The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

13_PT22702_การยิงปืนพก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by peaw.2749, 2022-07-21 07:07:08

13_PT22702_การยิงปืนพก

13_PT22702_การยิงปืนพก

๔๘

º··èÕ ò
¢ÍŒ º§Ñ ¤Ñºสาํ ËÃºÑ ¼ŒÍÙ ÂÙ‹ã¹Ê¹ÒÁÂ§Ô »„¹

_____________

¢ÍŒ ñ เพ่ือใหการยิงปนในสนามยิงปนเปนไปดวยความเรียบรอย ปลอดภัย ไมเกิด
อุบัติเหตุหรืออันตรายใดๆ ข้ึนจากการยิงปน หรือการทําใหเกิดปนลั่นโดยประมาท บุคคลที่อยูใน
สนามยิงปนจะตอ งปฏบิ ตั ติ ามกฎแหงความปลอดภัย ดังตอไปน้ี

๑.๑ พึงระลึกไวเสมอวาอาวุธปนทุกกระบอกมีกระสุนปนบรรจุอยู จึงใหตรวจ
ทันทีวาอาวุธปนมีกระสุนปนบรรจุอยูหรือไม ขณะตรวจตองใหน้ิวอยูนอกไกปนและหันปากลํากลอง
ปน ไปในทิศทางท่ปี ลอดภยั

๑.๒ การถืออาวุธปนเขาไปในสนามยิงปนจะตองถืออาวุธปนตามหลักปฏิบัติ
และตองเลิกบรรจทุ ุกคร้ัง

๑.๓ หามหันปากลํากลองปนเล็งหรือช้ีตรงไปยังบุคคล ส่ิงมีชีวิต หรือสิ่งของ
ไมว าอาวธุ ปนกระบอกน้นั จะบรรจกุ ระสนุ ปน อยหู รอื ไมก ต็ าม

๑.๔ หา มวางอาวุธปน ไว ณ สถานทีใ่ ดๆ ทบี่ คุ คลอื่นอาจหยิบเลน ได
๑.๕ หามยิงปนไปยังวัตถุซ่ึงอาจทําใหหัวกระสุนสะทอนหรือแฉลบได เวนแต
เปนการยิงเปาในชองยิงท่ีจัดไวสําหรับการยิงปนเทานั้น หามเหน่ียวไกปนเลน เวนแตกระทําในขณะ
ตรวจอาวุธปน หรอื ขณะฝก ยิงปน
๑.๖ ตองใชกระสุนปนตามชนิดและขนาดของอาวุธปนน้ันๆ และกอนบรรจุ
กระสนุ ปน จะตอ งตรวจลาํ กลองปน จนใหแ นใ จเสยี กอ นวาไมมวี ตั ถใุ ดๆ ขวางอยใู นลํากลองของปน
๑.๗ ใหถือวาคําสั่งของผูอํานวยการฝก ผูควบคุมการยิง ผูควบคุมชองยิง
หรือเจาหนาที่ที่ไดสั่งการไปเพื่อใหเกิดความปลอดภัยในสนามยิงปนเปนเสมือนคําส่ังของ
ผบู ังคบั บญั ชาทตี่ อ งปฏบิ ตั ิตามโดยเครง ครัด
๑.๘ ไมสงเสียงเอะอะหรือพูดจาหยอกลอ ลอเลียนผูยิง หรือกระทําการ
โดยคึกคะนองทางกาย วาจาดว ยประการใดๆ
๑.๙ การยิงเปาใหยิงไดเฉพาะวัสดุหรืออุปกรณที่จัดทําข้ึนเปนเปา โดยเปา
ติดต้ัง ณ ตาํ แหนง ท่ีจัดไวสาํ หรับตดิ ตัง้ เปา หา มใชว ัตถุอืน่ ใดวางตง้ั แทนเปา
๑.๑๐ การสง อาวธุ ปน ใหผ อู นื่ ถา เปน อาวธุ ปน พกลกู โมใ หเ ปด ลกู โมไ ว สว นอาวธุ
ปนพกก่ึงอัตโนมัติ ปนกลมือ หรือปนเล็กยาวใหนําซองกระสุนปนออกจากตัวปน แลวดึงลําเลื่อน
หรอื ลกู เลอ่ื นแลวแตประเภทของปนคา งไว สวนปนลกู ซองยาวใหก ระชากลํากลอง เปดรังเพลิงคางไว
แลวสง ดามปนใหปากลํากลอ งปน อยใู นทิศทางชลี้ งพนื้ สนาม

๔๙

¢ÍŒ ò ผูจะยิงปนในสนามยิงปนนอกจากจะตองปฏิบัติตามกฎแหงความปลอดภัย
ในขอ ๑ แลว จะตอ งถือปฏบิ ัติดังตอไปนี้โดยเครงครดั อกี ดว ย

๒.๑ เมอ่ื จะยงิ ปน ในสนามยงิ ปน ตอ งมผี คู วบคมุ การยงิ ดว ยทกุ ครงั้ และใหถ อื วา
ผคู วบคมุ การยงิ เปน ผรู บั ผดิ ชอบความปลอดภยั ในเขตสนามยงิ ปน ดงั นน้ั ในขณะฝก ยงิ ปน หรอื ทดสอบ
ยิงปนบุคคลใดๆ ในเขตสนามยิงปนตองเชื่อฟงและปฏิบัติตามคําส่ัง คําแนะนําของผูควบคุมการยิง
อยา งเครงครดั จะขดั ขืนหรือโตแ ยง ดวยประการใดๆ ไมไ ด

หากปรากฏวา ผใู ดไมเ ชอื่ ฟง หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั คาํ แนะนาํ ของผคู วบคมุ
การยิง ผูควบคุมการยิงมีอํานาจสั่งผูน้ันออกไปจากบริเวณสนามยิงปนไดทันที หากยังด้ือดึง ขัดขืน
ไมปฏิบัติตามใหนําผูน้ันออกจากสนามยิงปนทันที แลวใหผูอํานวยการฝกรายงานผูบังคับบัญชา
ตนสังกัดเพื่อดําเนนิ การทางวินัย หากไมไ ดเ ปนขา ราชการตํารวจกใ็ หดําเนนิ การตามกฎหมาย

๒.๒ ผูที่จะยิงปนกอนที่จะเขาไปในเขตพื้นที่การยิงปน จะตองเขาไปยังพื้นท่ี
ปลอดภัยเพอ่ื ตรวจอาวุธปน หรือนําอาวธุ ปน เขา และออกจากกระเปา ปน และนําใสใ นซองปน

๒.๓ ผูยิงจะตองชี้ปากลํากลองปนตรงไปทางเปาตลอดเวลาท่ียิง เวนแตเปน
เวลาทีอ่ ยใู นทา ถือปน ตรวจอาวุธปน

๒.๔ หามผูยิงบรรจุกระสุนปนกอนท่ีจะไดรับคําสั่งใหบรรจุกระสุนปนจาก
ผคู วบคมุ การยงิ

๒.๕ ขณะท่ีอยูในสนามยิงปนและยังมิไดยิงหรือยิงเสร็จเรียบรอยแลว ใหผูยิง
ถอื ปฏบิ ตั ิ ดงั นี้

๒.๕.๑ ปนพกลูกโม ใหพลกิ ลูกโมเ ปดออกจากโครงปน
๒.๕.๒ ปนเล็กยาวหรือปนพกกึ่งอัตโนมัติ ใหถอดซองกระสุนปนออก
จากตัวปนและดึงลูกเลื่อนหรือกระชากลํากลองมาขางหลังคางไวใหเห็นชองคัดปลอกกระสุนปน
เพื่อตรวจวาไมม กี ระสุนปน หลงเหลืออยูในรังเพลงิ
๒.๕.๓ ปนลูกซองยาว ใหกระชากลําเล่ือน เปดรังเพลิง เพื่อเลิกบรรจุ
กระสนุ ปน
๒.๕.๔ อาวุธปนยาวท่ีนําเขามาในสนามยิงปน เมื่อไมไดใชยิงตองนํา
อาวุธปนยาววางไวท ี่ราวปนเทา นัน้ เมอื่ จะใชยิงจงึ สามารถนําออกมาจากราวปน ได
๒.๖ กอนออกจากสนามยิงปน ใหผูยิงเลิกบรรจุกระสุนปนและตรวจอาวุธปน
ใหแ นใ จเสียกอ นวา ไมมกี ระสุนปนบรรจุอยู
๒.๗ เมอื่ ตอ งหยดุ ยงิ ชว่ั คราว ใหผ ยู งิ ลดนกปน หรอื หา มไกปน เลกิ บรรจหุ รอื วาง
ปนไวบนท่ีวางปน อยูในลักษณะท่ีปลอดภยั โดยใหปากลํากลองปนชี้ไปยงั แนวเปา
๒.๘ ในขณะท่ีกําลังมีผูยิงปน หามผูใดออกไปอยูขางหนาแนวยิง แนวเปา
เวนแตผูควบคมุ การยิงจะสงั่ ใหผยู งิ ทกุ คนหยุดยงิ วางปน เมอ่ื เห็นวาปลอดภัยแลว จงึ สัง่ ใหเขาไปได

๕๐

๒.๙ ผูที่ยังไมไดรับคําสั่งจากผูควบคุมการยิงใหเขาประจําชองยิง จะตอง
อยูเฉพาะในเขตรอยิงบริเวณที่สนามยิงปนไดจัดไวใหเทาน้ัน เวนแตผูควบคุมการยิงและเจาหนาที่
ท่เี กีย่ วของเทานั้นท่ีมสี ิทธเิ ขาไปในแนวยิงได

๒.๑๐ ผูยิงจะตองเขาประจําชองยิงท่ีผูควบคุมการยิงไดจัดใหเทาน้ัน หาม
เปลีย่ นแปลงหรอื สลับชอ งยิง เวนแตจ ะไดรับอนุญาตจากผคู วบคุมการยงิ

๒.๑๑ ในกรณีที่มีผูยิงนําอาวุธปนหรือกระสุนปนสวนตัวเขามาในสนามยิงปน
เพ่ือใชในการยิง ใหนําอาวุธปนและกระสุนปนดังกลาวไปใหผูควบคุมการยิงหรือเจาหนาท่ีตรวจสอบ
ใหเปนไปตามระเบียบ หลักเกณฑ หรือขอกําหนดของสนามยิงปนหรือหลักสูตร หากอาวุธปนและ
กระสนุ ปน ไมเปนไปตามระเบียบ หลกั เกณฑ หรอื ขอ กาํ หนดของสนามยงิ ปน หรือหลกั สตู ร ผูค วบคุม
การยงิ มอี าํ นาจสั่งหามผยู งิ ใชอ าวุธปน และหรือกระสนุ ปน ดงั กลาวในสนามยงิ ปน

๒.๑๒ เม่อื มีความสงสัยใดๆ เกิดขึน้ ในสนามยงิ ปน ใหผสู งสัยสอบถามผคู วบคุม
การยิงได

๒.๑๓ เมื่อผูยิงมีความประสงคจะถอดช้ินสวนของอาวุธปนและอุปกรณอื่นๆ
ทาํ ความสะอาด ซอ มแซม บาํ รุงรักษาอาวุธปน จะตอ งกระทําในพนื้ ทป่ี ลอดภยั เทา นั้น

๒.๑๔ หามนาํ เคร่ืองกระสนุ ปนทกุ ชนิดเขาไปยงั พืน้ ทปี่ ลอดภยั โดยเดด็ ขาด
¢ŒÍ ó ระเบียบของสนามยงิ ปน มีดงั ตอ ไปนี้

๓.๑ หามผูไมเกี่ยวของกับการยิงปนเขาไปอยูในเขตการยิงปน (เขตรอน
แนวยิง แนวเปา แนวกนั กระสุน) ของสนามยงิ ปน ในระหวางท่กี าํ ลงั ยงิ ปน อยู เวน แตจ ะไดร บั อนุญาต
จากประธานกรรมการทดสอบหรอื ผคู วบคุมการยิงของสนามยงิ ปน

๓.๒ การทดลองหรอื การตรวจสอบอาวธุ ปน หรอื การฝก อบรมหรอื การทดสอบ
การยิงปนทุกคร้ัง จะตอ งกระทําภายใตก ารควบคุมและคําแนะนาํ ของผูควบคมุ การยิง

๓.๓ หา มนาํ สัตวทกุ ชนิดเขาไปภายในสนามยิงปน
๓.๔ หามนาํ เครื่องด่มื ที่มีแอลกอฮอลเขา ไปภายในสนามยิงปน
๓.๕ หามผูยิงเสพสุราหรือของมึนเมาทุกชนดิ เขา ไปภายในสนามยิงปน
๓.๖ ผูยิงจะตองสวมใสเคร่ืองปองกันสายตาและเครื่องปองกันเสียงทุกครั้ง
เมื่อเขายงิ ปน หรอื ในบริเวณเขตรอคอย
¢ŒÍ ô หลักปฏิบัตสิ าํ หรบั ผูควบคมุ การยิง ผูควบคุมชองยิง มดี งั ตอ ไปนี้
๔.๑ ตอ งอยปู ระจาํ ที่ ตรวจตราการปฏบิ ตั ทิ งั้ หมดภายในแนวยงิ เขตรอยงิ แนวเปา
โดยใกลชดิ ตลอดเวลา
๔.๒ รบั ผดิ ชอบการปฏบิ ตั ติ า งๆ ในแนวยงิ เขตรอยงิ แนวเปา ตลอดจนปอ งกนั
และบรรเทาอันตรายตา งๆ ทีอ่ าจจะเกิดขน้ึ
๔.๓ ควบคมุ การยิงใหเ ปน ไปตามระเบยี บ หลักเกณฑ และขอ กําหนด

๕๑

๔.๔ ตรวจสอบหรอื สง่ั การเจา หนา ทใ่ี หต รวจจนแนใ จวา อาวธุ ปน และกระสนุ ปน
สามารถใชย งิ ไดอ ยางปลอดภยั กอ นยงิ

๔.๕ เมอื่ มอี บุ ตั เิ หตหุ รอื อนั ตรายเกดิ ขนึ้ ใหร บี ดาํ เนนิ การระงบั หรอื บรรเทาเหตุ
เทาท่ีจะดําเนินการได แลว รีบรายงานใหผูบงั คบั บญั ชาหรือผูอํานวยการฝก ทราบโดยเรว็

๔.๖ เม่ือมีการจัดฝกอบรมหรือการทดสอบความสามารถยิงปน ใหประธาน
กรรมการทดสอบหรือผูควบคุมการยิงกําหนดขอบเขตพื้นท่ีของสนามยิงปนไวใหชัดเจน โดยใหนํา
ระเบยี บการฝก ยงิ เปา ดวยกระสุนมาใชโดยอนุโลม

๕๒

º··èÕ ó
¡Òýƒ¡ÂÔ§à»Ò‡ ´ŒÇ¡ÃÐÊ¹Ø ¨Ã§Ô

_____________

¢ŒÍ ñ ขา ราชการตาํ รวจทม่ี อี าํ นาจหนา ทร่ี บั ผดิ ชอบเกยี่ วกบั งานปอ งกนั และปราบปราม
อาชญากรรมจําเปนตองฝกยิงดวยกระสุนปนจริงตามระบบและวิธีการยิงท่ีสํานักงานตํารวจแหงชาติ
กาํ หนด โดยใหผ บู งั คบั บญั ชาหวั หนา หนว ยงานตงั้ แตก องบงั คบั การขนึ้ ไปพจิ ารณาดาํ เนนิ การฝก ยงิ เปา
ดวยกระสนุ จรงิ อยางนอ ยปล ะ ๑ ครั้ง

ใหกองบัญชาการศึกษารับผิดชอบในการปรับปรุงการฝกยิงเปาดวยกระสุนจริงใหมีความ
ทนั สมยั อยเู สมอ

¢ÍŒ ò อาวุธปนท่ีใชในการฝกยิงใหใชอาวุธปนและกระสุนปนท่ีใชในราชการตํารวจ
สวนผูฝกจะใชอาวุธปน กระสุนปนของตนเอง หรืออยางหน่ึงอยางใด จะตองไดรับอนุญาตจาก
ผูอ ํานวยการฝกหรอื ผคู วบคมุ การยิง

¢ŒÍ ó กระสนุ ปน และเปา ทใี่ ชใ นการฝก ใหห วั หนา หนว ยงานเปน ผดู าํ เนนิ การจดั ซอ้ื จดั หา
โดยใชง บประมาณของหนว ยงาน

¢ŒÍ ô เพ่ือความเปน ระเบยี บเรียบรอ ยในการฝก ยงิ เปา ใหจ ัดขา ราชการตาํ รวจ ดงั น้ี
๔.๑ ผูกาํ กบั การหรือตําแหนงเทียบเทา ขนึ้ ไปเปนผูอ าํ นวยการฝก
๔.๒ สารวัตรหรือตําแหนงเทียบเทาขึ้นไปเปนรองผูอํานวยการฝกและเปน

ผูควบคุมการยิง มีหนาที่ควบคุม กํากับดูแลความเรียบรอยของเจาหนาที่ตางๆ และผูเขารับการฝก
รวมท้งั การระมดั ระวังอันตรายทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ตลอดเวลาท่ีฝก

