ก
ก
คำนำ
รายงานแบบเสนอขอรับการพิจารณานวัตกรรมสร้างสรรค์คนดี “เชอื กปา่ นสานงานศิลป์สู่ความ
พอเพียง” โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ของโรงเรียนบ้านหนองบัวกุดอ้อฉบับนี้ เป็นการรายงานผล
การดาเนินงานท่ีโรงเรียนบ้านหนองบัวกุดอ้อ ได้ดาเนินการตามแนวทางการดาเนินงานโรงเรยี นคุณธรรม
สพฐ. เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี เก่ง มีความสุข ผ่านกระบวนการเรียนรู้แผนงาน โครงการ กิจกรรม
ส่งเสริมความดีในรูปแบบต่างๆ ท้ังภายในและภายนอกสถานศึกษา นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงผ่าน
กิจกรรมรูปแบบต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม ทาให้เกิดการเรียนรู้ถึงการทาความดีเพื่อนาไปสู่การพัฒนาและ
ปรับเปล่ยี นเป็นพฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคอ์ ย่างย่ังยนื
หวังเป็นอย่างย่ิงว่า ผลงานนวัตกรรม “เชือกป่านสานงานศิลป์สู่ความพอเพียง” ฉบับนี้จะเป็น
ประโยชน์ และทาใหไ้ ดข้ ้อมูลทีจ่ ะนาไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนและสถานศึกษาตอ่ ไป
ขอขอบคุณคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานโรงเรียนบ้านหนองบัวกุดอ้อ ครู และนักเรียน
โรงเรียนบ้านหนองบัวกุดอ้อ เป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ ที่ให้การสนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ของ
โรงเรยี นจนสาเร็จตามวตั ถุประสงค์ดว้ ยดที กุ กิจกรรม
นายยงยทุ ธ สรรพสอน
ข
สำรบญั
เรอ่ื ง หน้ำ
คำนำ .......................................................................................................................................ก
สำรบัญ.....................................................................................................................................ข
แบบเสนอขอรบั กำรพจิ ำรณำนวัตกรรมสร้ำงสรรค์คนดี ...................................................๑
๑. ความสาคัญของนวัตกรรม.......................................................................................... ๑
๒. จุดประสงคแ์ ละเป้าหมายของนวตั กรรม..................................................................... ๓
๓. กระบวนการพฒั นานวตั กรรมหรือขั้นตอนการดาเนินงาน.......................................... ๓
๔. ผลการดาเนินการ/ผลสมั ฤทธ/์ิ ประโยชนท์ ่ีไดร้ บั ......................................................... ๕
๕. ปัจจัยสคู่ วามสาเร็จ ................................................................................................... ๕
๖. บทเรยี นท่ไี ด้รบั (Lesson Learn) ............................................................................. ๖
๗. การเผยแพร/่ การไดร้ บั การยอมรบั ............................................................................ ๖
