The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by isara.s, 2019-08-28 02:48:00

Bees eBook : ผึ้งจิ๋วชันโรงสุดยอดแมลงแก้ปัญหาความยากจน

E-book ผึ้งชันโรง

Keywords: ผึ้ง,bees,ชันโรง

Bees eBook : ผึ้งจิ๋วชันโรงสุดยอด
แมลงแกป้ ัญหาความยากจน

โดย ศูนย์บรรณสารสนเทศ
สานักวิทยบรกิ ารฯ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ยะลา

คานา

มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเป็นสถาบันอดุ มศึกษาเพ่ือการพัฒนาทอ้ งถ่ิน โดยเฉพาะ
ในเขตจงั หวัดชายแดนภาคใตข้ องไทย (ยะลา ปตั ตานี นราธวิ าส) มีพันธกิจสาคัญ ได้แก่ การผลิต
บัณฑิตให้มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน การบริการแก่สังคม การวิจัย การ
ทานุบารงุ ศลิ ปวัฒนธรรม การพฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา การเสรมิ สรา้ งสังคมสมานฉันท์
และการพัฒนาองค์กรคุณภาพ และยังได้จัดตั้ง “ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น” เพื่อทาหน้าที่
หลักเป็นศูนย์รวมหรือคลังข้อมลู ด้านการเชื่อมโยงองค์ความรู้ของอาจารย์กับการพัฒนาพ้ืนที่สาม
จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีประสิทธิภาพ โดยในปี 2561 ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่นได้
ดาเนินงาน 5 โครงการภายใต้พระราโชบาย ประกอบด้วย 1)โครงการบูรณาการพันธกิจสัมพันธ์
เพ่ือแกป้ ญั หาความยากจนของประชาชนในท้องถ่ิน 2) โครงการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP
3)โครงการส่งเสริมความรักความสามัคคี ความมีระเบียบวินัยเข้าใจในสิทธิหน้าท่ีของตนเองและ
ผู้อ่ืน 4)โครงการพัฒนาทกั ษะภาษาองั กฤษศตวรรษท่ี 21 สาหรับนักศึกษาครูในมหาวิทยาลัยราช
ภัฏ และ 5)โครงการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการอ่านการเขียนและการคิดวิเคราะห์ของ
นกั เรียนในระดบั การจดั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน

ศูนย์บรรณสารสนเทศ สานักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นแหล่งการ
เรียนรู้ท่ีทาหน้าท่ีสนับสนุนการเรียนการสอนตามหลักสูตรท่ีเปิดสอนในมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
เป็นแหล่งรวบรวมสารสนเทศท่ีพร้อมกับการให้บริการ มีทรัพยากรสารสนเทศและเทคโนโลยี
สารสนเทศ ท่คี รบถว้ นและตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ยังมีระบบคลังปัญญา
มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาที่เป็นแหล่งจัดเก็บและรวบรวมองค์ความรู้ต่าง ๆ เช่น งานวิจัย
บทความทางวิชาการ ข้อมูลประวัติศาสตร์ อาหาร ประเพณีและศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา
ทอ้ งถิน่ และการท่องเที่ยว รวมทั้งยังได้รวบรวมส่ืออิเล็กทรอนิกส์เพ่ือส่งเสริมความรู้เข้าใจในด้าน
การพัฒนาท้องถ่ินมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ซึ่งโครงการบูรณาการพันธกิจสัมพันธ์เพื่อแก้ไข
ปัญหาความยากจนของประชาชนในท้องถ่ินเป็นโครงการท่ีสาคัญ โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
เล้ียงผึ้งชันโรง ท่ีประสบความสาเร็จในการประกอบอาชีพ โดยเร่ิมจากการเล้ียงเองจนเกิดความ
ชานาญ แล้วเปดิ โอกาสใหเ้ กษตรกรรายอื่น ๆ เข้ามาเป็นสมาชิกเข้าร่วมกลุ่ม เป็นการสร้างรายได้
ให้กบั คนในชุมชนทป่ี ระสบความสาเร็จ

คานา (ต่อ)

หนงั สืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ เร่ือง “Bees eBook: ผ้งึ จ๋ิวชันโรงสุดยอดแมลงแกป้ ัญหา
ความยากจน”ได้กล่าวถึงความเป็นมาของผึ้งชันโรง วิธีเลี้ยงชันโรงสาหรับเกษตรกรมือใหม่
การใช้ประโยชน์จากน้าผ้ึงของชันโรง งานวิจัยที่เก่ียวข้อง ผลการการดาเนินงานจาก
โครงการแก้ปัญหาความยากจนดว้ ยการเลยี้ งผึ้งชันโรง เป็นต้น เพ่ือใหเ้ กิดความรคู้ วามเขา้ ใจ
รวมท้งั ยังเป็นแนวทางในการนาไปประกอบอาชีพตอ่ ไปได้

ผู้จัดทาหวังว่าส่ืออิเล็กทรอนิกส์ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาเร่ืองผ้ึง
ชันโรงเพ่ือการพัฒนาอาชีพ และขอขอบคุณศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่นที่ให้ข้อมูลเป็น
อยา่ งดี หากผู้อ่านทา่ นใดมขี อ้ เสนอแนะประการใด ผจู้ ัดทาขอรบั ไว้ดว้ ยความขอบพระคุณยงิ่

อสิ รา แสงสุวรรณ
สงิ หาคม 2562

สารบญั หนา้
1
ชันโรงคอื อะไร 3
ลกั ษณะทวั่ ไปของชนั โรง 4
ลกั ษณะของรงั ชันโรง 7
แหล่งอาหารของชันโรง 8
ศัตรูของชนั โรง 9
วิธกี ารแยกขยายรงั ชันโรง 11
ปริมาณตัวออ่ นที่เหมาะสมในการแยกขยายรงั
ชนั โรง 13
การใช้ประโยชน์จากชันโรง 14
บริการวชิ าการแกจ้ นจากผงึ้ ชันโรง 18
บรรณานกุ รม 20
ภาคผนวก

1 ชันโรงคอื อะไร

ชันโรงเป็นแมลงขนาดเล็กท่ีมีพฤติกรรมเก็บน้าหวานจาก
ดอกไม้ และละอองเกสร (เรณู) มาใช้เป็นอาหารคล้ายผึ้ง แต่ชันโรงไม่มี
เหล็กใน จึงไม่สามารถต่อยได้ ในประเทศไทยเราสามารถพบชันโรงได้ใน
ทุกภาค โดยมชี ื่อเรียกแตกต่างกนั ไปตามภูมิภาค เช่น ทางภาคเหนอื เรียก
ชันโรงท่ีมีขนาดเล็กว่า แมลงข้ีตึง หรือตัวขี้ตังนี แต่ถ้าเป็นชันโรงท่ีมี
ขนาดใหญ่จะเรียกว่า ข้ีย้า โดยเรียกว่า ขี้ย้าดา หรือข้ีย้าแดง ตามสีของ
ลาตัวของชันโรง ภาคใต้เรียกชันโรงขนาดเล็กว่า อุง หรืออุงแมลงโลม
และเรียกชันโรงขนาดใหญ่ว่า อุงหมี (อุงแดง หรืออุงดา) ภาคตะวันตก
เรียกตัวตุ้งต้ิงหรือตัวต้ิง จากพฤติกรรมการขนเกสรที่ขาหลัง ส่วนภาค
ตะวันออกเรียกชามะโรงหรือแมลงอีโลม ส่วนคาว่าชันโรงน่าจะเป็นช่ือที่
เรียกจากพฤติกรรมการเก็บชันของแมลงชนิดน้ี ส่วนการจาแนกทาง
วทิ ยาศาสตรน์ ้นั ชันโรงถูกจัดไว้ดงั น้ี (Michener,2000)

วงศ์ (Family) Apidae
วงศ์ยอ่ ย (Subfamily) Apinae

ไทร์บ (Tribe) Meliponini

การแพร่กระจายของชนั โรง

เนื่องจากชันโรงเป็นแมลงสังคมท่ีมีขนาดเล็ก ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิ
ภายในรังได้ จึงไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรงได้ การแพร่กระจายของชันโรง
จึงพบเฉพาะในเขตร้อนและก่ึงเขตร้อนเท่าน้ัน การนาชันโรงไปเลี้ยงในเขตอบอุ่นเป็น
ส่ิงท่ีทาได้ยาก ซึ่งต่างจากผึ้งพันธุ์ซึ่งสามารถปรับพฤติกรรมให้ทนต่อสภาพอากาศ
หนาวรุนแรงได้