๔.๓ ผคู วบคมุ อาวุธปน กระสุนปน และเปา
๔.๔ ผคู วบคมุ ชองยงิ และแนวยงิ
๔.๕ ผูบันทกึ ขอมลู
๔.๖ ผูทําหนา ท่อี ่นื ๆ ตามทีผ่ ูอํานวยการฝกจะเห็นเปนการสมควร
¢ŒÍ õ การฝกยงิ เปาดวยอาวุธปน พก ปน เล็กยาว ปนกลมือ ปนลกู ซองยาว ปน ยงิ หรือ
เครอื่ งยงิ กระสนุ ชนดิ ระเบดิ หรอื จรวด ณ สนามยงิ ปน ในเขตพน้ื ทใี่ ด อนั อาจกอ ใหเ กดิ อนั ตรายแกบ คุ คล
สตั ว สง่ิ ของ หรอื ผทู อี่ ยูบริเวณใกลเ คยี ง ใหผ ูอาํ นวยการฝก ดําเนินการ ดังนี้
๕.๑ กําหนดเขตการฝกยิงเปาไวใหแนนอน และแจงเจาหนาท่ีฝายปกครอง
ทราบวา จะฝก ยงิ ปน ทใ่ี ด เมอ่ื ใด เพอื่ ประกาศใหป ระชาชนในบรเิ วณใกลเ คยี ง สถานทฝี่ ก ทราบลว งหนา
อยางนอ ย ๗ วนั
๕.๒ เขตการฝก ยงิ เปา ทกี่ าํ หนดขนึ้ ใหต ดิ ปา ยบอกเขตอนั ตรายและปก ธงแดงไว
ใหเห็นเดนชดั บอกเขตอันตรายไว ๓ ดา น คือ ดา นหลังแนวเปาปกธงแดงเปนแถวยาวในแนวตง้ั ฉาก
กับแนววิถีกระสุน ดา นซา ยมอื และขวามือปกธงแดงเปนแถวยาวคูข นานไปกบั แนววิถกี ระสนุ ดงั นี้

๕๓

๕.๒.๑ ระยะยงิ ๖๐๐ หลา ถึง ๑,๐๐๐ หลา ตองกําหนดเขตอนั ตราย
เปนทางยาวดา นหลังเปา นับจากแนวยงิ ออกไปอยางนอย ๓,๕๐๐ หลา และเขตอนั ตรายทางดา นซา ย
และขวาหา งจากแนววิถีกระสนุ ออกไปขางละ ๕๐๐ หลา ไปจนสุดระยะ ๓,๕๐๐ หลา ถาจาํ เปนจะจดั
เจาหนา ทไี่ วคอยระวังอนั ตรายดวยกไ็ ด

๕.๒.๒ ระยะยิง ๖๐๐ หลา ถงึ ๑,๐๐๐ หลา ตองกาํ หนดเขตอนั ตราย
เปนทางยาวดานหลังเปา นับจากแนวยิงออกไปอยา งนอย ๓,๕๐๐ หลา และเขตอนั ตรายทางดา นซา ย
และขวาหางจากแนววถิ ีกระสนุ ออกไปขางละ ๕๐๐ หลา ไปจนสุดระยะ ๓,๕๐๐ หลา ถา จําเปน จะจดั
เจาหนา ท่ีไวค อยระวังอันตรายดวยกไ็ ด

๕.๒.๓ ระยะยงิ เกนิ ๑,๐๐๐ หลา ขน้ึ ไป ใหก าํ หนดเขตอนั ตรายดา นหลงั
เปาเพมิ่ ขึ้นทกุ ระยะ ๑๐๐ หลา ตอ ๓๕๐ หลา เขตอันตรายทางดานซา ยและขวาเพ่มิ ข้นึ ทุกๆ ระยะ
๑๐๐ หลา ตอ ๕๐ หลา

๕.๓ ธงแดงท่ีปกบอกเขตอันตรายจะเก็บก็ตอเมื่อไดตรวจตราเก็บกระสุนที่ตก
และกระสนุ ท่ไี มร ะเบดิ เรียบรอ ยแลว แตทัง้ น้ีตอ งไมเ กนิ กวา ๗ วัน เพือ่ แสดงใหท ราบวาในเขตการฝก
ยิงเปานน้ั หมดอนั ตรายแลว

๕.๔ ถาผูอํานวยการฝกไมสามารถคนหากระสุนที่ไมระเบิดได ก็ใหปกธงแดง
บอกเขตอนั ตรายไวจ นกวา จะเกบ็ กระสนุ ทไี่ มร ะเบดิ นนั้ ได ขณะทเี่ กบ็ กระสนุ ทย่ี งั ไมร ะเบดิ ตอ งประกาศ
ช้แี จงใหประชาชนในบรเิ วณใกลเคียงนน้ั ทราบทว่ั กนั

๕.๕ ตลอดระยะเวลาทปี่ ก ธงแดงไว หา มประชาชนเขา ไปหรอื นาํ สตั วเ ลยี้ งเขา ไป
ในเขตการฝกยงิ เปา

¢ÍŒ ö การฝกยิงเปา ทุกครัง้ ใหผูเขา รับการฝกแตงกายดวยเคร่ืองแบบตลอดเวลาทฝี่ ก
¢ŒÍ ÷ ในระหวางท่ีฝกยิงเปาผูควบคุมการยิงจะตองกําชับใหผูเขารับการฝกปฏิบัติตาม
กฎแหง ความปลอดภยั ขอ บงั คบั สาํ หรบั ผอู ยใู นสนามยงิ ปน และระเบยี บของสนามยงิ ปน โดยเครง ครดั
¢ÍŒ ø การฝกยิงเปาในระบบใดหรือวิธีการใด ผูอํานวยการฝกตองใหผูเขารับการฝก
ฝกลักษณะทาทาง วิธีการยิง ระเบียบปฏิบัติตางๆ ในการยิงระบบนั้นๆ โดยยังไมใชกระสุนปน
เพ่อื ใหเกดิ ความชาํ นาญเสยี กอ น แลวจึงใหย ิงดว ยกระสุนปน
¢ŒÍ ù สนามยงิ ปน ตาํ รวจทกุ แหง ใหแ ตง ตงั้ ขา ราชการตาํ รวจตงั้ แตส ารวตั รหรอื ตาํ แหนง
เทยี บเทา ข้ึนไปอยางนอย ๑ คน ทาํ หนา ท่ีเปนนายสนาม มหี นาทคี่ วบคมุ กํากับดูแลวัสดุ ครุภัณฑ
สิ่งกอสราง สภาพสนาม อุปกรณปองกันอันตรายภายในสนามใหเรียบรอย ใชการไดดี และอยูใน
สภาพทปี่ ลอดภยั อยเู สมอ และตอ งจดั ใหม เี จา หนา ทป่ี ระจาํ สนามทาํ หนา ทต่ี รวจตราดแู ลภายในสนาม
ตลอดเวลาที่เปดทาํ การ

๕๔

ÅѡɳзèÕ õø
Ãкº¡ÒÃÂ§Ô »¹„ ¢Í§สาํ ¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ

_____________
º··Õè ô

ËÅÑ¡Êμ٠áÒÃÂÔ§»„¹¾¡áºº à͹ç .ÍÒÃ. àÍ.

NATIONAL RIFLE ASSOCIATION (N.R.A.)

»ÃÐàÀ·»¹„ ¾¡Å¡Ù âÁá‹ Åл„¹¾¡¡§èÖ ÍμÑ â¹ÁμÑ Ô
_____________

หลกั สตู รการยงิ ปน พกแบบ เอน็ .อาร. เอ. เปน หลกั สตู รการฝก ยงิ ปน พกทจ่ี ะใชฝ ก ขา ราชการ
ตาํ รวจหรอื ผูบงั คบั ใชก ฎหมาย โดยเริม่ จากการยิงชา ยิงเรง ยิงเร็ว และยงิ เปาหนุ เงาคน เพ่อื ใหผ รู บั
การฝก ไดเ รยี นรกู ฎแหง ความปลอดภยั การใชอ าวธุ ปน การจบั ปน การเลง็ การลน่ั ไก ทา ทางการยงิ ปน
การบรรจกุ ระสุนปน การแกไขปญหาขอขดั ของ กฎ กตกิ า มหี ลักเกณฑ ขั้นตอน และวิธกี ารยิง ดังนี้

¢ÍŒ ñ อาวธุ ปน
๑.๑ ปน ลูกโม ขนาด .๓๘ น้วิ .๓๕๗ นิว้ หรือ .๔๕ นิว้ มคี วามยาวลาํ กลองปน

ไมเกิน ๔ นิ้ว น้ําหนักไกปนแบบงางนกปนไมนอยกวา ๒.๕ ปอนด และน้ําหนักไกปนแบบไมงาง
นกปน ไมน อ ยกวา ๕.๕ ปอนด

๑.๒ ปน พกก่ึงอัตโนมตั ิ ขนาด ๙ มลิ ลเิ มตร ๑๐ มลิ ลิเมตร หรือ ๑๑ มิลลเิ มตร
มีความยาวลํากลองปนไมเกิน ๕.๕ นิ้ว นํ้าหนักไกปนแบบงางนกปนไมนอยกวา ๓.๕ ปอนด และ
น้าํ หนักไกปน แบบไมง า งนกปน ไมน อ ยกวา ๕.๕ ปอนด

อาวุธปนทุกประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผูผลิต ลํากลองปนไมมีการเจาะรู
เพ่อื ลดแรงสะบดั ไมต ิดตงั้ เครอ่ื งชว ยเลง็ หรอื อุปกรณเสริมใดๆ

¢ÍŒ ò กระสุนปน
๒.๑ ปน พกลกู โม ใชก ระสนุ ปน ขนาด .๓๘ นว้ิ .๓๕๗ นว้ิ หรอื .๔๕ นว้ิ จาํ นวน

๔๐ นัด
๒.๒ ปนพกกึง่ อตั โนมตั ิ ใชก ระสนุ ปน ขนาด ๙ มลิ ลิเมตร ๑๐ มิลลเิ มตร หรอื

๑๑ มลิ ลิเมตร จาํ นวน ๓๐ นัด
¢ÍŒ ó เปาปน
๓.๑ เปาวงกลม จาํ นวน ๓ แผน ใชส ําหรับข้นั ตอนการยิงชา ยงิ เรง และยิงเรว็

มีขนาดและคา คะแนนตามวงตา งๆ ดังนี้
วง X เสน ผาศนู ยก ลาง ๑.๕ นิว้ มีคา ๑๐ คะแนน
วง ๑๐ เสน ผาศูนยกลาง ๓.๕ น้ิว มคี า ๑๐ คะแนน
วง ๙ เสนผาศูนยกลาง ๖ น้ิว มคี า ๙ คะแนน
วง ๘ เสน ผาศูนยกลาง ๘ นว้ิ มคี า ๘ คะแนน
วง ๗ เสน ผา ศนู ยกลาง ๑๒ นิว้ มคี า ๗ คะแนน

๕๕

วง ๖ เสนผาศูนยกลาง ๑๕ นวิ้ มคี า ๖ คะแนน
วง ๕ เสน ผา ศูนยก ลาง ๒๐ น้ิว มคี า ๕ คะแนน
๓.๒ เปาหนุ เงาคน จํานวน ๑ แผน มีรูปรา งลกั ษณะคลา ยคนครึ่งตัว มีความสูง
ตง้ั แตศ ีรษะถึงเอว ๒๗ นว้ิ มีความกวางตัง้ แตแขนขวาถึงแขนซา ย ๒๔ นวิ้ แขนขวาของเปา หนุ ทาํ ทา
ชกั ปน แขนซา ยปลอ ยหอย บริเวณกลางลาํ ตัวมีวงกลมซอ นกัน ๓ วง วงในสดุ มตี วั อักษร X มเี สนผา
ศูนยก ลาง ๑.๕ นว้ิ วงกลางมีเสนผาศนู ยกลาง ๓.๕ น้ิว วงนอกสดุ มีเสน ผา ศนู ยกลาง ๖ นิ้ว มพี ้นื ที่
อักษร ต มีคาคะแนน ๑๐ คะแนน และบรเิ วณนอกลาํ ตัวมพี ้ืนทอ่ี ักษร พ มคี า คะแนน ๕ คะแนน พื้นท่ี
ท้ังสองมเี สน แบง คะแนน ใชสําหรับขนั้ ตอนการยงิ เปา หุน เงาคน
ลักษณะของเปาปนตาม ๓.๑ และ ๓.๒ ตามแบบทายบทนี้
¢ŒÍ ô ลักษณะของสนาม
๔.๑ สนามตองมีความยาวจากแนวยิงถึงแนวเปา ๒๕ หลา แตละชองยิง
หา งกันนับจากจดุ ศูนยกลางของทว่ี างปน ถึงจดุ ศนู ยกลางของทว่ี างปน อกี ตัวหนึ่ง ๑๒๐ เซนตเิ มตร
๔.๒ ที่วางปนเปนโตะหรือแทนใชสําหรับวางอาวุธปนและอุปกรณอื่นๆ
มีความกวางไมนอยกวา ๕๐ เซนติเมตร ความยาวไมนอยกวา ๖๐ เซนติเมตร และความสูง
๗๐-๘๐ เซนติเมตร
๔.๓ ระหวางชองยิงมีแผงกั้นปลอกกระสุนปน ถาเปนชนิดตั้งพ้ืน กวาง ๒๐๐
เซนตเิ มตร สงู ๒๐๐ เซนตเิ มตร ถา เปน ชนดิ ตดิ บนทวี่ างปน กวา ง ๑๕๐ เซนตเิ มตร สงู ๑๒๐ เซนตเิ มตร
๔.๔ บนพ้ืนบริเวณแนวยิงมีเสนระยะ ๒๕ หลา อาจจะทาสี กวาง ๒ นิ้ว
ยาวตลอดแนวยิง
¢ŒÍ õ ข้ันตอนการฝกและวธิ กี ารยงิ
๕.๑ การยิงปน พกแบบ เอน็ .อาร. เอ. แบงเปน ๒ ภาค
๕.๑.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใชอาวุธปน
การจับปน การเลง็ การลัน่ ไก ทา ทางการยงิ การบรรจกุ ระสุนปน การเลิกบรรจุ การแกไ ขปญหาขอ
ขัดของ กฎ กติกา และวิธีการยงิ ใชเวลาไมน อยกวา ๑๖ ช่ัวโมง
๕.๑.๒ ภาคปฏิบัติ เปนการยิงดวยกระสุนปนหลังจากภาคทฤษฎี
แบงการยงิ ออกเปน ๔ ขน้ั ตอน ใชเวลาฝก ไมน อยกวา ๑๖ ชว่ั โมง โดยแบงเปน ๔ ขัน้ ตอน ดังนี้

ขนั้ ตอนที่ ๑ การยงิ ชา กระสุนปนจาํ นวน ๑๐ นัด ยงิ ตอเนอื่ ง
จนครบ ๑๐ นบั ภายในเวลา ๕ นาที

ขน้ั ตอนที่ ๒ การยงิ เรง กระสุนปน จํานวน ๑๐ นดั แบง เปน ๒
ชุด ชุดละ ๕ นดั ใชเวลายงิ ชดุ ละ ๒๐ วินาที

ขน้ั ตอนที่ ๓ การยิงเร็ว กระสุนปนจาํ นวน ๑๐ นัด แบงเปน ๒
ชดุ ชุดละ ๕ นดั ใชเ วลายิงชุดละ ๑๐ วนิ าที

ขน้ั ตอนที่ ๔ การยงิ เปา หนุ เงาคน กระสนุ ปน จาํ นวน ๑๐ นัด
แบง เปน ๒ ชุด ชดุ ละ ๕ นดั ใชเวลายงิ ชุดละ ๑๒ วินาที

๕๖

๕.๒ การยิงปนพกแบบ เอ็น.อาร. เอ. มี ๒ ประเภท คอื ประเภทปน พกลูกโม
และประเภทปนพกกึ่งอัตโนมัติ มวี ิธีการยิงแตละประเภท ดังน้ี

๕.๒.๑ วธิ ีการยงิ ประเภทปนพกลกู โม
ขน้ั ตอนท่ี ๑ การยิงชา
¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “แนวยิงประจําที่”
¼ÂÙŒ Ô§ ยนื ในทา ตรงท่ีระยะ ๒๕ หลา นาํ อาวุธปนทีเ่ ปด ลกู โมปน

วางไวบนท่ีวางปน พรอมกระสนุ ปนจาํ นวน ๔๐ นดั
¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ ส่งั “ตรวจอาวธุ ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังครึ่งกาว ลําตัวหางจากที่วางปน

ประมาณ ๑ ฝามือ ยืนทาํ มมุ ประมาณ ๔๕ องศา กบั แนวยงิ ใชม อื จบั อาวุธปน ตรวจสอบอาวธุ ปน วา
อยใู นสภาพพรอมใชงานหรอื ไม ในลํากลองปนไมม ีสิง่ ใดอยูภายใน หมุดยดึ ตัวปนและลูกโมไ มหลวม
คลอนเสรจ็ แลว วางปนบนทว่ี างปน กลับมายนื ในทา ตรง