๘. เงอ่ื นไขความสาเร็จ ................................................................................................... ๖
ภำคผนวก.......................................................................................................................๗
๑
เอกสำรประกอบกำรพจิ ำรณำสง่ เสรมิ และคัดเลอื กนวัตกรรมสร้ำงสรรคค์ นดี
“โครงกำรโรงเรยี นคุณธรรม สพฐ.” ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ชื่อผลงำนนวัตกรรม “เชือกปา่ นสานงานศิลป์สคู่ วามพอเพยี ง”
ชอื่ เจ้ำของผลงำนนวตั กรรม นายยงยุทธ สรรพสอน
โรงเรยี น บ้านหนองบัวกดุ ออ้ สังกดั สพป. มหาสารคาม เขต ๒
โทรศัพท์ ๐๘๒-๒๙๑๘๖๕๑ โทรสำร -
โทรศพั ท์มอื ถอื ๐๘๒-๒๙๑๘๖๕๑ e-mail [email protected]
ประเภทผลงำน ด้านการเรยี นการสอน
สอดคล้องกับคุณลักษณะโรงเรียนคณุ ธรรม สพฐ. ความพอเพียง
๑. ควำมสำคญั ของนวตั กรรม
๑.๑ เหตผุ ล
การเปลี่ยนแปลงสภาวะด้านสังคมของโลกภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ ส่งผลให้สังคมไทย มีความ
เป็นวัตถุนิยม ให้ความสาคัญกับศีลธรรมและวัฒนธรรมทีดีงามลดลง ท้ังการดารงชีวิต ประจาวัน การใช้ชีวิต
และความสัมพันธ์กับผู้อ่ืน มุ่งหารายได้เพื่อสนองความต้องการบริโภค การช่วยเหลือเกื้อกูลกันลดลง ความมี
น้าใจไมตรีน้อยลง แก่งแย่งเอารัดเอาเปรียบกัน ขาดความสามัคคีไม่เคารพสิทธิผู้อื่น และขาดการยึดถือ
ประโยชน์ส่วนรวม พฤติกรรมเสี่ยงต่อ สุขภาพและผลิตภาพแรงงานต่า ความเหลื่อมล้าทางรายได้ของ
ประชากร ปัญหาคุณภาพการศึกษา และระดับสติปัญญาของเด็ก รวมถึงเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของยา
เสพติด และการเพ่ิมข้ึนของการพนันโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน การที่จะแก้ปัญหาสิ่งต่างๆ ท่ีเกิดขึ้น
จะต้องมี การร่วมมือร่วมใจของคนทุกคนในหลายๆ ฝ่าย การพัฒนาสังคมพึงประสงค์ มีคุณธรรมโดยเฉพาะ
การมวี นิ ัย และใหค้ วามสาคัญเกี่ยวกับการพัฒนาคนใหม้ ีคุณภาพและรู้เท่าทนั การเปล่ียนแปลง การเสรมิ สร้าง
ความเข้มแข็งของครอบครัวและชุมชน จึงจะสามารถช่วยสังคมใหก้ ลับมาอยู่ร่วมกนั อย่างสงบและมีความสขุ
ได้ (สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ, ๒๕๕๔, หนา้ ๔)
แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับปรบั ปรงุ (พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๖๑) ได้กาหนดหลักการและ กรอบแนวคดิ เน้น
การปฏิรูประบบการศึกษาและการเรียนรู้โดยมุ่งให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างมีคุณภาพภายในปี
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑ มกี ารปฏริ ูปการศึกษาและการเรยี นร้อู ยา่ งเป็นระบบ โดยเนน้ ประเด็นหลกั ไดแ้ ก่ พฒั นา
คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาและการเรียนรู้ของคนไทย เพ่ิมโอกาสทางการศึกษา และการเรียนรู้ และ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของสังคม ส่งผลให้คนไทยยุคใหม่ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และมี
นิสัยใฝ่รู้ตลอดชีวิต มีความสามารถในการส่ือสาร สามารถคิดวิเคราะห์แก้ปัญหา คิดริเริมสร้างสรรค์ มีจิต
สาธารณะ มีระเบียบวินัย เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม สามารถทางานเป็นกลุ่ม มีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม
ค่านยิ ม มีจติ สานึก และความภูมใิ จในความเปน็ ไทย และสามารถก้าวทนั โลก ผเู้ รียนมผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
สูงขน้ึ กาลงั แรงงานและผู้สูงอายไุ ดร้ ับการศกึ ษาและเรยี นรเู้ พิ่มเตมิ อย่างตอ่ เน่ืองตลอดชีวติ มคี ุณภาพชีวิตทีดี
๒
ขึ้น มีทักษะและความรู้พ้ืนฐานทั้งในการดารงชีวิตและในการทางานอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ
(สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา, ๒๕๕๓, หน้า ๑๐-๑๑)
ความพอเพียงคุณธรรมเป็นปัจจัยสาคัญที่จะทาให้คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ด้านจริยธรรมคุณธรรม
การประพฤติตนท่ีดีส่งผลให้ชุมชน สังคม และประเทศชาติมีการพัฒนาไปในทางท่ีดี และมีคุณภาพ ชุมชน
สังคม และประเทศชาติใดก็ตามที่มีบุคคลที่ไร้ระเบียบวินัย ไม่มีความรับผิดชอบ ชุมชน สังคม หรือแม้แต่
ประเทศชาติก็จะพบกับวิกฤตการณ์และไม่ประสบความสาเร็จถึงวัตถุประสงค์ วินัยเป็นส่ิงที่สาคัญที่เกดิ ขน้ึ ได้
จากท้ังตนเองและการฝึกฝนปลูกฝัง ควรจะต้องปลูกฝังต้ังแต่เด็ก ครอบครัว ชุมชน และวิถีชีวิตในสังคมมี
ความสัมพันธ์เก่ียวเนื่องและมีอิทธิพลท่ีสาคัญใน การปลูกฝังและพัฒนาวินัยของเด็ก บิดามารดา และครูบา
อาจารย์เป็นบุคคลท่ีสาคัญที่สร้างให้เด็ก เป็นผู้มีวินัยและเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม (พวงผกา แซ่ตัน, ๒๕๕๔,
หน้า ๒๒) นโยบายหลักในการปลูกฝังให้เยาวชนในวัยเรียนได้พัฒนาตนเองไปสู่ความเจริญงอกงาม เป็น
ทรัพยากรที่มีคุณภาพของชาติ แต่อย่างไรก็ตามในการควบคุมความประพฤติของนักเรียนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เด็กวัย ๑๓-๑๕ ปี นับเป็นวัยหัวเล้ียวหัวต่อท่ีสาคัญอีกช่วงหน่ึงของชีวิต การควบคุมความประพฤตินักเรียน
เป็นภาระหนา้ ท่ีของครู ผู้บริหารสถานศกึ ษาและบคุ ลากรทกุ ฝา่ ยต่างๆ
๑.๒ แนวคดิ หลกั กำร
ศิลปะ มีความสาคัญต่อการดารงชีวิตของมนุษย์ มนุษย์มีความต้องการด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ด้าน
สังคมและด้านอารมณ์ ความต้องการเหล่าน้ีข้ึนอยู่กับทัศนคติของแต่ละบุคคล การมองเห็นความงามของ
ธรรมชาติ ความสงบราบเรียบของท้องทะเลและอ่นื ๆ เป็นทัศนียภาพ สิ่งท่ีมองเห็นเกิดความรู้สึกมีคุณค่าของ
ความงามจนเกดิ สนุ ทรยี ภาพ ศลิ ปะทาให้ชวี ิตมีความหมาย มนษุ ยจ์ ะอยไู่ ดด้ ้วยปัจจัย ๔ ประการไดแ้ ก่ อาหาร
