วิชา ปป. (CP) ๒๑๔๐๕
แกลาะรผปู้มฏคี ิบวัตาติม่อผดิเดปก็ กเตยทิ าาวงชจนิตสตรี
ตําÃÒàÃÂÕ ¹
หลกั สตู ร นกั เรียนนายสบิ ตํารวจ
วชิ า ปป. (CP) ๒๑๔๐๕ การปฏิบตั ติ อ เด็ก เยาวชน สตรี
และผมู ีความผดิ ปกติทางจิต
เอกสารนี้ “໚¹¤ÇÒÁÅѺ¢Í§·Ò§ÃÒª¡ÒÔ หามมิใหผูหน่ึงผูใดเผยแพร คัดลอก ถอดความ
หรอื แปลสว นหนงึ่ สว นใด หรอื ทงั้ หมดของเอกสารนเี้ พอื่ การอยา งอนื่ นอกจาก “à¾Íè× ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒͺÃÁ”
ของขาราชการตํารวจเทานั้น การเปดเผยขอความแกบุคคลอื่นท่ีไมมีอํานาจหนาที่จะมีความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา
กองบัญชาการศกึ ษา สาํ นกั งานตํารวจแหง ชาติ
พ.ศ.๒๕๖๔
คํานํา
หลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ (นสต.) เปนหลักสูตรการศึกษาอบรมท่ีมีเปาหมาย
เพื่อเสริมสรางใหบุคคลภายนอกผูมีวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเทา ที่เขารับการฝกอบรมมีความรู ความสามารถ และ
ทักษะวิชาชีพตาํ รวจ รวมถึงพัฒนาบุคลิกภาพรางกายใหเหมาะสมสําหรับการปฏิบัติงานตํารวจ
ในกลุมสายงานปองกันปราบปราม ตลอดจนเตรียมความพรอมทางดานจิตใจและวุฒิภาวะใหมี
จติ สํานกึ ในการใหบ ริการเพอ่ื บําบัดทกุ ขบ ํารุงสขุ ของประชาชนเปน สาํ คญั
กองบัญชาการศึกษา ไดรวมกับ ครู อาจารย และครูฝก ในสังกัดกองบังคับการ
ฝกอบรมตาํ รวจกลาง และกลมุ งานอาจารย กองบัญชาการศึกษา ศูนยฝกอบรมตํารวจภูธรภาค ๑ - ๙
และกองบัญชาการตาํ รวจตระเวนชายแดน ตลอดจนผูทรงคุณวุฒิจากภายนอก จัดทําตาํ ราเรียน
หลกั สตู รนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจชดุ นี้ ซงึ่ ประกอบดว ยองคค วามรตู า งๆ ทจ่ี ําเปน ตอ การพฒั นาศกั ยภาพ
ของนกั เรยี นนายสบิ ตํารวจใหเ ปน ขา ราชการตาํ รวจทพี่ งึ ประสงคข องประชาชน เพอ่ื ใชส ําหรบั ประกอบ
การเรียนการสอนนักเรียนนายสิบตํารวจใหมีความพรอมทั้งดานความรู ความสามารถ กําลังกาย
และจติ ใจ จนสามารถเปน ขา ราชการตาํ รวจทป่ี ฏบิ ตั งิ านใหบ รกิ ารสงั คมและประชาชนไดอ ยา งตรงตาม
ความตอ งการอยางแทจ รงิ และมคี วามพรอมในการเขาสปู ระชาคมอาเซยี น
ขอขอบคุณครู อาจารย ครูฝก และผูทรงคุณวุฒิทุกทาน ที่ไดรวมกันระดมความคิด
ใหคาํ ปรึกษา คาํ แนะนาํ ประสบการณที่เปนประโยชน รวมถึงการถายทอดองคความรู
ที่เปนประโยชน จนทาํ ใหการจัดทําตาํ ราเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบตาํ รวจสําเร็จลุลวงไดดวยดี
ซ่ึงกองบัญชาการศึกษาหวังเปนอยางย่ิงวาตําราเรียนชุดน้ีคงเปนประโยชนตอการจัดการเรียน
การสอนและการจัดการฝกอบรมของครู อาจารย และครูฝก รวมตลอดถึงใชเปนคูมือการปฏิบัติงาน
ของขาราชการตํารวจ อันจะสงผลทาํ ใหสํานักงานตํารวจแหงชาติสามารถสรางความเชื่อมั่น ศรัทธา
และความผาสุกใหแ กประชาชนไดอ ยา งแทจ ริง
พลตํารวจโท
( อภิรตั นยิ มการ )
ผูบ ัญชาการศกึ ษา
ÊÒúÑÞ Ë¹ŒÒ
ÇªÔ Ò ¡Òû¯ÔºμÑ μÔ Í‹ à´ç¡ àÂÒǪ¹ ÊμÃÕ áÅмŒÙÁÕ¤ÇÒÁ¼´Ô »¡μÔ·Ò§¨μÔ ñ
๑
ÊÇ‹ ¹·èÕ ñ Ç¸Ô Õ»¯ÔºÑμÔà¡èÕÂÇ¡ºÑ à´ç¡ ๑
๑
º··èÕ ñ º··ÇÑè ä» ๔
- วตั ถปุ ระสงค ๕
- บทนํา ù
- บทบาทของเจาพนกั งานตํารวจที่เกยี่ วขอ งกับเด็กหรอื เยาวชน ๙
- การสรางสัมพนั ธภาพกบั เด็กหรอื เยาวชน ๙
- สาเหตุแหงการกระทําความผดิ ของเดก็ ๑๐
๑๒
º··èÕ ò ¡ÒäŒÁØ ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´ç¡ ๑๒
- วัตถุประสงค ๑๔
- บทนํา ๑๖
- อนสุ ญั ญาวาดว ยสทิ ธเิ ดก็ ๒๖
- การคมุ ครองสิทธเิ ดก็ และเยาวชนในประเทศไทย ๒๗
- การคมุ ครองสิทธิเดก็ และเยาวชนตามประมวลกฎหมายอาญาฯ óñ
- การคุมครองสิทธเิ ด็กและเยาวชนตามประมวลกฎหมาย ๓๑
วิธพี จิ ารณาความอาญาฯ ๓๑
- การคมุ ครองสิทธเิ ดก็ และเยาวชนตามพระราชบัญญตั คิ มุ ครองเด็กฯ ๓๑
- การคุมครองสิทธเิ ดก็ และเยาวชนตามพระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชน ๓๒
และครอบครัว และวิธพี จิ ารณาคดเี ยาวชนและครอบครัวฯ ๓๕
- การคุมครองสทิ ธิเดก็ และเยาวชนตามพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองแรงงาน ๓๙
º··èÕ ó á¹Ç·Ò§¡Òû¯ºÔ μÑ Ô¢Í§à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹μÒí ÃǨ
- วัตถปุ ระสงค
- บทนํา
- การออกหมายจับเด็กและเยาวชน
- การจับกุมเด็กหรือเยาวชน
- แนวทางการปฏบิ ตั ิของเจาพนักงานตํารวจในการจับกมุ เด็กและเยาวชน
- การตรวจสอบการจบั
˹Ҍ
- แนวทางการปฏบิ ัติของเจาพนักงานตาํ รวจในการคน ๔๑
- แนวทางปฏบิ ัติในการจดบนั ทกึ คํารอ งทุกขใ นคดที ีผ่ เู สียหายเปน เด็ก ๔๕
หรือเยาวชน
º··èÕ ô à·¤¹¤Ô ¡Òëѡ¶ÒÁà´¡ç ¡Òû͇ §¡Ñ¹áÅСÒÃÃÑ¡ÉÒʶҹ·èàÕ ¡Ô´àËμØ ôù
- วตั ถปุ ระสงค ๔๙
- บทนํา ๔๙
- เทคนคิ การซักถามเดก็ หรือเยาวชน ๔๙
- การสังเกตพฤติกรรมหรอื ภาษากายจากผูถ กู ซักถาม ๕๑
- การใชคาํ ถามในการซักถามเดก็ เพื่อแสวงหาขอ มลู ๕๒
- การปอ งกันและรักษาสถานท่ีเกดิ เหตุ ๕๓
ʋǹ·èÕ ò öñ
º··èÕ ñ á¹Ç·Ò§»¯ºÔ Ñμ¢Ô ͧ¾¹¡Ñ §Ò¹à¨ÒŒ ˹Ҍ ·èËÕ Ã×Íà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ
¡Ã³·Õ Õ¾è ººØ¤¤Å·ÕèÁÅÕ ¡Ñ ɳÐÁÀÕ ÒÇÐÍѹμÃÒÂáÅÐÁÕ¤ÇÒÁจํา໹š μŒÍ§ä´ÃŒ Ѻ¡ÒÃบาํ º´Ñ Ã¡Ñ ÉÒ
μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔ梯 ÀÒ¾¨Ôμ ¾.È.òõõñ öó
- วัตถุประสงค ๖๓
- บทนาํ ๖๓
- วธิ กี ารสงั เกตลักษณะของผูท ่มี อี าการทางจติ ๖๓
ÀÒ¤¼¹Ç¡ ÷ó
àÍ¡ÊÒÃÍÒŒ §Í§Ô ñóñ
ʋǹ·Õè ñ
ÇÔ¸»Õ ¯ºÔ μÑ Ôà¡ÂÕè Ç¡ºÑ à´¡ç
๑
º··èÕ ñ
º··ÑÇè ä»
ÇÑμ¶Ø»ÃÐʧ¤
๑. เพื่อใหนักเรียนนายสิบตํารวจ มีความเขาใจบทบาทและอํานาจหนาที่ของ
เจา พนักงานตาํ รวจท่คี วรปฏบิ ตั ิตอเด็กหรือเยาวชน
๑.๑ บทบาทของเจาพนักงานตํารวจเกี่ยวกับเด็กหรอื เยาวชน
๑.๒ สามารถสรางสมั พนั ธภาพกับเด็กหรอื เยาวชน
๑.๓ สามารถเขา ใจสาเหตแุ หง การกระทาํ ผิดของเด็ก
๑.๔ เขา ใจความหมายเด็กตามกฎหมายไทย
เพื่อเปนแนวทางในการปฏิบัติหนาท่ีตามบทบาทหนาท่ีของเจาพนักงานตํารวจ
ตอไป
º·นํา
เด็กคือทรัพยากรบุคคลท่ีมีความสําคัญเปนอยางยิ่ง เพราะประเทศชาติจะมีความ
เจริญมั่นคงอยูไดมากนอยเพียงใดอยูท่ีเด็ก ซ่ึงเขาจะเจริญเติบโตมาเปนผูใหญท่ีมีคุณภาพหรือไม
รัฐจึงมีหนาท่ีสําคัญในการปกปองคุมครองเด็ก ตลอดจนแสวงหาวิธีการชวยเหลือเยียวยาหากเด็ก
เหลาน้ันหลงผิดไปกระทําการใดๆ ที่กอใหเกิดความเดือดรอนหรือกระทําความผิดตามกฎหมาย
การปฏิบัติตอเด็กและเยาวชนเปนส่ิงสําคัญเปนอยางยิ่งในการปฏิบัติงานของเจาพนักงานตํารวจ
ที่ตองมีความรอบรูและเชี่ยวชาญในแตพระราชบัญญัติที่เก่ียวของ เพ่ือใหเกิดความม่ันใจและถูกตอง
และวธิ ปี ฏิบัตเิ กี่ยวกับเด็ก
º·ºÒ·¢Í§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨ·àÕè ¡èÂÕ Ç¢ÍŒ §¡ºÑ à´¡ç ËÃÍ× àÂÒǪ¹
เจาพนักงานตํารวจมีสวนเก่ียวของกับเด็กหรือเยาวชน ทั้งในดานการปองกันมิใหเด็ก
หรอื เยาวชนกระทาํ ความผดิ ตลอดจนปอ งกนั มใิ หเ กดิ เหตรุ า ยทส่ี ง ผลกระทบตอ ชวี ติ รา งกาย และทรพั ยส นิ
ของเดก็ และเยาวชน ขณะเดียวกันเมอ่ื เกิดเหตุรายแรงท่มี ีเด็กหรอื เยาวชนไปมีสว นเกยี่ วของ ไมวาจะ
ในฐานะเปนผูกระทําความผิดหรือในฐานะของผูเสียหายก็ตาม เจาพนักงานตํารวจก็จะตองเปนผูท่ี
เผชิญเหตุการณเหลานั้น ดังน้ันเพ่ือเปนการปองกันมิใหเกิดเหตุการณรายแรงขึ้นกับเด็กหรือเยาวชน
ส่ิงท่ีเจาพนักงานตํารวจควรใหความสนใจกับเด็กหรือเยาวชนท่ีเด็กหรือเยาวชนท่ีเจาพนักงานตํารวจ
ควรใหค วามสนใจ
๑. เดก็ ทขี่ าดการเอาใจใสด ูแลจากครอบครัว ผปู กครอง ถูกทอดท้ิง
๒. เดก็ ทอ่ี าศยั อยใู นสภาพแวดลอ มทไี่ มเ หมาะสม เสย่ี งตอ การถกู ละเมดิ หรอื ถกู ชกั จงู
ใหกระทําความผิด
๒
๓. เด็กท่ีมีรองรอยของการถูกทํารายตามเนื้อตัวรางกาย เชน มีรองรอยการถูกทุบตี
หรอื บาดแผล เดก็ ที่พยายามทํารา ยตัวเอง หรอื มีประวตั พิ ยายามฆา ตวั ตาย
๔. เด็กท่ีมีความแปรปรวนทางอารมณหรือมีความกาวราว ซึมเศรา เพราะส่ิงเหลาน้ี
อาจเกิดมาจากการถูกตําหนิ ถูกสบประมาท หรือถูกดูถูกดูแคลนเปนประจําจากบุคคลในครอบครัว
หรือบคุ คลทีใ่ กลชดิ
๕. เด็กที่หนีออกจากบาน ไมเรียนหนังสือ ตอตานสังคม แสดงพฤติกรรมเรียกรอง
ความสนใจที่ไมเหมาะสมเหลานี้ เจาพนักงานตํารวจควรจะใหความสนใจวาอะไรเปนสาเหตุที่ทําให
เดก็ มพี ฤตกิ รรมเชน น้ัน เพือ่ ชว ยในการปกปองคมุ ครองเด็ก
๖. เด็กที่ชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธหรือการแสดงพฤติกรรมทางเพศกอนวัย
อนั ควร เพราะเขาอาจเปน เด็กท่เี คยถกู ลวงละเมิดทางเพศมากอ น
๗. เด็กที่ไมมีปฏิกิริยาตอบโต เงียบขรึม แยกตัวออกจากสังคม หรือมีพฤติกรรม
ท่ีเปล่ียนไปจากเดิม เชน อาบน้ําหรือชําระลางรางกายบอยคร้ังหรือใชเวลาในการชําระลางรางกาย
นานผดิ ปกติไปจากเดมิ เพราะสิ่งเหลานี้อาจเปนเพราะเดก็ อาจถูกลวงละเมิดได
นอกจากที่กลาวมาแลว เจาพนักงานตํารวจควรจะตองใหความสําคัญกับเด็กท่ีเปน
เดก็ เรร อ น เดก็ กาํ พรา เดก็ พกิ าร เดก็ ทอี่ ยใู นสภาพลาํ บาก ตลอดจนเดก็ ทเ่ี สยี่ งตอ การกระทาํ ความผดิ ดว ย
ซึ่งพระราชบัญญัติคมุ ครองเด็กฯ ไดใหคาํ นิยามของเด็กเหลา น้ไี ว คือ
“เด็กเรรอน” หมายความวา เดก็ ท่ไี มมบี ิดามารดาหรอื ผูปกครองหรอื มีแตไมเล้ียงดู หรอื
ไมสามารถเล้ียงดูได จนเปนเหตุใหเด็กตองเรรอนไปในท่ีตางๆ หรือเด็กที่มีพฤติกรรมใชชีวิตเรรอน
จนนา จะเกิดอนั ตรายตอสวสั ดิภาพของตน
“เดก็ กําพรา” หมายความวา เดก็ ทีบ่ ดิ าหรือมารดาเสยี ชีวิต เดก็ ที่ไมป รากฏบดิ ามารดา
หรอื ไมส ามารถสืบหาบิดามารดาได
“เด็กท่ีอยูในสภาพยากลําบาก” หมายความวา เด็กที่อยูในครอบครัวยากจนหรือบิดา
มารดาหยาราง ทิ้งรา ง ถูกคุมขงั หรอื แยกกนั อยูแ ละไดรับความลําบาก หรือเดก็ ทต่ี อ งรบั ภาระหนา ที่
ในครอบครวั เกินวยั หรือกําลังความสามารถและสตปิ ญ ญา หรือเดก็ ทีไ่ มสามารถชว ยเหลอื ตวั เองได
“เดก็ พกิ าร” หมายความวา เดก็ ทมี่ คี วามบกพรอ งทางรา งกาย สมอง สตปิ ญ ญาหรอื จติ ใจ
ไมวา ความบกพรองนั้นจะมมี าแตก ําเนดิ หรอื เกดิ ขึน้ ภายหลัง
“เดก็ ทเี่ สยี่ งตอ การกระทาํ ผดิ ” หมายความวา เดก็ ทป่ี ระพฤตติ นไมส มควร เดก็ ทป่ี ระกอบ
อาชีพหรือคบหาสมาคมกับบุคคลที่นาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอศีลธรรมอันดี
หรอื อยใู นสภาพแวดลอ มหรอื สถานทอ่ี นั อาจชกั นาํ ไปในทางเสยี หาย ทงั้ นี้ ตามทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง
กาํ หนด กลา วคือ
๓
๑) เดก็ ที่ประพฤตติ นไมสมควร ไดแ ก เดก็ ท่ีมพี ฤติกรรมอยา งหนง่ึ อยางใด ดังตอไปนี้
(๑) ประพฤตติ นเกเรหรือขม เหงรังแกผอู ืน่
(๒) ม่ัวสมุ ในลักษณะทกี่ อความเดือดรอ นราํ คาญแกผอู น่ื
(๓) เลนการพนนั หรอื มวั่ สมุ ในวงการพนัน
(๔) เสพสรุ า สบู บหุ ร่ี เสพยาเสพตดิ ใหโ ทษหรอื ของมนึ เมาอยา งอน่ื เขา ไปในสถานท่ี
เฉพาะ เพื่อการจําหนา ยหรือดืม่ เคร่อื งดม่ื ท่ีมแี อลกอฮอล
(๕) เขา ไปในสถานบรกิ ารตามกฎหมายวาดวยสถานบรกิ าร
(๖) ซ้ือหรือขายบริการทางเพศ เขาไปในสถานการคาประเวณีหรือเกี่ยวของกับ
การคา ประเวณี ตามกฎหมายวาดว ยการปองกันและปราบปรามการคาประเวณี
(๗) ประพฤติตนไปในทางชสู าว หรอื สอ ไปในทางลามกอนาจารในทสี่ าธารณะ
(๘) ตอ ตา นหรอื ทา ทายคาํ สงั่ สอนของผปู กครอง จนผปู กครองไมอ าจอบรมสงั่ สอนได
(๙) ไมเขาเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษาตามกฎหมายวาดวยการศึกษา
ภาคบงั คบั
๒) เด็กที่ประกอบอาชีพที่นาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอศีลธรรม
อนั ดี ไดแก เดก็ ท่ีประกอบอาชีพ ดังตอไปนี้
(๑) ขอทานหรือกระทําการสอไปในทางขอทาน โดยลําพังหรือโดยมีผูบังคับ
ชกั นาํ ยยุ ง หรือสงเสรมิ หรอื
(๒) ประกอบอาชีพหรือกระทําการใดอันเปนการแสวงหาประโยชนโดยมิชอบ
ดวยกฎหมาย หรอื ขัดตอศีลธรรมอนั ดี
๓) เด็กที่คบหาสมาคมกับบุคคลท่ีนาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอ
ศีลธรรมอันดี ไดแ ก เด็กท่ีคบหาสมาคมกบั บคุ คล ดงั ตอไปน้ี
(๑) บุคคลหรือกลุมคนที่รวมตัวกันม่ัวสุม เพ่ือกอความเดือดรอนรําคาญแกผูอื่น
หรือกระทําการอันขัดตอกฎหมายหรือศีลธรรมอนั ดี หรอื
(๒) บคุ คลทปี่ ระกอบอาชพี ทขี่ ดั ตอกฎหมายหรือศลี ธรรมอันดี
๔) เด็กท่ีอยูในสภาพแวดลอ มหรือสถานทอ่ี ันอาจชักนาํ ไปในทางเสยี หาย ไดแ ก เด็กที่
อยใู นสภาพแวดลอมหรอื สถานที่ ดังตอไปน้ี
(๑) อาศัยอยูกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวของกับยาเสพติดใหโทษหรือใหบริการ
ทางเพศ
(๒) เรร อ นไปตามสถานทตี่ า ง ๆ โดยไมม ที พ่ี กั อาศยั เปน หลกั แหลง ทแี่ นน อน หรอื
(๓) ถูกทอดทิ้งหรือถูกปลอยปละละเลยใหอยูในสภาพแวดลอมอันอาจชักนํา
ไปในทางเสยี หาย
(กฎกระทรวงกาํ หนดเด็กที่เสี่ยงตอการกระทําผดิ พ.ศ.๒๕๔๙)
๔
เนื่องจากเด็กเหลาน้ี มีความเส่ียงตอการกระทําความผิด หรืออาจถูกชักนําไปกระทํา
ความผดิ ไดงาย ขณะเดยี วกันเด็กเหลานก้ี ็อาจถกู ลวงละเมดิ จากบุคคลอ่ืนไดง ายเชน กนั เจา พนักงาน
ตํารวจซ่ึงปฏิบัติงานและพบเห็นเด็กเหลาน้ี ควรจะใหความสําคัญในการสรางสัมพันธภาพกับเด็ก
เหลาน้ี เพื่อเปน การปอ งกันมิใหเ ด็กเหลา นถี้ ูกลว งละเมิดหรอื ตกเปนผูกระทําความผิดในอนาคต
¡ÒÃÊÌҧÊÁÑ ¾¹Ñ ¸ÀÒ¾¡ºÑ à´ç¡ËÃÍ× àÂÒǪ¹
การสรางความสัมพันธภาพกับเดก็ เปน สงิ่ สาํ คัญมาก เพราะเจา พนกั งานตํารวจจะไดร ับ
ความรวมมอื จากเด็กหรือไม อยทู สี่ ัมพนั ธภาพที่มตี อกนั ในการสรางสมั พนั ธภาพควรจะตองเรมิ่ จาก
๑. เจาพนักงานตํารวจจะตองเขาใจสภาพของเด็กเหลานด้ี ว ย อยาปลอ ยใหความรสู ึก
หรืออคติสวนตวั มามีผลตอการปฏบิ ัติงาน เนอ่ื งจากเหตุผลดานเช้อื ชาติ สัญชาติ ศาสนา เพศ อายุ
หรือทัศนคติของเด็ก เพราะเด็กเหลานี้เปนกลุมที่มีความออนแอเพราะเหตุสภาพรางกาย สุขภาพ
ความเจ็บปวย ความพิการ สติปญญา ตลอดจนภูมิหลังทางสังคมท่ีเลวรายที่เขาประสบมา ซึ่งทําให
การสรางความสัมพันธภาพอาจจะตอ งใชเวลาจนกวาเดก็ ๆ เหลานจี้ ะใหความไววางใจ
๒. สิ่งที่ตองตระหนกั คือ ขอมูลท่ีไดจ ากเด็กๆ เหลานี้ อาจไมถกู ตองท้งั หมด เดก็ จะมี
พฤติกรรมในการกาวราว ตอ ตาน เพอ่ื ความจําเปน ในการอยูร อดของเขา อยา พิจารณาเดก็ ในดานลบ
เพียงอยางเดียว จะตองพิจารณาในดานบวกดวย เพื่อจะไดเขาใจในวิถีชีวิตของเขาและจะทําให
สัมพนั ธภาพน้ันนานขึ้น
๓. ควรจะตองเร่มิ ตนการสรางสัมพนั ธภาพในเร่อื งที่เดก็ สนใจ เชน เรื่องกีฬากับท่ีเด็ก
เลน กฬี าอยเู ปน ประจาํ เปด ใจในการรบั ฟง สงิ่ ทเี่ ดก็ พดู หรอื เลา ดว ยความอดทนอยา เรง รบี ใชศ พั ทท วั่ ๆ ไป
ที่เด็กเขาใจหรือใชศัพทที่เด็กๆ ใชพูดคุยกัน อยาใชศัพทท่ีเก่ียวกับอาชีพตํารวจซึ่งเด็กอาจไมเขาใจ
หาขอ มลู ของเดก็ จากสภาพแวดลอ ม คนรอบขา ง เพอ่ื ใหท ราบถงึ ภมู หิ ลงั ของเดก็ กอ นทจ่ี ะเขา ถงึ ตวั เดก็
เพราะหากเขา ถึงตัวเดก็ เลย เขาอาจปฏเิ สธในการสรา งความสัมพนั ธก บั เขาได
๔. แสดงความขอบคุณเด็กที่ใหความรวมมือ และแสดงความชื่นชมเด็กวาทําไดดี
ในการใหข อ มูลท่ีเปนประโยชน
๕. การวางตัวและการแสดงทาทางขณะที่ทําการพูดคุยกับเด็กมีความสําคัญมาก
ตอการยอมรับหรือเปดใจของเด็ก ควรจะตองแสดงความเปนกันเอง อยาแสดงอาการของการ
มอี าํ นาจเหนอื ตวั เดก็ เชน การยนื กอดอกพดู กบั เดก็ ทน่ี งั่ อยทู พ่ี นื้ โดยใชค าํ พดู ในลกั ษณะของการสง่ั การ
ใหเ ดก็ ทาํ หรอื พดู แตค วรจะพดู ดว ยนา้ํ เสยี งทเี่ ปน กนั เอง แนะนาํ และอธบิ ายเกย่ี วกบั ตนเอง ดว ยภาษา