2

ความหลากหลายของชันโรง

การค้นพบความหลากหลายของชันโรงถูกรายงานว่ามีมากกว่า
400 ชนิด โดยพบในทวีปอเมริกามากกว่า 300 ชนิด ส่วนใหญ่พบในทวีป
อเมริกาใต้และทวีปเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบ 60 ชนิด
ในประเทศไทย มีรายงานว่าพบแล้ว 32 ชนิด โดยสมนึก (2546) ได้
ร า ย ง า น ก า ร พ บ ชั น โ ร ง ช นิ ด ใ ห ม่ ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย Tetragonula
sirindhornae Micherner and Boongird คนไทยในทุกภาคคุ้นเคยกับ
การใชป้ ระโยชน์จากผลผลิต ของชันโรง ท้ังน้าผ้ึงและชันในด้านต่าง ๆ เช่น
การใช้น้าผ้ึงเป็นองค์ประกอบของยา สมุนไพร เพราะเชื่อว่าน้าผึ้งจาก
ชันโรงมีคุณค่าทางยาสูง หรือการใช้ชันเพ่ือยาเรือ ภาชนะบรรจุน้า หรือใช้
อุดเครื่องดนตรี เช่น แคน หรือระนาดเอก และใช้อุดฐาน พระเครื่อง เช่น
เบี้ยแก้ เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมดได้มาจากการเก็บจาก รังชันโรง
ในธรรมชาติ นอกจากนี้ประโยชน์ที่ส้าคัญอีกด้านหนึ่งของชันโรง คือ การ
ที่ชันโรงช่วยผสมเกสรให้แก่พืช เน่ืองจากชันโรงเป็นแมลงประจ้าถ่ิน มี
วิวัฒนาการ ร่วมกันกับพืชในท้องถิ่นมาช้านาน แม้ชันโรงจะมีนิสัยเลือก
ชอบดอกไม้เช่นเดียว กับผึ้ง แต่ชันโรงก็สามารถลงตอมพืชท้องถิ่นได้ถึง 2
ใน 3 ของชนิดพืชในท้องถิ่นท่ี ชันโรงอาศัยในธรรมชาติ (Velthuis,1997)
จึงท้าให้ดูเสมือนว่าชันโรงไม่เลือกตอม ดอกไม้ และอีกสมบัติหน่ึงท่ีท้าให้
ชันโรงเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์เป็นแมลงผสม เกสร เพราะชันโรงไม่
ต่อย มีการด้ารงชีวิตแบบสังคมท่ีมีการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มในรัง เป็นเวลา
หลายปี การเลี้ยงไมต่ ้องการการดแู ลเอาใจใส่มากท้าใหง้ า่ ยตอ่ การจัดการรงั
และการเคล่ือนย้ายเพื่อการน้าไปผสมเกสรให้พืชต่าง ๆ จึงเล็งเห็นได้ว่า
ชันโรงจะเป็น แมลงผสมเกสรท่ีมีศักยภาพในอนาคต (Amano, et al.,
2000)

3

ลกั ษณะท่วั ไปของชนั โรง

ลกั ษณะโครงสรา้ งลาตัวของชนั โรง

ลักษณะโครงสร้างภายนอกของชันโรงก็มีลักษณะเหมือนแมลง
ท่ัวไปที่มี ลาตัวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง โดย
ส่วนหัวจะเป็นท่ี ตั้งของตารวม ตาเดยี่ ว หนวด และปาก โดยปากของชันโรงจะ
เป็นแบบกัดเลียซึ่งมี กราม (mandibles) ท้ังคู่ท่ีแข็งแรงที่ชันโรงงานจะใช้
ประโยชน์ในการต่อสู้ การสร้าง ถ้วยอาหารหรือตัวอ่อน และอื่น ๆ ส่วนของล้ิน
ชันโรงจะใช้ในการเก็บน้าหวานจาก ดอกไม้ ส่วนอกของชันโรงจะเป็นท่ีต้ังของ
ปีก 2 คู่ และขา 3 คู่ โดยขาคู่ที่ 3 จะมี ลักษณะเหมือนกับขาของผง้ึ ทั่ว ๆ ไปที่
มีตะกร้าสาหรับเก็บเกสรจากดอกไม้ และขน กลับรังไปใช้เป็นอาหารสาหรับ
สมาชิกในรังได้ ส่วนท้องของชันโรงงานจะไม่มีเหล็กใน เหมือนกับผ้ึง จึงเป็น
สาเหตุท่ีทาให้ชันโรงต่อยศัตรูไม่ได้จึงใช้วิธีการกัดในการต่อสู้กับ ศัตรู และเป็น
ทม่ี าของชอ่ื Stingless bee คือ ผึ้งท่ีไม่ตอ่ ยหรอื ผึง้ ทต่ี อ่ ยไมไ่ ด้นน่ั เอง (รปู ท่ี 1)

รปู ที่ 1 ลกั ษณะโครงสร้างภายนอกของชนั โรงงาน

4 ลกั ษณะของรังชนั โรง

ที่ตัง้ รงั ชันโรงสามารถท้ารังไดใ้ นสภาพทตี่ า่ ง ๆ 2 ลกั ษณะ ได้แก่
1. ในสภาพที่โลง่ แจ้ง เช่นเดยี วกบั การท้ารังของผ้ึงหลวง โดยการสรา้ งรังบนล้า
ต้นหรือกิ่งไม้ท่ีแข็งแรงซ่ึงยังไม่มีรายงานว่าพบชันโรงท่ีสร้างรังในลักษณะน้ีใน
ประเทศไทย
2. ทำรังในโพรงท่ีมีอยู่แล้ว ชันโรงส่วนใหญ่มักท้ารังในสภาพนี้ ซึ่งอาจ แบ่งได้
เปน็ 2 กลมุ่ คอื

2.1 โพรงท่ีอยู่บนดิน เช่น โพรงในต้นไม้ ตามรอยแตกแยกของหิน
หรืออาคารบ้านเรือนหรือในวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีมีช่องว่าง เช่น ท่อน้า
กระบอกไม้ไผ่ เป็นตน้

2.2 โพรงทอี่ ยู่ใตด้ ิน เชน่ โพรงในรังปลวกหรือในรงั มด
โครงสร้างรัง รังของชันโรงประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ที่ส้าคัญ
ดังน้ี
ปากทางเข้ารัง ชันโรงสรา้ งปากทางเข้ารังด้วยไขผ้ึงผสมยางไม้และ
อ่ืน ๆ เช่น กรวด หรือดิน มีลักษณะรูปร่างท่ีแตกต่างกันไป เช่น เป็นรูปท่อหรือ
รูปแตรบางคร้ังสามารถใช้ลักษณะของปากทางเข้ารังในการจ้าแนกกลุ่มของ
ชนั โรงได้ระดับ หนง่ึ (รูปท่ี 2)

รูปท่ี 2 ลกั ษณะปากทางเข้ารังของชันโรงชนดิ ตา่ ง ๆ

5

องคป์ ระกอบภายในรังชันโรง ประกอบด้วย
อุโมงค์ทางเดิน เช่ือมตอ่ ระหว่างปากทางเข้ารงั กับบริเวณท่ี
เกบ็ อาหารของชนั โรง
ถ้วยตัวอ่อน มีลักษณะเป็นรูปไข่ มีการเรียงตัวในหลาย
ลักษณะ (รูปท่ี 3) คือ
1. แบบกล่มุ เปน็ การสรา้ งถ้วยตวั ออ่ นบนเสาเล็ก ๆ ท่ีสรา้ ง
ข้ึนมาจากผนัง ของโพรง แล้วสร้างเช่ือมต่อระหว่างถ้วยไป
เรอ่ื ย ๆ เปน็ กลมุ่ ก้อน
2. แบบแผงซ้อน ถ้วยตัวอ่อนจะถูกสร้างเชื่อมติดกันเป็น
แผงโดยอาจสร้างเป็นแผงท่ีแยกออกจากกันแต่มีเสา
เชื่อมต่อระหว่างแผง หรือสร้างเป็นแผงเชื่อมต่อกันไป
เร่อื ย ๆ เป็นรปู เกลียว