เคร่ืองนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคแต่มนษุ ย์กย็ ังตอ้ งการอาหารทางใจ มาช่วยผ่อนคลายความเครียดใน
ชีวิตประจาวันและช่วยพัฒนาอารมณ์จิตใจจึงจะทาให้ชีวิตน้ี มีความสุขสมบูรณ์ได้ อาหารทางใจที่มนุษย์
ต้องการ มีการสืบทอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือสุนทรียภาพทางศิลปะนัน่ เอง ศิลปะเป็นผลงานอันเกดิ
จาก ความต้องการของมนุษย์ในอนั ท่ีจะสรา้ งสรรค์ศลิ ปะ ความงาม เพือ่ จรรโลงใจและประโยชน์ท่จี ะใช้สอยใน
ชีวิตประจาวันได้ การสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการปะติด ทาให้ผู้สนใจและผู้ท่ีฝึกหัดในการสร้างสรรค์งาน
ศิลปะปะติดได้ง่ายขึ้น และมีเจตนาการนาศิลปะการประดิษฐ์ไปตกแต่งอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านให้แปลกใหม่
และสวยงามมากขึ้นและมีอารมณ์ในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ที่ ประณีต ทาให้จิตใจสงบลงจาก การ
สร้างสรรค์งานประ ติดมีความคิดริเริ่ม ทาให้มีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นส่ิงใหมไ่ ด้มากขึ้นและทาให้
งานศิลปะมีคุณค่า “เชือกป่านสานงานศิลป์สู่ความพอเพียง”เพื่อนามาใช้เป็นกระบวนการดาเนนิ การส่งเสริม
คณุ ธรรมดา้ นความพอเพียงคุณธรรมของผู้เรียนโรงเรยี นบ้านหนองบัวกุดออ้
๓
๒. จดุ ประสงค์และเป้ำหมำยของนวัตกรรม
๒.๑ จดุ ประประสงค์
๑) เพอื่ ใหน้ ักเรยี นมัธยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ โรงเรียนบา้ นหนองบัวกุดอ้อมคี วามพอเพยี ง
๒) เพ่ือใหน้ ักเรียนมัธยมศึกษาปีท่ี ๑-๓ สรา้ งสรรค์งานศลิ ปะสคู่ วามพอเพียง
๓) เพื่อใหน้ ักเรียนมัธยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ เห็นคณุ ค่าเชอื กป่านและสร้างมลู คา่ เพิม่
๒.๒ เปำ้ หมำย
๒.๒.๑ เป้ำหมำยเชงิ ปริมำณ
๑) นักเรยี นมธั ยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนบ้านหนองบัวกุดออ้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ มีความ
พอเพียงคดิ เป็นร้อยละ ๙๕
๒) นักเรยี นมัธยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ โรงเรียนบา้ นหนองบวั กุดออ้ ทุกคนมีสว่ นร่วมในกิจกรรม
๓. กระบวนกำรพฒั นำนวัตกรรมหรือขั้นตอนกำรดำเนนิ งำน
โรงเรียนบ้านหนองบัวกุดอ้อได้ดาเนินการออกแบบและสร้างนวตั กรรมเพ่ือส่งเสริมคุณธรรมดา้ น
ความพอเพยี งตามกระบวนการ ดงั น้ี
๓.๑ การออกแบบนวัตกรรม
๓.๑.๑ ให้นักเรียนได้ประชุมปรึกษาหารือกันในห้องว่าจะทาโครงงานเก่ียวกับเรื่องอะไร
จากนั้นช่วยกันแสดงความคิดเห็น และได้แสดงความคิดเห็น ปรากฏว่าสมาชิกภายในกลุ่มได้ตกลงกันว่าจะ
จัดทาโครงงานคณุ ธรรมความพอเพียงเกย่ี วกับการนาวัสดุจากชุมชนทมี่ ีอย่แู ล้ว เช่น เชอื กปา่ นทส่ี ามารถนามา
สร้างผลงานศิลปะ คณะผู้จัดทาได้เห็นว่าเชือกป่านที่มีอยู่แล้วมาเพิ่มมูลค่า โดยสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะ
ภาพปะติดท่ีสามารถนามาสร้างงานสร้างอาชีพได้ จึงตกลงกันจัดทาโครงงานเรื่อง เชือกป่านสานงานศิลป์สู่
ความพอเพยี ง
๓.๑.๒ ประชุมนักเรยี น เพ่ือกาหนดบทบาทหน้าท่ีผู้เก่ียวข้องและโดยใช้กระบวนการ PLC
กาหนดข้ันตอนการดาเนินงานกิจกรรมเชือกป่านสานงานศิลป์สู่ความพอเพียงเพื่อสอนเร่ืองคุณธรรมความ
พอเพยี ง ดงั นี้
ขัน้ ท่ี ๑ ข้ันสนใจและแลกเปลีย่ นประสบการณ์
ขนั้ สนใจและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เป็นการเตรียมความพร้อมนักเรียนโดยการ
สร้างแรงจูงใจในการเรยี นด้วยวิธีตา่ งๆ คุณครูท่ีปรกึ ษาโครงงาน นาเอกสารการทาโครงงานและตวั อยา่ งการทา
โครงงานศิลปะให้นักเรียนจัดหาสมาชิกภายในกลุ่มร่วมกนั ศกึ ษา และศึกษาเนอ้ื หาทางศลิ ปะ เรือ่ ง การจัด
องค์ประกอบศิลป์ และหลักการออกแบบผลงานศิลปะ คือ ความสมดลุ ความเปน็ เอกภาพ และกลมกลนื
ของงานศิลปะ
๔
ขนั้ ท่ี ๒ ข้ันสรา้ งประสบการณ์
ขั้นสร้างประสบการณ์หรือเป็นการจัดกิจกรรมเรียนรู้ให้นักเรียนได้ลงมือทางาน
ศลิ ปะ ปะติดเชือกปา่ นให้ทา คิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์ ประมวลข้อมูล หรือลงมอื ปฏิบตั ิกิจกรรมแบบกลุ่ม เพ่อื
เป็นการฝึกทักษะกระบวนความคิดสร้างสรรค์และเป็นการเปิดโอกาสให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับ
นักเรียน และนักเรียนกับครูระหว่างที่ทากิจกรรม สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ท่ีผ่อนคลาย ทาให้นักเรียนกลา้
คิด กล้าถา่ ยทอดผลงานศิลปะ ระหว่างนีค้ รูสอนจะเปน็ ผคู้ อยให้คาแนะนาและให้ความช่วยเหลือนักเรียนท่ีทา
ไมไ่ ด้หรือใหน้ กั เรยี นได้ทบทวนงานศิลปะของตนเอง
ข้ันที่ ๓ ขัน้ สรปุ และสะท้อนความรู้
ข้ันสรุปและสะท้อนความรู้ศิลปะเชือกป่านนามาสร้างมูลค่าสู่ความพอเพียง เป็น
ขั้นตอนที่นักเรียนร่วมกันสรุป เพ่ือสร้างสรรค์ความคิด จินตนาการ โดยมีเพื่อนร่วมกลุ่มและคุณครูร่วม
ตรวจสอบ วจิ ารณผ์ ลงานศิลปะ ปะติดเชือกป่าน เปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปล่ียนความคดิ และซกั ถามในข้อ
สงสัย จากน้ันครูจะเป็นผู้สรปุ ความคิดรวบยอดในเรื่องดังกล่าวอีกคร้ังหนึ่งเพื่อความเข้าใจถึงศิลปะและความ
พอเพยี งทถี่ ูกตอ้ งครบถ้วน
ข้นั ท่ี ๔ ขัน้ ตอนประยกุ ต์ใชค้ วามรู้
ขั้นตอนประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นข้ันตอนที่ครูจัดกิจกรรม หรือให้นักเรียนลงมือทา
ส่งเสริมการนาความรู้ท่ีได้ไปใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆ เพ่ือให้นักเรียนเกิดความเข้าใจที่ชัดเจนย่ิงขึ้นอีกทั้งเป็น
การขยายความรู้ของนักเรยี นอีกดว้ ย
๔.๒.๒ กาหนดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมเพ่ือบรรลุเป้าหมาย “เชือกป่านสานงานศิลป์สู่
ความพอเพยี ง” และแตง่ ต้ังผ้รู บั ผิดชอบแผนงาน โครงการ โครงงาน ซง่ึ จดั ในลกั ษณะกจิ กรรม ดงั นี้
๑) กิจกรรม PLC