¼Ù¤Œ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “๕ นดั บรรจุ”
¼ÂŒÙ Ô§ กาวเทาขวาไปดานหลังครึง่ กา ว ใชม ือจบั อาวุธปน และกระสุนปน
จาํ นวน ๕ นัด บรรจุกระสนุ ปน ขณะบรรจุอาวธุ ปนจะตองอยูเ หนอื ท่ีวางปน บรรจเุ สร็จปดลกู โมปน
วางอาวุธปนบนท่วี างปน หันดามปนไปทางดานมือทถ่ี นดั ลํากลองปนช้ไี ปยังเปา กลับมายังในทาตรง
รอฟง คําส่งั
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๑๐ นัด
ใชเ วลา ๕ นาที” และสัง่ ตรวจความพรอ มเปนครัง้ สดุ ทายกอนการยงิ “แนวยิง ซายพรอม ขวาพรอ ม
ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครงั้ ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ใหผ คู วบคมุ
การยงิ ทราบและแกไขใหเรียบรอ ย เมือ่ ผูค วบคมุ การยิงเหน็ วา เรยี บรอ ย ก็ใหส งั่ “เตรยี มตัว ระวัง” และ
ใหส ญั ญาณเริ่มยงิ (รวมเวลา ๕ วนิ าทีในการสง่ั ) พรอ มกบั บันทกึ เวลา
¼ÂŒÙ §Ô เมอ่ื ไดย นิ คาํ สงั่ “พรอ ม” ถา ตอ งการยงิ โดยงา งนกปน ใหง า ง
นกปนในจังหวะน้ี นวิ้ ช้ีจะตอ งอยูนอกโกรง ไกปน
¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สงั่ “เตรยี มตวั ระวงั ” ใหย กอาวธุ ปน ขน้ึ ในระดบั
สายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา แขนเหยียดตึงพรอมกับเล็งศูนยปนใหชัดเจน น้ิวชี้แตะท่ีไกปนแตยัง
ไมตองเดินไกปนหรือเพิ่มนํ้าหนกั การเหน่ยี วไกปน
¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สงั่ หรอื สญั ญาณใหเ รม่ิ ยงิ โดยเวลาจะหา งจาก
คําส่งั “ระวัง” ๒ วินาทีใหเ ร่ิมยงิ ได การยงิ นัดตอ ไปจะงา งนกปน หรือไมงางนกปนกไ็ ด ในข้นั ตอนการ
ยงิ ชาสามารถลดปน ในระหวางการยงิ ได ยงิ จาํ นวน ๒ ชดุ ชดุ ละ ๕ นดั ภายในเวลา ๕ นาที เมือ่ ยงิ
เสรจ็ ใหเ ลิกบรรจุ วางอาวุธปน ไวบนทว่ี างปน ในลกั ษณะเปดลกู โมป น กลับมายนื ในทา ตรง รอฟงคาํ สัง่
ตอไป

๕๗

¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô ในระหวา งการยงิ ชา จะเตอื นเวลาผยู งิ เมอื่ เหลอื
เวลา ๒ นาที ๑ นาที และ ๓๐ วินาที ใหสญั ญาณ “หยุดยิง” เม่ือครบกาํ หนด ๕ นาที พรอมกับหยดุ
เวลาและตรวจสอบ ถา เห็นวา ผยู งิ ปฏบิ ตั ิถูกตอง สั่ง “ตรวจอาวุธ”

¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู
เสร็จแลว เปด ลกู โมปน วางอาวธุ ปนบนทีว่ างปน

ขัน้ ตอนท่ี ๒ การยิงเรง
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงชา โดยมี
สวนท่ีแตกตางกนั ดงั นี้
๑. ใชเ วลายงิ ชดุ ละ ๒๐ วนิ าที
๒. ในการยิงแตล ะชุดหา มผยู ิงลดปน ลงในขณะยงิ
๓. ในขณะยงิ ผูค วบคุมการยงิ ไมต อ งเตือนเวลา
๔. หลังจากการยิงชุดแรกเสร็จ ใหผูควบคุมการยิงส่ังบรรจุ
กระสนุ ชดุ ใหม
ข้ันตอนท่ี ๓ การยิงเรว็
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรง โดยมี
สวนท่ีแตกตางกนั ทก่ี ารยงิ เร็วใชเ วลายงิ ชดุ ละ ๑๐ วินาที
ข้นั ตอนที่ ๔ การยิงเปาหนุ เงาคน
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรงและ
ยิงเร็วโดยมีสวนท่แี ตกตางกัน ดงั น้ี
๑. หลังจากท่ีผูยิงบรรจุกระสุนเสร็จแลว ใหยืนในทาตรง
หันหนา เขาหาแนวเปา หา มจบั อาวุธปนจนกวา จะไดร บั สัญญาณเรม่ิ ยงิ
๒. เมอื่ ผยู งิ ไดร บั สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ใหผ ยู งิ จบั อาวธุ ปน และปฏบิ ตั ิ
เชนเดยี วกบั การยิงเรงและยงิ เร็ว
๓. ใชเ วลายิงชดุ ละ ๑๒ วนิ าที
๕.๒.๒ วิธกี ารยงิ ประเภทปน พกกง่ึ อัตโนมตั ิ
ข้นั ตอนท่ี ๑ การยิงชา
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สัง่ “แนวยงิ ประจาํ ท่”ี
¼ÂÙŒ Ô§ ยนื ในทา ตรงที่ระยะ ๒๕ หลา นาํ อาวุธปน ทีเ่ ปดลาํ เลื่อน
คา งไวว างไวบนที่วางปน พรอมซองกระสนุ ปนและกระสุนปนจํานวน ๓๐ นัด
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ สง่ั “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังครึ่งกาว ลําตัวหางจากท่ีวางปน
ประมาณ ๑ ฝามือ ยนื ทาํ มุมประมาณ ๔๕ องศา กบั แนวยงิ ใชมือจบั อาวุธปน ตรวจสอบอาวุธปน วา
อยใู นสภาพพรอ มใชง านหรอื ไม ในลาํ กลอ งปน ไมม สี งิ่ ใดอยภู ายใน ตรวจสอบซองกระสนุ ปน เสรจ็ แลว
วางปน บนท่วี างปน กลบั มายืนในทา ตรง

๕๘

¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “๕ นัด บรรจ”ุ
¼ÂŒÙ §Ô กา วเทา ขวาไปดา นหลงั ครง่ึ กา ว ใชม อื หยบิ กระสนุ ปน จาํ นวน
๕ นดั บรรจกุ ระสนุ ปน ในซองกระสนุ ปน (ถา มซี องกระสนุ ปน จาํ นวน ๒ ซอง ใหบ รรจกุ ระสนุ ปน ในซอง
กระสนุ ปน เมอ่ื บรรจเุ สรจ็ ปลดลาํ เลอ่ื นไปดา นหนา ในลกั ษณะพรอ มยงิ นวิ้ อยนู อกโกรง ไกปน ลาํ กลอ งปน
ชี้ไปยังเปา จัดทาทางการยิง โดยใหหันขางลําตัวดานมือถนัดเขาหาแนวยิง เทาหางกันประมาณ ๑
ชวงไหล ใชมือที่ถนดั จับอาวธุ ปน มือทไ่ี มถนดั เทา ทเ่ี อว ลวงกระเปา หรอื ใชนิ้วเกย่ี วไวท ข่ี อบกางเกง
หา มสว นหนึง่ สว นใดของรา งกายสัมผสั ท่ีวางปน เทาจะตองไมเ หยยี บเสน แนวยิง รอฟง คาํ ส่งั
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๑๐ นัด
ใชเวลา ๕ นาที” และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครง้ั สดุ ทายกอ นการยิง “แนวยงิ ซายพรอม ขวาพรอม
ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครงั้ ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ใหผ คู วบคมุ
การยงิ ทราบและแกไขใหเ รียบรอ ย เมอ่ื ผคู วบคุมการยิงเห็นวาเรยี บรอย กใ็ หส่งั “เตรยี มตัว ระวงั ” และ
ใหสญั ญาณเริม่ ยงิ (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสง่ั ) พรอมกบั บันทกึ เวลา
¼ÙŒÂÔ§ เม่ือไดยินคําส่ัง “เตรียมตัว” ใหยกอาวุธปนข้ึนในระดับ
สายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา แขนเหยียดตึงพรอมกับเล็งศูนยปนใหชัดเจน นิ้วชี้แตะท่ีไกปนแตยัง
ไมต องเดินไกปนหรือเพ่มิ นาํ้ หนักการเหนยี่ วไกปน
¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สงั่ หรอื สญั ญาณใหเ รม่ิ ยงิ โดยเวลาจะหา งจาก
คาํ สั่ง “ระวงั ” ๒ วนิ าที ใหเ รม่ิ ยิงได ในข้ันตอนการยิงชา สามารถลดปน ในระหวางการยงิ ได ยิงจํานวน
๒ ชุด ชุดละ ๕ นัด ภายในเวลา ๕ นาที เม่ือยิงเสร็จใหเลิกบรรจุโดยปลดซองกระสุนปนออกจาก
ตัวปน และวางอาวุธปน บนทวี่ างปน ในลกั ษณะเปด ลาํ เลือ่ นปน คา งไว กลบั มายนื ในทาตรง รอฟงคาํ สั่ง
ตอไป
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô ในระหวา งการยงิ ชา จะเตอื นเวลาผยู งิ เมอื่ เหลอื
เวลา ๒ นาที ๑ นาที และ ๓๐ วินาที ใหส ญั ญาณ “หยดุ ยงิ ” เมอื่ ครบกาํ หนด ๕ นาที พรอ มกบั หยดุ
เวลาและตรวจสอบ ถา เห็นวาผยู งิ ปฏิบตั ถิ ูกตอง สั่ง “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู
เสรจ็ แลว เปดลําเลอื่ นปนคางไว วางอาวุธปนบนทีว่ างปน
ขน้ั ตอนที่ ๒ การยิงเรง
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงชา โดยมี
สว นท่ีแตกตา งกัน ดังน้ี
๑. ใชเวลายงิ ชุดละ ๒๐ วนิ าที
๒. ในการยงิ แตละชุดหา มผยู งิ ลดปน ลงในขณะยิง
๓. ในขณะยงิ ผคู วบคุมการยิงไมตอ งเตือนเวลา
๔. หลงั จากการยงิ ชดุ แรกเสรจ็ ใหผ คู วบคมุ การยงิ สง่ั บรรจกุ ระสนุ
ชุดใหญ เสรจ็ แลวใหปฏิบัตติ ามขน้ั ตอนการยิง

๕๙

ข้นั ตอนท่ี ๓ การยิงเรว็
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรง โดยมี
สวนที่แตกตางกันที่การยงิ เร็วใชเวลายงิ ชดุ ละ ๑๐ วนิ าที
¢ÍŒ ö กฎการยงิ ปนพกมาตรฐานแบบ เอน็ .อาร.เอ.
๖.๑ กอนยงิ จะตองเขียนยศ ช่ือตัว ชอื่ สกลุ สังกดั และรายละเอยี ดอื่นๆ ตาม
ทกี่ าํ หนดลงบนแผน เปา กรณฝี า ฝนถอื เปน โมฆะ
๖.๒ หา มทาํ ตาํ หนิ จดุ เลง็ หรอื เครอ่ื งหมายใดๆ บนแผน เปา กรณฝี า ฝน ถอื เปน
โมฆะ
๖.๓ หา มผูย งิ บรรจุกระสนุ ปน กอ นทจี่ ะไดรับคําส่ังใหบรรจุ
๖.๔ ในระหวางยิงท้ังปนพกลูกโมและปนพกก่ึงอัตโนมัติ หากเกิดเหตุขัดของ
ทําใหเสียเวลาในการยิงตามกําหนดเวลา ซึ่งมิใชเกิดจากความบกพรองของผูยิง เชน กระสุนปนดาน
ปนขัดลาํ เปนตน ใหปฏิบัติดงั น้ี
ในการยิงชาใหผูยิงแกไขภายในเวลาที่กําหนด สวนในการยิงเรง ยิงเร็ว
และยิงเปาหุนเงาคนใหผูควบคุมชองยิงตรวจสอบเหตุขัดของ หากพบวากระสุนปนดาน ปนขัดลํา
ใหผูควบคุมการยิงส่ังใหผูยิงยิงแกไข โดยใหเฉลี่ยเวลาตามข้ันตอนการยิงและตามจํานวนกระสุนปน
ทเี่ กิดเหตขุ ดั ของ
๖.๕ หามยิงกอนคําส่ังหรือสัญญาณเร่ิมยิง หรือยิงหลังคําส่ังหรือสัญญาณ
หยดุ ยิงหากฝาฝน ใหต ดั คะแนนสงู สุดในชุดยิงน้นั ตามจาํ นวนนดั ทไ่ี ดย งิ ไป
๖.๖ หากปรากฏวาผูใดไมเช่ือฟงคําสั่งหรือไมปฏิบัติตามคําส่ังหรือคําแนะนํา
ของผคู วบคุมการยงิ ผคู วบคมุ การยิงมีอาํ นาจส่งั ใหผ ูน้นั ออกไปนอกบรเิ วณสนามยิงปน ไดท นั ที
๖.๗ การตดั สนิ ของผคู วบคุมการยงิ ใหถือเปนอนั ยุติ
¢ÍŒ ÷ การนับคะแนน
๗.๑ เปาวงกลม นับคะแนนตง้ั แต ๕-๑๐ คะแนน สวนวง x ใหนับคะแนนเปน
๑๐ คะแนน
๗.๒ เปา หุน เงาคน บริเวณพืน้ ทอี่ ักษร ต เทา กบั ๑๐ คะแนน และบริเวณพืน้ ท่ี
อักษร พ เทากบั ๕ คะแนน
๗.๓ การนับคะแนนใหนับคะแนนตามเสนเขตท่ีแบงไวในเปา รอยกระสุนปน
ตอ งตัดเสนแบง เขตเปา ขาดใหถ ือคาคะแนนตามบริเวณคะแนนทส่ี ูงกวา
๗.๔ หา มแตะตองหรือสมั ผัสรอยกระสุนปน บนแผนเปา ตรวจสอบพบถอื เปน
โมฆะ
๗.๕ คะแนนเต็มแตละเปาเปน ๑๐๐ คะแนน สําหรบั ปนพกลกู โมคดิ เปน ๔๐๐
คะแนน สวนปนพกกึง่ อัตโนมัติทกุ เปารวม ๓๐๐ คะแนน

๖๐

๗.๖ กรณรี อยกระสนุ ปนเกนิ อยูใ นเปา
๗.๖.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามีรอย

กระสุนปนในเปาของทางซายหรือขวาไมครบ ใหตัดคะแนนของรอยกระสุนปนท่ีไดคะแนนต่ําสุด
ที่ปรากฏในเปา ทเ่ี กินออกไป

๗.๖.๒ ถาตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวาแลว
ปรากฏวามีรอยกระสุนปนของเปาทางซายและขวาครบ ใหตัดคะแนนสูงสุดของรอยกระสุนปนที่เกิน
ออกไป

¢ŒÍ ø เคร่ืองหมายแมน ปน มี ๒ ประเภท แตละประเภทแบงออกเปน ๕ ชน้ั มีลกั ษณะ
ดงั นี้

๘.๑ ประเภทปน พกลกู โม
เคร่ืองหมายแมนปนมีลักษณะเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา ปลายมุมโคงมน

ยกขอบ มีขนาดกวาง ๒.๒ เซนตเิ มตร ยาว ๒.๘ เซนตเิ มตร หนา ๐.๑๕ เซนตเิ มตร ทีม่ ุมทง้ั สดี่ า น
ดนุ เปน ลายกนก ตรงกงึ่ กลางเครอ่ื งหมายดนุ เปน รปู พระแสงดาบเขนและโล และมรี ปู จาํ ลองปน พกลกู โม
พรอ มกระสนุ ปน ขนาดพองามดนุ นนู พาดทบั อยบู นรปู พระแสงดาบเขนและโลอ กี ชน้ั หนง่ึ ปากกระบอก
ปนหนั ออกจากลําตวั ของผทู ี่ประดับเคร่อื งหมาย สขี องเครื่องหมายแตกตา งกัน ดังน้ี

ชั้นเย่ียม สีของพื้น ลายกนก รูปจําลองปนพกลูกโมและกระสุนปนเปน
สที องบรเิ วณพ้นื ที่ดา นในของรูปพระแสงดาบเขนและโลล งยาสีแดง

