ พ.ศ. 2526
พ.ศ. 2528 ได้รับงบประมาณจาก ส.ป.ช. จำนวน 800,000 บาท จัดสรา้ งอาคารเรือนถาวรแบบ ส.
ป.ช. 105/ 2526 และงบประมาณสำหรับจัดสรา้ งอาคารอเนกประสงคแ์ บบ 202/ 2526 จำนวน 200,000
บาท ต่อมาผปู้ กครองนักเรยี น คณะครูและผู้มจี ิตศรัทธา ได้รว่ มกบั บรจิ าคเงนิ สร้างรว้ั ลวดหนามร้วั คอนกรีต และ
ป้ายชอื่ โรงเรยี น พ.ศ. 2529 หลวงพ่อเพชรเจ้าอาวาสวดั ไผ่ค่อมไดบ้ ริจาคเงินจำนวน 8,000 บาท จดั สรา้ งเสาธง
พ.ศ. 2544 คณะครู ผู้ปกครองและคณะศิษยเ์ กา่ ร่วมกันบริจาคเงินสร้างปา้ ยโรงเรยี นข้นึ ใหม่ พ.ศ. 2531 ไดร้ ับ
งบประมาณให้รื้อบ้านพักครูจากโรงเรียนบ้านทองหลางมาสรา้ งใหมท่ โี่ รงเรียนวดั ไผค่ ่อมฯพ.ศ. 2540 ไดร้ ับ
งบประมาณตอ่ เติมชัน้ ลา่ งของอาคารเรยี นแบบ ส.ป.ช.105/ 2526 เป็นห้องเรียนเพม่ิ เตมิ อีก
4 หอ้ ง
วนั ท่ี 5 เมษายน พ.ศ. 2550 คณะครูรว่ มกบั คณะกรรมการสถานศึกษาและผปู้ กครองนักเรยี นไดม้ ีมติ
เห็นชอบใหท้ ำการรื้อถอนอาคาร อาคารแบบองคก์ าร 001 ซ่งึ อยใู่ นสภาพชำรดุ ทรุดโทรม และไม่สามารถใช้งาน
ไดม้ าหลายปแี ลว้ ต่อมาได้รว่ มกันหาทุนทรพั ยจ์ ากการขอรับบริจาค จากผู้มจี ิตศรทั ธาสรา้ งอาคารไม้จากการร้ือ
อาคาร เป็นอาคารใต้ถนุ สูงขนาด 3 ห้องเรียน โดยไมไ่ ดใ้ ชง้ บประมาณของทางราชการแตอ่ ยา่ งใด สร้างแลว้ เสรจ็
และเปิดใช้เม่ือวนั ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ช่อื อาคารอนุรักษ์ไทย 50 ปี มูลค่าการกอ่ สร้าง 220,000 บาท
วนั ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 นางสาวร่งุ ทพิ ย์ อนุ่ แกว้ ไดเ้ ดนิ ทางมารับตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการ
โรงเรียนวดั ไผ่ค่อม (แพร-ประชาอุปถมั ภ์) และนายธนากร ด้วงเต๊ะ ตำแหน่ง ครู คศ.๑ ได้ย้ายมาปฏิบตั หิ นา้ ทท่ี ี่
โรงเรยี นวดั ไผ่ค่อม(แพรประชาอุปถัมภ)์
เดอื นกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 โรงเรยี นไดร้ บั งบประมาณปรับปรุงซ่อมแซม จำนวน180,700 บาท
เดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 โรงเรียนสรา้ งหอ้ งน้ำสำหรบั นักเรียนห้องนำ้ ชาย –หญงิ จำนวน 4 ทีน่ ง่ั โดย
ได้รบั งบประมาณจากพระครรู ตั นเวฬวุ ัน เจ้าอาวาสวัดไผ่ค่อมรัตนารามและ เจา้ คณะตำบลปากโทก บริจาค
กระเบ้ืองปูพ้นื หอ้ งน้ำและผู้มีจติ ศรัทธาร่วมสมทบงบประมาณ จำนวน 90,000 บาท
วนั ท่ี 11 มิถนุ ายน 2563 ได้รบั งบประมาณปรับปรงุ ซ่อมแซมอาคารเรยี นและอาคารประกอบ จำนวน
180,700 บาท (หนง่ึ แสนแปดหมน่ื เจ็ดร้อยบาทถ้วน)
วันท่ี 1 เมษายน 2563 นางนพรตั น์ ลำโนรี ตำแหนง่ ครู ชำนาญการ โรงเรยี นวัดปางตาไฟ สพป.
กำแพงเพชร เขต 2 ได้ย้ายมาปฏิบตั ิหนา้ ท่ีท่โี รงเรยี นวัดไผ่คอ่ ม(แพรประชาอปุ ถมั ภ)์
วนั ที่ 12 พฤศจกิ ายน 2563 นางอรสา กางทะวร ตำแหนง่ ครู ชำนาญการ โรงเรียน วดั ปรือกระเทยี ม
วันท่ี 11 พฤศจิกายน 2564 นางสาวนัยนา ไชยวงค์ ตำแหนง่ ครู คศ.1 โรงเรียน บ้านปลกั แรด
สพป.พษิ ณโุ ลก เขต 1 ได้ย้ายมาปฏิบัตหิ น้าทที่ ีโ่ รงเรียนวัดไผค่ ่อม(แพรประชาอุปถัมภ)์
วนั ท่ี 7 เมษายน 2565 นายวุฒิศักด์ิ บุญคง ตำแหน่ง ครู คศ.3 และนางณัฐกานต์ บญุ คง
ตำแหน่ง ครู คศ.3 โรงเรียนประดาเจ็ดรัง สพป. กำแพงเพชร เขต ๑ ได้ย้ายมาปฏบิ ัตหิ น้าท่ี ที่โรงเรยี นวดั ไผ่คอ่ ม
(แพรประชาอปุ ถัมภ)์
โรงเรียนวดั ไผค่ ่อม (แพร-ประชาอปุ ถัมภ์) ตงั้ อย่ทู ี่ถนนพิษณุโลก – วัดโบสถ์ หมทู่ ่ี 1 ตำบลปากโทก
อำเภอเมือง จงั หวัดพษิ ณโุ ลก สังกัดสำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 บนเนอ้ื ที่ธรณีสงฆ์
ของวดั ไผ่ค่อมรัตนาราม ซึ่งใชเ้ ปน็ ทตี่ ง้ั อาคารเรยี น อาคารประกอบ และปฏบิ ตั ิกิจกรรมโดยประมาณ 4 ไร่
ลักษณะชุมชนเป็นลกั ษณะชุมชนแบบชานเมืองมีไร่นาสวนผสม นกั เรียนเดนิ ทางมาโรงเรยี นโดย ทางเท้า
รถจักรยาน และรถยนต์ บรเิ วณใกล้เคียงโรงเรยี นคือ วดั ไผ่ค่อมรัตนาราม ป๊มั นำ้ มนั ปตท. ประชากรในเขตบรกิ าร
ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ประกอบอาชพี รบั จ้างทวั่ ไปเปน็ ส่วนใหญ่ มีเพียงส่วนน้อยทีม่ ีอาชีพเพาะปลกู และค้าขาย
ดว้ ยระยะทางที่ห่างจาก ตวั อำเภอเมอื ง ประมาณ 11 กโิ ลเมตร ทำใหผ้ ูป้ กครองทพี่ อมีฐานะส่งบุตรหลานของ
ตนเองไปเรียนในตัวจงั หวัดในโรงเรยี นจึงเปน็ เดก็ ที่มีฐานะยากจน พ่อแม่ไปทำงานต่างถิ่น พอ่ แมห่ ยา่ ร้างกัน
ปล่อยใหเ้ ดก็ อยู่ในความรบั ผิดชอบดูแลของปู่ยา่ ตายาย ซ่ึงบุคคลเหลา่ น้อี า่ นหนงั สือไม่ออก เขียนไมไ่ ด้ ทำให้ปญั หา
ต่างๆ ตกอยทู่ ี่ ตวั เดก็ เน่ืองจากผปู้ กครองไม่สามารถสอนอา่ น และสอนเขยี น หรือสอนทำการบา้ นชว่ งเวลาทอี่ ยู่
บา้ นได้ ประกอบกับผูป้ กครองตอ้ งออกไปทำมาหากิน กว่าจะกลับถึงบา้ นก็มดื คำ่ ไมม่ เี วลาดูแลบุตรหลาน ปัญหาที่
ตามมาก็คือ นักเรียนไมม่ โี อกาสทบทวนเนอ้ื หาท่ีเรียนมานักเรียนไม่คอ่ ยมีระเบยี บวินยั ไมเ่ หน็ ความสำคัญของการ
เรยี น โรงเรยี นจงึ ตอ้ งมีระบบโรงเรียนคอยดูแลช่วยเหลอื อย่างสมำ่ เสมอทกุ ๆด้าน
โรงเรียนวัดไผ่ค่อม(แพร-ประชาอุปถัมภ)์ รับผิดชอบจัดการศกึ ษา 2 ระดับคือ ระดับกอ่ นประถมศึกษา
และระดบั ประถมศึกษา มีเขตพน้ื ทีบ่ ริการ 2 หม่บู ้าน ไดแ้ ก่ หมทู่ ี่ 1 และ หมูท่ ่ี 3 วดั ไผค่ ่อม ปัจจุบนั ในปี
การศกึ ษา 2565 (ขอ้ มูล ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2565) มีนกั เรยี นจำนวน ทั้งสน้ิ 29 คน ครูและบุคลากร
ทางการศึกษาจำนวน 8 คน โดยมีนางสาวร่งุ ทิพย์ อุ่นแก้ว ดำรงตำแหน่งผ้บู ริหารสถานศกึ ษา
1.2 ทีต่ ั้งสถานศึกษา/แผนผังโรงเรียน
โรงเรียนวดั ไผค่ อ่ ม(แพร-ประชาอุปถมั ภ)์ ตง้ั อยทู่ ี่ วดั ไผ่คอ่ ม หมทู่ ี่ 1 ตำบลปากโทกอำเภอเมือง จังหวดั
พษิ ณโุ ลก 65000 สังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพิษณโุ ลก เขต 1 โทรศัพท์ 086-929-
6694 ,082-953-5991 E-mail: phaicom๒๔๗๙.๑@gmail.com
เปดิ สอนตั้งแต่ระดับปฐมวยั (อนบุ าล ๒ , อนุบาล ๓) ถงึ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖
มีเนื้อท่ีทัง้ หมด 4 ไร่ (ที่ธรณสี งฆ์)
หมูบ่ า้ นในเขตบริการของโรงเรียนมีเขตพื้นท่ีบริการ 2 หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ หมู่ที่ 1 และ หมู่ที่ 3 วดั ไผ่คอ่ ม
1.3. สภาพทว่ั ไปของชุมชน อาชีพและรายไดข้ องผู้ปกครอง
หมบู่ ้านสภาพชุมชนโดยรวม
๑) สภาพชมุ ชนรอบบริเวณโรงเรยี นมีลกั ษณะสงบสุขไม่-มสี งิ่ รบกวน มปี ระชากรประมาณ 740 คน
บริเวณใกลเ้ คยี งโดยรอบ ได้แก่ สถานท่ีราชการ วดั รา้ นอาหาร ทุง่ นา และบา้ นท่อี ยู่อาศัย อาชพี หลักของชมุ ชน
คือ ทำนาและรบั จา้ ง นบั ถือศาสนาพทุ ธ ประเพณีศลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ ท่เี ป็นท่ีรhู จักโดยท่ัวไป คอื ประเพณีตาม
หลกั ศาสนาพุทธ คอื ทำบุญตักบาตรโดยทัว่ ไปในวนั สำคัญทางศาสนา เข่น วนั เข้าพรรษา วันวสิ าขบูชา วัน
มาฆบชู า ฯลฯ
2) ผูป้ กครองส่วนใหญ่ จบการศกึ ษาระดับชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 สว่ นใหญม่ ฐี านะยากจน อาศยั อยู่
กบั ปูย่ ่า ตายาย เพราะบิดามารดาไปทำงานรับจา้ งทีต่ ่างจังหวัด ฐานะทางเศรษฐกจิ รายได้โดยเฉลย่ี ต่อครอบครัว
ตอ่ ปี 15,๐๐๐ บาท จำนวนคนเฉลย่ี ต่อครอบครวั ๔ คน
3) โอกาสและข้อจำกดั ของโรงเรยี น ขอ้ จำกดั
โอกาส ปัจจุบันนักเรยี นโรงเรียนวดั ไผค่ อ่ ม
(แพร-ประชาอปุ ถัมภ)์ สว่ นใหญ่มีฐานะยากจน
เน่ืองจากโรงเรียนอย่ใู นบริเวณเขตวดั ชมุ ชน สืบเนอื่ งจากขอ้ จำกัดในเร่ืองทด่ี นิ ทำกินมีน้อย
และทำใหน้ ักเรยี นได้ไปร่วมกิจกรรทางศาสนา และมรี าคาสูงทำให้ไม่มอี ำนาจในการซื้อ และ
บ่อยคร้งั ได้รับการสนับสนนุ จากเจา้ อาวาส ผปู้ กครองนักเรียนบางส่วนมีอาชีพรบั จา้ งทำให้
อยา่ งดียิ่งในการใชเ้ ป็นภูมปิ ัญญาแหล่งเรียนรู้ ต้องย้ายสถานทท่ี ำงานบอ่ ยๆ สง่ ผลให้ตอ้ งย้าย
และจดั กิจกรรมสำคัญท่เี กยี่ วกับพิธที างศาสนา บตุ รหลานไปหาทเ่ี รียนใหม่ดว้ ย และสง่ ผลให้
และในหมู่บา้ นมแี หล่งเรยี นรู้ คอื ภมู ปิ ัญญา ฐานะทางการเงินไม่ดี
ทอ้ งถนิ่ ดา้ นมหัศจรรย์พวงมะโหตรรวงขา้ ว 1. ด้านกระบวนการ
และศิลปวฒั นธรรมท้องถนิ่ ท่ีเออ้ื ต่อการเรียนรู้
เปน็ อยา่ งดนี อกจากนโ้ี รงเรยี นมีโครงการและ 1.1 การบริหารจัดการ
กจิ กรรมที่ทำให้นักเรยี นห่างไกลจากยาเสพติด - ครมู ภี าระงานนอกเหนืองานสอนมาก
และชมุ ชนในหมู่บ้านกม็ ีการป้องกนั อย่าง - การนำผลการทดสอบระดบั ชาติในปีท่ี
เข้มแข็ง โรงเรียนไดร้ ับการช่วยเหลือจาก
องค์การบรหิ ารสว่ นตำบลปากโทกเป็นเงนิ ผ่านมาเทา่ ที่ควรรวมกนั วเิ คราะหแ์ ตข่ าดการ
อุดหนุนอาหารกลางวันและนมโรงเรียน ดำเนินการอย่างจริงจงั และต่อเนอ่ื ง รวมทั้งการ
และอ่ืนๆ กำหนดแนวทางในการแก้ไขท่ีไม่ชัดเจนไมไ่ ด้
1. ด้านกระบวนการ ฐานะทางการเงินไมด่ ี
1.1 การบริหารจดั การ 1. ด้านกระบวนการ
- ผู้บริหารมีภาวะผูน้ ำการทำงาน
1.1 การบริหารจัดการ
ใชห้ ลักการบรหิ ารแบบมสี ว่ นรว่ มและมุ่ง - ครมู ีภาระงานนอกเหนืองานสอนมาก
ผลสมั ฤทธิ์ - การนำผลการทดสอบระดบั ชาติในปที ี่
- ผบู้ ริหารเปน็ แบบอยา่ งท่ดี ใี นการ ผา่ นมาเท่าที่ควรรวมกันวิเคราะหแ์ ตข่ าดการ
ทำงาน ดำเนนิ การอย่างจริงจังและต่อเนอื่ ง รวมท้งั การ
กำหนดแนวทางในการแก้ไขที่ไมช่ ดั เจนไมไ่ ด้
- บรหิ ารโดยยึดหลักธรรมาภบิ าล ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดไว้ทุกข้ันตอน
- มีการประชุมวางแผนการทำงาน
รว่ มกนั อย่างสม่ำเสมอและต่อเนือ่ ง ๑.๒ การจดั การเรียนการสอน
- การมอบหมายงานบุคลากรเนน้ ตาม - การจดั การเรยี นการสอนไม่เปน็ ไปตาม
หลกั ความรคู้ วามสามารถ
- มีการจัดโครงสร้างการบรหิ ารงาน แผนการจดั การเรยี นรู้
อยา่ งเป็นระบบชดั เจนทง้ั ส่ดี ้าน - การวดั และประเมินผลไม่เป็นไปตาม
๑.๒ การจัดการเรยี นการสอน
- ครูมีการวเิ คราะห์หลกั สูตรจดั และ สภาพจริง
จัดการเรียนการสอนโดยเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ - ไม่ได้นำผลการวดั และประเมินผล
มาพัฒนาการ
1.4 แผนผังแสดงเขตบรกิ ารโรงเรียนวัดไผค่ ่อม(แพร-ประชาอุปถัมภ)์
หมู่ 1 ตำบลปากโทก
วดั ไผ่ค่อมรัตนาราม จังหวัดพิษณโุ ลก
หมู่ 3 ตำบลปากโทก
โรงเรียนวดั ไผค่ อ่ ม (แพร-ประชาอุปถัมภ์)
ถนนพิษณุโลก-วัดโบสถ์