ค. ถว้ ยตวั อ่อนแบบแผง ซอ้ น
แตล่ ะแผงแยกจากกนั

รูปท่ี 3 ถ้วยตัวออ่ น

6

ชนั โรงแตล่ ะชนิดสรา้ งรูปแบบการเรยี ง
ตัวของถ้วยตัวอ่อนท่ีแตกต่างกันไปโดยถ้วยตัวอ่อน
ท่ีสร้างข้ึนมาใหม่จะมีสีเข้มแล้วสีจะค่อย ๆ จางลง
ไป เน่ืองจากไข และยางไม้ที่ใช้เป็นองค์ประกอบ
ของผนังถ้วยตัวอ่อนจะถูก น้าออกจากถ้วยเก่าไปใช้
สรา้ งถว้ ยตวั อ่อนถว้ ยใหม่ (รปู ที่ 4)

รปู ท่ี 4 สีของถ้วยตวั ออ่ น สีเข้มและ
จางลงตามระยะของหนอนที่
เจริญเติบโตอยูภ่ ายใน

ถ้วยอาหารของชันโรง ประกอบดว้ ย ถว้ ยเก็บน้าผึ้งและถ้วยเกบ็ เกสร
ลักษณะและขนาดของถ้วยจะแตกตา่ งกันไปตามชนดิ ของชนั โรง
โดยทั่วไปมีลกั ษณะ คลา้ ยรูปไข่ (รปู ที่ 5)

รูปที่ 5 ถ้วยอาหาร

7

แหล่งอาหารของชันโรง

ก. กะเพรา อ า ห า ร ข อ ง ชั น โ ร ง คื อ
น้ า ห ว า น แ ล ะ เ ก ส ร จ า ก ด อ ก ไ ม้
ข. พรกิ นอกจากนี้ชันโรงยังต้องการชันหรือยาง
รปู ท่ี 6 พืชอาหารของชนั โรง จากพืชมาใช้ในการทารัง และส่วนต่าง
ๆ ภายในรัง เช่น องค์ประกอบของถ้วย
ตัวอ่อน ซ่ึงทั้งหมดน้ีชันโรงจะต้องไป
เก็บจากต้นไม้โดยรอบของท่ีต้ังรังของ
ชันโรง ดังนั้นสถานที่ตั้งของชันโรง
จาเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีแหล่งอาหารและ
ชนั ให้แกช่ ันโรงอย่างเพียงพอ แมช้ ันโรง
จะมีพฤติกรรมการเลือกลงตอมดอกไม้
เช่นเดียวกับผึ้ง แต่การที่ชันโรงสามารถ
ลงตอมพืชท้องถ่ินได้ถึง 2 ใน 3 ของพืช
ในท้องถิ่นนั้น ๆ และมีลักษณะปรับตัว
ได้ดีกับพืชต่างถ่ิน ทาให้ชันโรงสามารถ
อยู่รอดในสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าผ้ึง
(รปู ท่ี 6)

8 ศัตรขู องชันโรง

ชันโรงมศี ตั รใู นธรรมชาติอยูห่ ลายชนิด เชน่ แมงมุม ตอ่ มด มวน
เพชฌฆาต และจิง้ จก (รูปท่ี 7)

ก. มวนเพชฌฆาต ข. หนอนแมลงวันลาย

ค. ต่อ ง. แมงมมุ

รูปที่ 7 ศัตรูของชันโรง

9 วิธแี ยกขยายรังชนั โรง

การแยกขยายรังต้องเลือกรังท่ี การแยกรังต้องแบ่งถ้วยตัวอ่อนและ
แข็งแรง โดยดูจากมีประชากรของชัน ถ้วยอาหารมาใส่ในรังใหม่ วางถ้วยอาหาร
โรงงาน ปรมิ าณถ้วยตัวอ่อนในปริมาณ ใกล้ทางเข้าและวางถ้วยตัวอ่อนด้านใน ใส่
มากและต้องมีถ้วยนางพญา (มีขนาด ไข่นางพญาลงไป 1 ใบ น้าชันจากรังเก่า มา
ใหญ่กว่าถ้วย ตัวอ่อน) ซึ่งจะปะปนอยู่ ป้ายท่ีทางเข้าออกของรังใหม่แล้วปิดฝารัง
กับถ้วยตัวอ่อน (รูปท่ี 8) เม่ือจะแยก น้ารังใหม่มาวางท่ีตั้งของรังเก่าโดย ให้มี
ขยาย เตรียมรงั แยก โดยรงั ควรท้าจาก ทางเข้ารังและความสูงของรังจากพื้นอยู่ใน
ไม้ที่มีความหนาพอสมควร เพ่ือให้ ตา้ แหน่งเดียวกับรังเก่า น้ารังเก่า ย้ายไปต้ัง
สามารถปกป้องรังชันโรงจาก การ ที่ห่างจากรังเดิมอย่างน้อย 10 เมตร เพื่อ
เปล่ียนแปลงของอากาศที่รุนแรงได้ ไม่ใหต้ วั ชนั โรงงานท่ีออกไปหา อาหารหารัง
บ้าง เช่น อากาศร้อนจัด ขนาดความ เก่าเจอจึงเข้ารังใหม่ กรณีในรังเก่าไม่มีไข่
สูงของ รังไม่ควรสูงเกินไปเพราะหาก นางพญาส้าหรับรังใหม่ควร น้าไข่นางพญา
ถ้วยน้าผึ้งมีปริมาณมากอาจล้มลงมา จากรังอน่ื ท่ีเป็นสายพันธุเ์ ดียวกนั มาใสใ่ ห้
ทา้ ใหร้ งั เสยี หายได้

รูปท่ี 8 ถว้ ยนางพญา

10

ข้อควรระวัง การแยกขยายรังชันโรงควรแยกขยายในหน้าแล้ง ไม่ควร
แยก ขยายรังในหน้าฝนท่ีสภาพแวดล้อมมีความช้ืนสูง ชันโรงจะประสบ
ปัญหาการท้าให้รังแห้ง โดยเฉพาะหากถ้วยน้าผ้ึงแตกมีน้าผ้ึงไหลเยิ้มใน
รังกลิ่นน้าผ้ึงจะดึงดูด ให้แมลงวันลายมาวางไข่ และตัวอ่อน แมลงวันจะ
กินถ้วยอาหารและถ้วย ตัวอ่อนจนรังล่มสลายในที่สุด รวมไปถึง หน้าฝน
ชันโรงจะประสบปัญหาในการ ออกหาอาหารและชันเพ่ือซ่อมแซมรัง
เป็นเหตุใหป้ ระชากรในรังอ่อนแอและ เปิดทางใหศ้ ัตรูเข้าท้าลายได้ง่าย

1ป1ริมาณตัวอ่อนทเี่ หมาะสมในการแยกขยายรงั ชนั โรงขน
เงนิ หรอื Tetragonula pegdeni Schwarz

จากการศึกษา Sawatthum (2004) พบว่าในการแยก
ขยายรังน้ัน ใน รังใหม่จะต้องมีชันโรงวรรณะต่าง ๆ ครบทุก
วรรณะ เพ่ือให้กิจกรรมต่าง ๆ ภายใน สามารถดาเนินไปได้
อย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะชันโรงงานจะต้องมีครบทุกอายุและ
ในปริมาณท่ีเพียงพอ จากผลการศึกษาปYour Content Here ริมาณตัวอ่อนที่
เหมาะสมในการขยายรงั พบว่าหากใส่ถว้ ยตัวออ่ นสีเข้มและสี
อ่อนในปริมาณใกล้เคียงกัน หนักอย่างน้อย 30 - 40 กรัมข้ึน
ไป พร้อมใส่ถ้วยอาหาร (เกสรและน้าผึ้ง) ในน้าหนักปริมาณ
ใกล้เคียงกัน จะทาให้รังใหม่สามารถอยู่รอดได้ดี แต่หาก
ปริมาณของถ้วยตัวอ่อนมีปริมาณ น้อยกว่า (ต่ากว่า 30 กรัม
ลงมา) รังจะประสบปัญหาในการอยู่รอดในสภาพแวดล้อม ท่ี
มีอาหารน้อย หรือสภาพภูมิอากาศไม่เหมาะสม ท้ังน้ีหาก
สภาพแวดล้อมมีอาหาร สมบูรณ์ บางครั้งรังท่ีแยกขยายโดย
ไม่ได้ใส่ถว้ ยอาหารให้เลยก็สามารถอย่รู อดได้