งายๆ น่ังอยูในระดบั เดยี วกบั เด็กท่ีจะพูดคยุ ดว ย
๖. จะตองตระหนักวา เด็กๆ เหลานี้เติบโตมาอยางโดดเด่ียว ขาดการเอาใจใส
การพฒั นาดา นอารมณแ ละศลี ธรรมของพวกเขาจะไมส มดลุ ซงึ่ อาจทาํ ใหเ ดก็ เหลา นไ้ี มเ ขา ใจวา สง่ิ ใดผดิ
ส่ิงใดถูก ไมเขาใจกลไกของความยุติธรรม ไมเขาใจถึงความเก่ียวพันในส่ิงที่ไดกระทําลงไปวาสงผล
กระทบตอตนเองหรือผูอื่นอยางไร ดังนั้น จึงตองอาศัยความอดทนและความสม่ําเสมอในการสราง
ความสัมพนั ธก บั เดก็ ๆ
๕
๗. เขาใจในเรื่องพัฒนาการของเด็กในดานตางๆ ท้ังดานรางกาย ความคิด อารมณ
และศีลธรรม วาเด็กในกลุมน้ีจะมีการพัฒนาการในดานตางๆ ไมเหมือนกับเด็กท่ัวๆ ไปท่ีไดรับ
การเล้ียงดูเอาใจใสจากครอบครัว ซ่ึงเด็กเหลานี้ อาจมีรางกายไมสมบูรณ กระบวนการการรับรู
ความเขา ใจ การมเี หตผุ ล การแกป ญ หาและการตดั สนิ ใจทแ่ี ตกตา งกบั เดก็ ทว่ั ไปทอี่ ยใู นวยั เดยี วกนั การเรยี นรู
ทจี่ ะควบคมุ อารมณข องตนมนี อ ย และจากสภาพแวดลอ มทเี่ ดก็ เปน อยู ทาํ ใหก ระบวนการรบั รอู ะไรถกู
อะไรผดิ ทางดานศีลธรรมมีนอยกวา ปกติ เปนตน
๘. เก็บขอมูลของเด็กๆ ที่เจาพนักงานตํารวจไปสรางสัมพันธภาพน้ันไว เชน รูปราง
ลกั ษณะ และขอ สงั เกตในระหวา งการพดู คยุ วา เดก็ นน้ั มคี วามสนใจในเรอื่ งอะไร มคี วามสามารถพเิ ศษ
อะไรบาง กิจกรรมท่ีเด็กชอบ เหลานี้จะไดนําไปเปนขอมูลในการปกปองและคุมครองเด็กกลุมเสี่ยง
เหลา นไี้ ดต อ ไป
ÊÒàËμØá˧‹ ¡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´¢Í§à´ç¡
ในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนกระทําความผิดเชนนั้น เจาพนักงานตํารวจจะตัดสินเด็ก
หรอื เยาวชนทตี่ อ งหาวา กระทาํ ผดิ จากเหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขนึ้ นน้ั เพยี งอยา งเดยี วไมไ ด เจา พนกั งานตาํ รวจ
ควรจะตอ งใหความสําคัญของภมู ิหลงั และสภาพสงั คมแวดลอ มของเด็กดวยวา ทําไมเดก็ หรือเยาวชน
ไดก ระทําความผดิ โดยแยกเปน
ÊÒàËμ¨Ø Ò¡ÊÀÒ¾áÇ´ÅÍŒ ÁÀÒ¹͡μÑÇà´ç¡
๑. ครอบครัว หรือชุมชน จากการศึกษาวิจัยพบวา ประวัติการกระทําผิดของพอ
จะทําใหบุตรมีโอกาสกระทําผิดรายแรงได เม่ือเปรียบเทียบกับครอบครัวที่ไมมีการกระทําผิดของพอ
การทารุณกรรมและละเลยเด็ก จะสัมพันธกับการมีพฤติกรรมรุนแรงตอมา แตระดับของความรุนแรง
ขึ้นอยูกับลักษณะของการทารุณกรรม เชน เด็กที่ถูกทํารายทางรางกายจะมีการกระทําผิดรุนแรงบาง
เล็กนอย ในขณะที่เด็กที่ถูกละเลยทอดท้ิงจะกระทําผิดรุนแรงมากกวา การจัดการที่ไมเหมาะสมของ
ครอบครัว ครอบครัวที่ขาดการต้ังเปาหมายพฤติกรรมที่ชัดเจน ขาดการควบคุมดูแล มีระเบียบวินัย
ท่ีเขมงวดหรือไมแนนอน และขาดทักษะการเปนพอแม เปนปจจัยที่กอใหเกิดความรุนแรงในเด็กได
การขาดการมสี ว นรว มของเดก็ และพอ แมท าํ ใหเ ดก็ มพี ฤตกิ รรมรนุ แรง เชน พอ แมท ไ่ี มเ ขา ไปมสี ว นรว ม
ในการศึกษาของลูก พอท่ีไมเขารวมในกิจกรรมยามวางของบุตรชาย และการไมส่ือสารกันระหวาง
พอ แมก บั ลกู ในวยั รนุ ความขดั แยง ในครอบครวั การแสดงออกซง่ึ ความขดั แยง อยา งรนุ แรงในชวี ติ ครอบครวั
จะเพ่ิมความเสี่ยงตอการมีพฤติกรรมรุนแรงของบุตร โดยเฉพาะหากแสดงความขัดแยงใหบุตรท่ีอยู
ในชวงอายุ ๑๔ ถึง ๑๖ ป เห็นจะทาํ ใหเพ่ิมพฤติกรรมรุนแรงเมอ่ื อายุ ๑๘ ป การถูกแยกจากพอ แม
ความสัมพันธที่ไมดีระหวางบุตรกับพอแมจะทําใหพฤติกรรมรุนแรงมากข้ึน โดยพบวาเม่ือเด็กชาย
มีปญหากับพอแมต้ังแตอายุกอน ๑๐ ขวบ หรือลูกออกจากบานกอนอายุ ๑๖ ป จะมีโอกาสเส่ียง
ยงิ่ ขน้ึ การมพี นี่ อ งทก่ี ระทาํ ความผดิ จะเพมิ่ ความเสย่ี งตอ การมพี ฤตกิ รรมรนุ แรง พบวา เดก็ อายุ ๑๐ ขวบ
ท่ีมีพี่นองกระทําผิดจะเพ่ิมความเส่ียงตอพฤติกรรมรุนแรง เพราะพ่ีนองที่กระทําความผิดจะมี
ความสมั พนั ธอ ยา งมากกบั การมพี ฤตกิ รรมรนุ แรงในวยั รนุ โดยเฉพาะจะมอี ทิ ธพิ ลสงู ตอ หญงิ มากกวา ชาย
๖
อยางไรก็ตามสาเหตุการกระทําความผิดของเด็กและเยาวชน มิใชมีแตเฉพาะ
ครอบครวั ทม่ี ีความบกพรองดังเชนทก่ี ลา วขา งตน เพียงอยางเดียว แตส ามารถเกิดขึน้ กับครอบครวั ทม่ี ี
ความสมบูรณก็เปนได ซึ่งกรณีนี้อาจเกิดจากครอบครัวที่บิดามารดาต้ังความหวังกับเด็กและเยาวชน
สงู เกนิ ไป จงึ เขม งวดกวดขนั เปน ผลใหเ กดิ ความกดดนั กบั เดก็ และเยาวชน เมอ่ื เดก็ และเยาวชนไมไ ดเ ปน ไป
ตามท่ีคาดหวังไวก็จะระบายออกมาโดยไมรูตัว ซึ่งมีผลกระทบตอจิตใจเด็กและเยาวชน จนอาจ
ทําใหเด็กและเยาวชนรูสึกวาตนเองไมมีคุณคา จึงปลอยตัวประพฤติตนไปตามสภาพแวดลอมที่ไมดี
หรอื ทเ่ี รยี กวา เปน การประชดชวี ิต
๒. สถานทอี่ ยอู าศยั เชน สถานทอ่ี ยอู าศยั ของเดก็ อยใู กลบ อ นการพนนั หรอื สถาน
บันเทงิ จากการศกึ ษาพบวาการทเ่ี ด็กเตบิ โตทามกลางความยากจน มโี อกาสเสย่ี งตอ การมพี ฤตกิ รรม
รนุ แรง การเติบโตในครอบครวั ท่มี ีรายไดต ํา่ จะเพ่มิ โอกาสเปน วัยรุน ที่ใชความรุนแรง ความไรร ะเบียบ
ในชมุ ชน การขาดความผกู พนั กบั เพอื่ นบา น การมเี พอื่ นบา นผใู หญท กี่ ระทาํ ความผดิ และมคี วามสะดวก
ในการไดยาเสพตดิ มาใช จะเพิ่มความเส่ียงตอ การกระทําผดิ และรนุ แรง
๓. สถานะทางเศรษฐกิจ การขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคท่ีจําเปน จากการ
ศึกษาพบวา ครอบครวั ของชนชนั้ ลางท่มี ีความยากจนและผใู ชแ รงงานชนชนั้ ลางทม่ี ีความยากไร และ
ผใู ชแรงงานซ่ึงมรี ายไดไ มเพียงพอทีจ่ ะใชจ า ยในการดาํ เนนิ ชีวิต ทาํ ใหเ กิดการขาดแคลนเครอื่ งอุปโภค
บรโิ ภคทีจ่ ําเปน ซ่ึงจะพบวาเด็กและเยาวชนมกั จะกระทําความผดิ ในขอ หาลักทรัพยจํานวนมาก หรือ
พบวา มผี ใู หญช กั จงู ใหเ ดก็ และเยาวชนกระทาํ ความผดิ โดยเดก็ และเยาวชนหวงั เพยี งคา ตอบแทน เชน
ชกั จงู ใหน ํายาเสพติดไปสงตอหรอื จําหนาย โดยใหเ งนิ เปนคา ตอบแทน
๔. การดอยโอกาสทางการศึกษา ความออนดอยสติปญญาหรือประสบการณ
เน่ืองดวยเด็กและเยาวชนยังมีสติปญญาและประสบการณนอย จึงมักถูกชักจูงไปในทางที่ผิด
ไดโดยงาย หรืออาจกระทําไปดวยความรูเทาไมถึงการณ โดยยังไมมีความคิดท่ีรอบคอบ หรือยัง
ไมส ามารถแยกแยะวา สง่ิ ใดควรหรอื ไมค วรทาํ เชน ถกู ชกั นาํ ใหไ ปยงุ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ หรอื ถกู ชกั จงู ให
ประกอบอาชพี ทไ่ี มเ หมาะสมแตม รี ายไดด ี เดก็ และเยาวชนทม่ี รี ะดบั การศกึ ษาตา่ํ จะไมแ สวงหาความรู
เพอื่ พฒั นาตนเอง หรอื ไมม คี วามกระตอื รอื รน ทจี่ ะเตบิ โตเปน ผใู หญท แ่ี กป ญ หาของตนเองดว ยเหตผุ ล
เพ่ือเลี้ยงตนเองได ทําใหเด็กและเยาวชนกลุมน้ีอยูในกลุมเสี่ยงท่ีจะกอใหเกิดการกระทําความผิด
ไดโ ดยงาย
สาเหตภุ ายในตัวของเดก็
๑. สภาพความผิดปกติของรางกาย เด็กและเยาวชนไดรับการถายทอดพันธุกรรม
มาจากบดิ ามารดา เชน โรคปญ ญาออน หรือระดบั สติปญ ญาต่าํ กวา เกณฑป กติ หรอื มรี างกายพิการ
ส่ิงเหลานี้จะทําใหเด็กและเยาวชนรูสึกวาตนเองมีปมดอย เกิดความนอยเน้ือตํ่าใจ และอาจถูกเด็ก
และเยาวชนวัยเดียวกันลอเลียน จนทําใหเด็กและเยาวชนรูสึกวาตนเองถูกซํ้าเติม และเกิดอารมณ
๗
คอนขางรุนแรง จึงแสดงออกในทางกาวราว เชน ทํารายรางกายผูลอเลียนหรือเด็กและเยาวชน
ที่ออนแอกวา หรือหากไมสามารถตอบโตไดก็จะเกิดการเก็บกดสะสมไปเร่ือยๆ และแสดงออก
เมื่อมโี อกาส
๒. สภาพความผิดปกติทางจิตใจ เด็กและเยาวชนจะมีวุฒิภาวะทางดานจิตใจ
และอารมณแ ตกตา งจากผใู หญ ทงั้ เดก็ และเยาวชนแตล ะคนจะมวี ฒุ ภิ าวะของจติ ใจและอารมณไ มเ ทา กนั
เด็กและเยาวชนบางกลุมมีวุฒิภาวะทางจิตใจและอารมณไมปกติ ซ่ึงอาจเกิดจากประสบการณ
และการเล้ียงดูที่แตกตางกัน ในวัยรุน เด็กและเยาวชนมักจะมีอารมณคึกคะนอง ขาดความอดทน
ตอ สงิ่ เรา หรอื สภาพแวดลอ ม บางคนไมช อบถกู บงั คบั และมกั แสดงออกกบั การถกู บงั คบั อยา งไมถ กู ตอ ง
โดยเฉพาะในวัยนี้มีการเปล่ียนแปลงทางดานรางกายและจิตใจ รวมถึงฮอรโมนทางเพศที่เพ่ิมขึ้น
หลายคนมกี ารแสดงออกในทางรนุ แรง กา วรา ว และใชว ธิ รี นุ แรงในการแกป ญ หา (อรอมุ า วชริ ประดษิ ฐพ ร,
๒๕๕๕)
ÊÇ‹ ¹ÊÃØ»
เดก็ และเยาวชนมวี ฒุ ภิ าวะทางดา นจติ ใจและอารมณแ ตกตา งจากผใู หญ รวมทงั้ เดก็ และ
เยาวชนแตล ะคนจะมวี ฒุ ภิ าวะของจติ ใจและอารมณไ มป กตแิ ละไมเ ทา กนั ซงึ่ อาจเกดิ จากประสบการณ
และการเลีย้ งดทู ่แี ตกตางกัน โดยเฉพาะในวัยนม้ี กี ารเปล่ยี นแปลงทางดา นรางกาย และจิตใจ รวมท้งั
ฮอรโมนทางเพศที่เพมิ่ ข้ึน หลายคนมีการแสดงออกในทางรนุ แรง กา วราว และใชว ธิ ีรนุ แรงแกปญหา
ในกรณีเดก็ หรอื เยาวชนกระทาํ ความผิดเชน น้นั เจา พนักงานตาํ รวจจะตัดสินเดก็ หรอื เยาวชนท่ีตอ งหา
วากระทําความผิดจากเหตุการณท่ีเกิดขึ้นน้ันเพียงอยางเดียวไมได เจาพนักงานตํารวจควรจะตองให
ความสําคญั ของภมู ิหลัง และสภาพสังคมและแวดลอ มของเดก็ และเยาวชน รวมท้ังปฏิบัตติ อเดก็ และ
เยาวชน ตามกฎหมายท่เี กย่ี วของตามบทบาทและอาํ นาจหนา ทใี่ หถ กู ตองเหมาะสม
๙
º··Õè ò
¡ÒäÁŒØ ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´¡ç
ÇÑμ¶Ø»ÃÐʧ¤
๑. เพอ่ื ใหนักเรียนนายสิบตํารวจ มีความเขาใจในการคุมครองสทิ ธเิ ด็กตามอนุสญั ญา
วา ดว ยสิทธเิ ด็ก
๒. เพอ่ื ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจ มคี วามเขา ใจ กฎหมายตา งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การคมุ ครอง
สทิ ธิเดก็ ในประเทศไทย
๒.๑ การคุมครองสิทธิเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา
๒.๒ การคุมครองสิทธิเดก็ ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา
๒.๓ พระราชบญั ญตั คิ ุมครองเดก็ ฯ
๒.๔ พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน
และครอบครวั ฯ
๒.๕ การคมุ ครองสิทธเิ ด็กและเยาวชนตามพระราชบญั ญตั คิ ุมครองแรงงาน
เพอ่ื ใหก ารปฏบิ ตั งิ านตามบทบาทและอาํ นาจหนา ทขี่ องเจา พนกั งานตาํ รวจไดอ ยา ง
ถกู ตอ งเหมาะสมตอไป
º·นาํ
จากอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็กฯ “เด็กโดยเหตุท่ียังไมเติบโตเต็มท่ีทั้งรางกายและจิตใจ
จึงตองการพิทักษและดูแลเปนพิเศษ รวมถึงตองการการคุมครองทางกฎหมายท่ีเหมาะสมทั้งกอน
และหลังเกิด” และสหประชาชาติไดประกาศในปฏิญญาสากลดวยวา เด็กมีสิทธิที่จะไดรับการดูแล
และการชวยเหลือเปนพิเศษ ประเทศไทยไดเขาเปนภาคี ในอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก เม่ือวันท่ี
๒๗ มีนาคม ๒๕๓๕ และมีผลบังคับกับประเทศไทย เมื่อวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๓๕ ประเทศไทย
จงึ ตอ งนาํ หลกั เกณฑ ซง่ึ อนสุ ญั ญาฉบบั นมี้ าปรบั กฎหมายภายในประเทศทเ่ี กย่ี วกบั เดก็ เพอื่ ใหส อดคลอ ง
กบั สาระสําคัญในอนสุ ญั ญาวาดว ยสิทธเิ ดก็
จากอนุสัญญาวา ดว ยสทิ ธเิ ด็กฯ ในสวนอารมั ภบทท่กี ลา ววา “เดก็ โดยเหตุทีย่ งั ไมเ ติบโต
เต็มที่ทั้งรางกายและจิตใจ จึงตองการการพิทักษและดูแลเปนพิเศษ รวมถึงตองการการคุมครอง
ทางกฎหมายที่เหมาะสมทั้งกอนและหลังการเกิด” และสหประชาชาติไดประกาศในปฏิญญาสากล
ดว ยวา เดก็ มสี ิทธทิ ี่จะไดร บั การดูแลและการชว ยเหลอื เปน พเิ ศษ
สาํ หรบั ประเทศไทยไดเ ขา เปน ภาคอี นสุ ญั ญาวา ดว ยสทิ ธเิ ดก็ โดยการภาคอนวุ ตั ิ (คอื การ
ใหค วามยนิ ยอมของรฐั เพอื่ เขา ผกู พนั ตามสนธสิ ญั ญา ซง่ึ จะใชใ นกรณที ร่ี ฐั นน้ั มไิ ดเ ขา รว มในการเจรจา
ทําสนธสิ ญั ญาและมไิ ดล งนามในสนธสิ ญั ญานนั้ มากอ น) เมื่อวนั ที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๕ และมีผล
บงั คบั กบั ประเทศไทย เมือ่ วนั ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๕
๑๐
และจากทปี่ ระเทศไทยเขา เปน ภาคี ในอนสุ ญั ญาวา ดว ยสทิ ธเิ ดก็ ฯ น้ี จงึ ทาํ ใหป ระเทศไทย
จะตองนําหลักเกณฑซึ่งอนุสัญญาฉบับน้ีมาปรับกฎหมายภายในประเทศท่ีเกี่ยวกับเด็ก เพื่อให
สอดคลองกบั สาระสาํ คญั ในอนสุ ัญญาวาดวยสิทธิเด็ก
͹ÊØ ÑÞÞÒÇÒ‹ ´ÇŒ ÂÊ·Ô ¸Ôà´¡ç
อนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก๑ คือ ขอตกลงที่ระหวางประเทศจัดทําข้ึนโดยสหประชาชาติ
โดยไดรับการรับรองจากที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly)
ในป ๒๕๓๒ โดยประเทศไทยไดลงนามเปนภาคอี นสุ ญั ญาวาดวยสทิ ธเิ ด็กเมอ่ื ๑๒ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๓๕
ในอนสุ ญั ญาวาดว ยสิทธเิ ดก็ ไดนยิ ามความหมายคาํ วา “เดก็ ” ไวว า
“เดก็ ” หมายถงึ มนษุ ยท ุกคนท่อี ายุต่าํ กวา ๑๘ ป เวนแตจ ะบรรลนุ ิตภิ าวะกอนหนา นนั้
ตามกฎหมายทใ่ี ชบ ังคับแกเ ด็กนั้น (อนุสัญญาวา ดวยสทิ ธเิ ด็กขอ ๑)
อนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child 1989)
ไดก าํ หนดในภาครฐั และภาคสงั คมไดต ระหนกั ถงึ ความสําคญั ของเดก็ เพอื่ จะนําไปสกู ารปฏบิ ตั มิ จี ํานวน
ท้งั หมด ๕๔ ขอ ซึ่งแบง เปน ๓ สว นคือ
สวนท่ี ๑ เริ่มจากขอ ๑ ถึงขอ ๔๑ วา ดว ยหลักการและเน้ือหาเกี่ยวกับสทิ ธิทเ่ี ด็กพึงจะ
ไดร บั โดยเนน หลักพนื้ ฐาน ๔ ประการ กลา วคอื
๑) หามเลือกปฏิบัติตอเด็กและการใหความสําคัญแกเด็กทุกคนอยางเทาเทียมกัน
โดยไมค ํานงึ ถงึ ความแตกตา งของเดก็ ในเรอ่ื งเชอื้ ชาติ สผี วิ เพศ ภาษา ศาสนา ความคดิ เหน็ ทางการเมอื ง
ชาติพันธุหรือสังคมทรัพยสิน ความทุพพลภาพ การเกิดหรือสถานะอื่นๆ ของเด็กหรือบิดามารดา
หรือผปู กครองทางกฎหมาย ทั้งนี้เพ่อื ใหเ ดก็ มโี อกาสที่เทา เทียมกนั
๒) การกระทําหรือการดําเนินการทงั้ หลายตองคํานงึ ถึงประโยชนสงู สุดเปน อนั ดับแรก
๓) สทิ ธิในการมีชวี ิตการอยรู อดและการพัฒนาทางดา นจติ ใจอารมณส ังคม
๔) สทิ ธใิ นการแสดงความคดิ เหน็ ของเดก็ และการใหค วามสาํ คญั กบั ความคดิ เหน็ เหลา นนั้
สวนที่ ๒ เร่ิมจากขอที่ ๔๒ ถึงขอท่ี ๔๕ เปนขอกาํ หนดเปนหลักเกณฑและแบบพิธี
ซึ่งประเทศใหส ตั ยาบนั แกอ นุสัญญานต้ี องปฏบิ ตั ติ าม
สว นท่ี ๓ เริ่มจากขอท่ี ๔๖ ถงึ ขอ ที่ ๕๔ เปน ขอ กาํ หนดวิธีการสอดสองดแู ลการปฏบิ ัติ
ตามอนุสญั ญาและกําหนดเงื่อนไขตา งๆ ในการบังคบั ใช
สาํ หรับสาระสําคัญท่ีเด็กพึงจะไดรับตามอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็กน้ันพอสรุปไดเปน
๖ หลักการดังน้ี
๑ สืบคน จาก http://humanrights.mfa.go.th/th/kids/72/ (วันทีค่ นขอ มลู : ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๒)
๑๑
ñ. ËÅÑ¡·èÑÇä»
เปน การคมุ ครองสทิ ธเิ สรภี าพทว่ั ๆ ไปในแงท งั้ สว นบคุ คล การแสดงความเหน็ ศาสนา
วฒั นธรรม ความเสมอภาคภายใตก ฎหมายเดยี วกนั การศกึ ษาและอน่ื ๆ นอกจากนนั้ เปน สว นทเ่ี กยี่ วกบั
การคมุ ครองดแู ลเดก็ โดยทวั่ ไป โดยกาํ หนดไวใ นรปู หลกั พงึ ปฏบิ ตั ขิ องรฐั ภาคี อยา งไรกต็ ามมบี ทบญั ญตั ิ
ทต่ี ดั ปญ หาผลกระทบทางลบในการบงั คบั ในอนสุ ญั ญานป้ี ด ทา ยไวว า อนสุ ญั ญานไี้ มม ผี ลทําใหเ ดก็ ไดร บั
ความคมุ ครองนอ ยไปกวา ทเี่ ขามอี ยตู ามกฎหมายอนื่ ๆ สาระสําคญั ของหลกั นอ้ี ยใู นขอ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕,
๑๑, ๑๒, ๑๓, ๑๔, ๑๕, ๑๖, ๒๕, ๓๐, ๓๘ และขอ ๔๑
ò. ËÅ¡Ñ ¡ÒäÁŒØ ¤ÃͧÃÒ‹ §¡Ò ªÇÕ μÔ àÊÃÀÕ Ò¾ áÅÐÊÇÊÑ ´ÀÔ Ò¾¢Í§à´¡ç มงุ คมุ ครองมใิ หเ ดก็
ถูกละเมดิ สทิ ธเิ หนือรา งกาย ชีวติ และเสรีภาพ ไมว าจะทาํ ราย ฆา ลวงเกินทางเพศ ขูดรดี หากําไร
ทางเพศ หรือคากําไรทางเศรษฐกิจหรือนําเด็กไปเปนวัตถุซื้อขายหรือปฏิบัติตอเด็กที่ไมเหมาะสม