๒) โครงงานคณุ ธรรม
๓) กิจกรรมเสริมสร้างความพอเพียง
๔) กจิ กรรมการเรียนร้/ู ค่ายคุณธรรม
สรุป กระบวนกำรดำเนนิ งำนของนวตั กรรมสร้ำงสรรคค์ นดี
“เชือกปำ่ นสำนงำนศิลป์ส่คู วำมพอเพยี ง” ดงั นี้
เชอื กป่านสานงานศิลป์สคู่ วามพอเพยี ง
แผนภำพ แสดงกรอบแนวคดิ การดาเนินงานตามรปู แบบ “เชอื กปา่ นสานงานศลิ ป์สคู่ วามพอเพยี ง”
๕
๔. ผลกำรดำเนนิ กำร/ผลสมั ฤทธิ์/ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับ
๔.๑ ผลที่เกดิ ตำมจุดประสงค์
โรงเรียนขยายโอกาส กรณีโรงเรียนบ้านหนองบัวกุดอ้อ อาเภอวาปีปทุม สานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศกึ ษามหาสารคาม เขต ๒ มผี ลการดาเนนิ การ ดังน้ี
๑) นักเรยี นนักเรยี นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑-๓ โรงเรยี นบา้ นหนองบวั กุดอ้อ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
เป็นคนดี คนเกง่ มคี วามสขุ
๒) นกั เรียนมัธยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ โรงเรียนบา้ นหนองบวั กุดออ้ มากกว่ารอ้ ยละ ๙๕% เป็นผู้มี
ความพอเพยี ง
๓) นกั เรียนสร้างสรรค์งานศิลปะสคู่ วามพอเพยี ง
๔) นักเรียนมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑-๓ เห็นคณุ คา่ เชือกปา่ นและสรา้ งมลู คา่ เพิ่มด้วยงานศลิ ปะ
๔.๒ ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ
๑) นักเรยี นเป็นคนดี คนเกง่ อยใู่ นสังคมได้อย่างมคี วามสขุ
๒) นกั เรยี นมัธยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ โรงเรียนบา้ นหนองบวั กดุ อ้อไดป้ ลกู ฝังเรอื่ งความพอเพยี ง
๓) นักเรยี นมีความคดิ สรา้ งสรรคง์ านศิลปะสู่ความพอเพยี ง
๔) นกั เรียนสามารถสรา้ งรายได้ดว้ ยงานศลิ ปะ
๕. ปัจจยั สูค่ วำมสำเร็จ
๑) ด้ำนกำรบรหิ ำรจดั กำร
๑.๑ ผบู้ ริหารมีภาวะผ้นู ารับผิดชอบต่อหน้าท่ี ท่มุ เท เสียสละ และบริหารงานโรงเรยี นตามการ
ปลูกฝังคุณธรรม ๕ ประการของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้แก่ ๑) ความพอเพียง ๒)
ความกตญั ญู ๓) ความซอื้ สัตย์สจุ รติ ๔) ความรบั ผดิ ชอบ และ ๕) อดุ มการณค์ ุณธรรม จนได้รบั การยอมรบั จาก
เพอื่ นครู ผู้ร่วมงาน ผใู้ ต้บังคบั บญั ชา
๑.๒ ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาเป็นผู้มีมนุษย์สมั พันธท์ ดี่ ี มกี ารใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
๑.๓ อัตรากาลังและทรพั ยากร แหลง่ เรยี นรูเ้ พียงพอตอ่ ความต้องการจาเปน็
๒) ดำ้ นครู
๒.๑ ครูมจี ิตวญิ าณความเปน็ ครเู ขา้ ใจ พฒั นา ปรบั ตัวและยอมรบั การเปลยี่ นแปลง
๒.๒ ครูมีความตระหนกั ในการนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ในชีวิตประจาวนั
๒.๓ ครมู ีความรัก สามัคคี เปน็ ทมี งานทเ่ี ขม้ แขง็ รว่ มมือร่วมใจกันทางานและมคี วามสามารถ
ที่หลากหลายแตกต่างกันไปจงึ เอื้อตอ่ การพฒั นางาน พฒั นาผู้เรยี นทงั้ ดา้ นคณุ ธรรมและคุณภาพผลสมั ฤทธิ์