1.5 แผนผังบรเิ วณโรงเรียนวัดไผค่ อ่ ม(แพร-ประชาอปุ ถัมภ)์
ทศิ ตะวันตก
ทศิ เหนือ ทศิ ใต้
ทิศตะวันออก
เข้าเมอื งพิษณุโลก ไปอำเภอพรหมพิราม
อาคาร สปช.105/26 ห้องน้ำชาย-หญงิ
อาคาร สปช.202/26 สนามเดก็ เล่น
อาคารห้องสมดุ อนุรกั ษ์ไทย 50 ปี สนามเด็กเลน่
อาคารโรงอาหาร เสาธง
ห้องเกบ็ ของ ที่น่ังเล่น
ห้องน้ำชาย ทนี่ ั่งเลน่
หอ้ งน้ำหญิง ทน่ี ่งั เล่น
โรงจอดรถ
๒. ภารกจิ สถานศึกษา(ภารกจิ ตามกฎหมาย)
๒.๑ จัดการศกึ ษาระดบั ก่อนประถมศึกษาใหเ้ ด็กกลุ่มอายุย่างเขา้ ปที ่ี 4-๖ ในเขตบริการให้ไดร้ ับการ
เตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนในชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑
๒.๒ จัดการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐานสำหรับเด็กทีม่ ีอายยุ า่ งเขา้ ปที ่ีเจด็ ในเขตบรกิ ารของโรงเรยี น ให้ไดเ้ ขา้ เรยี น
จนอายยุ า่ งเข้าปีทีส่ บิ สาม และได้รับการศึกษาอย่างมีคณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานทกุ คน
๒.๓ พฒั นาระบบบริหารจัดการศึกษาทีม่ ีคุณภาพและประสทิ ธภิ าพ
๒.๔ ส่งเสริมพฒั นาครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาตามมาตรฐานวิชาชพี
๒.๕ พฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษาและหลักสตู รท้องถน่ิ ให้สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของนกั เรยี นและ
ชุมชน
๒.๖ พฒั นาสถานศึกษาตามนโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด
สมรรถนะของผ้เู รียนในศตวรรษท่ี 21
สมรรถนะของผ้เู รยี น ทกั ษะจำเป็นในศตวรรษท่ี 21
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการใช้ ทกั ษะหลกั ทกั ษะยอ่ ย
เทคโนโลยี
ทักษะดา้ นข้อมูลขา่ วสาร ส่อื ทักษะการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
เทคโนโลยีสารสนเทศและการ (Communication Skills)
ความสามารถในการ
แก้ปญั หา สอ่ื สาร(Information, Media, ทกั ษะเกย่ี วกับข้อมูลขา่ วสาร ส่ือ
Technology and และเทคโนโลยสี ารสนเทศ
Communication Skills) (Information, Media and
Technology Literacy Skills)
ทักษะการคิดและการแกป้ ัญหา ทักษะการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ
(Thinking & Problem solving และคดิ อยา่ งมรี ะบบ (Critical
Skills) Thinking and Systems
Thinking)
ทกั ษะการคดิ อย่างสร้างสรรค์
(Creativity and Intellectual
Curiosity)
ทกั ษะการวเิ คราะห์ปัญหา
(Problem Identification,
Formulation & Solution)
(ต่อ)
สมรรถนะของผูเ้ รยี น ทักษะจำเปน็ ในศตวรรษที่ 21
ทักษะหลกั ทกั ษะยอ่ ย
ความสามารถในการใช้ทักษะ ทกั ษะระหว่างบุคคลและเข้าใจ ทักษะระหวา่ งบุคคลและการ
ชีวติ ตนเอง (Interpersonal & Self- ร่วมมือร่วมใจ (Interpersonal
Directional Skills) and Collaborative Skills)
ทักษะการเข้าใจและรู้ทิศทาง
ของตนเอง (Self-Direction)
ทักษะในการปรบั ตัว
(Accountability and
Adaptability)
ทักษะในฐานะสมาชิกของสังคม
(Social Responsibility)
คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์
๑. รกั ชาติ ศาสนา กษตั ริย์ ๒. ซื่อสัตยส์ จุ รติ
๓. มวี ินัย ๔. ใฝ่เรยี นรู้
๕. อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ๖. มุ่งมั่นในการทำงาน
๗. รักความเป็นไทย ๘. มจี ติ สาธารณะ
คา่ นิยมหลกั ของคนไทย ๑๒ ประการ ตามนโยบายของ คณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ
๑. มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
๒. ซอ่ื สตั ย์ เสยี สละ อดทน มีอดุ มการณ9ในส่ิงทดี่ งี ามเพื่อสว่ นรวม
๓. กตัญญตู อ่ พ่อแม่ ผปู้ กครอง ครบู าอาจารย์
๔. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศกึ ษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
๕. รกั ษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม
๖. มศี ลี ธรรม รักษาความสตั ย์ หวังดีตอ่ ผู้อ่นื เผื่อแผ่_และแบ่งปัน
๗. เข้าใจเรียนรู้การเปน็ ประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมุข ที่ถูกต้อง
๘. มรี ะเบยี บวินยั เคารพกฎหมาย ผูน้ อ้ ยร้จู ักการเคารพผใู้ หญ่
๙. มีสตริ ู้ตัว รคู้ ดิ รูท้ ำ รู้ปฏิบตั ติ ามพระราชดำรัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั
๑๐. รจู้ กั ดำรงตนอยู่โดยใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งตามพระราชดำรสั ของพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั รจู้ ักอดออมไว้ใชเ้ ม่ือยามจำเป็น มีไว้พอกนิ พอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจา่ ยจำหนา่ ย และพร้อมท่จี ะ
ขยายกิจการ เม่อื มคี วามพร้อม เมอ่ื มีภมู ิคุม้ กนั ทด่ี ี
๑๑. มีความเขม้ แข็งท้งั ร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกเิ ลส มคี วาม
ละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลกั ของศาสนา
๑๒. คำนงึ ถึงผลประโยชนข์ องสว่ นรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชนข์ องตนเอง
ขอ้ มูลพ้ืนฐานสำคัญของโรงเรยี น
• ชือ่ ภาษาไทย โรงเรียนวดั ไผค่ อ่ ม(แพร-ประชาอุปถัมภ์)
• ช่อื ภาษาอังกฤษ WatPaikom School
• อักษรย่อ ผ.ค.
• สงั กัด สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาพิษณโุ ลก เขต 1
• เปดิ สอนระดบั ปฐมวัย ถงึ ประถมศึกษาปีท่ี ๖
• ทต่ี งั้ หมทู่ ี่ ๑ ตำบลปากโทก อำเภอเมือง จงั หวัดพิษณุโลก
รหสั ไปรษณีย์ 65000
• โทรศพั ท์ 086-929-6694 ,082-9535991
• e-mail phaicom๒๔๗๙.๑@gmail.com
• รหสั โรงเรียน 65010039
• ปรัชญาการจดั การศกึ ษา ปญฺญา ธนํ โหติ หมายความว่า ปญั ญาเป็นทรัพย์อันประเสรฐิ
• คำขวญั คุณธรรมนำหน้า วชิ าการส่งเสริม เพิ่มเตมิ ความเปน็ ไทย
ใสใ่ จสิง่ แวดล้อม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพยี ง
• เอกลกั ษณ์ ย้มิ สวย ไหว้งาม มารยาทดี มีจิตอาสา
• อตั ลกั ษณ์ เดก็ ดีมวี นิ ัย
• สปี ระจำโรงเรียน คอื สีนำ้ เงิน – ขาว
- สีนำ้ เงนิ หมายถงึ ความสขุ ุม ความรอบคอบ และมิตรภาพ
- สขี าว หมายถงึ สันตภิ าพ , ความบรสิ ุทธ์ิอนั ยิ่งใหญ่
• ตราสัญลักษณป์ ระจำโรงเรียนวดั ไผ่ค่อม(แพร-ประชาอุปถมั ภ์)
สพฐ. (ลอ้ มรอบดว้ ยลายบัวผูกเปน็ วงรีบนพื้นสีเขยี ว ภายใตร้ ปู เสมาธรรมจักร)
หมายถงึ โรงเรียนขน้ึ ตรงกบั กระทรวงศึกษาธิการ เบ้ืองล่างเป็นแถบช่อื เต็มของ
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน อกั ษรทอง และขลบิ ข้างแถบทอง
พนื้ เขยี วอันเปน็ สปี ระจำกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
3. อำนาจหนา้ ท่ขี องสถานศึกษา
โรงเรียนวดั ไผค่ อ่ ม(แพร-ประชาอุปถมั ภ)์ เปน็ หนว่ ยงานท่สี ังกดั สำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา
ประถมศกึ ษาพิษณโุ ลก เขต 1 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มหี นา้ ท่ี
ดำเนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตามอำนาจหน้าทีต่ ามกฎหมาย วา่ ดว้ ยระเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดงั นี้
๑. จัดทำนโยบาย แผนพฒั นาการศกึ ษาของสถานศึกษาให้สอดคลองกับนโยบายและ
แผนของกระทรวงศกึ ษาธิการ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน สำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา
ตลอดจนบริบทและความต้องการของชมุ ชนและทองถ่นิ
๒. จัดตัง้ งบประมาณและรบั ผิดชอบการใชจ้ ่ายงบประมาณของสถานศกึ ษา
๓. พัฒนาหลกั สตู รของสถานศกึ ษาใหส้ อดคลองกับหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน
ตามความต้องการของนักเรยี น ชมุ ชนและท้องถน่ิ
๔. จดั การเรียนการสอน สภาพแวดลอ้ ม บรรยากาศการเรียนการสอนท่ีเหมาะสมและ
สง่ เสรมิ กระบวนการเรียนรทู้ เ่ี นน้ นักเรียนเปน็ สำคัญตลอดจนการปรบั ปรงุ และพฒั นาคุณภาพการศึกษาอยา่ ง
ต่อเนอื่ ง
๕. ออกระเบียบ ข้อบังคบั ประกาศ และแนวปฏบิ ัตติ ่างๆ ตามท่กี ฎหมายกำหนด
๖. กำกบั ตดิ ตาม ประเมินผลงานตามแผนงานโครงการและประเมินผลการปฏบิ ตั งิ าน
ตลอดจนการพจิ ารณาความดีความชอบ การพัฒนาและการดำเนินการทางวนิ ยั กับครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ในสถานศึกษาตามท่ีกฎหมายกำหนด
๗. ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษารวมทั้งปกครอง ดูแล บำรุงรกั ษา ใชแ้ ละจัดหาผลประโยชน์
จากทรพั ยส์ นิ ของสถานศึกษา
๘. จัดใหม้ รี ะบบการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาและใหค้ วามรว่ มมือในการประเมิน
คณุ ภาพการศึกษาจากหนว่ ยงานภายนอกของสถานศกึ ษา รวมทัง้ การรายงานผลการประเมนิ ต่อคณะกรรมการ
สถานศกึ ษาและสำนักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษา
๙. ส่งเสริมความเขม้ แข็งให้กับชุมชนและสร้างความสัมพนั ธก์ บั สถานศกึ ษาอืน่ ในชมุ ชนและ
ท้องถนิ่
๑๐. ปฏิบตั ิหนาทอี่ น่ื ทเ่ี กีย่ วกับกิจการภายในสถานศึกษา หรอื ตามที่ไดรบั มอบหมาย และ
ตามทกี่ ฎหมายกำหนดอำนาจหน้าทข่ี องคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน
๔. โครงสรา้ งการบริหารโรงเรียน
ข้อมูลด้านการบรหิ าร
ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น นางสาวรงุ่ ทพิ ย์ อุ่นแก้ว
วุฒกิ ารศึกษาสงู สุด ปริญญาโท สาขา บริหารการศึกษา
ดำรงตำแหน่งทโี่ รงเรียนนต้ี ้ังแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ถึงปัจจุบนั
และได้แต่งตง้ั บุคลากรปฏิบัติหนา้ ท่ีตามสายงานการบริหาร ดงั นี้
๑. นางอรสา กางทะวร หัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
2. นางณฐั กานต์ บญุ คง หวั หนา้ งานบริหารงานบคุ คล
3. นางนพรตั น์ ลำโนรี หัวหน้างานบริหารงานงบประมาณ
4. นายวฒุ ศิ ักด์ิ บุญคง หัวหนา้ งานบริหารงานทั่วไป
๕. ขอ้ มูลพนื้ ฐานของโรงเรียน
ท่ี ชือ่ – ช่อื สกุล อายุ อายุ ตำแหนง่ /วิทยฐานะ วฒุ ิ วิชา เอก สอนวชิ า/ชั้น
1 นางสาวร่งุ ทิพย์ อ่นุ แกว้ ราชการ ภาษาไทย ป.5
2 นางณัฐกานต์ บญุ คง อนบุ าล 2-3
3 นางนพรัตน์ ลำโนรี 52 27 ผอ.ชำนาญการพิเศษ กศ.บ. อุตสาหกรรมศลิ ป์
4 นางอรสา กางทะวร กศ.ม การบริหาร ป.1
5 นางสาวนยั นา ไชยวงค์ ป.3
6. นายวฒุ ิศกั ด์ิ บญุ คง 46 22 ครู ชำนาญการพิเศษ ค.บ. ประถมศึกษา ป.4
