๔๘
º··èÕ ò
¢ÍŒ º§Ñ ¤Ñºสาํ ËÃºÑ ¼ŒÍÙ ÂÙ‹ã¹Ê¹ÒÁÂ§Ô »„¹
_____________
¢ÍŒ ñ เพ่ือใหการยิงปนในสนามยิงปนเปนไปดวยความเรียบรอย ปลอดภัย ไมเกิด
อุบัติเหตุหรืออันตรายใดๆ ข้ึนจากการยิงปน หรือการทําใหเกิดปนลั่นโดยประมาท บุคคลที่อยูใน
สนามยิงปนจะตอ งปฏบิ ตั ติ ามกฎแหงความปลอดภัย ดังตอไปน้ี
๑.๑ พึงระลึกไวเสมอวาอาวุธปนทุกกระบอกมีกระสุนปนบรรจุอยู จึงใหตรวจ
ทันทีวาอาวุธปนมีกระสุนปนบรรจุอยูหรือไม ขณะตรวจตองใหน้ิวอยูนอกไกปนและหันปากลํากลอง
ปน ไปในทิศทางท่ปี ลอดภยั
๑.๒ การถืออาวุธปนเขาไปในสนามยิงปนจะตองถืออาวุธปนตามหลักปฏิบัติ
และตองเลิกบรรจทุ ุกคร้ัง
๑.๓ หามหันปากลํากลองปนเล็งหรือช้ีตรงไปยังบุคคล ส่ิงมีชีวิต หรือสิ่งของ
ไมว าอาวธุ ปนกระบอกน้นั จะบรรจกุ ระสนุ ปน อยหู รอื ไมก ต็ าม
๑.๔ หา มวางอาวุธปน ไว ณ สถานทีใ่ ดๆ ทบี่ คุ คลอื่นอาจหยิบเลน ได
๑.๕ หามยิงปนไปยังวัตถุซ่ึงอาจทําใหหัวกระสุนสะทอนหรือแฉลบได เวนแต
เปนการยิงเปาในชองยิงท่ีจัดไวสําหรับการยิงปนเทานั้น หามเหน่ียวไกปนเลน เวนแตกระทําในขณะ
ตรวจอาวุธปน หรอื ขณะฝก ยิงปน
๑.๖ ตองใชกระสุนปนตามชนิดและขนาดของอาวุธปนน้ันๆ และกอนบรรจุ
กระสนุ ปน จะตอ งตรวจลาํ กลองปน จนใหแ นใ จเสยี กอ นวาไมมวี ตั ถใุ ดๆ ขวางอยใู นลํากลองของปน
๑.๗ ใหถือวาคําสั่งของผูอํานวยการฝก ผูควบคุมการยิง ผูควบคุมชองยิง
หรือเจาหนาที่ที่ไดสั่งการไปเพื่อใหเกิดความปลอดภัยในสนามยิงปนเปนเสมือนคําส่ังของ
ผบู ังคบั บญั ชาทตี่ อ งปฏบิ ตั ิตามโดยเครง ครัด
๑.๘ ไมสงเสียงเอะอะหรือพูดจาหยอกลอ ลอเลียนผูยิง หรือกระทําการ
โดยคึกคะนองทางกาย วาจาดว ยประการใดๆ
๑.๙ การยิงเปาใหยิงไดเฉพาะวัสดุหรืออุปกรณที่จัดทําข้ึนเปนเปา โดยเปา
ติดต้ัง ณ ตาํ แหนง ท่ีจัดไวสาํ หรับตดิ ตัง้ เปา หา มใชว ัตถุอืน่ ใดวางตง้ั แทนเปา
๑.๑๐ การสง อาวธุ ปน ใหผ อู นื่ ถา เปน อาวธุ ปน พกลกู โมใ หเ ปด ลกู โมไ ว สว นอาวธุ
ปนพกก่ึงอัตโนมัติ ปนกลมือ หรือปนเล็กยาวใหนําซองกระสุนปนออกจากตัวปน แลวดึงลําเลื่อน
หรอื ลกู เลอ่ื นแลวแตประเภทของปนคา งไว สวนปนลกู ซองยาวใหก ระชากลํากลอง เปดรังเพลิงคางไว
แลวสง ดามปนใหปากลํากลอ งปน อยใู นทิศทางชลี้ งพนื้ สนาม
๔๙
¢ÍŒ ò ผูจะยิงปนในสนามยิงปนนอกจากจะตองปฏิบัติตามกฎแหงความปลอดภัย
ในขอ ๑ แลว จะตอ งถือปฏบิ ัติดังตอไปนี้โดยเครงครดั อกี ดว ย
๒.๑ เมอ่ื จะยงิ ปน ในสนามยงิ ปน ตอ งมผี คู วบคมุ การยงิ ดว ยทกุ ครงั้ และใหถ อื วา
ผคู วบคมุ การยงิ เปน ผรู บั ผดิ ชอบความปลอดภยั ในเขตสนามยงิ ปน ดงั นน้ั ในขณะฝก ยงิ ปน หรอื ทดสอบ
ยิงปนบุคคลใดๆ ในเขตสนามยิงปนตองเชื่อฟงและปฏิบัติตามคําส่ัง คําแนะนําของผูควบคุมการยิง
อยา งเครงครดั จะขดั ขืนหรือโตแ ยง ดวยประการใดๆ ไมไ ด
หากปรากฏวา ผใู ดไมเ ชอื่ ฟง หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั คาํ แนะนาํ ของผคู วบคมุ
การยิง ผูควบคุมการยิงมีอํานาจสั่งผูน้ันออกไปจากบริเวณสนามยิงปนไดทันที หากยังด้ือดึง ขัดขืน
ไมปฏิบัติตามใหนําผูน้ันออกจากสนามยิงปนทันที แลวใหผูอํานวยการฝกรายงานผูบังคับบัญชา
ตนสังกัดเพื่อดําเนนิ การทางวินัย หากไมไ ดเ ปนขา ราชการตํารวจกใ็ หดําเนนิ การตามกฎหมาย
๒.๒ ผูที่จะยิงปนกอนที่จะเขาไปในเขตพื้นที่การยิงปน จะตองเขาไปยังพื้นท่ี
ปลอดภัยเพอ่ื ตรวจอาวุธปน หรือนําอาวธุ ปน เขา และออกจากกระเปา ปน และนําใสใ นซองปน
๒.๓ ผูยิงจะตองชี้ปากลํากลองปนตรงไปทางเปาตลอดเวลาท่ียิง เวนแตเปน
เวลาทีอ่ ยใู นทา ถือปน ตรวจอาวุธปน
๒.๔ หามผูยิงบรรจุกระสุนปนกอนท่ีจะไดรับคําสั่งใหบรรจุกระสุนปนจาก
ผคู วบคมุ การยงิ
๒.๕ ขณะท่ีอยูในสนามยิงปนและยังมิไดยิงหรือยิงเสร็จเรียบรอยแลว ใหผูยิง
ถอื ปฏบิ ตั ิ ดงั นี้
๒.๕.๑ ปนพกลูกโม ใหพลกิ ลูกโมเ ปดออกจากโครงปน
๒.๕.๒ ปนเล็กยาวหรือปนพกกึ่งอัตโนมัติ ใหถอดซองกระสุนปนออก
จากตัวปนและดึงลูกเลื่อนหรือกระชากลํากลองมาขางหลังคางไวใหเห็นชองคัดปลอกกระสุนปน
เพื่อตรวจวาไมม กี ระสุนปน หลงเหลืออยูในรังเพลงิ
๒.๕.๓ ปนลูกซองยาว ใหกระชากลําเล่ือน เปดรังเพลิง เพื่อเลิกบรรจุ
กระสนุ ปน
๒.๕.๔ อาวุธปนยาวท่ีนําเขามาในสนามยิงปน เมื่อไมไดใชยิงตองนํา
อาวุธปนยาววางไวท ี่ราวปนเทา นัน้ เมอื่ จะใชยิงจงึ สามารถนําออกมาจากราวปน ได
๒.๖ กอนออกจากสนามยิงปน ใหผูยิงเลิกบรรจุกระสุนปนและตรวจอาวุธปน
ใหแ นใ จเสียกอ นวา ไมมกี ระสุนปนบรรจุอยู
๒.๗ เมอื่ ตอ งหยดุ ยงิ ชว่ั คราว ใหผ ยู งิ ลดนกปน หรอื หา มไกปน เลกิ บรรจหุ รอื วาง
ปนไวบนท่ีวางปน อยูในลักษณะท่ีปลอดภยั โดยใหปากลํากลองปนชี้ไปยงั แนวเปา
๒.๘ ในขณะท่ีกําลังมีผูยิงปน หามผูใดออกไปอยูขางหนาแนวยิง แนวเปา
เวนแตผูควบคมุ การยิงจะสงั่ ใหผยู งิ ทกุ คนหยุดยงิ วางปน เมอ่ื เห็นวาปลอดภัยแลว จงึ สัง่ ใหเขาไปได
๕๐
๒.๙ ผูที่ยังไมไดรับคําสั่งจากผูควบคุมการยิงใหเขาประจําชองยิง จะตอง
อยูเฉพาะในเขตรอยิงบริเวณที่สนามยิงปนไดจัดไวใหเทาน้ัน เวนแตผูควบคุมการยิงและเจาหนาที่
ท่เี กีย่ วของเทานั้นท่ีมสี ิทธเิ ขาไปในแนวยิงได
๒.๑๐ ผูยิงจะตองเขาประจําชองยิงท่ีผูควบคุมการยิงไดจัดใหเทาน้ัน หาม
เปลีย่ นแปลงหรอื สลับชอ งยิง เวนแตจ ะไดรับอนุญาตจากผคู วบคุมการยงิ
๒.๑๑ ในกรณีที่มีผูยิงนําอาวุธปนหรือกระสุนปนสวนตัวเขามาในสนามยิงปน
เพ่ือใชในการยิง ใหนําอาวุธปนและกระสุนปนดังกลาวไปใหผูควบคุมการยิงหรือเจาหนาท่ีตรวจสอบ
ใหเปนไปตามระเบียบ หลักเกณฑ หรือขอกําหนดของสนามยิงปนหรือหลักสูตร หากอาวุธปนและ
กระสนุ ปน ไมเปนไปตามระเบียบ หลกั เกณฑ หรอื ขอ กาํ หนดของสนามยงิ ปน หรือหลกั สตู ร ผูค วบคุม
การยงิ มอี าํ นาจสั่งหามผยู งิ ใชอ าวุธปน และหรือกระสนุ ปน ดงั กลาวในสนามยงิ ปน
๒.๑๒ เม่อื มีความสงสัยใดๆ เกิดขึน้ ในสนามยงิ ปน ใหผสู งสัยสอบถามผคู วบคุม
การยิงได
๒.๑๓ เมื่อผูยิงมีความประสงคจะถอดช้ินสวนของอาวุธปนและอุปกรณอื่นๆ
ทาํ ความสะอาด ซอ มแซม บาํ รุงรักษาอาวุธปน จะตอ งกระทําในพนื้ ทป่ี ลอดภยั เทา นั้น
๒.๑๔ หามนาํ เคร่ืองกระสนุ ปนทกุ ชนิดเขาไปยงั พืน้ ทปี่ ลอดภยั โดยเดด็ ขาด
¢ŒÍ ó ระเบียบของสนามยงิ ปน มีดงั ตอ ไปนี้
๓.๑ หามผูไมเกี่ยวของกับการยิงปนเขาไปอยูในเขตการยิงปน (เขตรอน
แนวยิง แนวเปา แนวกนั กระสุน) ของสนามยงิ ปน ในระหวางท่กี าํ ลงั ยงิ ปน อยู เวน แตจ ะไดร บั อนุญาต
จากประธานกรรมการทดสอบหรอื ผคู วบคุมการยิงของสนามยงิ ปน
๓.๒ การทดลองหรอื การตรวจสอบอาวธุ ปน หรอื การฝก อบรมหรอื การทดสอบ
การยิงปนทุกคร้ัง จะตอ งกระทําภายใตก ารควบคุมและคําแนะนาํ ของผูควบคมุ การยิง
๓.๓ หา มนาํ สัตวทกุ ชนิดเขาไปภายในสนามยิงปน
๓.๔ หามนาํ เครื่องด่มื ที่มีแอลกอฮอลเขา ไปภายในสนามยิงปน
๓.๕ หามผูยิงเสพสุราหรือของมึนเมาทุกชนดิ เขา ไปภายในสนามยิงปน
๓.๖ ผูยิงจะตองสวมใสเคร่ืองปองกันสายตาและเครื่องปองกันเสียงทุกครั้ง
เมื่อเขายงิ ปน หรอื ในบริเวณเขตรอคอย
¢ŒÍ ô หลักปฏิบัตสิ าํ หรบั ผูควบคมุ การยิง ผูควบคุมชองยิง มดี งั ตอ ไปนี้
๔.๑ ตอ งอยปู ระจาํ ที่ ตรวจตราการปฏบิ ตั ทิ งั้ หมดภายในแนวยงิ เขตรอยงิ แนวเปา
โดยใกลชดิ ตลอดเวลา
๔.๒ รบั ผดิ ชอบการปฏบิ ตั ติ า งๆ ในแนวยงิ เขตรอยงิ แนวเปา ตลอดจนปอ งกนั
และบรรเทาอันตรายตา งๆ ทีอ่ าจจะเกิดขน้ึ
๔.๓ ควบคมุ การยิงใหเ ปน ไปตามระเบยี บ หลักเกณฑ และขอ กําหนด
๕๑
๔.๔ ตรวจสอบหรอื สง่ั การเจา หนา ทใ่ี หต รวจจนแนใ จวา อาวธุ ปน และกระสนุ ปน
สามารถใชย งิ ไดอ ยางปลอดภยั กอ นยงิ
๔.๕ เมอื่ มอี บุ ตั เิ หตหุ รอื อนั ตรายเกดิ ขนึ้ ใหร บี ดาํ เนนิ การระงบั หรอื บรรเทาเหตุ
เทาท่ีจะดําเนินการได แลว รีบรายงานใหผูบงั คบั บญั ชาหรือผูอํานวยการฝก ทราบโดยเรว็
๔.๖ เม่ือมีการจัดฝกอบรมหรือการทดสอบความสามารถยิงปน ใหประธาน
กรรมการทดสอบหรือผูควบคุมการยิงกําหนดขอบเขตพื้นท่ีของสนามยิงปนไวใหชัดเจน โดยใหนํา
ระเบยี บการฝก ยงิ เปา ดวยกระสุนมาใชโดยอนุโลม
๕๒
º··èÕ ó
¡Òýƒ¡ÂÔ§à»Ò‡ ´ŒÇ¡ÃÐÊ¹Ø ¨Ã§Ô
_____________
¢ŒÍ ñ ขา ราชการตาํ รวจทม่ี อี าํ นาจหนา ทร่ี บั ผดิ ชอบเกยี่ วกบั งานปอ งกนั และปราบปราม
อาชญากรรมจําเปนตองฝกยิงดวยกระสุนปนจริงตามระบบและวิธีการยิงท่ีสํานักงานตํารวจแหงชาติ
กาํ หนด โดยใหผ บู งั คบั บญั ชาหวั หนา หนว ยงานตงั้ แตก องบงั คบั การขนึ้ ไปพจิ ารณาดาํ เนนิ การฝก ยงิ เปา
ดวยกระสนุ จรงิ อยางนอ ยปล ะ ๑ ครั้ง
ใหกองบัญชาการศึกษารับผิดชอบในการปรับปรุงการฝกยิงเปาดวยกระสุนจริงใหมีความ
ทนั สมยั อยเู สมอ
¢ÍŒ ò อาวุธปนท่ีใชในการฝกยิงใหใชอาวุธปนและกระสุนปนท่ีใชในราชการตํารวจ
สวนผูฝกจะใชอาวุธปน กระสุนปนของตนเอง หรืออยางหน่ึงอยางใด จะตองไดรับอนุญาตจาก
ผูอ ํานวยการฝกหรอื ผคู วบคมุ การยิง
¢ŒÍ ó กระสนุ ปน และเปา ทใี่ ชใ นการฝก ใหห วั หนา หนว ยงานเปน ผดู าํ เนนิ การจดั ซอ้ื จดั หา
โดยใชง บประมาณของหนว ยงาน
¢ŒÍ ô เพ่ือความเปน ระเบยี บเรียบรอ ยในการฝก ยงิ เปา ใหจ ัดขา ราชการตาํ รวจ ดงั น้ี
๔.๑ ผูกาํ กบั การหรือตําแหนงเทียบเทา ขนึ้ ไปเปนผูอ าํ นวยการฝก
๔.๒ สารวัตรหรือตําแหนงเทียบเทาขึ้นไปเปนรองผูอํานวยการฝกและเปน
ผูควบคุมการยิง มีหนาที่ควบคุม กํากับดูแลความเรียบรอยของเจาหนาที่ตางๆ และผูเขารับการฝก
รวมท้งั การระมดั ระวังอันตรายทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ตลอดเวลาท่ีฝก
๔.๓ ผคู วบคมุ อาวุธปน กระสุนปน และเปา
๔.๔ ผคู วบคมุ ชองยงิ และแนวยงิ
๔.๕ ผูบันทกึ ขอมลู
๔.๖ ผูทําหนา ท่อี ่นื ๆ ตามทีผ่ ูอํานวยการฝกจะเห็นเปนการสมควร
¢ŒÍ õ การฝกยงิ เปาดวยอาวุธปน พก ปน เล็กยาว ปนกลมือ ปนลกู ซองยาว ปน ยงิ หรือ
เครอื่ งยงิ กระสนุ ชนดิ ระเบดิ หรอื จรวด ณ สนามยงิ ปน ในเขตพน้ื ทใี่ ด อนั อาจกอ ใหเ กดิ อนั ตรายแกบ คุ คล
สตั ว สง่ิ ของ หรอื ผทู อี่ ยูบริเวณใกลเ คยี ง ใหผ ูอาํ นวยการฝก ดําเนินการ ดังนี้
๕.๑ กําหนดเขตการฝกยิงเปาไวใหแนนอน และแจงเจาหนาท่ีฝายปกครอง
ทราบวา จะฝก ยงิ ปน ทใ่ี ด เมอ่ื ใด เพอื่ ประกาศใหป ระชาชนในบรเิ วณใกลเ คยี ง สถานทฝี่ ก ทราบลว งหนา
อยางนอ ย ๗ วนั
๕.๒ เขตการฝก ยงิ เปา ทกี่ าํ หนดขนึ้ ใหต ดิ ปา ยบอกเขตอนั ตรายและปก ธงแดงไว
ใหเห็นเดนชดั บอกเขตอันตรายไว ๓ ดา น คือ ดา นหลังแนวเปาปกธงแดงเปนแถวยาวในแนวตง้ั ฉาก
กับแนววิถีกระสุน ดา นซา ยมอื และขวามือปกธงแดงเปนแถวยาวคูข นานไปกบั แนววิถกี ระสนุ ดงั นี้
๕๓
๕.๒.๑ ระยะยงิ ๖๐๐ หลา ถึง ๑,๐๐๐ หลา ตองกําหนดเขตอนั ตราย
เปนทางยาวดา นหลังเปา นับจากแนวยงิ ออกไปอยางนอย ๓,๕๐๐ หลา และเขตอนั ตรายทางดา นซา ย
และขวาหา งจากแนววิถีกระสนุ ออกไปขางละ ๕๐๐ หลา ไปจนสุดระยะ ๓,๕๐๐ หลา ถาจาํ เปนจะจดั
เจาหนา ทไี่ วคอยระวังอนั ตรายดวยกไ็ ด
๕.๒.๒ ระยะยิง ๖๐๐ หลา ถงึ ๑,๐๐๐ หลา ตองกาํ หนดเขตอนั ตราย
เปนทางยาวดานหลังเปา นับจากแนวยิงออกไปอยา งนอย ๓,๕๐๐ หลา และเขตอนั ตรายทางดา นซา ย
และขวาหางจากแนววถิ ีกระสนุ ออกไปขางละ ๕๐๐ หลา ไปจนสุดระยะ ๓,๕๐๐ หลา ถา จําเปน จะจดั
เจาหนา ท่ีไวค อยระวังอันตรายดวยกไ็ ด
๕.๒.๓ ระยะยงิ เกนิ ๑,๐๐๐ หลา ขน้ึ ไป ใหก าํ หนดเขตอนั ตรายดา นหลงั
เปาเพมิ่ ขึ้นทกุ ระยะ ๑๐๐ หลา ตอ ๓๕๐ หลา เขตอันตรายทางดานซา ยและขวาเพ่มิ ข้นึ ทุกๆ ระยะ
๑๐๐ หลา ตอ ๕๐ หลา
๕.๓ ธงแดงท่ีปกบอกเขตอันตรายจะเก็บก็ตอเมื่อไดตรวจตราเก็บกระสุนที่ตก
และกระสนุ ท่ไี มร ะเบดิ เรียบรอ ยแลว แตทัง้ น้ีตอ งไมเ กนิ กวา ๗ วัน เพือ่ แสดงใหท ราบวาในเขตการฝก
ยิงเปานน้ั หมดอนั ตรายแลว
๕.๔ ถาผูอํานวยการฝกไมสามารถคนหากระสุนที่ไมระเบิดได ก็ใหปกธงแดง
บอกเขตอนั ตรายไวจ นกวา จะเกบ็ กระสนุ ทไี่ มร ะเบดิ นนั้ ได ขณะทเี่ กบ็ กระสนุ ทย่ี งั ไมร ะเบดิ ตอ งประกาศ
ช้แี จงใหประชาชนในบรเิ วณใกลเคียงนน้ั ทราบทว่ั กนั
๕.๕ ตลอดระยะเวลาทปี่ ก ธงแดงไว หา มประชาชนเขา ไปหรอื นาํ สตั วเ ลยี้ งเขา ไป
ในเขตการฝกยงิ เปา
¢ÍŒ ö การฝกยิงเปา ทุกครัง้ ใหผูเขา รับการฝกแตงกายดวยเคร่ืองแบบตลอดเวลาทฝี่ ก
¢ŒÍ ÷ ในระหวางท่ีฝกยิงเปาผูควบคุมการยิงจะตองกําชับใหผูเขารับการฝกปฏิบัติตาม
กฎแหง ความปลอดภยั ขอ บงั คบั สาํ หรบั ผอู ยใู นสนามยงิ ปน และระเบยี บของสนามยงิ ปน โดยเครง ครดั
¢ÍŒ ø การฝกยิงเปาในระบบใดหรือวิธีการใด ผูอํานวยการฝกตองใหผูเขารับการฝก
ฝกลักษณะทาทาง วิธีการยิง ระเบียบปฏิบัติตางๆ ในการยิงระบบนั้นๆ โดยยังไมใชกระสุนปน
เพ่อื ใหเกดิ ความชาํ นาญเสยี กอ น แลวจึงใหย ิงดว ยกระสุนปน
¢ŒÍ ù สนามยงิ ปน ตาํ รวจทกุ แหง ใหแ ตง ตงั้ ขา ราชการตาํ รวจตงั้ แตส ารวตั รหรอื ตาํ แหนง
เทยี บเทา ข้ึนไปอยางนอย ๑ คน ทาํ หนา ท่ีเปนนายสนาม มหี นาทคี่ วบคมุ กํากับดูแลวัสดุ ครุภัณฑ
สิ่งกอสราง สภาพสนาม อุปกรณปองกันอันตรายภายในสนามใหเรียบรอย ใชการไดดี และอยูใน
สภาพทปี่ ลอดภยั อยเู สมอ และตอ งจดั ใหม เี จา หนา ทป่ี ระจาํ สนามทาํ หนา ทต่ี รวจตราดแู ลภายในสนาม
ตลอดเวลาที่เปดทาํ การ
๕๔
ÅѡɳзèÕ õø
Ãкº¡ÒÃÂ§Ô »¹„ ¢Í§สาํ ¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ
_____________
º··Õè ô
ËÅÑ¡Êμ٠áÒÃÂÔ§»„¹¾¡áºº à͹ç .ÍÒÃ. àÍ.