จนเปนผลเสียตอสวัสดิภาพของเด็ก รวมท้ังคุมครองใหมีการเยียวยา ฟนฟู เด็กท่ีถูกละเมิดดังกลาว
ใหกลับคนื สสู ภาพปกติได สาระสําคญั ของหลกั นี้อยใู นขอ ๑๙ ๓๒ ๓๓ ๓๔ ๓๕ ๓๖ และ ขอ ๓๙
ó. ËÅ¡Ñ ¡ÒÃãËÊŒ ÇÊÑ ´¡Ô ÒÃ椄 ¤Áá¡à‹ ´¡ç มงุ คมุ ครองการใหเ ดก็ ไดร บั ขา วสารขอ มลู ทเ่ี ปน
ประโยชนตอพัฒนาการของเด็ก ใหไดรับการดูแลดานสุขภาพอนามัย ไดรับการประกันสังคม ไดรับ
การศึกษาท้ังในแงของการเลาเรียนและโอกาสที่จะศึกษาเลาเรียนเพื่อพัฒนาทางดานบุคลิกภาพ
การมมี นษุ ยสัมพันธอ ันดี มคี วามรับผดิ ชอบตอตนเอง สังคม และสภาพแวดลอมทางธรรมชาติ ไดร ับ
การพกั ผอนหยอ นใจและสง เสริมชวี ติ ดานศิลปวัฒนธรรม มสี าระสําคัญในขอ ๑๗ ๒๔ ๒๖ ๒๘ ๒๙
และขอ ๓๐
ô. ËÅ¡Ñ ¡ÒäÁŒØ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸·Ô ҧᾧ‹ มงุ คมุ ครองใหเ ดก็ ไดร บั สทิ ธใิ นฐานะพลเมอื งของรฐั
ทมี่ ชี อื่ มสี ญั ชาติ สามารถตดิ ตอ กบั ครอบครวั มภี มู ลิ าํ เนาหรอื ทอ่ี ยอู าศยั รว มกบั บดิ ามารดา ไดร บั อปุ การะ
เล้ียงดูจากบิดามารดาหรือผูปกครอง โดยมีรัฐชวยสนับสนุนและใหหลักประกัน มีสาระสําคัญอยูใน
ขอ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๘ และ ๒๗
õ. ËÅÑ¡¡ÒäŒØÁ¤Ãͧà´ç¡·èÕÁÕ»˜ÞËÒ¤ÇÒÁ»ÃоÄμÔËÃ×Í¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´·Ò§ÍÒÞÒ
มงุ คมุ ครอง ใหเ ดก็ ทถ่ี กู กลา วหาวา กระทาํ ความผดิ ทางอาญาไดร บั การปฏบิ ตั ทิ แี่ ตกตา งไปจากผตู อ งหาที่
เปน ผใู หญ โดยใหไ ดร บั ผลกระทบจากการตอ งถกู ดาํ เนนิ คดแี ละควบคมุ ตวั นอ ยทส่ี ดุ สาํ หรบั เดก็ ทม่ี ปี ญ หา
ความประพฤติ หรอื กระทาํ ความผิดทางอาญา คมุ ครองใหไดรับโอกาสแกไ ขเยียวยาใหสามารถเติบโต
เปน พลเมอื งดขี องสงั คม โดยมสี มมตฐิ านวา เดก็ กระทาํ การใด ๆ เพราะขาดวฒุ ภิ าวะทาํ ใหส งิ่ แวดลอ ม
มีอิทธิพลผลักดันตอความประพฤติของเด็ก นอกจากนั้นยังมีหลักประกันมิใหเด็กตองรับโทษจําคุก
ตลอดชีวติ หรอื ประหารชีวติ มีสาระสาํ คัญอยใู นขอ ๓๗ และขอ ๔๐
ö. ËÅÑ¡¡Òä،Á¤Ãͧà´ç¡¼ÙŒ´ŒÍÂâÍ¡ÒÊ มุงคุมครองใหเด็กดอยโอกาส เด็กผูขาดไร
ผอู ปุ การะ เดก็ ผตู กอยใู นเภทภยั และเดก็ พกิ ารไดร บั การดแู ลและอปุ การะเลยี้ งดใู หเ ทา เทยี มกบั เดก็ ทวั่ ไป
มสี าระสาํ คัญอยูในขอ ๒๐ ๒๑ ๒๒ และขอ ๒๓ (นคนิ ทร เมฆไตรรตั น และคณะ, ๒๕๕๓)
๑๒
¡Òä،Á¤ÃͧÊÔ·¸Ôà´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹ã¹»ÃÐà·Èä·Â
ประเทศไทยไดบัญญัติกฎหมายหลายฉบับเพ่ือคุมครองสิทธิเด็กที่เขาสูกระบวนการ
ยตุ ธิ รรมทางอาญา โดยการปรบั ปรงุ แกไ ขกฎหมายทม่ี อี ยเู ดมิ และบญั ญตั กิ ฎหมายใหมเ พอ่ื ใหส อดคลอ ง
กบั อนุสัญญาวาดวยสิทธเิ ดก็ (Convention on the Rights of the Child) และกฎอนั เปนมาตรฐาน
ขั้นตา่ํ ของสหประชาชาติวา ดวยการบรหิ ารงานยุติธรรมเกยี่ วกบั คดีเดก็ และเยาวชน (United Nations
Standard Minimum Rules for the Administration of Juvenile Justice) หรอื กฎแหง กรุงปกกงิ่
(The Beijing Rules) ซ่ึงพอจะสรปุ ไดดังน้ี
ñ. ¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÔ·¸Ôà´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÍÒÞÒ
(๑) หา มมใิ หล งโทษประหารชวี ติ และจําคกุ ตลอดชวี ติ แกเ ดก็ หรอื เยาวชนซง่ึ กระทํา
ความผดิ ในขณะท่ีมีอายุตา่ํ กวา ๑๘ ป โดยใหเปลี่ยนระวางโทษจากประหารชวี ิตหรอื จําคกุ ตลอดชวี ติ
น้นั มาเปน ระวางโทษจาํ คุก ๕๐ ป (มาตรา ๑๘) (คาํ พพิ ากษาฎกี าที่ ๕๒๖/๒๕๔๘)
- คําพพิ ากษาฎีกาท่ี ๕๒๖/๒๕๔๘
จาํ เลยท่ี ๒ อายุ ๑๖ ป กระทาํ ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดใหโทษฯ
มาตรา ๑๕ วรรคหนง่ึ วรรคสอง (เดมิ ), ๖๖ วรรคสอง (เดมิ ) ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓
มีระวางโทษจําคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ระหวางพิจารณาของศาลฎีกามี พ.ร.บ.แกไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบบั ท่ี ๑๖) ฯ มาตรา ๓ ใหเ พมิ่ ความขน้ึ เปน วรรคสองและวรรคสามของมาตรา ๑๘
แหงประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งในวรรคสามที่เพิ่มมีขอความวา ในกรณีผูซึ่งกระทาํ ความผิด
ในขณะที่มีอายุต่ํากวาสิบแปดปไดกระทําความผิดท่ีมีระวางโทษประหารชีวิตหรือจําคุกตลอดชีวิต
ใหถ อื วา ระวางโทษดงั กลา วไดเ ปลย่ี นเปน ระวางโทษหา สบิ ป ระวางโทษตามกฎหมายทแ่ี กไ ขใหมจ งึ เปน
คุณมากกวาระวางโทษตามกฎหมายที่ใชในขณะกระทาํ ความผิดจึงตองใชกฎหมายที่แกไขใหมบังคับ
แกจําเลยท่ี ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓
(๒) เด็กอายุไมเกิน ๑๐ ป กระทาํ การอันกฎหมายบัญญัติเปนความผิดเด็กนั้น
ไมตองรับโทษ แตใหพนักงานสอบสวนสงตอเด็กน้ันใหแกพนักงานเจาหนาท่ีตามกฎหมายวาดวยการ
คมุ ครองเดก็ เพอ่ื ดาํ เนินการคมุ ครองสวสั ดภิ าพตามกฎหมาย (มาตรา ๗๓)
(๓) เด็กอายกุ วา ๑๐ ป แตย งั ไมเ กิน ๑๕ ป กระทําการอนั กฎหมายบญั ญัตเิ ปน
ความผิดเด็กนน้ั ไมต องรับโทษแตศาลมอี ํานาจทีจ่ ะดาํ เนนิ การ
- วากลาวตักเตือนเด็กแลวปลอยตัวไปและถาศาลเห็นสมควรศาลจะเรียก
บิดามารดาผูป กครองหรือผูทีเ่ ดก็ อาศยั อยูด ว ยมาตักเตือนดว ยก็ได
- ถา ศาลเหน็ วา บดิ ามารดาหรอื ผปู กครองสามารถดแู ลเดก็ ได ศาลจะมคี าํ สง่ั
ใหมอบตัวเด็กใหแกบุคคลดังกลาวโดยวางขอกาํ หนดใหบุคคลนั้นๆ ระวังเด็กไมใหไปกอเหตุราย
ตลอดเวลาทศี่ าลกําหนด ซงึ่ ขอ กาํ หนดของศาลนนั้ ตอ งไมเ กนิ ๓ ป และกําหนดจาํ นวนเงนิ ตามทเ่ี หน็ สมควร
ซง่ึ บดิ ามารดาหรอื ผปู กครองจะตอ งชําระตอ ศาลไมเ กนิ ครง้ั ละ ๑๐,๐๐๐ บาท หากเดก็ นนั้ กอ เหตรุ า ยขน้ึ
๑๓
แตถาเด็กอาศัยอยูกับบุคคลอ่ืนและศาลเห็นวาไมสมควรจะเรียกบิดามารดา
หรอื ผปู กครองมาวางขอ กาํ หนด ศาลจะเรยี กตวั บคุ คลทเี่ ดก็ อาศยั อยมู าสอบถามวา จะยอมรบั ขอ กาํ หนด
ของศาลที่กาํ หนดไวทาํ นองเดียวกับกรณีวางขอกําหนดใหแกบิดามารดาหรือผูปกครองน้ันหรือไม
และถา บคุ คลทเ่ี ดก็ อาศยั อยดู ว ยนนั้ ยอมรบั ขอ กําหนดดงั กลา ว ศาลกจ็ ะมคี ําสงั่ มอบตวั เดก็ ใหแ กบ คุ คล
นน้ั โดยวางขอ กาํ หนด
- ในกรณที ศี่ าลมอบตวั เดก็ ใหแ กบ ดิ ามารดา ผปู กครองหรอื บคุ คลทเ่ี ดก็ อาศยั
อยดู ว ยนน้ั ศาลจะกําหนดเงอ่ื นไขเพอ่ื คมุ ความประพฤตเิ ดก็ ตามวธิ กี ารทก่ี ําหนดไวใ นประมวลกฎหมาย
อาญามาตรา ๕๖ กลาวคือใหไปรายงานตัวตอเจาพนักงานท่ีศาลระบุไวเปนคร้ังคราว ใหฝกหัดหรือ
ทาํ งานอาชีพอันเปนกิจจะลักษณะ ใหละเวนการคบหาสมาคมหรือการประพฤติใดอันอาจนําไปสู
การกระทําความผดิ หรอื ไปรบั การบาํ บดั รกั ษาการตดิ สารเสพตดิ ความบกพรอ งทางรา งกายจติ ใจหรอื
เจ็บปว ย เปน ตน
- ในกรณีเด็กไมมีบิดามารดา ผปู กครองหรือมแี ตศ าลเห็นวาไมส ามารถดแู ล
เด็กไดหรือกรณีบุคคลที่เด็กอาศัยอยูดวยน้ัน ไมยอมรับขอกาํ หนดของศาลในการคุมประพฤติเด็ก
ศาลอาจมคี ําสง่ั มอบตวั เดก็ นนั้ ใหอ ยกู บั บคุ คลหรอื องคก ารทศี่ าลเหน็ สมควรเพอื่ อบรมดแู ลและสงั่ สอน
ตามระยะเวลาทศ่ี าลกาํ หนดก็ได เมอ่ื บุคคลหรือองคก ารน้ันยนิ ยอม
- สงตัวเด็กไปยังโรงเรียนหรือสถานฝกอบรมตามระยะเวลาที่ศาลกาํ หนด
แตอยาใหเกินกวาทเี่ ด็กน้นั จะมอี ายคุ รบ ๑๘ ป
อยางไรก็ตามคาํ สั่งของศาลนั้นศาลอาจมีอํานาจเปลี่ยนแปลงแกไขคาํ ส่ังหรือ
มีคําสงั่ ใหมไ ด หากพฤติกรรมแหง คาํ สง่ั ไดเปลีย่ นแปลงไป (มาตรา ๗๔)
(๔) หากศาลพิจารณาจากความรูสึกผิดชอบและสิ่งอื่นทั้งปวงเก่ียวกับผูกระทํา
ความผดิ ซง่ึ เปน เดก็ หรอื เยาวชนทอี่ ายกุ วา ๑๕ ป แตต ่ํากวา ๑๘ ป แลว เหน็ วา ยงั ไมส มควรพพิ ากษาลงโทษ
ในความผดิ ทกี่ ฎหมายบญั ญตั ไิ วส าํ หรบั ความผดิ ทเ่ี ดก็ หรอื เยาวชนไดก ระทาํ นน้ั ศาลกจ็ ะใหด ําเนนิ การ
โดยการวางขอ กาํ หนดดังทีบ่ ญั ญตั ไิ วในมาตรา ๗๔ แตห ากศาลเห็นวาสมควรพพิ ากษาลงโทษ กใ็ หล ด
มาตราสวนลงกึ่งหน่งึ (มาตรา ๗๕)
คําอธบิ าย การลดมาตราสว นโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๕ คอื
การลดอตั ราโทษขน้ั สงู สดุ และขน้ั ต่าํ ตามทกี่ ฎหมายกําหนดไวส ําหรบั ความผดิ ทจ่ี าํ เลยกระทํา โดยลดลง
กึ่งหน่ึงแลวจึงกาํ หนดโทษท่ีจะลงในระหวางนั้น มิใชศาลกาํ หนดโทษท่ีจะลงไวกอนแลวจึงลดโทษ
ที่ไดก ําหนดไว๒ (คาํ พิพากษาฎีกา ที่ ๖๘๑๕/๒๕๔๘)
- คาํ พิพากษาฎกี าที่ ๖๘๑๕/๒๕๔๘
การลดมาตราสวนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ คือ
การลดอัตราโทษตามท่ีกฎหมายกําหนดไวสําหรับความผิดน้ันๆ ลงกึ่งหนึ่งแลวจึงลงโทษ มิใชศาล
๒ เกียรติขจร วจั นะสวสั ด.ิ์ (๒๕๖๒). คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาค ๑ เลม ๑. กรงุ สยามพับลชิ ชง่ิ . หนา ๖๗๕.
๑๔
กาํ หนดโทษลงไวก อ นแลว จงึ ลดมาตราสว นโทษจากโทษทลี่ งไว และความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ศิ ลุ กากร
พ.ศ.๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ ทวิ บญั ญตั ใิ หล งโทษปรบั สําหรบั ความผดิ ครง้ั หนง่ึ ๆ เปน เงนิ สเ่ี ทา ของราคาของ
ซ่ึงไดรวมอากรเขาดวยแลว มิใชใหปรับสาํ หรับความผิดคร้ังหนึ่งๆ แลวแบงปรับเปนรายบุคคล
คนละเทาๆ กัน เม่ือจาํ เลยถูกฟอง จาํ เลยจึงเปนบุคคลเดียวที่ถูกพิพากษาวากระทาํ ความผิดและ
ตองถูกลงโทษตามคําพิพากษา บุคคลอื่นท่ีรวมกระทําความผิดเมื่อยังไมถูกฟองยอมไมอาจถือเปน
ผูกระทําความผดิ อันจะถกู ลงโทษตามคําพพิ ากษาคดนี ี้ได กรณีไมอาจแบง แยก ลดจาํ นวนความรบั ผิด
สําหรับโทษปรบั ครัง้ นี้แกจําเลย
ò. ¡ÒäÁØŒ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾¨Ô ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ
(๑) กรณีท่ีเด็กหรือเยาวชนเปนผูเสียหายอายุไมเกิน ๑๘ ป มารองทุกขในการ
จดบนั ทกึ คํารอ งทกุ ขใ นคดบี างประเภททก่ี ฎหมายกําหนด เชน ความผดิ เกยี่ วกบั เพศ ความผดิ เกยี่ วกบั
ชีวิตรางกาย ซึ่งมิใชเกิดจากการชุลมุนตอสู ความผิดเก่ียวกับเสรีภาพ กรรโชกทรัพย ชิงทรัพย
ปลนทรัพย ความผิดวาดวยการปองกันและปราบปรามการคาประเวณี เหลานี้เปนตนจะตองมี
ทีมสหวิชาชพี อันไดแก นกั จิตวทิ ยาหรือนักสงั คมสงเคราะห บคุ คลทเ่ี ด็กรองขอ และพนกั งานอัยการ
รวมอยูด วย (มาตรา ๑๒๔/๑)
คาํ อธิบาย ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๑๒๔/๑ กาํ หนด
ใหพนักงานสอบสวนและพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ผูรับคาํ รองทุกขตามประมวลกฎหมาย
วธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๑๒๓ และ มาตรา ๑๒๔ แลว แตก รณี ตอ งปฏบิ ตั ใิ นการจดบนั ทกึ คาํ รอ งทกุ ข
ของผูเสียหายท่ีเปนเด็กอายุไมเกิน ๑๘ ป จะตองใชวิธีการสาํ หรับเด็กมาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคสอง
มาบังคับใชโดยอนุโลม คือเจาพนักงานผูรับคาํ รองทุกขมีหนาที่ท่ีจะตองแจงนักจิตวิทยาหรือ
นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลทเ่ี ดก็ รอ งขอและพนกั งานอยั การทราบ รวมทง้ั ตอ งแจง ใหผ เู สยี หายทเ่ี ปน เดก็
ทราบถงึ สทิ ธิตามมาตรา ๑๓๓ ทวิ ดว ย๓
(๒) การถามปากคําเด็กหรือเยาวชนในฐานะเปนผูเสียหายหรือพยานในคดี
บางประเภททกี่ ฎหมายกําหนดใหพ นกั งานสอบสวนแยกการถามปากคาํ ไปในทที่ เ่ี หมาะสม เปน สดั สว น
และใหมีทมี สหวชิ าชีพรว มในการถามปากคาํ (มาตรา ๑๓๓ ทวิ)
คําอธิบาย ในการถามปากคาํ ผูเสยี หายหรอื พยานที่เปน เดก็ อายไุ มเกนิ ๑๘ ป
ใหถือเอาอายุของผูเสียหายหรือพยานในวันท่ีถามปากคํามิใชวันท่ีเกิดเหตุ และใหถือเอาเกณฑอายุ
เปนสําคัญ แมจ ะบรรลุนิติภาวะโดยการสมรสหากอายุยงั ไมเ กิน ๑๘ ป การถามปากคาํ ก็ตอ งปฏบิ ัติ
ตามมาตราน๔้ี โดยใหพ นกั งานสอบสวนแยกกระทาํ เปน สดั สวนในสถานท่ที เี่ หมาะสมสาํ หรับเด็ก เชน
มีการแยกหอ งสอบพยานเดก็ ๕
๓ ธานิศ เกศวพทิ กั ษ. (๒๕๖๑). คําอธบิ ายประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา ภาค ๑ - ๒ (มาตรา ๑ – ๑๕๖) เลม ๑.
เนตบิ ณั ฑิตยสภา. หนา ๒๘๗.
๔ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. (๒๕๖๒). หลกั และคาํ พิพากษากฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา. อมรินทรพริ้นตงิ้ แอนดพ ับลชิ ชิ่ง.
หนา ๓๗๓.
๕ สหรฐั กิติ ศภุ การ. เร่ืองเดียวกัน. หนา ๓๗๔.
๑๕
และตอ งจดั ใหม สี หวชิ าชพี คอื นกั จติ วทิ ยาหรอื นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลทเี่ ดก็
รอ งขอและพนกั งานอยั การ รว มอยดู ว ยในการถามปากคําเดก็ นน้ั ซงึ่ นกั จติ วทิ ยาหรอื นกั สงั คมสงเคราะหน น้ั
จะเปนคนหน่งึ คนใดก็ได สว นบคุ คลที่เด็กรอ งขอน้ันอาจเปนบิดามารดา ผูปกครอง หรือเพ่อื นก็ได๖
(๓) การช้ีตัวบุคคลกรณีที่ผูเสียหายซึ่งเปนเด็กหรือเยาวชนอายุไมเกิน ๑๘ ป
จะตอ งทําการชต้ี ัวบคุ คลใหพ นกั งานสอบสวนจัดใหมกี ารช้ตี ัวบุคคลในสถานท่ที ีเ่ หมาะสม และจะตอง
ไมใ หผ ถู ูกชี้ตวั มองเห็นเดก็ หรอื เยาวชนนนั้ และในการชีต้ วั น้ีจะตอ งมีทีมสหวชิ าชีพรว มอยูด ว ย
และในกรณีท่ีเด็กหรือเยาวชนอายุไมเกิน ๑๕ ป เปนผูตองหาหากตองมีการ
ชี้ตัวบุคคลใหพนักงานสอบสวนจัดใหมีการชี้ตัวในสถานท่ีที่เหมาะสมและปองกันมิใหผูตองหาเห็นตัว
บคุ คลทีจ่ ะตอ งชต้ี วั น้ัน (มาตรา ๑๓๓ ตรี)
คาํ อธบิ าย การชตี้ วั ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๑๓๓ ตรี
วรรคหน่ึง หมายถึง ผูชี้มีอายุไมเกิน ๑๘ ป สวนผูถูกชี้จะมีอายุเทาใดก็ได๗ สวนการชี้ตัวตาม
มาตรา ๑๓๓ ตรี วรรคสอง นั้นหมายถึง ผูถูกช้ีมีอายุไมเกิน ๑๘ ป สวนผูช้ีจะมีอายุเทาใดก็ได
ซ่งึ หากผูชี้และผูถูกชีม้ อี ายไุ มเ กนิ ๑๘ ปเหมือนกันก็ตอ งปฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๑๓๓ ตรี ทัง้ วรรคหนง่ึ และ
วรรคสอง๘
(๔) ในคดีที่ผูตองหาเปนเด็กหรือเยาวชนมีอายุไมเกิน ๑๘ ป ในวันท่ีพนักงาน
สอบสวนแจง ขอ หากอ นตามคาํ ใหก ารใหพ นกั งานสอบสวนสอบถามวา ผตู อ งหานนั้ มที นายความหรอื ไม
หากไมม ีทนายความใหจ ัดหาทนายความให (มาตรา ๑๓๔/๑)
คําอธิบาย ไมวาจะเปนคดีท่ีมีโทษเบาเพียงใด เชน คดีความผิดลหุโทษ
หรือคดปี รับสถานเดียว ถา ในวันท่พี นักงานสอบสวนแจงขอหา ผตู องหามีอายไุ มเกนิ ๑๘ ป พนกั งาน
สอบสวนตอ งจัดหาทนายความใหเสมอโดยไมตองคํานงึ วา ผตู องหาจะตองการทนายความหรือไม๙
(๕) ในการสอบสวนผตู อ งหาซงึ่ เปน เดก็ ทมี่ อี ายไุ มเ กนิ ๑๘ ป ใหใ ชห ลกั เกณฑเ ดยี วกบั
การถามปากคาํ กลาวคือจะตองสอบสวนในสถานท่ีที่เหมาะสมเปนสัดสวน และมีทีมสหวิชาชีพ
เขารวมการสอบสวน (มาตรา ๑๓๔/๒)
คาํ อธิบาย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๓๔/๒ ไดวาง
หลักวาใหนาํ บทบัญญัติในมาตรา ๑๓๓ ทวิ มาบังคับใชโดยอนุโลม ในเร่ืองการสอบสวนผูตองหาที่
เปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป ซงึ่ หมายถงึ ใหน าํ วธิ กี ารสอบปากคาํ ผเู สยี หายหรอื พยานเดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป
มาใชกับการสอบปากผูตองหาอายุไมเกิน ๑๘ ป โดยอนุโลม ซึ่งใชเฉพาะประเภทคดีที่ระบุไวใน
มาตรา ๑๓๓ ทวิ ไมไดใชทุกคด๑ี ๐
๖ สหรฐั กิติ ศภุ การ. เรอ่ื งเดยี วกนั . หนา เดยี วกัน.
๗ สหรัฐ กติ ิ ศุภการ. เรื่องเดียวกัน. หนา ๓๗๙.
๘ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เรอื่ งเดยี วกนั . หนาเดียวกนั .
๙ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เร่อื งเดียวกนั . หนา ๓๘๙.