๗ นายธนากร ด้วงเต๊ะ กศ.ม การบริหาร ป.5-6
ป.2
39 11 ครู ชำนาญการพเิ ศษ ค.บ. ภาษาไทย
ศษ.ม การบรหิ าร
40 13 ครู ชำนาญการ กศ.บ. ประถมศกึ ษา
กศ.ม การบรหิ าร
36 6 ครู ชำนาญการ วท.บ. วท.บ. ฟสิ ิกส์
กศ.ม การบริหาร
46 23 ครู ชำนาญการพเิ ศษ ค.บ. คณติ ศาสตร์
กศ.ม การบริหาร
๓๖ ๙ ครู ชำนาญการ ศ.ศ.บ. ภาษาองั กฤษ
ศษ.ม. การบริหาร
ขอ้ มูลนกั เรียนและห้องเรียนปีการศกึ ษา 2565 (3 พฤษภาคม 2565)
จำนวนนกั เรียนและหอ้ งเรียนปกี ารศกึ ษา 2565 (3 พฤษภาคม 2565) มีนักเรยี นจำนวนท้ังสนิ้ 29 คน
เป็นนักเรียนชาย 12 คน เปน็ นักเรยี นหญิง 18 คน
ชั้นเรียน จำนวนนกั เรียน จำนวนหอ้ งเรียน
อนบุ าล 2 ชาย หญงิ รวม 1
อนบุ าล 3 1
21 3 2
รวม 1
ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 2๑ ๔ 1
ประถมศึกษาปที ี่ 2 1
ประถมศึกษาปที ่ี 3 42 6 1
ประถมศึกษาปที ่ี 4 1
ประถมศึกษาปีที่ 5 -๕ ๔ 1
ประถมศึกษาปีที่ 6 6
12 3 8
รวม
รวมท้ังส้นิ 12 4
23 5
11 2
3๒ 4
8 1๕ 2๓
12 18 29
โครงสร้างหลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดไผ่ค่อม(แพร-ประชาอุปถัมภ์)
โครงสรา้ งเวลาเรยี นระดบั ประถมศึกษา
กลุม่ สาระการเรยี นรู้/ เวลาเรียน(ชัว่ โมง / ปี)
กิจกรรม ระดับประถมศกึ ษา
กล่มุ สาระการเรียนรู้ ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖
ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐
สงั คมศกึ ษา ศาสนา ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
และวฒั นธรรม
- ประวัติศาสตร์ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
- ศาสนาศีลธรรม จรยิ ธรรม (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐)
- หน้าท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม
(๘๐) (๘๐) (๘๐) (๘๐) (๘๐) (๘๐)
และการดำเนินชีวิตในสงั คม
- เศรษฐศาสตร์- ภูมิศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
ศิลปะ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
การงานอาชพี ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐
ภาษาตา่ งประเทศ
รวมเวลาเรยี น (พน้ื ฐาน) ปีละไมน่ อ้ ยกว่า 40 ช่ัวโมง
รายวชิ าเพม่ิ เติม ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
*ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
**การป้องกันการทจุ ริต
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
- กิจกรรมแนะแนว
- กจิ กรรมนักเรียน ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐
๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
- ลกู เสือ-ยวุ กาชาด
- ชุมนุมทักษะอาชีพ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
- กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและ
สาธารณประโยชน์ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
๑,๐8๐ ช่วั โมง ๑,๐8๐ ช่วั โมง
รวมเวลา
กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น
รวมเวลาทั้งหมด
หมายเหตุ
๑. * ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ จัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เปน็ รายวชิ าพนื้ ฐาน ๑๒๐
ชม./ปี และจัดเป็นรายวิชาเพ่ิมเตมิ ๘๐ ชม./ปี รวมเวลาเรยี นภาษาองั กฤษทั้งหมด จำนวน ๒๐๐ ชม./ปี
๒. วชิ าหน้าทพ่ี ลเมือง บรู ณาการกบั การเรยี นรู้และวัดผลรวมในรายวชิ าพ้ืนฐาน สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม
3. ** หลักสตู รตา้ นทจุ ริตศกึ ษา วชิ าการปอ้ งกันการทจุ รติ เป็นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ และหรือกจิ กรรมพัฒนา
ผูเ้ รียนหรือกิจกรรมเสริมหลักสตู ร 40 ชม ตอ่ ปี ตามคำส่งั กระทรวง ท่ี สป 1137/2561
4. กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นจัดเป็นกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” บังคบั ตามหลักสูตร
ประกอบด้วยกจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์
โครงสรา้ งเวลาเรยี นระดบั ปฐมวยั
เวลาเรียน (คดิ เปน็ ชว่ั โมง)
ระดับชั้น กิจกรรมเคลื่อนไหวและ ัจงหวะ รวม
กิจกรรมสร้างสรรค์
กิจกรรมเสริมประสบการณ์
กิจกรรมเกลางแ ้จง
กิจกรรมเสรี
เกมการศึกษา
อนบุ าล 2 200 200 200 150 100 100 900
อนุบาล 3 200 200 200 150 100 100 900
1,800
รวมเวลาเรียนระดับชน้ั ปฐมวยั
6. สถานภาพสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั ไผ่ค่อม(แพร-ประชาอุปถมั ภ์)
โรงเรียนวัดไผ่ค่อม(แพร-ประชาอุปถมั ภ์) เป็นสถาบนั ในการจดั การศึกษาขั้นพื้นฐาน ตาม
พระราชบญั ญัติระเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖ ดังนั้น โรงเรยี น วดั ไผค่ อ่ ม
(แพร-ประชาอุปถัมภ)์ จงึ ได้วิเคราะห์สภาพของโรงเรียนด้วย SWOT และนำข้อมูลทีไ่ ด้ไปกำหนดกลยุทธเ์ พอื่ นำไป
สูjการปฏิบัตใิ ห้ทุกฝา่ ยทเ่ี ก่ียวขอ้ งได้เข้าใจ มคี วามชดั เจนในการดำเนนิ งาน เพอื่ นำไปสเู่ ปา้ ประสงค์
ของกลยทุ ธ์ มเี อกภาพและประสิทธิภาพต่อไป
7. บทบาทการมีสว่ นร่วมในการพัฒนาโรงเรียน
บทบาทฝา่ ยผ้บู ริหาร ครู
อทุ ิศ ทุ่มเท และมีความรบั ผดิ ชอบในการทางาน ควรมีวสิ ยั ทศั น์ท่ีกวางไกล ครตู องมีการใฝ่รู้ ใฝเ่ รยี น
ประชาสมั พนั ธ์กิจการของโรงเรียนให้ชุมชนไดร้ ับทราบอย่างต่อเน่ืองและสม่ำเสมอ
บทบาทของผปู้ กครอง
สนับสนนุ ในส่วนภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน เข้ามามสี ว่ นร่วมในกิจกรรมของโรงเรียน สนับสนุนในด้านทรัพยากรตา่ งๆ
บทบาทกรรมการสถานศกึ ษา
มีส่วนร่วมในการจดั การศกึ ษาของโรงเรียน สนบั สนนุ ในด้านทรพั ยากรตา่ งๆ มีสว่ นในการตรวจสอบคุณภาพ
ของโรงเรยี น
8. สรุปสถานภาพภายนอกและภายในของโรงเรียนด้วยการทำ SWOT
๑. ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก
๑.๑ ปัจจัยด้านสังคม-วัฒนธรรม (S)
ดา้ นสภาพแวดลอ้ มภายนอก จุดแข็ง (Strengths) อุปสรรค จุดอ่อน(Weaknesses)
๑.ประชากร และผปู้ กครอง เช่อื ม่ัน และให้การ ๑. การกระจายตวั ของวฒั นธรรมทไี่ ม่
สนับสนุนโรงเรียนในการจัดกิจกรรมตา่ งๆ เหมาะสม โดยผา่ นสอื่ ต่างๆ ส่งผลตอ่ การ
๒.ผูป้ กครองมีทศั นคติทดี่ ี และเขา้ มามีส่วนร่วมใน เลียนแบบของนักเรียน
การจดั การศึกษา ๒. ผปู้ กครองตามใจบุตรหลาน หรอื เด็กใน
๓. ผ้ปู กครองใหค้ วามสำคัญต่อบุตรหลานในการเข้า ความปกครองมากเกนิ ไปทำให้เกดิ การ
โรงเรยี นที่มคี ุณภาพทำให้สถานศกึ ษาต้องเร่งพัฒนา สรา้ งนิสยั ทีไ่ มด่ ี เช่น ใชจ้ ่ายเงินอย่าง
คุณภาพ ฟุ่มเฟือย เปน็ ต้น
๔. โรงเรยี นได้รับการสนบั สนุนจากเครือข่ายชมุ ชน ๓. สภาพครอบครัวทพี่ ่อแม่แตง่ งานกนั
ผปู้ กครอง วดั อบต. และองค์กรภายนอกเปน็ อย่างดีใน ตั้งแตอ่ ายุยังนอ้ ยมีการหย่าร้าง แยกกนั อยู่
การพฒั นาการศึกษา มีผลต่อจติ ใจของเด็ก สง่ ผลให้เดก็ มี
๕.ชุมชนมีวัฒนธรรมทเ่ี ข้มแข็ง มปี ระเพณีและศาสนา พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
ท่ยี ดึ เหนยี่ วจติ ใจ ๔. ผ้ปู กครองไมไ่ ด้เป็นแบบอยา่ งท่ดี แี ก่
นกั เรยี นในดา้ นความมีระเบียบวินยั ส่งผล
ให้นักเรยี นนำพฤติกรรมจากบ้านมาใช้
ทโ่ี รงเรียน
๕. ชุมชนขาดสถานพยาบาลขนาดใหญ่และ
ระยะทางทห่ี ่างไกลจากตัวเมือง
๑.๒ ปจั จยั ด้านเทคโนโลยี (T)
ดา้ นสภาพแวดลอ้ มภายนอก จดุ แข็ง (Strengths) อุปสรรค จดุ อ่อน(Weaknesses)
๑. โรงเรยี นมีคอมพิวเตอร์เพยี งพอในการใชง้ าน และ ๑.เทคโนโลยเี ปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำใหไ้ ม่
ให้นักเรยี นเรยี น สามารถจัดหาหรอื บริหารจัดการหรือนำมา
๒.โรงเรียนมีเจ้าหนา้ ท่ี และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ประยกุ ต์ใชใ้ นโรงเรยี นไดอ้ ย่างเหมาะสม
มีความรู้ความสามารถในการใชส้ ่อื เทคโนโลยี ๒. นักเรียนบางสว่ นไม่รู้จักใช้เทคโนโลยใี ห้เกดิ
๓. โรงเรียนมีแหลง่ เรยี นร้เู กีย่ วกบั การคอมพวิ เตอร์ ประโยชนท์ เ่ี หมาะสมกับวยั
มากมาย เพราะอยู่ใกลช้ มุ ชน ๓. ผ้ปู กครองบางคนใช้เทคโนโลยใี นดา้ น
๔. โรงเรียนมเี ครือข่ายอนิ เตอร์เน็ตความเร็วสูง บนั เทงิ จนส่งผลให้เกิดปัญหาครอบครัว และ
ให้บรกิ ารตลอดเวลา ปญั หาสังคม
๕. ประชากรกลุม่ เปา้ หมายทีป่ ระกอบอาชพี หลกั มี ๔. การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศทีก่ อ่ ให้เกิด
ความรู้ ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีมาประมวลผล ผลประโยชนท์ างการศกึ ษายงั มไี มม่ ากนัก
เพอ่ื พัฒนาอาชพี และดำเนนิ ชวี ติ อย่างคุ้มค่า นกั เรยี นบางคนนำ ส่อื เทคโนโลยไี ปใชใ้ นทางที่
ผดิ ทำใหข้ าดสมาธิในการเรยี นปญั หาการติด
เกมคอมพวิ เตอร์และการใชจ้ า่ ยท่ีฟมุ่ เฟอื ย
๑.๓ ปจั จยั ดา้ นเศรษฐกจิ (E) อปุ สรรค จดุ อ่อน(Weaknesses)
ดา้ นสภาพแวดล้อมภายนอก จดุ แขง็ (Strengths) ๑.ปญั หาด้านเศรษฐกิจทำใหผ้ ้ปู กครองประสบ
ปญั หาครอบครัวสง่ ผลกระทบตอ่ การเรียนของ
๑.โรงเรยี นไดน้ ้อมนำ “ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง” บุตรหลาน
มาเปน็ แนวทางในการพฒั นาโรงเรียน ๒.ผูป้ กครองบางคนมอี าชพี ไมม่ น่ั คง รายได้ไม่
๒.ผ้ปู กครองมีฐานะทางเศรษฐกจิ ปานกลาง สามารถ แน่นอนสง่ ผลตอ่ การเรียนของเดก็ ในปกครอง
สง่ เสรมิ ให้นักเรยี นได้เรียนเตม็ ตามศกั ยภาพ ๓.ภาวะเศรษฐกจิ ตกตำ่ ผ้ปู กครองต้องทำงาน
๓.ชมุ ชนพรอมสนบั สนุน และมสี ว่ นร่วมในการระดม หนักมากข้ึนทำให้มีเวลาอบรมดแู ลนักเรียน
ทรัพยากรในการพัฒนาโรงเรยี น นอ้ ยลง
๔.นกั เรยี นส่วนใหญ่รู้จกั ประหยัดการใช้จ่ายตามหลัก ๔.งบประมาณจากภาครฐั เข้าสชู่ มุ ชนยงั ไม่
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมากขน้ึ เพียงพอทำใหม้ ีความขาดแคลนในดา้ นตา่ ง ๆ
๕.ภาวะทางเศรษฐกจิ ข้นึ อยู่กับผลิตผลทางการเกษตร
๑.4 ปัจจัยดา้ นการเมอื ง และกฎหมาย (P) อุปสรรค จดุ อ่อน(Weaknesses)
ด้านสภาพแวดลอ้ มภายนอก จุดแข็ง (Strengths) ๑. การเปลย่ี นแปลงทางการเมอื ง
ระดับประเทศมผี ลกระทบตอ่ นโยบายการ
๑. พ.ร.บ.การศึกษากำหนดแนวทางและข้นั ตอนการ บรหิ ารงานในกระทรวงและส่งผลกระทบมาสู่
กระจายอำนาจ โรงเรียน
๒. นโยบายการปฏิรปู ทางการศกึ ษาทำ ใหเ้ ด็กไดร้ บั ๒. นโยบายขององค์การบรหิ ารสว่ นทอ้ งถิ่นไม่
โอกาสทางการศึกษาเท่าเทียมกนั สอดคลองกบั นโยบายทางการศกึ ษาของ สพฐ.