ชนั้ ท่ี ๑ สีของเครอ่ื งหมายท้ังหมดเปนสที อง
ช้นั ที่ ๒ สขี องเครื่องหมายท้งั หมดเปน สีเงนิ
ช้นั ที่ ๓ สขี องเครอ่ื งหมายทั้งหมดเปนสีทองแดง
เคร่ืองหมายแมนปนช้ันกิตติมศักดิ์มีลักษณะเชนเดียวกับเคร่ืองหมาย
แมน ปน ช้ันเย่ยี ม แตกตางทล่ี ายกนกและพ้นื ของเครือ่ งหมายลงยาสีแดง
๘.๒ ประเภทปนพกกง่ึ อตั โนมัติ
มลี ักษณะเชนเดยี วกบั เครอื่ งหมายแมนปน ประเภทปนพกลูกโม แตกตา ง
ทรี่ ูปจําลองปน และกระสุนปน เปน ปนพกกงึ่ อัตโนมตั แิ ละกระสนุ ปนพกก่งึ อตั โนมัติ
ลกั ษณะของเครื่องหมายแมน ปน แตละประเภทตามแบบทา ยบทนี้
¢ŒÍ ù การเทียบวฒุ ิ
๙.๑ ประเภทปนพกลกู โม
ชัน้ เย่ียม ตอ งไดคะแนน ๓๘๐-๔๐๐ คะแนน
ชน้ั ท่ี ๑ ตอ งไดค ะแนน ๓๖๐-๓๗๙ คะแนน
ช้ันที่ ๒ ตองไดคะแนน ๓๒๐-๓๕๙ คะแนน
ชั้นที่ ๓ ตอ งไดคะแนน ๒๘๐-๓๑๙ คะแนน

๖๑

๙.๒ ประเภทปนพกกึ่งอตั โนมตั ิ
ช้ันเยี่ยม ตองไดค ะแนน ๒๘๖-๓๐๐ คะแนน
ชั้นที่ ๑ ตองไดค ะแนน ๒๗๐-๒๕๘ คะแนน
ชั้นท่ี ๒ ตอ งไดค ะแนน ๒๔๐-๒๖๙ คะแนน
ชั้นท่ี ๓ ตอ งไดค ะแนน ๒๑๐-๒๓๙ คะแนน

๖๒

ÀÒ¾à¤ÃèÍ× §ËÁÒÂáÁ¹‹ »¹„ ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂÔ§»„¹¾¡áºº àÍç¹.ÍÒÏ.àÍ.
»ÃÐàÀ·»„¹¾¡Å¡Ù âÁ‹

เครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั เยยี่ ม เปน เครอ่ื งหมายแมน ปน ทองพเิ ศษ

เคร่อื งหมายแมนปนช้ันที่ ๑ เปน เครือ่ งหมายแมน ปน ทอง

เครอ่ื งหมายแมนปน ชน้ั ที่ ๒ เปน เครื่องหมายแมน ปน เงิน

เคร่อื งหมายแมน ปน ชนั้ ท่ี ๓ เปนเครอ่ื งหมายแมน ปนทองแดง

เคร่อื งหมายแมน ปนชัน้ กิตติมศักดิ์

๖๓

ÀÒ¾à¤Ã×èͧËÁÒÂáÁ¹‹ »„¹ ËÅÑ¡ÊÙμáÒÃÂÔ§»„¹¾¡áºº àÍç¹.ÍÒÏ.àÍ.
»ÃÐàÀ·»„¹¾¡¡§Öè ÍÑμâ¹ÁμÑ Ô

เครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั เยี่ยม เปนเครื่องหมายแมนปน ทองพเิ ศษ

เคร่อื งหมายแมนปนชัน้ ท่ี ๑ เปน เคร่ืองหมายแมน ปนทอง
เคร่อื งหมายแมนปน ชัน้ ที่ ๒ เปน เครอ่ื งหมายแมน ปน เงนิ
เครอื่ งหมายแมนปนชน้ั ที่ ๓ เปน เคร่อื งหมายแมนปนทองแดง
เครอ่ื งหมายแมน ปน ช้นั กิตติมศักดิ์

๖๔

ÀÒ¾ÅѡɳÐà»Ò‡ ǧ¡ÅÁáÅÐ໇ÒËØ‹¹à§Ò¤¹
ËÅÑ¡Êμ٠áÒÃÂÔ§»¹„ ¾¡áºº à͹ç .ÍÒÏ.àÍ.

๖๕

ÅѡɳзÕè õø
¡ÒÃÂ§Ô »¹„ ¢Í§สาํ ¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ

º··èÕ ö
ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒÃÂÔ§»„¹¾¡μ‹ÍÊٌẺ ¾.Õ ¾.Õ «.Õ

PRACTICAL PISTOLS COURSE (P.P.C.)

หลักสูตรการยิงปนพกตอสูแบบ พี.พี.ซี. เปนหลักสูตรการยิงปนท่ีจะทําใหผูรับการฝก
มีความสามารถในการใชอาวุธปนอยางถูกตองปลอดภัย มีความคลองตัวในการใชอาวุธปนตอสู
ปอ งกนั ตวั รจู กั การใชภ ูมปิ ระเทศเปนทก่ี าํ บงั อยา งเหมาะสม โดยมีหลักเกณฑ ขั้นตอน และวธิ ีการยงิ
ดังนี้

¢ÍŒ ñ อาวุธปน
๑.๑ ปนพกลูกโม ขนาด .๓๘ นิ้ว หรือ .๓๕๗ น้ิว มีความยาวลํากลองปน

ไมเ กิน ๔ นิ้ว
๑.๒ ปนพกกงึ่ อัตโนมตั ิ ขนาด ๙ มิลลเิ มตร ๑๐ มลิ ลเิ มตร หรือ ๑๑ มลิ ลิเมตร

มีความยาวลาํ กลอ งปนไมเกนิ ๕.๕ นิ้ว
อาวธุ ปน ทกุ ประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผผู ลิต ไมตดิ ตัง้ เครื่องชวยเล็งหรือ

อุปกรณเสริมใด ๆ ลาํ กลอ งปน ไมม ีการเจาะรเู พอ่ื ลดแรงสะบดั
¢ŒÍ ò กระสุนปน
๒.๑ ปนพกลูกโม ใชก ระสนุ ปนขนาด .๓๘ นว้ิ หรือ .๓๕๗ น้วิ จาํ นวน ๕๐ นดั
๒.๒ ปน พกกงึ่ อตั โนมตั ิ ใชกระสนุ ปนขนาด ๙ มิลลิเมตร ๑๐ มิลลิเมตร หรอื

๑๑ มิลลิเมตร จํานวน ๕๐ นัด
¢ÍŒ ó ซองปน
เปน ซองปน ชนดิ พกนอกหมุ โกรง ไกปน สาํ หรบั ใชก บั เครอ่ื งแบบคาดตดิ เขม็ ขดั หา มใชซ องปน

คาดตาํ่ กวา แนวเขม็ ขัดชนดิ ผูกติดขา ซองเปลือย หรอื มองเหน็ ลํากลองปน
¢ŒÍ ô เปา ปน
เปา หนุ เงาคน จาํ นวน ๑ แผน มรี ปู รา งลกั ษณะคลา ยคนครง่ึ ตวั มคี วามสงู ตง้ั แตศ รี ษะถงึ เอว

๔๑.๕ นิ้ว มคี วามกวา งต้งั แตแ ขนขวาถึงแขนซาย ๒๘.๕ นว้ิ แขนขวาของเปาหุนทาํ ทา ชักปน แขนซา ย
ปลอ ยหอ ย บรเิ วณเปา มเี สน แบงคะแนน ๕ คะแนน ๔ คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน และ ๐ คะแนน
เปน เปา ยงิ ปน ในแบบ P.P.C. โดยเฉพาะตามมาตรฐานของ F.B.I. ลกั ษณะของเปา ปน ตามแบบทา ยบทนี้

๖๖

¢ŒÍ õ ลักษณะของสนาม
๕.๑ สนามตอ งมรี ะยะยงิ ๖๐ หลา แตล ะชอ งยงิ มรี ะยะหา งกนั ไมน อ ยกวา ๖ หลา

แบง ระยะยงิ เปน ๔ ระยะ คือ ๖๐ หลา ๕๐ หลา ๒๕ หลา และ ๗ หลา
๕.๒ ท่ีระยะ ๕๐ หลา และ ๒๕ หลา มีท่ีกําบังสงู ๑๘๐ เซนตเิ มตร ความกวา ง

ไมนอยกวา ๓๐ เซนตเิ มตร
¢ŒÍ ö ขั้นตอนการฝก และวิธกี ารยิง
๖.๑ การยิงปน พกตอสูแบบ พี.พี.ซ.ี แบงออกเปน ๒ ภาค
๖.๑.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใชอาวุธปน

การจับปน การเล็ง การล่ันไก ทาทางการยิง การบรรจุกระสุนปน การเลิกบรรจุ การใชที่กําบัง
การแกไขปญ หาขอ ขัดขอ ง ใชเ วลา ๒๐ ชั่วโมง

๖.๑.๒ ภาคปฏิบัติ เปนการฝกยิงดวยกระสุนปนหลังจากการฝก
ภาคทฤษฎีแบง การยงิ ออกเปน ๒ ประเภท คอื “ประเภทไมจ ํากดั เวลา” และ “ประเภทจาํ กดั เวลา”

๖.๑.๒.๑ การยิงประเภทไมจํากัดเวลา ใหยิงตามหลักเกณฑ
ขั้นตอน และวิธีการยิงเชนเดียวกับการยิงประเภทจํากัดเวลา ฝกยิงครั้งละหลายคน โดยใหเปล่ียน
ระยะยงิ พรอ ม ๆ กัน ใชกระสุนปน จาํ นวน ๕๐ นัด

๖.๑.๒.๒ การยงิ ประเภทจาํ กดั เวลา เปน การทดสอบและบนั ทกึ
คะแนนเปน หลกั ฐาน ใชกระสนุ ปน จาํ นวน ๕๐ นดั

ผูท่ีจะยิงประเภทจํากัดเวลาตองผานการฝกภาคทฤษฎีและตอง
ยงิ ปน ประเภทไมจาํ กัดเวลามากอ น โดยไดค ะแนนไมต่ํากวารอ ยละ ๖๐

¢ÍŒ ÷ การยงิ ปน แบบ พ.ี พ.ี ซ.ี มี ๒ ประเภท คอื ประเภทปน พกลกู โม และประเภทปน พก
กึ่งอตั โนมตั ิ มวี ิธีการยิงแตล ะประเภท ดังน้ี

๗.๑ วธิ ีการยิงประเภทปน พกลกู โม
ข้ันตอนท่ี ๑ ระยะ ๗ หลา ทา ยิงฉบั พลนั ใชก ระสนุ ปน จํานวน ๑๐ นัด

บรรจกุ ระสุนปน คร้งั ละ ๕ นัด จํานวน ๒ ครั้ง ใชเ วลา ๒๕ วนิ าที ยิงโดยไมงา งนกปน
¼ÂÙŒ §Ô ยืนรอฟงคาํ สงั่ ท่แี นวยิงระยะ ๗ หลา อาวธุ ปน อยูในซอง กระสุนปน

อยใู นกระเปากางเกงดานขวาจํานวน ๕๐ นดั
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซอง ตรวจอาวุธปนตามแบบฝก ตรวจเสร็จ

เก็บปนใสซอง
¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “๕ นดั บรรจ”ุ
¼ÙŒÂÔ§ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง บรรจุกระสนุ ปนจาํ นวน ๕ นัด ใสล กู โมปน

บรรจเุ สร็จเกบ็ ปน ใสซอง
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “ตอ ไปเปน การยงิ ทรี่ ะยะ ๗ หลา ในทา ฉบั พลนั กระสนุ ปน

๑๐นดั ใชเ วลา๒๕วนิ าท”ี และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครงั้ สดุ ทา ยกอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ มขวาพรอ ม

๖๗

ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครง้ั ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ใหผ คู วบคมุ
การยงิ ทราบและแกไ ขใหเรียบรอ ย เมื่อผูควบคมุ การยงิ เห็นวา เรยี บรอย กใ็ หส่งั “เตรียมตัว ระวัง” และ
ใหส ัญญาณเร่ิมยงิ (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสง่ั ) พรอมกับบันทึกเวลา

¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดร บั สญั ญาณเรมิ่ ยงิ กา วเทา ขา งทถี่ นดั ถอยมาดา นหลงั ประมาณ
ครงึ่ กา ว พรอ มใชมือที่ถนดั ชกั อาวุธปนออกจากซอง ยกปนข้ึนในระดบั สายตา ลาํ กลอ งปนชี้ไปยังเปา
และใชม ือท่ไี มถนดั ชวยประคองปน โดยใหแ ขนขางท่ถี นัดเหยยี ดตึง สว นแขนขา งทีไ่ มถนัดงอเลก็ นอย
ยืนทิ้งนํ้าหนกั ตวั ไปดา นหนา ใชสายตาขา งมือที่จับปนยิงเล็งศนู ยป นใหชัดเจน ยิงจํานวน ๒ ชุด ชดุ ละ
๕ นัด โดยไมง า งนกปน ภายในเวลา ๒๕ วินาที เม่ือยิงเสรจ็ เก็บปน ใสซอง รอฟง คาํ ส่งั ตอ ไป

¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô เมอื่ ครบกาํ หนด ๒๕ วนิ าที ใหส ญั ญาณหยดุ ยงิ พรอ มกบั
หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถา เหน็ วาผยู งิ ปฏบิ ัติถูกตอ ง สั่ง “เลิกบรรจ”ุ

¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซองพรอมกาวเทาขวาไปดานหลังประมาณ
ครง่ึ กา วเปด ลกู โม เทปลอกกระสนุ ปน ปด ลกู โม เกบ็ ปน ใสซ อง ถา มกี ระสนุ ปน เหลอื จากการยงิ ใหส ง คนื
ผูค วบคุมชอ งยิง

¼ŒÙ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “ประจาํ ที่ ๖๐ หลา”
¼ÙŒÂÔ§ เดนิ ไปท่รี ะยะ ๖๐ หลา รอฟงคาํ สงั่ ตอ ไป
ข้นั ตอนที่ ๒ มี ๓ ระยะ ๘ ทา ยิง ใชก ระสนุ ปนจํานวน ๔๐ นัด ใช
เวลา ๕ นาที ๔๕ วินาที
·ÃèÕ ÐÂÐ öð ËÅÒ ทา นอนยงิ จาํ นวน ๕ นดั เมอื่ ยงิ เสรจ็ เคลอื่ นทไ่ี ปทรี่ ะยะ
๕๐ หลา
·èÃÕ ÐÂÐ õð ËÅÒ ทา นัง่ ราบยิงจาํ นวน ๕ นดั ทา นอนยงิ จํานวน ๕ นดั
ทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทไี่ มถ นดั หลงั ทกี่ าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั และทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทถ่ี นดั หลงั ทกี่ าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั
เคลือ่ นทไ่ี ปท่รี ะยะ ๒๕ หลา
·ÃèÕ ÐÂÐ òõ ËÅÒ ทา นั่งคุกเขา ยงิ จาํ นวน ๕ นัด ทายืนยิงดว ยมือท่ีถนดั
หลังท่กี ําบงั จํานวน ๕ นัด และในทายนื ยิงดวยมือท่ีไมถนดั หลังที่กําบังจํานวน ๕ นดั
¼ÂŒÙ §Ô ยนื รอฟง คาํ สง่ั ทแ่ี นวยงิ ระยะ ๖๐ หลา อาวธุ ปน อยใู นซอง กระสนุ ปน
อยูในกระเปา กางเกงดา นขวาจํานวน ๔๐ นัด
¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ ส่งั “ตรวจอาวุธ”
¼ÂŒÙ §Ô ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ตรวจอาวธุ ปน ตามแบบฝก เมอ่ื เสรจ็ เกบ็ ปน
ใสซอง
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สัง่ “๕ นัด บรรจ”ุ
¼ÙÂŒ §Ô ชักอาวุธปนออกจากซอง บรรจุกระสนุ ปนจํานวน ๕ นดั ใสล ูกโมปน
บรรจุเสรจ็ เก็บปนใสซ อง

๖๘

¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “ตอ ไปเปน การยงิ ทรี่ ะยะ ๖๐ หลา ๕๐ หลา และ ๒๕ หลา
มี ๘ ทา ยงิ กระสนุ ปน จาํ นวน ๔๐ นดั ใชเ วลา ๕ นาที ๔๕ วนิ าท”ี และสงั่ ตรวจความพรอ มเปน ครงั้ สดุ ทา ย
กอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครง้ั
ถาขัดของหรือไมพรอม แจงใหผูควบคุมการยิงทราบและแกไขใหเรียบรอย เม่ือผูควบคุมการยิง
เห็นวาเรียบรอย ก็ใหส่ัง “เตรียมตัว ระวัง” และใหสัญญาณเร่ิมยิง (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสั่ง)
พรอมกบั บนั ทกึ เวลา