NATIONAL RIFLE ASSOCIATION (N.R.A.)
»ÃÐàÀ·»¹„ ¾¡Å¡Ù âÁá‹ Åл„¹¾¡¡§èÖ ÍμÑ â¹ÁμÑ Ô
_____________
หลกั สตู รการยงิ ปน พกแบบ เอน็ .อาร. เอ. เปน หลกั สตู รการฝก ยงิ ปน พกทจ่ี ะใชฝ ก ขา ราชการ
ตาํ รวจหรอื ผูบงั คบั ใชก ฎหมาย โดยเริม่ จากการยิงชา ยิงเรง ยิงเร็ว และยงิ เปาหนุ เงาคน เพ่อื ใหผ รู บั
การฝก ไดเ รยี นรกู ฎแหง ความปลอดภยั การใชอ าวธุ ปน การจบั ปน การเลง็ การลน่ั ไก ทา ทางการยงิ ปน
การบรรจกุ ระสุนปน การแกไขปญหาขอขดั ของ กฎ กตกิ า มหี ลักเกณฑ ขั้นตอน และวิธกี ารยิง ดังนี้
¢ÍŒ ñ อาวธุ ปน
๑.๑ ปน ลูกโม ขนาด .๓๘ น้วิ .๓๕๗ นิว้ หรือ .๔๕ นิว้ มคี วามยาวลาํ กลองปน
ไมเกิน ๔ นิ้ว น้ําหนักไกปนแบบงางนกปนไมนอยกวา ๒.๕ ปอนด และน้ําหนักไกปนแบบไมงาง
นกปน ไมน อ ยกวา ๕.๕ ปอนด
๑.๒ ปน พกก่ึงอัตโนมตั ิ ขนาด ๙ มลิ ลเิ มตร ๑๐ มลิ ลิเมตร หรือ ๑๑ มิลลเิ มตร
มีความยาวลํากลองปนไมเกิน ๕.๕ นิ้ว นํ้าหนักไกปนแบบงางนกปนไมนอยกวา ๓.๕ ปอนด และ
น้าํ หนักไกปน แบบไมง า งนกปน ไมน อ ยกวา ๕.๕ ปอนด
อาวุธปนทุกประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผูผลิต ลํากลองปนไมมีการเจาะรู
เพ่อื ลดแรงสะบดั ไมต ิดตงั้ เครอ่ื งชว ยเลง็ หรอื อุปกรณเสริมใดๆ
¢ÍŒ ò กระสุนปน
๒.๑ ปน พกลกู โม ใชก ระสนุ ปน ขนาด .๓๘ นว้ิ .๓๕๗ นว้ิ หรอื .๔๕ นว้ิ จาํ นวน
๔๐ นัด
๒.๒ ปนพกกึง่ อตั โนมตั ิ ใชก ระสนุ ปน ขนาด ๙ มลิ ลิเมตร ๑๐ มิลลเิ มตร หรอื
๑๑ มลิ ลิเมตร จาํ นวน ๓๐ นัด
¢ÍŒ ó เปาปน
๓.๑ เปาวงกลม จาํ นวน ๓ แผน ใชส ําหรับข้นั ตอนการยิงชา ยงิ เรง และยิงเรว็
มีขนาดและคา คะแนนตามวงตา งๆ ดังนี้
วง X เสน ผาศนู ยก ลาง ๑.๕ นิว้ มีคา ๑๐ คะแนน
วง ๑๐ เสน ผาศูนยกลาง ๓.๕ น้ิว มคี า ๑๐ คะแนน
วง ๙ เสนผาศูนยกลาง ๖ น้ิว มคี า ๙ คะแนน
วง ๘ เสน ผาศูนยกลาง ๘ นว้ิ มคี า ๘ คะแนน
วง ๗ เสน ผา ศนู ยกลาง ๑๒ นิว้ มคี า ๗ คะแนน
๕๕
วง ๖ เสนผาศูนยกลาง ๑๕ นวิ้ มคี า ๖ คะแนน
วง ๕ เสน ผา ศูนยก ลาง ๒๐ น้ิว มคี า ๕ คะแนน
๓.๒ เปาหนุ เงาคน จํานวน ๑ แผน มีรูปรา งลกั ษณะคลา ยคนครึ่งตัว มีความสูง
ตง้ั แตศ ีรษะถึงเอว ๒๗ นว้ิ มีความกวางตัง้ แตแขนขวาถึงแขนซา ย ๒๔ นวิ้ แขนขวาของเปา หนุ ทาํ ทา
ชกั ปน แขนซา ยปลอ ยหอย บริเวณกลางลาํ ตัวมีวงกลมซอ นกัน ๓ วง วงในสดุ มตี วั อักษร X มเี สนผา
ศูนยก ลาง ๑.๕ นว้ิ วงกลางมีเสนผาศนู ยกลาง ๓.๕ น้ิว วงนอกสดุ มีเสน ผา ศนู ยกลาง ๖ นิ้ว มพี ้นื ที่
อักษร ต มีคาคะแนน ๑๐ คะแนน และบรเิ วณนอกลาํ ตัวมพี ้ืนทอ่ี ักษร พ มคี า คะแนน ๕ คะแนน พื้นท่ี
ท้ังสองมเี สน แบง คะแนน ใชสําหรับขนั้ ตอนการยงิ เปา หุน เงาคน
ลักษณะของเปาปนตาม ๓.๑ และ ๓.๒ ตามแบบทายบทนี้
¢ŒÍ ô ลักษณะของสนาม
๔.๑ สนามตองมีความยาวจากแนวยิงถึงแนวเปา ๒๕ หลา แตละชองยิง
หา งกันนับจากจดุ ศูนยกลางของทว่ี างปน ถึงจดุ ศนู ยกลางของทว่ี างปน อกี ตัวหนึ่ง ๑๒๐ เซนตเิ มตร
๔.๒ ที่วางปนเปนโตะหรือแทนใชสําหรับวางอาวุธปนและอุปกรณอื่นๆ
มีความกวางไมนอยกวา ๕๐ เซนติเมตร ความยาวไมนอยกวา ๖๐ เซนติเมตร และความสูง
๗๐-๘๐ เซนติเมตร
๔.๓ ระหวางชองยิงมีแผงกั้นปลอกกระสุนปน ถาเปนชนิดตั้งพ้ืน กวาง ๒๐๐
เซนตเิ มตร สงู ๒๐๐ เซนตเิ มตร ถา เปน ชนดิ ตดิ บนทวี่ างปน กวา ง ๑๕๐ เซนตเิ มตร สงู ๑๒๐ เซนตเิ มตร
๔.๔ บนพ้ืนบริเวณแนวยิงมีเสนระยะ ๒๕ หลา อาจจะทาสี กวาง ๒ นิ้ว
ยาวตลอดแนวยิง
¢ŒÍ õ ข้ันตอนการฝกและวธิ กี ารยงิ
๕.๑ การยิงปน พกแบบ เอน็ .อาร. เอ. แบงเปน ๒ ภาค
๕.๑.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใชอาวุธปน
การจับปน การเลง็ การลัน่ ไก ทา ทางการยงิ การบรรจกุ ระสุนปน การเลิกบรรจุ การแกไ ขปญหาขอ
ขัดของ กฎ กติกา และวิธีการยงิ ใชเวลาไมน อยกวา ๑๖ ช่ัวโมง
๕.๑.๒ ภาคปฏิบัติ เปนการยิงดวยกระสุนปนหลังจากภาคทฤษฎี
แบงการยงิ ออกเปน ๔ ขน้ั ตอน ใชเวลาฝก ไมน อยกวา ๑๖ ชว่ั โมง โดยแบงเปน ๔ ขัน้ ตอน ดังนี้
ขนั้ ตอนที่ ๑ การยงิ ชา กระสุนปนจาํ นวน ๑๐ นัด ยงิ ตอเนอื่ ง
จนครบ ๑๐ นบั ภายในเวลา ๕ นาที
ขน้ั ตอนที่ ๒ การยงิ เรง กระสุนปน จํานวน ๑๐ นดั แบง เปน ๒
ชุด ชุดละ ๕ นดั ใชเวลายงิ ชดุ ละ ๒๐ วินาที
ขน้ั ตอนที่ ๓ การยิงเร็ว กระสุนปนจาํ นวน ๑๐ นัด แบงเปน ๒
ชดุ ชุดละ ๕ นดั ใชเ วลายิงชุดละ ๑๐ วนิ าที
ขน้ั ตอนที่ ๔ การยงิ เปา หนุ เงาคน กระสนุ ปน จาํ นวน ๑๐ นัด
แบง เปน ๒ ชุด ชดุ ละ ๕ นดั ใชเวลายงิ ชุดละ ๑๒ วินาที
๕๖
๕.๒ การยิงปนพกแบบ เอ็น.อาร. เอ. มี ๒ ประเภท คอื ประเภทปน พกลูกโม
และประเภทปนพกกึ่งอัตโนมัติ มวี ิธีการยิงแตละประเภท ดังน้ี
๕.๒.๑ วธิ ีการยงิ ประเภทปนพกลกู โม
ขน้ั ตอนท่ี ๑ การยิงชา
¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “แนวยิงประจําที่”
¼ÂÙŒ Ô§ ยนื ในทา ตรงท่ีระยะ ๒๕ หลา นาํ อาวุธปนทีเ่ ปด ลกู โมปน
วางไวบนท่ีวางปน พรอมกระสนุ ปนจาํ นวน ๔๐ นดั
¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ ส่งั “ตรวจอาวธุ ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังครึ่งกาว ลําตัวหางจากที่วางปน
ประมาณ ๑ ฝามือ ยืนทาํ มมุ ประมาณ ๔๕ องศา กบั แนวยงิ ใชม อื จบั อาวุธปน ตรวจสอบอาวธุ ปน วา
อยใู นสภาพพรอมใชงานหรอื ไม ในลํากลองปนไมม ีสิง่ ใดอยูภายใน หมุดยดึ ตัวปนและลูกโมไ มหลวม
คลอนเสรจ็ แลว วางปนบนทว่ี างปน กลับมายนื ในทา ตรง
¼Ù¤Œ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “๕ นดั บรรจุ”
¼ÂŒÙ Ô§ กาวเทาขวาไปดานหลังครึง่ กา ว ใชม ือจบั อาวุธปน และกระสุนปน
จาํ นวน ๕ นัด บรรจุกระสนุ ปน ขณะบรรจุอาวธุ ปนจะตองอยูเ หนอื ท่ีวางปน บรรจเุ สร็จปดลกู โมปน
วางอาวุธปนบนท่วี างปน หันดามปนไปทางดานมือทถ่ี นดั ลํากลองปนช้ไี ปยังเปา กลับมายังในทาตรง
รอฟง คําส่งั
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๑๐ นัด
ใชเ วลา ๕ นาที” และสัง่ ตรวจความพรอ มเปนครัง้ สดุ ทายกอนการยงิ “แนวยิง ซายพรอม ขวาพรอ ม
ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครงั้ ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ใหผ คู วบคมุ
การยงิ ทราบและแกไขใหเรียบรอ ย เมือ่ ผูค วบคมุ การยิงเหน็ วา เรยี บรอ ย ก็ใหส งั่ “เตรยี มตัว ระวัง” และ
ใหส ญั ญาณเริ่มยงิ (รวมเวลา ๕ วนิ าทีในการสง่ั ) พรอ มกบั บันทกึ เวลา
¼ÂŒÙ §Ô เมอ่ื ไดย นิ คาํ สงั่ “พรอ ม” ถา ตอ งการยงิ โดยงา งนกปน ใหง า ง
นกปนในจังหวะน้ี นวิ้ ช้ีจะตอ งอยูนอกโกรง ไกปน
¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สงั่ “เตรยี มตวั ระวงั ” ใหย กอาวธุ ปน ขน้ึ ในระดบั
สายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา แขนเหยียดตึงพรอมกับเล็งศูนยปนใหชัดเจน น้ิวชี้แตะท่ีไกปนแตยัง
ไมตองเดินไกปนหรือเพิ่มนํ้าหนกั การเหน่ยี วไกปน
¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สงั่ หรอื สญั ญาณใหเ รม่ิ ยงิ โดยเวลาจะหา งจาก
คําส่งั “ระวัง” ๒ วินาทีใหเ ร่ิมยงิ ได การยงิ นัดตอ ไปจะงา งนกปน หรือไมงางนกปนกไ็ ด ในข้นั ตอนการ
ยงิ ชาสามารถลดปน ในระหวางการยงิ ได ยงิ จาํ นวน ๒ ชดุ ชดุ ละ ๕ นดั ภายในเวลา ๕ นาที เมือ่ ยงิ
เสรจ็ ใหเ ลิกบรรจุ วางอาวุธปน ไวบนทว่ี างปน ในลกั ษณะเปดลกู โมป น กลับมายนื ในทา ตรง รอฟงคาํ สัง่
ตอไป
๕๗
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô ในระหวา งการยงิ ชา จะเตอื นเวลาผยู งิ เมอื่ เหลอื
เวลา ๒ นาที ๑ นาที และ ๓๐ วินาที ใหสญั ญาณ “หยุดยิง” เม่ือครบกาํ หนด ๕ นาที พรอมกับหยดุ
เวลาและตรวจสอบ ถา เห็นวา ผยู งิ ปฏบิ ตั ิถูกตอง สั่ง “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู
เสร็จแลว เปด ลกู โมปน วางอาวธุ ปนบนทีว่ างปน
ขัน้ ตอนท่ี ๒ การยิงเรง
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงชา โดยมี
สวนท่ีแตกตางกนั ดงั นี้
๑. ใชเ วลายงิ ชดุ ละ ๒๐ วนิ าที
๒. ในการยิงแตล ะชุดหา มผยู ิงลดปน ลงในขณะยงิ
๓. ในขณะยงิ ผูค วบคุมการยงิ ไมต อ งเตือนเวลา
๔. หลังจากการยิงชุดแรกเสร็จ ใหผูควบคุมการยิงส่ังบรรจุ
กระสนุ ชดุ ใหม
ข้ันตอนท่ี ๓ การยิงเรว็
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรง โดยมี
สวนท่ีแตกตางกนั ทก่ี ารยงิ เร็วใชเ วลายงิ ชดุ ละ ๑๐ วินาที
ข้นั ตอนที่ ๔ การยิงเปาหนุ เงาคน
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรงและ
ยิงเร็วโดยมีสวนท่แี ตกตางกัน ดงั น้ี
๑. หลังจากท่ีผูยิงบรรจุกระสุนเสร็จแลว ใหยืนในทาตรง
หันหนา เขาหาแนวเปา หา มจบั อาวุธปนจนกวา จะไดร บั สัญญาณเรม่ิ ยงิ
๒. เมอื่ ผยู งิ ไดร บั สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ใหผ ยู งิ จบั อาวธุ ปน และปฏบิ ตั ิ
เชนเดยี วกบั การยิงเรงและยงิ เร็ว
๓. ใชเ วลายิงชดุ ละ ๑๒ วนิ าที
๕.๒.๒ วิธกี ารยงิ ประเภทปน พกกง่ึ อัตโนมตั ิ
ข้นั ตอนท่ี ๑ การยิงชา
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สัง่ “แนวยงิ ประจาํ ท่”ี
¼ÂÙŒ Ô§ ยนื ในทา ตรงที่ระยะ ๒๕ หลา นาํ อาวุธปน ทีเ่ ปดลาํ เลื่อน
คา งไวว างไวบนที่วางปน พรอมซองกระสนุ ปนและกระสุนปนจํานวน ๓๐ นัด
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ สง่ั “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังครึ่งกาว ลําตัวหางจากท่ีวางปน
ประมาณ ๑ ฝามือ ยนื ทาํ มุมประมาณ ๔๕ องศา กบั แนวยงิ ใชมือจบั อาวุธปน ตรวจสอบอาวุธปน วา
อยใู นสภาพพรอ มใชง านหรอื ไม ในลาํ กลอ งปน ไมม สี งิ่ ใดอยภู ายใน ตรวจสอบซองกระสนุ ปน เสรจ็ แลว
วางปน บนท่วี างปน กลบั มายืนในทา ตรง
๕๘
¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “๕ นัด บรรจ”ุ
¼ÂŒÙ §Ô กา วเทา ขวาไปดา นหลงั ครง่ึ กา ว ใชม อื หยบิ กระสนุ ปน จาํ นวน
๕ นดั บรรจกุ ระสนุ ปน ในซองกระสนุ ปน (ถา มซี องกระสนุ ปน จาํ นวน ๒ ซอง ใหบ รรจกุ ระสนุ ปน ในซอง
กระสนุ ปน เมอ่ื บรรจเุ สรจ็ ปลดลาํ เลอ่ื นไปดา นหนา ในลกั ษณะพรอ มยงิ นวิ้ อยนู อกโกรง ไกปน ลาํ กลอ งปน
ชี้ไปยังเปา จัดทาทางการยิง โดยใหหันขางลําตัวดานมือถนัดเขาหาแนวยิง เทาหางกันประมาณ ๑
ชวงไหล ใชมือที่ถนดั จับอาวธุ ปน มือทไ่ี มถนดั เทา ทเ่ี อว ลวงกระเปา หรอื ใชนิ้วเกย่ี วไวท ข่ี อบกางเกง
หา มสว นหนึง่ สว นใดของรา งกายสัมผสั ท่ีวางปน เทาจะตองไมเ หยยี บเสน แนวยิง รอฟง คาํ ส่งั
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๑๐ นัด
ใชเวลา ๕ นาที” และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครง้ั สดุ ทายกอ นการยิง “แนวยงิ ซายพรอม ขวาพรอม
ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครงั้ ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ใหผ คู วบคมุ
การยงิ ทราบและแกไขใหเ รียบรอ ย เมอ่ื ผคู วบคุมการยิงเห็นวาเรยี บรอย กใ็ หส่งั “เตรยี มตัว ระวงั ” และ
ใหสญั ญาณเริม่ ยงิ (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสง่ั ) พรอมกบั บันทกึ เวลา
¼ÙŒÂÔ§ เม่ือไดยินคําส่ัง “เตรียมตัว” ใหยกอาวุธปนข้ึนในระดับ
สายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา แขนเหยียดตึงพรอมกับเล็งศูนยปนใหชัดเจน นิ้วชี้แตะท่ีไกปนแตยัง
ไมต องเดินไกปนหรือเพ่มิ นาํ้ หนักการเหนยี่ วไกปน
¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สงั่ หรอื สญั ญาณใหเ รม่ิ ยงิ โดยเวลาจะหา งจาก
คาํ สั่ง “ระวงั ” ๒ วนิ าที ใหเ รม่ิ ยิงได ในข้ันตอนการยิงชา สามารถลดปน ในระหวางการยงิ ได ยิงจํานวน
๒ ชุด ชุดละ ๕ นัด ภายในเวลา ๕ นาที เม่ือยิงเสร็จใหเลิกบรรจุโดยปลดซองกระสุนปนออกจาก
ตัวปน และวางอาวุธปน บนทวี่ างปน ในลกั ษณะเปด ลาํ เลือ่ นปน คา งไว กลบั มายนื ในทาตรง รอฟงคาํ สั่ง
ตอไป
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô ในระหวา งการยงิ ชา จะเตอื นเวลาผยู งิ เมอื่ เหลอื
เวลา ๒ นาที ๑ นาที และ ๓๐ วินาที ใหส ญั ญาณ “หยดุ ยงิ ” เมอื่ ครบกาํ หนด ๕ นาที พรอ มกบั หยดุ
เวลาและตรวจสอบ ถา เห็นวาผยู งิ ปฏิบตั ถิ ูกตอง สั่ง “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู
เสรจ็ แลว เปดลําเลอื่ นปนคางไว วางอาวุธปนบนทีว่ างปน
ขน้ั ตอนที่ ๒ การยิงเรง
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงชา โดยมี
สว นท่ีแตกตา งกัน ดังน้ี
๑. ใชเวลายงิ ชุดละ ๒๐ วนิ าที
๒. ในการยงิ แตละชุดหา มผยู งิ ลดปน ลงในขณะยิง
๓. ในขณะยงิ ผคู วบคุมการยิงไมตอ งเตือนเวลา
๔. หลงั จากการยงิ ชดุ แรกเสรจ็ ใหผ คู วบคมุ การยงิ สง่ั บรรจกุ ระสนุ
ชุดใหญ เสรจ็ แลวใหปฏิบัตติ ามขน้ั ตอนการยิง
๕๙
ข้นั ตอนท่ี ๓ การยิงเรว็
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรง โดยมี
สวนที่แตกตางกันที่การยงิ เร็วใชเวลายงิ ชดุ ละ ๑๐ วนิ าที
¢ÍŒ ö กฎการยงิ ปนพกมาตรฐานแบบ เอน็ .อาร.เอ.