๑๐ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). หลักและคําพิพากษากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา. อมรินทรพริ้นติ้งแอนดพับลิชช่ิง
หนา ๓๙๑
๑๖
(๖) ในการสบื พยานทเี่ ปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป ใหศ าลจดั พยานใหอ ยใู นทท่ี เ่ี หมาะสม
สําหรับเด็กและศาลอาจเปนผูถามพยานเอง หรือถามผานนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห หรือ
ใหคคู วามถามผานนักจติ วิทยาหรอื นักสังคมสงเคราะห โดยถา ยทอดภาพและเสยี งไปยังหองพิจารณา
(มาตรา ๑๗๒ ตรี)
(๗) ในคดีท่ีจําเลยเปนเด็กหรือเยาวชนอายุไมเกิน ๑๘ ป ในวันที่ถูกฟองตอศาล
หากจําเลยไมมที นายความ ใหศ าลต้ังทนายความให (มาตรา ๑๗๓)
ó. ¡ÒäŒÁØ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸àÔ ´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞÑμ¤Ô ÁØŒ ¤ÃÍ§à´¡ç ¾.È. òõôö
พระราชบัญญัติคุมครองเด็กฯ มุงเนนการสงเคราะหชวยเหลือเด็กและลงโทษ
ผทู ่เี กี่ยวของท่ีกระทาํ ละเมดิ ตอเด็ก มิใชลงโทษเดก็ แตอ ยางไร
“เดก็ ” ในความหมายทปี่ รากฏในนยิ ามของพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ มาตรา ๔
บญั ญตั วิ า
“เดก็ ” หมายความวา บคุ คลซงึ่ มอี ายตุ ่าํ กวา สบิ แปดปบ รบิ รู ณ แตไ มร วมถงึ ผทู บี่ รรลุ
นติ ภิ าวะกอ นการสมรส
จากพระราชบัญญัติดังกลาวไดกาํ หนดใหการปฏิบัติตอเด็กไมวากรณีใดใหคาํ นึงถึง
ประโยชนสูงสดุ ของเด็กเปน สําคัญ และไมใหม ีการเลือกปฏิบตั ิโดยไมเปนธรรม (มาตรา ๒๒)
ขอ กาํ หนดสาํ หรับผปู กครอง
(๑) ใหก ารอปุ การะเลย้ี งดอู บรมสงั่ สอนและพฒั นาการเดก็ ทอ่ี ยใู นความปกครองดแู ล
ของตนตามสมควรแกข นบธรรมเนยี มประเพณแี ละวฒั นธรรมแหง ทอ งถนิ่ และตอ งคมุ ครองสวสั ดภิ าพ
เดก็ ที่อยใู นความปกครองดแู ลของตน มใิ หต กอยใู นภาวะอนั นาจะเกดิ อนั ตรายหรอื จิตใจ (มาตรา ๒๓)
(๒) ตอ งไมท อดทงิ้ หรอื ละทงิ้ เดก็ หรอื ละเลยไมด แู ล ไมใ หส ง่ิ จําเปน ในการดํารงชพี
จนนา จะเกดิ อนั ตราย ปฏบิ ตั ติ อ เดก็ ในลกั ษณะทเ่ี ปน การขดั ขวางการพฒั นาการของเดก็ ปฏบิ ตั ติ อ เดก็
ในลักษณะที่เปน การเลย้ี งดูโดยมิชอบ (มาตรา ๒๕)
ขอหา มมใิ หบ คุ คลใดบุคคลหนึง่ กระทาํ ตอ เดก็ แมวา เดก็ จะยนิ ยอมหรอื ไมกต็ าม
(๑) กระทําหรอื ละเวน การกระทาํ อนั เปน การทารณุ กรรมตอ รา งกายหรอื จติ ใจของเดก็
(๒) จงใจหรอื ละเลยไมใ หส ง่ิ จาํ เปน แกก ารดํารงชวี ติ หรอื การรกั ษาพยาบาลแกเ ดก็
ท่ีอยใู นความดแู ลของตนจนนา จะเกดิ อนั ตรายแกร า งกายหรือจติ ใจของเดก็
(๓) บังคับขเู ข็ญ ชักจงู สง เสรมิ หรือยินยอมใหเด็กประพฤตติ นไมส มควร หรอื นา
จะทาํ ใหเ ดก็ มคี วามประพฤติเสย่ี งตอการกระทาํ ผดิ
(๔) โฆษณาทางสอ่ื มวลชนหรอื เผยแพรด ว ยประการใดเพอ่ื รบั เดก็ หรอื ยกเดก็ ใหแ ก
บคุ คลอน่ื ทมี่ ใิ ชญ าตขิ องเดก็ เวน แตเ ปน การกระทาํ ของทางราชการ หรอื ไดร บั อนญุ าตจากทางราชการแลว
(๕) บังคับขูเข็ญ ชักจูง สงเสริม ยินยอมหรือกระทําดวยประการใดใหเด็กไปเปน
ขอทาน เดก็ เรร อ น หรอื ใชเ ดก็ เปน เครอื่ งมอื ในการขอทานหรอื การกระทําผดิ หรอื กระทําดว ยประการใด
อันเปนการแสวงหาประโยชนโดยมิชอบจากเด็ก
๑๗
(๖) ใช จางหรือวานเดก็ ใหทาํ งาน หรือกระทําการอนั อาจเปน อันตรายแกรา งกาย
หรือจติ ใจ มีผลกระทบตอการเจรญิ เติบโต หรือขัดขวางตอพัฒนาการของเดก็
(๗) บังคับขูเขญ็ ใช ชกั จงู ยยุ ง สง เสรมิ หรอื ยินยอมใหเดก็ เลน กฬี าหรอื ใหกระทาํ
การใดเพอื่ แสวงหาประโยชนท างการคา อนั มลี กั ษณะเปน การขดั ขวางตอ การเจรญิ เตบิ โต หรอื พฒั นาการ
ของเดก็ หรือมลี กั ษณะเปนการทารุณกรรมตอเด็ก
(๘) ใชหรือยินยอมใหเด็กเลนการพนันไมวาชนิดใดหรือเขาไปในสถานท่ีเลน
การพนัน สถานคาประเวณหี รอื สถานทที่ ่ีหา มมิใหเ ดก็ เขา
(๙) บังคับขูเข็ญ ใช ชักจูง ยุยง สงเสริมหรือยินยอมใหเด็กแสดงหรือกระทาํ การ
อันมีลกั ษณะลามกอนาจารไมวา จะเปน ไปเพ่อื ใหไ ดมาซ่ึงคาตอบแทนหรอื เพอ่ื การใด
(๑๐)จําหนา ย แลกเปลย่ี น หรอื ใหส รุ าหรอื บหุ รแี่ กเ ดก็ เวน แตก ารปฏบิ ตั ทิ างการแพทย
(มาตรา ๒๖)
หากผูใดฝาฝน กระทําการดงั กลาวจะตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ ๓ เดอื นหรอื ปรับ
ไมเ กิน ๓๐,๐๐๐ บาท หรอื ทง้ั จาํ ทั้งปรับ (มาตรา ๗๘)
และเพอ่ื เปน การปกปอ งชอ่ื เสยี งเกยี รตคิ ณุ สทิ ธขิ องเดก็ พระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ
ยังกําหนดหามมิใหผูใดโฆษณาหรือเผยแพรทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารลักษณะประเภทใด ซ่ึงขอมูล
เก่ียวกับเด็กหรือผูปกครองโดยเจตนาที่จะทําใหเกิดความเสียหายแกจิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณหรือ
สทิ ธปิ ระโยชนอ น่ื ใดของเดก็ หรอื เพอ่ื แสวงหาประโยชนส าํ หรบั ตนเองหรอื ผอู นื่ โดยมชิ อบ (มาตรา ๒๗)
หากผใู ดฝาฝน ตองระวางโทษจําคุกไมเ กนิ ๖ เดอื นหรอื ปรับไมเ กิน ๖๐,๐๐๐ บาท หรือท้ังจาํ ทั้งปรบั
(มาตรา ๗๙)
เด็กทพี่ งึ ไดร ับการคุมครองสวัสดภิ าพ
พระราชบัญญัติคุมครองเด็กฯ ไดกําหนดประเภทของเด็กท่ีพึงไดรับการคุมครอง
สวสั ดิภาพไวใ นมาตรา ๔๐ กลาวคือ
๑) เดก็ ทถ่ี กู ทารณุ กรรมซง่ึ หมายถงึ เดก็ ทก่ี ระทําหรอื ละเวน การกระทําดว ยประการใดๆ
จนเปนเหตุใหเด็กเส่ือมเสียเสรีภาพหรือเกิดอันตรายแกทั้งกายหรือจิตใจ เด็กท่ีถูกกระทาํ ผิดทางเพศ
หรอื เดก็ ทถี่ กู ใชใ หก ระทาํ หรอื ประพฤตใิ นลกั ษณะทนี่ า จะเปน อนั ตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจ หรอื ขดั ตอ
กฎหมายศลี ธรรมอนั ดไี มว าเดก็ จะยินยอมหรอื ไมก็ตาม
๒) เดก็ ทเ่ี สยี่ งตอการกระทําผดิ ซง่ึ ไดมกี ฎกระทรวงกาํ หนดเดก็ ทเี่ สี่ยงตอ การ
กระทาํ ผิด พ.ศ.๒๕๔๙ กําหนดไวค อื
ขอ ๑ เด็กทป่ี ระพฤติตนไมส มควร ไดแก เด็กท่ีมีพฤติกรรมอยางหนึง่ อยางใด
ดงั ตอไปน้ี
(๑) ประพฤตติ นเกเรหรอื ขม เหงรงั แกผูอ่นื
(๒) มัว่ สมุ ในลักษณะทีก่ อความเดือดรอ นรําคาญแกผูอ่นื
(๓) เลนการพนันหรอื มว่ั สมุ ในวงการพนัน
๑๘
(๔) เสพสุรา สูบบหุ ร่ี เสพยาเสพติดใหโทษ หรอื ของมึนเมาอยา งอืน่ เขาไปใน
สถานทเ่ี ฉพาะเพ่ือการจาํ หนายหรือด่มื เครือ่ งดืม่ ท่ีมีแอลกอฮอล
(๕) เขาไปในสถานบริการตามกฎหมายวาดว ยสถานบริการ
(๖) ซอื้ หรอื ขายบรกิ ารทางเพศ เขา ไปในสถานการคา ประเวณหี รอื เกยี่ วขอ งกบั
การคาประเวณตี ามกฎหมายวาดว ยการปอ งกันและปราบปรามการคาประเวณี
(๗) ประพฤตติ นไปในทางชสู าวหรือสอ ไปในทางลามกอนาจารในทีส่ าธารณะ
(๘) ตอ ตา นหรอื ทา ทายคาํ สง่ั สอนของผปู กครองจนผปู กครองไมอ าจอบรมสง่ั สอนได
(๙) ไมเขาเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษาตามกฎหมายวาดวยการศึกษา
ภาคบงั คับ
ขอ ๒ เด็กที่ประกอบอาชีพที่นาจะชักนําไปในทางกระทาํ ผิดกฎหมายหรือ
ขดั ตอ ศลี ธรรมอันดี ไดแก เดก็ ท่ปี ระกอบอาชีพ ดังตอ ไปน้ี
(๑) ขอทานหรือกระทาํ การสอไปในทางขอทานโดยลําพังหรือโดยมีผูบังคับ
ชกั นํา ยุยงหรือสงเสริม หรอื
(๒) ประกอบอาชพี หรอื กระทําการใดอนั เปน การแสวงหาประโยชนโ ดยมชิ อบ
ดว ยกฎหมาย หรอื ขดั ตอ ศีลธรรมอนั ดี
ขอ ๓ เดก็ ทค่ี บหาสมาคมกบั บคุ คลทน่ี า จะชกั นาํ ไปในทางกระทําผดิ กฎหมาย
หรอื ขัดตอศลี ธรรมอันดี ไดแก เด็กท่คี บหาสมาคมกบั บคุ คล ดังตอไปน้ี
(๑) บุคคลหรือกลุมคนที่รวมตัวกันม่ัวสุมเพ่ือกอความเดือดรอนรําคาญแก
ผอู น่ื หรือกระทําการ อนั ขดั ตอกฎหมายหรอื ศีลธรรมอนั ดหี รือ
(๒) บุคคลที่ประกอบอาชีพทขี่ ัดตอกฎหมายหรือศีลธรรมอนั ดี
ขอ ๔ เด็กท่ีอยูในสภาพแวดลอมหรือสถานท่ีอันอาจชักนําไปในทางเสียหาย
ไดแก เดก็ ทีอ่ ยใู นสภาพแวดลอ มหรือสถานที่ ดงั ตอไปน้ี
(๑) อาศยั อยกู บั บคุ คลทมี่ พี ฤตกิ รรมเกย่ี วขอ งกบั ยาเสพตดิ ใหโ ทษหรอื ใหบ รกิ าร
ทางเพศ
(๒) เรร อ นไปตามสถานทต่ี า งๆ โดยไมม ที พี่ กั อาศยั เปน หลกั แหลง ทแ่ี นน อน หรอื
(๓) ถูกทอดทิ้งหรือถูกปลอยปละละเลยใหอยูในสภาพแวดลอมอันอาจชักนาํ
ไปในทางเสียหาย
ขอ ๕ เดก็ ทอ่ี ยใู นสภาพทจี่ าํ ตอ งไดร บั การคมุ ครองสวสั ดภิ าพตามทกี่ ําหนดใน
กฎกระทรวง เรอ่ื งกาํ หนดเดก็ ทอ่ี ยใู นสภาพทจ่ี าํ เปน ตอ งไดร บั การคมุ ครองสวสั ดภิ าพ พ.ศ.๒๕๔๙ ไดแ ก
(๑) เด็กที่ตองหาวากระทําการอันกฎหมายบัญญัติเปนความผิดแตอายุยังไม
ถงึ เกณฑต อ งรบั โทษทางอาญา
(๒) เด็กท่ีศาลหรือผูอํานวยการสถานพินิจและคุมครองเด็กและเยาวชนสงมา
รบั การคมุ ครองสวัสดิภาพและไมม ีผูปกครองหรอื ผูใหการอปุ การะเล้ียงดู หรือมีแตไ มอยูในสภาพทีจ่ ะ
ใหการดแู ลเอาใจใสต อ เดก็ ได
๑๙
(๓) เดก็ ทป่ี ระกอบอาชพี ทน่ี า จะเกดิ อนั ตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจ หรอื ประกอบ
อาชีพในบรเิ วณทเี่ สี่ยงอันตรายแกรางกายหรือจิตใจ
(๔) เดก็ ทอ่ี าศยั อยกู บั บคุ คลทมี่ พี ฤตกิ รรมทน่ี า สงสยั วา ประกอบอาชพี ไมส จุ รติ
หรอื หลอกลวงประชาชน
¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾à´ç¡
การคมุ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ ไดกําหนดไวในหมวด ๔ ของพระราชบัญญัตคิ ุมครอง
เดก็ ฯ ซ่ึงมสี าระสาํ คัญ ดงั น้ี
๑) เมอื่ มผี พู บเหน็ หรอื ประสบพฤตกิ ารณท น่ี า เชอ่ื วา มกี ารกระทาํ ทารณุ กรรมตอ เดก็
ใหร ีบแจงหรอื รายงานตอ พนกั งานเจา หนาท่ี พนักงานฝายปกครองหรอื ตาํ รวจหรือผมู หี นาทีค่ ุมครอง
สวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ อันไดแก ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย
ผูวาราชการจังหวัด ผูอํานวยการเขต นายอําเภอ ปลัดอําเภอ ผูเปนหัวหนาประจําก่ิงอําเภอ หรือ
ผบู รหิ ารองคการปกครองสว นทอ งถิ่น (มาตรา ๔๑ วรรคหนง่ึ )
๒) เมื่อพนักงานเจาหนาท่ี พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ หรือผูที่มีหนาท่ี
คุมครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ ไดรับแจงเหตุ หรือเปนผูพบเห็นหรือประสบพฤติการณ
ทนี่ า เชอ่ื วา มกี ารกระทาํ ทารณุ กรรมตอ เดก็ ในสถานทใ่ี ด ใหม อี าํ นาจเขา ตรวจจบั และมอี าํ นาจแยกตวั เดก็
จากครอบครัวของเดก็ เพ่อื คมุ ครองสวัสดภิ าพเด็กโดยเรว็ ท่ีสดุ (มาตรา ๔๑ วรรคสอง)
การแจงหรือรายงานตามมาตรา ๔๑ นี้หากไดกระทําโดยสุจริตยอมไดรับ
ความคมุ ครองและไมตองรับผดิ ทั้งทางแพง อาญา หรือทางปกครอง (มาตรา ๔๑ วรรคทาย)
๓) ในการดําเนินการคุมครองสวัสดิภาพเด็กตองรีบจัดใหมีการตรวจรักษา
ทางรางกายและจติ ใจทันที
อาํ นาจหนา ทขี่ องพนกั งานเจา หนา ทใี่ นการปฏบิ ตั งิ านตามพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ
พนักงานเจาหนาท่ี หมายความวา ผูซ่ึงรัฐมนตรีแตงต้ังใหปฏิบัติการตาม
พระราชบญั ญตั นิ ี้
ในกรณขี องà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ¨Ð໹š ¾¹¡Ñ §Ò¹à¨ÒŒ ˹Ҍ ·μèÕ ÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ ¤Ô ÁŒØ ¤Ãͧഡç Ï
μ‹ÍàÁè×Íä´ŒÃѺ¡ÒÃá싧μÑ駨ҡÃÑ°Á¹μÃÕÇ‹Ò¡ÒáÃзÃǧ¡ÒþѲ¹ÒÊѧ¤ÁáÅФÇÒÁÁèѹ¤§¢Í§Á¹ØÉÂ
โดยการย่ืนคํารองขอเปนพนักงานเจา หนา ท่นี ้ัน หากรับราชการหรือมถี ิน่ ทอ่ี ยูในเขตกรงุ เทพมหานคร
ใหย่ืนที่สํานักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย สําหรับในจังหวัดอื่น
ใหย่ืนที่สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษยจังหวัด (ระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย วาดวยการกําหนดแบบมีการประจําตัวพนักงานเจาหนาท่ี
ตามพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ พ.ศ.๒๕๔๖, พ.ศ.๒๕๔๗ ขอ ๔)
๒๐
พระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ ไดก าํ หนดอาํ นาจและหนา ทใ่ี หแ กพ นกั งานเจา หนา ท่ี
เพอื่ ประโยชนในการปฏบิ ัติตามพระราชบัญญตั ิ ไวเ ปน พิเศษในมาตรา ๓๐ กลาวคือ
พนกั งานเจาหนา ท่ีตามพระราชบัญญตั ิคุมครองเด็ก มอี าํ นาจหนา ทดี่ ังนี้
(๑) เขา ไปในเคหสถาน สถานทใี่ ดๆ หรอื ยานพาหนะใดๆ ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยข น้ึ
ถึงพระอาทิตยตกเพื่อตรวจคน ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยวามีการกระทําทารุณกรรมเด็ก มีการ
กักขังหรือเล้ียงดูโดยมิชอบ แตในกรณีมีเหตุอันควรเช่ือวาหากไมดําเนินการในทันที เด็กอาจไดรับ
อนั ตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจ หรอื ถกู นาํ พาไปสถานทอี่ นื่ ซงึ่ ยากแกก ารตดิ ตามชว ยเหลอื กใ็ หม อี าํ นาจ
เขาไปในเวลาภายหลงั พระอาทิตยต กได
(๒) ซักถามเด็กเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยวาเด็กจําตองไดรับการสงเคราะหหรือ
คุม ครองสวสั ดภิ าพ ในกรณจี ําเปน เพื่อประโยชนแ กก ารสงเคราะหและคมุ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ อาจนาํ
ตวั เดก็ ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานเจา หนา ท่ี เพอื่ ทราบขอ มลู เกยี่ วกบั เดก็ และครอบครวั รวมทง้ั บคุ คลท่ี
เด็กอาศัยอยู ทงั้ นจี้ ะตองกระทาํ โดยมิชกั ชา แตไ มว า กรณใี ดจะกกั ตวั เดก็ ไวนานเกนิ กวาสิบสองช่วั โมง
ไมไ ด เมอ่ื พน ระยะเวลาดงั กลา วใหป ฏบิ ตั ติ าม (๖) ระหวา งทเ่ี ดก็ อยใู นความดแู ลจะตอ งใหก ารอปุ การะ
เล้ยี งดู และหากเจบ็ ปวยจะตอ งใหการรักษาพยาบาล
(๓) มหี นงั สอื เรยี กผปู กครอง หรอื บคุ คลอน่ื ใดมาใหถ อ ยคาํ หรอื ขอ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั
สภาพความเปน อยู ความประพฤติ สขุ ภาพ และความสมั พนั ธในครอบครัวของเดก็
(๔) ออกคาํ สงั่ เปน หนงั สอื ใหผ ปู กครองของเดก็ นายจา งหรอื ผปู ระกอบการ เจา ของ
หรอื ผคู รอบครองสถานทที่ เี่ ดก็ ทาํ งานหรอื เคยทาํ งาน อาศยั หรอื เคยอาศยั อยู เจา ของหรอื ผคู รอบครอง
หรือผูดูแลสถานศึกษาที่เด็กกําลังศึกษาหรือเคยศึกษา หรือผูปกครองสวัสดิภาพ สงเอกสาร
หรือหลกั ฐานเกยี่ วกับสภาพความเปนอยู การศกึ ษา การทํางาน หรือความประพฤติของเด็กมาให
(๕) เขาไปในสถานที่อยูอาศัยของผูปกครอง สถานที่ประกอบการของนายจาง
ของเดก็ สถานศกึ ษาของเดก็ หรือสถานทท่ี ่เี ดก็ มีความเกีย่ วขอ งดวย ในระหวา งเวลาพระอาทิตยข ้ึน
ถึงพระอาทติ ยตกเพ่อื สอบถามบคุ คลท่อี ยใู นท่ีน้ัน ๆ และรวบรวมขอมูลหรอื หลกั ฐานเก่ียวกบั สภาพ
ความเปนอยู ความสมั พนั ธในครอบครวั การเลยี้ งดู อปุ นสิ ยั และความประพฤติของเด็ก
(๖) มอบตัวเด็กใหแกผูปกครองพรอมกับแนะนําหรือตักเตือนผูปกครองใหดูแล
และอุปการะเลยี้ งดเู ดก็ ในทางทีถ่ ูกตอง เพื่อใหเด็กไดร ับการพฒั นาในทางที่เหมาะสม
(๗) ทํารายงานเกี่ยวกับตัวเด็กเพ่ือมอบใหแกสถานแรกรับในกรณีมีการสงเด็ก
ไปยังสถานแรกรบั หรอื หนว ยงานทเ่ี ก่ียวของเมอื่ มีการรองขอ
อยา งไรกต็ าม กรณที พ่ี นกั งานเจา หนา ทจ่ี ะเขา ไปในเคหสถานใดๆ หรอื ยานพาหนะ
ใดๆ ตาม (๑) ซกั ถามเดก็ เมือ่ มีเหตุอันควรสงสัยตาม (๒) และเขาไปในสถานที่อยูอาศยั ของผปู กครอง
ตาม (๕) พนักงานเจาหนาทต่ี องแสดงบตั รประจําตวั กอนและใหบ ุคคลทเี่ ก่ียวของอาํ นวยความสะดวก
ตามสมควร (มาตรา ๓๐ วรรคสาม) หากผใู ดขดั ขวางไมใ หพ นกั งานเจา หนา ทป่ี ฏบิ ตั งิ านตอ งไดร ะวางโทษ
จาํ คุกไมเกิน ๑ เดือน หรอื ปรบั ไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐ บาท หรือท้งั จําท้งั ปรบั (มาตรา ๘๐)
๒๑
°Ò¹¤ÇÒÁ¼´Ô áÅк·กาํ ˹´â·É
μÒÁ ¾.Ã.º.¤ÁŒØ ¤ÃÍ§à´¡ç ¾.È.òõôö
วา ดว ย มาตรา บทกําหนดโทษ
ËÁÇ´ ñ ๗ - ๒๑
¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒäÁØŒ ¤Ãͧഡç - ระงับการดาํ เนนิ คดอี าญา
---------------- ๒๒ - ๓๑ ม.๘๓ ว.๑ ดูหมวด ๙ ใน
ËÁÇ´ ò ม.๒๔ “ฐาน ๒๘”
¡Òû¯ºÔ μÑ μÔ Í‹ à´ç¡ เวน โทษ
----------------
๑. ¼Ù½Œ †Ò½¹„ º·ºÑÞÞÑμÔ ม.๘๓ ว.๑ ม.๘๓ ว.๒
- ดาํ เนินการแกไข หรอื
- ปฏิบัติตามคําแนะนํา
ของพนักงานเจาหนาท่ีหรือผูมีหนาท่ีคุมครอง
สวัสดภิ าพเด็กตาม ม.๒๔ แลว
๒. กระทาํ หรอื ละเวน การกระทาํ อนั เปน การทารณุ กรรม ม.๒๖(๑) - จาํ คุกไมเกิน ๓ เดือน หรือ
ตอรางกายหรือจิตใจของเด็ก ความผิดภายใต ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรือ
º·ºÑÞÞÑμÔáË‹§¡®ËÁÒÂÍè×¹ ไมวาเด็กจะยินยอม ม.๗๘ - ท้งั จําทง้ั ปรับ
หรือไม ถา ความผดิ นโ้ี ทษตามกฎหมายอืน่ หนักกวา
ใหต อ งโทษตามกฎหมายน้ี (ม.๒๖)
๓. จงใจหรือละเลยไมใหส่ิงจําเปนแกการดําçªÕÇÔμ ม.๒๖(๒) - จาํ คุกไมเ กนิ ๓ เดือน หรือ
หรือการÃÑ¡ÉÒ¾ÂÒºÒÅแกเด็กท่ีอยูในความดูแล ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรือ
ของตนจน¹‹Ò¨Ðà¡Ô´ÍѹμÃÒÂแกรางกายหรือจิตใจ ม.๗๘ - ทั้งจาํ ทั้งปรับ
ของเด็ก
๔. บังคับ ขูเข็ญ ชักจูง สงเสริม หรือยินยอมใหเด็ก ม.๒๖(๓) - จําคุกไมเ กิน ๓ เดอื น หรอื
ประพฤติตนไมสมควรหรือนาจะทําใหเด็ก ตองโทษ - ปรบั ไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.- หรอื
มคี วาม»ÃоÄμÔàÊèÕ§μ‹Í¡ÒáÃÐทาํ ¼Ô´ ม.๗๘ - ท้ังจําท้งั ปรับ
ม.๒๖ (๔) - จําคกุ ไมเกนิ ๓ เดอื น หรอื
๕. â¦É³Ò·Ò§Êè×ÍÁÇŪ¹หรือเผยแพรดวยประการใด ตองโทษ - ปรับไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.-หรือ
เพื่อรับà´ç¡ËÃ×Í¡à´ç¡ãËŒแกบุคคลอ่ืนท่ีมิใชญาติ ม.๗๘ - ท้งั จําทัง้ ปรับ
ของเด็ก (àÇŒ¹áμ‹เปนการกระทําของทางราชการ