¼ÙÂŒ Ô§ เมอื่ ไดร บั สญั ญาณเรมิ่ ยงิ ลดตวั ลงในทา คกุ เขา พรอ มกบั ใชม อื ทถี่ นดั
ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ลาํ กลอ งปน ชไ้ี ปยงั เปา ใชม อื ทไ่ี มถ นดั เทา พนื้ ทรดุ ตวั ลงในทา นอนควา่ํ งอขาขา ง
ทไ่ี มถ นดั เลก็ นอ ย ใชม อื ทไี่ มถ นดั ชว ยประคองปน แขนทง้ั สองขา งเหยยี ดตงึ ใชส ายตาขา งมอื ทจ่ี บั ปน ยงิ เลง็
ศนู ยป น ใหช ดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั โดยงา งนกปน หรอื ไมง า งนกปน กไ็ ด เมอ่ื ยงิ เสรจ็ เอยี งตวั ไปดา นทไ่ี มถ นดั
เล็กนอย เลิกบรรจุและบรรจุกระสุนชุดใหมจํานวน ๕ นัด ปดลูกโม และลุกขึ้นยืนเก็บปนใสซอง
ใชมือทีถ่ นัดจบั ดามปนพรอมเคลอื่ นทไี่ ปที่ระยะ ๕๐ หลา

¼ÙŒÂ§Ô ทีร่ ะยะ ๕๐ หลา ดา นขวาทีก่ าํ บัง ในแนวยิงนี้ผูย งิ สามารถยิงแบบ
งางนกปนหรอื ไมงา งนกปนกไ็ ด ลดตัวลงในทานง่ั ราบ พรอมกับใชม อื ทถ่ี นดั ชักอาวธุ ปน ออกจากซอง
ลํากลอ งปน ชไ้ี ปยงั เปา สว นมอื ทีไ่ มถนดั ชว ยประคองปน แขนท้งั สองขางเหยียดตงึ วางอยบู นหวั เขา
ยงิ จาํ นวน ๕ นดั

เมอื่ ยงิ เสรจ็ ใหเ ลกิ บรรจุ เปด ลกู โม อาวธุ ปน ยงั อยใู นมอื ซา ย ใชม อื ขวาเทา พน้ื
หมนุ ตวั ลงในทา นอนควํ่า บรรจุกระสุนปนในทา นอนตะแคงจาํ นวน ๕ นดั ยงิ ในทานอน ยิงจํานวน
๕ นัด

เมือ่ ยิงเสร็จใหล ุกข้ึนยืน เลกิ บรรจุและบรรจกุ ระสนุ ชุดใหมจํานวน ๕ นัด
จดั ทา ทางในทา ยนื ยงิ หลงั ทก่ี าํ บงั ดา นทไี่ มถ นดั ดว ยมอื ทไ่ี มถ นดั โดยมอื ทไี่ มถ นดั จบั ปน เหยยี ดออกไป
ขางที่กําบังดานที่ไมถนัด มือที่ถนัดชวยประคองปน กาวเทาขางที่ถนัดไปดานหนาประมาณครึ่งกาว
ลําตวั ตั้งตรง ใชส ายตาขางมือทจี่ บั ปน ยิงเล็งศูนยปน ใหชดั เจน ยิงจํานวน ๕ นดั

เมื่อยิงเสร็จเลิกบรรจุและบรรจุกระสุนชุดใหมจํานวน ๕ นัด จัดทาทาง
ในทายืน ยิงหลังท่ีกําบังดานที่ถนัดดวยมือที่ถนัด โดยมือท่ีถนัดจับปนเหยียดออกไปขางท่ีกําบัง
ดา นทถ่ี นดั มอื ทไี่ มถ นดั ชว ยประคองปน กา วเทา ขา งทไี่ มถ นดั ไปดา นหนา ประมาณครงึ่ กา ว ลาํ ตวั ตงั้ ตรง
ใชส ายตาขางมอื ท่จี บั ปนยิงเลง็ ศูนยปนใหช ัดเจน ยิงจาํ นวน ๕ นดั

เมอื่ ยงิ เสรจ็ เลกิ บรรจแุ ละบรรจกุ ระสนุ ชดุ ใหมจ าํ นวน ๕ นดั เกบ็ ปน ใสซ อง
ใชม ือท่ถี นดั จับดา มปน เคล่อื นที่ไปทร่ี ะยะ ๒๕ หลา

¼ÂŒÙ §Ô ทรี่ ะยะ ๒๕ หลา ดา นขวาทกี่ าํ บงั ในแนวยงิ นผี้ ยู งิ ตอ งยงิ แบบไมง า ง
นกปน ลดตัวลงในทาคุกเขาขางท่ีถนัดลงกับพื้น เทาขางที่ไมถนัดอยูดานหนา พรอมกับใชมือท่ีถนัด
ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ยกปน ขนึ้ ในระดบั สายตา ลาํ กลอ งปน ชไี้ ปยงั เปา สว นมอื ทไ่ี มถ นดั ชว ยประคอง
ปนใชสายตาขางมอื ท่จี บั ปนยงิ เล็งศนู ยปน ใหช ัดเจน ยงิ จํานวน ๕ นดั

๖๙

เม่ือยิงเสร็จลุกขึ้นยืน เลิกบรรจุและบรรจุกระสุนชุดใหมจํานวน ๕ นัด
หลังทก่ี ําบงั จัดทา ยิงในทา ยนื ยงิ ดวยมอื ทถี่ นัดหลงั ทกี่ ําบงั ดานท่ถี นดั ใชสายตาขางมอื ที่จับปนยงิ เลง็
ศูนยป นใหชดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นัด

เมื่อยงิ เสรจ็ เลิกบรรจแุ ละบรรจกุ ระสนุ ชดุ ใหมจ ํานวน ๕ นดั หลังที่กําบัง
จดั ทายงิ ในทายนื ยงิ ดว ยมือที่ไมถ นัดหลังทีก่ ําบังดานทีไ่ มถนดั ยิงจาํ นวน ๕ นัด เม่ือยิงเสร็จเก็บปน
ใสซ อง รอฟง คําสง่ั ตอไป

¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô เมอ่ื ครบกาํ หนด ๕ นาที ๔๕ วินาที ใหส ญั ญาณหยดุ ยงิ
พรอมกับหยุดเวลาและตรวจสอบ ถาเห็นวาผูย ิงปฏบิ ัติถกู ตอง สั่ง “เลกิ บรรจ”ุ

¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซองพรอมกาวเทาขวาไปดานหลังครึ่งกาว
เปดลูกโม เทปลอกกระสุนปน ปดลูกโม เก็บปนใสซอง ถามีกระสุนปนเหลือจากการยิงใหสงคืน
ผูควบคมุ ชอ งยิง

¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “ตรวจอาวธุ ”
¼ÂŒÙ Ô§ ชกั อาวธุ ปนออกจากซอง ตรวจอาวุธปน ตรวจดอู ุปกรณป น ทกุ ช้ิน
อยคู รบ ไมมีกระสนุ ปน หรอื ปลอกกระสนุ ปน อยูในลูกโม ตรวจเสร็จเก็บปน ใสซอง
๗.๒ วิธกี ารยงิ ประเภทปนพกกึ่งอตั โนมัติ
ข้นั ตอนท่ี ๑ ระยะ ๗ หลา ทายงิ ฉับพลนั ใชกระสุนปนจํานวน ๑๐ นัด
บรรจกุ ระสุนปน ใสซ องกระสนุ ปนซองละ ๕ นัด จาํ นวน ๒ ซอง ใชเ วลา ๒๐ วนิ าที
¼ŒÂÙ Ô§ ยนื รอฟง คาํ สงั่ ทแี่ นวยงิ ระยะ ๗ หลา อาวธุ ปน อยใู นซอง กระสนุ ปน
อยูในกระเปากางเกงดานขวาจํานวน ๕๐ นัด ซองกระสุนปนจํานวน ๒ ซอง พกติดเข็มขัดดานมือ
ที่ไมถ นัด
¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “ตรวจอาวธุ ”
¼ÂÙŒ Ô§ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ตรวจอาวธุ ปน ตามแบบฝก เมอ่ื เสรจ็ เกบ็ ปน
ใสซอง
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “บรรจกุ ระสนุ ปน ใสซ องกระสนุ ปน ซองละ ๕ นดั จาํ นวน
๒ ซอง”
¼ÂÙŒ §Ô ดึงซองกระสุนปน บรรจุกระสุนปน บรรจุเสร็จเก็บซองกระสุนปน
ใสซ อง
¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “บรรจุซองกระสุนปน ใสตัวปน ”
¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซอง บรรจุซองกระสุนปนใสตัวปนไมตองขึ้น
ลําเล่ือนปน เก็บปน ใสซ อง
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “ตอ ไปเปน การยงิ ทร่ี ะยะ ๗ หลา ในทา ฉบั พลนั กระสนุ ปน
จาํ นวน ๑๐ นดั ใชเ วลา ๒๐ วนิ าท”ี และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครงั้ สดุ ทา ยกอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ ม
ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครงั้ ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ให

๗๐

ผคู วบคมุ การยงิ ทราบและแกไ ขใหเ รยี บรอ ย เมอื่ ผคู วบคมุ การยงิ เหน็ วา เรยี บรอ ย กใ็ หส งั่ “เตรยี มตวั ระวงั ”
และใหส ัญญาณเร่ิมยิง (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสง่ั ) พรอ มกบั บนั ทกึ เวลา

¼ÂŒÙ §Ô เมอ่ื ไดร บั สญั ญาณเรม่ิ ยงิ กา วเทา ขา งทถ่ี นดั ถอยไปดา นหลงั ประมาณ
ครงึ่ กา ว ใชม อื ทถ่ี นดั ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ยกปน ขนึ้ ในระดบั สายตา ลาํ กลอ งปน ชไี้ ปยงั เปา ใชม อื
ที่ไมถนัดดึงลําเลื่อนปนเพื่อใหกระสุนเขารังเพลิง ใชมือท่ีไมถนัดชวยประคองปน ใหแขนขางที่ถนัด
เหยียดตึง สวนแขนขางที่ไมถนัดงอเล็กนอย ยืนท้ิงนํ้าหนักตัวไปดานหนา ใชสายตาขางมือท่ีจับปน
ยิงเล็งศูนยปนใหชัดเจน ยิงจํานวน ๒ ชุด ชุดละ ๕ นัด ภายในเวลา ๒๐ วินาที เมื่อยิงเสร็จปลด
ซองกระสุนปนออกจากตัวปน ดึงลําเล่ือนปนเพ่ือตรวจอาวุธปนวาไมมีกระสุนคางในลํากลองปน
ปลดลาํ เลื่อนปน ไปดานหนา ลดนกปน เก็บปน ใสซ อง รอฟง คําส่ังตอไป

¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ เมื่อครบกําหนด ๒๐ วินาที ใหสัญญาณหยุดยิง
พรอ มกบั หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถาเห็นวา ผูยิงปฏบิ ตั ถิ ูกตอ ง สั่ง “ตรวจอาวุธ”

¼ÙÂŒ Ô§ ชักอาวุธปนออกจากซอง ตรวจอาวุธปนตามแบบฝก เมื่อเสร็จ
เกบ็ ปน ใสซ อง

¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่งั “ประจาํ ที่ ๖๐ หลา”
¼ÙŒÂÔ§ เดินไปทีร่ ะยะ ๖๐ หลา รอฟงคําส่งั ตอไป
ขั้นตอนท่ี ๒ มี ๓ ระยะ ๘ ทายิง ใชกระสุนปนจํานวน ๔๐ นัด
ซองกระสุนปนจาํ นวน ๑ ซอง ใชเวลา ๖ นาที ๔๕ วนิ าที
·èÕÃÐÂÐ öð ËÅÒ ทานอนยิงจาํ นวน ๕ นัด ยงิ เสร็จเคลือ่ นที่ไปท่รี ะยะ
๕๐ หลา
·ÕèÃÐÂÐ õð ËÅÒ ทา นง่ั ราบยิงจาํ นวน ๕ นัด ทา นอนยงิ จาํ นวน ๕ นัด
ทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทไ่ี มถ นดั หลงั ทก่ี าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั และในทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทถี่ นดั หลงั ทก่ี าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั
เคล่ือนท่ีไปท่ีระยะ ๒๕ หลา
·èÃÕ ÐÂÐ òõ ËÅÒ ทานงั่ คุกเขายงิ จาํ นวน ๕ นัด ทา ยืนยงิ ดว ยมือที่ถนัด
หลังที่กาํ บงั จาํ นวน ๕ นดั และในทา ยืนยิงดวยมอื ทีไ่ มถนดั หลังทกี่ ําบงั จํานวน ๕ นดั
¼ÙŒÂ§Ô ยนื รอฟง คาํ สง่ั ทแ่ี นวยงิ ระยะ ๖๐ หลา อาวธุ ปน อยใู นซอง กระสนุ ปน
อยูใ นกระเปา กางเกงดา นขวาจาํ นวน ๔๐ นัด ซองกระสุนปนพกติดเขม็ ขดั ดา นมอื ทไี่ มถนดั
¼¤ŒÙ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่งั “ตรวจอาวธุ ”
¼ÙŒÂÔ§ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ตรวจอาวธุ ปน ตามแบบฝก เมอื่ เสรจ็ เกบ็
ปน ใสซ อง
¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ ส่งั “บรรจกุ ระสุนปน ๕ นดั ใสซองกระสนุ ปน”
¼ŒÂÙ Ô§ ดงึ ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั ในซองกระสนุ ปน
เม่ือเสร็จเก็บซองกระสนุ ปนใสซอง

๗๑

¼¤ÙŒ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “บรรจซุ องกระสุนปนใสต ัวปน ”
¼ÙŒÂ§Ô ชักอาวธุ ปน ออกจากซอง บรรจุซองกระสุนปน ใสตัวปน ไมต องข้ึน
ลาํ เล่ือนปน เก็บปนใสซ อง
¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “ตอ ไปเปน การยงิ ทรี่ ะยะ ๖๐ หลา ๕๐ หลา และ ๒๕ หลา
มี ๘ ทา ยงิ กระสนุ ปน จาํ นวน ๔๐ นดั ใชเ วลา ๖ นาที ๔๕ วนิ าท”ี และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครง้ั สดุ ทา ย
กอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครง้ั
ถาขดั ขอ งหรือไมพ รอ ม แจง ใหผ ูควบคมุ การยงิ ทราบและแกไ ขใหเ รียบรอ ย เม่ือผูค วบคุมการยงิ เห็นวา
เรียบรอ ย ก็ใหสั่ง “เตรียมตัว ระวัง” และใหส ัญญาณเร่มิ ยงิ (รวมเวลา ๕ วนิ าที ในการสัง่ ) พรอ มกับ
บันทึกเวลา
¼ŒÙÂÔ§ เมื่อไดรับสัญญาณเร่ิมยิงลดตัวลงในทาคุกเขาพรอมกับใชมือ
ที่ถนัดชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนข้ึนในระดับสายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา ใชมือที่ไมถนัดดึง
ลาํ เลอ่ื นปน ใชม อื ทไี่ มถ นดั เทา พน้ื ทรดุ ตวั ลงในทา นอนควาํ่ งอขาขา งทไี่ มถ นดั เลก็ นอ ย ใชม อื ทไี่ มถ นดั
ชว ยประคองปน แขนทง้ั สอขา งเหยยี ดตงึ ใชส ายตาขา งมอื ทจ่ี บั ปน ยงิ เลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั
ยงิ เสรจ็ ปลดซองกระสนุ ปน ปลดลาํ เลอ่ื นปน ไปดา นหนา ลดนกปน วางปน ลงดา นหนา บรรจกุ ระสนุ ชดุ ใหม
จาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน ลกุ ขนึ้ นง่ั คกุ เขา สงู บรรจซุ องกระสนุ ปน ใสต วั ปน ลกุ ขน้ึ ยนื เกบ็ ปน ใสซ อง
ใชม ือท่ีถนดั จับดา มปน พรอมเคลอ่ื นที่ไปที่ระยะ ๕๐ หลา
¼ÙŒÂÔ§ เคล่อื นที่ถงึ ระยะ ๕๐ หลา ดา นขวาท่กี าํ บัง ลดตวั ลงในทาน่งั ราบ
พรอมกับใชมือที่ถนัดชักอาวุธปนออกจากซอง ลํากลองปนช้ีไปยังเปา ใชมือท่ีไมถนัดดึงลําเลื่อนปน
ใชมือท่ีไมถนัดชวยประคองปน แขนทั้งสองขางเหยียดตึงวางอยูบนหัวเขา ใชสายตาขางมือท่ีจับปน
ยงิ เลง็ ศนู ยป นใหช ดั เจน ยิงจาํ นวน ๕ นดั
เม่อื ยงิ เสร็จใหปลดซองกระสนุ ปน วางปนไวด า นหนา ใชม อื ขวาเทา พนื้
หมนุ ตวั ลงในทา นอนควา่ํ นอนบรรจกุ ระสนุ ปน ในทา นอนตะแคงจาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน และบรรจุ
ซองกระสนุ ปน ใสต วั ปน ปลดลาํ เลอื่ นปน ยงิ ในทา นอน ใชส ายตาขา งมอื ทจี่ บั ปน ยงิ เลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน
ยงิ จํานวน ๕ นดั
เม่อื ยงิ เสรจ็ ลุกขน้ึ ยนื ปลดซองกระสนุ ปน เกบ็ ปน ใสซอง อาวุธปน ยงั อยู
ในลกั ษณะคา งลาํ เล่ือนปน บรรจกุ ระสนุ ปนจาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสุนปน ชกั อาวุธปนออกจากซอง
บรรจุซองกระสนุ ปนใสต วั ปน ปลดลาํ เล่ือนปนไปดา นหนา จดั ทา ทางในทา ยนื ยงิ หลงั ทกี่ ําบงั ดานท่ีไมถนดั
ดวยมือท่ีไมถนัด โดยมือท่ีไมถนัดจับปนเหยียดออกไปขางที่กําบังดานท่ีไมถนัด มือถนัดชวยประคองปน
กาวเทาขางท่ีถนัดไปดานหนาประมาณคร่ึงกาว ลําตัวตั้งตรง ใชสายตาขางมือที่จับปนยิงเล็งศูนยปน
ใหชัดเจน ยิงจํานวน ๕ นัด
เม่ือยิงเสร็จปลดซองกระสนุ ปน เกบ็ ปน ใสซอง อาวุธปนยังอยูในลักษณะ
คางลําเล่ือนปน บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด ใสซองกระสุนปน ชักอาวุธปนออกจากซองปน
บรรจซุ องกระสนุ ปน ใสต วั ปน ปลดลาํ เลอ่ื นปน ไปดา นหนา จดั ทา ทางในทา ยนื ยงิ หลงั ทกี่ าํ บงั ดา นทถี่ นดั