๓. โรงเรยี นมตี วั แทนชุมชนทีด่ ี มคี วามสามารถในการ ทำให้เกดิ ปัญหาตอ่ การปฏบิ ตั ิงานของโรงเรียน
พฒั นาชมุ ชนองค์กรส่วนท้องถน่ิ มสี ่วนรว่ มในการ ๓. นโยบายของรฐั บาลทเ่ี ปล่ียนแปลงบ่อยขาด
สนับสนุนและจัดการศึกษา ความตอ่ เนอ่ื งในการพัฒนา งบท่ไี ดรับจัดสรร
๔. การกระจายอำนาจทางการศกึ ษาและการให้ ไมเ่ พียงพอตอ่ การบริหารจัดการของโรงเรียน
ชมุ ชนมีส่วนร่วมในการบรหิ ารจัดการศกึ ษามีผลให้ ๔. กฎหมาย ระเบียบขอบังคับ พรบ. มกี าร
เกดิ ความคลอ่ งตัวด้านบรหิ ารจดั การและการจดั การ ปรบั เปล่ียนอยู่บ่อยครง้ั ทำใหเ้ กดิ ความสับสน
เรียนการสอน และไมค่ ลอ่ งตวั ในการปฏบิ ตั งิ านขอผูกพนั หรือ
๕.ความขัดแย้งทางการเมืองของกลุ่มผลประโยชนใ์ น พันธะสญั ญาทท่ี ำ ไวก้ ับตา่ งประเทศมผี ลต่อ
ท้องถิ่นไมร่ ุนแรงจึงไมเ่ ข้ามาแทรกแซง การจดั การ การจัดการศกึ ษา
ศกึ ษาของโรงเรียนจึงงา่ ยต่อการรณรงค์คา่ นิยม ๑๒
ประการ ประชาธปิ ไตย ตลอดจน สร้างสำนึกทด่ี ใี ห้
กบั เยาวชน
๖. องค์การบรหิ ารส่วนตำบลให้การสนับสนนุ เปน็
อย่างดี
๒. ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในจุดแข็ง (Strengths)
2.1 ปัจจยั ด้านโครงสร้างและนโยบายของโรงเรยี น (S1)
ดา้ นสภาพแวดล้อมภายนอก จดุ แขง็ (Strengths) อปุ สรรค จดุ อ่อน(Weaknesses)
๑.โรงเรยี นมีการจดั ทำแผนพัฒนาการศึกษาและการจดั ๑.ไม$มนี โยบายในการคดั เลอื กนกั เรียน
องค์กรโครงสรา้ งการบริหารมีการแบง่ งานท่ีชดั เจน ตามความสามารถและความสนใจ
มหี น้าทีท่ ี่ต้องรบั ผดิ ชอบเอ้ือต่อการพฒั นาคุณภาพ ๒.ระบบติดตามชว่ ยเหลือ แก้ปญั หานกั เรียนยัง
การศกึ ษาทีเ่ นน้ นักเรยี นเปน็ สำคัญ ลา่ ช้า และไมค่ รอบคลุม
๒.มนี โยบายท่เี นน้ เอกภาพและการมีส่วนรว่ ม มีการ ๓.คณะกรรมการสถานศึกษาและชุมชนมีส่วน
วางแผนรว่ มกันและร่วมมือกันปฏบิ ัติงานและพร้อมทจ่ี ะ ร่วมในการกำหนดนโยบายของโรงเรยี นนอ้ ย
สง่ เสริมและเน้นด้านคุณธรรมเพ่ือใหน้ ักเรียนเกิดความ ส่งผลทำให้การดำเนินงานไม่บรรลผุ ลเท่าท่ีควร
ตระหนกั ในการร่วมกจิ กรรมอยา่ งเตม็ กำลงั วามสามารถโดย ๔.นโยบายการจัดการศึกษามีภาระงานทม่ี ากท้ัง
ไมม่ ใี ครบงั คับ ของโรงเรียนและงานจากหน่วยงานอื่นทเ่ี ก่ียว
๓. โรงเรียนสง่ เสรมิ การจัดกิจกรรมยกระดับผลสัมฤทธ์ิ ของทำใหป้ ระสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอน
ทางการเรยี นและพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรมเพื่อมุ่งเน้น ของครูลดลง
คณุ ภาพนักเรียนอยา่ งเต็มศักยภาพ และกจิ กรรมเพ่ือ ๕.โครงสร้างการบริหารงานในโรงเรียนเป็น
พฒั นานกั เรยี นอยา่ งหลากหลาย มผี ลงานเชงิ ประจักษ์ ระบบ แต่บุคลากรไมค่ ่อยเข้าใจตอ่ ภาระงาน
๔.โรงเรียนมแี หล่งเรยี นรู้ภายในที่เอ้ือตอ่ การจดั การเรียน ๖. นโยบายบางส่วนไมส่ อดคลองกบั บริบท
การสอน ส่งผลให้ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนอยู่ในระดับท่นี ่า โรงเรียนและทอ้ งถนิ่ ครูมีภาระงานมากเกนิ
พอใจ ความจำเปน็ สง่ ผลกระทบตอ่ ประสทิ ธิภาพใน
๕.ใชเ้ ทคโนโลยที ีท่ ันสมยั เพอื่ สื่อสารภายในโรงเรยี นและ การจัดการเรียนการสอน
แกป้ ัญหาความไมท่ ่วั ถึงของการสือ่ สารในแต่ละหนว่ ยงาน ๗.บุคลากรบางส่วนยงั ปฏิบัตหิ น้าท่ีตามที่ได้รบั
๖. โรงเรียนสามารถปฏิบัติตามระเบยี บวธิ ีปฏิบัติและ มอบหมายไม่เต็มความสามารถ
กฎเกณฑ์ของโรงเรียนและหน่วยงานตนสงั กดั ทีช่ ดั เจน ๘. นักเรียนขาดความกระตือรือรน้ ที่รับการ
มกี ารยดื หยนุ่ บางตามบริบท โอกาสและสถานการณ์อยา่ ง ส่งเสริมให้เรยี นร้จู ากแหลง่ เรียนรูท้ ั้งภายในและ
เหมาะสม ภายนอกโรงเรียน
๗. มีการกำหนดเปา้ หมายในการสง่ เสรมิ ทักษะความรแู้ ละ ๙. ระเบยี บวินยั ของนักเรียนทีด่ ้อยลง
มงุ่ เน้นคณุ ภาพนักเรียนให้สามารถนำ ความรู้ไปใชใ้ น ขาดความรบั ผิดชอบมผี ลทำให้คณุ ภาพของ
ชีวติ ประจำวัน นักเรียนด้อยลง
๘.คณะกรรมการสถานศกึ ษาและคณะครูมีส่วนร่วมในการ ๑๐.นกั เรียนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการ
กำหนดวิสยั ทศั น์ ทศิ ทาง เปา้ หมายของการจัดการศึกษาให้ ทดสอบระดบั ชาตทิ ำใหผ้ ลสมั ฤทธ์ิอยู่ใน
สอดคลองกบั หลกั สตู ร ระดับตำ่
๙. มกี ารประชมุ ร่วมวางแผนปรกึ ษาหารือให้คำแนะนำ
ขอเสนอแนะและรบั ฟังความคดิ เห็นของคนสว่ นใหญ่
ตลอดจนแลกเปลยี่ นเรียนรู้ซึ่งกนั และกันในการกำหนด
กิจกรรม
2.2 ปจั จัยดา้ นโครงสร้างและนโยบายของโรงเรยี น (S2)
ดา้ นสภาพแวดลอ้ มภายนอก จดุ แขง็ (Strengths) อุปสรรค จดุ อ่อน(Weaknesses)
๑.โรงเรียนให้บรกิ ารด้านการเรยี นการสอนให้แกท่ ุก ๑.นกั เรยี นขาดระเบยี บวนิ ัย คุณธรรม
กลุ่มเปา้ หมาย พิเศษ ปกติ พิการ ด้อยโอกาส จรยิ ธรรม ขาดความตระหนัก และมี
๒.โรงเรียนสามารถจัดหลกั สูตรท่เี ป็นระบบสอดคลอ้ ง จิตสำนึกในการรักษาความสะอาด
กบั หลักสตู รแกนกลางขั้นพ้ืนฐานและหลกั สตู รท้องถ่ิน ๒. นกั เรยี นขาดความสนใจในการใช้
มกี ารจดั การเรยี นการสอนโดยคำนงึ ถึงศกั ยภาพ ความ แหล่งเรียนรโู้ ดยเฉพาะการรักการอ่าน
ต้องการและความสนใจของนักเรยี นและสอดคล้องกับ สง่ ผลให้ไดร้ ับประสบการณ์ไม่หลากหลาย
การจดั การเรียนรใู นศตวรรษที่ ๒๑ เทา่ ทค่ี วร
๓. ครูสามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนตาม ๓. การพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษายังไม่
แผนการจัดการเรียนรู้ท่เี น้นนักเรยี นเปน็ สำคญั เน้น ครบถ้วนสมบูรณ์
กระบวน การคิด ศึกษาค้นควา้ หาคำตอบไดด้ ้วยตนเอง ๔ . ผลการสอบ NT ของ ป.3 ลดลงมาเมือ่
๔. เนือ้ หาท่ีใช้ในการจดั การเรียนการสอนด้วยวิธีการ เปรยี บเทยี บ 2-3 ปที ่ผี ่านมา
เรียนที่หลากหลาย สอดคลองกบั พน้ื ฐานพฒั นาการ ๕. ผลการสอบ O-net ผา่ นขดี จำกดั ลา่ ง
ความถนัด ความสนใจ และศักยภาพของนักเรียน แตเ่ ม่อื เปรียบเทยี บกับปีทผี่ ่านมา สงู ขนึ้
๕. การจดั กิจกรรมสง่ เสริมคุณลักษณะของนักเรียน ๖. เครื่องเลน่ และสนามเดก็ เล่นไม่เพียงพอ
ครอบคลุมท้ังด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม จัดกจิ กรรมให้มี ไมป่ ลอดภยั ต่อการใชบ้ รกิ าร
การพ่ึงตนเองรจู ักตนเอง และมบี ุคลกิ ภาพท่ดี แี ละ ๗. รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรยี นการ
สง่ เสรมิ การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง และการทำงานร่วมกับ สอนยงั สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นมสี ่วนรว่ มใน
ผ้อู น่ื กิจกรรมน้อย ยังสรา้ งองค์ความร้ไู มเ่ ปน็
๖. สภาพแวดล้อมของโรงเรยี น อาคารสถานที่ค่อนขา้ ง ขาดเทคโนโลยที ่ีทันสมัยในการสบื คน้
สะอาด สวยงาม เหมาะสมและเอื้อต่อการเรยี นรู้ ทำให้ ๘. การจดั แหลง่ เรยี นรภู้ ายในโรงเรยี นยัง
นกั เรียนอยากเขา้ มาเรียน ขาดการบูรณาการระหวา่ งกลุ่มสาระขาด
๗. ชมุ ชนมีส่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ความหลากหลายและไมเ่ พยี งพอกับจำนวน
และกิจกรรมตามความต้องการของโรงเรยี น มกี าร นกั เรยี นอีกทงั้ ยังขาดการส่งเสริมสนบั สนุน
สนบั สนนุ ด้านทุนการศึกษาจากภาครัฐและเอกชน การจดั แหล่งเรยี นรกู้ ารดูแลอย่างเป็น
๘.มกี ารจดั แหลง่ เรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายภายในและศกึ ษา รปู ธรรมตอ่ เน่อื งและจรงิ จัง
แหล่งเรียนรใู้ นชมุ ชน
๙.คุณภาพของนักเรียนทจี่ บการศกึ ษาอยูใ่ นเกณฑ์
ปานกลางมีคุณธรรม จริยธรรมในตนเอง ง่ายต่อการ
เรียนรแู้ ละดำรงชวี ติ ในสังคม
2.3 ปจั จยั ด้านบคุ ลากร (M1) อปุ สรรค จุดอ่อน(Weaknesses)
ด้านสภาพแวดลอ้ มภายนอก จดุ แข็ง (Strengths) ๑. บคุ ลากรบางสาขาไมเ่ พียงพอ เชน่
พละศึกษา ศิลปศกึ ษา ดนตรี ศิลปะ เปน็ ตน้
๑. ครู และบุคลากรทางการศึกษามีความร้ตู รงตาม 2. บุคลากรบางส่วนขาดการนำรูปแบบ
สาขาคิดเปน็ ร้อยละ 8๐ ส่งผลดตี อ่ การจดั บุคคลเข้า การเรียนการสอนมาบูรณาการทำใหก้ าร
สอนและมีความรู้ความสามารถในการจัดการเรยี นการ เรยี นการสอนซ้ำซ้อนและขาดทกั ษะ และ
สอนเป็นอยา่ งดี/มีการทำงานเปน็ ทีมสามัคคกี นั /พรอ้ ม ประสบการณ์ในการสร้างเครื่องมือวดั ผล
ที่จะได้รบั การสง่ เสรมิ และพัฒนาเพอ่ื เพิม่ ประสทิ ธิภาพ และประเมนิ ผลท่ีมีประสิทธภิ าพ
ในการจดั การเรยี นรู้ 3. ครูใชก้ ระบวนการวิจัยในชั้นเรียนน้อย
2. โรงเรยี นมกี รรมการสถานศึกษาทม่ี คี วามเข้มแข็งให้ มากและ พฒั นาส่ือทใ่ี ชใ้ นการจัดการเรียน
ความร่วมมือกับทางโรงเรยี นทกุ กิจกรรม การสอนน้อย
3. ครมู สี ่วนรว่ มในการจดั ทำแผนปฏบิ ัตกิ ารประจำปี 4. ครมู ีความชำนาญในการสอน
๕. ผบู้ ริหารมีความรคู้ วามสามารถ และมปี ระสบการณ์ ไมค่ รอบคลมุ หลักสตู รทกุ ระดับช้นั
ในการจัดการศึกษา 5. บุคลากรขาดความตระหนัก และ
4. ครูมคี วามรู้ความสามารถในการแสวงหาความรู้ วิจัย ความร่วมมอื ในการปฏบิ ัติหน้าทีท่ ี่ไดร้ ับ
วิเคราะห์ แก้ปัญหา เพ่ือนามาพฒั นาการเรียนการสอน 6. บคุ ลกรบางสว่ นยังขาดทักษะความ
อีกท้ังมกี ารประเมนิ และพัฒนาอย่างต่อเนอ่ื งจาก ชำนาญด้าน ICT /ขาดการพัฒนาตนเอง
หน่วยงานท้งั ภายในและภายนอก อย่างต่อเนือ่ งไมเ่ ปล่ยี นแปลงทศั นคตติ ่อ
ระบบการจัดการศึกษา
2.4 ปจั จยั ด้านการเงิน (M2) อปุ สรรค จุดอ่อน(Weaknesses)
ดา้ นสภาพแวดลอ้ มภายนอก จุดแข็ง (Strengths) ๑. การดำเนนิ การดา้ นงบประมาณนอ้ ย
ไม่เพยี งพอต่อระบบบริหารจัดการ
๑. โรงเรยี นส่งเสริมสนบั สนุนใหช้ ุมชนมีสว่ นรว่ มในการ ๒. การใชง้ บประมาณบางครง้ั ไมไ่ ดเ้ ปน็ ไป
จดั การศกึ ษา และระดมทรพั ยากร ตามโครงการทกี่ ำหนด
๒. การใชง้ บประมาณของทางโรงเรียนเปน็ ไปตามความ ๓. มกี ารเบกิ จ่ายโครงการเรง่ ดว่ น
ตอ้ งการของโรงเรียนและท้องถน่ิ และการเบิกจ่าย งานอาคารสถานที่ ค่าซอ่ มแซมอาคารและ
งบประมาณเปน็ ระบบตามระเบยี บในการเบิกจ่าย ค่าน้ำมันรถ คา่ สาธารณปู โภคที่เพิ่มขน้ึ ที่ไม่
เปน็ ไปตามแผนงานโครงการตามความจำเปน็ และ เพียงพอ
คำนงึ ถึงผลประโยชน์ท่เี กดิ แก่นกั เรยี นมากกว่า
หนว่ ยงานอื่น
๓. โรงเรียนมีความสามารถในการระดมทนุ สนบั สนนุ
จากชมุ ชนและองค์กรตา่ งๆ เชน่ อบต. เป็นตน้
๔. มกี ารใชเ้ งินเพ่ือนักเรียนอยา่ งคุ้มค่าเป็นระบบเงินที่
ใช้นำไปใชเ้ พ่ือดำเนินกจิ กรรมของนักเรียนและโรงเรียน
2.5 ปจั จัยดา้ นวัสดอุ ุปกรณ์ (M3)
ดา้ นสภาพแวดล้อมภายนอก จดุ แขง็ (Strengths) อุปสรรค จุดอ่อน(Weaknesses)
๑. โรงเรยี นมคี วามพร้อมดา้ นสถานที่ ๑. วัสดุอุปกรณ์บางอย่างมรี าคาแพงและไม่ได้