หรอื ไดรับอนญุ าตจากทางราชการแลว)
๒๒
วา ดว ย มาตรา บทกําหนดโทษ
๖. บังคับ ขเู ขญ็ ชกั จงู สงเสรมิ ยินยอม หรือกระทํา ม.๒๖ (๕) - จําคกุ ไมเ กนิ ๓ เดือน หรอื
ตอ งโทษ - ปรับไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรือ
ดวยประการใดใหเด็กไปเปน¢Í·Ò¹ เด็กเรรอน ม.๗๘ - ท้ังจาํ ทั้งปรับ
หรือใชเด็กเปนเครื่องมือในการขอทานหรือการ
กระทําผิดหรือกระทําดวยประการใดอันเปนการ
áÊǧËÒ»ÃÐ⪹⠴ÂÁԪͺจากเด็ก
๗. ใช จาง หรือวานเด็กใหทํางานหรือกระทําการ ม.๒๖ (๖) - จําคกุ ไมเกนิ ๓ เดอื น หรอื
อั น อ า จ à » š ¹ ÍÑ ¹ μ Ã Ò Â แ ก ร า ง ก า ย ห รื อ จิ ต ใจ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื
มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต หรือขัดขวาง ม.๗๘ - ทั้งจาํ ทัง้ ปรบั
ตอพฒั นาการของเด็ก
๘. บังคบั ขเู ขญ็ ใช ชักจงู ยยุ ง สง เสรมิ หรือยินยอม ม.๒๖ (๗) - จาํ คุกไมเ กิน ๓ เดอื น หรือ
ãËŒà´ç¡àÅ‹¹¡ÕÌÒหรือใหกระทําการใดเพื่อแสวงหา ตองโทษ - ปรับไมเกนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื
ประโยชนทางการคา อันมีลักษณะเปนการ ม.๗๘ - ทัง้ จาํ ทงั้ ปรับ
ขัดขวางตอการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการ
ของเด็กหรือมีลักษณะเปนการทารุณกรรม
ตอเด็ก
๙. ใชหรือยินยอมใหเด็กàÅ‹¹¡Òþ¹Ñ¹ไมวาชนิดใด ม.๒๖ (๘) - จาํ คุกไมเกนิ ๓ เดอื น หรอื
หรือเขาไปในสถานท่ีเลนการพนัน สถาน¤ŒÒ ตองโทษ - ปรับไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรอื
»ÃÐàdzหÕ รือสถานทที่ ่ีหา มมใิ หเ ด็กเขา ม.๗๘ - ทง้ั จาํ ทั้งปรับ
๑๐. บังคับ ขูเข็ญ ใช ชักจูง ยุยง สงเสริม หรือ ม.๒๖ (๙) - จาํ คกุ ไมเ กิน ๓ เดอื น หรอื
ยินยอมใหเด็กแสดงหรือกระทําการอันมีลักษณะ ตองโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๓๐,๐๐๐.-หรือ
Å Ò Á ¡ Í ¹ Ò ¨ Ò Ã ไ ม ว า จ ะ เ ป น ไ ป เ พื่ อ ใ ห ไ ด ม า ม.๗๘ - ทง้ั จําทง้ั ปรบั
ซง่ึ คา ตอบแทนหรอื เพื่อการใด
๑๑. จําหนาย แลกเปลี่ยน หรือãËŒÊØÃÒËÃ×ͺØËÃÕèá¡‹à´ç¡ ม.๒๖ (๑๐) - จําคกุ ไมเกิน ๓ เดอื น หรอื
(àÇŒ¹áμ‹ การปฏบิ ัตทิ างการแพทย) ตองโทษ - ปรบั ไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.-หรือ
ม.๗๘ - ท้งั จําท้งั ปรับ
๑๒. โฆษณาหรือเผยแพรทางสื่อมวลชนหรือส่ือสาร ม.๒๗ - จําคุกไมเ กิน ๖ เดือน หรอื
สนเทศประเภทใด ซ่ึงขอมูลเก่ียวกับตัวเด็กหรือ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเ กิน ๖๐,๐๐๐.-หรือ
ผูปกครองโดยเจตนาที่จะทําãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁàÊÕÂËÒ ม.๗๙ - ท้งั จาํ ท้ังปรบั
แกจิตใจ ช่ือเสียง เกียรติคุณหรือสิทธิประโยชน
อ่นื ใดของเดก็
๒๓
วาดว ย มาตรา บทกําหนดโทษ
๑๓. à¼Âá¾Ã‹·Ò§Êè×ÍÁÇŪ¹หรือส่ือสารสนเทศ ม.๒๗ - จาํ คกุ ไมเ กิน ๖ เดอื น หรอื
ตองโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๖๐,๐๐๐.-หรอื
ประเภทใดซ่ึงขอมูลเก่ียวกับตัวเด็กหรือผูปกครอง ม.๗๙ - ทัง้ จําท้ังปรับ
โดยเจตนาที่จะทําใหเกิดความเสียหายแกจิตใจ
ชื่อเสียง เกียรติคุณหรือสิทธิประโยชนอ่ืนใด ม.๓๐ (๑) - จาํ คกุ ไมเ กิน ๑ เดอื น หรอื
ของเด็กหรือเพื่อแสวงหาประโยชน สําหรับตนเอง ตอ งโทษ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ
หรอื ผูอน่ื â´ÂÁªÔ ͺ ม.๘๐ ว.๑ - ทั้งจําทัง้ ปรบั
๑๔. ¢Ñ´¢ÇÒ§ไมใหพนักงานเจาหนาที่เขาไปในเคหสถาน
สถานที่ ยานพาหนะ ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยข น้ึ ม.๓๐ (๑) - จาํ คุกไมเ กิน ๑ เดือน หรือ
ถึงพระอาทิตยตกเพ่ือตรวจคน ในกรณีÁÕàËμØ ตองโทษ - ปรบั ไมเ กิน ๑๐,๐๐๐.-หรอื
อันควรสงสัยวามีการกระทําทารุณกรรมเด็ก ม.๘๐ ว.๑ - ทัง้ จาํ ท้ังปรับ
มีการกักขังหรอื เลี้ยงดูโดยมชิ อบ
๑๕. ¢Ñ´¢ÇÒ§ไมใหพนักงาน਌Ò˹ŒÒ·èÕࢌÒä»ã¹àÇÅÒ ม.๓๐ (๓) - จาํ คุกไมเกนิ ๑ เดือน หรือ
ËÅѧ¾ÃÐÍÒ·ÔμÂμ¡ เม่ือมีเหตุอันควรเชื่อวาหาก ตอ งโทษ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ
ไมด าํ เนนิ การในทนั ทเี ดก็ อาจไดร บั อนั ตรายแกร า งกาย ม.๘๐ ว.๒ - ท้งั จําทงั้ ปรบั
หรือจิตใจ หรือถูกนําพาไปสถานที่อ่ืนซึ่งยากแก ม.๓๐ (๔) - จาํ คกุ ไมเกิน ๑ เดอื น หรือ
การตดิ ตาม ชวยเหลอื ตองโทษ - ปรับไมเกนิ ๑๐,๐๐๐.-หรอื
๑๖. ã˶Œ ÍŒ ÂคําÍ¹Ñ à»¹š à·ç¨ ไมย อมมาใหถอ ยคาํ ไมย อม ม.๘๐ ว.๑ - ท้งั จาํ ท้ังปรับ
ใหถอยคําโดยไมมีเหตุอันสมควรหรือตอพนักงาน ม.๓๐ (๕) - จาํ คกุ ไมเ กนิ ๑ เดือน หรอื
เจา หนาทีซ่ ง่ึ ปฏิบตั ิหนา ที่ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๑๐,๐๐๐.-หรอื
๑๗.äÁ‹ÂÍÁÊ‹§àÍ¡ÊÒÃหรือหลักฐานเกี่ยวกับสภาพ ม.๘๐ ว.๑ - ท้ังจาํ ทัง้ ปรับ
ความเปน อยู การศกึ ษา การทาํ งาน หรอื ความประพฤติ
ของเด็กมาให
๑๘. ¢Ñ´¢ÇÒ§äÁ‹ãËŒ¾¹Ñ¡§Ò¹à¨ŒÒ˹ŒÒ·ÕèࢌÒä»สถานที่อยู
อาศยั ของผปู กครอง ของนายจา งของเดก็ สถานศกึ ษา
ของเด็กหรือสถานท่ีที่เด็กมีความเกี่ยวของดวย
ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยขึน้ ถึงพระอาทิตยต ก
๒๔
วา ดวย มาตรา บทกาํ หนดโทษ
ËÁÇ´ ó ๓๒ - ๓๙
¡ÒÃʧà¤ÃÒÐËà ´ç¡ - จาํ คกุ ไมเกิน ๖ เดอื น หรือ
---------------- ๔๐ - ๔๗ - ปรับไมเกนิ ๖๐,๐๐๐.-หรือ
ËÁÇ´ ô ม.๔๓ - ทง้ั จําท้งั ปรับ
¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÀÔ Ò¾à´¡ç ตอ งโทษ - จาํ คกุ ไมเกิน ๖ เดือน หรือ
---------------- ม.๘๑ - ปรับไมเกนิ ๖๐,๐๐๐.-หรือ
๑๙. ผปู กครองหรอื ญาตขิ องเดก็ ฝา ฝน ขอ กาํ หนดของศาล - ท้งั จาํ ท้งั ปรับ
ในการคุมความประพฤติ หามเขาเขตกําหนดหรือ ๔๘ - ๕๐
หามเขา ใกลตวั เดก็ ผถู ูกกระทําทารณุ กรรม ม.๕๐
ตอ งโทษ
ËÁÇ´ õ ม.๗๔
¼Ù¤Œ ŒØÁ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾à´ç¡
----------------
๒๐. ผูปกครองสวัสดิภาพหรือผูคุมครองสวัสดิภาพเด็ก
à»´à¼Âªè×ÍμÑÇ ªèÍ× Ê¡ØÅ ÀÒ¾ËÃ×͌͢ ÁÙÅเก่ยี วกับเด็ก
ผูปกครอง ในลักษณะท่ีนาจะเกิดความเสียหายแก
ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชนของเด็ก
หรอื ผูปกครอง
๒๑. ¾¹¡Ñ §Ò¹à¨ÒŒ ˹Ҍ ·Õè นกั สงั คมสงเคราะห นกั จติ วทิ ยา ม.๕๐ ว.๒ - จาํ คุกไมเ กนิ ๖ เดือน หรอื
และผูมีหนาท่ีคุมครองสวัสดิภาพเด็ก ตาม ม.๒๔ ตองโทษ - ปรับไมเกิน ๖๐,๐๐๐.-หรือ
ซึ่งลวงรูขอมูลในการปฏิบัติหนาท่ีของตน เปดเผย ม.๗๔ - ทัง้ จาํ ทั้งปรับ
ใหเ กิดความเสยี หาย
๒๒. â¦É³ÒËÃÍ× à¼Âá¾Ã·‹ Ò§ÊÍè× ÁÇŪ¹หรอื สอื่ สารสนเทศ ม.๕๐ ว.๓ - จาํ คกุ ไมเ กนิ ๑ เดอื น หรอื
ซงึ่ ขอ มลู ทเ่ี ปด เผยโดยฝา ฝน บทบญั ญตั ใิ นวรรคหนงึ่ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๑๐,๐๐๐.-หรอื
หรอื วรรคสอง ม.๗๔ - ทง้ั จาํ ทั้งปรบั
ËÁÇ´ ö - จาํ คุกไมเ กนิ ๑ เดอื น หรอื
๕๑ - ๖๒ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ
ʶҹÃѺàÅÂÕé §à´¡ç ʶҹááÃѺ ʶҹʧà¤ÃÒÐË ม.๕๒ - ทัง้ จําทั้งปรับ
ʶҹ¤ÁŒØ ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾ áÅÐʶҹ¾²Ñ ¹ÒáÅп¹œ„ ¿Ù ตองโทษ
---------------- ม.๘๒ ว.๑
๒๓. ¨´Ñ μ§éÑ ËÃÍ× ดาํ à¹¹Ô ¡¨Ô ¡ÒÃสถานรบั เลย้ี งเดก็ สถานแรกรบั
สถานสงเคราะห สถานคมุ ครองสวสั ดภิ าพหรอื สถาน
พฒั นาและฟน ฟตู าม ม.๕๒ â´ÂÁäÔ ´ÃŒ ºÑ ãºÍ¹ÞØ Òμ
หรือใบอนญุ าตถูกเพิกถอน หรือหมดอายุ
๒๕
วาดวย มาตรา บทกาํ หนดโทษ
๒๔. กระทําการเปนผูปกครองสวัสดิภาพของสถานแรกรับ ม.๕๕ - จาํ คกุ ไมเ กนิ ๑ เดือน หรอื
ตอ งโทษ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ
สถานสงเคราะห สถานคุมครองสวัสดิภาพและ ม.๘๔ - ทง้ั จําทัง้ ปรบั
สถานพัฒนาและ¿¹„œ ¿Ùâ´ÂÁÔä´ŒÃºÑ á싧μ§éÑ
๒๕. เจาของ ผูปกครองสวัสดิภาพ และผูปฏิบัติงานใน ม.๖๑ - จําคกุ ไมเ กนิ ๖ เดือน หรอื
สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๖๐,๐๐๐.-หรอื
สถานคมุ ครองสวสั ดภิ าพ และสถานพฒั นาและฟน ฟู ม.๗๙ - ทงั้ จําทั้งปรับ
ทาํ รา ยรา งกายหรอื จติ ใจ กกั ขงั ทอดทง้ิ หรอื ลงโทษ
เด็กที่อยูในความ»¡¤Ãͧ´ÙáÅâ´ÂÇÔ¸Õ¡ÒÃÃعáç
ประการอ่ืน
ËÁÇ´ ÷ ๖๓ - ๖๗ - จําคกุ ไมเกิน ๓ เดอื น หรอื
¡ÒÃʧ‹ àÊÃÔÁ¤ÇÒÁ»ÃоÄμ¹Ô ¡Ñ àÃÕ¹áÅй¡Ñ È¡Ö ÉÒ ม.๖๔ - ปรับไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื
ตอ งโทษ - ทง้ั จาํ ทั้งปรับ
---------------- ม.๘๕
๒๖. กระทําการเปนการยุยง สงเสริม ชวยเหลือ หรือ
สนับสนนุ ã˹Œ Ñ¡àÃÂÕ ¹ËÃ×͹¡Ñ ÈÖ¡ÉÒ½†Ò½„¹ ไมปฏบิ ตั ิ
ตามกฎเกณฑท สี่ ถานศกึ ษาหรอื กฎกระทรวงกาํ หนด
๒๗. ไมอํานวยความสะดวกแกพนักงานเจาหนาที่ ม.๖๗ - จําคกุ ไมเ กนิ ๑ เดือน หรือ
ท่ีปฏิบัติหนาท่ี เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยวามีการ ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๑๐,๐๐๐.-หรอื
ฝาฝนกฎหมายหรือระเบียบเก่ียวกับความประพฤติ ม.๘๖ - ทัง้ จําทัง้ ปรบั
ของนักเรียนหรือนักศึกษาใหพนักงานเจาหนาที่ - จําคกุ ไมเกิน ๑ เดือน หรอื
มีอํานาจเขาไปในเคหสถาน สถานท่ีหรือ ๖๘ - ๗๗ - ปรับไมเกิน ๑๐,๐๐๐.-หรือ
ยานพาหนะใดๆ ในระหวางเวลาพระอาทิตยขึ้น ๗๘ - ๘๖ - ทัง้ จาํ ท้ังปรับ
ถึงพระอาทิตยตก หรือในระหวางเวลาทําการ ม.๘๓ ว.๑
เพ่ือทําการตรวจสอบการฝา ฝน
ËÁÇ´ ø
¡Í§·¹Ø ¤ØŒÁ¤Ãͧഡç
----------------
ËÁÇ´ ù
º·¡íÒ˹´â·É
----------------
๒๘.เจา ของหรอื ผปู กครองสวสั ดภิ าพของสถานรบั เลย้ี งเดก็
สถานแรกรับ สถานสงเคราะห สถานคุมครอง
สวสั ดภิ าพ หรอื สถานพฒั นาและฟน ฟผู ใู ดäÁ»‹ ¯ºÔ μÑ Ô
μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞμÑ ¹Ô éÕ
๒๖
ô. ¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔÈÒÅàÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÇÑ
áÅÐÇ¸Ô ¾Õ Ô¨ÒóҤ´ÕàÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÇÑ Ï
(๑) การพิจารณาออกหมายจับ หากการออกหมายจับมีผลกระทบกระเทือน
ตอ จติ ใจของเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั อยา งรนุ แรงโดยไมจ าํ เปน ใหศ าลพยายามหลกี เลย่ี งการออกหมายจบั
โดยใชวิธกี ารติดตามตัวเดก็ หรือเยาวชนนน้ั ดวยวิธอี ่นื กอน (มาตรา ๖๗)
(๒) การจับและควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชน ตองกระทําดวยความละมุนละมอม
โดยคาํ นึงถงึ ศกั ดิศ์ รีความเปน มนุษยแ ละไมเ ปน การประจานเด็กหรือเยาวชน (มาตรา ๖๙ วรรค ๓)
(๓) หา มมใิ หค วบคมุ คมุ ขงั กกั ขงั คมุ ความประพฤตหิ รอื ใชม าตรการอนั มลี กั ษณะ
เปน การจาํ กดั สทิ ธเิ สรภี าพเดก็ หรอื เยาวชน ซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ หรอื เปน จาํ เลย เวน แตม หี มาย
หรอื คําส่งั ศาลหรือเปน กรณีการควบคุมเทาทีจ่ าํ เปน เพื่อดาํ เนนิ การซักถาม แจงขอ กลาวหา แจง สิทธิ
ตามกฎหมายหรือตรวจสอบการจับกุมตามมาตรา ๖๙ ๗๐ ๗๒ (มาตรา ๖๘) หามควบคุม
เด็กหรือเยาวชนที่ถูกกลาวหา ปะปนกับผูใหญ และหามควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นไวในหองขัง
ที่จัดไวสําหรับผตู อ งหาทเี่ ปนผูใหญ (มาตรา ๑๒๙)
(๔) หา มมใิ หใชว ธิ กี ารควบคมุ เกินกวาท่ีจําเปนเพ่อื ปองกันการหลบหนี เพอื่ ความ
ปลอดภยั ของเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั ผถู กู จบั หรอื บคุ คลอน่ื และมใิ หใ ชเ ครอ่ื งพนั ธนาการแกเ ดก็ ไมว า กรณี
ใดๆ เวน แตม คี วามจาํ เปน อยา งยงิ่ อนั มอิ าจหลกี เลย่ี งได เพอ่ื ปอ งกนั การหลบหนหี รอื เพอ่ื ความปลอดภยั
ของเด็กผูถูกจบั หรือบุคคลอ่นื (มาตรา ๖๙ วรรคสาม และมาตรา ๑๐๓)
(๕) ใหศาลแตงต้ังท่ีปรึกษากฎหมาย หากเด็กหรือเยาวชนไมมีท่ีปรึกษากฎหมาย
(มาตรา ๗๓ และมาตรา ๑๒๐)
(๖) การพิจารณาคดีอาญาท่ีเด็กหรือเยาวชนเปนจําเลย ตองกระทําในหองท่ี
มิใชหองพิจารณาคดีธรรมดา แตถาไมอยูในวิสัยที่จะกระทําได จะตองไมปะปนกับการพิจารณาคดี
ธรรมดา และเฉพาะบุคคลท่เี กย่ี วของกับกรณเี ทา นั้นท่ีจะมีสทิ ธเิ ขา ฟง การพิจารณา (มาตรา ๑๐๗ และ
มาตรา ๑๐๘)
(๗) การพิจารณาคดีอาญาท่ีเด็กหรือเยาวชนเปนจําเลย ใหใชถอยคําท่ีจําเลย
สามารถเขาใจงาย กับตองใหโอกาสจําเลย บิดา มารดา ผูปกครองหรือบุคคลที่จําเลยอาศัยอยูดวย
หรอื บคุ คลทเ่ี กี่ยวของ แถลงขอ เทจ็ จรงิ ความรูสกึ และแสดงความคดิ เห็น ตลอดจนระบุและซักถาม
พยานได ไมว า ในเวลาใดๆ ระหวา งทมี่ กี ารพจิ ารณาคดนี น้ั การพจิ ารณาคดอี าญานไี้ มจ าํ ตอ งดาํ เนนิ การ
ตามกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญาโดยเครง ครัด (มาตรา ๑๑๔)
(๘) แมวามีคําพิพากษาหรือคําสั่งลงโทษหรือใชวิธีการสําหรับเด็กและเยาวชน
แลว ก็ตาม หากตอ มาขอ เทจ็ จริงหรือพฤตกิ ารณทีศ่ าลใชใ นการพจิ ารณาคดีเปล่ยี นแปลงไป เมอ่ื มเี หตุ
อนั สมควร ศาลทพี่ จิ ารณาคดนี นั้ กม็ อี าํ นาจแกไ ขเปลย่ี นแปลงคาํ พพิ ากษา หรอื คาํ สง่ั หรอื วธิ กี ารสาํ หรบั
เด็กและเยาวชนได
๒๗
ในกรณีศาลท่ีแกไขเปลี่ยนแปลงคําพิพากษา หรือคําส่ัง หรือวิธีการสําหรับเด็ก
หรอื เยาวชน ไมใ ชศ าลทพี่ พิ ากษาคดหี รอื ออกคาํ สง่ั ลงโทษเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั ใหศ าลทส่ี งั่ เปลย่ี นแปลง
แกไ ขคําพิพากษาหรือคําส่ังนั้น แจง ใหศ าลทเี่ ปน ผูพิพากษาตดั สินคดที ราบ (มาตรา ๑๓๗)
õ. ¡ÒäØÁŒ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞμÑ ¤Ô ÁØŒ ¤Ãͧáç§Ò¹
เนอื่ งจากเด็กมีสภาพรางกาย ตลอดจนสติปญ ญายงั มคี วามพรอ มไมเพียงพอทจ่ี ะ
ทํางานเชนเดียวกบั ผใู หญ จงึ ตอ งมกี ฎหมายคมุ ครองเปนพิเศษ
áç§Ò¹à´ç¡ หมายถึง แรงงานจากลกู จางซึ่งเปนเดก็ อายุต้งั แต ๑๕ ปข น้ึ ไป แตย งั
ไมถ งึ ๑๘ ป
พระราชบัญญัติคุมครองแรงงานฯ มาตรา ๔๔ กําหนดหามนายจางจางเด็กอายุ
ตํ่ากวา ๑๕ ป เปนลูกจาง หากนายจางฝาฝนระวางโทษปรับตั้งแตสี่แสนบาทถึงแปดแสนบาท
ตอลูกจางหนงึ่ คนหรือจําคุกไมเกินสองป หรอื ท้ังจําทง้ั ปรับ (มาตรา ๑๔๘/๑)
พระราชบัญญัติคุมครองแรงงานฯ มาตรา ๔๙ ไดกําหนดงานท่ีหามมิใหนายจาง
ใหล กู จา งซึง่ เปน เดก็ อายตุ าํ่ กวา ๑๘ ปทํางาน ดังนี้
(๑) งานหลอม เปา หลอ หรอื รดี โลหะ
(๒) งานปม โลหะ
(๓) งานเกี่ยวกับความรอ น ความเยน็ ความสั่นสะเทอื น เสยี ง และแสงทีม่ รี ะดับ
แตกตางจากปกติ อนั อาจเปน อนั ตรายตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง
(๔) งานเกยี่ วกับสารเคมที ี่เปนอนั ตรายตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง
(๕) งานเก่ียวกับจุลชีวันเปนพิษ ซ่ึงอาจเปนเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา หรือเชื้ออื่น
ตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง
(๖) งานเกยี่ วกับวตั ถมุ ีพิษ วตั ถุระเบิด หรือวตั ถุไวไฟ เวน แตง านในสถานีบริการ
น้าํ มันเชอื้ เพลิงตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง
(๗) งานขบั หรือบังคบั รถยกหรือปนจั่นตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง
(๘) งานใชเลือ่ ยเดนิ ดว ยพลงั ไฟฟา หรือเครอ่ื งยนต
(๙) งานที่ตองทาํ ใตดิน ใตน ํา้ ในถํา้ อุโมงค หรือปลองในภเู ขา
(๑๐) งานเก่ียวกบั กัมมันตภาพรังสตี ามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง
(๑๑) งานทาํ ความสะอาดเครอื่ งจกั รหรอื เครอ่ื งยนตข ณะทเี่ ครอื่ งจกั รหรอื เครอ่ื งยนต
กาํ ลงั ทาํ งาน
(๑๒) งานทีต่ องทาํ บนนง่ั รา นท่สี งู กวาพ้นื ดนิ ต้งั แตส บิ เมตรข้ึนไป
(๑๓) งานอ่ืนตามทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง
๒๘
ซงึ่ งานทร่ี ัฐมนตรวี าการกระทรวงแรงงานฯ ไดออกกฎกระทรวงฉบับที่ ๖ (พ.ศ.๒๕๔๑)
หามมิใหนายจางใหล กู จา งซ่งึ เปน เดก็ อายุตํา่ กวา ๑๘ ปทํา ไดแก
(๑) งานเกี่ยวกบั ความรอน ความเย็น ความสน่ั สะเทอื น และเสียงอนั อาจเปน อนั ตราย
ดงั ตอ ไปน้ี
(ก) งานซ่ึงทําในท่ีท่ีมีอุณหภูมิในสภาวะแวดลอมในการทํางานสูงกวาส่ีสิบหา
องศาเซลเซยี ส
(ข) งานซ่ึงทําในหองเย็นในอุตสาหกรรมการผลิตหรือการถนอมอาหารโดยการ
ทาํ เยือกแขง็
(ค) งานทใ่ี ชเ ครือ่ งเจาะกระแทก
(ง) งานทมี่ ีระดับเสยี งท่ีลูกจางไดร ับตดิ ตอกันเกินแปดสิบหา เดซิเบล (เอ) ในการ
ทาํ งานวันละแปดช่วั โมง
(๒) งานเกี่ยวกับสารเคมีที่เปนอันตราย วัตถุมีพิษ วัตถุระเบิด หรือวัตถุไวไฟ
ดงั ตอไปน้ี
(ก) งานผลิตหรือขนสง สารกอ มะเรง็ ตามรายชือ่ ในบัญชีทา ยกฎกระทรวงนี้
(ข) งานทเี่ กี่ยวขอ งกับสารไซยาไนด
(ค) งานผลิตหรือขนสง พลุ ดอกไมเพลงิ หรอื วัตถรุ ะเบิดอื่น ๆ
(ง) งานสํารวจ ขดุ เจาะ กลั่น บรรจุ หรือขนถา ยน้าํ มันเชื้อเพลิงหรือกา ซ เวน แต
งานในสถานบี รกิ ารน้าํ มนั เชื้อเพลิง
(๓) งานเกี่ยวกับจุลชีวันเปนพิษซ่ึงอาจเปนเช้ือไวรัส แบคทีเรีย รา หรือเช้ืออื่น
ดังตอ ไปนี้
(ก) งานที่ทําในหองปฏบิ ตั กิ ารชนั สูตรโรค
(ข) งานดูแลผูปว ยดว ยโรคตดิ ตอ ตามกฎหมายวา ดวยโรคติดตอ
(ค) งานทาํ ความสะอาดเครื่องใชแ ละเครื่องนงุ หม ผูปว ยในสถานพยาบาล
(ง) งานเก็บ ขน กําจัดมลู ฝอยหรือส่ิงปฏกิ ูลในสถานพยาบาล
(๔) งานขับหรือบังคับรถยกหรือปนจั่นที่ใชพลังงานเครื่องยนตหรือไฟฟาไมวาการขับ
หรือบังคบั จะกระทําในลักษณะใด
(๕) งานเกี่ยวกับกมั มันตภาพรังสีทุกชนดิ
นอกจากจะกําหนดประเภทงานที่หามจางเด็กอายุตํ่ากวา ๑๘ ป ทํางานแลว
พระราชบัญญัติคุมครองแรงงานฯ มาตรา ๕๐ กําหนด หามมิใหนายจางจางลูกจางซึ่งเปนเด็กอายุ