๖.๑ กอนยงิ จะตองเขียนยศ ช่ือตัว ชอื่ สกลุ สังกดั และรายละเอยี ดอื่นๆ ตาม
ทกี่ าํ หนดลงบนแผน เปา กรณฝี า ฝนถอื เปน โมฆะ
๖.๒ หา มทาํ ตาํ หนิ จดุ เลง็ หรอื เครอ่ื งหมายใดๆ บนแผน เปา กรณฝี า ฝน ถอื เปน
โมฆะ
๖.๓ หา มผูย งิ บรรจุกระสนุ ปน กอ นทจี่ ะไดรับคําส่ังใหบรรจุ
๖.๔ ในระหวางยิงท้ังปนพกลูกโมและปนพกก่ึงอัตโนมัติ หากเกิดเหตุขัดของ
ทําใหเสียเวลาในการยิงตามกําหนดเวลา ซึ่งมิใชเกิดจากความบกพรองของผูยิง เชน กระสุนปนดาน
ปนขัดลาํ เปนตน ใหปฏิบัติดงั น้ี
ในการยิงชาใหผูยิงแกไขภายในเวลาที่กําหนด สวนในการยิงเรง ยิงเร็ว
และยิงเปาหุนเงาคนใหผูควบคุมชองยิงตรวจสอบเหตุขัดของ หากพบวากระสุนปนดาน ปนขัดลํา
ใหผูควบคุมการยิงส่ังใหผูยิงยิงแกไข โดยใหเฉลี่ยเวลาตามข้ันตอนการยิงและตามจํานวนกระสุนปน
ทเี่ กิดเหตขุ ดั ของ
๖.๕ หามยิงกอนคําส่ังหรือสัญญาณเร่ิมยิง หรือยิงหลังคําส่ังหรือสัญญาณ
หยดุ ยิงหากฝาฝน ใหต ดั คะแนนสงู สุดในชุดยิงน้นั ตามจาํ นวนนดั ทไ่ี ดย งิ ไป
๖.๖ หากปรากฏวาผูใดไมเช่ือฟงคําสั่งหรือไมปฏิบัติตามคําส่ังหรือคําแนะนํา
ของผคู วบคุมการยงิ ผคู วบคมุ การยิงมีอาํ นาจส่งั ใหผ ูน้นั ออกไปนอกบรเิ วณสนามยิงปน ไดท นั ที
๖.๗ การตดั สนิ ของผคู วบคุมการยงิ ใหถือเปนอนั ยุติ
¢ÍŒ ÷ การนับคะแนน
๗.๑ เปาวงกลม นับคะแนนตง้ั แต ๕-๑๐ คะแนน สวนวง x ใหนับคะแนนเปน
๑๐ คะแนน
๗.๒ เปา หุน เงาคน บริเวณพืน้ ทอี่ ักษร ต เทา กบั ๑๐ คะแนน และบริเวณพืน้ ท่ี
อักษร พ เทากบั ๕ คะแนน
๗.๓ การนับคะแนนใหนับคะแนนตามเสนเขตท่ีแบงไวในเปา รอยกระสุนปน
ตอ งตัดเสนแบง เขตเปา ขาดใหถ ือคาคะแนนตามบริเวณคะแนนทส่ี ูงกวา
๗.๔ หา มแตะตองหรือสมั ผัสรอยกระสุนปน บนแผนเปา ตรวจสอบพบถอื เปน
โมฆะ
๗.๕ คะแนนเต็มแตละเปาเปน ๑๐๐ คะแนน สําหรบั ปนพกลกู โมคดิ เปน ๔๐๐
คะแนน สวนปนพกกึง่ อัตโนมัติทกุ เปารวม ๓๐๐ คะแนน
๖๐
๗.๖ กรณรี อยกระสนุ ปนเกนิ อยูใ นเปา
๗.๖.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามีรอย
กระสุนปนในเปาของทางซายหรือขวาไมครบ ใหตัดคะแนนของรอยกระสุนปนท่ีไดคะแนนต่ําสุด
ที่ปรากฏในเปา ทเ่ี กินออกไป
๗.๖.๒ ถาตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวาแลว
ปรากฏวามีรอยกระสุนปนของเปาทางซายและขวาครบ ใหตัดคะแนนสูงสุดของรอยกระสุนปนที่เกิน
ออกไป
¢ŒÍ ø เคร่ืองหมายแมน ปน มี ๒ ประเภท แตละประเภทแบงออกเปน ๕ ชน้ั มีลกั ษณะ
ดงั นี้
๘.๑ ประเภทปน พกลกู โม
เคร่ืองหมายแมนปนมีลักษณะเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา ปลายมุมโคงมน
ยกขอบ มีขนาดกวาง ๒.๒ เซนตเิ มตร ยาว ๒.๘ เซนตเิ มตร หนา ๐.๑๕ เซนตเิ มตร ทีม่ ุมทง้ั สดี่ า น
ดนุ เปน ลายกนก ตรงกงึ่ กลางเครอ่ื งหมายดนุ เปน รปู พระแสงดาบเขนและโล และมรี ปู จาํ ลองปน พกลกู โม
พรอ มกระสนุ ปน ขนาดพองามดนุ นนู พาดทบั อยบู นรปู พระแสงดาบเขนและโลอ กี ชน้ั หนง่ึ ปากกระบอก
ปนหนั ออกจากลําตวั ของผทู ี่ประดับเคร่อื งหมาย สขี องเครื่องหมายแตกตา งกัน ดังน้ี
ชั้นเย่ียม สีของพื้น ลายกนก รูปจําลองปนพกลูกโมและกระสุนปนเปน
สที องบรเิ วณพ้นื ที่ดา นในของรูปพระแสงดาบเขนและโลล งยาสีแดง
ชนั้ ท่ี ๑ สีของเครอ่ื งหมายท้ังหมดเปนสที อง
ช้นั ที่ ๒ สขี องเครื่องหมายท้งั หมดเปน สีเงนิ
ช้นั ที่ ๓ สขี องเครอ่ื งหมายทั้งหมดเปนสีทองแดง
เคร่ืองหมายแมนปนช้ันกิตติมศักดิ์มีลักษณะเชนเดียวกับเคร่ืองหมาย
แมน ปน ช้ันเย่ยี ม แตกตางทล่ี ายกนกและพ้นื ของเครือ่ งหมายลงยาสีแดง
๘.๒ ประเภทปนพกกง่ึ อตั โนมัติ
มลี ักษณะเชนเดยี วกบั เครอื่ งหมายแมนปน ประเภทปนพกลูกโม แตกตา ง
ทรี่ ูปจําลองปน และกระสุนปน เปน ปนพกกงึ่ อัตโนมตั แิ ละกระสนุ ปนพกก่งึ อตั โนมัติ
ลกั ษณะของเครื่องหมายแมน ปน แตละประเภทตามแบบทา ยบทนี้
¢ŒÍ ù การเทียบวฒุ ิ
๙.๑ ประเภทปนพกลกู โม
ชัน้ เย่ียม ตอ งไดคะแนน ๓๘๐-๔๐๐ คะแนน
ชน้ั ท่ี ๑ ตอ งไดค ะแนน ๓๖๐-๓๗๙ คะแนน
ช้ันที่ ๒ ตองไดคะแนน ๓๒๐-๓๕๙ คะแนน
ชั้นที่ ๓ ตอ งไดคะแนน ๒๘๐-๓๑๙ คะแนน
๖๑
๙.๒ ประเภทปนพกกึ่งอตั โนมตั ิ
ช้ันเยี่ยม ตองไดค ะแนน ๒๘๖-๓๐๐ คะแนน
ชั้นที่ ๑ ตองไดค ะแนน ๒๗๐-๒๕๘ คะแนน
ชั้นท่ี ๒ ตอ งไดค ะแนน ๒๔๐-๒๖๙ คะแนน
ชั้นท่ี ๓ ตอ งไดค ะแนน ๒๑๐-๒๓๙ คะแนน
๖๒
ÀÒ¾à¤ÃèÍ× §ËÁÒÂáÁ¹‹ »¹„ ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂÔ§»„¹¾¡áºº àÍç¹.ÍÒÃ.àÍ.
»ÃÐàÀ·»„¹¾¡Å¡Ù âÁ‹
เครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั เยยี่ ม เปน เครอ่ื งหมายแมน ปน ทองพเิ ศษ
เคร่อื งหมายแมนปนช้ันที่ ๑ เปน เครือ่ งหมายแมน ปน ทอง
เครอ่ื งหมายแมนปน ชน้ั ที่ ๒ เปน เครื่องหมายแมน ปน เงิน
เคร่อื งหมายแมน ปน ชนั้ ท่ี ๓ เปนเครอ่ื งหมายแมน ปนทองแดง
เคร่อื งหมายแมน ปนชัน้ กิตติมศักดิ์
๖๓
ÀÒ¾à¤Ã×èͧËÁÒÂáÁ¹‹ »„¹ ËÅÑ¡ÊÙμáÒÃÂÔ§»„¹¾¡áºº àÍç¹.ÍÒÃ.àÍ.
»ÃÐàÀ·»„¹¾¡¡§Öè ÍÑμâ¹ÁμÑ Ô
เครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั เยี่ยม เปนเครื่องหมายแมนปน ทองพเิ ศษ
เคร่อื งหมายแมนปนชัน้ ท่ี ๑ เปน เคร่ืองหมายแมน ปนทอง
เคร่อื งหมายแมนปน ชัน้ ที่ ๒ เปน เครอ่ื งหมายแมน ปน เงนิ
เครอื่ งหมายแมนปนชน้ั ที่ ๓ เปน เคร่อื งหมายแมนปนทองแดง
เครอ่ื งหมายแมน ปน ช้นั กิตติมศักดิ์
๖๔
ÀÒ¾ÅѡɳÐà»Ò‡ ǧ¡ÅÁáÅÐ໇ÒËØ‹¹à§Ò¤¹
ËÅÑ¡Êμ٠áÒÃÂÔ§»¹„ ¾¡áºº à͹ç .ÍÒÃ.àÍ.
๖๕
ÅѡɳзÕè õø
¡ÒÃÂ§Ô »¹„ ¢Í§สาํ ¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ
º··èÕ ö
ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒÃÂÔ§»„¹¾¡μ‹ÍÊٌẺ ¾.Õ ¾.Õ «.Õ
PRACTICAL PISTOLS COURSE (P.P.C.)