12

สิ่งที่สาคัญที่พบจากการวิจัยเรื่อง การสร้างนางพญาของ
T. pegdeni ของ Sawatthum (2006) คอื ในการแยกรังใหม่
ของ T. pegdeni ท่ีประสบความสาเร็จ ได้ดี รังใหม่จะต้องมี
นางพญาหรือถว้ ยนางพญาพร้อมตวั เต็มวัยระยะท่ีปฏิบตั ิ หน้าที่
อยู่ภายในรังและตัวเต็มวัยระยะท่ีออกหาอาหาร เนื่องจากผล
การศึกษา พบว่าชันโรงงานไม่สามารถสร้างนางพญาจากถ้วย
ตัวอ่อนของชันโรงงานได้เช่นเดียว กับผ้ึงพันธุ์ซ่ึงหากรังใดขาด
นางพญา ชันโรงงาน จะสร้างถ้วยนางพญาฉุกเฉิน (รูปท่ี 9) ท่ี
ไมม่ ไี ขข่ ้นึ มาจานวนมากและรงั ก็จะล่มสลายไป ในท่สี ดุ

รปู ที่ 9 ถ้วยนางพญาฉกุ เฉนิ

13 การใช้ประโยชนจ์ ากผ้ึงชันโรง

1. การใชช้ ันโรงเป็นแมลงผสมเกสร เนือ่ งจากชนั โรงมีวิวัฒนาการร่วมกับ
พืชท้องถิ่นมาเป็นเวลานาน ชันโรงจึง เป็นแมลงผสมเกสรที่มีศักยภาพมากชนิดหน่ึง
เพราะชันโรงลงตอมดอกไม้ได้หลาก หลายชนิดและมีรังท่ีจัดการได้ง่ายเพราะไม่ต่อย
ขนาดรังไมใ่ หญ่สะดวกต่อการขนย้ายในระหว่างฤดูกาลท่ีไม่ใช่ฤดูกาลท่ีใช้งาน ชันโรง
เพียงดูแลรังไม่ให้อยู่ในสภาพ อากาศที่รุนแรง เช่น ความช้ืนสูง หรือถูกแดดจัด ไม่มี
ศัตรูรบกวน มีอาหารในธรรมชาติพอประมาณ รังชันโรงก็สามารถนาไปใช้ในฤดูกาล
ตอ่ ไปไดเ้ ปน็ อย่างดี

ชันโรงสามารถเป็นแมลงผสมเกสรทด่ี ีแก่พืชหลายชนดิ เชน่ เงาะ ล้นิ จ่ี
แต่ชันโรงไมส่ ามารถผสมพันธใ์ุ ห้แก่ทานตะวนั กินเมล็ดพนั ธเุ์ ชียงรายได(้ อัญชล,ี 2552)

ซึ่งผลการทดลองแสดงใหเ้ ห็นถึงความเหมาะสมของชนดิ พืชลักษณะของ
ดอกไม้ทีเ่ หมาะสมกบั การใช้ชนั โรงในการเป็นแมลงผสมเกสรดงั นั้นการเลอื กใช้ ชนั โรง
ผสมเกสรจงึ ควรมกี ารตรวจสอบทดลองประสทิ ธภิ าพการเป็นแมลงผสมเกสรของชนดิ
ชนั โรงกับชนิดพชื นนั้ ๆ กอ่ น

13

2. การขายรงั หรอื ให้เช่ารงั ชนั โรง
ผลสืบเน่ืองจากการที่ชันโรงเป็นแมลงผสมเกสรไม้ผลหลายชนิด

ท่ีมี ประสิทธิภาพ ท้าให้ความต้องการรังชันโรงของเกษตรกรมี
ปริมาณสูง ท้าให้มีธุรกิจ การขายรังชันโรงหรือให้เช่ารังชันโรงเพ่ือ
วางในสวนผลไม้ในช่วงดอกไม้บานเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการตั้งราคา
ขายรังกันตั้งแต่รังละ 700 บาทข้ึนไป ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับชนิด ของชันโรง
(ความยากง่ายในการขยายพันธ์ขุ องชันโรงชนิดนั้น ๆ) ส่วนการให้เช่า
รัง ชันโรงนั้นในระยะแรกมักจะให้เช่าในราคาประมาณรังละ 300
บาทต่อช่วงระยะเวลา ท่ีดอกเงาะบาน แตป่ ัจจุบนั เกษตรกรผู้เลี้ยงไม่
นิยมให้เช่ารัง เน่ืองจากประสบปัญหารังล่มสลายจากการใช้สารเคมี
ของสวนที่เช่ารังหรือความไม่ซื่อสัตย์ของเจ้าของสวนที่เช่ารังชันโรง
แลว้ แอบแยกขยายรงั ชันโรงท่ีเช่าไป เปน็ ตน้

3. การใช้ประโยชนจ์ ากนา้ ผึ้งชนั โรง
คนท่ัวไปในพื้นที่ต่าง ๆ ท่ัวโลกท่ีมีชันโรงเป็นแมลงใน

ท้องถ่ินเช่ือกันว่าน้าผึ้งจากชันโรงมีสรรพคุณทางยามากกว่า
น้าผ้ึงจากผึ้งในสกุลเอ พิส (Apis) เช่น ผ้ึงพันธ์ุ (Apis
mellifera) Sawatthum, et al. (2008) ไดแ้ สดงผลการ
วิเคราะห์ องค์ประกอบของน้าผึ้งจากชันโรง 3 ชนิด คือ
ชนั โรงขนเงิน Tetragonula pegdeni Schwarz ชันโรงถ้วย
ดา้ Tetragonula laeviceps Smith และชนั โรงปากแตร
Lepidotrigona terminata Smith เปรียบเทียบกบั นผึ้งจาก
ผงึ้ พันธ์จุ ากดอกไม้ 2 ชนดิ คือ ล้าไย และเงาะ

14

4. การใชป้ ระโยชนจ์ ากชัน (propolis) ของชันโรง
ชันหรือพรอพอลิสของชันโรงน้ัน คนไทยโบราณน้ามาใช้

ประโยชน์หลาย ด้าน เช่น ใช้ในการยาเรือ อดุ ภาชนะ อุดฐานพระ และอ่ืน
ๆ แตป่ จั จบุ นั มีการค้นพบ สารสา้ คญั ทเ่ี ปน็ องค์ประกอบอยใู่ นชนั หลายชนิด
แม้ชันจะเป็นส่วนของยางไม้ที่ชันโรงเก็บมาจากต้นพืชหลากหลายชนิด
น้ามาผสมรวมกับไขผ้ึงท่ีชันโรงผลิตขึ้นจาก ภายในล้าตัวชันโรง อย่างไรก็
ตาม องค์ประกอบส่วนใหญ่ของชันก็เป็นสารในกลุ่ม ฟลาโวนอยด์
(flavonoids) ซ่ึงให้ผลในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อโรค และ
เพ่ิมภูมิคุ้มกัน และจากการท้างานร่วมกันของผู้วิจัยกับนักวิจัยชาวญ่ีปุ่นมี
รายงาน เบ้ืองต้นว่ามีการตรวจพบสารยับย้ังการสร้างเม็ดสีเมลานินท่ี
ผิวหนัง ซ่ึงอาจพฒั นา เป็นเคร่ืองส้าอางจ้าพวกไวท์เทนนิ่งได้ ปจั จุบนั มีการ
น้าชันมาใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ มากมาย เช่น รักษาการติดเช้ือในช่อง
ปาก รักษาเหงือกอักเสบ แก้อักเสบ ของผิวหนัง ใช้ในผลิตภัณฑ์
เคร่ืองสา้ อาง เชน่ สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม เป็นต้น