ตํ่ากวา ๑๘ ป ทาํ งานในสถานทดี่ งั ตอไปนี้
๒๙
มาตรา ๕๐ หา มมใิ หน ายจา งใหล กู จา งซง่ึ เปน เดก็ อายตุ ํา่ กวา สบิ แปดปท ํางานในสถานที่
ดงั ตอไปนี้
(๑) โรงฆาสตั ว
(๒) สถานท่ีเลนการพนัน
(๓) สถานบรกิ ารตามกฎหมายวา ดว ยสถานบรกิ าร
(๔) สถานท่ีอ่ืนตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง เชน กฎกระทรวงกาํ หนดสถานที่ที่หาม
นายจางใหล กู จางซึ่งเปน เดก็ อายุต่ํากวา ๑๘ ปท ํางาน พ.ศ.๒๕๕๙ ไดแก
- โรงงานประกอบกิจการเก่ียวกบั สัตวนาํ้ ตามกฎหมายวา ดว ยโรงงาน
- สถานประกอบกจิ การทปี่ ระกอบกจิ การเกย่ี วกบั การแปรรปู สตั วน า้ํ ตามพระราช
บญั ญตั ิกาํ หนดการประมง พ.ศ.๒๕๕๘
หากนายจา งฝาฝน มาตรา ๔๙ หรอื มาตรา ๕๐ หรือกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา ๒๒
(ซงึ่ เกย่ี วกบั งานเกษตรกรรม งานประมงทะเล งานบรรทกุ หรอื ขนถา ยสนิ คา เปน ตน ) ในสว นทเี่ กย่ี วกบั
การหา มมใิ หน ายจา งจา งลกู จา ง ซงึ่ เปน เดก็ อายตุ ่ํากวา ๑๘ ป ทํางานตามประเภทของงาน และสถานที่
ทกี่ าํ หนด ตอ งระวางโทษปรบั ตงั้ แตส แี่ สนบาทถงึ แปดแสนบาทตอ ลกู จา งหนง่ึ คน หรอื จําคกุ ไมเ กนิ สองป
หรอื ทงั้ จาํ ทงั้ ปรบั (มาตรา ๑๔๘/๒) และหากการกระทาํ ความผดิ ดงั กลา วเปน เหตใุ หล กู จา งไดร บั อนั ตราย
แกกายหรือจิตใจหรือถึงแกความตาย ตองระวางโทษปรับต้ังแตแปดแสนถึงสองลานบาทตอลูกจาง
หน่ึงคน หรือจําคกุ ไมเ กินส่ีปห รอื ทั้งปรบั ทง้ั จํา (มาตรา ๑๔๘/๒ วรรคทาย)
º·ÊÃØ»
ประเทศไทยไดบ ญั ญตั กิ ฎหมายหลายฉบบั เพอื่ คมุ ครองสทิ ธเิ ดก็ ทเ่ี ขา สกู ระบวนยตุ ธิ รรม
ทางอาญา โดยการปรับปรุงแกไขกฎหมายที่มีอยูเดิมและบัญญัติกฎหมายใหมเพ่ือใหสอดคลองกับ
อนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก และกฎอันเปนมาตรฐานขั้นตํา่ ของสหประชาชาติวาดวยการบริหารงาน
ยตุ ธิ รรมเก่ียวกบั คดีเดก็ และเยาวชน หรอื กฎแหงกรงุ ปก กิ่ง
๓๑
º··Õè ó
á¹Ç·Ò§¡Òû¯ÔºÑμ¢Ô ͧ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ
ÇμÑ ¶»Ø ÃÐʧ¤
๑. เพ่ือใหผูเรียนทราบถึงแนวทางการปฏิบัติหนาที่ตามกฎหมายและอาํ นาจหนาท่ีของ
เจา พนกั งานตาํ รวจ
๑.๑ การออกหมายจับเด็กหรือเยาวชน
๑.๒ การจับกมุ เดก็ หรอื เยาวชน
๑.๓ การเขยี นบนั ทกึ การจบั กมุ เดก็ หรือเยาวชน
๑.๔ การตรวจสอบการจับเด็กหรือเยาวชนตามจุดประสงคที่พระราชบัญญัติ
ศาลเยาวชนและครอบครวั ฯ กําหนดศาลทาํ การตรวจสอบการจับ
๑.๕ การปฏบิ ตั ขิ องเจาพนกั งานตํารวจในการคน
๑.๖ การปฏิบัติในการจดบนั ทกึ คาํ รองทุกขใ นคดที ่ีผเู สยี หายเปน เดก็ หรอื เยาวชน
º·นํา
เจาพนักงานตาํ รวจตองสรางความเขาใจในการปฏิบัติงาน วาเด็กมีความสาํ คัญตอ
การพฒั นาประเทศ รฐั จงึ จาํ เปน ตอ งคมุ ครองดแู ลเดก็ ขณะเดยี วกนั หากเดก็ พลาดพลงั้ ไปกระทาํ ความผดิ
ดวยเพราะเหตุท่ีออนดอยประสบการณ ขาดความย้ังคิด หรือดวยเหตุใดก็ตามเพื่อใหเด็กเหลาน้ัน
ไดม โี อกาสกลบั ตวั เปน คนดขี องสงั คมในอนาคตซงึ่ จาํ เปน ทจ่ี ะตอ งมวี ธิ ดี ําเนนิ การเกย่ี วกบั เดก็ เปน การเฉพาะ
เพ่ือใหส อดคลอ งกับหลักสากล
¡ÒÃÍÍ¡ËÁÒ¨Ѻà´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹
การพิจารณาออกหมายจับเด็กหรือเยาวชนซ่ึงตองหาวากระทาํ ความผิดน้ันจะตองอยู
ภายใตหลกั เกณฑดังน้ี
๑) จะตองอยูภายใตหลักเกณฑของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๖๖ กลาวคอื
(๑) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรวาบุคคลใดนาจะไดกระทําความผิดอาญาซึ่งมี
อตั ราโทษจําคกุ อยา งสูงเกนิ ๓ ป หรอื
(๒) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรวาบุคคลใดนาจะไดกระทาํ ความผิดอาญาและมีเหตุ
อันควรเช่ือวาจะหลบหนี หรอื จะไปยงุ เหยิงกบั พยานหลกั ฐาน หรอื กอเหตุอนั ตรายประการนนั้
ถาบุคคลน้ันไมมีท่ีอยูเปนหลักแหลงหรือไมมาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไมมี
ขอแกตัว อันควรใหส นั นษิ ฐานวา บคุ คลนน้ั จะหลบหนี
๓๒
๒) ในการพจิ ารณาออกหมายจบั เดก็ หรอื เยาวชนซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ นน้ั นอกจากศาล
จะพิจารณาถึงเหตุท่ีจะออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๖๖ แลว
พระราชบญั ญัตศิ าลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา ๖๗ ยงั กาํ หนดหลักเกณฑดังน้ี
(๑) ใหศาลคาํ นึงถึงการคุมครองสิทธิเด็กหรือเยาวชนเปนสาํ คัญโดยเฉพาะในเรื่อง
อายุ เพศ และอนาคตของเดก็ หรอื เยาวชนทีพ่ งึ ไดร ับการพัฒนาและปกปองคมุ ครอง
คําอธิบาย ในการพิจารณาออกหมายจับของศาล แมจะเขาหลักเกณฑออก
หมายจบั ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ และผูก ระทาํ ผดิ จะหลบหนกี ็ตาม
ศาลก็อาจไมออกหมายจับใหทันทีก็ได ศาลตองใชดุลพินิจสูงข้ึนไปอีกหนึ่งช้ันมากกวากรณีปกติท่ัวไป
อาจจะใหพ ยายามตดิ ตอ ดสู กั ระยะหนงึ่ กอ น เพราะการทเี่ ดก็ หรอื เยาวชนหลบหนไี ปอาจมหี ลายสาเหตุ เชน
กลัว ตกใจ ถาออกหมายจับไปแลว ก็อาจจะไมเจอตัวเด็กหรือเยาวชนอีกเลย เด็กอาจกลายเปน
เด็กจรจัด ไมกลาเรียนหนังสือ ไมกลาประกอบอาชีพสุจริต และสุดทายก็อาจเปนคนนอกกฎหมาย
หลบหนคี ดีไปตลอดชวี ติ ๑๑
(๒) หากการออกหมายจับจะมีผลกระทบกระเทือนตอจิตใจของเด็กหรือเยาวชน
อยา งรนุ แรงโดยไมจ ําเปน ใหพ ยายามหลกี เลยี่ งการออกหมายจบั โดยใชว ธิ ตี ดิ ตามตวั เดก็ หรอื เยาวชน
น้ันดว ยวิธีอ่ืนกอน
คําอธิบาย หากมีการออกหมายจับเด็กหรือเยาวชนที่กาํ ลังศึกษาอยูและอยู
ระหวางสอบปลายภาคอาจมีผลกระทบกระเทือนตอจิตใจได อาจจะใหรอไปกอน แตถาเลี่ยงไมได
กต็ อ งออกหมายจบั เชน กรณเี ดก็ ฆา คนตายโดยไตรต รองไวก อ น ชงิ ทรพั ย ปลน ทรพั ย ประกอบกบั เดก็
หรอื เยาวชนนนั้ ไมม ผี ปู กครอง หรอื ผปู กครองไมส ามารถดแู ลไดอ กี ตอ ไปศาลกต็ อ งออกหมายจบั ให๑๒
¡ÒèѺ¡ÁØ à´¡ç ËÃÍ× àÂÒǪ¹
เนื่องจากเด็กมีความสาํ คัญตอการพัฒนาประเทศ รัฐจึงจาํ เปนตองคุมครองดูแลเด็ก
ขณะเดยี วกนั หากเดก็ พลาดพลงั้ ไปกระทําความผดิ ดว ยเพราะเหตทุ อ่ี อ นดอ ยประสบการณ ขาดความยงั้ คดิ
หรือดวยเหตุใดก็ตามเพ่ือใหเด็กเหลานั้นไดมีโอกาสกลับตัวเปนคนดีของสังคมในอนาคต ซ่ึงจําเปนที่
จะตอ งมีวิธกี ารดาํ เนนิ การเกยี่ วกับเด็กเปนการเฉพาะเพ่อื ใหสอดคลอ งกบั หลกั สากล
พระราชบัญญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครัวฯ ไดก าํ หนดหลักเกณฑใ นการจบั กุมเดก็ หรอื
เยาวชนนน้ั ซึง่ ตองหาวา กระทําความผดิ ไวใ นมาตรา ๖๖ กลาวคือ
¡Ã³Õà´ç¡ ซง่ึ หมายถึง บคุ คลทมี่ ีอายุไมเ กนิ ๑๕ ปบ รบิ ูรณ๑๓ โดย “ËÒŒ ÁÁãÔ ËŒ¨Ñº¡ØÁà´¡ç ”
ซึ่งตอ งหาวากระทําความผดิ
๑๑ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คําอธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน
และครอบครวั พ.ศ. ๒๕๕๓. อมรนิ ทรพร้นิ ตง้ิ แอนดพ ับลชิ ช่งิ . หนา ๑๒๔.
๑๒ สหรฐั กติ ิ ศภุ การ. เร่ืองเดียวกนั . หนา เดยี วกนั .
๑๓ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. เร่ืองเดยี วกัน. หนา ๑๑๓.
๓๓
àÇŒ¹áμ‹
(๑) เดก็ กระทาํ ความผดิ ซ่ึงหนา
(๒) มหี มายจับหรือมคี ําสง่ั ของศาล
กรณเี ยาวชนซงึ่ หมายถงึ บคุ คลอายเุ กนิ ๑๕ ปบ รบิ รู ณแ ตย งั ไมถ งึ ๑๘ ปบ รบิ รู ณ ซง่ึ ตอ งหา
วา กระทาํ ความผดิ ใหป ฏบิ ตั ติ ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา กลา วคอื เจา พนกั งานตํารวจ
จะจบั ผูใดโดยไมม ีหมายจบั หรือคําสง่ั ศาลไมไดเ วนแต
(๑) เมอื่ บคุ คลนัน้ ไดกระทําความผดิ ซง่ึ หนา
คาํ อธิบาย ความผิดซึ่งหนา๑๔ หมายถึง ความผิดซ่ึงเห็นกําลังกระทาํ ตามประมวล
กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๘๐ ซงึ่ ผจู บั จะตอ งเหน็ เองและไมจ าํ เปน ตอ งพบเหน็ โดยบงั เอญิ
(คําพิพากษา ๒๘๖๓/๒๕๒๒) เชน เจาพนักงานตาํ รวจแอบซุมดูเหตุการณลอซ้ือยาเสพติด ถือเปน
ความผดิ ซึง่ เหน็ กาํ ลงั กระทํา (คาํ พิพากษาฎกี าท่ี ๔๙๕๘/๒๕๕๑)
- คาํ พพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๖๘๓/๒๕๕๒
ตาํ รวจไปกบั ผทู นี่ าํ ไปซอ้ื น้าํ มนั ทป่ี ม เชลลโ ดยขอ หาวา เอาน้ํามนั อนื่ มาขาย ไดเ หน็
การขายน้ํามันน้ันตอหนาตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ การกระทําผิดซึ่งหนาไมจําตองเปน
ความผิดทีต่ ํารวจไปพบโดยบงั เอิญ
- คําพพิ ากษาฎีกาที่ ๔๙๕๘/๒๕๕๑
แมเจาพนักงานตํารวจจะมิไดดําเนินการขอหมายคนจากศาลชั้นตนกอนเขา
ตรวจคน บา นจาํ เลยกต็ าม แตข อ เทจ็ จรงิ ฟง ไดว า สายลบั ลอ ซอื้ เมทแอมเฟตามนี ทหี่ นา บา นจาํ เลย และ
เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ ไดแ อบซมุ ดแู ละเหน็ เหตกุ ารณก ารลอ ซอ้ื ดงั กลา ว จงึ เขา ตรวจคน และจบั กมุ
จาํ เลย เปน กรณที เ่ี จา พนกั งานตํารวจพบเหน็ การกระทําความผดิ ฐานจาํ หนา ยเมทแอมเฟตามนี และมี
เมทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครองเพอื่ จาํ หนา ยอนั เปน ความผดิ ซงึ่ หนา และการตรวจคน จบั กมุ ไดก ระทํา
ตอเน่ืองกัน เจาพนักงานตํารวจจึงเขาตรวจคนบานจําเลยไดโดยไมจําตองมีหมายคน ตามประมวล
กฎหมายวธิ พี ิจารณาความมาตรา ๙๒ (๒) (เดิม) ซง่ึ เปนกฎหมายทใี่ ชบังคับในขณะกระทําความผิด
(๒) เมอ่ื พบบคุ คลโดยมพี ฤตกิ ารณอ นั ควรสงสยั วา ผนู นั้ นา จะกอ เหตรุ า ยใหเ กดิ ภยนั ตราย
แกบ คุ คล หรอื ทรพั ยส นิ ของบคุ คลอนื่ โดยมเี ครอ่ื งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอน่ื อนั สามารถอาจใชใ นการ
กระทําความผิด
คาํ อธบิ าย กรณนี เ้ี ปนพฤติการณก อ นที่จะเปน ความผดิ ซ่ึงหนา๑๕ เชน เจาพนกั งาน
พบกลุมนักเรียนวัยรุนรวมตัวกันหนาบริเวณวิทยาลัยคูอริโดยมีเครื่องมือหรือวัตถุหลากหลายชนิดที่
สามารถใชในการกระทําความผิด
๑๔ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คําอธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓. อมรนิ ทรพร้ินต้ิงแอนดพับลชิ ชิ่ง. หนา ๑๑๘
๑๕ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. เรื่องเดียวกนั . หนา ๑๑๙.
๓๔
(๓) เมื่อมีเหตุท่ีจะออกหมายจับบุคคลน้ันเน่ืองจากมีหลักฐานตามสมควรวาบุคคลนั้น
นา จะไดก ระทําความผดิ อาญา และมเี หตอุ นั ควรเชอ่ื วา จะหลบหนี หรอื จะไปยงุ เหยงิ กบั พยานหลกั ฐาน
หรอื กอ เหตอุ นั ตรายประการอนื่ แตม คี วามจาํ เปน เรง ดว นทไ่ี มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนน้ั ได
คําอธบิ าย เชน นําคนรา ยทจี่ บั กมุ ไดก อ นไปสบื สวนขยายผลจบั กมุ ผรู ว มกระทาํ ความผดิ
ในทนั ที ถือเปนความจาํ เปนเรงดว นท่ีไมอ าจขอใหศาลออกหมายจับบคุ คลน้นั ได๑๖ (คําพิพากษาฎกี า
ท่ี ๑๒๐๙๑/๒๕๕๘) áμ¡‹ ÒÃÊº× Êǹ¢ÂÒ¼Å仨Ѻ¡ÁØ ä´àŒ ©¾ÒÐàÂÒǪ¹à·Ò‹ ¹Ñé¹äÁ‹ÃÇÁ¶Ö§à´¡ç เพราะ
การจับกุมเดก็ จะใชข อ ยกเวน ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญามาตรา ๗๘ (๓) ไมไ ด
(๔) เปน การจบั กมุ ผตู อ งหาหรอื จําเลย ทห่ี นี หรอื จะหลบหนี ในระหวา งถกู ปลอ ยชว่ั คราว
ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญามาตรา ๑๑๗
คาํ อธิบาย บทบัญญัติน้ี ใหอํานาจพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจที่พบเห็น
การกระทําดงั กลา วมอี ํานาจจบั กมุ เยาวชนไดท นั ที ถา ราษฎรซงึ่ เปน ผทู าํ สญั ญาประกนั หรอื เปน หลกั ประกนั
เปน ผพู บเหน็ การกระทาํ ดังกลา ว เชน ศาลปลอยตวั ชัว่ คราวเยาวชนโดยใชอ ปุ กรณอ เิ ล็กทรอนิกส เชน
กาํ ไลขอ มอื ขอ เทา (จะใชต อ เมอื่ บคุ คลนนั้ มพี ฤตกิ ารณท อี่ าจเปน ภยั ตอ คนอน่ื อยา งรา ยแรง หรอื มเี หตุ
สมควรประการอนื่ ) นายประกนั พบเหน็ ขณะเยาวชนทําลายอปุ กรณด งั กลา ว กฎหมายใหส นั นษิ ฐานวา
ผูตองหาหรือจาํ เลยนั้นหนีหรือจะหลบหนี (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๗
วรรคสอง ทแี่ กไ ขเพม่ิ เตมิ ใหม) นายประกนั กอ็ าจขอใหพ นกั งานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจทใ่ี กลท สี่ ดุ จบั กมุ
ผตู อ งหาหรอื จําเลยได ถา ไมส ามารถขอความชว ยเหลอื ไดท นั ทว งที กใ็ หน ายประกนั มอี ํานาจจบั ไดเ อง๑๗
อนง่ึ ถาเด็กหลบหนีไประหวางการปลอยตวั ชัว่ คราว เจาพนักงานหรือนายประกัน
ไมอาจติดตามจับกุมเองไดเพราะ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๘ (๔) เปน
ขอ ยกเวน การจบั กมุ เยาวชนเทา นนั้ เจา พนกั งานหรอื นายประกนั จะตอ งแจง ตอ ศาลเพอื่ ออกหมายจบั มา
เทานั้น และถาเปนกรณีเรงดวนศาลอาจสั่งจับกุมโดยไมตองออกหมายก็ได เชน หลบหนีระหวางท่ี
มกี ารสบื พยานในศาล แตผ มู ีอาํ นาจจับกมุ ตามคาํ ส่ังศาลจะตอ งเปนพนกั งานฝา ยปกครองหรือตํารวจ
เทา นน้ั ศาลจะสง่ั ใหน ายประกนั หรอื พนกั งานรกั ษาความปลอดภยั ของศาลหรอื เจา หนา ทศ่ี าลไปจบั กมุ
ได๑ ๘
ขอ สงั เกต
๑. การจับเด็กหรอื เยาวชน เจาพนกั งานจบั กุมไดต ามหมายจับหรือคําสงั่ ของศาล๑๙
๒. ถา ไมม หี มายจบั หรอื คาํ สง่ั ของศาล ¡ÒèºÑ à´¡ç ¨ÐμÍŒ §à»¹š ¡Ã³àÕ ´¡ç ทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô «§èÖ Ë¹ÒŒ à·Ò‹ ¹¹éÑ สว นการจบั กมุ เยาวชน
นอกจากจับกุมในความผิดซ่ึงหนาแลว เจาพนักงานยังสามารถจับกุมไดตามขอยกเวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญามาตรา ๗๘ เหมอื นเชน การจบั กุมทว่ั ไป๒๐
๑๖ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. เรื่องเดยี วกัน. หนา ๑๒๐.
๑๗ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คาํ อธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน
และครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓. อมรินทรพ รน้ิ ตง้ิ แอนดพบั ลิชชิ่ง. ๑๒๐.
๑๘ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เรือ่ งเดยี วกัน. หนา ๑๒๑.
๑๙ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เรือ่ งเดียวกัน. หนาเดยี วกนั .
๒๐ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เร่ืองเดียวกนั . หนาเดียวกนั .
๓๕
á¹Ç·Ò§¡Òû¯ºÔ ÑμԢͧà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ㹡ÒèѺ¡ÁØ à´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹
เพอื่ สรา งความเขา ใจในการปฏบิ ตั งิ านของเจา พนกั งานตํารวจในการจบั กมุ เดก็ หรอื เยาวชนนน้ั
จึงขอสรุปสาระสําคญั ทกี่ ําหนดไวใ นกฎหมายเปน ขอ ๆ ดังตอ ไปน้ี
๑. ในการจับกมุ เดก็ หรอื เยาวชนนนั้ เจา พนักงานตาํ รวจผทู าํ การจบั กุมจะตอง
๑.๑) แจง ใหเ ด็กหรอื เยาวชนนนั้ วาเขาถูกจับ
คําอธิบาย การแจงวาเขาตองถูกจับ อาจใชคําพูดในทํานองเดียวกันก็ได๒๑
เชน นอ งถกู จบั แลว นะ หนถู กู จบั ตวั แลว แตม ขี อ ยกเวน คอื กรณคี วามผดิ ซงึ่ หนา และมกี ารตอ สขู ดั ขวาง
การจบั กุม เชน เจา พนักงานตํารวจพบเหน็ การกระทาํ ความผิดซ่งึ หนา เมอ่ื เขาจับกุมผกู ระทําความผดิ
ตอสูขัดขวางการจับกุม กรณีเชนนี้เจาพนักงานตํารวจมีอาํ นาจจับกุม โดยไมจาํ เปนตองแจงแก
ผูที่จะถูกจับวาเขาตองถูกจับตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา ๘๓ วรรคแรก
(คาํ พิพากษาฎกี าท่ี ๑๖๘๓/๒๕๒๓)
๑.๒) แจง ขอ กลาวหา
คาํ อธิบาย การแจงขอกลาวหา อาจเปนขอกลาวหาท่ีเด็กหรือเยาวชน
กระทําความผิดซ่ึงหนาหรือขอกลาวหาท่ีเยาวชนกระทําความผิดตามขอยกเวนตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๘ หรือขอกลาวหาท่ีระบุไวในหมายจับ๒๒ ซ่ึงขอกลาวหาที่แจงน้ี
จะตรงกับพนกั งานสอบสวนแจงตอไปในช้นั สอบสวนหรือไม และจะตรงกับทอ่ี ยั การโจทกฟองหรือไม
ไมสําคญั เพราะคดยี ังตอ งมีการสอบสวนตอ ไปวา กระทาํ ความผดิ ขอหาใด (ฎกี าที่ ๑๓๙๘๕/๒๕๕๓)
คําพิพากษาฎกี าท่ี ๑๓๙๘๕/๒๕๕๓
- ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓ วรรคสอง
เปน บทบญั ญตั กิ าํ หนดใหเ จา พนกั งานผจู บั ตอ งแจง ขอ กลา วหาใหผ ถู กู จบั ทราบ กเ็ พอ่ื ใหผ ถู กู จบั ทราบวา
การกระทําของผูถูกจับเปนความผิด และเพ่ือใหผูถูกจับเขาใจถึงการกระทาํ ของผูถูกจับซ่ึงเปน
ความผดิ นั้น เพือ่ ประโยชนใ นการใหการ ใหถ อ ยคาํ หรอื ตอ สคู ดี โดยเจา พนกั งานผจู บั ไมจาํ ตอ งแจง
ขอ หาความผดิ ใหต รงกบั ทพี่ นกั งานอยั การโจทกจ ะฟอ งผถู กู จบั เพราะคดยี งั ตอ งมกี ารสอบสวนตอ ไปวา
ผถู กู จบั กระทาํ ความผดิ หรอื ไม และกระทาํ ความผดิ ฐานใดคดนี แ้ี มบ นั ทกึ การจบั กมุ แจง ขอ หาวา จาํ เลย
มเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครอง เมอ่ื พนกั งานสอบสวนแจง ขอ หาแกจ าํ เลยวา มเี มทแอมเฟตามนี ไว
ในครอบครองเพื่อจําหนาย ถือวามีการสอบสวนในความผิดฐานดังกลาวแลว โจทกจึงมีอํานาจฟอง
เมอ่ื โจทกบ รรยายฟอ งวา จาํ เลยกระทําความผดิ ฐานมเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครองเพอ่ื จําหนา ยและ
ขอ เทจ็ จรงิ ฟง เปน ยตุ ขิ า งตน ศาลยอ มลงโทษจาํ เลยในความผดิ ฐานมเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครอง
เพือ่ จําหนา ยตามฟอ งได
๒๑ สหรฐั กิติ ศภุ การ. เร่ืองเดยี วกัน. หนา ๑๒๗.
๒๒ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คาํ อธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน
และครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓. อมรนิ ทรพร้ินติง้ แอนดพ บั ลชิ ชิง่ . ๑๒๗.