หลักสูตรการยิงปนพกตอสูแบบ พี.พี.ซี. เปนหลักสูตรการยิงปนท่ีจะทําใหผูรับการฝก
มีความสามารถในการใชอาวุธปนอยางถูกตองปลอดภัย มีความคลองตัวในการใชอาวุธปนตอสู
ปอ งกนั ตวั รจู กั การใชภ ูมปิ ระเทศเปนทก่ี าํ บงั อยา งเหมาะสม โดยมีหลักเกณฑ ขั้นตอน และวธิ ีการยงิ
ดังนี้
¢ÍŒ ñ อาวุธปน
๑.๑ ปนพกลูกโม ขนาด .๓๘ นิ้ว หรือ .๓๕๗ น้ิว มีความยาวลํากลองปน
ไมเ กิน ๔ นิ้ว
๑.๒ ปนพกกงึ่ อัตโนมตั ิ ขนาด ๙ มิลลเิ มตร ๑๐ มลิ ลเิ มตร หรือ ๑๑ มลิ ลิเมตร
มีความยาวลาํ กลอ งปนไมเกนิ ๕.๕ นิ้ว
อาวธุ ปน ทกุ ประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผผู ลิต ไมตดิ ตัง้ เครื่องชวยเล็งหรือ
อุปกรณเสริมใด ๆ ลาํ กลอ งปน ไมม ีการเจาะรเู พอ่ื ลดแรงสะบดั
¢ŒÍ ò กระสุนปน
๒.๑ ปนพกลูกโม ใชก ระสนุ ปนขนาด .๓๘ นว้ิ หรือ .๓๕๗ น้วิ จาํ นวน ๕๐ นดั
๒.๒ ปน พกกงึ่ อตั โนมตั ิ ใชกระสนุ ปนขนาด ๙ มิลลิเมตร ๑๐ มิลลิเมตร หรอื
๑๑ มิลลิเมตร จํานวน ๕๐ นัด
¢ÍŒ ó ซองปน
เปน ซองปน ชนดิ พกนอกหมุ โกรง ไกปน สาํ หรบั ใชก บั เครอ่ื งแบบคาดตดิ เขม็ ขดั หา มใชซ องปน
คาดตาํ่ กวา แนวเขม็ ขัดชนดิ ผูกติดขา ซองเปลือย หรอื มองเหน็ ลํากลองปน
¢ŒÍ ô เปา ปน
เปา หนุ เงาคน จาํ นวน ๑ แผน มรี ปู รา งลกั ษณะคลา ยคนครง่ึ ตวั มคี วามสงู ตง้ั แตศ รี ษะถงึ เอว
๔๑.๕ นิ้ว มคี วามกวา งต้งั แตแ ขนขวาถึงแขนซาย ๒๘.๕ นว้ิ แขนขวาของเปาหุนทาํ ทา ชักปน แขนซา ย
ปลอ ยหอ ย บรเิ วณเปา มเี สน แบงคะแนน ๕ คะแนน ๔ คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน และ ๐ คะแนน
เปน เปา ยงิ ปน ในแบบ P.P.C. โดยเฉพาะตามมาตรฐานของ F.B.I. ลกั ษณะของเปา ปน ตามแบบทา ยบทนี้
๖๖
¢ŒÍ õ ลักษณะของสนาม
๕.๑ สนามตอ งมรี ะยะยงิ ๖๐ หลา แตล ะชอ งยงิ มรี ะยะหา งกนั ไมน อ ยกวา ๖ หลา
แบง ระยะยงิ เปน ๔ ระยะ คือ ๖๐ หลา ๕๐ หลา ๒๕ หลา และ ๗ หลา
๕.๒ ท่ีระยะ ๕๐ หลา และ ๒๕ หลา มีท่ีกําบังสงู ๑๘๐ เซนตเิ มตร ความกวา ง
ไมนอยกวา ๓๐ เซนตเิ มตร
¢ŒÍ ö ขั้นตอนการฝก และวิธกี ารยิง
๖.๑ การยิงปน พกตอสูแบบ พี.พี.ซ.ี แบงออกเปน ๒ ภาค
๖.๑.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใชอาวุธปน
การจับปน การเล็ง การล่ันไก ทาทางการยิง การบรรจุกระสุนปน การเลิกบรรจุ การใชที่กําบัง
การแกไขปญ หาขอ ขัดขอ ง ใชเ วลา ๒๐ ชั่วโมง
๖.๑.๒ ภาคปฏิบัติ เปนการฝกยิงดวยกระสุนปนหลังจากการฝก
ภาคทฤษฎีแบง การยงิ ออกเปน ๒ ประเภท คอื “ประเภทไมจ ํากดั เวลา” และ “ประเภทจาํ กดั เวลา”
๖.๑.๒.๑ การยิงประเภทไมจํากัดเวลา ใหยิงตามหลักเกณฑ
ขั้นตอน และวิธีการยิงเชนเดียวกับการยิงประเภทจํากัดเวลา ฝกยิงครั้งละหลายคน โดยใหเปล่ียน
ระยะยงิ พรอ ม ๆ กัน ใชกระสุนปน จาํ นวน ๕๐ นัด
๖.๑.๒.๒ การยงิ ประเภทจาํ กดั เวลา เปน การทดสอบและบนั ทกึ
คะแนนเปน หลกั ฐาน ใชกระสนุ ปน จาํ นวน ๕๐ นดั
ผูท่ีจะยิงประเภทจํากัดเวลาตองผานการฝกภาคทฤษฎีและตอง
ยงิ ปน ประเภทไมจาํ กัดเวลามากอ น โดยไดค ะแนนไมต่ํากวารอ ยละ ๖๐
¢ÍŒ ÷ การยงิ ปน แบบ พ.ี พ.ี ซ.ี มี ๒ ประเภท คอื ประเภทปน พกลกู โม และประเภทปน พก
กึ่งอตั โนมตั ิ มวี ิธีการยิงแตล ะประเภท ดังน้ี
๗.๑ วธิ ีการยิงประเภทปน พกลกู โม
ข้ันตอนท่ี ๑ ระยะ ๗ หลา ทา ยิงฉบั พลนั ใชก ระสนุ ปน จํานวน ๑๐ นัด
บรรจกุ ระสุนปน คร้งั ละ ๕ นัด จํานวน ๒ ครั้ง ใชเ วลา ๒๕ วนิ าที ยิงโดยไมงา งนกปน
¼ÂÙŒ §Ô ยืนรอฟงคาํ สงั่ ท่แี นวยิงระยะ ๗ หลา อาวธุ ปน อยูในซอง กระสุนปน
อยใู นกระเปากางเกงดานขวาจํานวน ๕๐ นดั
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซอง ตรวจอาวุธปนตามแบบฝก ตรวจเสร็จ
เก็บปนใสซอง
¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “๕ นดั บรรจ”ุ
¼ÙŒÂÔ§ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง บรรจุกระสนุ ปนจาํ นวน ๕ นัด ใสล กู โมปน
บรรจเุ สร็จเกบ็ ปน ใสซอง
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “ตอ ไปเปน การยงิ ทรี่ ะยะ ๗ หลา ในทา ฉบั พลนั กระสนุ ปน
๑๐นดั ใชเ วลา๒๕วนิ าท”ี และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครงั้ สดุ ทา ยกอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ มขวาพรอ ม
๖๗
ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครง้ั ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ใหผ คู วบคมุ
การยงิ ทราบและแกไ ขใหเรียบรอ ย เมื่อผูควบคมุ การยงิ เห็นวา เรยี บรอย กใ็ หส่งั “เตรียมตัว ระวัง” และ
ใหส ัญญาณเร่ิมยงิ (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสง่ั ) พรอมกับบันทึกเวลา
¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดร บั สญั ญาณเรมิ่ ยงิ กา วเทา ขา งทถี่ นดั ถอยมาดา นหลงั ประมาณ
ครงึ่ กา ว พรอ มใชมือที่ถนดั ชกั อาวุธปนออกจากซอง ยกปนข้ึนในระดบั สายตา ลาํ กลอ งปนชี้ไปยังเปา
และใชม ือท่ไี มถนดั ชวยประคองปน โดยใหแ ขนขางท่ถี นัดเหยยี ดตึง สว นแขนขา งทีไ่ มถนัดงอเลก็ นอย
ยืนทิ้งนํ้าหนกั ตวั ไปดา นหนา ใชสายตาขา งมือที่จับปนยิงเล็งศนู ยป นใหชัดเจน ยิงจํานวน ๒ ชุด ชดุ ละ
๕ นัด โดยไมง า งนกปน ภายในเวลา ๒๕ วินาที เม่ือยิงเสรจ็ เก็บปน ใสซอง รอฟง คาํ ส่งั ตอ ไป
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô เมอื่ ครบกาํ หนด ๒๕ วนิ าที ใหส ญั ญาณหยดุ ยงิ พรอ มกบั
หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถา เหน็ วาผยู งิ ปฏบิ ัติถูกตอ ง สั่ง “เลิกบรรจ”ุ
¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซองพรอมกาวเทาขวาไปดานหลังประมาณ
ครง่ึ กา วเปด ลกู โม เทปลอกกระสนุ ปน ปด ลกู โม เกบ็ ปน ใสซ อง ถา มกี ระสนุ ปน เหลอื จากการยงิ ใหส ง คนื
ผูค วบคุมชอ งยิง
¼ŒÙ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “ประจาํ ที่ ๖๐ หลา”
¼ÙŒÂÔ§ เดนิ ไปท่รี ะยะ ๖๐ หลา รอฟงคาํ สงั่ ตอ ไป
ข้นั ตอนที่ ๒ มี ๓ ระยะ ๘ ทา ยิง ใชก ระสนุ ปนจํานวน ๔๐ นัด ใช
เวลา ๕ นาที ๔๕ วินาที
·ÃèÕ ÐÂÐ öð ËÅÒ ทา นอนยงิ จาํ นวน ๕ นดั เมอื่ ยงิ เสรจ็ เคลอื่ นทไ่ี ปทรี่ ะยะ
๕๐ หลา
·èÃÕ ÐÂÐ õð ËÅÒ ทา นัง่ ราบยิงจาํ นวน ๕ นดั ทา นอนยงิ จํานวน ๕ นดั
ทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทไี่ มถ นดั หลงั ทกี่ าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั และทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทถ่ี นดั หลงั ทกี่ าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั
เคลือ่ นทไ่ี ปท่รี ะยะ ๒๕ หลา
·ÃèÕ ÐÂÐ òõ ËÅÒ ทา นั่งคุกเขา ยงิ จาํ นวน ๕ นัด ทายืนยิงดว ยมือท่ีถนดั
หลังท่กี ําบงั จํานวน ๕ นัด และในทายนื ยิงดวยมือท่ีไมถนดั หลังที่กําบังจํานวน ๕ นดั
¼ÂŒÙ §Ô ยนื รอฟง คาํ สง่ั ทแ่ี นวยงิ ระยะ ๖๐ หลา อาวธุ ปน อยใู นซอง กระสนุ ปน
อยูในกระเปา กางเกงดา นขวาจํานวน ๔๐ นัด
¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ ส่งั “ตรวจอาวุธ”
¼ÂŒÙ §Ô ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ตรวจอาวธุ ปน ตามแบบฝก เมอ่ื เสรจ็ เกบ็ ปน
ใสซอง
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สัง่ “๕ นัด บรรจ”ุ
¼ÙÂŒ §Ô ชักอาวุธปนออกจากซอง บรรจุกระสนุ ปนจํานวน ๕ นดั ใสล ูกโมปน
บรรจุเสรจ็ เก็บปนใสซ อง
๖๘
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “ตอ ไปเปน การยงิ ทรี่ ะยะ ๖๐ หลา ๕๐ หลา และ ๒๕ หลา
มี ๘ ทา ยงิ กระสนุ ปน จาํ นวน ๔๐ นดั ใชเ วลา ๕ นาที ๔๕ วนิ าท”ี และสงั่ ตรวจความพรอ มเปน ครงั้ สดุ ทา ย
กอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครง้ั
ถาขัดของหรือไมพรอม แจงใหผูควบคุมการยิงทราบและแกไขใหเรียบรอย เม่ือผูควบคุมการยิง
เห็นวาเรียบรอย ก็ใหส่ัง “เตรียมตัว ระวัง” และใหสัญญาณเร่ิมยิง (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสั่ง)
พรอมกบั บนั ทกึ เวลา
¼ÙÂŒ Ô§ เมอื่ ไดร บั สญั ญาณเรมิ่ ยงิ ลดตวั ลงในทา คกุ เขา พรอ มกบั ใชม อื ทถี่ นดั
ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ลาํ กลอ งปน ชไ้ี ปยงั เปา ใชม อื ทไ่ี มถ นดั เทา พนื้ ทรดุ ตวั ลงในทา นอนควา่ํ งอขาขา ง
ทไ่ี มถ นดั เลก็ นอ ย ใชม อื ทไี่ มถ นดั ชว ยประคองปน แขนทง้ั สองขา งเหยยี ดตงึ ใชส ายตาขา งมอื ทจ่ี บั ปน ยงิ เลง็
ศนู ยป น ใหช ดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั โดยงา งนกปน หรอื ไมง า งนกปน กไ็ ด เมอ่ื ยงิ เสรจ็ เอยี งตวั ไปดา นทไ่ี มถ นดั
เล็กนอย เลิกบรรจุและบรรจุกระสุนชุดใหมจํานวน ๕ นัด ปดลูกโม และลุกขึ้นยืนเก็บปนใสซอง
ใชมือทีถ่ นัดจบั ดามปนพรอมเคลอื่ นทไี่ ปที่ระยะ ๕๐ หลา
¼ÙŒÂ§Ô ทีร่ ะยะ ๕๐ หลา ดา นขวาทีก่ าํ บัง ในแนวยิงนี้ผูย งิ สามารถยิงแบบ
งางนกปนหรอื ไมงา งนกปนกไ็ ด ลดตัวลงในทานง่ั ราบ พรอมกับใชม อื ทถ่ี นดั ชักอาวธุ ปน ออกจากซอง
ลํากลอ งปน ชไ้ี ปยงั เปา สว นมอื ทีไ่ มถนดั ชว ยประคองปน แขนท้งั สองขางเหยียดตงึ วางอยบู นหวั เขา
ยงิ จาํ นวน ๕ นดั
เมอื่ ยงิ เสรจ็ ใหเ ลกิ บรรจุ เปด ลกู โม อาวธุ ปน ยงั อยใู นมอื ซา ย ใชม อื ขวาเทา พน้ื
หมนุ ตวั ลงในทา นอนควํ่า บรรจุกระสุนปนในทา นอนตะแคงจาํ นวน ๕ นดั ยงิ ในทานอน ยิงจํานวน
๕ นัด
เมือ่ ยิงเสร็จใหล ุกข้ึนยืน เลกิ บรรจุและบรรจกุ ระสนุ ชุดใหมจํานวน ๕ นัด
จดั ทา ทางในทา ยนื ยงิ หลงั ทก่ี าํ บงั ดา นทไี่ มถ นดั ดว ยมอื ทไ่ี มถ นดั โดยมอื ทไี่ มถ นดั จบั ปน เหยยี ดออกไป
ขางที่กําบังดานที่ไมถนัด มือที่ถนัดชวยประคองปน กาวเทาขางที่ถนัดไปดานหนาประมาณครึ่งกาว
ลําตวั ตั้งตรง ใชส ายตาขางมือทจี่ บั ปน ยิงเล็งศูนยปน ใหชดั เจน ยิงจํานวน ๕ นดั
เมื่อยิงเสร็จเลิกบรรจุและบรรจุกระสุนชุดใหมจํานวน ๕ นัด จัดทาทาง
ในทายืน ยิงหลังท่ีกําบังดานที่ถนัดดวยมือที่ถนัด โดยมือท่ีถนัดจับปนเหยียดออกไปขางท่ีกําบัง
ดา นทถ่ี นดั มอื ทไี่ มถ นดั ชว ยประคองปน กา วเทา ขา งทไี่ มถ นดั ไปดา นหนา ประมาณครงึ่ กา ว ลาํ ตวั ตงั้ ตรง
ใชส ายตาขางมอื ท่จี บั ปนยิงเลง็ ศูนยปนใหช ัดเจน ยิงจาํ นวน ๕ นดั
เมอื่ ยงิ เสรจ็ เลกิ บรรจแุ ละบรรจกุ ระสนุ ชดุ ใหมจ าํ นวน ๕ นดั เกบ็ ปน ใสซ อง
ใชม ือท่ถี นดั จับดา มปน เคล่อื นที่ไปทร่ี ะยะ ๒๕ หลา
¼ÂŒÙ §Ô ทรี่ ะยะ ๒๕ หลา ดา นขวาทกี่ าํ บงั ในแนวยงิ นผี้ ยู งิ ตอ งยงิ แบบไมง า ง
นกปน ลดตัวลงในทาคุกเขาขางท่ีถนัดลงกับพื้น เทาขางที่ไมถนัดอยูดานหนา พรอมกับใชมือท่ีถนัด
ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ยกปน ขนึ้ ในระดบั สายตา ลาํ กลอ งปน ชไี้ ปยงั เปา สว นมอื ทไ่ี มถ นดั ชว ยประคอง
ปนใชสายตาขางมอื ท่จี บั ปนยงิ เล็งศนู ยปน ใหช ัดเจน ยงิ จํานวน ๕ นดั
๖๙
เม่ือยิงเสร็จลุกขึ้นยืน เลิกบรรจุและบรรจุกระสุนชุดใหมจํานวน ๕ นัด
หลังทก่ี ําบงั จัดทา ยิงในทา ยนื ยงิ ดวยมอื ทถี่ นัดหลงั ทกี่ ําบงั ดานท่ถี นดั ใชสายตาขางมอื ที่จับปนยงิ เลง็
ศูนยป นใหชดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นัด
เมื่อยงิ เสรจ็ เลิกบรรจแุ ละบรรจกุ ระสนุ ชดุ ใหมจ ํานวน ๕ นดั หลังที่กําบัง
จดั ทายงิ ในทายนื ยงิ ดว ยมือที่ไมถ นัดหลังทีก่ ําบังดานทีไ่ มถนดั ยิงจาํ นวน ๕ นัด เม่ือยิงเสร็จเก็บปน
ใสซ อง รอฟง คําสง่ั ตอไป
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô เมอ่ื ครบกาํ หนด ๕ นาที ๔๕ วินาที ใหส ญั ญาณหยดุ ยงิ
พรอมกับหยุดเวลาและตรวจสอบ ถาเห็นวาผูย ิงปฏบิ ัติถกู ตอง สั่ง “เลกิ บรรจ”ุ
¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซองพรอมกาวเทาขวาไปดานหลังครึ่งกาว
เปดลูกโม เทปลอกกระสุนปน ปดลูกโม เก็บปนใสซอง ถามีกระสุนปนเหลือจากการยิงใหสงคืน
ผูควบคมุ ชอ งยิง
¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “ตรวจอาวธุ ”
¼ÂŒÙ Ô§ ชกั อาวธุ ปนออกจากซอง ตรวจอาวุธปน ตรวจดอู ุปกรณป น ทกุ ช้ิน
อยคู รบ ไมมีกระสนุ ปน หรอื ปลอกกระสนุ ปน อยูในลูกโม ตรวจเสร็จเก็บปน ใสซอง
๗.๒ วิธกี ารยงิ ประเภทปนพกกึ่งอตั โนมัติ
ข้นั ตอนท่ี ๑ ระยะ ๗ หลา ทายงิ ฉับพลนั ใชกระสุนปนจํานวน ๑๐ นัด
บรรจกุ ระสุนปน ใสซ องกระสนุ ปนซองละ ๕ นัด จาํ นวน ๒ ซอง ใชเ วลา ๒๐ วนิ าที
¼ŒÂÙ Ô§ ยนื รอฟง คาํ สงั่ ทแี่ นวยงิ ระยะ ๗ หลา อาวธุ ปน อยใู นซอง กระสนุ ปน
อยูในกระเปากางเกงดานขวาจํานวน ๕๐ นัด ซองกระสุนปนจํานวน ๒ ซอง พกติดเข็มขัดดานมือ
ที่ไมถ นัด
¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “ตรวจอาวธุ ”
¼ÂÙŒ Ô§ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ตรวจอาวธุ ปน ตามแบบฝก เมอ่ื เสรจ็ เกบ็ ปน
ใสซอง
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “บรรจกุ ระสนุ ปน ใสซ องกระสนุ ปน ซองละ ๕ นดั จาํ นวน
๒ ซอง”
¼ÂÙŒ §Ô ดึงซองกระสุนปน บรรจุกระสุนปน บรรจุเสร็จเก็บซองกระสุนปน
ใสซ อง
¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “บรรจุซองกระสุนปน ใสตัวปน ”
¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซอง บรรจุซองกระสุนปนใสตัวปนไมตองขึ้น
ลําเล่ือนปน เก็บปน ใสซ อง
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “ตอ ไปเปน การยงิ ทร่ี ะยะ ๗ หลา ในทา ฉบั พลนั กระสนุ ปน
จาํ นวน ๑๐ นดั ใชเ วลา ๒๐ วนิ าท”ี และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครงั้ สดุ ทา ยกอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ ม
ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครงั้ ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ให
๗๐
ผคู วบคมุ การยงิ ทราบและแกไ ขใหเ รยี บรอ ย เมอื่ ผคู วบคมุ การยงิ เหน็ วา เรยี บรอ ย กใ็ หส งั่ “เตรยี มตวั ระวงั ”
และใหส ัญญาณเร่ิมยิง (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสง่ั ) พรอ มกบั บนั ทกึ เวลา
¼ÂŒÙ §Ô เมอ่ื ไดร บั สญั ญาณเรม่ิ ยงิ กา วเทา ขา งทถ่ี นดั ถอยไปดา นหลงั ประมาณ
ครงึ่ กา ว ใชม อื ทถ่ี นดั ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ยกปน ขนึ้ ในระดบั สายตา ลาํ กลอ งปน ชไี้ ปยงั เปา ใชม อื