15 บรกิ ารวิชาการแกจ้ นจากผ้ึงชันโรง

ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ได้ด้าเนินจัดบริการ
วิชาการแก่ชุมชนเพื่อแก้ปัญหาความยากจน และสนองพระรา
โชบายของในหลวงรัชกาลท่ี 10 โดยจัดโครงการการเพาะเลี้ยง การ
ย้ายรัง และนวัตกรรมรังเลี้ยงเพื่อเล้ียงผึ้งชันโรงในเชิงการค้าข้ึน
เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยที่ได้รับทุน จาก
มหาวิทยาลัย ด้วยการบริการวิชาการการจัดอบรมให้ความรู้แก่
เกษตรกรและผู้ที่สนใจ ซ่ึงจะเกิดเป็นประโยชน์และเป็นภารกิจ
สา้ คัญ รวมทง้ั เพื่อให้ชุมชนมีศนู ย์แสดงการเพาะเล้ียงและการย้ายรงั
เพ่ือเพิ่มปริมาณรังเล้ียงในชุมชนได้ และเพ่ือให้ผู้เข้าอบรมสามารถ
ปฏิบัติการเลี้ยงและย้ายรังผึ้งชันโรงได้ รวมทั่งสามารถปฏิบัติการ
ออกแบบและท้านวัตกรรมรังเลี้ยงผ้ึงชันโรงได้ กลายเป็นชุมชน
ต้นแบบที่อาศัยความรู้เชิงวิชาการและภูมิปัญญาชาวบ้านในการ
ด้ารงชีวติ

มีกลุ่มเป้าหมายคือเกษตรกรหรือผู้สนใจท่ัวไปจ้านวน 58
คน ด้าเนินการในวันท่ี 21– 22 เดือนเมษายน 2561 ณ บา้ นบาเลาะ
ต้าบลปะเสยะวอ อ้าเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จากความพึงพอใจ
ของผู้เข้าร่วม กิจกรรมมีระดับพึงพอใจมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้าน
วิทยากร ด้านสถานที่ ระยะเวลา และดา้ นความรู้ทไ่ี ดร้ ับประโยชน์จาก
การอบรม จากผลการประเมินของผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งมี
คา่ เฉล่ยี 4.40

16 ภาพประกอบการบริการวชิ าการ

17

ผลติ ภัณฑ์จากผึ้งชนั โรง มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา

ผลติ ภัณฑ์น้าผึ้งสดชนั โรง

ผลิตภัณฑ์สบ่ฮู าลาลจากผึ้ง
ชันโรง

บรรณานกุ รม

อญั ชลี สวาสดิ์ธรรม. (2556). มหัศจรรย์ชนั โรง. ปทมุ ธานี : สถาบนั วิจยั และพัฒนา
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี

อญั ชลี สวาสดิ์ธรรม. (2552). บทบาทของผึ้งพันธ์แุ ละชันโรงในการผสมเกสร ทานตะวนั กนิ
เมลด็ พันธ์เุ ชยี งราย. การประชุมวชิ าการอารกั ขาพืช แห่งชาติ คร้งั ท่ี 9. โรงแรม
สนุ ีย์ แกรนด์ อุบลราชธานี

Amano, K.; T. Nemoto and T.A. Heard. (2000). What are Stingless Bees,and
Why and How to Use Them as Crop Pollinators?. a Review-.
JARQ . 34 (3),183-190.

Michener, C.D. (2000). The Bee of the World. TheJohns Hopkins University
press.Rasmussen, C., and S.A. Cameron. 2007. A molecular
phylogeny of the Old World stingless bees (Hymenoptera:
Apidae: Meliponini) and the non-monophyly of the large genus
Trigona. Systematic Entomology . 32 : 26-39.

Sawathum, A. (2008). Composition of Thai stinglees bee honey. 9th. Asian
Apicultural Association (AAA) Conference. 1st-4th November,
2008. Hangzhou, China.

Sawatthum, A. (2006). Queen production and biology of Trigonapegdeni.
8th Asian Apicultural Association (AAA) Conference. 20th-24th
March, 2006. Perth, Western Australia, Australia

บรรณานกุ รม (ต่อ)

Sawatthum, A. (2004). Stinglees beekeeping in Thailand. 8th Internationnal
Conference on Tropical Bee and VI EncontrosobreAbelhas-
2004, September 6-10, 2004. Ribeirao Preto, SP.Brazil.

Velthuis, Hayo H.W. (1997). The biology of Stingless Bees. Department of
Ecology, University of Sao Paulo, Sao Paulo, Brazil.

ภาคผนวก
โครงการ การเพาะเลย้ี ง การ
ย้ายรงั และนวัตกรรมรังเลยี้ ง
เพือ่ เลีย้ งผึ้งชนั โรงในเชิงการค้า
โดย มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏยะลา

รายงานผลการดาํ เนินงานโครงการบรกิ ารวิชาการ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

โครงการการเพาะเล้ียง การย้ายรงั และนวตั กรรมรังเลี้ยงเพือ่ เล้ยี งผง้ึ ชนั โรงใน
เชิงการค้า

21 – 22 เมษายน 2561
ณ บ้านบาเลาะ ตาํ บลปะเสยะวอ อําเภอสายบุรี จังหวดั ปัตตานี

ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ
อาจารย์ ดร.อิสมะแอ เจ๊ะหลง
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์วพิ ฒั น์ ถาวโรฤทธ์ิ
อาจารย์ ดร.วารณุ ี หะยีมะสาและ
อาจารย์ ดร.มนทกานต์ พิมเสน

อาจารยอ์ ลภา ทองไชย
อาจารย์จารุ นคิ ม

นางสาวลกั ขณา รกั ขพันธ์
นางสาวซรี หี นั ชายดานา

คณะวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยแี ละการเกษตร
มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

รายงานผลการดาํ เนนิ โครงการบริการวิชาการ
ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561

โครงการ การเพาะเลย้ี ง การย้ายรัง และนวตั กรรมรังเลีย้ งเพอื่ เล้ยี งผ้งึ ชนั โรงในเชงิ การคา้
21 – 22 เมษายน 2561

ณ บ้านบาเลาะ ตําบลปะเสยะวอ อาํ เภอสายบรุ ี จังหวัดปตั ตานี

ผูร้ บั ผิดชอบโครงการ..................................................
( อาจารย์ ดร.อสิ มะแอ เจะ๊ หลง )

ผตู้ รวจสอบโครงการ...................................................
( อาจารย์ ดร.ลลิ ลา อดุลยศาสน์ )

คณบดีคณะวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยีและการเกษตร

ผู้ตรวจสอบโครงการ...................................................
( อาจารยเ์ วคิน วฒุ ิวงค์ )