๒. โรงเรียนมเี ครือข่ายอนิ เตอร์เน็ต คณุ ภาพบางอย่างไม่ตรงกับความตอ้ งการ การ
๓. โรงเรยี นมคี วามพร้อมด้านสอื่ เทคโนโลยี และ ดำเนนิ การจดั หาล่าช้าไมท่ นั ต่อความต้องการ
อปุ กรณ์การเรียนการสอน 2. ระบบสื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศยังไม่
๔. โรงเรยี นมีความสามารถในการจัดการ พัสดุมาใช้ได้ สมบรู ณ์ และเพียงพอต่อการใช้งานของครู และ
ตามความต้องการ นักเรียน เช่น คอมพิวเตอร์ทใี่ ช้ในการจดั การเรียน
๕. สอ่ื วสั ดุ อปุ กรณท์ ีน่ ำมาใชม้ ีประสิทธิภาพ มคี วาม การสอนมีจำนวน
เหมาะสมแหล่งเรียนรู้และส่ิงอำนวยความสะดวกมี 3. มีส่ือวสั ดุ อุปกรณ์ ครภุ ัณฑ์ในการเรียนการสอน
เพยี งพอ ไมเ่ พียงพอและขาดส่ือท่ีทันสมัย ขาดคุณภาพ ไม่
ตรงตามความตอ้ งการ ขาดการ
บำรุงรักษาซ่อมแซมบางชิน้ ทีไ่ ด
รับความเสียหาย ขาดแคลนวสั ดุอปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ น
แหลง่ เรยี นรู้
2.6 ปัจจัยดา้ นการบริหาร (M4)
ดา้ นสภาพแวดล้อมภายนอก จุดแข็ง (Strengths) อปุ สรรค จดุ อ่อน(Weaknesses)
๑. ภาวะผู้นำของผบู้ รหิ ารมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และ ๑.กระบวนการพิจารณาความดี ความชอบให้
มคี วามรคู้ วามสามารถในการบริหาร ความสำคญั กับผลการปฏบิ ตั งิ านนอ้ ย
๒. ผู้บรหิ ารเปน็ ผู้ทม่ี ภี าวะผู้นำและเปน็ แบบอย่างทดี่ ี 2. ระบบการนเิ ทศ กำกบั ตดิ ตาม และประเมินผล
๓. มกี ารบนั ทึก รายงานผล ประเมนิ ผล ประชาสมั พนั ธ์ ยังไม่เป็นรปู ธรรม ทำใหข้ าดข้อมลู ในการปรับปรงุ
เผยแพร่ และนำข้อมูลและผลการประเมินไปใชใ้ นการ พฒั นาโรงเรียนไม่มีประสิทธิภาพอย่างตอ่ เนื่อง
ตดั สินใจและปรบั ปรงุ งานเปน็ ขอ้ มลู สารสนเทศที่เชือ่ ถอื ได้ และสมำ่ เสมอ
๔. มกี ารแบ่งสายงานท่ีเปน็ ระบบและมีการวางตัว 3. ระบบสารสนเทศมหี ลายระบบ และ
บุคลากรปฏิบัติงานตามความสามารถความถนัด ความ ไม่เชอ่ื มโยงทำใหเ้ กดิ ภาระงานในการจดั ทำท่ี
สนใจ ทำใหส้ ามารถบรหิ ารจัดการทุกดา้ นอย่างเป็นระบบ ซำ้ ซ้อนภาระงานและไม่เป็นปัจจบุ ัน
และรวดเรว็ 4. ระบบการจดั การเรยี นการสอน และ
๕. มกี ารบรหิ ารจัดการเปน็ ระบบ คลอ่ งตัว ลดขน้ั ตอน การวดั ผลประเมนิ ผล ยังขาดการบูรณาการ
รวดเร็ว ตรวจสอบได้ ทำใหเ้ กิดภาระงานของนักเรยี นที่มีความ
๖. มีการบรหิ ารงานบคุ คลอย่างเตม็ ความสามารถ ซำ้ ซอ้ น
สะดวก รวดเรว็ และตรงตามเป้าหมาย สามารถลด 5. ขาดการประสานงาน ขาดคณะกรรมการ
ขน้ั ตอนในการประสานงานกับหน่วยงานตน้ สังกดั ได้ทำ คัดเลอื กกลนั่ กรอง ตรวจสอบ ประเมินผลงานด้าน
ใหไ้ ด้รับความสะดวกและรวดเร็วในการรับบรกิ าร บริหารบคุ คลอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
๗. มกี ารบริหารหลักสูตรที่ตรงตามหลกั สตู รแกนกลาง
ขั้นพ้นื ฐาน
(ต่อ) อปุ สรรค จุดอ่อน(Weaknesses)
ด้านสภาพแวดล้อมภายนอก จดุ แขง็ (Strengths)
๘. มกี ารปฏบิ ัติงานตามแผนพัฒนาคณุ ภาพ/แผนกล
ยทุ ธ์/แผนปฏบิ ัตกิ าร/ตัวชว้ี ดั ความสำเร็จ ทำใหม้ ีความ
สะดวก คลอ่ งตัว รวดเร็วในการเบิกจา่ ยงบประมาณ
๙. มกี ารปฏบิ ัติงานบรหิ ารทว่ั ไปทีเ่ ข้มแข็งและ
มปี ระสทิ ธิภาพ งานด้านอาคารสถานที่สภาพแวดลอ้ ม
การต้อนรบั ผ้มู าใชบ้ รกิ ารเปน็ ทยี่ อมรบั ของขมุ ชนและ
หน่วยงานอนื่
ผลการประเมนิ คณุ ภาพภายในสถานศึกษา ปกี ารศึกษา ๒๕๖4
สรุปผลการประเมินคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของระดบั การศกึ ษาปฐมวยั
เพื่อการประกันคณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา ประจำปีการศกึ ษา 2564
มาตรฐาน / ประเด็นการพจิ ารณา คา่ ประเดน็ การ
เป้าหมาย พิจารณา
มาตรฐานท่ี ๑ คณุ ภาพของเด็ก มาตรฐาน
1.1 มกี ารพฒั นาดา้ นรา่ งกาย แข็งแรง มสี ขุ นิสัยทีด่ ี และดแู ลความปลอดภัย ดเี ลศิ
ของตนเองได้ 80 ดีเลิศ
1.2 มกี ารพัฒนาดา้ นอารมณ์ จิตใจ ควบคุม แลและแสดงงอออกทางอารมณ์ได้ 80
1.3 มีการพฒั นาการด้านสังคม ช่วยแหลือตนเอง และเป็นสมาชิกท่ีดีของสงั คม ดีเลศิ
1.4 มีพัฒนาการดา้ นสตปิ ัญญา สอ่ื สารได้ มที ักษะการคิดพ้ืนฐานและแสวงหา 80 ดเี ลศิ
ความรู้ได้ 80 ดีเลิศ
มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ 80
2.1 มหี ลักสตู รครอบคลมุ พัฒนาการทั้ง 4 ด้าน สอดคล้องกับบรบิ ทของท้องถ่นิ ดเี ลศิ
2.2 จดั ครูให้เพยี งพอกับชัน้ เรยี น 80 ดเี ลิศ
2.3 สง่ เสริมใหค้ รูมีความเชยี่ วชาญด้านการจดั ประสบการณ์ 80 ดเี ลิศ
2.4 จัดสภาพแวดลอ้ มและส่ือเพ่ือการเรียนรู้ อย่างปลอดภยั และเพยี งพอ 80 ดีเลิศ
2.5 ใหบ้ ริการส่ือเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรียนรเู้ พ่อื สนับสนนุ การจดั 80 ดีเลิศ
ประสบการณ์ 80 ดีเลศิ
2.6 มรี ะบบบรหิ ารคณุ ภาพทีเ่ ปิดโอกาสให้ผู้เกยี่ วขอ้ งทกุ ฝา่ ยมีส่วนร่วม 80
มาตรฐานที่ ๓ การจดั ประสบการณ์ทีเ่ นน้ เด็กเปน็ สำคัญ ดเี ลศิ
3.1 จดั ประสบการณท์ ่ีสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ มีการพฒั นาการทุกด้านอยา่ งสมดุลเต็ม 80 ดเี ลศิ
ศกั ยภาพ 80 ดเี ลิศ
3.2 สร้างโอกาสให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง เลน่ และปฏิบัติอย่างมีความสขุ 80
3.3 จัดบรรยากาศท่เี อ้ือตอ่ การเรยี นรู้ใชส้ อื่ เทคโนโลยีทเี่ หมาะสมกับวัย ดีเลิศ
3.4 ประเมินพฒั นาการเด็กตามสภาพจริงแลละนำผลประเมินพัฒนาการเด็กไป 80 ดีเลิศ
ปรับปรุงการจดั ประสบการณ์และพฒั นาเดก็ 80 ดีเลิศ
80
สรปุ ผลการประเมินในภาพรวมของสถานศึกษา ดเี ลิศ
80
มาตรฐานการศกึ ษาและค่าเป้าหมาย : ระดับการศึกษาข้นั พื้นฐาน
โรงเรยี นวดั ไผ่ค่อม(แพร-ประชาอุปถัมภ)์
สำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณโุ ลก เขต ๑
มาตรฐานการศกึ ษา/ประเด็นพิจารณา ค่าเป้าหมายความสำเร็จ
มาตรฐานท่ี ๑ คุณภาพของผูเ้ รยี น ดีเลิศ
๑.๑ ผลสมั ฤทธิ์ทางวิชาการของผูเ้ รียน
๑) มีความสามารถในการอ่าน การเขยี น การ 1.นกั เรยี นรอ้ ยละ 80 มผี ลการประเมนิ การอา่ นการเขียน
สอื่ สาร และการคดิ คำนวณ ของสพฐ. ใน ระดบั ดี ขึ้นไป
2.นักเรยี นร้อยละ 80 มีความสามารถในการอา่ น –
เขียนภาษาไทยอยู่ในระดับดี ข้นึ ไป
3.นักเรยี นร้อยละ ๗5 มี ความสามารถใชภ้ าษาอังกฤษได้เหมาะสม
ตามระดับช้นั
4.นกั เรยี นทุกคนมีความสามารถในการสนทนา นำเสนองานผลงาน ได้
ตามเกณฑข์ องระดบั ช้นั
๒) มคี วามสามารถในการคดิ วิเคราะห์ ๖.นักเรยี นทกุ คนมคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ คิดอย่างมี
คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ อภปิ รายแลกเปล่ียน วจิ ารณญาณผ่านเกณฑ์การประเมินของสถานศึกษา
ความคดิ เห็น และแก้ปัญหา 7.นกั เรียนรอ้ ยละ 80 สามารถอภิปรายแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ และ
แกป้ ญั หา ในระดับดขี ้ึนไป
๓) มคี วามสามารถในการสร้างนวัตกรรม ๘. นักเรยี นทุกคนมนี วัตกรรม / ช้นิ งาน ท่เี กดิ จากการสงั เคราะหอ์ งค์
ความรู้ดว้ ยตนเอง ท่ีเหมาะสม ตามระดับชนั้
9.นักเรียนทุกคนอธิบายหลกั การ แนวคิด ข้นั ตอนการทำงาน และ
ปัญหาอุปสรรคการทำงานได้
๔) มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๑๐.นกั เรยี นทุกคนสามารถใช้อนิ เตอรเ์ น็ตในการสบื คน้ ข้อมูลพนื้ ฐาน
สารสนเทศและการส่อื สาร ไดต้ ามระดับช้ันเรยี น คิดเป็นร้อยละ 80
11.นกั เรยี นสามารถสง่ งานทางอนิ เตอร์เน็ตไดเ้ หมาะสมตามระดบั
ช้นั ในระดับดี คดิ เปน็ ร้อยละ 8๐
12.นกั เรียนมีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการ
ส่อื สารได้อย่างเหมาะสมปลอดภัย คิดเป็นรอ้ ยละ8๐
๕) มีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนตามหลกั สูตร 13.นักเรยี นร้อยละ ๘๐ มรี ะดบั ผลการเรยี นเฉลีย่ รวมตามหลกั สตู ร
สถานศึกษา สถานศกึ ษา มากกว่า ระดับ ๒ ขึ้นไป
14.ผลการทดสอบระดับชาติ RT, NT และ O-NET
ของนักเรยี นเพ่ิมข้นึ รอ้ ยละ 3
๖)มีความรู้ ทักษะพ้นื ฐาน และเจตคติที่ดีตอ่ ๑๕.นกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคน มีความรแู้ ละทักษะพ้นื ฐาน
งานอาชพี ต่องานอาชพี อยา่ งน้อย ๑ อาชพี
(ตอ่ )
มาตรฐานการศกึ ษา/ประเด็นพจิ ารณา ค่าเป้าหมายความสำเรจ็
๑.๒ คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ๑๖.นกั เรียนร้อยละ ๙๐ ได้ระดับผลการประเมนิ คุณลักษณะ อัน
ของผเู้ รียน พึงประสงค์ อยู่ในระดับดีขึน้ ไป
๑) การมีคุณลักษณะและค่านิยมทีด่ ตี ามท่ี ๑๗.นกั เรยี นทุกคนมีความรบั ผิดชอบ มีวนิ ยั มคี วามพอเพียง และมจี ติ
สถานศกึ ษากำหนด อาสา อย่รู ว่ มกับคนอ่นื อยา่ งมคี วามสขุ เข้าใจผูอ้ ื่นไม่มีความขัดแย้งกบั
ผูอ้ ่นื
มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและ ดีเลศิ
การจัดการ
๒.๑ มีเป้าหมายวิสัยทัศนแ์ ละ ๑.วสิ ัยทัศนข์ องโรงเรยี น คอื โรงเรยี นวัดไผ่ค่อม (แพร-ประชาอปุ ถมั ภ)์
พันธกจิ ท่ีสถานศกึ ษากำหนดชดั เจน มุ่งมัน่ พฒั นาเป็นโรงเรยี นคณุ ภาพทบ่ี รหิ ารจัดการศึกษาได้อยา่ งมี
คณุ ภาพตามมาตรฐาน พัฒนาครเู ปน็ ครมู ืออาชพี ผเู้ รียนมี
๒.๒ มีระบบบริหารจดั การคุณภาพของ ความสามารถในการคดิ มีผลสมั ฤทธก์ิ า้ วหน้า มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมตาม
สถานศกึ ษา หลกั วถิ ีพทุ ธ นอ้ มนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปลอดจากสาร
๒.๓ ดำเนนิ งานพฒั นาวิชาการที่เนน้ เสพติดและอบายมขุ ชนมีสว่ นรว่ มในการพฒั นา
คุณภาพผู้เรียนรอบดา้ นตามหลักสูตร ๒. โรงเรยี นใช้กระบวนการบริหารแบบมีสว่ นรว่ มจากทุกฝ่ายในการ
สถานศึกษา และทุกกล่มุ เปา้ หมาย บรหิ ารจัดการคณุ ภาพของสถานศึกษา
๓. โรงเรยี นมกี ารประเมินหลักสูตรสถานศึกษาทุก ๒ ปี โดยความ
๒.๔ พัฒนาครูและบคุ ลากรให้มีความ รว่ มมอื ของโรงเรยี น คณะกรรมการสถานศกึ ษา ผูป้ กครอง และศษิ ย์
เชีย่ วชาญทางวิชาชพี เกา่
๒.๕ จัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและ ๔. โรงเรยี นมแี ผนพฒั นางานวิชาการทคี่ ำนึงถึงคุณภาพผู้เรยี น ทุก
สงั คมทเี่ อื้อต่อการจดั การเรียนรู้อยา่ งมี กลุ่มเปา้ หมาย
คณุ ภาพ ๖. ครูและบคุ ลากรทุกคนไดร้ ับการอบรมตรงตามภาระงานสอนและ
๒.๖ จัดระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อ สอดคล้องกบั หนา้ ที่ท่ีปฏบิ ตั ิงานไม่น้อยกวา่ ๒๐ ชวั่ โมงต่อปกี ารศึกษา
สนบั สนนุ การบรหิ ารจัดการและการ ๗.โรงเรียนมีสภาพแวดลอ้ มท่ีร่มรนื่ ปลอดภัย
จดั การเรียนรู้ ๘.โรงเรียนมีแหลง่ สบื ค้นข้อมูลทางอินเทอร์เนต็ ทเ่ี ขา้ ถงึ งา่ ย