ที่ไมถนัดดึงลําเลื่อนปนเพื่อใหกระสุนเขารังเพลิง ใชมือท่ีไมถนัดชวยประคองปน ใหแขนขางที่ถนัด
เหยียดตึง สวนแขนขางที่ไมถนัดงอเล็กนอย ยืนท้ิงนํ้าหนักตัวไปดานหนา ใชสายตาขางมือท่ีจับปน
ยิงเล็งศูนยปนใหชัดเจน ยิงจํานวน ๒ ชุด ชุดละ ๕ นัด ภายในเวลา ๒๐ วินาที เมื่อยิงเสร็จปลด
ซองกระสุนปนออกจากตัวปน ดึงลําเล่ือนปนเพ่ือตรวจอาวุธปนวาไมมีกระสุนคางในลํากลองปน
ปลดลาํ เลื่อนปน ไปดานหนา ลดนกปน เก็บปน ใสซ อง รอฟง คําส่ังตอไป
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ เมื่อครบกําหนด ๒๐ วินาที ใหสัญญาณหยุดยิง
พรอ มกบั หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถาเห็นวา ผูยิงปฏบิ ตั ถิ ูกตอ ง สั่ง “ตรวจอาวุธ”
¼ÙÂŒ Ô§ ชักอาวุธปนออกจากซอง ตรวจอาวุธปนตามแบบฝก เมื่อเสร็จ
เกบ็ ปน ใสซ อง
¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่งั “ประจาํ ที่ ๖๐ หลา”
¼ÙŒÂÔ§ เดินไปทีร่ ะยะ ๖๐ หลา รอฟงคําส่งั ตอไป
ขั้นตอนท่ี ๒ มี ๓ ระยะ ๘ ทายิง ใชกระสุนปนจํานวน ๔๐ นัด
ซองกระสุนปนจาํ นวน ๑ ซอง ใชเวลา ๖ นาที ๔๕ วนิ าที
·èÕÃÐÂÐ öð ËÅÒ ทานอนยิงจาํ นวน ๕ นัด ยงิ เสร็จเคลือ่ นที่ไปท่รี ะยะ
๕๐ หลา
·ÕèÃÐÂÐ õð ËÅÒ ทา นง่ั ราบยิงจาํ นวน ๕ นัด ทา นอนยงิ จาํ นวน ๕ นัด
ทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทไ่ี มถ นดั หลงั ทก่ี าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั และในทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทถี่ นดั หลงั ทก่ี าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั
เคล่ือนท่ีไปท่ีระยะ ๒๕ หลา
·èÃÕ ÐÂÐ òõ ËÅÒ ทานงั่ คุกเขายงิ จาํ นวน ๕ นัด ทา ยืนยงิ ดว ยมือที่ถนัด
หลังที่กาํ บงั จาํ นวน ๕ นดั และในทา ยืนยิงดวยมอื ทีไ่ มถนดั หลังทกี่ ําบงั จํานวน ๕ นดั
¼ÙŒÂ§Ô ยนื รอฟง คาํ สง่ั ทแ่ี นวยงิ ระยะ ๖๐ หลา อาวธุ ปน อยใู นซอง กระสนุ ปน
อยูใ นกระเปา กางเกงดา นขวาจาํ นวน ๔๐ นัด ซองกระสุนปนพกติดเขม็ ขดั ดา นมอื ทไี่ มถนดั
¼¤ŒÙ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่งั “ตรวจอาวธุ ”
¼ÙŒÂÔ§ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ตรวจอาวธุ ปน ตามแบบฝก เมอื่ เสรจ็ เกบ็
ปน ใสซ อง
¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ ส่งั “บรรจกุ ระสุนปน ๕ นดั ใสซองกระสนุ ปน”
¼ŒÂÙ Ô§ ดงึ ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั ในซองกระสนุ ปน
เม่ือเสร็จเก็บซองกระสนุ ปนใสซอง
๗๑
¼¤ÙŒ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “บรรจซุ องกระสุนปนใสต ัวปน ”
¼ÙŒÂ§Ô ชักอาวธุ ปน ออกจากซอง บรรจุซองกระสุนปน ใสตัวปน ไมต องข้ึน
ลาํ เล่ือนปน เก็บปนใสซ อง
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “ตอ ไปเปน การยงิ ทรี่ ะยะ ๖๐ หลา ๕๐ หลา และ ๒๕ หลา
มี ๘ ทา ยงิ กระสนุ ปน จาํ นวน ๔๐ นดั ใชเ วลา ๖ นาที ๔๕ วนิ าท”ี และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครง้ั สดุ ทา ย
กอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครง้ั
ถาขดั ขอ งหรือไมพ รอ ม แจง ใหผ ูควบคมุ การยงิ ทราบและแกไ ขใหเ รียบรอ ย เม่ือผูค วบคุมการยงิ เห็นวา
เรียบรอ ย ก็ใหสั่ง “เตรียมตัว ระวัง” และใหส ัญญาณเร่มิ ยงิ (รวมเวลา ๕ วนิ าที ในการสัง่ ) พรอ มกับ
บันทึกเวลา
¼ŒÙÂÔ§ เมื่อไดรับสัญญาณเร่ิมยิงลดตัวลงในทาคุกเขาพรอมกับใชมือ
ที่ถนัดชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนข้ึนในระดับสายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา ใชมือที่ไมถนัดดึง
ลาํ เลอ่ื นปน ใชม อื ทไี่ มถ นดั เทา พน้ื ทรดุ ตวั ลงในทา นอนควาํ่ งอขาขา งทไี่ มถ นดั เลก็ นอ ย ใชม อื ทไี่ มถ นดั
ชว ยประคองปน แขนทง้ั สอขา งเหยยี ดตงึ ใชส ายตาขา งมอื ทจ่ี บั ปน ยงิ เลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั
ยงิ เสรจ็ ปลดซองกระสนุ ปน ปลดลาํ เลอ่ื นปน ไปดา นหนา ลดนกปน วางปน ลงดา นหนา บรรจกุ ระสนุ ชดุ ใหม
จาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน ลกุ ขนึ้ นง่ั คกุ เขา สงู บรรจซุ องกระสนุ ปน ใสต วั ปน ลกุ ขน้ึ ยนื เกบ็ ปน ใสซ อง
ใชม ือท่ีถนดั จับดา มปน พรอมเคลอ่ื นที่ไปที่ระยะ ๕๐ หลา
¼ÙŒÂÔ§ เคล่อื นที่ถงึ ระยะ ๕๐ หลา ดา นขวาท่กี าํ บัง ลดตวั ลงในทาน่งั ราบ
พรอมกับใชมือที่ถนัดชักอาวุธปนออกจากซอง ลํากลองปนช้ีไปยังเปา ใชมือท่ีไมถนัดดึงลําเลื่อนปน
ใชมือท่ีไมถนัดชวยประคองปน แขนทั้งสองขางเหยียดตึงวางอยูบนหัวเขา ใชสายตาขางมือท่ีจับปน
ยงิ เลง็ ศนู ยป นใหช ดั เจน ยิงจาํ นวน ๕ นดั
เม่อื ยงิ เสร็จใหปลดซองกระสนุ ปน วางปนไวด า นหนา ใชม อื ขวาเทา พนื้
หมนุ ตวั ลงในทา นอนควา่ํ นอนบรรจกุ ระสนุ ปน ในทา นอนตะแคงจาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน และบรรจุ
ซองกระสนุ ปน ใสต วั ปน ปลดลาํ เลอื่ นปน ยงิ ในทา นอน ใชส ายตาขา งมอื ทจี่ บั ปน ยงิ เลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน
ยงิ จํานวน ๕ นดั
เม่อื ยงิ เสรจ็ ลุกขน้ึ ยนื ปลดซองกระสนุ ปน เกบ็ ปน ใสซอง อาวุธปน ยงั อยู
ในลกั ษณะคา งลาํ เล่ือนปน บรรจกุ ระสนุ ปนจาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสุนปน ชกั อาวุธปนออกจากซอง
บรรจุซองกระสนุ ปนใสต วั ปน ปลดลาํ เล่ือนปนไปดา นหนา จดั ทา ทางในทา ยนื ยงิ หลงั ทกี่ ําบงั ดานท่ีไมถนดั
ดวยมือท่ีไมถนัด โดยมือท่ีไมถนัดจับปนเหยียดออกไปขางที่กําบังดานท่ีไมถนัด มือถนัดชวยประคองปน
กาวเทาขางท่ีถนัดไปดานหนาประมาณคร่ึงกาว ลําตัวตั้งตรง ใชสายตาขางมือที่จับปนยิงเล็งศูนยปน
ใหชัดเจน ยิงจํานวน ๕ นัด
เม่ือยิงเสร็จปลดซองกระสนุ ปน เกบ็ ปน ใสซอง อาวุธปนยังอยูในลักษณะ
คางลําเล่ือนปน บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด ใสซองกระสุนปน ชักอาวุธปนออกจากซองปน
บรรจซุ องกระสนุ ปน ใสต วั ปน ปลดลาํ เลอ่ื นปน ไปดา นหนา จดั ทา ทางในทา ยนื ยงิ หลงั ทกี่ าํ บงั ดา นทถี่ นดั
๗๒
ดวยมือที่ถนัด โดยมือท่ีถนัดจับปนเหยียดออกไปขางท่ีกําบังดานที่ถนัด มือไมถนัดชวยประคองปน
กาวเทาขางที่ไมถนัดไปดานหนาประมาณครึ่งกาว ลําตัวตั้งตรง ใชสายตาขางมือท่ีจับปนยิงเล็ง
ศนู ยป นใหชดั เจน ยงิ จํานวน ๕ นัด
เม่ือยิงเสร็จปลดซองกระสุนปน ปลดลําเล่ือนปนไปดานหนา ลดนกปน
เก็บปนใสซอง บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด ใสซองกระสุนปน ชักอาวุธปนออกจากซอง
บรรจุซองกระสุนปน ใสตวั ปน เกบ็ ปน ใสซ อง ใชมือทถ่ี นดั จับดา มปนเคล่อื นท่ีไปท่รี ะยะ ๒๕ หลา
¼ÙŒÂÔ§ เคล่อื นทีถ่ ึงระยะ ๒๕ หลา ดา นขวาที่กาํ บงั ลดตวั ลงในทาคุกเขา
ขางที่ถนัดลงกับพ้ืน กาวเทาขางที่ไมถนัดไปดานหนาประมาณครึ่งกาว พรอมกับใชมือท่ีถนัดชัก
อาวุธปนออกจากซอง ลํากลองปนช้ีไปยังเปา ใชมือท่ีไมถนัดดึงลําเลื่อนปน ใชมือที่ไมถนัดชวย
ประคองปน ใชสายตาขา งมอื ทจ่ี บั ปน ยงิ เล็งศนู ยป น ใหชดั เจน ยงิ จํานวน ๕ นัด
เมื่อยิงเสร็จลุกข้ึนยืนปลดซองกระสุนปน เก็บปนใสซอง อาวุธปนยังอยู
ในลกั ษณะคา งลาํ เลื่อนปน และบรรจกุ ระสุนจํานวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน หลงั ที่กําบังชกั อาวุธปน
ออกจากซอง บรรจุซองกระสนุ ปน ใสตวั ปน ปลดลาํ เลื่อนปน ไปดานหนา จดั ทา ยงิ ในทายืนยงิ ดว ยมอื
ทีถ่ นัดหลงั ทก่ี าํ บังดานทีถ่ นดั ใชส ายตาขางมือท่จี บั ปน ยิงเล็งศูนยป นใหช ดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั
เมือ่ ยิงเสร็จปลดซองกระสนุ ปน เก็บปนใสซ อง อาวุธปนยังอยใู นลักษณะ
คา งลาํ เลอื่ นปน และบรรจกุ ระสนุ จาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน หลงั ทกี่ าํ บงั ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง
บรรจซุ องกระสนุ ปน ใสต วั ปน ปลดลาํ เลอื่ นปน ไปดา นหนา จดั ทา ยงิ ในทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทไ่ี มถ นดั หลงั ที่
กําบังดานท่ีไมถนดั ใชส ายตาขา งมือทจ่ี ับปนยงิ เลง็ ศนู ยปน ใหช ัดเจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั
เม่ือยงิ เสร็จปลดซองกระสุนปน เกบ็ ปน ใสซอง รอฟงคําสัง่ ตอไป
ผคู วบคุมการยิง เมือ่ ครบกําหนด ๖ นาที ๔๕ วินาที ใหส ญั ญาณหยุดยิง
พรอ มกบั หยุดเวลาและตรวจสอบ ถาเหน็ วาผูย งิ ปฏบิ ตั ิถกู ตอง สัง่ “ตรวจอาวธุ ”
¼ÂŒÙ §Ô ตรวจอาวุธปน ตรวจดูอุปกรณปนทุกช้ินอยูครบ ไมมีกระสุนปน
หรือปลอกกระสุนปน อยูใ นลาํ กลอ งปน รวมทงั้ ซองกระสนุ ปนทใ่ี ชทุกซอง เสร็จแลว เก็บปน ใสซ อง
¢ŒÍ ø กฎการยงิ ปน พกตอสูแบบ พี.พี.ซ.ี
๘.๑ กอ นยงิ จะตอ งเขยี นยศ ช่ือตวั ช่ือสกุล สงั กดั และรายละเอยี ดอ่ืน ๆ ตาม
ทก่ี ําหนดลงบนแผน เปา กรณีฝา ฝนถอื เปนโมฆะ
๘.๒ หามทําตําหนิ จุดเล็ง หรือเครื่องหมายใด ๆ บนแผนเปา กรณีฝาฝน
ถอื เปน โมฆะ
๘.๓ สาํ หรบั ผทู จ่ี ะใชอ าวธุ ปน พกกง่ึ อตั โนมตั ยิ งิ ในหลกั สตู ร พ.ี พ.ี ซ.ี จะตอ งผา น
การยงิ ปน พกลูกโมในหลกั สูตร พี.พี.ซี. มากอน โดยมคี ะแนนไมต าํ่ กวา ๑๔๙ คะแนน
๘.๔ หา มผูยิงบรรจุกระสนุ ปน กอนที่จะไดรับคําสงั่ ใหบ รรจุ
๘.๕ หา มยงิ กอ นคาํ สง่ั หรอื สญั ญาณเรม่ิ ยงิ หรอื ยงิ หลงั คาํ สง่ั หรอื สญั ญาณหยดุ ยงิ
หากฝา ฝน ใหตดั คะแนนสูงสุดในชดุ ยงิ น้ันตามจาํ นวนนัดทไี่ ดย ิงไป
๗๓
๘.๖ ใหย งิ ตามลาํ ดบั ทา ทก่ี าํ หนดไว ถา ขา มลาํ ดบั ทา ไปแลว จะยอ นกลบั มายงิ ทา ท่ี
ขา มไปไมได ฝา ฝนตดั ๒๕ คะแนน
๘.๗ ยิงทาท่ไี มไดกําหนดไวใ นแบบ พี.พี.ซ.ี ตัดทาละ ๒๕ คะแนน
๘.๘ ผูท่ีปฏบิ ตั ิผดิ ไปจากทาทางท่กี าํ หนดไวทาใด จะตอ งยอ นกลบั ไปทําทา นน้ั
ใหถูกตอ ง จึงจะเคล่ือนที่ตอไปได
๘.๙ อนญุ าตใหน าํ กระสนุ เขา ยงิ ครง้ั ละ ๕๐ นดั เทา นน้ั ฝา ฝน การทดสอบชดุ นน้ั
เปน โมฆะ
๘.๑๐ กรณีกระสนุ ขาดหายขณะยงิ จะขอเพ่ิมไมไ ด
๘.๑๑ หามบรรจกุ ระสนุ เกนิ กวาครั้งละ ๕ นดั ฝา ฝน ตดั ๓๐ คะแนน
๘.๑๒ ที่ระยะ ๗ หลา และ ๒๕ หลา ใหย ิงแบบไมงางนก หากฝา ฝน ตัดนัดละ
๕ คะแนน
๘.๑๓ ในระหวา งยงิ หากเกดิ เหตขุ ดั ขอ งทาํ ใหเ สยี เวลาในการยงิ ตามกาํ หนดเวลา
ซึง่ มิใชเ กดิ จากความบกพรองของผยู งิ เชน กระสุนปน ดา น ปนขดั ลํา เปน ตน
๘.๑๓.๑ ปนพกลูกโม หากพบวากระสุนปนดานใหผูควบคุม
การยงิ ส่ังใหผ ูยิงยิงแกไ ข โดยใหเ ฉลยี่ เวลาตามระยะการยิงและตามจาํ นวนกระสนุ ปนนัดที่ดาน
๘.๑๓.๒ ปน พกกงึ่ อตั โนมตั ิ หากพบวา กระสนุ ปน ดา นและมกี ระสนุ ปน
ท่ีไมไดยิง ใหผูควบคุมการยิงส่ังใหผูยิงยิงแกไข โดยใหเฉล่ียเวลาตามระยะการยิงและตามจํานวน
กระสนุ ปน นดั ทด่ี านและไมไดยงิ
๘.๑๓.๓ กระสนุ ปน ดา นหรอื ชาํ รดุ จะเปลย่ี นใหใ หม และชดเชยเวลาให
๘.๑๓.๓.๑ ทรี่ ะยะ ๗ หลา ชดเชยนดั ละ ๑ วนิ าที
๘.๑๓.๓.๒ ท่รี ะยะอ่นื ๆ ชดเชยใหนดั ละ ๑๕ วนิ าที
(กระสุนปนดานจะตองใหเจาหนาที่ทดลองยิงดวยปน
กระบอกอนื่ อีก ๑ ครงั้ ถา ดา นจริงจงึ จะชดเชยให)
๘.๑๔ ผทู ยี่ งิ ได ๒๕๐ คะแนนเตม็ หรอื ไดร อ ยเปอรเ ซน็ ต จะตอ งยงิ เขา บรเิ วณพน้ื ที่
๕ คะแนน ทง้ั ๕๐ นัด และรอยกระสุนปนทป่ี รากฏบนเปา จะตองสามารถมองเหน็ ไดช ดั เจน และจะ
ตองไมม กี ารตอเวลาเนือ่ งจากกรณกี ระสนุ ปนดานหรอื ชํารดุ หรืออาวุธปน ขดั ขอ งหรอื ชาํ รดุ
¢ŒÍ ù การนับคะแนน
๙.๑ เปา หนุ เงาคนมตี าํ แหนง บรเิ วณคา ของคะแนน๕คะแนน๔คะแนน๓คะแนน
๒ คะแนน และ ๐ คะแนน การนบั คะแนนใหถ ือตามคะแนนท่รี อยกระสุนปนปรากฏอยใู นเปา โดยมี
คะแนนเต็ม ๒๕๐ คะแนน หากนับคะแนนไดเทา ใด ใหคูณดว ย .๔ ผลท่ีไดมเี ศษตั้งแต .๖ ใหป ด เปน ๑
๙.๒ การนับคะแนนใหนับคะแนนตามเสนเขตที่แบงไวในเปา รอยกระสุนปน
ตองตดั เสนแบง เขตเปาขาดใหถ อื คา ตามบริเวณคะแนนท่ีสงู กวา
๗๔
๙.๓ หามใชอุปกรณอยางใดอยางหน่ึงแตะตองหรือสัมผัสรอยกระสุนปน
บนแผนเปา ตรวจสอบพบถือเปนโมฆะ
๙.๔ กรณีรอยกระสนุ ปนเกนิ อยูในเปา
๙.๔.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามีรอย
กระสุนปนในเปาของทางซายหรือขวาไมครบ ใหตัดคะแนนของรอยกระสุนปนท่ีไดคะแนนต่ําสุด
ที่ปรากฏในเปา ที่เกินออกไป
๙.๔.๒ ถาตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวาแลว
ปรากฏวามีรอยกระสุนปนของเปาทางซายและขวาครบ ใหถือวาเปาน้ันเปนโมฆะเนื่องจากจํานวน
กระสนุ ปน เกินกวา ทีก่ าํ หนด
¢ÍŒ ñð เครอื่ งหมายแมนปนมี ๒ ประเภท แตละประเภทมี ๒ ชั้น คอื
๑๐.๑ ประเภทปนพกลกู โม
๑๐.๑.๑ เครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั พ.ี พ.ี ซ.ี ๑๐๐คะแนนเปน รปู ดาวแปดแฉก
สที องขนาดเสน ผา ศนู ยก ลาง๓.๕เซนตเิ มตรหนา๐.๑๕เซนตเิ มตรตรงกลางเปน รปู เปา หนุ เงาคนลงยาสดี าํ
และมรี ูปปน พกลูกโมสีเงิน ๒ กระบอกไขวทบั สวนลา งของเปาหนุ เงาคนเปนภาพแพรแถบโคง ตามวง
สว นลาง และมีอักษร “พ.ี พ.ี ซี. ๑๐๐ คะแนน” จารึกบนภาพแพรแถบ
๑๐.๑.๒ เครอ่ื งหมายแมน ปน ชนั้ คณุ วฒุ ิ พ.ี พ.ี ซ.ี มลี กั ษณะเชน เดยี วกบั
เครอ่ื งหมายแมน ปน ชนั้ พ.ี พ.ี ซ.ี ๑๐๐ คะแนน แตกตา งกนั ทเ่ี ครอ่ื งหมายทาํ ดว ยโลหะเปน รปู ดาวแปดแฉก
สีเงนิ รปู ปน พกลูกโม ๒ กระบอก เปนสีทอง มอี ักษร “คณุ วุฒิ พ.ี พี.ซี.” จารึกอยูบ นภาพแพรแถบ
๑๐.๒ ประเภทปนพกกง่ึ อตั โนมัติ
มีลักษณะเชน เดยี วกบั เคร่อื งหมายแมน ปน ประเภทปน พกลกู โม แตกตา ง
ทรี่ ปู ปนเปนปน พกกึ่งอตั โนมัติ
ลกั ษณะเครือ่ งหมายแมน ปน แตละประเภทตามแบบทายบทนี้
¢ŒÍ ññ การเทยี บวุฒิ
๑๑.๑ ไดคะแนน ๒๕๐ คะแนน หรือ ๑๐๐ เปอรเซ็นต ไดเครอ่ื งหมายแมน ปน
ชน้ั พ.ี พ.ี ซี. ๑๐๐ คะแนน
๑๑.๒ ไดคะแนน ๑๔๙ - ๒๔๙ คะแนน หรือ ๕๙.๖ - ๙๙.๖ เปอรเซ็นต
ไดเ ครอ่ื งหมายแมนปนชน้ั คณุ วุฒิ พ.ี พ.ี ซ.ี
๗๕
ÀÒ¾à¤ÃÍ×è §ËÁÒÂáÁ‹¹»„¹ ËÅÑ¡Êμ٠áÒÃÂÔ§»„¹¾¡μÍ‹ ÊáÙŒ ºº ¾.Õ ¾.Õ «.Õ
»ÃÐàÀ·»¹„ ¾¡ÅÙ¡âÁ‹
เครื่องหมายแมนปน ชั้น พี.พี.ซ.ี ๑๐๐ คะแนน เปน เครอ่ื งหมายสที อง
เคร่อื งหมายแมนปนชนั้ คณุ วฒุ ิ พ.ี พี.ซี.
๗๖
ÀÒ¾à¤ÃèÍ× §ËÁÒÂáÁ¹‹ »¹„ ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂÔ§»¹„ ¾¡μÍ‹ ÊٌẺ ¾.Õ ¾.Õ «.Õ
»ÃÐàÀ·»„¹¾¡¡§èÖ ÍÑμâ¹ÁμÑ Ô
เคร่อื งหมายแมน ปนชัน้ พี.พ.ี ซี. ๑๐๐ คะแนน เปนเครือ่ งหมายสีทอง
เครอ่ื งหมายแมนปน ชั้นคณุ วุฒิ พี.พี.ซี.