๗๒

ดวยมือที่ถนัด โดยมือท่ีถนัดจับปนเหยียดออกไปขางท่ีกําบังดานที่ถนัด มือไมถนัดชวยประคองปน
กาวเทาขางที่ไมถนัดไปดานหนาประมาณครึ่งกาว ลําตัวตั้งตรง ใชสายตาขางมือท่ีจับปนยิงเล็ง
ศนู ยป นใหชดั เจน ยงิ จํานวน ๕ นัด

เม่ือยิงเสร็จปลดซองกระสุนปน ปลดลําเล่ือนปนไปดานหนา ลดนกปน
เก็บปนใสซอง บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด ใสซองกระสุนปน ชักอาวุธปนออกจากซอง
บรรจุซองกระสุนปน ใสตวั ปน เกบ็ ปน ใสซ อง ใชมือทถ่ี นดั จับดา มปนเคล่อื นท่ีไปท่รี ะยะ ๒๕ หลา

¼ÙŒÂÔ§ เคล่อื นทีถ่ ึงระยะ ๒๕ หลา ดา นขวาที่กาํ บงั ลดตวั ลงในทาคุกเขา
ขางที่ถนัดลงกับพ้ืน กาวเทาขางที่ไมถนัดไปดานหนาประมาณครึ่งกาว พรอมกับใชมือท่ีถนัดชัก
อาวุธปนออกจากซอง ลํากลองปนช้ีไปยังเปา ใชมือท่ีไมถนัดดึงลําเลื่อนปน ใชมือที่ไมถนัดชวย
ประคองปน ใชสายตาขา งมอื ทจ่ี บั ปน ยงิ เล็งศนู ยป น ใหชดั เจน ยงิ จํานวน ๕ นัด

เมื่อยิงเสร็จลุกข้ึนยืนปลดซองกระสุนปน เก็บปนใสซอง อาวุธปนยังอยู
ในลกั ษณะคา งลาํ เลื่อนปน และบรรจกุ ระสุนจํานวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน หลงั ที่กําบังชกั อาวุธปน
ออกจากซอง บรรจุซองกระสนุ ปน ใสตวั ปน ปลดลาํ เลื่อนปน ไปดานหนา จดั ทา ยงิ ในทายืนยงิ ดว ยมอื
ทีถ่ นัดหลงั ทก่ี าํ บังดานทีถ่ นดั ใชส ายตาขางมือท่จี บั ปน ยิงเล็งศูนยป นใหช ดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั

เมือ่ ยิงเสร็จปลดซองกระสนุ ปน เก็บปนใสซ อง อาวุธปนยังอยใู นลักษณะ
คา งลาํ เลอื่ นปน และบรรจกุ ระสนุ จาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน หลงั ทกี่ าํ บงั ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง
บรรจซุ องกระสนุ ปน ใสต วั ปน ปลดลาํ เลอื่ นปน ไปดา นหนา จดั ทา ยงิ ในทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทไ่ี มถ นดั หลงั ที่
กําบังดานท่ีไมถนดั ใชส ายตาขา งมือทจ่ี ับปนยงิ เลง็ ศนู ยปน ใหช ัดเจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั

เม่ือยงิ เสร็จปลดซองกระสุนปน เกบ็ ปน ใสซอง รอฟงคําสัง่ ตอไป
ผคู วบคุมการยิง เมือ่ ครบกําหนด ๖ นาที ๔๕ วินาที ใหส ญั ญาณหยุดยิง
พรอ มกบั หยุดเวลาและตรวจสอบ ถาเหน็ วาผูย งิ ปฏบิ ตั ิถกู ตอง สัง่ “ตรวจอาวธุ ”
¼ÂŒÙ §Ô ตรวจอาวุธปน ตรวจดูอุปกรณปนทุกช้ินอยูครบ ไมมีกระสุนปน
หรือปลอกกระสุนปน อยูใ นลาํ กลอ งปน รวมทงั้ ซองกระสนุ ปนทใ่ี ชทุกซอง เสร็จแลว เก็บปน ใสซ อง
¢ŒÍ ø กฎการยงิ ปน พกตอสูแบบ พี.พี.ซ.ี
๘.๑ กอ นยงิ จะตอ งเขยี นยศ ช่ือตวั ช่ือสกุล สงั กดั และรายละเอยี ดอ่ืน ๆ ตาม
ทก่ี ําหนดลงบนแผน เปา กรณีฝา ฝนถอื เปนโมฆะ
๘.๒ หามทําตําหนิ จุดเล็ง หรือเครื่องหมายใด ๆ บนแผนเปา กรณีฝาฝน
ถอื เปน โมฆะ
๘.๓ สาํ หรบั ผทู จ่ี ะใชอ าวธุ ปน พกกง่ึ อตั โนมตั ยิ งิ ในหลกั สตู ร พ.ี พ.ี ซ.ี จะตอ งผา น
การยงิ ปน พกลูกโมในหลกั สูตร พี.พี.ซี. มากอน โดยมคี ะแนนไมต าํ่ กวา ๑๔๙ คะแนน
๘.๔ หา มผูยิงบรรจุกระสนุ ปน กอนที่จะไดรับคําสงั่ ใหบ รรจุ
๘.๕ หา มยงิ กอ นคาํ สง่ั หรอื สญั ญาณเรม่ิ ยงิ หรอื ยงิ หลงั คาํ สง่ั หรอื สญั ญาณหยดุ ยงิ
หากฝา ฝน ใหตดั คะแนนสูงสุดในชดุ ยงิ น้ันตามจาํ นวนนัดทไี่ ดย ิงไป

๗๓

๘.๖ ใหย งิ ตามลาํ ดบั ทา ทก่ี าํ หนดไว ถา ขา มลาํ ดบั ทา ไปแลว จะยอ นกลบั มายงิ ทา ท่ี
ขา มไปไมได ฝา ฝนตดั ๒๕ คะแนน

๘.๗ ยิงทาท่ไี มไดกําหนดไวใ นแบบ พี.พี.ซ.ี ตัดทาละ ๒๕ คะแนน
๘.๘ ผูท่ีปฏบิ ตั ิผดิ ไปจากทาทางท่กี าํ หนดไวทาใด จะตอ งยอ นกลบั ไปทําทา นน้ั
ใหถูกตอ ง จึงจะเคล่ือนที่ตอไปได
๘.๙ อนญุ าตใหน าํ กระสนุ เขา ยงิ ครง้ั ละ ๕๐ นดั เทา นน้ั ฝา ฝน การทดสอบชดุ นน้ั
เปน โมฆะ
๘.๑๐ กรณีกระสนุ ขาดหายขณะยงิ จะขอเพ่ิมไมไ ด
๘.๑๑ หามบรรจกุ ระสนุ เกนิ กวาครั้งละ ๕ นดั ฝา ฝน ตดั ๓๐ คะแนน
๘.๑๒ ที่ระยะ ๗ หลา และ ๒๕ หลา ใหย ิงแบบไมงางนก หากฝา ฝน ตัดนัดละ
๕ คะแนน
๘.๑๓ ในระหวา งยงิ หากเกดิ เหตขุ ดั ขอ งทาํ ใหเ สยี เวลาในการยงิ ตามกาํ หนดเวลา
ซึง่ มิใชเ กดิ จากความบกพรองของผยู งิ เชน กระสุนปน ดา น ปนขดั ลํา เปน ตน

๘.๑๓.๑ ปนพกลูกโม หากพบวากระสุนปนดานใหผูควบคุม
การยงิ ส่ังใหผ ูยิงยิงแกไ ข โดยใหเ ฉลยี่ เวลาตามระยะการยิงและตามจาํ นวนกระสนุ ปนนัดที่ดาน

๘.๑๓.๒ ปน พกกงึ่ อตั โนมตั ิ หากพบวา กระสนุ ปน ดา นและมกี ระสนุ ปน
ท่ีไมไดยิง ใหผูควบคุมการยิงส่ังใหผูยิงยิงแกไข โดยใหเฉล่ียเวลาตามระยะการยิงและตามจํานวน
กระสนุ ปน นดั ทด่ี านและไมไดยงิ

๘.๑๓.๓ กระสนุ ปน ดา นหรอื ชาํ รดุ จะเปลย่ี นใหใ หม และชดเชยเวลาให
๘.๑๓.๓.๑ ทรี่ ะยะ ๗ หลา ชดเชยนดั ละ ๑ วนิ าที
๘.๑๓.๓.๒ ท่รี ะยะอ่นื ๆ ชดเชยใหนดั ละ ๑๕ วนิ าที
(กระสุนปนดานจะตองใหเจาหนาที่ทดลองยิงดวยปน

กระบอกอนื่ อีก ๑ ครงั้ ถา ดา นจริงจงึ จะชดเชยให)
๘.๑๔ ผทู ยี่ งิ ได ๒๕๐ คะแนนเตม็ หรอื ไดร อ ยเปอรเ ซน็ ต จะตอ งยงิ เขา บรเิ วณพน้ื ที่

๕ คะแนน ทง้ั ๕๐ นัด และรอยกระสุนปนทป่ี รากฏบนเปา จะตองสามารถมองเหน็ ไดช ดั เจน และจะ
ตองไมม กี ารตอเวลาเนือ่ งจากกรณกี ระสนุ ปนดานหรอื ชํารดุ หรืออาวุธปน ขดั ขอ งหรอื ชาํ รดุ

¢ŒÍ ù การนับคะแนน
๙.๑ เปา หนุ เงาคนมตี าํ แหนง บรเิ วณคา ของคะแนน๕คะแนน๔คะแนน๓คะแนน

๒ คะแนน และ ๐ คะแนน การนบั คะแนนใหถ ือตามคะแนนท่รี อยกระสุนปนปรากฏอยใู นเปา โดยมี
คะแนนเต็ม ๒๕๐ คะแนน หากนับคะแนนไดเทา ใด ใหคูณดว ย .๔ ผลท่ีไดมเี ศษตั้งแต .๖ ใหป ด เปน ๑

๙.๒ การนับคะแนนใหนับคะแนนตามเสนเขตที่แบงไวในเปา รอยกระสุนปน
ตองตดั เสนแบง เขตเปาขาดใหถ อื คา ตามบริเวณคะแนนท่ีสงู กวา

๗๔

๙.๓ หามใชอุปกรณอยางใดอยางหน่ึงแตะตองหรือสัมผัสรอยกระสุนปน
บนแผนเปา ตรวจสอบพบถือเปนโมฆะ

๙.๔ กรณีรอยกระสนุ ปนเกนิ อยูในเปา
๙.๔.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามีรอย

กระสุนปนในเปาของทางซายหรือขวาไมครบ ใหตัดคะแนนของรอยกระสุนปนท่ีไดคะแนนต่ําสุด
ที่ปรากฏในเปา ที่เกินออกไป

๙.๔.๒ ถาตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวาแลว
ปรากฏวามีรอยกระสุนปนของเปาทางซายและขวาครบ ใหถือวาเปาน้ันเปนโมฆะเนื่องจากจํานวน
กระสนุ ปน เกินกวา ทีก่ าํ หนด

¢ÍŒ ñð เครอื่ งหมายแมนปนมี ๒ ประเภท แตละประเภทมี ๒ ชั้น คอื
๑๐.๑ ประเภทปนพกลกู โม
๑๐.๑.๑ เครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั พ.ี พ.ี ซ.ี ๑๐๐คะแนนเปน รปู ดาวแปดแฉก

สที องขนาดเสน ผา ศนู ยก ลาง๓.๕เซนตเิ มตรหนา๐.๑๕เซนตเิ มตรตรงกลางเปน รปู เปา หนุ เงาคนลงยาสดี าํ
และมรี ูปปน พกลูกโมสีเงิน ๒ กระบอกไขวทบั สวนลา งของเปาหนุ เงาคนเปนภาพแพรแถบโคง ตามวง
สว นลาง และมีอักษร “พ.ี พ.ี ซี. ๑๐๐ คะแนน” จารึกบนภาพแพรแถบ

๑๐.๑.๒ เครอ่ื งหมายแมน ปน ชนั้ คณุ วฒุ ิ พ.ี พ.ี ซ.ี มลี กั ษณะเชน เดยี วกบั
เครอ่ื งหมายแมน ปน ชนั้ พ.ี พ.ี ซ.ี ๑๐๐ คะแนน แตกตา งกนั ทเ่ี ครอ่ื งหมายทาํ ดว ยโลหะเปน รปู ดาวแปดแฉก
สีเงนิ รปู ปน พกลูกโม ๒ กระบอก เปนสีทอง มอี ักษร “คณุ วุฒิ พ.ี พี.ซี.” จารึกอยูบ นภาพแพรแถบ

๑๐.๒ ประเภทปนพกกง่ึ อตั โนมัติ
มีลักษณะเชน เดยี วกบั เคร่อื งหมายแมน ปน ประเภทปน พกลกู โม แตกตา ง

ทรี่ ปู ปนเปนปน พกกึ่งอตั โนมัติ
ลกั ษณะเครือ่ งหมายแมน ปน แตละประเภทตามแบบทายบทนี้
¢ŒÍ ññ การเทยี บวุฒิ
๑๑.๑ ไดคะแนน ๒๕๐ คะแนน หรือ ๑๐๐ เปอรเซ็นต ไดเครอ่ื งหมายแมน ปน

ชน้ั พ.ี พ.ี ซี. ๑๐๐ คะแนน
๑๑.๒ ไดคะแนน ๑๔๙ - ๒๔๙ คะแนน หรือ ๕๙.๖ - ๙๙.๖ เปอรเซ็นต

ไดเ ครอ่ื งหมายแมนปนชน้ั คณุ วุฒิ พ.ี พ.ี ซ.ี

๗๕

ÀÒ¾à¤ÃÍ×è §ËÁÒÂáÁ‹¹»„¹ ËÅÑ¡Êμ٠áÒÃÂÔ§»„¹¾¡μÍ‹ ÊáÙŒ ºº ¾.Õ ¾.Õ «.Õ
»ÃÐàÀ·»¹„ ¾¡ÅÙ¡âÁ‹

เครื่องหมายแมนปน ชั้น พี.พี.ซ.ี ๑๐๐ คะแนน เปน เครอ่ื งหมายสที อง

เคร่อื งหมายแมนปนชนั้ คณุ วฒุ ิ พ.ี พี.ซี.

๗๖

ÀÒ¾à¤ÃèÍ× §ËÁÒÂáÁ¹‹ »¹„ ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂÔ§»¹„ ¾¡μÍ‹ ÊٌẺ ¾.Õ ¾.Õ «.Õ
»ÃÐàÀ·»„¹¾¡¡§èÖ ÍÑμâ¹ÁμÑ Ô

เคร่อื งหมายแมน ปนชัน้ พี.พ.ี ซี. ๑๐๐ คะแนน เปนเครือ่ งหมายสีทอง

เครอ่ื งหมายแมนปน ชั้นคณุ วุฒิ พี.พี.ซี.

๗๗

ÀÒ¾Å¡Ñ É³Ðà»Ò‡ ˹؋ à§Ò¤¹ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒÃÂ§Ô »„¹¾¡μÍ‹ ÊŒÙẺ ¾Õ.¾Õ.«Õ.