๙.โรงเรียนมแี หลง่ เรียนรทู้ เี่ อื้อตอ่ การการเรยี นรู้ของผู้เรียน
๑๐.โรงเรยี นมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทส่ี นับสนุนการบริหารจดั การ
และการเรยี นรู้อย่างเพียงพอและใชป้ ระโยชนไ์ ด้เต็มศักยภาพ
(ตอ่ )
มาตรฐานการศกึ ษา/ประเดน็ พจิ ารณา ค่าเป้าหมายความสำเรจ็
๑.๒ คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ ๑๖.นกั เรยี นร้อยละ ๙๐ ได้ระดับผลการประเมนิ คุณลักษณะ
ของผ้เู รียน อนั พึงประสงค์ อยู่ในระดับดขี ึ้นไป
๑) การมคี ุณลกั ษณะและค่านิยมที่ดีตามที่ ๑๗.นักเรยี นทกุ คนมีความรับผิดชอบ มีวนิ ัย มีความพอเพียง
สถานศึกษากำหนด และมจี ิตอาสา อยูร่ ว่ มกบั คนอ่นื อย่างมคี วามสุข เขา้ ใจผู้อื่น
ไมม่ ีความขดั แยง้ กับผู้อ่ืน
มาตรฐานที่ ๓ กระบวนการจัดการเรยี น ดเี ลิศ
การสอนทเ่ี นน้ ผู้เรียนเป็นสำคญั
๓.๑ จดั การเรียนร้ผู า่ นกระบวนการคิด ๑.ครทู กุ คนจดั การเรยี นรู้โดยใช้นวัตกรรม, PLC
และปฏบิ ตั ิจรงิ และสามารถนำไป เพอ่ื ให้ผู้เรยี นเกิดกระบวนการเรยี นรู้ การคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์
ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตได้ และคิดสรา้ งสรรค์ โดยฝกึ ปฏิบตั จิ รงิ ทำให้ผู้เรียนมคี วามสุข
ในการเรยี นรอู้ ย่างตอ่ เน่อื ง
๓.๒ ใช้สอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศ และ ๒.ครูทุกคนสามารถใช้ภาษาอังกฤษพื้นฐานง่ายๆ ในการสนทนา
แหล่งเรยี นรูท้ ี่เอื้อต่อการเรยี นรู้ กบั นักเรียนเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นกล้าแสดงออกในการใช้ภาษาอังกฤษ
ในชวี ิตประจำวันมากย่งิ ขึ้น
๓.๓ มีการบริหารจดั การชน้ั เรียนเชิงบวก ๓.ครทู กุ คนพัฒนาและใชส้ ื่อการสอน ส่อื เทคโนโลยสี ารสนเทศ
และแหล่งเรยี นรใู้ นชมุ ชนท่สี อดคล้องกับสาระทส่ี อน
สรา้ งแรงจงู ใจใหน้ ักเรยี น รวมท้งั นำภูมิปัญญาท้องถน่ิ มาใชใ้ น
การจดั การเรียนรู้
๔.มีการบริหารจัดการชนั้ เรียนเชงิ บวก เพ่ือให้ผู้เรียนรักการ
เรียนรแู้ ละเรียนร้รู ว่ มกนั อย่างมีความสขุ
๓.๔ ตรวจสอบและประเมนิ ผู้เรียนอย่าง ๕.ครูทุกคนมีข้อมลู นักเรยี นรายบคุ คล และนำมาสรปุ ผลการ
เปน็ ระบบ และนำผลมาพฒั นาผเู้ รียน
สงั เคราะห์ไปวางแผนพฒั นาการเรยี นและแนวทางการประกอบ
อาชีพของนักเรียนชดั เจน
๖.ครทู ุกคนมีแผนการสอน การวดั และประเมนิ ผลนักเรยี น
ชดั เจนตลอดปกี ารศึกษา มกี ารกำหนดสัดส่วนคะแนน จำนวน
ชน้ิ งาน และพฤตกิ รรมนักเรยี นชดั เจน มกี ารวิเคราะห์ผลการ
เรียนรขู้ องนักเรียน และนำผลมาพัฒนาให้นักเรยี นบรรลผุ ล
ตามตวั ช้วี ดั ของหลกั สตู ร
(ตอ่ )
มาตรฐานการศึกษา/ประเดน็ พจิ ารณา ค่าเป้าหมายความสำเรจ็
๓.๕ มีการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้และให้ข้อมลู ๗. ทกุ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ครูจัดให้มกี ารอภิปราย แลกเปล่ียน
สะทอ้ นกลับเพื่อพฒั นาและปรับปรงุ การ เรียนรู้ แสดงความคิดเห็นของนกั เรียน
จัดการเรยี นรู้
๘. นักเรยี นและผูม้ สี ว่ นเก่ียวข้องมสี ่วนร่วมในการวัดและ
ประเมนิ ผล ให้ข้อมลู ย้อนกลับแก่ผูเ้ รยี นและผเู้ รยี นนำไปใช้
พฒั นาตนเอง PLC
มาตรฐานในภาพรวมของสถานศึกษา ระดับดเี ลศิ
สรุปผลการประเมนิ คณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาของระดบั การศกึ ษาประถมศกึ ษา
เพื่อการประกันคณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา ประจำปีการศึกษา 2564
โครงการ/กิจกรรม ร่องรอยหลกั ฐานเชิงประจักษ์ จำแนกตามมาตรฐานการศึกษา
มาตรฐานที่ ๑ คณุ ภาพของผูเ้ รียน
๑.๑ ผลสมั ฤทธิ์ทางวิชาการของผูเ้ รียน
ประเด็นพจิ ารณา โครงการ/กจิ กรรม รอ่ งรอย/หลักฐานเชิงประจกั ษ์
๑. มีความสามารถในการอา่ น -โครงการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียนท่ี -กิจกรรมรักการอ่าน
การเขยี น การสื่อสาร และ เน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ -กิจกรรมเสนอภาษาไทยและ
การคดิ คำนวณ ภาษาอังกฤษวนั ละคำหน้าเสาธง
-กจิ กรรมส่งเสริมการยกระดับ
ผลสัมฤทธริ์ ะดบั ชาติ อา่ นคล่อง
เขยี นคล่อง RT ชัน้ ป.1
-ผลการทดสอบ RT ช้ัน ป.1
-ผลการประเมนิ การอา่ นการเขยี น
-ผลการประเมนิ การคิดคำนวณ
๒. มีความสามารถในการคดิ -กิจกรรมพัฒนาความสามารถใน -แบบฝึกทักษะการคิด
วเิ คราะห์ คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ การคิดอย่างเป็นระบบ -โครงงาน ,ผลงานนกั เรียน
อภปิ รายแลกเปล่ียน คดิ สร้างสรรค์ ตดั สินใจ -การอา่ นจบั ใจความ,แผนผังความคิด
ความคดิ เหน็ และแก้ปัญหา -กจิ กรรมเรยี นร้ดู ว้ ยโครงงาน -แบบฝึกช้ินงาน,ใบงาน
-กจิ กรรมหลักสตู รตา้ นทุจริต
-กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
๓. มีความสามารถในการสร้าง -กิจกรรมพิเศษเพื่อตอบสนอง -ผลงานนกั เรยี น , ครู
นวัตกรรม นโยบาย/กิจกรรม Active -โครงงาน
learning
(ต่อ) โครงการ/กิจกรรม ร่องรอย/หลกั ฐานเชิงประจักษ์
ประเด็นพิจารณา
-กิจกรรมลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้ -มีห้องปฏิบัตกิ ารคอมพวิ เตอร์
๔. มคี วามสามารถในการใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศและ -ความสามารถในการสืบคน้ ข้อมลู
การสอ่ื สาร
๕. มผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรียนตาม -ส่งงานทางอนิ เตอรเ์ น็ต
หลักสตู รสถานศกึ ษา
-โครงการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นที่ -หลักสูตรสถานศกึ ษา
๖. มีความรู้ ทักษะพ้นื ฐาน และ
เจตคติท่ดี ีต่องานอาชีพ เน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ -ผลสัมฤทธ์ขิ องนักเรยี นชั้น ป.๑ – ป.๖ ,
-กจิ กรรมยกระดบั ผลสมั ฤทธิ์ ปพ.๕
ทางการเรยี น -ผล RT , ผล NT และผล O-Net
-กจิ กรรมวเิ คราะหผ์ ู้เรยี น
รายบคุ คล
-กิจกรรมการสอนซ่อมเสริม
-กิจกรรมอ่านออกเขียนได้
-พฒั นาทักษะในการทำงาน โครงงานอาชพี
รกั การทำงาน สามารถทำงาน -กิจกรรมทำข้าวพองธญั พชื
ร่วมกับผู้อน่ื ได้และมเี จตคติที่ดีต่อ -กิจกรรมทำเหรยี ญโปรยทาน
อาชีพสุจริต -กจิ กรรมทำขนมไทย
-กจิ กรรมปลูกผักปลอดสารพิษ
๑.๒ คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงคข์ องผู้เรยี น
ประเดน็ พจิ ารณา โครงการ/กจิ กรรม รอ่ งรอย/หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
๑. การมคี ณุ ลักษณะและคา่ นิยม -โครงการพฒั นาโรงเรียน -ผลการประเมินคุณลกั ษณะ อนั พึง
ทีด่ ตี ามทีส่ ถานศึกษากำหนด คณุ ธรรม ประสงค์
-กจิ กรรมโรงเรียนวถิ พี ุทธ -ภาพกจิ กรรมโครงงาน”ออมวนั ละนิด ชีวิตมี
สขุ ”
-ภาพกจิ กรรมโครงงานไหวส้ วย
ด้วยมือเรา
-ภาพกจิ กรรมโครงงานสวดมนต์ไหวพ้ ระก่อน
กลบั บา้ น
-ภาพกิจกรรมโครงงานวางถูกที่
ดูดีงามตา
-ภาพกิจกรรมประชาธิปไตยในโรงเรยี น
-ภาพกิจกรรมโครงงานรู้รักษว์ ฒั นธรรมไทย
-ภาพกิจกรรมวันสำคัญทางศาสนา
วนั ไหว้คร,ู วนั แม,่ วนั พ่อ
(ตอ่ ) โครงการ/กจิ กรรม รอ่ งรอย/หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
ประเดน็ พจิ ารณา -ภาพกิจกรรมโรงเรียนวิถีพุทธ
-ภาพเข้าค่ายพทุ ธบุตร
๒. ความภูมิใจในท้องถิน่ และ -โครงงานรู้รักษว์ ัฒนธรรมไทย -ภาพกจิ กรรมการร่วมในวนั สำคญั
ตา่ งๆ
ความเป็นไทย กิจกรรมวนั สำคญั เช่น -กิจกรรมภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่
-กิจกรรมนอ้ งไหวพ้ ี่
-กิจกรรมวนั สำคญั ทางพุทธ -กิจกรรมทำบุญตักบาตรทุกวันพระ
-กิจกรรมคา่ ยพุทธบตุ ร
ศาสนา
-บนั ทึกนกั เรยี นรายบุคคล
-กจิ กรรมวนั สำคัญของชาติ -กิจกรรมเย่ียมบา้ น
-ค่ายธรรมะ
-กจิ กรรมวนั สำคญั ทางประเพณี -สภานกั เรียน
-ค่ายลกู เสือ/ยวุ กาชาด
วัฒนธรรม -กิจกรรมรณรงค์ต่อตา้ นยาเสพติด
ประชาธปิ ไตยในโรงเรยี น
๓. การยอมรบั ท่จี ะอยู่ร่วมกนั -กจิ กรรมนักเรยี นเรียนรวม -ทุนการศึกษา
-แบบบันทกึ น้ำหนัก/ส่วนสูงของ
บนความแตกต่างและหลากหลาย -กจิ กรรมรจู้ ักนักเรียนรายบคุ คล นักเรียน
-แบบคดั กรองบนั ทึกนักเรียน
๔. สุขภาวะทางร่างกาย และ -โครงการพัฒนาผูเ้ รียนให้มีสุข รายบุคคล
จิตสงั คม นิสยั สุขภาพกายและสขุ ภาพจติ -ภาพถา่ ยกิจกรรมกีฬาสี
ทดี่ ี -ภาพถ่ายกิจกรรมจิตอาสา
-ภาพถา่ ยกจิ กรรมการส่งเสริม
สุขภาพ
-ภาพถา่ ยกจิ กรรมสุขานา่ ใช้
-ภาพถ่ายกิจกรรมรณรงค์ปอ้ งกนั
ยาเสพตดิ
-ระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรยี น
มาตรฐานท่ี ๒ กระบวนการบริหารและการจดั การ
ประเดน็ พิจารณา โครงการ/กจิ กรรม รอ่ งรอย/หลกั ฐานเชิงประจักษ์
-ประกาศมาตรฐานของโรงเรียน
๒.๑ มเี ปา้ หมาย วิสัยทศั น์ และ -กิจกรรมการประกันคุณภาพ -แผนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา
-แผนปฏิบตั กิ ารประจำปี
พันธกจิ ทส่ี ถานศึกษากำหนด ภายใน -หลักสตู รสถานศึกษา
-หลักสูตรรายวชิ าเพิ่มเตมิ
ชดั เจน -ผลการแขง่ ขันทกั ษะวชิ าการ
-ผล O-Net , NT , RT
๒.2 ดำเนินงานพฒั นาวิชาการท่ี -กิจกรรมการพฒั นาหลกั สูตร -โครงสรา้ งหลักสตู ร
-บนั ทกึ การไปราชการ
เน้นคณุ ภาพผ้เู รยี นรอบด้าน สถานศึกษาและดำเนินการอยา่ ง -บันทกึ การอบรม/ดูงาน
-ภาพถา่ ย,วิจัยชนั้ เรยี น
ตามหลกั สตู รสถานศึกษาและทกุ เป็นระบบ -เลม่ สรปุ งานศกึ ษาดูงานคณะครู
-การประเมินตนเอง (SAR)
กลมุ่ เปา้ หมาย ของคณะครู
-รายงานการอบรม
๒.3 พัฒนาครแู ละบคุ ลากรให้มี โครงการพัฒนาบุคลากร -สนามเด็กเล่น
ความเชยี่ วชาญทางวิชาชีพ เตม็ ศกั ยภาพ -มหี อ้ งปฏิบัตกิ ารต่างๆ เช่น
-กิจกรรมกจิ กรรมส่งเสรมิ ห้องสมุด หอ้ งปฏบิ ัตคิ อมพิวเตอร์
๒.4 จัดสภาพแวดลอ้ มทาง สนับสนุนให้ครเู ขา้ รับการอบรม -บรรยากาศภายในห้องเรียน
กายภาพและสงั คมที่เอ้ือต่อการ สมั มนา/ศึกษาดงู าน -บริเวณโรงเรียน
จดั การเรยี นรอู้ ยา่ งมีคุณภาพ -กิจกรรมพัฒนาครูผู้สอนในการ -ปรบั ปรงุ ภมู ทิ ัศนแ์ ละอาคารสถานท่ี
ใช้เทคโนโลยีท่ที นั สมยั -พัฒนาการนำแหล่งเรยี นรู้และ
๒.5 จดั ระบบเทคโนโลยี ภูมิปญั ญามาใชใ้ นการเรียนการสอน
สารสนเทศเพื่อสนับสนุนการ -โครงการพัฒนาส่ิงแวดล้อมใน
บริหารจดั การและการจัดการ -หอ้ งปฏบิ ัติการคอมพวิ เตอร์
เรยี นรู้ สถานศกึ ษาใหเ้ ออ้ื ต่อการจัดการ -มีเครือข่ายอินเตอรเ์ น็ตพรอ้ มใชง้ าน
-ห้องเรียนมสี ื่อการสอน,อนิ เตอรเ์ น็ต
เรียนรู้
-กจิ กรรมปรับปรุงภูมิทศั น์และ
อาคารสถานท่ี
-กิจกรรมปรบั ปรุงตกแต่ง
หอ้ งเรยี น
-กิจกรรมการพฒั นาการนำแหล่ง
เรียนรแู้ ละภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ
-กิจกรรมจัดหาวัสดุครุภณั ฑ์
มาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจดั การเรยี นการสอนที่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ
๓.๑ จดั การเรยี นร้ผู า่ น -โครงการพัฒนาผู้เรียนท่ีเน้นผูเ้ รยี น -กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้
กระบวนการคิดและปฏิบตั ิ เป็นสำคัญ Active learning
จรงิ และสามารถนำไป -กจิ กรรมส่งเสริมความสามารถใน -โครงงาน
ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตได้ การคดิ -ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น
-กิจกรรมฝกึ อาชพี
๓.๒ ใชส้ ื่อ เทคโนโลยี -โครงการพฒั นาผูเ้ รยี นทเ่ี นน้ ผเู้ รยี น -ผลงานนกั เรียน
-ภาพถ่าย
สารสนเทศ และ แหลง่ เรียนรู้ เปน็ สำคญั - แหลง่ เรยี นรู้ในและนอกหอ้ งเรยี น
- หอ้ งปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
ทีเ่ อ้ือตอ่ การเรยี นรู้ -กจิ กรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้ - ห้องสมดุ
ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ - โครงงาน
- วจิ ัยชน้ั เรียน
พอเพยี ง - ผลงานนกั เรียน
- กิจกรรม Active Learning
๓.๓ มีการบรหิ ารจัดการชัน้ -โครงการพัฒนาผเู้ รียนทเ่ี น้นผูเ้ รียน - แบบประเมินด้านการเรยี น
- ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
เรียนเชงิ บวก เป็นสำคัญ - การจัดทำ ปพ.ตา่ ง ๆ โดยใช้
โปรแกรม
-กิจกรรมสง่ เสริมทักษะในการ - วจิ ยั ในชัน้ เรียน
- วิเคราะหผ์ ู้เรียนรายบุคคล
แสวงหาความรู้ - บนั ทกึ หลงั สอน
๓.๔ ตรวจสอบและประเมิน -โครงการพฒั นาผเู้ รยี นทเี่ น้นผู้เรียน - ขอ้ มลู สารสนเทศ
- แผนปฏิบัตกิ ารประจำปี
ผเู้ รยี นอยา่ งเปน็ ระบบ และนำ เป็นสำคัญ - แผนพฒั นาการจดั การศึกษา
- มาตรฐานการศึกษา
ผลมาพัฒนาผูเ้ รยี น -กิจกรรมการทดสอบผลสมั ฤทธิ์ - รายงาน SAR
- รายงานการประชุมอบรม
ทางการเรียนทกุ กลุ่มสาระ
ดีเลิศ
การเรียนรู้
-กจิ กรรมสง่ เสรมิ การยกระดบั
ผลสัมฤทธร์ิ ะดบั ชาติ อา่ นคล่อง
เขยี นคล่อง RT,LAS , NT และ
O – NET
๓.๕ มีการแลกเปล่ยี นเรียนรู้ -กจิ กรรมการประกันคุณภาพภายใน
และให้ข้อมลู สะทอ้ นกลบั เพ่ือ
พัฒนาและปรับปรุงการ
จดั การเรียนรู้
สรุปผลการประเมนิ ในภาพรวมของสถานศกึ ษา
รอ้ ยละของนักเรียนทีม่ ีเกรดเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นแต่ละรายวิชาในระดบั 2 ขึ้นไป
ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖4
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ระดบั ประถมศึกษาปีท่ี 1 – 6 ปีการศกึ ษา 2564
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ชัน้ หมาย
ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 เหตุ
รายวิชาพ้นื ฐาน
ภาษาไทย 75.00 100.00 100.00 100.00 83.33 100.00
คณิตศาสตร์ 75.00 100.00 100.00 100.00 83.33 87.50
วทิ ยาศาสตร์ 75.00 100.00 100.00 100.00 83.33 100.00
สังคมศึกษา 100.00 100.00 100.00 100.00 83.33 100.00
ประวัติศาสตร์ 100.00 50.00 100.00 100.00 83.33 100.00
สขุ ศึกษาฯ 100.00 100.00 100.00 100.00 83.33 100.00
ศลิ ปะ 100.00 100.00 100.00 100.00 83.33 100.00
การงานอาชพี 75.00 100.00 100.00 100.00 83.33 100.00
ภาษาตา่ งประเทศ 75.00 75.00 100.00 100.00 83.33 62.50
รายวชิ าเพม่ิ เตมิ
ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 75.00 75.00 100.00 100.00 83.33 62.50
การปอ้ งกนั การทุจริต 100.00 100.00 100.00 100.00 83.33 87.50
86.36 90.91 100.00 100.00 83.33 91.92
รวมเฉลย่ี
*หมายเหต*ุ ข้อมลู ณ วันท่ี 31 เดือนมนี าคม พ.ศ. 2565
ผลการทดสอบระดบั ชาติของนกั เรียน
ผลการประเมนิ การทดสอบความสามารถดา้ นการอา่ นออกของผู้เรียน (ReadingTest : RT )
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ปีการศึกษา 2564
สมรรถนะ จังหวัด ภาค สงั กดั ประเทศ
69.73 63.69 69.04 69.95
การอา่ น คะแนนเฉลีย่ 100.00 70.33 68.76 72.30 72.79
ออกเสียง รอ้ ยละ 70.30 66.24 70.67 71.38
การอา่ น คะแนนเฉล่ยี 81.33
ร้เู รือ่ ง ร้อยละ
รวม คะแนนเฉลยี่ 90.66
2 สมรรถนะ ร้อยละ
120 สถานศกึ ษา
100 จงั หวัด
ภาค
80 #REF!
60 ประเทศ
40
20 การอ่านร้เู รอื่ ง รวม 2 สมรรถนะ
0
การอา่ นออกเสยี ง
เปรยี บเทยี บผลการประเมนิ การทดสอบความสามารถดา้ นการอา่ นออกของผเู้ รยี น
(ReadingTest : RT ) และรอ้ ยละของผลต่างระหวา่ งปีการศึกษา 2563 - 2564
ความสามารถ ปีการศกึ ษา ปกี ารศึกษา ผลตา่ ง
25๖3 2564
การอา่ นออกเสียง 96.66 100.00 +3.34
การอา่ นรเู้ รื่อง 80.66 81.33 +0.67
รวมความสามารถทงั้ 2 ด้าน 88.66 90.66
+2
ผลการประเมนิ การทดสอบความสามารถพ้นื ฐานของนักเรยี นระดับชาติ
(National Teat : NT ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2564
ด้าน โรงเรียน เขตพ้นื ท่ี จังหวดั ภาค ประเทศ
ด้านคณิตศาสตร์ 66.12 52.69 48.34 47.34 49.44
ดา้ นภาษาไทย 62.56 59.17 55.81 53.99 56.14
รวมความสามารถทัง้
64.34 55.98 52.09 50.66 52.08
2 ด้าน
70 โรงเรียน
60 เขตพนื้ ท่ี
50 #REF!
40 ภาค
30 #REF!
20
10 ดา้ นภาษาไทย รวมความสามารถทงั้ ๒ ดา้ น
0
ดา้ นคณิตศาสตร์
จำนวนและรอ้ ยละนักเรียน จำแนกตามระดับคณุ ภาพ
สมรรถนะ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ
ด้านคณติ ศาสตร์ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน รอ้ ยละ
ดา้ นภาษาไทย
4 50.00 4 50 0 0.00 0 0.00
รวม 2 ดา้ น
4 50.00 3 37.50 1 12.50 0 0.00
4 50.00 3 37.50 1 12.50 0 0.00
4.5 ด้านภาษาไทย ดีมาก
4 ดี
พอใช้
3.5 ปรับปรุง
3
รวม 2 ดา้ น
2.5
2
1.5
1
0.5
0
ดา้ นคณติ ศาสตร์
เปรยี บเทียบภาพรวมผลการประเมินการทดสอบความสามารถพื้นฐานของนกั เรียนระดับชาติ (NT)
และร้อยละของผลต่างระหว่างปกี ารศึกษา 25๖3 – 2564
ความสามารถ ปีการศึกษา ปกี ารศกึ ษา ผลตา่ ง
25๖3 2564
ดา้ นคณติ ศาสตร์ 62.00 66.12 +4.12
ดา้ นภาษาไทย 45.87 62.56 +16.69
รวมความสามารถทงั้ 2 ด้าน 53.93 64.34 +10.41
ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ขน้ั พนื้ ฐาน ( O–NET )
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 ปกี ารศกึ ษา 2564
วชิ า โรงเรียน เขตพื้นท่ี จงั หวัด ภาค ประเทศ
ภาษาไทย 44.15 51.68 52.17 49.25 50.38
ภาษาองั กฤษ 35.63 39.50 39.82 36.50 39.22
คณิตศาสตร์ 38.33 37.74 38.39 35.80 36.83
วิทยาศาสตร์ 30.50 34.29 35.36 33.70 34.31
60
50
40 โรงเรียน
เขตพนื้ ท่ี
30 จงั หวดั
ภาค
20 ประเทศ
10
0 ภาษาอังกฤษ คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ภาษาไทย
เปรียบเทยี บผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขั้นพ้นื ฐาน ( O-NET )
ปีการศึกษา 2563 - 2564 ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6
รายวิชา ปี 2564 ปี 2563 ผลตา่ ง
ภาษาไทย 44.15 53.00 -8.85
คณิตศาสตร์ 38.33 27.50 +10.83
วทิ ยาศาสตร์ 30.50 37.19 -6.69
ภาษาอังกฤษ 35.63 34.38 +1.25
รวมเฉล่ีย 37.15 -0.87
38
นโยบายท่ี ๓ การศกึ ษากบั การพฒั นาประชาธิปไตย
กรอบแนวคิด
นกั เรยี นได้เรียนรูแ้ ละเขา้ ใจการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุขที่ถกู ต้อง
เป้าหมาย
1. นกั เรียนมีสมรรถนะในการเรยี นรู้ สามารถนำกระบวนการตา่ งๆ ไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน
2. นักเรยี นมจี ติ สาธารณะ จติ อาสา บรหิ ารจดั การ แก้ไขความขัดแยง้
3. เข้าใจการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยฯ ทีถ่ กู ต้อง
4. เป็นผนู้ ำ ผู้ตามท่ีดี มที กั ษะชวี ติ การอยู่รว่ มกนั ในสังคม
แนวทางการขับเคล่ือน (ขั้นตอน/วธิ กี าร/ทฤษฎีการบริหาร)
สง่ เสริมให้มีการการขับเคลื่อนด้วยสภานักเรียน ด้วยสภานักเรยี นเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการสร้างทักษะชีวิต
ของนักเรียน อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องกระบวนการประชาธิปไตย วิถีประชาธิปไตย การ
เป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีม และการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพัฒนาโรงเรียน มุ่งเน้นให้นักเรียนได้ซึมซับ
และคุน้ เคยกับบรรยากาศความเปน็ ประชาธิปไตย และนำหลกั ธรรมมาภบิ าลมาใช้ในการดำเนนิ งาน ดังนี้
1) ดำเนินการจัดกจิ กรรมสภานกั เรยี นใหเ้ ปน็ รูปธรรมอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
2) พัฒนา ครแู ละบุคลากรท่ีเกีย่ วขอ้ งใหม้ ศี กั ยภาพในการดำเนินการจดั กจิ กรรมสภานกั เรยี น
3) สร้างบรรยากาศในการดำเนินกิจกรรมสภานักเรยี นในโรงเรยี นให้เอ้ือต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
4) ชี้แนะแนวทางการดำเนินการจัดกิจกรรมสภานักเรียนให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมและ
สถานการณ์
5) ส่งเสริมสนับสนุนสภานกั เรยี นให้มสี ว่ นร่วมในการดำเนินกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชน
และสงั คม
6) กำกบั ติดตาม นเิ ทศ และประเมินผล เพือ่ พฒั นาการดำเนนิ การกจิ กรรมสภานักเรยี น
7) เผยแพร่ผลการดำเนนิ งานของสภานักเรียน
8) สรปุ รายงานผลการดำเนนิ การสภานักเรียน
ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ
1. การบรหิ ารแบบมสี ว่ นรว่ ม
2. การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Active Learning) ให้เด็กได้แสดงออก ลดบทบาท
ครูผสู้ อน เนน้ การใชค้ ำถามเพือ่ ให้ได้คิด ไดค้ ้นหา และการรับฟัง
3. การจดั การส่งเสรมิ ประชาธปิ ไตยในโรงเรยี นอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเน่ือง
สภานกั เรียน
สภานกั เรยี น (องั กฤษ: Student Council) เปน็ กิจกรรมนอกหลักสตู ร ในโรงเรยี นระดับมธั ยมทัว่ โลก ใน
ประเทศสหรฐั อเมริกา , แคนาดา และ ออสเตรเลยี น้ันเรียกสภานักเรยี นหลายแบบมากนอกจากช่อื นี้ เช่น รัฐบาล
นักเรียน (Student government) หรือ สภากิจกรรมนักเรียน (Student Activity Council), สหพันธ์สภา
นกั เรียน (Student Council Association or S.C.A) และคณะกรรมการนกั เรียน (Student Committee) สภา
นกั เรยี นนนั้ มีวัตถุประสงคท์ ่จี ัดตัง้ ขนึ้ มาเพื่อใหร้ จู้ ักการมีส่วนรว่ ม เรียนร้เู ก่ยี วกบั ประชาธิปไตย และ เรยี นรูก้ ารเป็น
ผนู้ ำ ซง่ึ เปน็ แนวคิดเดิมของ จอหน์ ดิวอี้ นกั ปรัชญาทางการศึกษา ซ่ึงกลา่ วไวใ้ น ประชาธิปไตยกบั การศึกษา (พ.ศ.