๗๗
ÀÒ¾Å¡Ñ É³Ðà»Ò‡ ˹؋ à§Ò¤¹ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒÃÂ§Ô »„¹¾¡μÍ‹ ÊŒÙẺ ¾Õ.¾Õ.«Õ.
๗๘
ÅѡɳзèÕ õø
Ãкº¡ÒÃÂÔ§»„¹¢Í§สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨá˧‹ ªÒμÔ
_____________
º··èÕ ù
ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒý¡ƒ ÂÔ§»„¹¾¡¡§Öè ÍÑμâ¹ÁμÑ ¢Ô ¹éÑ ¾é×¹°Ò¹
_____________
หลักสูตรการฝกยิงปนพกกึ่งอัตโนมัติข้ันพ้ืนฐานเปนหลักสูตรการฝกทักษะการยิงปน
สําหรับผูใชอาวุธปนพกก่ึงอัตโนมัติในการปฏิบัติหนาท่ี ผูรับการฝกมีความจําเปนท่ีจะตองเรียนรู
การใชป น พกกงึ่ อตั โนมตั ใิ หเ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ซง่ึ ทาํ ใหส ามารถแกไ ขปญ หาไดอ ยา งรวดเรว็ ถกู ตอ ง
มคี วามปลอดภยั ท้ังผูยิง ผูรวมงาน และประชาชน มหี ลกั เกณฑและข้นั ตอนการฝก ดังน้ี
¢ÍŒ ñ อาวุธปน
ปน พกกง่ึ อัตโนมัติ ขนาด ๙ มลิ ลเิ มตร ๑๐ มิลลิเมตร หรอื ๑๑ มลิ ลิเมตร มคี วามยาว
ลาํ กลอ งปน ไมเกิน ๕.๕ น้ิว พรอมซองกระสนุ ปนจาํ นวน ๒ ซอง
อาวุธปนทุกประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผูผลิต ลํากลองปนไมมีการเจาะรู
เพื่อลดแรงสะบดั ไมติดต้ังเคร่อื งชวยเลง็ หรืออุปกรณเ สรมิ ใด ๆ
¢ÍŒ ò กระสนุ ปน
กระสนุ ปน ขนาด ๙ มลิ ลเิ มตร ๑๐ มลิ ลเิ มตร หรือ ๑๑ มลิ ลเิ มตร จาํ นวน ๒๐๐ นดั
¢ÍŒ ó ซองปนและซองใสซ องกระสนุ ปน
ซองปนชนิดพกนอกหุมโกรงไกปน สําหรับใชกับเคร่ืองแบบคาดติดเข็มขัด หามใช
ซองปน คาดต่ํากวาแนวเข็มขดั ชนดิ ผูกติดขา ซองเปลือย หรือมองเห็นลาํ กลอ งปน
ซองใสซองกระสนุ ปนเปนซองคู สาํ หรับใสซองกระสุนปนสํารอง
¢ÍŒ ô เปา ปน
๔.๑ เปา หนุ เงาคน จาํ นวน ๑ แผน มรี ปู รา งลกั ษณะคลา ยคนครง่ึ ตวั มคี วามสงู
ต้งั แตศรี ษะถึงเอว ๒๗ น้วิ มีความกวา งต้งั แตแ ขนขวาถงึ แขนซา ย ๒๔ น้ิว แขนขวาของเปา หุนทาํ ทา
ชกั ปน แขนซา ยปลอยหอ ย บรเิ วณกลางลาํ ตัวมีวงกลมซอนกัน ๓ วง วงในสดุ มตี วั อกั ษร X มีเสน
ผาศูนยกลาง ๑.๕ น้ิว วงกลางมีเสนผาศูนยกลาง ๓.๕ น้ิว วงนอกสุดมีเสนผาศูนยกลาง ๖ นิ้ว
มพี น้ื ทอ่ี กั ษร ต มคี า คะแนน ๑๐ คะแนน และบรเิ วณนอกลาํ ตวั มพี นื้ ทอี่ กั ษร พ มคี า คะแนน ๕ คะแนน
พื้นทที่ งั้ สองมเี สนแบง คะแนน ใชสําหรบั ข้ันตอนการยงิ เปา หุนเงาคน
๗๙
๔.๒ เปา วงกลมมีเสน ผาศนู ยกลาง ๓ น้วิ
ลักษณะของเปา ปนตาม ๔.๑ และ ๔.๒ ตามแบบทา ยบทนี้
¢ÍŒ õ ลกั ษณะของสนาม
สนามตองมีระยะยิงอยางนอย ๒๐ เมตร แตละชองยิงหางกันไมนอยกวา ๔ เมตร
มีการกําหนดระยะยงิ ท่ี ๒๐ เมตร ๑๕ เมตร ๑๐ เมตร ๗ เมตร ๕ เมตร และ ๓ เมตร
¢ŒÍ ö ข้นั ตอนการฝกและวธิ กี ารยิง
การยงิ ปนพกชนดิ กง่ึ อตั โนมัติ แบงเปน ๒ ภาค
๖.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใชอาวุธปน
การจับปน การเล็ง การลั่นไก การชักอาวุธปน การบรรจุกระสุนปนหรือการเปล่ียนซองกระสุนปน
การเลกิ บรรจุ การแกไขปญ หาขอ ขัดของ กฎ กติกา และวธิ ีการยิง ใชเ วลาไมน อยกวา ๑๖ ช่ัวโมง
๖.๒ ภาคปฏิบัติ เปนการยิงปนโดยการใชกระสุนปน ใชเวลาฝกไมนอยกวา
๒๔ ช่ัวโมง แบงการยิงออกเปน ๗ ข้ันตอน การยิงแตละข้ันตอนเม่ือไดรับสัญญาณเร่ิมยิงหรือ
หลังจากชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนข้ึนในระดับสายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา มือที่จับปน
ดนั มอื ไปดา นหนา มอื ทปี่ ระคองปน ดงึ ปน เขา หาตวั แขนทง้ั สองขา งเหยยี ดตงึ ปลดหา มไก เลง็ ศนู ยป น
ใหช ดั เจน แลวยิงหรอื ปฏิบัติตามข้นั ตอนตอ ไป การปฏิบตั ิแตละขั้นตอน ดังน้ี
ขน้ั ตอนที่ ๑ ยงิ เปาวงกลม กระสนุ ปน จาํ นวน ๓๐ นดั
๑. ผูยิงยืนท่ีระยะ ๓ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉยี งลงตาํ่ ทาํ มมุ ๔๕ องศา กบั ลาํ ตวั ผยู งิ ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจุ
กระสุนพรอมยงิ หามไก เมื่อไดร บั สญั ญาณเริม่ ยิงใหปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๑ นดั ภายในเวลา
๑ นาที เม่อื ยิงเสร็จ หามไก ถอื อาวธุ ปน เฉยี งลงต่าํ ถอื เปนการยิง ๑ ครั้ง ยงิ จํานวน ๕ ครั้ง
๒. ผูยิงยืนที่ระยะ ๕ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงต่ํา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก
เมื่อไดรับสัญญาณเร่ิมยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๑ นาที เมื่อยิงเสร็จ
หา มไก ถืออาวธุ ปน เฉยี งลงตํ่า ถือเปน การยงิ ๑ คร้งั ยิงจํานวน ๕ คร้ัง
๓. ผูยิงยืนท่ีระยะ ๗ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงต่ํา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก
เมื่อไดรับสัญญาณเริ่มยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๑ นาที เมื่อยิงเสร็จ
หา มไก ถืออาวุธปนเฉยี งลงต่ํา ถอื เปนการยิง ๑ ครง้ั ยิงจํานวน ๕ ครง้ั
๔. ผูยิงยืนที่ระยะ ๗ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงต่ํา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง
หามไก เมื่อไดรับสัญญาณเร่ิมยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๓๐ วินาที
เมอ่ื ยงิ เสร็จหามไก ถืออาวุธปน เฉียงลงต่ํา ถือเปน การยิง ๑ ครัง้ ยงิ จาํ นวน ๕ คร้ัง
๘๐
๕. ผูยิงยืนที่ระยะ ๑๐ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงตํ่า ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง
หามไกเม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๑ นาที
เมอ่ื ยงิ เสร็จหา มไก ถอื อาวุธปน เฉยี งลงตํ่า ถอื เปนการยงิ ๑ คร้งั ยงิ จํานวน ๕ คร้ัง
๖. ผูยิงยืนที่ระยะ ๑๐ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงตํ่า ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก
เมอ่ื ไดร บั สัญญาณเร่ิมยงิ ใหป ฏิบตั ิตาม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นดั ภายในเวลา ๓๐ วนิ าที เม่อื ยงิ เสร็จ
หา มไก ถอื อาวุธปนเฉียงลงต่ํา ถือเปน การยงิ ๑ ครง้ั ยิงจาํ นวน ๕ ครงั้
ขน้ั ตอนท่ี ๒ ยงิ เปาหุนเงาคน กระสุนปน จาํ นวน ๓๐ นัด
๑. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๕ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยงิ หา มไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอื่ ไดร บั สญั ญาณ
เรมิ่ ยงิ ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๓ วนิ าที เมื่อยงิ เสรจ็
หามไก เกบ็ ปน ใสซอง ถอื เปนการยิง ๑ ครง้ั ยงิ จาํ นวน ๕ คร้งั
๒. ผยู งิ ยนื ทรี่ ะยะ ๕ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยงิ หา มไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอ่ื ไดร บั สญั ญาณ
เรม่ิ ยงิ ชกั อาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยงิ จํานวน ๑ นดั ภายในเวลา ๒ วินาที เม่ือยิงเสรจ็
หา มไก เก็บปน ใสซอง ถือเปนการยิง ๑ ครงั้ ยิงจาํ นวน ๕ คร้งั
๓. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๕ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อไดรับ
สญั ญาณเรมิ่ ยงิ ชกั อาวุธปนออกจากซอง ปฏิบตั ติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นดั ภายในเวลา ๑.๕ วนิ าที
เมื่อยิงเสร็จหา มไก เกบ็ ปน ใสซอง ถอื เปน การยิง ๑ ครัง้ ยิงจาํ นวน ๕ ครง้ั
๔. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจุกระสุนปน จาํ นวน ๕ นัด อาวธุ ปน บรรจุกระสุนพรอมยิง หา มไก เก็บปนใสซอง เมือ่ ไดร ับ
สญั ญาณเริม่ ยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏิบตั ิตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นดั ภายในเวลา ๓ วนิ าที
เม่อื ยิงเสรจ็ หามไก เก็บปนใสซอง ถอื เปนการยงิ ๑ ครง้ั ยงิ จํานวน ๕ ครงั้
๕. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยงิ หา มไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอ่ื ไดร บั สญั ญาณ
เรม่ิ ยิง ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยงิ จํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๒ วนิ าที เมือ่ ยงิ เสร็จ
หามไก เก็บปนใสซ อง ถอื เปนการยงิ ๑ ครง้ั ยงิ จํานวน ๕ ครัง้
๖. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อไดรับ
สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นดั ภายในเวลา ๑.๕ วนิ าที
เมือ่ ยงิ เสรจ็ หามไก เก็บปน ใสซ อง ถอื เปน การยงิ ๑ คร้ัง ยิงจาํ นวน ๕ ครง้ั
๘๑
ขั้นตอนท่ี ๓ ยิงเปาหุนเงาคน ท่รี ะยะ ๗ เมตร กระสุนปนจาํ นวน ๔๐ นดั
๑. ผูยิงยืนในทาพรอมตอสูดวยมือเปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปน
ซองละ ๑ นัด จาํ นวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เกบ็ ปน ใสซอง ซองกระสนุ ปน
สํารองอยูในซองใสซองกระสุนปนติดอยูขางลําตัวผูยิง เม่ือไดรับสัญญาณเร่ิมยิง ชักอาวุธปนออก
จากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด แลว เปลีย่ นซองกระสนุ ปน ยงิ อกี ๑ นดั เปน การยิงแบบ
ตอ เนื่อง หามไก เกบ็ ปน ใสซอง ถือเปนการยงิ ๑ คร้งั ยงิ จาํ นวน ๑๐ คร้งั
๒. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
ชนดิ ฝก ซอ มจาํ นวน ๑ นดั และกระสนุ ปน จรงิ จาํ นวน ๑ นดั เมอ่ื บรรจกุ ระสนุ ปน ใสต วั ปน ใชก ระสนุ ปน
ชนิดฝกซอมบรรจุใสเขารังเพลิง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อได
รับสัญญาณเร่ิมยิงชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงลักษณะการแกไขเหตุติดขัดของ
อาวุธปนในกรณกี ระสุนปน ดา น แลวยงิ จาํ นวน ๑ นัด หามไก เก็บปน ใสซ อง ถือเปนการยิง ๑ ครงั้
ยิงจาํ นวน ๑๐ ครง้ั
๓. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
จํานวน ๑ นัด อาวุธปนข้ึนลําเล่ือนปนแตไมไดบรรจุกระสุนปนเขารังเพลิง หามไก เม่ืออาวุธปน
ข้ึนลําเลื่อนปนเรียบรอยจึงบรรจุซองกระสุนปนใสตัวปน เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเร่ิมยิง
ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยงิ ลกั ษณะการแกไ ขเหตตุ ดิ ขดั ของอาวธุ ปน ในกรณกี ระสนุ
ปน ไมบรรจุเขารงั เพลิง แลวยงิ จํานวน ๑ นัด หา มไก เก็บปน ใสซ อง ถือเปนการยิง ๑ ครง้ั ยิงจํานวน
๑๐ ครัง้
ขั้นตอนที่ ๔ ยิงเปาหุน เงาคน ทร่ี ะยะ ๗ เมตร กระสนุ ปนจาํ นวน ๒๐ นัด
๑. ผยู งิ ยนื หนั ดา นขวาเขา หาเปา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน
๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยิง หามไก เก็บปน ใสซอง เมื่อไดร บั สัญญาณเริม่ ยิงใหท ําขวาหัน
หันหนาเขาหาเปา ชกั อาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ัติตาม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นัด เมื่อยิงเสร็จหามไก
เกบ็ ปน ใสซอง ถอื เปนการยิง ๑ คร้ัง ยงิ จํานวน ๕ คร้งั
๒. ผยู งิ ยนื หนั ดา นซา ยเขา หาเปา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน
๕ นัด อาวธุ ปน บรรจุกระสนุ พรอ มยิง หามไก เกบ็ ปนใสซอง เมอื่ ไดร บั สญั ญาณเร่มิ ยิงใหท าํ ซายหัน
หันหนา เขา หาเปา ชกั อาวธุ ปนออกจากซอง ปฏิบตั ติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด เม่อื ยิงเสร็จหามไก
เกบ็ ปน ใสซ อง ถอื เปน การยิง ๑ ครงั้ ยิงจํานวน ๕ ครัง้
๓. ผูยิงยืนหันหลังเขาหาเปา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน
๕ นดั อาวุธปนบรรจกุ ระสุนพรอ มยิง หามไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอื่ ไดร บั สัญญาณเรม่ิ ยงิ ใหท าํ กลบั
หลงั หนั ทางขวา หนั หนาเขาหาเปา ชกั อาวธุ ปนออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๑ นดั
เม่อื ยิงเสรจ็ หา มไก เก็บปน ใสซ อง ถอื เปนการยิง ๑ ครงั้ ยิงจํานวน ๕ ครง้ั
๘๒
๔. ผูยิงยืนหันหลังเขาหาเปา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน
๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิงใหทํา
กลับหลังหันทางซาย หันหนา เขาหาเปา ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏิบตั ิตาม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๑ นัด
เมอ่ื ยิงเสร็จหามไกเกบ็ ปน ใสซอง ถือเปนการยงิ ๑ ครงั้ ยิงจาํ นวน ๕ คร้ัง
ขัน้ ตอนที่ ๕ ยงิ เปา หนุ เงาคน ทร่ี ะยะ ๑๐ เมตร กระสุนปน จาํ นวน ๒๐ นัด
๑. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
จํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณ
เร่ิมยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนขึ้น ลํากลองปนช้ีไปยังเปา พรอมกาวเทาไปดานหนา
แลวนั่งลง มือที่จับปนดันปนไปทางเปา มือท่ีประคองปนดึงปนเขาหาตัว แขนท้ังสองขางเหยียดตึง
ปลดหามไก ใชสายตาเล็งศูนยปนใหชัดเจน ยิงจํานวน ๑ นัด เมื่อยิงเสร็จ หามไก เก็บปนใสซอง
ลกุ ขึน้ ยนื ถอื เปน การยงิ ๑ ครง้ั ยงิ จาํ นวน ๕ ครงั้
๒. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจุกระสุนพรอ มยิง หา มไก เกบ็ ปนใสซ อง เมือ่ ไดรับสัญญาณเริม่ ยงิ
ชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนขึ้น ลํากลองปนชี้ไปยังเปา พรอมกาวเทาไปดานหลัง แลวน่ังลง
มอื ทจ่ี บั ปน ดันปน ไปทางเปา มอื ท่ปี ระคองปนดงึ ปนเขา หาตัว แขนทง้ั สองขางเหยยี ดตึง ปลดหามไก
ใชสายตาเล็งศูนยปนใหชัดเจน ยิงจํานวน ๑ นัด เมื่อยิงเสร็จ หามไก เก็บปนใสซอง ลุกข้ึนยืน