๓) ดำ้ นนักเรียน
๓.๑ นกั เรยี นเห็นความสาคญั ของการนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ใน
ชีวติ ประจาวนั
๓.๒ นกั เรียนยอมรบั และเข้าใจผลของการนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้
๓.๓ นกั เรียนสามรถสรา้ งรายได้ในการทางานศิลปะเชือกปา่ นสานงานศลิ ป์
๖
๓.๔ นักเรียนมีความภาคภูมิใจในความสาเร็จของตนเอง เพื่อน และโรงเรียนมีความ
กระตือรือรน้ ท่ีจะอยากประสบผลสาเรจ็
๖. บทเรียนทไี่ ด้รบั ( Lesson Learn)
จะเห็นได้ว่าจากการทาโครงงานเร่ือง เชอื กปา่ นสานงานศลิ ป์สคู่ วามพอเพียง นกั เรียนเหน็ คุณคา่ ของ
งานศิลปะของงานศิลปะการปะติด ทง้ั นีเ้ น่อื งจากนกั เรียนได้เหน็ การทางานของการสรา้ งผลงานศลิ ปะทเี่ รียบ
งา่ ยไมย่ งุ่ ยากในการจัดภาพใหม้ คี วามสวยงาม ทาให้นกั เรียนเกิดความชอบและมคี วามสนใจมากขึ้น นกั เรยี น
ได้ใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ นาไปประกอบอาชีพเสริมไดใ้ นระหว่างเรยี น และที่สาคัญ นกั เรยี นมสี มาธิ มี
ความคิดสรา้ งสรรคใ์ นงานศลิ ปะ และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ชีวิตประจาวันและถา่ ยทอดผลงานใหก้ บั
ชมุ ชนเพอ่ื เพม่ิ รายได้อีกหนึง่ ทางของการประกอบอาชีพใหก้ ับคนในชุมชนอกี ด้วย
๗. กำรเผยแพร/่ กำรไดร้ บั กำรยอมรบั
๗.๑ กำรเผยแพรผ่ ลงำน
การเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศที่เก่ียวกับกิจกรรมของสถานศึกษาอย่างสม่าเสมอรวดเร็ว
โรงเรียนบ้านหนองบัวกุดอ้อมีการเผยแพร่กิจกรรมของสถานศึกษาท้ังเอกสารและทางช่องทางออนไลน์เพื่อ
เป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของสถานศึกษาต่อผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงานต้นสังกัด และแลกเปลี่ยน
เรยี นรกู้ ับสถานศกึ ษาอน่ื ๆ ไดช้ อ่ งทางไลน์ กลมุ่ เครอื ข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ ๕ และทาง Facebook
๗.๒ กำรไดร้ บั กำรยอมรบั /รำงวัลท่ีได้รับ
กระบวนการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนบ้านหนองบัวกุดอ้อได้รับการยอมรับจากหน่วยงานต้น
สังกัด และเป็นแบบอย่างกับโรงเรียนอื่นในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษา และยังได้รับการคัดเลือก
จากสานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต ๒ ให้เป็นโรงเรียนเป้าหมายที่เปน็ ตน้ แบบใน
การอบรมและไดร้ ับความรู้ในการดาเนนิ กิจกรรมตามรปู แบบโรงเรียนคณุ ธรรม สพฐ. ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔
๘. เงือ่ นไขควำมสำเร็จ
๑. ต้องมกี ารวางแผนในการปฏบิ ัติงานทด่ี ี
๒. การเลอื กใช้เชือกปา่ นและเสน้ ด้ายไหมพรมท่ีอยู่ในสภาพดี
๓. การปะติดใหเ้ ส้นด้ายและเสน้ เชอื กให้มีความสวยงามสมดมุ กนั ต้องใช้สมาธแิ ละความประณีต ใน
ปะตดิ แต่ละช้ินงาน
๔. การปะติดตอ้ งเรียงเส้นให้ชิดกนั และไมใ่ หม้ ีชอ่ งวา่ งหรือเหน็ พน้ื หลงั