2460) และโรงเรียนท่ีใชร้ ะบบสภานกั เรยี นเปน็ แห่งแรกก็คอื โรงเรยี นลมู ิส ชาร์เฟย่ ์ ในเมอื งวินซอร์ ประเทศ
สหรฐั อเมริกา ซงึ่ ใช้เปน็ กิจกรรมในหลกั สูตร ประมาณ ปี พ.ศ. 2463 ในประเทศไทย โรงเรยี นเตรียม
อุดมศึกษา เป็นโรงเรียนแห่งแรกท่ใี ชร้ ะบบสภานกั เรียน คอื คณะกรรมการนักเรียน โรงเรยี นเตรียมอดุ มศึกษา
กิจกรรมของสภานกั เรียน
ประเทศไทยเปน็ ประเทศท่ีอยู่ในระบอบประชาธปิ ไตย ประชาชนมีสิทธแิ ละเสรภี าพในการออกความ
คดิ เห็น เยาวชนของชาตซิ ง่ึ จะเติบโตไปเปน็ พลเมอื งทมี่ ปี ระสิทธิภาพต่อไปนั้นจะต้องเรียนรเู้ ร่ืองการใชส้ ิทธิ ใช้
ความคิดของตนเองเขา้ มามสี ่วนรว่ มในการบรหิ ารประเทศไมว่ า่ จะทางตรงหรือทางอ้อม การมีกจิ กรรมสภา
นกั เรยี น จึงเปน็ การมสี ่วนรว่ มทางอ้อมโดยนกั เรยี นต้งั แตช่ นั้ อนุบาล 2 ถงึ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ทุกคนมีสทิ ธิ
ลงคะแนนเสยี งเลือกตั้งและมีสทิ ธเิ สรภี าพท่จี ะออกความคิดเห็นเก่ียวกบั การทำงานของสภานักเรียน
กจิ กรรมของสภานกั เรียน เป็นกระบวนการจดั กจิ กรรมที่ส่งเสริมการทำงานทเี่ ปน็ ระบบและมีรูปแบบเชิง
บรหิ ารจดั การ เพ่ือส่งเสรมิ ความคดิ ในระบอบประชาธปิ ไตย และพัฒนาศักยภาพการเปน็ ผนู้ ำของนักเรียน เป็น
วิธีการเรียนรโู้ ดยการปฏิบตั ิจริงซึ่งสอดคล้องกบั การปฏิรูปการศึกษา
ผู้มสี ิทธิในการลงสมคั รรบั การเลือกตัง้ ประธานสภานกั เรียนของโรงเรียนวัดไผ่คอ่ มฯต้องเป็นนกั เรียนที่
กำลงั ศกึ ษาอยใู่ นระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4-5 ของปกี ารศกึ ษา ที่จะหมดวาระของประธานสภานกั เรียนคน
ปัจจุบันในเดือนมนี าคมของทุกปี โดยคัดเลือกผ้สู มัครคณะกรรมการสภานักเรยี นจำนวนทมี ละ 3 - 5 คน ครู
ประจำช้ันคัดเลอื กนกั เรียนเพื่อมาเปน็ สมาชิกในการเป็นคณะกรรมการสภานกั เรียนเพ่มิ อีก
วัตถุประสงค์ของการจัดต้ังสภานักเรียน
1. เพื่อเป็นการปลูกฝังประชาธิปไตยให้กบั เยาวชน
2. เพอื่ ใหน้ กั เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รง
เป็นประมขุ
3. เพื่อฝึกฝนให้นักเรยี นมีส่วนร่วมและมีประสบการณ์ในด้านการบริหารและการปกครองของโรงเรยี น โดย
นักเรียน
4. เพ่อื ฝกึ ฝนให้นกั เรยี นทำหน้าท่เี ป็นตวั แทนของนักเรยี นอนื่ ๆ ในการกระทำใดๆ ทง้ั ภายในและภายนอก
โรงเรียน
5. เพือ่ ใหน้ กั เรียนได้แสดงออกถึงความเป็นประชาธปิ ไตย
ภารกิจของสภานกั เรียน
1. วางแผนและดำเนนิ กจิ กรรมต่างๆ ในโรงเรียนตามท่ีได้รับการอนุมตั ิจากโรงเรยี น ริเริม่ สร้างสรรคแ์ ละ
รับผิดชอบโครงการตามหนา้ ทท่ี ี่ได้รับมอบหมายจากสภานักเรียน
2. เปน็ ส่ือกลางของข้อมูลข่าวสารที่กลั่นกรองแลว้ เพ่ือความเขา้ ใจทต่ี รงกนั ประสานการปฏบิ ัติงานของ
หน่วยงานภายในโรงเรียนและภายนอกโรงเรียน ภารกิจอื่นๆท่ไี ด้รับมอบหมาย
คุณสมบตั ิและบคุ ลิกภาพของสภานักเรยี น
1. มคี วามรกั โรงเรียน มขี อ้ มูลสารสนเทศทช่ี ดั เจนเพอ่ื ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ในและนอกโรงเรียนอย่างมีคุณภาพ มี
คณุ สมบัติจรรยางาม ความรดู้ ี มวี นิ ยั ใฝ่คุณธรรม
2. สะอาด สภุ าพ มนี ำ้ ใจ มเี มตตาและเอ้ืออาทรตอ่ บุคคลรอบข้าง มีเหตุผล เคารพเหตุผลและเป็น
ประชาธิปไตย เคารพใหเ้ กยี รติสถานที่ บคุ คลและสังคมรอบข้างอย่างเหมาะสม
บทบาทและหน้าทขี่ องสภานักเรียน
1. ประสานงานกจิ กรรมต่างๆของโรงเรียนเพ่อื แจง้ ใหน้ กั เรยี นในโรงเรียนทราบ
2. สอดสอ่ งดแู ลประพฤตกิ รรมของนักเรียน เพ่ือให้ปฏบิ ัติตนอยู่ในกฎระเบยี บของโรงเรียน
3. ควบคุมการเดนิ แถวของนักเรียน เพ่ือฝกึ ความมรี ะเบียบวินยั ในการปฏบิ ตั ิตามกฎจราจร
4. ควบคุมดูแลระเบียบแถวหนา้ เสาธง เพ่อื ความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อยในการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ เสาธงของ
นักเรยี น
5. ตรวจความสะอาดการทำงานของกลุ่มสตี ่างๆในการปฏิบัตกิ จิ กรรม
6. ควบคมุ ดแู ลการรบั ประทานอาหารกลางวันของนักเรยี น
วัตถุประสงค์ของการประชมุ สภานักเรยี น
1. เพื่อพบปะพูดคยุ แลกเปลีย่ นแนวความคดิ ซึง่ กันและกนั
2. เพ่ือประเมนิ ผลการทำงานของสภานกั เรยี นเดือนที่ผา่ นมา
3. เพ่ือชว่ ยแก้ไขปัญหาต่างๆท่ีเกิดขนึ้ ภายในโรงเรียน
4. นำผลการประเมนิ และสภาพของปญั หาตา่ งๆมาปรับปรุงแกไ้ ขเพ่ือหาแนวทางในการพัฒนาต่อไป
5. นำขอ้ สรุปที่ไดจ้ ากการประชมุ ลงสูภ่ าคการปฏิบัติจริง
ขน้ั ตอนการประชุมของสภานักเรยี น
1. กำหนดวันประชมุ กำหนดระยะเวลาในการประชุม (สปั ดาหส์ ดุ ทา้ ยของเดือน)
2. เชิญครูและที่ปรึกษาท่ีเก่ยี วข้องเข้าร่วมประชุมตามวันและเวลาท่กี ำหนด
3. ดำเนนิ การประชุมโดยพรอ้ มเพรยี งกัน
4. บนั ทกึ การประชมุ (รองประธานฯ และเลขานุการ)
5. สรุปผลการประชุม
6. นำสรุปผลการประชมุ เสนอท่ีประชมุ ประจำเดือนของคณะครูเพื่อเหน็ ชอบ/อนมุ ัติ
7. นำประเด็นทป่ี ระชมุ ครเู ห็นชอบ/อนุมัติ ลงสู่ภาคการปฏิบัตจิ ริง
กฎระเบียบของโรงเรยี นวัดไผ่ค่อม(แพร- ประชาอปุ ถัมภ์)
1. ห้ามหนีเรียนหรือออกนอกบริเวณโรงเรียนโดยไม่ได้รบั อนญุ าต
2. หา้ มเลน่ การพนันหรอื ม่วั สมุ การพนันทุกชนิด
3. หา้ มพกพาอาวธุ หรอื วัตถทุ ี่อาจเปน็ อนั ตรายแกต่ นเองและผอู้ ่ืน
4. หา้ มเก่ยี วข้องกับสิ่งเสพติดทุกชนดิ
5. หา้ มลักทรพั ยห์ รือขม่ ขู่บังคับเอาทรัพยส์ ินของผู้อื่น
6. หา้ มก่อการทะเลาะววิ าท และทำร้ายผู้อน่ื
7. หา้ มแสดงพฤติกรรมชู้สาว
8. หา้ มพดู จาหยาบคาย และดา่ วา่ ผู้อืน่
9. หา้ มทำลายทรพั ยส์ ินของโรงเรยี น
บทลงโทษ
กระทำความผิดคร้ังที่ 1 วา่ กล่าวตกั เตอื น / พบครูทีป่ รึกษา
กระทำความผดิ คร้ังท่ี 2 ทำทัณฑบ์ น / พบครทู ีป่ รึกษาฝ่ายปกครอง
กระทำความผิดคร้ังที่ 3 เรยี กพบผปู้ กครอง / พบผ้บู รหิ ารสถานศึกษา
กระทำความผิดครั้งที่ 4 เข้าทีป่ ระชมุ ครู เพอ่ื พิจารณาการยา้ ยท่ีเรยี นใหม่ (ข้นึ อยู่กับความรา้ ยแรง)
แนวคดิ ในการจัดกิจกรรมของสภานกั เรียน
ในการจัดกจิ กรรมสภานักเรียน เพ่ือเป็นการส่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนได้ฝกึ ฝนให้รจู้ กั การแสดงออก มกี ารเปน็
ผนู้ ำ ผู้ตามในสังคม การอยู่รว่ มกันในสังคมได้อย่างมีความสุข การจัดกจิ กรรมสภานักเรียนเพื่อพฒั นาผเู้ รียนควร
มหี ลักการจัด ดงั น้ี
1. มกี ารกำหนดวตั ถุประสงค์และแนวปฏิบัติท่ชี ดั เจนและเปน็ รูปธรรม
2. จดั ใหเ้ หมาะสมกับวยั วุฒภิ าวะ ความสนใจ ความถนดั และความสามารถของนักเรยี น
3. บูรณาการวิชาการกบั ชวี ิตจริง ให้ผูเ้ รียนไดต้ ระหนักถึงความสำคญั ของการเรยี นรตู้ ลอดชีวติ
4. ใชก้ ระบวนการตา่ งๆอย่างหลากหลายกิจกรรมเพื่อให้นักเรยี นไดฝ้ ึกการคิดสร้างสรรค์จินตนาการ
5. จำนวนสมาชิกมีความเหมาะสมกับลกั ษณะของกจิ กรรม
6. มกี ารกำหนดเวลาในการจดั กจิ กรรมให้เหมาะสม สอดคล้องกับวสิ ยั ทัศนแ์ ละเป้าหมายของ
สถานศกึ ษา
7. นกั เรียนเปน็ ผู้ดำเนนิ การ ครเู ป็นท่ปี รกึ ษาถือเป็นหนา้ ท่ีและงานประจำโดยคำนึงถึงความ
ปลอดภัย
8. ยึดหลักการมสี ่วนรว่ มโดยเปิดโอกาสใหค้ รู ชมุ ชน ผปู้ กครองมีส่วนรว่ มในการจัดกิจกรรม
9. มกี ารประเมินผลการจัดกจิ กรรม โดยวธิ กี ารที่หลากหลายและสอดคล้องกับกิจกรรมอย่างเปน็
ระบบและต่อเนื่อง โดยถือว่าเป็นเกณฑป์ ระเมินผลในการผ่านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ด้วย
เป็นกจิ กรรมที่มุ่งสง่ เสรมิ ให้นักเรียนได้ฝกึ ปฏบิ ัติในการรักษาความสะอาดบรเิ วณตา่ ง ๆ ของโรงเรียน โดยการจดั
กจิ กรรมตา่ ง ๆ
- กจิ กรรม Big Cleaning Day
- กจิ กรรมกล่มุ ชุมชนท้องถนิ่ ดูแลรักษาความสะอาดแต่ละพืน้ ทภี่ ายในโรงเรียน
- การดแู ลความสะอาดของห้องเรียน
- การดูแลความสะอาดของห้องน้ำ / หอ้ งสว้ มให้สะอาดพร้อมใช้
กิจกรรมสง่ เสริมวนิ ัยนักเรียน
เป็นกิจกรรมสรา้ งความเป็นระเบียบวนิ ยั ให้กับนักเรียนใหป้ ฏบิ ัตติ ามข้อตกลงของนักเรยี น เพ่อื ให้
การอยู่ร่วมกนั อย่างมีความสุขและสรา้ งความสามคั คีในหมูค่ ณะ และการประพฤติปฏิบัติท่ีสุภาพเรยี บร้อย เป็นท่ี
ชื่นชมแกผ่ ้พู บเห็น กิจกรรมทด่ี ำเนินการ
6.1 การทำความเคารพครตู ามลำดับอาวโุ ส โครงงานเอกลักษณท์ ักทายด้วยการไหว้
6.2 การเดนิ แถวเปน็ ระเบียบ
6.3 การพูดจาสภุ าพอ่อนหวาน
6.4 การแต่งกายทีส่ ภุ าพ
6.5 การถอดรองเทา้ กอ่ นเขา้ ห้องเรยี น
6.6 การปฏบิ ตั ติ นตามกฎระเบียบข้อตกลงของห้องเรยี น
6.7 การรักษาทรัพยส์ มบัติของโรงเรยี นและสาธารณสมบัติ
กิจกรรมสง่ เสริมคุณธรรม
การจดั กจิ กรรมสง่ เสริมคณุ ธรรมให้กบั นักเรียนเป็นกิจกรรมทน่ี ักเรียนปฏิบัตริ ว่ มในโครงการส่งเสริม
คณุ ธรรม โดยให้นกั เรยี นร่วมปฏิบัตแิ ละรบั ผดิ ชอบในกิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือฝึกอบรมและฝกึ ปฏบิ ตั ิใหเ้ ปน็ ผู้มี
คณุ ธรรมและจริยธรรมท่ีพึงประสงค์ของสถานศึกษาและชมุ ชน กจิ กรรมทด่ี ำเนนิ การ ได้แก่
7.1 การฝกึ นั่งสมาธิ ประกอบเพลงด่ังดอกไม้บานหรือเพลงแผเ่ มตตาก่อนเข้าห้องเรียน
7.2 กิจกรรมทำบญุ ประจำเดือน โดยการนิมนตพ์ ระสงฆ์มาท่โี รงเรียนและให้ชุมชนเข้ามามสี ว่ น
ร่วมในกิจกรรมทำบญุ ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง และถวายปัจจัยแก่พระภิกษสุ งฆ์
กจิ กรรมชุมนุม
เป็นกิจกรรมท่ีจดั ขนึ้ โดยมีครทู ีป่ รกึ ษาร่วมกนั จดั ชุมชนท่เี ป็นประโยชน์ เชน่ ชุมนมุ อนรุ กั ษ์เอกลักษณ์
ไทย ชมุ นุมเกีย่ วกบั ศิลปะนนั ทนาการ กจิ กรรมเกยี่ วกับการพัฒนาศกั ยภาพของนักเรยี น ตามความสมคั รใจและ
ความสนใจของนกั เรยี นแตล่ ะคน
กจิ กรรมโครงงาน
ฝา่ ยคณะกรรมการสภานักเรยี นจะทำโครงงานขน้ึ เพือ่ ฝึกการเรยี นร้แู ละการปฏิบัตติ ามสภาพของโรงเรยี น
ทมี่ งุ่ เนน้ จะพัฒนานักเรยี นให้มคี ุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคม์ จี ิตสาธารณะสรา้ งความสามัคคีในการปฏบิ ัติงาน โดย
ปฏบิ ตั ิโครงงานเกยี่ วกบั มารยาทวัฒนธรรมไทย การร่วมพัฒนาสาธารณประโยชนแ์ ละโครงงานท่ปี ฏบิ ัตเิ พ่ือถวาย
ในหลวง เนื่องในโอกาสพระชนมพรรษา 84 พรรษา ซ่งึ นักเรียนได้แสดงถงึ ความจงรักภกั ดี ตลอดจนการปลูกฝัง
นิสัยการใฝร่ ู้ ใฝ่เรียน ฝึกปฏิบัตใิ ห้เกิดเปน็ ทักษะนิสยั ดว้ ย
ภาคผนวก
กจิ กรรมเขา้ แถวหน้าเสาธง
กจิ กรรมจติ อาสา
กิจกรรมตรวจสขุ ภาพนักเรียน
กจิ กรรมตรวจสุขภาพนักเรยี น โดยมกี รรมการฝ่ายส่งเสรมิ สุขภาพรว่ มกบั ครูเวรกำกับการ
ปฏบิ ตั ิงาน ตรวจเคร่อื งแตง่ กาย ความสะอาดของร่างกาย เป็นการตรวจสุขภาพเบ้ืองต้น
การล้างมือก่อน -หลงั รบั ประทานอาหาร
กจิ กรรมกายบรหิ าร
การตรวจและความรบั ผดิ ชอบของนักเรียนทีร่ ับผิดชอบบริเวณต่าง ๆ
กิจกรรมส่งเสริมความเป็นไทย โดยการรอ้ งเพลง สวดมนตแ์ ปล