ถอื เปน การยงิ ๑ คร้งั ยงิ จํานวน ๕ ครง้ั
๓. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
จํานวน ๑๐ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิง
ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด แลวนั่งลง ยิงอกี ๑ นัด เปน การยิงแบบ
ตอเนือ่ ง เมือ่ ยิงเสรจ็ หามไก เกบ็ ปนใสซอง ลกุ ขน้ึ ยืน ถือเปน การยิง ๑ ครัง้ ยงิ จาํ นวน ๕ คร้ัง
ขน้ั ตอนท่ี ๖ การฝก เดนิ ยงิ ทร่ี ะยะ ๑๕ เมตร ถงึ ๓ เมตร ยงิ เปา หนุ เงาคน
กระสนุ ปน จํานวน ๒๐ นัด
¼ŒÂÙ Ô§ ยนื ทีร่ ะยะ ๑๕ เมตร ซองกระสุนปนบรรจกุ ระสนุ ปนซองละ ๑๐ นัด
จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เกบ็ ปนใสซ อง เมือ่ ไดร ับสญั ญาณเร่ิมยงิ
ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏิบัติตาม ๖.๒ พรอ มเดนิ เขา หาเปา ยิงตามคาํ ส่งั จากระยะ ๑๕ เมตร
จนถงึ ๓ เมตร โดยผูควบคุมการยิงอยดู า นหลังผูย งิ การส่ังยงิ ใหส ัง่ ยิงคร้งั ละ ๑ นดั สามารถส่ังยิงได
หลายครั้งตามแตผคู วบคุมการยงิ กาํ หนดจนครบจํานวน ๒๐ นดั
ขั้นตอนที่ ๗ ใชเปา วงกลม กระสนุ ปน จาํ นวน ๒๐ นัด
¼ÙŒÂÔ§ ยืนที่ระยะ ๗ เมตร ในทาพรอมตอสูดวยมือเปลา ซองกระสุนปน
บรรจุกระสุนปนซองละ ๑๐ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปน
ใสซอง เมื่อไดรับสัญญาณเริ่มยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๒ นัด
เม่อื ยิงเสร็จหา มไก เก็บปนใสซอง ถือเปน การยิง ๑ คร้ัง ยงิ จํานวน ๑๐ ครง้ั
๘๓
¢ŒÍ ÷ การประเมนิ ผลการฝก
แบงการประเมินผลเปน ๘ สถานี ใชกระสุนปนจํานวน ๒๐ นัด เปาหุนเงาคน
ผรู ับการประเมนิ ผลการฝกตองมีเกณฑผ านรอ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป มดี งั น้ี
สถานีที่ ๑
¼ÙŒÂÔ§ ยนื ทีร่ ะยะ ๓ เมตร ในทา พรอ มตอ สูดว ยมือเปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสนุ ปน
จํานวน ๒ นัด อาวุธปนไมบรรจุกระสุนเขารังเพลิง เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิง
ชกั อาวธุ ปนออกจากซองช้ไี ปยังเปาพรอ มดงึ ลาํ เล่อื นปนเพ่ือบรรจกุ ระสนุ ปนเขารังเพลงิ มอื ท่จี บั ปน
ดนั ปน ไปทางเปา มอื ท่ีประคองปน ดึงปนเขา หาตวั แขนทง้ั สองขางเหยียดตงึ ใชส ายตาเลง็ ศูนยปน
ใหช ัดเจน ยงิ จํานวน ๒ นดั ภายในเวลา ๒.๕ วนิ าที
สถานีที่ ๒
¼ÙŒÂ§Ô ยืนท่รี ะยะ ๕ เมตร ในทาพรอ มใชอาวธุ ปน ถอื อาวธุ ปน เฉยี งลงตํ่า ซองกระสนุ ปน
บรรจกุ ระสุนปนจาํ นวน ๒ นัด อาวธุ ปน บรรจุกระสนุ ปนพรอมยิง หา มไก เมอ่ื ไดร บั สัญญาณเรม่ิ ยงิ
ปฏบิ ัติตาม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๒ นัด ภายในเวลา ๑.๕ วินาที
สถานีที่ ๓
¼ŒÂÙ Ô§ ยนื ทีร่ ะยะ ๗ เมตร ในทาพรอมตอสดู วยมอื เปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสนุ ปน
ซองละ ๑ นดั จาํ นวน ๒ ซอง อาวุธปนไมบ รรจกุ ระสนุ ปน เขา รงั เพลงิ เกบ็ ปนใสซ อง เมื่อไดร บั
สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซองชไ้ี ปยงั เปา พรอ มดงึ ลาํ เลอื่ นปน เพอื่ บรรจกุ ระสนุ ปน เขา รงั เพลงิ
มอื ทจี่ บั ปน ดนั ปน ไปทางเปา มอื ทป่ี ระคองปน ดงึ ปน เขา หาตวั แขนทงั้ สองขา งเหยยี ดตงึ ใชส ายตาเลง็
ศนู ยปน ใหช ดั เจนยงิ จาํ นวน ๑ นัด แลว เปลย่ี นซองกระสุนปน ยงิ อกี ๑ นดั ภายในเวลา ๒.๕ วินาที
สถานีที่ ๔
¼ÙÂŒ §Ô ยนื ทีร่ ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอสดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปนบรรจกุ ระสนุ ปน
ซองละ ๒ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนไมบรรจุกระสุนปนเขารังเพลิง เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับ
สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซองชไี้ ปยงั เปา พรอ มดงึ ลาํ เลอื่ นปน เพอื่ บรรจกุ ระสนุ ปน เขา รงั เพลงิ
มือทจ่ี ับปนดันปนไปทางเปา มือทปี่ ระคองปน ดงึ ปนเขา หาตัว แขนทัง้ สองขา งเหยียดตึง ใชสายตาเล็ง
ศูนยปน ใหชดั เจนยงิ จาํ นวน ๒ นดั แลวเปลี่ยนซองกระสนุ ปน ยิงอีก ๒ นดั ภายในเวลา ๕.๔ วนิ าที
สถานที ี่ ๕
¼ÂŒÙ §Ô ยืนทีร่ ะยะ ๗ เมตร ในทาพรอ มตอสดู วยมือเปลา ซองกระสุนปน บรรจุกระสนุ ปน
ชนิดฝกซอมจํานวน ๑ นัด กระสุนปนจริงจํานวน ๑ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก
เก็บปนใสซอง เม่ือไดรบั สญั ญาณเริ่มยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏิบัตติ าม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน
๑ นัด แกไขเหตุตดิ ขดั แลวยงิ อกี ๑ นัด ภายในเวลา ๔ วินาที
๘๔
สถานที ่ี ๖
¼ÂŒÙ Ô§ ยนื ทรี่ ะยะ ๑๐ เมตร ในทาพรอมตอสูดวยมอื เปลา ซองกระสุนปน บรรจุกระสนุ ปน
จํานวน ๒ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิง
ชักอาวุธปนออกจากซองช้ีไปยังเปา กาวเทาไปดานหนาแลวน่ังลง มือที่จับปนดันปนไปทางเปา
มอื ทปี่ ระคองปน ดงึ ปน เขา หาตวั แขนทง้ั สองขา งเหยยี ดตงึ ปลดหา มไก ใชส ายตาเลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน
ยิงจํานวน ๒ นดั ภายในเวลา ๓.๕ วินาที
สถานีท่ี ๗
¼ÂŒÙ §Ô ยืนทร่ี ะยะ ๑๐ เมตร ในทา พรอมตอ สูด ว ยมอื เปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสนุ ปน
ซองละ ๒ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับ
สญั ญาณเรม่ิ ยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ตั ิตาม ๖.๒ ยงิ จํานวน ๒ นัด เปลยี่ นซองกระสนุ ปน
แลวนง่ั ลงยงิ จํานวน ๒ นัด ภายในเวลา ๖.๘ วนิ าที
สถานที ่ี ๘
¼ÙŒÂÔ§ ยืนทีร่ ะยะ ๒๐ เมตร ในทาพรอ มตอ สูดว ยมือเปลา ซองกระสนุ ปนบรรจกุ ระสนุ ปน
จํานวน ๒ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อไดรับสัญญาณเริ่มยิง
ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๒ นดั ภายในเวลา ๓.๕ วินาที
¢ŒÍ ø การนับคะแนน
๘.๑ เปา หนุ เงาคนบรเิ วณพนื้ ท่อี กั ษร ต เทากับ ๑๐ คะแนน และบริเวณพน้ื ท่ี
อกั ษร พ เทากบั ๕ คะแนน
๘.๒ การนบั คะแนนใหน บั คะแนนตามเสน เขตทแี่ บง ไวใ นเปา กรณรี อยกระสนุ ปน
ตดั เสนแบงเขตเปาขาดใหถอื คาคะแนนตามบริเวณคะแนนทส่ี ูงกวา
๘.๓ หา มแตะตอ งหรอื สมั ผสั รอยกระสนุ ปน บนแผน เปา ตรวจสอบพบถอื เปน
โมฆะ
๘.๔ การนับคะแนนใหนับคะแนนตามรอยกระสุนปนที่ปรากฏอยูในเปา
โดยคะแนนทง้ั สองเปา รวมกัน ๒๐๐ คะแนน
๘.๕ กรณรี อยกระสนุ ปน เกนิ อยใู นเปา
๘.๕.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามี
รอยกระสนุ ปนในเปา ของทางซายหรอื ขวาไมค รบ ใหตดั คะแนนของรอยกระสนุ ปนทไ่ี ดค ะแนนตํ่าสุด
ท่ปี รากฏในเปา ท่ีเกนิ ออกไป
๘.๕.๒ ถา ตรวจสอบรอยกระสนุ ปน จากเปาทางซา ยและขวาแลว ปรากฏวา
มรี อยกระสุนปน ของเปาทางซา ยและขวาครบ ใหต ดั คะแนนสงู สดุ ของรอยกระสุนปน ทีเ่ กนิ ออกไป
เกณฑการคิดคะแนนคิดจากจํานวนกระสุนปนบนเปาหุนเงาคนหักลบกับจํานวนกระสุน
ปน รวมแตล ะสถานีท่ีผดิ กตกิ า คอื การยิงเกนิ เวลาและการยงิ ผดิ วิธหี รอื กฎแหง ความปลอดภัย
๘๕
¢ŒÍ ù เครื่องหมายแมนปนมีลักษณะเปนรูปสี่เหล่ียมผืนผา ยกขอบ มีขนาดกวาง
๒ เซนติเมตร ยาว ๓ เซนติเมตร หนา ๐.๑๕ เซนติเมตร ที่มุมทัง้ ส่ดี า นดนุ เปนลายกนก ตรงก่ึงกลาง
มีรปู ปน พกกึ่งอัตโนมัติสเี งนิ ดนุ นนู ปากกระบอกปนหันออกจากตัวผทู ่ีประดับเคร่ืองหมาย สขี อง
เคร่ืองหมายเปน สีทองตามแบบทา ยบทนี้
(ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี
ลกั ษณะที่ ๕๘ ระบบการยงิ ปน ของสํานกั งานตํารวจแหงชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๒๔
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙)
๘๖
ÀÒ¾à¤Ã×èͧËÁÒ¼ٌ¼Ò‹ ¹¡ÒÃͺÃÁËÅ¡Ñ Êμ٠áÒýƒ¡Â§Ô »„¹¾¡¡è§Ö ÍÑμâ¹ÁμÑ ¢Ô Ñé¹¾é¹× °Ò¹
๘๗
ÀÒ¾Å¡Ñ É³Ð໇Òˋعà§Ò¤¹áÅÐà»Ò‡ ǧ¡ÅÁ ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒýƒ¡Â§Ô »¹„ ¾¡
¡§èÖ ÍÑμâ¹ÁμÑ Ô¢Ñé¹¾¹é× °Ò¹
๘๘
Å¡Ñ É³Ð·èÕ õø
Ãкº¡ÒÃÂ§Ô »„¹¢Í§สํา¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨá˧‹ ªÒμÔ
_____________
º··Õè ññ
ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒÃÂ§Ô »¹„ ¾¡¢é¹Ñ ¾é×¹°Ò¹
BASIC SHOOTING COURSE (B.S.C.)
¢Í§μíÒÃǨÀ¸Ù ÃÀÒ¤ ô
_____________
หลักสูตรการยิงปนพกขั้นพ้ืนฐานของตํารวจภูธรภาค ๔ เปนหลักสูตรท่ีฝกขาราชการ
ตํารวจหรือผูบังคับใชกฎหมายใหสามารถใชอาวุธปนยิงดวยมือท่ีถนัด มือท่ีไมถนัด และใชมือทั้งสอง
ขา งได โดยเริม่ จากการยงิ ชา ยงิ เรง ยงิ เร็ว และยิงเปาหนุ เงาคน เพือ่ ใหผรู บั การฝกไดเ รยี นรกู ฎแหง
ความปลอดภยั การใชอ าวุธปน การจับปน การเลง็ การลน่ั ไก ทาทางการยิงปน การบรรจกุ ระสุนปน
การแกไขปญ หาขอ ขดั ของ กฎ กตกิ า มหี ลักเกณฑ ขั้นตอน และวิธกี ารยงิ ดังนี้
¢ÍŒ ñ อาวธุ ปน
๑.๑ ปน พกลกู โม ขนาด .๓๘ นวิ้ .๓๕๗ นว้ิ หรอื .๔๕ นวิ้ มคี วามยาวลาํ กลอ งปน
ไมเกนิ ๔ นว้ิ นํ้าหนกั ไกปนไมนอ ยกวา ๒.๕ ปอนด
๑.๒ ปนพกกง่ึ อัตโนมตั ิ ขนาด ๙ มลิ ลิเมตร ๑๐ มิลลิเมตร หรือ ๑๑ มิลลิเมตร
มีความยาวลํากลอ งปนไมเ กนิ ๕.๕ นิ้ว นํ้าหนักไกปนไมน อ ยกวา ๓.๕ ปอนด
อาวุธปนทุกประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผูผลิต ลํากลองปนไมมีการเจาะรู
เพื่อลดแรงสะบดั ไมติดตง้ั เคร่ืองชว ยเลง็ หรืออปุ กรณเ สรมิ ใด ๆ เชน ศูนยพ ลาสตกิ เรืองแสง เปน ตน
¢ŒÍ ò กระสนุ ปน
๒.๑ ปน พกลกู โม ใชก ระสนุ ปน ขนาด .๓๘ นว้ิ .๓๕๗ นว้ิ หรอื .๔๕ นวิ้ จาํ นวน
๔๐ นดั
๒.๒ ปนพกกงึ่ อตั โนมัติ ใชก ระสุนปน ขนาด ๙ มิลลเิ มตร ๑๐ มลิ ลเิ มตร หรือ
๑๑ มลิ ลิเมตร จาํ นวน ๓๐ นัด
¢ÍŒ ó เปา ปน
๓.๑ เปา วงกลม จํานวน ๓ แผน ใชสาํ หรับขน้ั ตอนการยิงชา ยงิ เรง และยิงเรว็
มขี นาดและคาคะแนนตามวงตาง ๆ ดงั นี้
๘๙
วง X เสน ผาศูนยกลาง ๑.๕ น้ิว มีคา ๑๐ คะแนน
วง ๑๐ เสนผาศูนยก ลาง ๓.๕ นิว้ มีคา ๑๐ คะแนน
วง ๙ เสน ผาศนู ยกลาง ๖ นว้ิ มคี า ๙ คะแนน
วง ๘ เสน ผา ศูนยกลาง ๘ นิ้ว มคี า ๘ คะแนน
วง ๗ เสนผาศูนยก ลาง ๑๒ นิ้ว มีคา ๗ คะแนน
วง ๖ เสน ผา ศูนยก ลาง ๑๕ นว้ิ มคี า ๖ คะแนน
วง ๕ เสน ผาศนู ยก ลาง ๒๐ น้ิว มคี า ๕ คะแนน
๓.๒ เปา หนุ เงาคน จาํ นวน ๑ แผน มรี ปู รา งลกั ษณะคลา ยคนครงึ่ ตวั มคี วามสงู
ตั้งแตศีรษะถึงเอว ๒๗ นิ้ว มีความกวางต้ังแตแขนขวาถึงแขนซาย ๒๔ น้ิว แขนขวาของเปาหุน
ทาํ ทาชักปน แขนซา ยปลอ ยหอ ย บริเวณกลางลาํ ตัวมีวงกลมซอ นกัน ๓ วง วงในสดุ มตี วั อกั ษร X
มีเสนผาศนู ยก ลาง ๑.๕ นิ้ว วงกลางมีเสน ผา ศนู ยกลาง ๓.๕ นิว้ วงนอกสุดมีเสน ผา ศนู ยก ลาง ๖ นวิ้
มพี นื้ ทอ่ี กั ษร ต มคี า คะแนน ๑๐ คะแนน และบรเิ วณนอกลาํ ตวั มพี นื้ ทอี่ กั ษร พ มคี า คะแนน ๕ คะแนน
พน้ื ทท่ี งั้ สองมีเสน แบง คะแนน ใชส ําหรบั ขน้ั ตอนการยิงเปา หุนเงาคน
ลกั ษณะของเปา ปนตาม ๓.๑ และ ๓.๒ ตามแบบทา ยบทนี้
¢ÍŒ ô ลกั ษณะของสนาม
๔.๑ สนามตองมีความยาวจากแนวยิงถึงแนวเปา ๒๕ หลา แตละชองยิง
ตองหางจากกันนับจากจุดศูนยกลางของท่ีวางปนถึงจุดศูนยกลางของที่วางปนอีกตัวหนึ่ง ยาว ๑๒๐
เซนติเมตร
๔.๒ ท่ีวางปนเปนโตะหรือแทนใชสําหรับวางอาวุธปนและอุปกรณ
อน่ื ๆ มคี วามกวางไมน อยกวา ๕๐ เซนติเมตร ความยาวไมนอ ยกวา ๖๐ เซนตเิ มตร และความสูง
๗๐ – ๘๐ เซนติเมตร
๔.๓ ระหวา งชอ งยิงมีแผงก้นั ปลอกกระสุนปน
ถาเปนชนิดต้งั พน้ื กวาง ๒๐๐ เซนตเิ มตร สงู ๒๐๐ เซนตเิ มตร
ถาเปนชนดิ ติดบนท่ีวางปน กวาง ๑๕๐ เซนตเิ มตร สงู ๑๒๐ เซนตเิ มตร
๔.๔ บนพืน้ บริเวณแนวยิงมเี สน ระยะ ๒๕ หลา ทาสี กวา ง ๒ น้วิ ยาวตลอด
แนวยิง
¢ÍŒ õ ขน้ั ตอนและวธิ กี ารยิง
๕.๑ หลักสตู รการยงิ ปนพกขัน้ พืน้ ฐานของตาํ รวจภูธรภาค ๔ แบง เปน ๒ ภาค
๕.๑.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใช
อาวธุ ปน การจับปน การเลง็ การลน่ั ไก ทาทางการยงิ การบรรจกุ ระสนุ ปน การเลิกบรรจุ การแกไ ข
ปญหาขอ ขัดขอ ง กฎ กติกา และวธิ ีการยงิ ใชเ วลาไมนอยกวา ๑๖ ชัว่ โมง
๙๐
๕.๑.๒ ภาคปฏบิ ตั เิ ปน การยงิ ดว ยกระสนุ ปน หลงั จากภาคทฤษฎี ใชเ วลา
ฝก ไมน อยกวา ๑๖ ชัว่ โมง
๕.๒ หลกั สตู รการยงิ ปน พกขน้ั พนื้ ฐานของตาํ รวจภธู รภาค ๔ มี ๒ ประเภท คอื
ประเภทปน พกลูกโม และประเภทปน พกก่งึ อตั โนมัติ มวี ธิ ีการยงิ แตละประเภท ดงั นี้
๕.๒.๑ วธิ กี ารยงิ ประเภทปนพกลกู โม
ข้นั ตอนท่ี ๑ การยงิ ชา มือเดียว
¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สัง่ “แนวยิงประจําท่”ี
¼ÙŒÂÔ§ ยืนประจําที่ระยะ ๒๕ หลา หลังท่ีวางปนในทาตรง
นาํ อาวุธปน ท่ีเปด ลกู โมปนวางบนท่วี างปน พรอมกระสุนปน จาํ นวน ๔๐ นัด
¼¤ŒÙ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สัง่ “ตรวจอาวธุ ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังประมาณครึ่งกาว ลําตัวหางจาก
ท่วี างปนประมาณ ๑ ฝามอื ยนื ทาํ มุมประมาณ ๔๕ องศา กับแนวยิง ใชม ือจับอาวุธปนตรวจสอบวา
อาวธุ ปน อยใู นสภาพพรอ มใชง านหรอื ไม ในลาํ กลอ งปน ไมม สี ง่ิ ใดอยภู ายใน หมดุ ยดึ ตวั ปน และลกู โม
ไมหลวมคลอน เสร็จแลวเปด ลกู โมป น วางปนบนที่วางปน กลับมายืนในทา ตรง
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ สง่ั “๕ นัด บรรจุ”
¼ÂŒÙ §Ô กา วเทา ขวาไปดา นหลงั ประมาณครงึ่ กา ว ใชม อื จบั อาวธุ ปน
และกระสุนปนจํานวน ๕ นัด บรรจุกระสุนปนในลูกโมปน โดยอาวุธปนจะตองอยูเหนือท่ีวางปน
ลํากลองปนช้ไี ปยังเปา เม่ือบรรจุเสร็จปด ลูกโมป น จัดทาทางการยงิ โดยใหหันขา งลําตวั ดา นมือท่ีถนัด