๗
ภาคผนวก
๘
ภำพประกอบกระบวนสร้ำงและกำรพฒั นำนวตั กรรม
“เชือกป่านสานงานศิลปส์ ู่ความพอเพียง”
ภำพกจิ กรรม ถอดบทเรยี นเชอื กป่ำนสำนงำนศลิ ป์
ภำพกจิ กรรม กำรศึกษำดูงำนนิทรรศกำรแสดงผลงำนศลิ ปะจำกเชอื กปำ่ น
๙
ภำพกจิ กรรม วัสดอุ ปุ กรณ์ในกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนจำกเชือกป่ำน
ภำพกจิ กรรม กำรชแี้ จง ยกตัวอยำ่ งภำพผลงำนจำกเชอื กป่ำน
๑๐
ภำพกจิ กรรม กำรลงมือสรำ้ งสรรคผ์ ลงำนจำกเชอื กปำ่ นสำนงำนศิลป์
๑๑
ภำพกิจกรรม กำรลงมือสร้ำงสรรคผ์ ลงำนจำกเชอื กปำ่ นสำนงำนศลิ ป์
ภำพแสดง ผลงำนนักเรยี น
๑๒
ขอ้ มูลพื้นฐำนโรงเรยี นบำ้ นหนองบวั กุดอ้อ
ขอ้ มลู ทั่วไป
ท่ีอยู่ เลขที่ ๑๐ หมทู่ ี่ ๑๙ บำ้ นหนองบวั ทอง ตำบลหวั เรอื อำเภอวำปปี ทมุ
จังหวดั มหำสำรคำม ๔๔๑๒๐
สงั กดั สำนกั งำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศกึ ษำประถมศึกษำมหำสำรคำม เขต ๒
โทรศพั ท์ ๐๔๓-๙๐๒๐๔๒ E-mail : [email protected]
เปิดสอนระดบั ชน้ั อนุบำลปที ี่ ๒ ถงึ ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีท่ี ๓
ช่ือผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำ นำงยุภำพร มะโนชำติ โทรศัพท์ ๐๘๑-๙๗๖-๖๗๙๕
E-mail : [email protected]
ทีต่ ัง้
โรงเรียนบา้ นหนองบวั กุดออ้ ตง้ั อยู่เลขที่ ๑๐ หมทู่ ่ี ๑๙ บา้ นหนองบวั ทอง ตาบลหัวเรือ อาเภอ
วาปปี ทุม จงั หวดั มหาสารคาม ขนาดพ้ืนที่ ๒๖ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา ตง้ั อยบู่ นถนนทางหลวงชนบท
สายหนองบัว – นาข่า อยู่ทางทิศใต้ของอาเภอวาปีปทุม ระยะทางจากโรงเรียนถึงสานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศกึ ษามหาสารคาม เขต ๒ ประมาณ ๑๐ กโิ ลเมตร มีเขตบรกิ าร ๕ หมบู่ า้ น คือ
๑. บ้านกุดออ้ หมทู่ ่ี ๗ ตาบลหัวเรือ อาเภอวาปปี ทุม จงั หวดั มหาสารคาม
๒. บา้ นหนองบัว หมทู่ ่ี ๘ ตาบลหัวเรือ อาเภอวาปปี ทมุ จังหวัดมหาสารคาม
๓. บา้ นวังปทมุ หม่ทู ่ี ๑๘ ตาบลหวั เรือ อาเภอวาปปี ทุม จงั หวัดมหาสารคาม
๔. บา้ นดงเคง็ หมทู่ ่ี ๑๖ ตาบลหัวเรอื อาเภอวาปีปทุม จงั หวัดมหาสารคาม
๕. บ้านหนองบวั ทอง หม่ทู ี่ ๑๙ ตาบลหวั เรอื อาเภอวาปปี ทมุ จังหวัดมหาสารคาม
จำนวนนกั เรียน (ข้อมูล ณ วันท่ี ๒๕ มถิ ุนำยน ๒๕๖๔)
- ระดบั อนบุ าลปีที่ ๒-๓ จานวน ๒๗ คน
- ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ จานวน ๑๑๐ คน
- ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนต้น จานวน ๓๖ คน
รวมจำนวนนักเรียนท้งั ส้ิน ๑๗๓ คน
จำนวนขำ้ รำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ
- ผบู้ รหิ ารสถาน จานวน ๑ คน
- ข้าราชการครูสายผสู้ อน จานวน ๑๓ คน
- ลูกจา้ งประจา จานวน ๑ คน
- ลกู จ้างชวั่ คราว จานวน ๓ คน
- พเ่ี ลีย้ งเด็กพิการ จานวน ๑ คน
รวมขำ้ รำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำท้งั สิ้น ๑๙ คน
๑๓