๗๘

ÅѡɳзèÕ õø
Ãкº¡ÒÃÂÔ§»„¹¢Í§สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨá˧‹ ªÒμÔ

_____________

º··èÕ ù
ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒý¡ƒ ÂÔ§»„¹¾¡¡§Öè ÍÑμâ¹ÁμÑ ¢Ô ¹éÑ ¾é×¹°Ò¹

_____________

หลักสูตรการฝกยิงปนพกกึ่งอัตโนมัติข้ันพ้ืนฐานเปนหลักสูตรการฝกทักษะการยิงปน
สําหรับผูใชอาวุธปนพกก่ึงอัตโนมัติในการปฏิบัติหนาท่ี ผูรับการฝกมีความจําเปนท่ีจะตองเรียนรู
การใชป น พกกงึ่ อตั โนมตั ใิ หเ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ซง่ึ ทาํ ใหส ามารถแกไ ขปญ หาไดอ ยา งรวดเรว็ ถกู ตอ ง
มคี วามปลอดภยั ท้ังผูยิง ผูรวมงาน และประชาชน มหี ลกั เกณฑและข้นั ตอนการฝก ดังน้ี

¢ÍŒ ñ อาวุธปน
ปน พกกง่ึ อัตโนมัติ ขนาด ๙ มลิ ลเิ มตร ๑๐ มิลลิเมตร หรอื ๑๑ มลิ ลิเมตร มคี วามยาว
ลาํ กลอ งปน ไมเกิน ๕.๕ น้ิว พรอมซองกระสนุ ปนจาํ นวน ๒ ซอง
อาวุธปนทุกประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผูผลิต ลํากลองปนไมมีการเจาะรู
เพื่อลดแรงสะบดั ไมติดต้ังเคร่อื งชวยเลง็ หรืออุปกรณเ สรมิ ใด ๆ
¢ÍŒ ò กระสนุ ปน
กระสนุ ปน ขนาด ๙ มลิ ลเิ มตร ๑๐ มลิ ลเิ มตร หรือ ๑๑ มลิ ลเิ มตร จาํ นวน ๒๐๐ นดั
¢ÍŒ ó ซองปนและซองใสซ องกระสนุ ปน
ซองปนชนิดพกนอกหุมโกรงไกปน สําหรับใชกับเคร่ืองแบบคาดติดเข็มขัด หามใช
ซองปน คาดต่ํากวาแนวเข็มขดั ชนดิ ผูกติดขา ซองเปลือย หรือมองเห็นลาํ กลอ งปน
ซองใสซองกระสนุ ปนเปนซองคู สาํ หรับใสซองกระสุนปนสํารอง
¢ÍŒ ô เปา ปน

๔.๑ เปา หนุ เงาคน จาํ นวน ๑ แผน มรี ปู รา งลกั ษณะคลา ยคนครง่ึ ตวั มคี วามสงู
ต้งั แตศรี ษะถึงเอว ๒๗ น้วิ มีความกวา งต้งั แตแ ขนขวาถงึ แขนซา ย ๒๔ น้ิว แขนขวาของเปา หุนทาํ ทา
ชกั ปน แขนซา ยปลอยหอ ย บรเิ วณกลางลาํ ตัวมีวงกลมซอนกัน ๓ วง วงในสดุ มตี วั อกั ษร X มีเสน
ผาศูนยกลาง ๑.๕ น้ิว วงกลางมีเสนผาศูนยกลาง ๓.๕ น้ิว วงนอกสุดมีเสนผาศูนยกลาง ๖ นิ้ว
มพี น้ื ทอ่ี กั ษร ต มคี า คะแนน ๑๐ คะแนน และบรเิ วณนอกลาํ ตวั มพี นื้ ทอี่ กั ษร พ มคี า คะแนน ๕ คะแนน
พื้นทที่ งั้ สองมเี สนแบง คะแนน ใชสําหรบั ข้ันตอนการยงิ เปา หุนเงาคน

๗๙

๔.๒ เปา วงกลมมีเสน ผาศนู ยกลาง ๓ น้วิ
ลักษณะของเปา ปนตาม ๔.๑ และ ๔.๒ ตามแบบทา ยบทนี้
¢ÍŒ õ ลกั ษณะของสนาม
สนามตองมีระยะยิงอยางนอย ๒๐ เมตร แตละชองยิงหางกันไมนอยกวา ๔ เมตร
มีการกําหนดระยะยงิ ท่ี ๒๐ เมตร ๑๕ เมตร ๑๐ เมตร ๗ เมตร ๕ เมตร และ ๓ เมตร
¢ŒÍ ö ข้นั ตอนการฝกและวธิ กี ารยิง
การยงิ ปนพกชนดิ กง่ึ อตั โนมัติ แบงเปน ๒ ภาค

๖.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใชอาวุธปน
การจับปน การเล็ง การลั่นไก การชักอาวุธปน การบรรจุกระสุนปนหรือการเปล่ียนซองกระสุนปน
การเลกิ บรรจุ การแกไขปญ หาขอ ขัดของ กฎ กติกา และวธิ ีการยิง ใชเ วลาไมน อยกวา ๑๖ ช่ัวโมง

๖.๒ ภาคปฏิบัติ เปนการยิงปนโดยการใชกระสุนปน ใชเวลาฝกไมนอยกวา
๒๔ ช่ัวโมง แบงการยิงออกเปน ๗ ข้ันตอน การยิงแตละข้ันตอนเม่ือไดรับสัญญาณเร่ิมยิงหรือ
หลังจากชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนข้ึนในระดับสายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา มือที่จับปน
ดนั มอื ไปดา นหนา มอื ทปี่ ระคองปน ดงึ ปน เขา หาตวั แขนทง้ั สองขา งเหยยี ดตงึ ปลดหา มไก เลง็ ศนู ยป น
ใหช ดั เจน แลวยิงหรอื ปฏิบัติตามข้นั ตอนตอ ไป การปฏิบตั ิแตละขั้นตอน ดังน้ี

ขน้ั ตอนที่ ๑ ยงิ เปาวงกลม กระสนุ ปน จาํ นวน ๓๐ นดั
๑. ผูยิงยืนท่ีระยะ ๓ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉยี งลงตาํ่ ทาํ มมุ ๔๕ องศา กบั ลาํ ตวั ผยู งิ ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจุ
กระสุนพรอมยงิ หามไก เมื่อไดร บั สญั ญาณเริม่ ยิงใหปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๑ นดั ภายในเวลา
๑ นาที เม่อื ยิงเสร็จ หามไก ถอื อาวธุ ปน เฉยี งลงต่าํ ถอื เปนการยิง ๑ ครั้ง ยงิ จํานวน ๕ ครั้ง
๒. ผูยิงยืนที่ระยะ ๕ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงต่ํา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก
เมื่อไดรับสัญญาณเร่ิมยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๑ นาที เมื่อยิงเสร็จ
หา มไก ถืออาวธุ ปน เฉยี งลงตํ่า ถือเปน การยงิ ๑ คร้งั ยิงจํานวน ๕ คร้ัง
๓. ผูยิงยืนท่ีระยะ ๗ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงต่ํา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก
เมื่อไดรับสัญญาณเริ่มยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๑ นาที เมื่อยิงเสร็จ
หา มไก ถืออาวุธปนเฉยี งลงต่ํา ถอื เปนการยิง ๑ ครง้ั ยิงจํานวน ๕ ครง้ั
๔. ผูยิงยืนที่ระยะ ๗ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงต่ํา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง
หามไก เมื่อไดรับสัญญาณเร่ิมยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๓๐ วินาที
เมอ่ื ยงิ เสร็จหามไก ถืออาวุธปน เฉียงลงต่ํา ถือเปน การยิง ๑ ครัง้ ยงิ จาํ นวน ๕ คร้ัง

๘๐

๕. ผูยิงยืนที่ระยะ ๑๐ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงตํ่า ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง
หามไกเม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๑ นาที
เมอ่ื ยงิ เสร็จหา มไก ถอื อาวุธปน เฉยี งลงตํ่า ถอื เปนการยงิ ๑ คร้งั ยงิ จํานวน ๕ คร้ัง

๖. ผูยิงยืนที่ระยะ ๑๐ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน
เฉียงลงตํ่า ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก
เมอ่ื ไดร บั สัญญาณเร่ิมยงิ ใหป ฏิบตั ิตาม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นดั ภายในเวลา ๓๐ วนิ าที เม่อื ยงิ เสร็จ
หา มไก ถอื อาวุธปนเฉียงลงต่ํา ถือเปน การยงิ ๑ ครง้ั ยิงจาํ นวน ๕ ครงั้

ขน้ั ตอนท่ี ๒ ยงิ เปาหุนเงาคน กระสุนปน จาํ นวน ๓๐ นัด
๑. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๕ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยงิ หา มไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอื่ ไดร บั สญั ญาณ
เรมิ่ ยงิ ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๓ วนิ าที เมื่อยงิ เสรจ็
หามไก เกบ็ ปน ใสซอง ถอื เปนการยิง ๑ ครง้ั ยงิ จาํ นวน ๕ คร้งั
๒. ผยู งิ ยนื ทรี่ ะยะ ๕ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยงิ หา มไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอ่ื ไดร บั สญั ญาณ
เรม่ิ ยงิ ชกั อาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยงิ จํานวน ๑ นดั ภายในเวลา ๒ วินาที เม่ือยิงเสรจ็
หา มไก เก็บปน ใสซอง ถือเปนการยิง ๑ ครงั้ ยิงจาํ นวน ๕ คร้งั
๓. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๕ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อไดรับ
สญั ญาณเรมิ่ ยงิ ชกั อาวุธปนออกจากซอง ปฏิบตั ติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นดั ภายในเวลา ๑.๕ วนิ าที
เมื่อยิงเสร็จหา มไก เกบ็ ปน ใสซอง ถอื เปน การยิง ๑ ครัง้ ยิงจาํ นวน ๕ ครง้ั
๔. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจุกระสุนปน จาํ นวน ๕ นัด อาวธุ ปน บรรจุกระสุนพรอมยิง หา มไก เก็บปนใสซอง เมือ่ ไดร ับ
สญั ญาณเริม่ ยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏิบตั ิตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นดั ภายในเวลา ๓ วนิ าที
เม่อื ยิงเสรจ็ หามไก เก็บปนใสซอง ถอื เปนการยงิ ๑ ครง้ั ยงิ จํานวน ๕ ครงั้
๕. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยงิ หา มไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอ่ื ไดร บั สญั ญาณ
เรม่ิ ยิง ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยงิ จํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๒ วนิ าที เมือ่ ยงิ เสร็จ
หามไก เก็บปนใสซ อง ถอื เปนการยงิ ๑ ครง้ั ยงิ จํานวน ๕ ครัง้
๖. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน
บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อไดรับ
สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นดั ภายในเวลา ๑.๕ วนิ าที
เมือ่ ยงิ เสรจ็ หามไก เก็บปน ใสซ อง ถอื เปน การยงิ ๑ คร้ัง ยิงจาํ นวน ๕ ครง้ั

๘๑

ขั้นตอนท่ี ๓ ยิงเปาหุนเงาคน ท่รี ะยะ ๗ เมตร กระสุนปนจาํ นวน ๔๐ นดั
๑. ผูยิงยืนในทาพรอมตอสูดวยมือเปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปน
ซองละ ๑ นัด จาํ นวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เกบ็ ปน ใสซอง ซองกระสนุ ปน
สํารองอยูในซองใสซองกระสุนปนติดอยูขางลําตัวผูยิง เม่ือไดรับสัญญาณเร่ิมยิง ชักอาวุธปนออก
จากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด แลว เปลีย่ นซองกระสนุ ปน ยงิ อกี ๑ นดั เปน การยิงแบบ
ตอ เนื่อง หามไก เกบ็ ปน ใสซอง ถือเปนการยงิ ๑ คร้งั ยงิ จาํ นวน ๑๐ คร้งั
๒. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
ชนดิ ฝก ซอ มจาํ นวน ๑ นดั และกระสนุ ปน จรงิ จาํ นวน ๑ นดั เมอ่ื บรรจกุ ระสนุ ปน ใสต วั ปน ใชก ระสนุ ปน
ชนิดฝกซอมบรรจุใสเขารังเพลิง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อได
รับสัญญาณเร่ิมยิงชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงลักษณะการแกไขเหตุติดขัดของ
อาวุธปนในกรณกี ระสุนปน ดา น แลวยงิ จาํ นวน ๑ นัด หามไก เก็บปน ใสซ อง ถือเปนการยิง ๑ ครงั้
ยิงจาํ นวน ๑๐ ครง้ั
๓. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
จํานวน ๑ นัด อาวุธปนข้ึนลําเล่ือนปนแตไมไดบรรจุกระสุนปนเขารังเพลิง หามไก เม่ืออาวุธปน
ข้ึนลําเลื่อนปนเรียบรอยจึงบรรจุซองกระสุนปนใสตัวปน เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเร่ิมยิง
ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยงิ ลกั ษณะการแกไ ขเหตตุ ดิ ขดั ของอาวธุ ปน ในกรณกี ระสนุ
ปน ไมบรรจุเขารงั เพลิง แลวยงิ จํานวน ๑ นัด หา มไก เก็บปน ใสซ อง ถือเปนการยิง ๑ ครง้ั ยิงจํานวน
๑๐ ครัง้
ขั้นตอนที่ ๔ ยิงเปาหุน เงาคน ทร่ี ะยะ ๗ เมตร กระสนุ ปนจาํ นวน ๒๐ นัด
๑. ผยู งิ ยนื หนั ดา นขวาเขา หาเปา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน
๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยิง หามไก เก็บปน ใสซอง เมื่อไดร บั สัญญาณเริม่ ยิงใหท ําขวาหัน
หันหนาเขาหาเปา ชกั อาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ัติตาม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นัด เมื่อยิงเสร็จหามไก
เกบ็ ปน ใสซอง ถอื เปนการยิง ๑ คร้ัง ยงิ จํานวน ๕ คร้งั
๒. ผยู งิ ยนื หนั ดา นซา ยเขา หาเปา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน
๕ นัด อาวธุ ปน บรรจุกระสนุ พรอ มยิง หามไก เกบ็ ปนใสซอง เมอื่ ไดร บั สญั ญาณเร่มิ ยิงใหท าํ ซายหัน
หันหนา เขา หาเปา ชกั อาวธุ ปนออกจากซอง ปฏิบตั ติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด เม่อื ยิงเสร็จหามไก
เกบ็ ปน ใสซ อง ถอื เปน การยิง ๑ ครงั้ ยิงจํานวน ๕ ครัง้
๓. ผูยิงยืนหันหลังเขาหาเปา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน
๕ นดั อาวุธปนบรรจกุ ระสุนพรอ มยิง หามไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอื่ ไดร บั สัญญาณเรม่ิ ยงิ ใหท าํ กลบั
หลงั หนั ทางขวา หนั หนาเขาหาเปา ชกั อาวธุ ปนออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๑ นดั
เม่อื ยิงเสรจ็ หา มไก เก็บปน ใสซ อง ถอื เปนการยิง ๑ ครงั้ ยิงจํานวน ๕ ครง้ั

๘๒

๔. ผูยิงยืนหันหลังเขาหาเปา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน
๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิงใหทํา
กลับหลังหันทางซาย หันหนา เขาหาเปา ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏิบตั ิตาม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๑ นัด
เมอ่ื ยิงเสร็จหามไกเกบ็ ปน ใสซอง ถือเปนการยงิ ๑ ครงั้ ยิงจาํ นวน ๕ คร้ัง

ขัน้ ตอนที่ ๕ ยงิ เปา หนุ เงาคน ทร่ี ะยะ ๑๐ เมตร กระสุนปน จาํ นวน ๒๐ นัด
๑. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
จํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณ
เร่ิมยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนขึ้น ลํากลองปนช้ีไปยังเปา พรอมกาวเทาไปดานหนา
แลวนั่งลง มือที่จับปนดันปนไปทางเปา มือท่ีประคองปนดึงปนเขาหาตัว แขนท้ังสองขางเหยียดตึง
ปลดหามไก ใชสายตาเล็งศูนยปนใหชัดเจน ยิงจํานวน ๑ นัด เมื่อยิงเสร็จ หามไก เก็บปนใสซอง
ลกุ ขึน้ ยนื ถอื เปน การยงิ ๑ ครง้ั ยงิ จาํ นวน ๕ ครงั้
๒. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจุกระสุนพรอ มยิง หา มไก เกบ็ ปนใสซ อง เมือ่ ไดรับสัญญาณเริม่ ยงิ
ชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนขึ้น ลํากลองปนชี้ไปยังเปา พรอมกาวเทาไปดานหลัง แลวน่ังลง
มอื ทจ่ี บั ปน ดันปน ไปทางเปา มอื ท่ปี ระคองปนดงึ ปนเขา หาตัว แขนทง้ั สองขางเหยยี ดตึง ปลดหามไก
ใชสายตาเล็งศูนยปนใหชัดเจน ยิงจํานวน ๑ นัด เมื่อยิงเสร็จ หามไก เก็บปนใสซอง ลุกข้ึนยืน
ถอื เปน การยงิ ๑ คร้งั ยงิ จํานวน ๕ ครง้ั
๓. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน
จํานวน ๑๐ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิง
ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด แลวนั่งลง ยิงอกี ๑ นัด เปน การยิงแบบ
ตอเนือ่ ง เมือ่ ยิงเสรจ็ หามไก เกบ็ ปนใสซอง ลกุ ขน้ึ ยืน ถือเปน การยิง ๑ ครัง้ ยงิ จาํ นวน ๕ คร้ัง
ขน้ั ตอนท่ี ๖ การฝก เดนิ ยงิ ทร่ี ะยะ ๑๕ เมตร ถงึ ๓ เมตร ยงิ เปา หนุ เงาคน
กระสนุ ปน จํานวน ๒๐ นัด
¼ŒÂÙ Ô§ ยนื ทีร่ ะยะ ๑๕ เมตร ซองกระสุนปนบรรจกุ ระสนุ ปนซองละ ๑๐ นัด
จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เกบ็ ปนใสซ อง เมือ่ ไดร ับสญั ญาณเร่ิมยงิ
ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏิบัติตาม ๖.๒ พรอ มเดนิ เขา หาเปา ยิงตามคาํ ส่งั จากระยะ ๑๕ เมตร
จนถงึ ๓ เมตร โดยผูควบคุมการยิงอยดู า นหลังผูย งิ การส่ังยงิ ใหส ัง่ ยิงคร้งั ละ ๑ นดั สามารถส่ังยิงได
หลายครั้งตามแตผคู วบคุมการยงิ กาํ หนดจนครบจํานวน ๒๐ นดั
ขั้นตอนที่ ๗ ใชเปา วงกลม กระสนุ ปน จาํ นวน ๒๐ นัด
¼ÙŒÂÔ§ ยืนที่ระยะ ๗ เมตร ในทาพรอมตอสูดวยมือเปลา ซองกระสุนปน
บรรจุกระสุนปนซองละ ๑๐ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปน
ใสซอง เมื่อไดรับสัญญาณเริ่มยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๒ นัด
เม่อื ยิงเสร็จหา มไก เก็บปนใสซอง ถือเปน การยิง ๑ คร้ัง ยงิ จํานวน ๑๐ ครง้ั