เขาหาแนวเปา เทาหางกันประมาณ ๑ ชวงไหล จับอาวุธปนดวยมือที่ถนัด มือที่ไมถนัดเทาที่เอว
ลวงกระเปา หรือใชน้ิวเก่ียวไวท่ีขอบกางเกง หามสวนใดสวนหนึ่งของรางกายสัมผัสที่วางปน
เทาจะตอ งไมเ หยยี บเสนแนวยิงรอฟงคาํ สงั่
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ ส่ัง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๕ นัด
ใชเ วลา ๒ นาท”ี และสงั่ ตรวจความพรอ มเปนครง้ั สดุ ทายกอ นการยิง “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอม
ทุกคนพรอม” ผูควบคุมชองยิงตรวจความพรอมของผูยิงอีกคร้ัง ถาขัดของหรือไมพรอม แจงให
ผูควบคุมการยิงทราบและทําการแกไขใหเรียบรอย เมื่อผูควบคุมการยิงเห็นวาเรียบรอย ก็ใหส่ัง
“เตรยี มตวั ระวงั ” และใหสญั ญาณเร่ิมยงิ (รวมเวลา ๕ วนิ าที ในการส่งั ) พรอ มกบั บนั ทกึ เวลา
¼ÙŒÂÔ§ เมอื่ ไดยินคําสัง่ “พรอม” ถางางนกปนยิง ใหงา งนกปน
ในจงั หวะนี้ นว้ิ ช้ีจะตอ งอยูนอกโกรงไกปน
¼ÙŒÂÔ§ เม่ือไดยินคําสั่ง “เตรียมตัว ระวัง” ใหยกอาวุธปนข้ึน
ลํากลองปนชี้ไปยงั เปา ในระดับสายตา แขนเหยยี ดตึง พรอ มกับใชสายตาเล็งศูนยปนใหชดั เจน น้วิ ชี้
แตะทีไ่ กปน แตยังไมตองเดนิ ไกปนหรอื เพมิ่ น้าํ หนกั การเหนีย่ วไกปน
๙๑
¼ÙŒÂÔ§ เมื่อไดยินคําสั่งหรือสัญญาณใหเริ่มยิง โดยเวลาจะหาง
จากคําสั่ง “ระวัง” ๒ วินาที ใหผูยิงเริ่มยิงได การยิงนัดตอไปจะงางนกปนหรือไมงางนกปนยิงก็ได
ในขนั้ ตอนการยิงชาสามารถลดปนในระหวา งการยิงได แตตองอยภู ายในเวลา ๒ นาที เม่ือยงิ เสร็จ
ใหเ ลกิ บรรจุ วางอาวธุ ปน บนทว่ี างปน ในลกั ษณะเปด ลกู โมป น กลบั มายนื ในทา ตรง รอฟง คาํ สง่ั ตอ ไป
¼¤ÙŒ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô เม่ือครบกําหนด ๒ นาที ใหสญั ญาณ “หยุดยิง”
พรอ มกบั หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถาเหน็ วา ผยู งิ ปฏบิ ัติถกู ตอง ใหผูควบคมุ การยิงสัง่ “ตรวจอาวธุ ”
¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู
เสรจ็ แลว เปด ลูกโม วางอาวธุ ปน
ข้นั ตอนท่ี ๒ การยงิ ชาสองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๑
การยงิ ชา มอื เดยี ว โดยมสี วนทแี่ ตกตางกัน ดังน้ี
๑. หามผยู ิงลดปน ลงในขณะยงิ
๒. ใชม อื ท้งั สองขา งจบั ปน ยิง โดยมือท่จี ับปนดันปนไปทาง
ดา นหนา
ข้ันตอนที่ ๓ การยิงเรง มอื เดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนท่ี ๑
การยงิ ชามอื เดียว โดยมีสว นท่ีแตกตา งกนั ดงั นี้
๑. ใชเวลายิงชุดละ ๒๐ วนิ าที
๒. ในการยงิ แตล ะชุด หามผยู งิ ลดปนลงในขณะยิง
๓. ในขณะยงิ ผคู วบคุมการยิงไมตองเตือนเวลา
๔. หลงั จากการยงิ ชดุ แรกเสรจ็ สน้ิ ใหผ คู วบคมุ การยงิ สง่ั บรรจุ
กระสุนปนชุดใหม
ข้ันตอนที่ ๔ การยิงเรง สองมือ
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนท่ี ๓
การยงิ เรงมือเดียว โดยมีสว นทีแ่ ตกตา งกนั ที่ใชม อื ทง้ั สองขางในการจับปน ยิง
ขน้ั ตอนท่ี ๕ การยิงเร็วมอื เดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๔
การยิงเรง สองมือ โดยมสี ว นทีแ่ ตกตางกนั ที่การยิงเร็วใชเวลายิงชดุ ละ ๑๐ วินาที
ขนั้ ตอนท่ี ๖ การยงิ เรว็ สองมือ
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนที่ ๕
การยงิ เรว็ มอื เดียว โดยมีสว นทีแ่ ตกตา งกันทีใ่ ชม อื ท้ังสองขางในการจบั ปน ยงิ
ข้นั ตอนที่ ๗ การยิงเปา หุนเงาคนมือเดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรงและ
ยงิ เรว็ โดยมีสวนท่แี ตกตา งกัน ดังน้ี
๙๒
๑. หลังจากที่ผูยิงบรรจุกระสุนปนเสร็จแลวใหยืนในทาตรง
หันหนา เขา หาแนวเปา หามจับอาวธุ ปนจนกวา จะไดรบั สญั ญาณเริ่มยงิ
๒. เมอ่ื ผยู งิ ไดรบั สญั ญาณเร่มิ ยิง ใหจ บั อาวธุ ปนและปฏบิ ตั ิ
เชน เดยี วกบั การยิงเรงและยิงเร็ว
๓. ใชเวลายิงชุดละ ๑๒ วนิ าที
ข้นั ตอนที่ ๘ การยิงเปาหนุ เงาคนสองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนท่ี ๗
การยงิ เปา หุนเงาคนมอื เดยี ว โดยมีสว นท่ีแตกตางกันทีใ่ ชม ือท้งั สองขา งในการจบั ปนยิง
๕.๒.๒ วิธกี ารยิงประเภทปน พกกงึ่ อัตโนมัติ
ข้นั ตอนท่ี ๑ การยิงชา มอื เดยี ว
¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “แนวยิงประจาํ ท”่ี
¼ÙŒÂÔ§ ยืนประจําที่ระยะ ๒๕ หลา หลังท่ีวางปนในทาตรง
นําอาวุธปนท่ีเปดลําเล่ือนคางไววางปนบนที่วางปน พรอมซองกระสุนปนและกระสุนปนจํานวน
๓๐ นัด
¼¤ÙŒ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังคร่ึงกาว ลําตัวหางจากท่ีวางปน
ประมาณ ๑ ฝา มอื ยืนทาํ มมุ ประมาณ ๔๕ องศา กับแนวยงิ ใชม อื จับอาวุธปนตรวจสอบอาวธุ ปน
วาอยูในสภาพพรอมใชงานหรือไม ในลํากลองปนไมมีสิ่งใดอยูภายใน ตรวจสอบซองกระสุนปน
เสร็จแลววางปนบนท่วี างปน กลบั มายืนในทาตรง
¼Œ¤Ù Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “๕ นดั บรรจุ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังประมาณครึ่งกาว ใชมือหยิบ
กระสุนปนจํานวน ๕ นัด บรรจุกระสุนปนในซองกระสุนปน (ถามีซองกระสุนปนจํานวน ๒ ซอง
ใหบรรจกุ ระสุนปนในซองกระสุนปนซองละ ๕ นดั ) จากนนั้ บรรจุซองกระสนุ ปน ใสในตัวปน โดยอาวธุ ปน
จะตอ งอยเู หนอื ทว่ี างปน ลาํ กลอ งปน ชไี้ ปยงั เปา เมอื่ บรรจเุ สรจ็ ปลดลาํ เลอ่ื นปน ไปดา นหนา ในลกั ษณะ
พรอมยิง น้ิวอยูนอกโกรงไกปน จัดทาทางการยิงโดยใหหันขางลําตัวดานมือที่ถนัดเขาหาแนวเปา
เทาหางกนั ประมาณ ๑ ชว งไหล จบั อาวธุ ปนดว ยมือท่ถี นดั มือที่ไมถ นัดเทา ท่ีเอว ลวงกระเปา หรอื
ใชน วิ้ เกยี่ วไวท ข่ี อบกางกาง หา มสว นหนงึ่ สว นใดของรา งกายสมั ผสั ทว่ี างปน เทา จะตอ งไมเ หยยี บเสน
แนวยิงรอฟงคาํ สงั่
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๕ นัด
ใชเวลา ๒ นาท”ี และสัง่ ตรวจความพรอ มเปน ครัง้ สดุ ทายกอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอม ขวาพรอม
ทุกคนพรอม” ผูควบคุมชองยิงตรวจความพรอมของผูยิงอีกคร้ัง ถาขัดของหรือไมพรอม แจงให
ผูควบคุมการยิงทราบและทําการแกไขใหเรียบรอย เม่ือผูควบคุมการยิงเห็นวาเรียบรอย ก็ใหสั่ง
“เตรียมตวั ระวัง” และใหสญั ญาณเรมิ่ ยิง (รวมเวลา ๕ วินาที ในการส่ัง) พรอมกับบนั ทึกเวลา
๙๓
¼ÙŒÂ§Ô เม่ือไดย ินคาํ สง่ั “เตรียมตวั ” ใหยกอาวุธปน ข้นึ ลํากลองปน
ชไ้ี ปยงั เปาในระดบั สายตา แขนเหยยี ดตงึ เล็งศูนยป น ใหช ัดเจน นิว้ ช้ีแตะทไี่ กปน แตย งั ไมตองเดิน
ไกปน หรือเพิ่มนํา้ หนกั การเหนยี่ วไกปน
¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สง่ั หรอื สญั ญาณใหเ รมิ่ ยงิ โดยเวลาจะหา งจาก
คาํ สั่ง “ระวงั ” ๒ วินาที ใหเ ริ่มยิงได ในขั้นตอนการยิงชา สามารถลดปน ในระหวา งการยิงได เมอ่ื ยงิ
เสรจ็ สน้ิ ใหเลกิ บรรจุ โดยปลดซองกระสุนปนออกจากอาวธุ ปนและเปด ลาํ เล่อื นปนคา งไว วางอาวุธปน
บนทีว่ างปน กลบั มายนื ในทาตรง รอฟง คําสงั่ ตอไป
¼Ù¤Œ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ เม่อื ครบกําหนด ๒ นาที ใหสัญญาณ “หยุดยิง”
พรอมกับหยดุ เวลาและตรวจสอบ ถา เหน็ วา ผูย ิงปฏิบตั ิถูกตอง ใหผ คู วบคมุ การยิงส่ัง “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู
เปด ลาํ เลอื่ นปน คา งไว วางอาวธุ ปนบนท่ีวางปน
ข้นั ตอนท่ี ๒ การยงิ ชาสองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนท่ี ๑
การยิงชา มอื เดียว โดยมีสวนท่ีแตกตา งกนั ดงั น้ี
๑. หา มผยู ิงลดปนลงในขณะยิง
๒. ใชมือท้ังสองขางในการจับปนยิง โดยมือที่จับปน ดันปน
ไปดานหนา มืออีกขางหน่งึ ประคองปนดึงเขา หาตัว แขนท้ังสองขางเหยยี ดตงึ
ขน้ั ตอนท่ี ๓ การยิงเรงมอื เดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๑
การยงิ ชามือเดียว โดยมีสวนทแ่ี ตกตางกนั ดงั นี้
๑. ใชเ วลายิงชุดละ ๒๐ วินาที
๒. ในการยงิ แตละชดุ หา มผยู งิ ลดปน ลงในขณะยิง
๓. ในขณะยงิ ผูค วบคมุ การยิงไมต อ งเตอื นเวลา
๔. หลงั จากการยงิ ชดุ แรกเสรจ็ สนิ้ ใหผ คู วบคมุ การยงิ สงั่ บรรจุ
กระสุนปน ชดุ ใหม
ขน้ั ตอนท่ี ๔ การยิงเรง สองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๓
การยงิ เรงมือเดยี ว โดยมีสว นทีแ่ ตกตางกันที่ใชม อื ท้งั สองขางในการจบั ปน ยงิ
ข้นั ตอนที่ ๕ การยิงเรว็ มอื เดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนท่ี ๔
การยงิ เรง สองมอื โดยมีสวนทีแ่ ตกตางกันท่ีการยงิ เรว็ ใชเ วลายิงชุดละ ๑๐ วนิ าที
ขั้นตอนที่ ๖ การยิงเรว็ สองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนที่ ๕
การยิงเร็วมือเดียว โดยมสี วนท่ีแตกตา งกนั ทใี่ ชม ือท้งั สองขางในการจบั ปนยงิ
๙๔
¢ŒÍ ö กฎการยิงปนพกขน้ั พืน้ ฐาน
๖.๑ ในการฝกยิงครั้งแรกผูยิงตองไดรับการฝกอบรมหลักการยิงปนภาคทฤษฎี
ไมน อยกวา ๑๖ ชวั่ โมง และในภาคปฏบิ ัติตอ งทาํ การยิงอยางนอ ย ๓ คร้งั และใหนําผลของการยงิ
ชดุ ท่ีดีท่ีสุดเปน เกณฑ
๖.๒ ผยู งิ ทจ่ี ะยงิ ปน พกกง่ึ อตั โนมตั ติ อ งผา นการยงิ ปน พกลกู โมใ นระบบนม้ี ากอ น
โดยจะตอ งมีเกณฑผา นรอ ยละ ๗๕
๖.๓ กอนทําการยิงจะตองเขียนยศ ช่ือตัว ช่ือสกุล สังกัด และรายละเอียด
อืน่ ๆ ตามที่กําหนดลงบนแผน เปา กรณีฝาฝนถอื เปน โมฆะ
๖.๔ หามทําตําหนิ จุดเล็ง หรือเคร่ืองหมายใดๆ บนแผนเปา กรณีฝาฝน
ถอื เปน โมฆะ
๖.๕ หา มผยู งิ บรรจุกระสุนปน กอนทีจ่ ะไดร ับคําสั่งใหบ รรจุ
๖.๖ ในระหวางยิงท้ังปนพกลูกโมและปนพกก่ึงอัตโนมัติหากเกิดเหตุขัดของ
ทําใหเสยี เวลาในการยงิ ตามกําหนดเวลา ซึ่งมิใชเกดิ จากความบกพรองของผยู ิง เชน กระสุนปนดาน
ปนขัดลํา เปน ตน ใหป ฏิบตั ิดังน้ี
ในการยิงชาใหผูยิงแกไขภายในเวลาท่ีกําหนด สวนในการยิงเรง ยิงเร็ว
และยิงเปาหุนเงาคนใหผูควบคุมชองยิงตรวจสอบเหตุขัดของ หากพบวากระสุนปนดาน ปนขัดลํา
ใหผคู วบคุมการยิงส่ังใหผูยิงยิงแกไข โดยใหเฉล่ียเวลาตามข้ันตอนการยิงและตามจํานวนกระสุนปน
นัดทเ่ี กิดเหตขุ ัดขอ ง
๖.๗ หามยิงกอนคําสั่งหรือสัญญาณเริ่มยิง หรือยิงหลังคําสั่งหรือสัญญาณ
หยุดยิง หากฝา ฝน ใหต ัดคะแนนสูงสดุ ในชุดยงิ นนั้ ตามจํานวนนัดทไ่ี ดยงิ ไป
๖.๘ หากปรากฏวาผูใดไมเชื่อฟงคําส่ังหรือไมปฏิบัติตามคําส่ังหรือคําแนะนํา
ของผคู วบคมุ การยงิ ผคู วบคมุ การยงิ มอี ํานาจสง่ั ใหผนู น้ั ออกไปนอกบรเิ วณสนามยิงปน ไดท ันที
๖.๙ การตดั สนิ ของผคู วบคมุ การยงิ ใหถือเปน อนั ยตุ ิ
¢ŒÍ ÷ การนบั คะแนน
๗.๑ เปาวงกลมนับคะแนนต้งั แต ๕ – ๑๐ คะแนน สวนวง X ใหน บั คะแนนเปน
๑๐ คะแนน
๗.๒ เปา หุนเงาคนบรเิ วณพื้นทอี่ กั ษร ต เทากบั ๑๐ คะแนน และบริเวณพนื้ ที่
อักษร พ เทา กบั ๕ คะแนน
๗.๓ การนบั คะแนนใหนบั คะแนนตามเสน เขตท่แี บงไวใ นเปา รอยกระสุนปน
ตองตดั เสนแบงเขตเปาขาดใหถือคาคะแนนตามบริเวณคะแนนท่ีสงู กวา
๗.๔ หา มแตะตอ งหรอื สมั ผสั รอยกระสนุ ปน บนแผน เปา ตรวจสอบพบถอื เปน
โมฆะ
๙๕
๗.๕ คะแนนเตม็ แตล ะเปา เปน ๑๐๐ คะแนน สําหรบั ปน พกลูกโมทกุ เปารวม
๔๐๐ คะแนน สว นปน พกกึง่ อตั โนมัตทิ กุ เปา รวม ๓๐๐ คะแนน
๗.๖ กรณีรอยกระสุนปนเกนิ อยใู นเปา
๗.๖.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามี
รอยกระสุนปน ในเปา ของทางซายหรอื ขวาไมค รบ ใหต ดั คะแนนของรอยกระสนุ ปน ท่ไี ดคะแนนตํา่ สุด
ทปี่ รากฏในเปา ทเ่ี กนิ ออกไป
๗.๖.๒ ถาตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวาแลว
ปรากฏวา มรี อยกระสุนปนของเปาทางซา ยและขวาครบ ใหตดั คะแนนสูงสุดของรอยกระสุนปนท่เี กิน
ออกไป
¢ÍŒ ø เครอื่ งหมายแมนปน มลี กั ษณะดังนี้
เคร่ืองหมายแมนปนมีลักษณะเปนรูปสี่เหล่ียมผืนผา ยกขอบ มีขนาดกวาง
๒.๓ เซนตเิ มตร ยาว ๒.๕ เซนตเิ มตร หนา ๐.๑๕ เซนตเิ มตร ภายในประกอบดวยรูปดาว ๘ แฉก
มีรูปปนพกลูกโมอยูดานขวาและปนพกก่ึงอัตโนมัติอยูดานซายอยางละกระบอก มีแถบริบบ้ินโคง
ตามวงสว นลาง และมอี ักษร “ตาํ รวจภธู รภาค ๔” จารกึ บนภาพแพรแถบสีลายสีทอง ดามปน ติดกัน
โดยปลายกระบอกปน เฉียง ๔๕ องศา หนั ออกดา นนอก สขี องเคร่อื งหมายแตกตางกัน ดงั นี้
ชนั้ ที่ ๑ สขี องเคร่อื งหมายเปนสีทอง
ช้ันท่ี ๒ สขี องเครื่องหมายเปนสีเงิน
ช้นั ท่ี ๓ สีของพ้นื เปน สที องแดง รูปดาว ๘ แฉก และรปู ปนพกลูกโมแ ละปนพก
กง่ึ อัตโนมตั เิ ปน สีเงนิ
ชนั้ กติ ติมศักดม์ิ ีลกั ษณะเชนเดียวกบั เครื่องหมายแมน ปนช้ันท่ี ๑ แตกตางท่ีแถบ
ริบบิน้ ขอ ความ “ตํารวจภธู รภาค ๔” เปนแบบลงยาสีแดง
ลกั ษณะของเครือ่ งหมายแมนปน ตามแบบทา ยบทนี้
¢ÍŒ ù การเทียบวุฒิ
ชั้นที่ ๑ ตองไดคะแนน ๓๖๐ – ๔๐๐ คะแนน
ชัน้ ที่ ๒ ตองไดค ะแนน ๓๒๑ – ๓๕๙ คะแนน
ชน้ั ท่ี ๓ ตอ งไดคะแนน ๒๘๐ – ๓๒๐ คะแนน
(ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี
ลักษณะที่ ๕๘ ระบบการยงิ ปนของสาํ นกั งานตาํ รวจแหงชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวนั ท่ี ๒๔
มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๙)
๙๖
ÀÒ¾à¤Ã×èͧËÁÒÂáÁ¹‹ »¹„ ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂ§Ô »¹„ ¾¡¢Ñ¹é ¾¹é× °Ò¹¢Í§ตําÃǨÀ¸Ù ÃÀÒ¤ ô
เครื่องหมายแมน ปน ชัน้ ที่ ๑ เปนเครอื่ งหมายแมน ปนทอง
เคร่ืองหมายแมนปน ช้นั ที่ ๒ เปนเคร่อื งหมายแมน ปนเงนิ
เคร่อื งหมายแมนปนชนั้ ท่ี ๓ เปนเครอ่ื งหมายแมน ปนทองแดง
เคร่อื งหมายแมนปน ช้นั กติ ติมศักดิ์
๙๗
ÀÒ¾Å¡Ñ É³Ðà»Ò‡ ǧ¡ÅÁáÅÐ໇Ò˹‹Ø à§Ò¤¹
ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂÔ§»¹„ ¾¡¢¹Ñé ¾é×¹°Ò¹¢Í§ตาํ ÃǨÀ¸Ù ÃÀÒ¤ ô