รองผอู้ าํ นวยการสถาบันวจิ ัยและพฒั นาชายแดนใต้

บทสรุปสําหรบั ผู้บริหาร

โครงการการเพาะเลยี้ ง การยา้ ยรัง และนวัตกรรมรังเลี้ยงเพ่ือเล้ียงผึ้งชันโรงในเชิงการค้า ได้รับ
การถ่ายทอดองคค์ วามร้จู ากงานวจิ ัยทีไ่ ด้รบั ทุนจากมหาวทิ ยาลัยดว้ ยการบริการวิชาการการจัดอบรมให้
ความรู้แก่เกษตรกรและผู้ท่ีสนใจจะเกิดเป็นประโยชน์และเป็นภารกิจสําคัญ รวมท้ังเพื่อให้ชุมชนมีศูนย์
แสดงการเพาะเล้ียงและการย้ายรังเพ่ือเพ่ิมปริมาณรังเลี้ยงในชุมชนได้ และเพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถ
ปฏิบัติการเลี้ยงและย้ายรังผึ้งชันโรงได้ รวมทั้งสามารถปฏิบัติการออกแบบและทํานวัตกรรมรังเลี้ยงผ้ึง
ชันโรงได้กลายเป็นชุมชนต้นแบบท่ีอาศัยความรู้เชิงวิชาการและภูมิปัญญาชาวบ้านในการดํารงชีวิตทั้งนี้
เพราะบริเวณพ้ืนที่อําเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีเป็นพื้นท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
และอยู่ในพ้ืนที่พัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดําริท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้รับพระราชทาน
พระราชดาํ ริเกยี่ วกับงานชลประทาน ทําให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ในการทาํ การเกษตร เล้ียงสตั ว์ อุปโภค
บริโภค และการประมงได้ตลอดทั้งปี โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งคงเป็นป่าที่มีพรรณไม้เจริญอย่างอุดมสมบูรณ์
เป็นปจั จัยทสี่ ง่ ผลตอ่ ความหลากหลายพืชได้ ท้ังน้ีผึ้งชันโรงจะเป็นตัวผสมเกสรที่ดีและมีประสิทธิภาพสูง
มกี ลุ่มเปา้ หมายคอื เกษตรกรหรือผสู้ นใจทวั่ ไปจํานวน 58 คนดําเนินการในวันที่ 21– 22 เดือนเมษายน
2561 ณ บ้านบาเลาะ ตําบลปะเสยะวออําเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีจากความพึงพอใจของผู้เข้าร่วม
กิจกรรมมีระดับพึงพอใจมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยากร ด้านสถานท่ีระยะเวลา และด้านความรู้ท่ี
ได้รับประโยชน์จากการอบรมจากผลการประเมินของผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 4.40
ทางหลักสูตรชีววิทยาจะนําไปใช้ในการปรับปรุงการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป ส่วนประเด็นการประเมินท่ี
พบว่าอยใู่ นระดบั ดีแล้ว ก็จะนําไปปรบั ใชใ้ หด้ ีย่งิ ขน้ึ

คณะกรรมการดาํ เนินโครงการ

คาํ นํา

โครงการการเพาะเล้ียง การย้ายรัง และนวัตกรรมรังเลี้ยงเพื่อเลี้ยงผ้ึงชันโรงในเชิงการค้าเป็น
การบริการวิชาการการจัดอบรมให้ความรแู้ กเ่ กษตรกรและผู้ทส่ี นใจจะเกิดเปน็ ประโยชนแ์ ละเป็นภารกิจ
สาํ คญั รวมท้ังเพ่ือให้ชุมชนมีศูนย์แสดงการเพาะเลี้ยงและการย้ายรังเพื่อเพิ่มปริมาณรังเล้ียงในชุมชนได้
และกลายเป็นชุมชนต้นแบบท่ีอาศัยความรู้เชิงวิชาการและภูมิปัญญาชาวบ้านในการดํารงชีวิต ซ่ึงเป็น
ภารกิจสําคัญในการสร้างต้นแบบการพัฒนารูปแบบการเลี้ยงผึ้งชันโรงเชิงพานิชย์ต่อไป ตลอดจนได้ซึ่ง
รายงานสรุปผลการดําเนินกิจกรรมการเพาะเล้ียง การย้ายรัง และนวัตกรรมรังเลี้ยงเพ่ือเลี้ยงผึ้งชันโรง
ในเชิงการค้าประกอบด้วยหลักการและเหตุผลวัตถุประสงค์ของโครงการ วิธีการดําเนินโครงการ
งบประมาณท่ีใช้ ผลท่ีได้จากโครงการผลการประเมิน และข้อเสนอแนะเพ่ือใช้เป็นแนวทางในการจัด
กิจกรรมในครงั้ ตอ่ ไป

คณะดําเนินงานหวังเป็นอย่างย่ิงว่าได้รับความช่วยเหลือจากการสนับสนุนงบประมาณของ
โครงการการเพาะเล้ียง การย้ายรัง และนวัตกรรมรังเล้ียงเพ่ือเลี้ยงผึ้งชันโรงในเชิงการค้าหลักสูตร
ชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการเกษตร สําหรับการจัดกิจกรรม นอกจากน้ีทางหลักสูตร
ชีววิทยา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลามีการคาดหวังว่าการจัดกิจกรรมในคร้ังน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อ
เกษตรกรและผ้สู นใจอนื่ ๆ ท่เี ขา้ ร่วมกจิ กรรม

คณะดําเนินงาน

สารบญั หนา้

เร่อื ง ข
บทสรปุ ผ้บู ริหาร ค
คาํ นํา 1
สารบญั 1
บทท่ี 1 บทนาํ 1
1
บทนาํ 1
วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการ 3
เปา้ หมาย 3
ตวั ชี้วดั ความสาํ เร็จ 3
บทที่ 2 วิธกี ารดําเนินงานโครงการ 5
วสั ดอุ ปุ กรณ์ 7
ขั้นตอน 8
บทท่ี 3 ผลการดาํ เนนิ งาน 10
บทท่ี 4 สรปุ ผล อภิปรายผล ปัญหาและขอ้ เสนอแนะ 15
ภาคผนวก 17
ก. โครงการทีไ่ ดร้ บั การอนมุ ตั ิ หลักสตู รอบรม เอกสารประกอบ 20
ข. แบบประเมนิ ความพึงพอใจ 23
ค บญั ชีรายช่อื ผลู้ งทะเบียนและผไู้ ด้รบั เกียรติบัตร เชน่ ใบลงทะเบียน
ง เอกสารและแบบฟอร์มทเ่ี กี่ยวข้องกับโครงการ
จ รปู ภาพการจดั โครงการ

บทท่ี 1
บทนํา

พื้นท่ีอําเภอสายบุรีจังหวัดปัตตานี เป็นพื้นท่ีอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและอยู่ใน
พ้ืนท่พี ัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดําริท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวทีไ่ ด้รบั พระราชทานพระราชดําริ
เก่ียวกับงานชลประทาน ทําให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ในการทําการเกษตร เลี้ยงสัตว์ อุปโภค บริโภค
และการประมงได้ตลอดท้ังปี โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งคงเป็นป่าที่มีพรรณไม้เจริญอย่างอุดมสมบูรณ์(อิสมะแอ
,2558:สว่ นระบบข้อมูลแผนท่ีดนิ และธาตุอาหารพชื พฒั นาพนื้ ทพ่ี รแุ ฆแฆ, 2558)ปัจจุบนั ปา่ ในเขตพ้ืนที่
อําเภอสายบรุ ี เป็นแหล่งความหลากหลายและแหลง่ อาหารที่สาํ คัญ ของชนั โรงผ้ึง และสัตว์อื่นๆ และมี
การเล้ียงชันโรงและผึ้งเป็นอาชีพเสริม การเลี้ยงชันโรงที่ประสบความสําเร็จจําเป็นต้องศึกษาด้านความ
หลากหลายของพืชเพ่ือนําข้อมูลพรรณไม้ที่เป็นแหล่งอาหาร (foraging plants) และมาประเมิน
ศกั ยภาพดา้ นปริมาณและชนิดของพชื อาหารจากผลการศกึ ษา พบว่า ปรมิ าณแหล่งอาหารของผึ้งชันโรง
มีปริมาณมากและมีความอุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามการเล้ียงผ้ึงชันโรงต้องอาศัยความรู้ด้านวิธีการ
เพาะเลี้ยง การย้ายรัง และท่ีสําคัญมาก ๆ คือด้านการออกแบบและสร้างนวัตกรรมรังเลี้ยง (hive
innovation) เพอ่ื ให้สามารถเก็บผลผลติ น้ําผ้ึงชนั โรงได้

การออกแบบนวตั กรรมรงั เลยี้ งผงึ้ ชนั โรงชนดิ itama sp. ทาํ ให้สามารถเกบ็ ผลผลติ ไดม้ าก และ
สะดวกและตอบสนองความต้องการของตลาด ทําให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากข้ึนประมาณ 80
เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงท่ีผ่านยังไม่มีรายงานการศึกษาและถ่ายทอดเทคโนโลยีข้างต้นมาก่อนเลยในประเทศไทย
นอกจากผลผลิตน้ําผ้ึงที่ได้แล้ว ส่วนpropolisของชันโรงสามารถนําไปใช้ประโยชน์ด้านต่างๆได้ ได้แก่
สบู่ โฟม และอ่ืนๆ ดังน้ันการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยท่ีได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยด้วยการ
บริการวิชาการการจัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจจะเกิดประโยชน์และและเป็นภารกิจ
สาํ คญั รวมท้ังเพื่อให้ชุมชนมีศูนย์แสดงการเพาะเลี้ยงและการย้ายรังเพื่อเพ่ิมปริมาณรังเลี้ยงในชุมชนได้
และกลายเป็นชุมชนต้นแบบท่ีอาศัยความรู้เชิงวิชาการและภูมิปัญญาชาวบ้านในการดํารงชีวิต ซ่ึงเป็น
ภารกิจสําคัญในการสร้างต้นแบบการพัฒนารูปแบบการเลี้ยงผึ้งชันโรงเชิงพานิชย์ต่อไป นอกจากน้ีการ
เลี้ยงผ้ึงชันโรงทําให้เกิดความหลากหลายของพืชได้ ทั้งนี้ผ้ึงชันโรงจะเป็นตัวผสมเกสรที่ดีและมี
ประสทิ ธิภาพสงู