๓๖
๑.๓) แจงสทิ ธใิ หท ราบ
คาํ อธบิ าย การแจงสทิ ธใิ นชนั้ จับกมุ ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความ
อาญา มาตรา ๘๓ วรรคสอง เจาพนกั งานผจู บั จะตอ งแจง วา๒๓
- ผูถ กู จับมีสทิ ธิที่จะไมใ หก ารหรอื ใหการก็ได
- ถอ ยคาํ ของผถู กู จับนน้ั อาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดี
- ผถู กู จบั มสี ทิ ธทิ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความ หรอื ผซู งึ่ จะเปน ทนายความ
สว นการแจง สทิ ธใิ นชนั้ สอบสวน ตามพระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั ฯ
มาตรา ๗๕ วรรคสอง วางหลักวา พนักงานสอบสวนมหี นาทตี่ อ งแจง สิทธกิ อ นการแจง ขอกลา วหาและ
สอบปากคํา โดยตองแจงวาเด็กหรือเยาวชนมีสิทธิที่จะไมใหการหรือใหการก็ได และถอยคาํ ของเด็ก
และเยาวชนอาจใชเ ปนพยานหลักฐานในการพจิ ารณาคดีได
๑.๔) แสดงหมายจบั ใหดู
คําอธิบาย หากมีหมายจับจะตองแสดงหมายจับใหกับเด็กหรือเยาวชนผูน้ัน
รบั รดู ว ย จากนน้ั จะตอ งนาํ ตวั เดก็ หรอื เยาวชนผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวนทอ งทท่ี ถี่ กู จบั
ทนั ที ซงึ่ กฎหมายตอ งการใหแ สดงทนั ทเี พอื่ ใหร วู า เปน การตามหมายจบั ไมใ ชจ บั กมุ มาแลว ขอหมายจบั
ตามหลงั ๒๔
๑.๕) เสรจ็ แลว นาํ ตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี ําการของพนกั งานสอบสวนแหง ทอ งทที่ ถ่ี กู จบั
ทันที เพื่อใหพนักงานสอบสวนของทองที่ดังกลาวสงตัวผูถูกจับไปยังท่ีทาํ การของพนักงานสอบสวน
ผรู ับผิดชอบโดยเรว็ ๒๕
คาํ อธิบาย ถาทองที่ที่ถูกจับกุมกับทองท่ีเกิดเหตุเปนคนละทองท่ีกัน ก็ตอง
นาํ ตัวไปยังท่ีทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีท่ีถูกจับกอน จากนั้นพนักงานสอบสวนจะสอบ
ปากคําเจา พนักงานผถู กู จับกุม เสร็จแลวใหพ นกั งานสอบสวนสง ตัวเดก็ หรือเยาวชนไปยังท่ีทาํ การของ
พนกั งานสอบสวนผูรับผดิ ชอบโดยเรว็
๒. แจง ใหผูปกครองทราบถึงการจับเดก็ หรอื เยาวชน
๒.๑) ขณะเจาพนักงานตํารวจจับกุมเด็กหรือเยาวชนซึ่งตองหาวากระทาํ ความผิด
นั้น มีผูปกครองซึ่งไดแก บิดามารดา ผูปกครอง บุคคลหรือผูแทนองคกรซึ่งเด็กหรือเยาวชนอาศัย
อยดู ว ย อยดู ว ยในขณะที่ทาํ การจับกุมนั้นใหเ จา พนกั งานตาํ รวจผจู ับกมุ
- แจง เหตุแหง การจบั ใหบ คุ คลดังกลา วทราบ และ
- ในกรณที เ่ี ปน ความผดิ อาญาซงึ่ มอี ตั ราโทษอยา งสงู ตามทก่ี ฎหมายกําหนดไว
จาํ คกุ ไมเ กนิ ๕ ป เจา พนกั งานตาํ รวจจบั กมุ จะสงั่ ใหบ คุ คลดงั กลา วเปน ผนู าํ ตวั เดก็ หรอื เยาวชนนนั้ ไปยงั
ที่ทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองที่ทีถ่ กู จบั ก็ได
๒๓ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เร่อื งเดยี วกนั . ๑๒๘.
๒๔ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เรอ่ื งเดียวกัน. ๑๒๙.
๒๕ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เรอื่ งเดยี วกัน. หนา เดียวกนั .
๓๗
๒.๒) ขณะเจา พนกั งานตํารวจจบั กมุ เดก็ หรอื เยาวชนซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ นน้ั
ไมม ีผูปกครองดงั กลาวอยกู บั ผถู กู จบั ใหเ จา พนกั งานตํารวจผจู บั กมุ
- แจงใหบุคคลดังกลาวคนใดคนหนึ่งทราบถึงการจับกุมในโอกาสแรกเทาท่ี
สามารถกระทําได
- หากผูถูกจับประสงคจะติดตอสื่อสาร หรือปรึกษาหารือกับบุคคลเหลาน้ัน
ซง่ึ ไมเ ปน อปุ สรรคตอ การจบั กมุ และอยใู นวสิ ยั ทจี่ ะดําเนนิ การได ใหเ จา พนกั งานตํารวจผจู บั ดาํ เนนิ การให
ตามสมควรแกกรณีโดยไมช กั ชา (มาตรา ๖๙ วรรคสอง)
๓. วธิ กี ารจบั กมุ และควบคมุ ตวั เดก็ หรอื เยาวชนซง่ึ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ เจา พนกั งาน
ตาํ รวจผูจับกมุ จะตองกระทาํ การจบั กุม
- ดว ยความละมุนละมอม๒๖ คือ ไมใชความรุนแรงในการจับกมุ คอ ยๆ พดู จากัน
- คํานึงถึงศักดิ์ศรีความเปนมนุษย๒๗ คือ ตองปฏิบัติในลักษณะใหความเคารพใน
ความแตกตา งทางเพศ เชอ้ื ชาติ ศาสนา ความเชอ่ื และวยั วุฒิ
- ไมเ ปน การประจานเดก็ หรอื เยาวชน๒๘ คอื ไมก ระทาํ ในลกั ษณะใหเ ดก็ หรอื เยาวชน
ไดร บั ความอบั อาย
- หา มมใิ หใ ชว ธิ กี ารควบคมุ เกนิ กวา ทจี่ าํ เปน เพอ่ื ปอ งกนั การหลบหนี หรอื เพอื่ ความ
ปลอดภัยของเด็กหรือเยาวชนผูถูกจับหรือบุคคลอ่ืน๒๙ คือ จะควบคุมเกินกวาท่ีจําเปนไมได และจะ
ควบคุมนอกเหนือวัตถุประสงคเพ่ือปองกันการหลบหนี หรือเพื่อความปลอดภัยของเด็กหรือเยาวชน
หรอื บคุ คลอนื่ ไมไ ด
- ไมใ หใ ชเ ครื่องพันธนาการไมว ากรณีใดๆ เวน แตม คี วามจําเปน อยางอืน่ อันมอิ าจ
หลีกเล่ียงไดเ พ่อื ปองกนั การหลบหนี หรือเพอื่ ความปลอดภยั ของผูถูกจบั หรอื บคุ คลอนื่ ๓๐ คือ หามใช
เครื่องพันธนาการ เชน กุญแจมือ เชือก สายรัด กับเด็กเทาน้ัน สวนเยาวชนไมไดหาม แตถาเด็ก
จะหลบหนีหรอื อาจมกี ารตอ สขู ัดขวางเจาพนักงาน กส็ ามารถใชเคร่ืองพันธนาการกบั เดก็ ได
๔. บันทึกการจบั กมุ กอนสงตวั เด็กหรือเยาวชนผูถ กู จบั ไปใหก บั พนักงานสอบสวนแหง
ทอ งที่ที่ถูกจับนั้นใหเจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ
- ทาํ บันทกึ การจับกุม โดยแจงขอกลา วหาและรายละเอยี ดเก่ยี วกับเหตุแหงการจบั
ใหผ ูถูกจับทราบ
- หา มมใิ หถ ามคาํ ใหก ารผูถกู จบั
๒๖ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คาํ อธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓. อมรินทรพร้ินต้งิ แอนดพบั ลชิ ชิง่ . หนา ๑๓๑.
๒๗ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เรอื่ งเดยี วกนั . หนาเดยี วกนั .
๒๘ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เรอื่ งเดยี วกัน. หนาเดยี วกัน.
๒๙ สหรฐั กิติ ศุภการ. เร่ืองเดยี วกนั . หนา เดียวกนั .
๓๐ สหรัฐ กติ ิ ศุภการ. เรอ่ื งเดยี วกนั . หนา เดียวกัน.
๓๘
- ถา ขณะทําบนั ทกึ ดงั กลา วมบี ดิ ามารดา ผปู กครอง หรอื บคุ คล หรอื ผแู ทนองคก าร
ซ่ึงเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยูดวยอยูในขณะน้ันดวย เจาพนักงานตาํ รวจตองทาํ บันทึกตอหนาบุคคล
ดังกลาว และจะใหลงลายมอื ช่ือเปน พยานดว ยกไ็ ด
- ถอ ยคาํ ของเดก็ หรอื เยาวชนในชนั้ จบั กมุ มใิ หศ าลรบั ฟง เปน พยานเพอื่ พสิ จู นค วามผดิ
ของเด็กหรือเยาวชน แตศ าลอาจนํามาฟงเปน คณุ แกเ ดก็ หรอื เยาวชนได๓ ๑
คาํ อธิบาย ถอยคําของเด็กหรือเยาวชนในชั้นจับกุม หามรับฟงโดยเด็ดขาด ไมมี
การแยกวา เปนถอยคําอ่ืนหรือถอยคํารับสารภาพเหมือนเชนคดีอาญาท่ัวไป ตามประมวลกฎหมาย
วิธพี จิ ารณาความอาญามาตรา ๘๔ วรรคทาย
การหา มรบั ฟง โดยเดด็ ขาด๓๒ หมายถงึ รบั ฟง เพอ่ื พสิ จู นค วามผดิ ของเดก็ หรอื เยาวชน
เทา นน้ั ไมห า มรบั ฟง เพอ่ื พสิ จู นค วามผดิ ของผอู นื่ และไมห า มหากจะรบั ฟง เปน คณุ แกเ ดก็ หรอื เยาวชน
เชน รบั ฟง เพื่อหกั ลา งพยานโจทก รับฟงเพอ่ื นาํ มาเปน ดลุ พนิ ิจในการกาํ หนดโทษใหเ บาลง
๕. หา มบนั ทกึ ภาพ เพอ่ื เปน การคมุ ครองสทิ ธเิ ดก็ หรอื เยาวชน ซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ
หามมิใหเจาพนักงานผูจับกุมเด็กหรือเยาวชน หรือพนักงานสอบสวน จัดใหมีหรืออนุญาตใหมี
หรือยินยอมใหมีการถายภาพหรือบันทึกภาพเด็กหรือเยาวชนซึ่งตองหาวากระทําความผิด เวนแต
เพ่ือประโยชนใ นการสอบสวน
คําอธบิ าย พระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั ฯ มาตรา ๗๖ ไดว างหลกั เกย่ี วกบั
การคมุ ครองสทิ ธิเดก็ และเยาวชนในเร่ืองการถายภาพหรอื บันทึกภาพเดก็ หรอื เยาวชนไวว า๓๓
- จะจดั ใหม กี ารถา ยภาพหรอื บนั ทกึ ภาพไมไ ด เชน จดั ใหม กี ารตง้ั โตะ แถลงขา วแลว
นาํ เด็กหรอื เยาวชนมาน่งั รว มดว ย
- อนญุ าตใหม ีการถา ยหรือบันทึกภาพไมไ ด
- ยนิ ยอมใหมีการถา ยภาพหรือบนั ทกึ ภาพไมไ ด
ขอสังเกต
การถายภาพ หรือบันทึกภาพเด็ก แมเพียงคร่ึงตัวไมเห็นใบหนาก็ทาํ ไมได ถือเปนการถายภาพหรือบันทึกภาพ
อยนู ั่นเอง๓๔
๓๑ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คําอธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและ
ครอบครวั พ.ศ. ๒๕๕๓. อมรนิ ทรพ รน้ิ ตงิ้ แอนดพ บั ลชิ ชง่ิ . หนา ๑๓๒.
๓๒ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เรอื่ งเดียวกนั . หนาเดยี วกนั .
๓๓ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. เรื่องเดยี วกนั . หนา ๑๗๘.
๓๔ สหรฐั กติ ิ ศภุ การ. เร่อื งดยี วกัน. หนา เดียวกัน.
๓๙
๖. ไมว า กรณใี ดๆ กต็ ามหา มมใิ หผ ตู อ งหาทเี่ ปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ปบ รบิ รู ณไ ปชท้ี เ่ี กดิ เหตุ
ประกอบคาํ รับสารภาพ เพราะจะเปนการประจานเด็กและอาจเปนการกระทําผิดตามกฎหมายเด็ก
รวมท้ังหา มมใิ หน ําผตู องหาไปขอขมาศพ หรือบดิ ามารดา สามภี รรยา มิตรสหาย หรอื ผปู กครองของ
ผตู าย นอกจากน้ี หา มนําผเู สยี หาย พยาน เขา รว มในการชท้ี เ่ี กดิ เหตปุ ระกอบคํารบั สารภาพของผตู อ งหา
เปนอนั ขาด โดยเฉพาะผูเสียหายทเ่ี ปนเดก็ สตรี พระภกิ ษุ สามเณร นักพรต นกั บวช (คาํ ส่ังสํานกั งาน
ตาํ รวจแหงชาติ ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เรื่องการอํานวยความยุติธรรมในทางอาญาขอ ๖.๑๐.๒)
¡ÒÃμÃǨÊͺ¡ÒèºÑ
การตรวจสอบการจบั เปน วธิ กี ารพทิ กั ษส ทิ ธเิ ดก็ และเยาวชนในเบอ้ื งตน เพราะเมอ่ื พนกั งาน
สอบสวนไดรับตัวเด็กหรือเยาวชนซึ่งถูกจับแลว พนักงานสอบสวนตองนําตัวเด็กหรือเยาวชนไปศาล
เพ่ือตรวจสอบการจบั กมุ ทนั ที ท้งั น้ภี ายใน ๒๔ ชวั่ โมงนบั แตเ วลาทเี่ ด็กหรือเยาวชนไปถึงทที่ ําการของ
พนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ แตมิใหนับเวลาเดินทางตามปกติท่ีนําตัวเด็กหรือเยาวชนผูถูกจับจาก
ท่ีทําการของพนักงานสอบสวนมาศาลเขาในกําหนดเวลา ๒๔ ชั่วโมงนั้นดวย (พระราชบัญญัติ
ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา ๗๒)
จดุ ประสงคท พ่ี ระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั ฯ กําหนดใหศ าลทําการตรวจสอบ
การจบั คือ
๑. ตรวจสอบวา ผถู กู จบั นนั้ เปน บคุ คลซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ หรอื ไม หมายถงึ เดก็
หรอื เยาวชนทีถ่ กู จบั มานัน้ ใชค นท่ีตองการจบั จรงิ หรือไม
๒. ตรวจสอบวา การจับน้นั เปนไปโดยชอบดว ยกฎหมายหรอื ไม หมายถึง ผูจบั มีอาํ นาจ
ที่จะจับหรือไมมี เหตุที่จะจับหรือไม โดยแยกวาเปนการจับเด็กหรือเยาวชนตามพระราชบัญญัติ
ศาลเยาวชนและครอบครวั ฯ มาตรา ๖๖ เชน หากเปน เดก็ จะจบั ไดต อ เมอื่ มหี มายจบั หรอื คําสง่ั ของศาล
ใหจ บั หรอื เปนการกระทาํ ความผดิ ซึ่งหนา เปนตน
๓. ตรวจสอบวาการปฏิบัติของเจาพนักงานชอบดวยกฎหมายหรือไม เชน ไดแจงบิดา
มารดาหรอื ผปู กครองหรอื ไม ใชเ ครอ่ื งพันธนาการในกรณที ี่กฎหมายไมอนญุ าตหรอื ไม เปน ตน
การตรวจสอบการจบั ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา ๗๓ เปน
บทกฎหมายทบี่ ญั ญตั ขิ น้ึ ใหมเ ปน ครงั้ แรกในประเทศไทย ซงึ่ เมอ่ื มผี ลใชบ งั คบั มาแลว ระยะหนงึ่ องคก รตา งๆ
ในกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะสาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ กรมพินิจและคุมครองเด็กและเยาวชน
รวมถึงศาลเยาวชนและครอบครัว ตางมีความเห็นที่ตรงกันวาการตรวจสอบการจับมีประโยชนตอ
กระบวนการสอบสวนของเจา พนกั งานตํารวจ การสอบขอ เทจ็ จรงิ ของสถานพนิ จิ และคมุ ครองเดก็ และ
เยาวชน และการพจิ ารณาพิพากษาคดีของศาลเยาวชนและครอบครวั นอกจากนี้ยังชวยแกไ ขเยียวยา
ปญ หาและพฤตกิ รรมของเดก็ และเยาวชนทก่ี ระทําความผดิ ไดม ากทเี ดยี วดงั เหตผุ ลทพี่ อจะประมวลไดด งั น้ี
๔๐
๑) การตรวจสอบการจับเปนวิธีการพิทักษสิทธิเด็กและเยาวชนในเบื้องตนวาจะไม
ถูกจับผดิ คน การจบั กุมและปฏบิ ตั ิของเจาพนกั งานตอ งเปน ไปโดยชอบดว ยกฎหมาย โดยที่ผูพพิ ากษา
เปนผตู รวจสอบภายใน ๒๔ ชั่วโมง นบั แตเ วลาทเี่ ด็กหรอื เยาวชนไปถงึ ทที่ ําการของพนักงานสอบสวน
ผรู บั ผิดชอบ
๒) เปนการสรา งความเขาใจแกบดิ ามารดา หรือผูปกครองของเดก็ และเยาวชนหลังจาก
ถกู จบั มาแทบจะในทนั ที ทาํ ใหบ ดิ ามารดา หรอื ผปู กครองสามารถเขา ไปดแู ลบตุ รหลาน หรอื บคุ คลทอี่ ยู
ในความปกครองของตนไดอ ยางรวดเรว็
๓) เด็กหรือเยาวชนและผูปกครองมีโอกาสพบและปรึกษาท่ีปรึกษากฎหมาย ตั้งแตช้ัน
ตรวจสอบการจบั ซงึ่ สามารถชว ยเหลอื ใหค าํ แนะนําใหค ําปรกึ ษาเพอื่ คลค่ี ลายปญ หาและความกงั วลใจ
ตา งๆ ได อีกท้งั ยงั สามารถชว ยเหลอื ในชั้นผัดฟองตามมาตรา ๗๕ ในชน้ั พจิ ารณาตามมาตรา ๑๒๐
และหากเปน การจบั กมุ โดยมชิ อบดว ยกฎหมายจรงิ ศาลจะมคี าํ สงั่ ใหป ลอ ยตวั เดก็ หรอื เยาวชนไปในทนั ที
๔) การท่ีเด็กหรือเยาวชนไดมาอยูในอาํ นาจศาลเยาวชนและครอบครัวทันทีท่ีพนักงาน
สอบสวนสงตัวมานั้น ทาํ ใหพวกเขามีโอกาสที่จะไดรับการมอบตัวใหแกผูปกครองไปดูแลระหวางการ
สอบสวนตามทศ่ี าลเหน็ สมควร หรอื ไดร บั การพจิ ารณาคํารอ งขอปลอ ยตวั ชวั่ คราวระหวา งการสอบสวน
ไดใ นเวลาอันรวดเร็ว และไมม ขี นั้ ตอนยุงยาก
๕) เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ ไดร บั การดแู ลปกปอ งคมุ ครองจากขอ กลา วหาวา กลน่ั แกลง
หรอื ปฏบิ ตั โิ ดยมชิ อบดว ยกฎหมายในการจบั กมุ หรอื ไม แจง การจบั กมุ ใหบ ดิ ามารดาหรอื ผปู กครองทราบ
เพราะหากเกิดกรณเี ชนน้จี ริง เด็กหรอื เยาวชนและผปู กครองรวมถงึ ทปี่ รึกษากฎหมายกส็ ามารถแถลง
ตอศาลเพ่อื คดั คานการจบั กุมและการปฏบิ ตั ิโดยมิชอบดังกลาวไดในทันที
ขอสังเกต
๑. กรณมี ขี อ สงสยั เกย่ี วกบั อายเุ ดก็ พระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั ฯ มาตรา ๗๗ กําหนดวา ในระหวา งการ
สอบสวนหากมขี อ สงสยั เกยี่ วกบั อายเุ ดก็ ทถี่ กู จบั กมุ หรอื ควบคมุ ใหพ นกั งานสอบสวนมอี ํานาจดําเนนิ การสอบสวนตามประมวล
กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาและกฎหมายอน่ื ทเี่ กย่ี วขอ ง แตห ากปรากฏภายหลงั วา บคุ คลนนั้ มอี ายไุ มเ กนิ กวา อายทุ ก่ี ําหนดไว
ตามมาตรา ๗๓ แหง ประมวลกฎหมายอาญา ในขณะกระทําความผดิ (ซง่ึ หมายความวาขณะกระทําความผดิ นน้ั อายุไมเ กิน
๑๐ ป) และอยใู นความควบคมุ ของสถานพนิ จิ หรอื องคก รอนื่ ใด ใหส ถานพนิ จิ หรอื องคก ารดงั กลา วรายงานใหศ าลทราบเพอ่ื มี
คําสงั่ ปลอ ยตวั และใหพ นกั งานสอบสวนดาํ เนนิ การตามมาตรา ๖๙/๑ วรรคหนง่ึ กลา วคอื ถา ความผดิ ทเี่ ดก็ กระทํานนั้ เปน ความผดิ
ทกี่ ฎหมายบญั ญตั ใิ หอ ยใู นอาํ นาจของพนกั งานสอบสวนหรอื เจา พนกั งานอนื่ ทจ่ี ะเปรยี บเทยี บไดห ากเปน การกระทาํ ครงั้ แรก
ใหพนักงานสอบสวนหรือเจาพนักงานน้ันเรียกเด็ก บิดามารดา ผูปกครองหรือบุคคลหรือผูแทนองคการซ่ึงเด็กนั้นอาศัย
อยูดวย มาวากลาวตักเตือน ถาเด็กสํานึกในการกระทําและบิดามารดา ผูปกครอง หรือบุคคลหรือองคการซ่ึงเด็กน้ันอาศัย
อยดู วยสามารถดูแลเดก็ ได กใ็ หงดการสอบสวนและปลอยตัวไป
นอกจากนใ้ี นกรณเี ดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๐ ป กระทําความผดิ โดยความผดิ นนั้ กฎหมายบญั ญตั ใิ หอ ยใู นอาํ นาจเปรยี บเทยี บของ
พนักงานสอบสวนหรอื เจา พนกั งานอ่ืน หากเปน การกระทาํ ครั้งแรกมาตรา ๖๙/๑ วรรคสอง ใหอาํ นาจพนักงานสอบสวนหรอื
เจาพนักงานนัน้ เรียกเดก็ บิดามารดา ผูปกครองหรือบุคคลหรอื ผแู ทนองคการซ่ึงเดก็ อาศัยอยูดวยมาวา กลาวตกั เตือน ถา เด็ก
สาํ นึกในการกระทาํ และบิดามารดา ผูปกครองหรือบุคคลหรือองคการซ่ึงเด็กน้ันอาศัยอยูดวยสามารถดูแลเด็กได ก็ใหงด
การสอบสวนและปลอ ยตวั ไป เวน แตเ ดก็ นนั้ กระทําความผดิ อนื่ ซงึ่ มใิ ชค วามผดิ ทส่ี ามารถเปรยี บเทยี บได เชน นพ้ี นกั งานสอบสวน
๔๑
ตองสงตัวเด็กที่อายุไมเกิน ๑๐ ป น้ันใหพนักงานเจาหนาที่ตามกฎหมายวาดวยการคุมครองเด็กเพ่ือใหดาํ เนินการคุมครอง
สวัสดภิ าพตามกฎหมายนัน้ ในโอกาสแรกท่ีกระทําได แตต อ งภายในเวลาไมเ กิน ๒๔ ชั่วโมง นบั แตเ วลาท่ีเด็กน้ันมาถงึ สถานท่ี
ทําการของพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ และจากมาตรา ๖๙/๑ วรรคทาย ยังกาํ หนดหามมิใหผูเสียหายฟองเด็กอายุ
ไมเ กนิ ๑๐ ป เปน คดอี าญาตอศาลใดดวย
๒. ในกรณีเด็กหรือเยาวชนอยูในเกณฑตองดาํ เนินการตามกฎหมายวาดวยการฟนฟูสมรรถภาพผูติดยาเสพติด
ใหดําเนินการฟนฟูตามกฎหมายกอน แตหากไมอาจดาํ เนินการฟนฟูไดหรือทาํ การฟนฟูไมสาํ เร็จใหพนักงานสอบสวนหรือ
พนกั งานอยั การ นําตวั เดก็ หรอื เยาวชนไปศาลเพอื่ ใหศ าลมคี ําสงั่ เกยี่ วกบั การควบคมุ ตวั และพนกั งานอยั การอาจฟอ งคดภี ายใน
ระยะเวลาทกี่ ฎหมายกาํ หนดหรือภายใน ๓๐ วัน นับแตศาลมีคาํ สั่ง (มาตรา ๖๙/๒)
á¹Ç·Ò§¡Òû¯ºÔ μÑ ¢Ô ͧà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨ㹡Ò乌
ในเรื่องของหลักเกณฑการคนกรณีที่เด็กหรือเยาวชนผูถูกตองหาวากระทําความผิดนั้น
จะใชห ลกั เกณฑท ป่ี ระมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญากําหนดไว เพราะพระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชน
และครอบครวั ฯ ไมไ ดบ ัญญตั ิไวเปน พิเศษอยางเชน การจับกมุ ดงั น้ันจงึ ใหนําบทบญั ญตั แิ หงประมวล
กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาใชบ งั คบั ได เทา ทไ่ี มข ดั หรอื แยง กบั บทบญั ญตั แิ หง พระราชบญั ญตั ิ
ศาลเยาวชนและครอบครัว (มาตรา ๖) การคน แยกเปน ๓ ประเภทคอื
๑. การคน ตวั บุคคล
๒. การคนสถานที่
๓. การคนยานพาหนะ
๑) ¡Ò乌 μÑǺؤ¤Å
(๑) การคนตวั บคุ คลผตู อ งสงสัย
ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๙๓ “หา มมใิ หท ําการคน บคุ คลใด
ในทสี่ าธารณะเวน แตเ จา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจเปน ผคู น ในเมอ่ื มเี หตอุ นั ควรสงสยั วา บคุ คลนนั้
มีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใชในการกระทาํ ความผิด หรือซึ่งไดมาโดยการกระทําความผิด
หรอื ซง่ึ มไี วเ ปนความผิด”
จากบทบัญญัติดังกลาวเห็นไดวา การคนตัวบุคคลในท่ีสาธารณะเจาพนักงาน
ตาํ รวจจะทําการคน ตัวบคุ คลผูตอ งสงสัยไดตอเม่ือ ÁàÕ ËμÍØ ¹Ñ ¤ÇÃʧÊÂÑ วา
- บุคคลนัน้ มีสิ่งของในครอบครองเพื่อจะใชใ นการกระทาํ ความผดิ
- สงิ่ ของทบ่ี คุ คลนน้ั ครอบครองนนั้ เปน สงิ่ ทไี่ ดม าจากการกระทําความผดิ หรอื
มีไวเ ปนความผดิ
ขอ สงั เกต
๑. มเี หตอุ นั ควรสงสยั “ตอ งเปน เหตอุ นั ควรสงสยั ” ทมี่ อี ยกู อ นการคน และตอ งมใิ ชข อ สงสยั ทอี่ ยบู นพน้ื ฐานของความรสู กึ
ของเจา หนา ทีเ่ พยี งอยางเดยี ว (คําพพิ ากษาฎกี าท่ี ๘๗๒๒/๒๕๕๕)
๔๒
- คําพิพากษาฎีกาท่ี ๘๗๒๒/๒๕๕๕
เมอื่ ขอ เทจ็ จรงิ ไดค วามวา บรเิ วณทเ่ี กดิ เหตอุ ยบู นถนนสทุ ธาวาสไมใ ชห ลงั ซอยโรงถา นตามทส่ี บิ ตาํ รวจโท ก. และ
สบิ ตาํ รวจตรี พ. อา งวา มอี าชญากรรมเกดิ ขน้ึ ประจาํ แตอ ยา งใด และจําเลยไมม ที า ทางเปน พริ ธุ คงเพยี งแตน งั่ โทรศพั ทอ ยเู ทา นน้ั
การทส่ี บิ ตาํ รวจโท ก. และสบิ ตาํ รวจตรี พ. อา งวา เกดิ ความสงสยั ในตวั จาํ เลยจงึ ขอตรวจคน โดยไมม เี หตผุ ลสนบั สนนุ วา เพราะ
เหตใุ ดจึงเกิดความสงสัยในตัวจําเลย จงึ เปนขอสงสัยทอี่ ยูบนพ้ืนฐานของความรูส กึ เพียงอยา งเดยี ว ถอื ไมไ ดว า มเี หตุอนั ควร
สงสยั ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๙๓ ทจี่ ะทาํ การตรวจคน ได การตรวจคน ตวั จาํ เลยจงึ ไมช อบดว ย
กฎหมาย จาํ เลยซ่ึงถูกกระทาํ โดยไมชอบดวยกฎหมายจึงมีสิทธิโตแยงและตอบโตเพ่ือปองกันสิทธิของตน ตลอดจนเพิกเฉย
ไมป ฏบิ ตั ติ ามคําสงั่ ใด ๆ อนั สบื เนอ่ื งจากการปฏบิ ตั ทิ ไี่ มช อบดงั กลา วได การกระทําของจาํ เลยจงึ ไมเ ปน ความผดิ ตามทโี่ จทกฟ อ ง
๒. ในเรื่องการคนกรณีน้ี กฎหมายไมไดบัญญัติวาจะตองเปนเจาพนักงานฝายปกครองหรือเจาพนักงานตาํ รวจ
ช้นั ยศใด ท่จี ะตองเปนหวั หนาในการตรวจคน ตัวบคุ คล
(๒) การคน ตวั ผถู ูกจบั หรือผตู อ งหา
ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๘๕ วรรคแรก “เจา พนกั งานผจู บั หรอื รบั ตวั ผถู กู จบั ไว มอี าํ นาจคน ตวั
ผูตองหาและยึดสิ่งของตางๆ ท่ีอาจใชเปนพยานได” ดังน้ัน กรณีท่ีเจาพนักงานตํารวจมีเหตุอันควรสงสัยวาผูถูกจับนั้น
ซุกซอนสิ่งของที่ใชในการกระทาํ ความผิด หรือมไี วเปน ความผดิ นั้นอยกู บั ตวั เจา พนกั งานตาํ รวจผจู ับกุมหรอื รับตวั กม็ อี าํ นาจ
ทีจ่ ะคนตัวบคุ คลและยดึ สิง่ ของนน้ั ไดแตต องกระทําการคน โดยสุภาพ
แตหากผูถูกจับหรือผูตองหาเปนผูหญิง ผูที่จะทาํ การคนตองเปนผูหญิง (มาตรา ๘๕ วรรคสอง) ซึ่งกรณี
ทีไ่ มม ีเจาพนกั งานตํารวจหญงิ กส็ ามารถขอความรวมมือจากผหู ญิงอน่ื ทอ่ี ยบู รเิ วณใกลเคยี งนนั้ เปนผทู าํ การคนได
๒) ¡Ò乌 ʶҹ·Õè
ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๙๒ กาํ หนด “หา มมิใหค น
ในทีร่ โหฐานโดยไมม หี มายคน หรอื คําสั่งศาล”
ดงั นน้ั หากจะตอ งทาํ การคน ในทรี่ โหฐาน เจา พนกั งานตํารวจจะตอ งไปทําการคน ได
ตอเม่ือมหี มายคน เทา นัน้ เวนแตจ ะเปน กรณีเขา ขอยกเวนตามที่มาตรา ๙๒ กาํ หนด กลา วคือ
(๑) เมอ่ื มเี สยี งรอ งใหช ว ยมาจากขา งในทร่ี โหฐาน หรอื มเี สยี ง หรอื พฤตกิ ารณอ นื่ ใด
อันแสดงไดวา มเี หตรุ ายเกิดขึ้นในท่รี โหฐานนน้ั
(๒) เม่อื ปรากฏความผดิ ซึ่งหนากาํ ลงั กระทาํ ลงในทรี่ โหฐาน
(๓) เมื่อบุคคลที่ไดกระทําความผิดซึ่งหนา ถูกไลจับและหนีเขาไปหรือมีเหตุ
อันแนนแฟน ควรสงสยั วาไดเ ขาไปซกุ ซอนตัวอยใู นทีร่ โหฐานนั้น
(๔) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรวาสิ่งของท่ีมีไวเปนความผิด หรือไดมา
โดยการกระทาํ ความผดิ หรอื ไดใ ชห รอื มไี วเ พอ่ื ใชใ นการกระทาํ ความผดิ หรอื อาจเปน พยานหลกั ฐานพสิ จู น
การกระทําความผิดไดซอนหรืออยูในน้ัน ประกอบทั้งตองมีเหตุอันควรเช่ือวาหากรอหมายคน
ส่งิ ของนน้ั จะถกู โยกยายหรือทําลายเสียกอน
(๕) เม่ือท่ีรโหฐานน้ัน ผูท่ีจะตองถูกจับเปนเจาบานและการจับนั้นมีหมายจับ
หรอื เปนการจับตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญามาตรา ๗๘
๔๓
การใชอํานาจตรวจคนกรณีน้ี ใหผูตรวจคนจัดทําºÑ¹·Ö¡¡ÒÃμÃǨ¤Œ¹â´ÂäÁ‹ÁÕ
ËÁÒ¤¹Œ (Ẻ Ê õö – óñ) โดยแสดงเหตผุ ลทที่ าํ ใหส ามารถเขา คน ได แลว มอบบนั ทกึ การตรวจคน และ
ºÞÑ ª·Õ Ã¾Ñ Â» ÃСͺº¹Ñ ·¡Ö ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ â´ÂäÁÁ‹ ËÕ ÁÒ¤¹Œ (Ẻ Ê õö – óò) ใหไ วแ กผ คู รอบครอง
สถานทท่ี ่ถี กู ตรวจคน แตถ าไมมผี คู รอบครองอยู ณ ท่นี นั้ ใหสงมอบบันทึกดงั กลาวแกบ คุ คลเชนวา นน้ั
ในทันทีท่ีกระทําได แลวใหรีบรายงานผลการตรวจคนพรอมทั้งเหตุผลเปนหนังสือตอผูบังคับบัญชา
เหนือข้ึนไปหนง่ึ ชนั้ (คําสั่งสาํ นักงานตํารวจแหงชาติ ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๒.๑)
การตรวจคนกรณีมหี มายคน หรือคําส่งั ของศาลนั้น หัวหนาในการจดั การใหเปนไป
ตามหมายนนั้ คอื เจา พนกั งานผมู ชี อื่ ในหมายคน หรอื ผรู กั ษาการแทนซงึ่ จะตอ งเปน เจา พนกั งานตาํ รวจ
ที่มียศต้ังแตชั้นรอยตํารวจตรีข้ึนไปเทาน้ัน และเม่ือทําการตรวจคนเสร็จสิ้นแลว ใหดําเนินการตามท่ี
ศาลส่งั ไวดว ย (คาํ สงั่ สาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๒.๓)
การตรวจคนในที่รโหฐาน ใหเจา พนกั งานตํารวจปฏิบัตดิ งั นี้
๑. เจา พนกั งานตาํ รวจทจ่ี ะทาํ การตรวจคน ตอ งแตง เครอ่ื งแบบ เวน แตม เี หตจุ าํ เปน
หรอื กรณเี รงดวน หรอื เปน เจาพนกั งานตาํ รวจท่มี ีตําแหนงตง้ั แตผ ูกาํ กบั การขนึ้ ไปจะไมแ ตงเคร่ืองแบบ
ก็ได แตตองแจงยศ ชื่อ ตําแหนงพรอมทั้งแสดงบัตรประจําตัวใหเจาบานหรือผูครอบครอง
สถานทน่ี ้ันทราบ
๒. กอนลงมือตรวจคนใหเจาพนักงานตํารวจท่ีจะทําหนาท่ีในการตรวจคนแสดง
ความบรสิ ทุ ธจ์ิ นเปน ทพี่ อใจกบั เจา บา นหรอื ผคู รอบครองสถานทน่ี นั้ แลว จงึ ลงมอื ตรวจคน ตอ หนา เจา บา น
หรือผูครอบครองสถานทน่ี นั้ หรือถาหาบคุ คลเชน วา น้นั ไมได หรอื สถานท่นี ั้นไมมีผูใ ดอยูก ็ใหต รวจคน
ตอหนา บุคคลอน่ื อยา งนอยสองคนทเี่ จาพนักงานตาํ รวจไดข อรองมาเปนพยาน
๓. หากเปนกรณีตรวจคนท่ีอยูหรือสํานักงานของผูตองหาหรือจําเลย ซึ่งถูก
ควบคุมหรือขังอยูใหทําตอหนาบุคคลนั้น ถาบุคคลน้ันไมติดใจหรือไมสามารถมากํากับ จะตั้งผูแทน
หรือพยานมากํากับก็ได ถาผูแทนหรือพยานไมมี ใหตรวจคนตอหนาบุคคลในครอบครัวหรือตอหนา
บคุ คลอน่ื อยา งนอยสองคนท่ีเจาพนกั งานตํารวจไดข อรอ งมาเปนพยาน
๔. ในการตรวจคนท่ีรโหฐาน ใหเจาพนักงานตํารวจสั่งเจาของหรือคนที่อยูในนั้น
หรือผูรักษาสถานที่ซึ่งจะตรวจคนยอมใหเขาไปโดยมิหวงหาม อีกทั้งใหความสะดวกตามสมควร
ทุกประการ ในอันที่จะจัดการตรวจคนน้ัน ถาบุคคลดังกลาวไมยอมใหเขาไป ใหเจาพนักงานตํารวจ
ชี้แจงเหตุความจําเปนกอน ถายังไมยินยอมอีก เจาพนักงานตํารวจมีอํานาจใชกําลังเขาไป ในกรณี
จําเปนจะตองเปด หรือทาํ ลายประตบู าน ประตูเรอื น หนาตาง รั้ว หรือสิง่ กดี ขวางอยางอ่ืนๆ ใหท ําได
แตจะทาํ ใหเสียหายเกินกวา ความจําเปน ไมไ ด
๕. ในการตรวจคน ตอ งกระทาํ ดว ยความระมดั ระวงั และพยายามหลกี เลยี่ งมใิ หเ กดิ
ความเสียหาย เวน แตมีเหตุจาํ เปนทไี่ มอาจหลีกเล่ยี งได
๔๔
๖. สิ่งของใดที่ยึดได ตองใหเจาของหรือผูครอบครองสถานที่ บุคคลในครอบครัว
ผตู องหา จาํ เลย ผแู ทน หรอื พยาน แลว แตกรณี ดเู พือ่ ใหร ับรองวาถูกตอง ถาบคุ คลเชน น้นั รบั รอง
หรอื ไมย ินยอมรับรองอยางใด ใหม ีรายละเอยี ดปรากฏไวใ นบนั ทกึ การตรวจคน
๗. เม่ือเจาพนักงานตํารวจตรวจคนเสร็จส้ินแลวตองจัดทําบันทึกการตรวจคน
โดยใหป รากฏรายละเอยี ดแหง การตรวจคน และสง่ิ ของทต่ี รวจคน โดยสงิ่ ของทต่ี รวจคน ใหห อ หรอื บรรจุ
หีบหอ ตตี ราไว หรือใหท าํ เคร่ืองหมายไวเ ปน สําคัญ
๘. บันทึกการตรวจคนน้ันใหอานใหเจาของ หรือผูครอบครองสถานท่ี บุคคล
ในครอบครวั ผตู อ งหา จาํ เลย ผแู ทน หรือพยาน แลว แตก รณฟี ง แลวใหบ ุคคลเชนวา น้นั ลงลายมือชื่อ
รับรองไวหากไมยินยอมใหบ นั ทกึ เหตผุ ลไว
(คาํ สงั่ สํานักงานตํารวจแหงชาติ ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๒.๔)
๓) ¡Ò乌 ÂÒ¹¾Ò˹Ð
ในเรื่องการคนยานพาหนะ ไมมีกฎหมายระบุไววาจะตองปฏิบัติอยางไร แตไดมี
คําพพิ ากษาศาลฎกี า ไดว างแนวทางไวดงั น้ี
รถไฟ จากคําพิพากษาฎกี าที่ ๒๐๒๔/๒๔๙๗ สถานทีบ่ นขบวนรถไฟโดยสารเปนท่ี
ซ่ึงสาธารณชนมีความชอบธรรมที่จะเขาไปได การคนบุคคลใดในสถานที่ดังกลาวจึงไมจําตองมี
หมายคน และไมอยภู ายใต ป.วิ.อาญา มาตรา ๙๖ และไมตอ งปฏิบตั ิตามมาตรา ๑๐๒ วรรคหน่ึง
รถยนต กรณีท่ีรถยนตจอดหรือแลนอยูบนถนนหรืออยูในทางสาธารณะ
จากคาํ พิพากษาฎีกาที่ ๓๗๕๑/๒๕๕๑ รถยนตท่ีกาํ ลังแลนอยูบนถนนสาธารณะเปนยานพาหนะ
เพือ่ พาบคุ คลหรอื สง่ิ ของจากทแ่ี หงหนง่ึ ไปยงั ท่ีอกี แหงหนงึ่ ไมถ ือวาเปนท่รี โหฐาน เจา พนกั งานตาํ รวจ
ซ่ึงมีอํานาจหนาท่ีปองกันปราบปรามอาชญากรรม มีอํานาจตรวจคนรถยนตไดโดยไมตองมีคาํ สั่ง
หรอื หมายของศาล หากมเี หตสุ งสยั วา ในรถยนตม สี งิ่ ผดิ กฎหมายซกุ ซอ น ดงั นน้ั เมอ่ื เจา พนกั งานตํารวจ
กบั พวกสงสยั วา ในรถยนตท มี่ ผี ขู บั ขม่ี ามสี งิ่ ของผดิ กฎหมายซกุ ซอ นอยู เจา พนกั งานตาํ รวจยอ มมอี าํ นาจ
คนรถยนตน น้ั ไดโดยไมต อ งมคี ําสั่งหรือหมายของศาล
ขอพึงระวงั
หากการคน ทไ่ี มช อบดว ยกฎหมาย เชน คน โดยไมม หี มายคน และไมเ ขา ขอ ยกเวน ตามกฎหมายทจี่ ะคน ไดโ ดยไมต อ งมหี มายคน
ดงั กลา วขา งตน แลว การกระทาํ ดงั กลา วเปน เรอื่ งทพ่ี นกั งานเจา หนา ทจี่ งใจกระทาํ ผดิ กฎหมาย ซง่ึ เปน การละเมดิ ดงั นนั้ จะตอ งใชค า สนิ ไหม
ทดแทนจากการกระทาํ ดงั กลา วตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยมาตรา๔๒๐รวมทงั้ ใชร าคาทรพั ยส นิ และคา เสยี หายอน่ื ตามมาตรา๔๓๘
(คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๖๓๐๑/๒๕๔๑)
๔๕
á¹Ç·Ò§»¯ÔºμÑ ãÔ ¹¡Òè´º¹Ñ ·¡Ö คาํ ÃÍŒ §·Ø¡¢ã¹¤´Õ·èÕ¼àŒÙ ÊÂÕ ËÒÂ໹š à´ç¡ËÃÍ× àÂÒǪ¹
ในกรณที ผี่ เู สยี หายเปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป นน้ั ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา
มาตรา ๑๒๔/๑ บญั ญตั วิ า “ใหน าํ บทบญั ญตั ใิ นมาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหนงึ่ วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบ งั คบั
โดยอนโุ ลมแกก ารจดบนั ทกึ คาํ รอ งทกุ ขใ นคดที ผ่ี เู สยี หายเปน เดก็ อายไุ มเ กนิ สบิ แปดป เวน แตม เี หตจุ าํ เปน
ไมอ าจหาหรอื รอนกั จติ วทิ ยาหรอื นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลทเ่ี ดก็ รอ งขอและพนกั งานอยั การได และเดก็
ไมป ระสงคจ ะใหม หี รอื รอบคุ คลดงั กลา วตอ ไป ทง้ั นี้ ใหผ รู บั คาํ รอ งทกุ ข ตามมาตรา ๑๒๓ หรอื มาตรา ๑๒๔
แลว แตก รณี บนั ทกึ เหตดุ งั กลา วไวใ นบนั ทกึ คาํ รอ งทกุ ขด ว ย” จากมาตราดงั กลา วทร่ี ะบใุ หก ารจดบนั ทกึ
รองทุกขคดีทผ่ี เู สียหายเปน เดก็ อายไุ มเกิน ๑๘ ป โดยนําหลกั เกณฑที่กาํ หนดไวใ นมาตรา ๑๓๓ ทวิ
มาบังคบั ใชโดยอนโุ ลม
มาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหนงึ่ บญั ญตั วิ า “ในคดคี วามผดิ เกย่ี วกบั เพศ ความผดิ เกยี่ วกบั ชวี ติ
และรา งกายอนั มิใชค วามผดิ ท่เี กดิ จากการชลุ มุนตอสู ความผดิ เกีย่ วกับเสรภี าพ ความผดิ ฐานกรรโชก
ชงิ ทรพั ย และปลน ทรพั ย ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผดิ ตามกฎหมายวา ดว ยการปอ งกนั และปราบปราม
การคา ประเวณี ความผดิ ตามกฎหมายวา ดว ยมาตรการในการปอ งกนั และปราบปรามการคา หญงิ และเดก็
ความผดิ ตามกฎหมายวา ดว ยสถานบรกิ ารหรอื คดคี วามผดิ อน่ื ทมี่ อี ตั ราโทษจาํ คกุ ซงึ่ ผเู สยี หายหรอื พยาน
ทเี่ ปน เดก็ อายไุ มเ กนิ สบิ แปดปร อ งขอ การถามปากคําผเู สยี หายหรอื พยานทเี่ ปน เดก็ อายไุ มเ กนิ สบิ แปดป
ใหพนักงานสอบสวนแยกกระทาํ เปนสวนสัดในสถานที่ที่เหมาะสมสําหรับเด็ก และใหมีนักจิตวิทยา
หรอื นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลทเ่ี ดก็ รอ งขอ และพนกั งานอยั การรว มอยดู ว ยในการถามปากคาํ เดก็ นน้ั
และในกรณที น่ี กั จติ วทิ ยาหรอื สงั คมสงเคราะหเ หน็ วา การถามปากคําเดก็ คนใดหรอื คาํ ถามใด อาจจะมผี ล
กระทบกระเทือนตอจิตใจเด็กอยางรุนแรง ใหพนักงานสอบสวนถามผานนักจิตวิทยาหรือ
นกั สงั คมสงเคราะหเ ปน การเฉพาะตามประเดน็ คําถามของพนกั งานสอบสวน โดยมใิ หเ ดก็ ไดย นิ คาํ ถาม
ของพนกั งานสอบสวนและหามมใิ หถ ามเดก็ ซา้ํ ซอ นหลายครั้งโดยไมม เี หตุอันสมควร”
ดังน้นั จะเหน็ ไดว า เมือ่ นําบทบญั ญตั ิมาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหนงึ่ ดังกลา ว มาบงั คบั ใช
โดยอนุโลมในการบันทึกคํารองทุกขคดีที่ผูเสียหายเปนเด็กอายุไมเกิน ๑๘ ป ตามที่มาตรา ๑๒๔/๑
กําหนดแลว เชนน้ี พนักงานสอบสวนและพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจซึ่งเปนผูรับคํารองทุกข
ตามมาตรา ๑๒๓ และ ๑๒๔ มีหนา ทป่ี ฏิบตั ิตามหลักเกณฑของกฎหมายดงั น้ี
๑) วธิ กี ารจดบนั ทกึ คาํ รอ งทกุ ขท จ่ี ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑท มี่ าตรา ๑๒๔/๑ ประกอบ
มาตรา ๑๓๓ ทวิ กาํ หนดใหต อ งมกี ลมุ สหวชิ าชพี รว มดว ยนน้ั จะใชเ ฉพาะประเภทคดที กี่ ฎหมายกาํ หนด
ไวเทาน้ัน คอื
(๑) คดคี วามผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะ
- ความผดิ เกี่ยวกบั เพศ
- ความผดิ เก่ยี วกับชีวิตรางกาย อันมใิ ชค วามผิดท่ีเกดิ จากการชุลมุนตอสู
- ความผิดเกี่ยวกบั เสรภี าพ
- ความผิดฐานกรรโชก ชงิ ทรัพย และปลนทรัพย
๔๖
(๒) คดีความผดิ ตามกฎหมายวา ดวย การปอ งกนั และปราบปรามการคา ประเวณี
(๓) คดีความผิดตามกฎหมายวาดวย มาตรการในการปองกันและปราบปราม
การคา หญิงและเดก็
(๔) คดีความผิดตามกฎหมายวาดว ยสถานบรกิ าร
(๕) คดคี วามผิดอืน่ ที่มอี ตั ราโทษจําคกุ ซ่งึ ผูเสยี หายท่เี ปนเดก็ อายุไมเกิน ๑๘ ป
รอ งขอ
ขอ สังเกต
นายธานิศ เกศวพิทักษ รองประธานศาลฎกี าไดใหขอสงั เกตวา เจตนารมณของมาตรา ๑๓๓ ทวิ ไมป ระสงคจ ะให
ความคุมครองแกเด็ก การเขารวมในการชุลมุนตอสู กลาวคือ ไมคุมครองผูเสียหายหรือพยานที่เปนเด็กท่ีเขาในการชุลมุน
ตอ สู แมจ ะเปน คดอี าญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๔, ๒๙๙ ก็ตาม แตห ากผเู สียหายหรอื พยานทเี่ ปนเด็กนนั้
เปนผูบริสุทธ์ิไมไดเขารวมในการชุลมุนตอสู แตบังเอิญอยูในบริเวณดังกลาวเชนน้ี เด็กน้ันนาจะไดรับความคุมครองสิทธิ
ตามมาตรา ๑๓๓ ทวิน้ี โดยไมตอ งรองขอ
เหน็ ไดว า คดตี ามขอ (๑) - (๔) ขา งตน นน้ั เปน หนา ทขี่ องผรู บั คาํ รอ งทกุ ข รอ งทจ่ี ะตอ งจดั ใหม กี ลมุ สหวชิ าชพี รว มในการ
จดบันทึกคํารองทกุ ข แตถา เปนคดีความผิดอนื่ ท่มี อี ตั ราโทษจําคกุ มิใชค ดีตามขอ (๑) - (๔) ซึง่ นอกเหนอื จากท่มี าตรา ๑๓๓
ทวิ วรรคแรกระบุไวน ั้น ผูร บั คํารอ งทุกขจ ะนําหลกั เกณฑก ารจดบันทกึ คํารองทกุ ข ทีก่ ําหนดไวต ามมาตรา ๑๒๔/๑ ประกอบ
มาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคแรกมาใชเ ม่อื ผเู สยี หายทีเ่ ปน เดก็ รองขอ (ธานิศ เกศวพิทักษ, ๒๕๕๗)
๒) พนักงานสอบสวนและพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจผูรับคํารองทุกขจะตอง
ปฏิบัตติ ามทมี่ าตรา ๑๓๓ ทวิ กาํ หนดกลา วคอื
(๑) จะตองแยกกระทาํ เปน สวนสดั ในสถานท่ที ี่เหมาะสมสําหรับเด็ก
(๒) ตองจัดใหมีกลุมสหวิชาชีพ คือ นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห บุคคล
ที่ผูเสียหาย ซึ่งเปนเด็กรองขอ และพนักงานอัยการรวมอยูดวยในการจดบันทึกคํารองทุกข
โดยมาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคสอง กาํ หนดใหเ ปน หนา ทขี่ องพนกั งานสอบสวนทจี่ ะตอ งแจง ใหน กั จติ วทิ ยา
หรอื นกั สังคมสงเคราะห บคุ คลทเ่ี ด็กรองขอ และพนกั งานอัยการทราบ
ในกรณีจําเปนเรงดวนอยางยิ่งซึ่งมีเหตุอันควร ไมอาจรอบุคคลในกลุมสหวิชาชีพ
หรอื บคุ คลทเี่ ดก็ รองขอ เขารว มในการถามปากคําพรอ มกันได มาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคหา ใหพ นักงาน
สอบสวนถามปากคํา โดยมีบุคคลใดบุคคลหน่ึง ดังท่ีกลาวมาขางตนอยูรวมก็ได แตตองบันทึกเหตุที่
ไมอาจรอบุคคลอ่ืนไวในสํานวนการสอบสวน และมิใหถือวาการถามปากคําผูเสียหายหรือพยาน
ซง่ึ เปน เด็กในกรณดี ังกลา วทไ่ี ดก ระทําไปแลวไมชอบดวยกฎหมาย
ขอสังเกต
ในกรณีท่ีไมอาจรอบุคคลในกลุมสหวิชาชีพหรือบุคคลท่ีเด็กรองขอนั้น ในมาตรา ๑๒๔/๑ ไดบัญญัติไวต อนทายวา
“.....เวนแตมีเหตุจําเปนไมอาจหาหรือรอนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห บุคคลท่ีเด็กรองขอและพนักงานอัยการได
และเด็กไมประสงคจะใหมีหรือรอบุคคลดังกลาวตอไป ท้ังนี้ ใหผูรับคาํ รองทุกขตามมาตรา ๑๒๓ หรือมาตรา ๑๒๔
แลวแตก รณี บนั ทึกเหตุดงั กลาวไวใ นบันทึกคํารอ งทกุ ขด วย”