วตั ถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อให้ผ้เู ข้ารับการอบรมสามารถปฏบิ ัติการเลี้ยงและยา้ ยรังผ้ึงชนั โรง
2. เพือ่ ใหผ้ ู้เขา้ อบรมสามารถปฏิบัติการการออกแบบและทาํ นวัตกรรมรงั เล้ยี งผึ้งชนั โรงได้
3. เพือ่ ใหผ้ เู้ ข้าอบรมมีสว่ นรว่ มในการสรา้ งศนู ยแ์ สดงการเล้ยี งผ้ึงชันโรงในชมุ ชนได้

เป้าหมาย
1. เชิงปริมาณเกษตรกร หรือผู้สนใจท่ัวไปที่เข้ารับการอบรมจํานวน30 คน และสามารถ

จดั ตั้งศูนยเ์ ลยี้ งผ้ึงชันโรงในชุมชนได้ จาํ นวน 1ศนู ย์
2. เชิงคณุ ภาพเกษตรกรหรือผู้สนใจท่ัวไปมคี วามรู้เก่ียวกบั การเพาะเล้ียง การยา้ ยรัง และ

นวัตกรรมรังเล้ียงเพื่อเลี้ยงผึ้งชนั โรงในเชิงการค้า

ตัวชีว้ ัดความสาํ เรจ็
1. ตวั ช้วี ัดผลผลิต

เกษตรกรหรือผู้สนใจท่ัวไปท่ีเข้ารับการอบรมจํานวน 30 คน สามารถปฏิบัติการเลี้ยง
และย้ายรังผ้ึงชันโรงได้ ออกแบบและทํานวัตกรรมรังเล้ียงผึ้งชันโรงได้ และมีส่วนร่วมในการสร้างศูนย์
แสดงการเลีย้ งผึ้งชนั โรงในชมุ ชนได้

2.ตวั ชว้ี ัดผลลัพธ์
เกษตรกรหรอื ผสู้ นใจท่ัวไปทเ่ี ขา้ รบั การอบรมจาํ นวน 30 คนเข้าใจในการเล้ยี งและย้าย

รังผึ้งชันโรงได้ ออกแบบและทํานวัตกรรมรังเล้ียงผึ้งชันโรงได้ และให้ความสําคัญต่อการสร้างศูนย์แสดง
การเล้ียงผึ้งชนั โรงในชมุ ชนเพอ่ื การอนรุ ักษ์และขยายรงั เลยี้ งตอ่ ไป

3. ตัวช้วี ดั ผลกระทบ
เกษตรกรหรือผู้สนใจทั่วไปที่เข้ารับการอบรมจํานวน 30 คน มีผลผลิตและรายได้จาก

การขายน้ําผ้ึงชันโรงและเป็นแนวทางการผลิตเชิงการค้า และเพ่ิมรายได้ สุดท้ายทําให้คุณภาพชีวิตดี
ข้ึน

บทที่ 2

วิธีการดาํ เนนิ งานโครงการ

วิธกี ารดําเนนิ งานโครงการ
กิจกรรมการเพาะเล้ียง การย้ายรัง และนวัตกรรมรังเลี้ยงเพ่ือเล้ียงผึ้งชันโรงในเชิงการค้าจัด

ให้แก่ เกษตรกรหรือผู้ท่ีสนใจทั่วไปในอําเภอสายบุรีจังหวัดปัตตานีณบ้านบาเลาะ ตําบลปะเสยะวอ
อําเภอสายบุรีจังหวัดปัตตานีระยะเวลาการจัดกิจกรรมระหว่างวันท่ี21–22เมษายน2561เวลา 08.00 -
12.00 น.งบประมาณ 55,700 บาท การดาํ เนินงานโครงการสรปุ ได้ดังนี้

1 วัสดอุ ปุ กรณ์

1.1 เครื่องมือการทํารงั
- ไมก้ ระทงั
- แผน่ พลาสตกิ pvc
- ทอ่ นไม้กระทิงเทพา
- ดินสอไม้
- ตลับเมตร
- ค้อน
- ปนื กาว
- สวา่ นไฟฟ้า
- ตะปูยงิ รเี วท
- เครื่องยงิ ตะปลู ม
- เครอ่ื งขัดกระดาษทราย
- เครื่องซอยไม้ไฟฟ้า
- เครือ่ งคลึงไม้
1.2 เคร่อื งมือยา้ ยรงั
- ชดุ ป้องกัน
- ขวาน
- ถงุ ดาํ
- ถงุ พลาสตกิ OPP
- มีดด้านไม้ 7 น้วิ
- เกียงโปว้ สีด้านไม้
- เครอื่ งยงิ กระดาษแมก็ ซT์ G-D

- ขั้นตอนการจัดเตรียมโครงการ
1. เสนอโครงการเพอ่ื อนุมตั ิงบประมาณ
2. กําหนด วันเวลา สถานที่ และตดิ ต่อประสานงานเพื่อการจัดกิจกรรม ดังนี้
2.1 กําหนด วันเวลา สถานท่ี ในการจัดกจิ กรรม
2.2 ติดตอ่ ประสานงานไปยงั กลมุ่ เป้าหมาย เพื่อการเขา้ รว่ มกิจกรรม

2.3 ประชาสัมพันธ์เพ่ือเชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการครอบคลุม
จดั เตรียมเอกสาร วสั ดุ อุปกรณ์ สําหรับการจดั กิจกรรม

2.4 ขออนุมตั ิจดั ซ้ือ จัดจา้ ง วัสดแุ ละรายการตา่ งๆ ทเ่ี ก่ียวข้อง
2.5 เตรียมเคร่ืองมือการประเมินผลการดําเนินงานและบัญชีลงทะเบียนของผู้เข้าร่วม
กิจกรรม
- ขัน้ ตอนระหว่างการดาํ เนินโครงการ
1. จัดประชุมระดมความคิดเหน็
2. เสนออนุมัตโิ ครงการ
3. จัดประชุมเตรียมงาน
4. จดั กิจกรรม
5. ประเมินผลการจดั กจิ กรรม
6. สรุปโครงการ

- ขน้ั ตอนหลงั การดําเนินโครงการ
1. ประมวลผลการวิเคราะห์ รายงานผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมาย

วเิ คราะหข์ ้อมูลด้วย spss11.0
2. รวบรวมหลกั ฐานที่เกีย่ วข้องในการจดั โครงการ
3. สรปุ ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน งบประมาณ 55,700 บาท โดยใช้งบสนับสนุนจากโครงการ

การเพาะเลี้ยง การย้ายรัง และนวัตกรรมรังเล้ียงเพ่ือเลี้ยงผึ้งชันโรงในเชิงการค้า ภาควิชาวิทยาศาสตร์
คณะวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยแี ละการเกษตรมหาวิทยาลัยราชภฏั ยะลา

บทที่ 3
ผลการดาํ เนนิ งาน

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบประเมินกิจกรรมการเพาะเล้ียง การย้ายรัง และนวัตกรรมรัง
เลี้ยงเพื่อเลี้ยงผ้ึงชันโรงในเชิงการค้าซ่ึงจัดขึ้นโดยสาขาวิชาชีววิทยา ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะ
วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการเกษตร โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นกลุ่มเกษตรกรหรือผู้สนใจท่ัวไป
จํานวนทั้งส้ิน58คน และมีผู้ตอบแบบสอบถามท้ังสิ้น 36คนคิดเป็นร้อยละ 62.07 จัดข้ึนในวันท่ี 21 –
22 เมษายน2561เวลา08.00–12.00 น.โดยไดแ้ บ่งผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ออกเปน็ 3 ตอน ดงั น้ี

ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 ความพงึ พอใจเกี่ยวกับกิจกรรม
ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ
เกณฑก์ ารวดั ระดับความพงึ พอใจและความคิดเหน็

1.00 – 2.00 ความพึงพอใจอยู่ในระดับนอ้ ย
2.01 – 3.50 ความพึงพอใจอย่ใู นระดบั กลาง
3.51 – 4.00 ความพงึ พอใจอยู่ในระดับมาก
4.01 ขึน้ ไป ความพึงพอใจอยู่ในระดบั มากที่สดุ

ตอนท่ี 1ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตารางที่ 1ขอ้ มูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพท่ัวไปของผู้เข้าร่วมกิจกรรม ดังตารางท่ี 1 พบว่า

สถานภาพของผู้เข้าร่วมกิจกรรมน้ันเป็นเพศชาย 17 คน คิดเป็นร้อยละ 29.31 เป็นเพศหญิง 41 คน
คิดเป็นรอ้ ยละ 70.69 ซึ่งเป็นเกษตรกรหรอื ผู้สนใจทัว่ ไปในอาํ เภอสายบุรีทั้งหมด

สถานภาพ จํานวน ร้อยละ

เพศ 17 29.31
ชาย 41 70.69
หญิง

ตารางที่ 2ความพงึ พอใจเกี่ยวกบั กิจกรรม คา่ เฉล่ีย ค่าเบ่ยี งเบน ระดับ

รายการ 4.72 0.84 มากที่สดุ
1.ด้านวทิ ยากร 4.42 0.76 มากทสี่ ดุ
1.1 การถา่ ยทอดความร้ขู องวิทยากร 4.00 0.65 มากที่สดุ
1.2 ความสามารถในการอธบิ ายเนอ้ื หาของวทิ ยากร 4.11 0.68 มากทส่ี ุด
1.3 การใชเ้ วลาท่กี าํ หนดของวิทยากร
1.4 การตอบข้อซักถามในการฝกึ อบรมของวทิ ยากร 4.42 0.76 มากที่สุด
2 ดา้ นสถานที/่ ระยะเวลา 4.56 0.79 มากทสี่ ุด
2.1 รปู แบบการจดั สถานท่ี
2.2 ความพรอ้ มของอุปกรณ์

รายการ ค่าเฉลย่ี คา่ เบีย่ งเบน ระดบั
2.3 ความเหมาะสมของระยะเวลาในการฝึกอบรม 4.36 0.74 มากทีส่ ดุ
3. ดา้ นความร้ทู ี่ไดร้ ับและประโยชนจ์ ากการอบรม
3.1 ระดับความรู้ท่ีได้รับหลงั จากการการอบรม 4.56 0.79 มากที่สดุ
3.2 สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่เพื่อนได้และบุคคล 4.25 0.71 มากทส่ี ุด
อนื่ ๆได้
3.3 มีความมั่นใจและสามารถนําความรู้ที่ได้รับไปใช้ 4.58 0.80 มากท่ีสดุ
ประโยชน์ได้
4.40 0.75 มากทส่ี ุด
ภาพรวม

จากตารางท่ี 2 จะพบว่าผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมการเพาะเลี้ยง
การย้ายรัง และนวัตกรรมรังเลี้ยงเพ่ือเลี้ยงผ้ึงชันโรงในเชิงการค้า ของการถ่ายทอดความรู้ของวิทยากร
คิดเป็นร้อยละ4.72อยู่ในระดับความพ่ึงพอใจมากท่ีสุดความสามารถในการอธิบายเนื้อหาของวิทยากร
คดิ เป็นรอ้ ยละ4.42อยู่ในระดับมากที่สุดการใช้เวลาท่กี าํ หนดของวิทยากรคดิ เปน็ ร้อยละ4.00อยูใ่ นระดบั
มากสุดการตอบข้อซักถามในการฝึกอบรมของวิทยากร คิดเป็นร้อยละ4.11อยู่ในระดับ มากท่ีสุด
รปู แบบการจดั สถานที่ คิดเปน็ รอ้ ยละ 4.42อยู่ในระดับมากที่สุด ความพร้อมของอุปกรณ์คิดเป็นร้อยละ
4.56อยใู่ นระดบั มากท่สี ุดความเหมาะสมของระยะเวลาในการฝกึ อบรม คิดเป็นร้อยละ 4.36อยู่ในระดับ
มากท่ีสุดระดับความรู้ท่ีได้รับหลังจากการการอบรมคิดเป็นร้อยละ4.56สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่
เพ่อื นได้และบุคคลอน่ื ๆไดค้ ิดเปน็ ร้อยละ4.25อยูใ่ นระดับมากที่สุด มคี วามม่นั ใจและสามารถนําความรทู้ ่ี
ได้รับไปใช้ประโยชน์ได้คิดเป็นร้อยละ4.58อยู่ในระดับมากที่สุดโดยภาพรวมท้ังหมด คิดเป็นร้อยละ
4.40 อยใู่ นระดบั มากทส่ี ุด

บทที่ 4
สรปุ ผล อภปิ รายผลปญั หาและข้อเสนอแนะ

ผลที่ได้รับจากกิจกรรมการเพาะเล้ียง การย้ายรัง และนวัตกรรมรังเลี้ยงเพ่ือเล้ียงผ้ึงชันโรงใน
เชงิ การค้าจัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมรับการอบรมความรู้เก่ียวกับเพาะเลี้ยง การย้ายรัง และท่ีสําคัญคือด้าน
การออกแบบและสรา้ งนวตั กรรมรังเล้ียง เพื่อให้สามารถเกบ็ ผลผลติ น้ําผึง้ ชันโรงได้และมีส่วนร่วมในการ
สร้างศูนย์แสดงการเลี้ยงผึ้งชันโรงในชุมชนสายบุรีโดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจํานวนทั้งสิ้น58 คน และมี
ผู้ตอบแบบสอบถามจํานวน36คน เพศชาย จํานวน17คน (คิดเป็นร้อยละ 29.31) และเพศหญิง
จํานวน 41 คน (คิดเป็นร้อยละ 70.69)สรุปได้ว่าการจัดกิจกรรมครั้งน้ีบรรลุตามวัตถุประสงค์ โดยมี
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจํานวน 58คนซ่ึงเป็นไปตามตัวช้ีวัดความสําเร็จ และจากความพึงพอใจของผู้เข้าร่วม
กิจกรรมมีระดับพึงพอใจมากท่ีสุด ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยากร ด้านสถานท่ี/ระยะเวลา และด้านความรู้ที่
ได้รับประโยชน์จากการอบรมจากผลการประเมินของผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ทางหลักสูตรชีววิทยา
จะนําไปใช้ในการปรับปรุงการจัดกิจกรรมครั้งต่อไปส่วนประเด็นการประเมินท่ีพบว่าอยู่ในระดับดีแล้ว
กจ็ ะนําไปปรบั ใช้ใหด้ ยี ิ่งขึน้

ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ
1. อยากให้ขยายเวลาในการจดั โครงการมากกว่าน้ี
2. อยากใหม้ ีการบรกิ ารห้องน้ํา
3. อยากใหม้ ีการจดั โครงการน้ที กุ เดอื น
4. อยากให้มสี ินค้าจากนาํ้ ผึง้ ชันโรงในหมบู่ า้ น
5. อยากใหจ้ ดั โครงการบรกิ ารวิชาการใหใ้ หญก่ ว่าน้ี
6. อยากให้สรา้ งศนู ย์ใหใ้ หญ่
7. อยากให้มีการประชาสมั พันธ์ล่วงหนา้ หากมกี ารประชุมอกี ครัง้

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก
โครงการทไ่ี ด้รับการอนุมตั ิ











ภาคผนวก ข
แบบประเมินความพึงพอใจ



ภาคผนวก ค
บัญชีรายช่ือผลู้ งทะเบียนและผู้ไดร้ บั เกียรตบิ ตั ร





ภาคผนวก ง
เอกสารและแบบฟอรม์ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั โครงการ


Click to View FlipBook Version