๘๓

¢ŒÍ ÷ การประเมนิ ผลการฝก
แบงการประเมินผลเปน ๘ สถานี ใชกระสุนปนจํานวน ๒๐ นัด เปาหุนเงาคน
ผรู ับการประเมนิ ผลการฝกตองมีเกณฑผ านรอ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป มดี งั น้ี
สถานีที่ ๑
¼ÙŒÂÔ§ ยนื ทีร่ ะยะ ๓ เมตร ในทา พรอ มตอ สูดว ยมือเปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสนุ ปน
จํานวน ๒ นัด อาวุธปนไมบรรจุกระสุนเขารังเพลิง เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิง
ชกั อาวธุ ปนออกจากซองช้ไี ปยังเปาพรอ มดงึ ลาํ เล่อื นปนเพ่ือบรรจกุ ระสนุ ปนเขารังเพลงิ มอื ท่จี บั ปน
ดนั ปน ไปทางเปา มอื ท่ีประคองปน ดึงปนเขา หาตวั แขนทง้ั สองขางเหยียดตงึ ใชส ายตาเลง็ ศูนยปน
ใหช ัดเจน ยงิ จํานวน ๒ นดั ภายในเวลา ๒.๕ วนิ าที
สถานีที่ ๒
¼ÙŒÂ§Ô ยืนท่รี ะยะ ๕ เมตร ในทาพรอ มใชอาวธุ ปน ถอื อาวธุ ปน เฉยี งลงตํ่า ซองกระสนุ ปน
บรรจกุ ระสุนปนจาํ นวน ๒ นัด อาวธุ ปน บรรจุกระสนุ ปนพรอมยิง หา มไก เมอ่ื ไดร บั สัญญาณเรม่ิ ยงิ
ปฏบิ ัติตาม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๒ นัด ภายในเวลา ๑.๕ วินาที
สถานีที่ ๓
¼ŒÂÙ Ô§ ยนื ทีร่ ะยะ ๗ เมตร ในทาพรอมตอสดู วยมอื เปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสนุ ปน
ซองละ ๑ นดั จาํ นวน ๒ ซอง อาวุธปนไมบ รรจกุ ระสนุ ปน เขา รงั เพลงิ เกบ็ ปนใสซ อง เมื่อไดร บั
สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซองชไ้ี ปยงั เปา พรอ มดงึ ลาํ เลอื่ นปน เพอื่ บรรจกุ ระสนุ ปน เขา รงั เพลงิ
มอื ทจี่ บั ปน ดนั ปน ไปทางเปา มอื ทป่ี ระคองปน ดงึ ปน เขา หาตวั แขนทงั้ สองขา งเหยยี ดตงึ ใชส ายตาเลง็
ศนู ยปน ใหช ดั เจนยงิ จาํ นวน ๑ นัด แลว เปลย่ี นซองกระสุนปน ยงิ อกี ๑ นดั ภายในเวลา ๒.๕ วินาที
สถานีที่ ๔
¼ÙÂŒ §Ô ยนื ทีร่ ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอสดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปนบรรจกุ ระสนุ ปน
ซองละ ๒ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนไมบรรจุกระสุนปนเขารังเพลิง เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับ
สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซองชไี้ ปยงั เปา พรอ มดงึ ลาํ เลอื่ นปน เพอื่ บรรจกุ ระสนุ ปน เขา รงั เพลงิ
มือทจ่ี ับปนดันปนไปทางเปา มือทปี่ ระคองปน ดงึ ปนเขา หาตัว แขนทัง้ สองขา งเหยียดตึง ใชสายตาเล็ง
ศูนยปน ใหชดั เจนยงิ จาํ นวน ๒ นดั แลวเปลี่ยนซองกระสนุ ปน ยิงอีก ๒ นดั ภายในเวลา ๕.๔ วนิ าที
สถานที ี่ ๕
¼ÂŒÙ §Ô ยืนทีร่ ะยะ ๗ เมตร ในทาพรอ มตอสดู วยมือเปลา ซองกระสุนปน บรรจุกระสนุ ปน
ชนิดฝกซอมจํานวน ๑ นัด กระสุนปนจริงจํานวน ๑ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก
เก็บปนใสซอง เม่ือไดรบั สญั ญาณเริ่มยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏิบัตติ าม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน
๑ นัด แกไขเหตุตดิ ขดั แลวยงิ อกี ๑ นัด ภายในเวลา ๔ วินาที

๘๔

สถานที ่ี ๖
¼ÂŒÙ Ô§ ยนื ทรี่ ะยะ ๑๐ เมตร ในทาพรอมตอสูดวยมอื เปลา ซองกระสุนปน บรรจุกระสนุ ปน
จํานวน ๒ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิง
ชักอาวุธปนออกจากซองช้ีไปยังเปา กาวเทาไปดานหนาแลวน่ังลง มือที่จับปนดันปนไปทางเปา
มอื ทปี่ ระคองปน ดงึ ปน เขา หาตวั แขนทง้ั สองขา งเหยยี ดตงึ ปลดหา มไก ใชส ายตาเลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน
ยิงจํานวน ๒ นดั ภายในเวลา ๓.๕ วินาที
สถานีท่ี ๗
¼ÂŒÙ §Ô ยืนทร่ี ะยะ ๑๐ เมตร ในทา พรอมตอ สูด ว ยมอื เปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสนุ ปน
ซองละ ๒ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับ
สญั ญาณเรม่ิ ยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ตั ิตาม ๖.๒ ยงิ จํานวน ๒ นัด เปลยี่ นซองกระสนุ ปน
แลวนง่ั ลงยงิ จํานวน ๒ นัด ภายในเวลา ๖.๘ วนิ าที
สถานที ่ี ๘
¼ÙŒÂÔ§ ยืนทีร่ ะยะ ๒๐ เมตร ในทาพรอ มตอ สูดว ยมือเปลา ซองกระสนุ ปนบรรจกุ ระสนุ ปน
จํานวน ๒ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อไดรับสัญญาณเริ่มยิง
ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๒ นดั ภายในเวลา ๓.๕ วินาที
¢ŒÍ ø การนับคะแนน

๘.๑ เปา หนุ เงาคนบรเิ วณพนื้ ท่อี กั ษร ต เทากับ ๑๐ คะแนน และบริเวณพน้ื ท่ี
อกั ษร พ เทากบั ๕ คะแนน

๘.๒ การนบั คะแนนใหน บั คะแนนตามเสน เขตทแี่ บง ไวใ นเปา กรณรี อยกระสนุ ปน
ตดั เสนแบงเขตเปาขาดใหถอื คาคะแนนตามบริเวณคะแนนทส่ี ูงกวา

๘.๓ หา มแตะตอ งหรอื สมั ผสั รอยกระสนุ ปน บนแผน เปา ตรวจสอบพบถอื เปน
โมฆะ

๘.๔ การนับคะแนนใหนับคะแนนตามรอยกระสุนปนที่ปรากฏอยูในเปา
โดยคะแนนทง้ั สองเปา รวมกัน ๒๐๐ คะแนน

๘.๕ กรณรี อยกระสนุ ปน เกนิ อยใู นเปา
๘.๕.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามี

รอยกระสนุ ปนในเปา ของทางซายหรอื ขวาไมค รบ ใหตดั คะแนนของรอยกระสนุ ปนทไ่ี ดค ะแนนตํ่าสุด
ท่ปี รากฏในเปา ท่ีเกนิ ออกไป

๘.๕.๒ ถา ตรวจสอบรอยกระสนุ ปน จากเปาทางซา ยและขวาแลว ปรากฏวา
มรี อยกระสุนปน ของเปาทางซา ยและขวาครบ ใหต ดั คะแนนสงู สดุ ของรอยกระสุนปน ทีเ่ กนิ ออกไป

เกณฑการคิดคะแนนคิดจากจํานวนกระสุนปนบนเปาหุนเงาคนหักลบกับจํานวนกระสุน
ปน รวมแตล ะสถานีท่ีผดิ กตกิ า คอื การยิงเกนิ เวลาและการยงิ ผดิ วิธหี รอื กฎแหง ความปลอดภัย

๘๕

¢ŒÍ ù เครื่องหมายแมนปนมีลักษณะเปนรูปสี่เหล่ียมผืนผา ยกขอบ มีขนาดกวาง
๒ เซนติเมตร ยาว ๓ เซนติเมตร หนา ๐.๑๕ เซนติเมตร ที่มุมทัง้ ส่ดี า นดนุ เปนลายกนก ตรงก่ึงกลาง
มีรปู ปน พกกึ่งอัตโนมัติสเี งนิ ดนุ นนู ปากกระบอกปนหันออกจากตัวผทู ่ีประดับเคร่ืองหมาย สขี อง
เคร่ืองหมายเปน สีทองตามแบบทา ยบทนี้

(ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี
ลกั ษณะที่ ๕๘ ระบบการยงิ ปน ของสํานกั งานตํารวจแหงชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๒๔
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙)

๘๖

ÀÒ¾à¤Ã×èͧËÁÒ¼ٌ¼Ò‹ ¹¡ÒÃͺÃÁËÅ¡Ñ Êμ٠áÒýƒ¡Â§Ô »„¹¾¡¡è§Ö ÍÑμâ¹ÁμÑ ¢Ô Ñé¹¾é¹× °Ò¹

๘๗

ÀÒ¾Å¡Ñ É³Ð໇Òˋعà§Ò¤¹áÅÐà»Ò‡ ǧ¡ÅÁ ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒýƒ¡Â§Ô »¹„ ¾¡
¡§èÖ ÍÑμâ¹ÁμÑ Ô¢Ñé¹¾¹é× °Ò¹

๘๘

Å¡Ñ É³Ð·èÕ õø
Ãкº¡ÒÃÂ§Ô »„¹¢Í§สํา¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨá˧‹ ªÒμÔ

_____________
º··Õè ññ

ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒÃÂ§Ô »¹„ ¾¡¢é¹Ñ ¾é×¹°Ò¹

BASIC SHOOTING COURSE (B.S.C.)

¢Í§μíÒÃǨÀ¸Ù ÃÀÒ¤ ô
_____________

หลักสูตรการยิงปนพกขั้นพ้ืนฐานของตํารวจภูธรภาค ๔ เปนหลักสูตรท่ีฝกขาราชการ
ตํารวจหรือผูบังคับใชกฎหมายใหสามารถใชอาวุธปนยิงดวยมือท่ีถนัด มือท่ีไมถนัด และใชมือทั้งสอง
ขา งได โดยเริม่ จากการยงิ ชา ยงิ เรง ยงิ เร็ว และยิงเปาหนุ เงาคน เพือ่ ใหผรู บั การฝกไดเ รยี นรกู ฎแหง
ความปลอดภยั การใชอ าวุธปน การจับปน การเลง็ การลน่ั ไก ทาทางการยิงปน การบรรจกุ ระสุนปน
การแกไขปญ หาขอ ขดั ของ กฎ กตกิ า มหี ลักเกณฑ ขั้นตอน และวิธกี ารยงิ ดังนี้

¢ÍŒ ñ อาวธุ ปน
๑.๑ ปน พกลกู โม ขนาด .๓๘ นวิ้ .๓๕๗ นว้ิ หรอื .๔๕ นวิ้ มคี วามยาวลาํ กลอ งปน

ไมเกนิ ๔ นว้ิ นํ้าหนกั ไกปนไมนอ ยกวา ๒.๕ ปอนด
๑.๒ ปนพกกง่ึ อัตโนมตั ิ ขนาด ๙ มลิ ลิเมตร ๑๐ มิลลิเมตร หรือ ๑๑ มิลลิเมตร

มีความยาวลํากลอ งปนไมเ กนิ ๕.๕ นิ้ว นํ้าหนักไกปนไมน อ ยกวา ๓.๕ ปอนด
อาวุธปนทุกประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผูผลิต ลํากลองปนไมมีการเจาะรู

เพื่อลดแรงสะบดั ไมติดตง้ั เคร่ืองชว ยเลง็ หรืออปุ กรณเ สรมิ ใด ๆ เชน ศูนยพ ลาสตกิ เรืองแสง เปน ตน
¢ŒÍ ò กระสนุ ปน
๒.๑ ปน พกลกู โม ใชก ระสนุ ปน ขนาด .๓๘ นว้ิ .๓๕๗ นว้ิ หรอื .๔๕ นวิ้ จาํ นวน

๔๐ นดั
๒.๒ ปนพกกงึ่ อตั โนมัติ ใชก ระสุนปน ขนาด ๙ มิลลเิ มตร ๑๐ มลิ ลเิ มตร หรือ

๑๑ มลิ ลิเมตร จาํ นวน ๓๐ นัด
¢ÍŒ ó เปา ปน
๓.๑ เปา วงกลม จํานวน ๓ แผน ใชสาํ หรับขน้ั ตอนการยิงชา ยงิ เรง และยิงเรว็

มขี นาดและคาคะแนนตามวงตาง ๆ ดงั นี้

๘๙

วง X เสน ผาศูนยกลาง ๑.๕ น้ิว มีคา ๑๐ คะแนน
วง ๑๐ เสนผาศูนยก ลาง ๓.๕ นิว้ มีคา ๑๐ คะแนน
วง ๙ เสน ผาศนู ยกลาง ๖ นว้ิ มคี า ๙ คะแนน
วง ๘ เสน ผา ศูนยกลาง ๘ นิ้ว มคี า ๘ คะแนน
วง ๗ เสนผาศูนยก ลาง ๑๒ นิ้ว มีคา ๗ คะแนน
วง ๖ เสน ผา ศูนยก ลาง ๑๕ นว้ิ มคี า ๖ คะแนน
วง ๕ เสน ผาศนู ยก ลาง ๒๐ น้ิว มคี า ๕ คะแนน
๓.๒ เปา หนุ เงาคน จาํ นวน ๑ แผน มรี ปู รา งลกั ษณะคลา ยคนครงึ่ ตวั มคี วามสงู
ตั้งแตศีรษะถึงเอว ๒๗ นิ้ว มีความกวางต้ังแตแขนขวาถึงแขนซาย ๒๔ น้ิว แขนขวาของเปาหุน
ทาํ ทาชักปน แขนซา ยปลอ ยหอ ย บริเวณกลางลาํ ตัวมีวงกลมซอ นกัน ๓ วง วงในสดุ มตี วั อกั ษร X
มีเสนผาศนู ยก ลาง ๑.๕ นิ้ว วงกลางมีเสน ผา ศนู ยกลาง ๓.๕ นิว้ วงนอกสุดมีเสน ผา ศนู ยก ลาง ๖ นวิ้
มพี นื้ ทอ่ี กั ษร ต มคี า คะแนน ๑๐ คะแนน และบรเิ วณนอกลาํ ตวั มพี นื้ ทอี่ กั ษร พ มคี า คะแนน ๕ คะแนน
พน้ื ทท่ี งั้ สองมีเสน แบง คะแนน ใชส ําหรบั ขน้ั ตอนการยิงเปา หุนเงาคน
ลกั ษณะของเปา ปนตาม ๓.๑ และ ๓.๒ ตามแบบทา ยบทนี้
¢ÍŒ ô ลกั ษณะของสนาม
๔.๑ สนามตองมีความยาวจากแนวยิงถึงแนวเปา ๒๕ หลา แตละชองยิง
ตองหางจากกันนับจากจุดศูนยกลางของท่ีวางปนถึงจุดศูนยกลางของที่วางปนอีกตัวหนึ่ง ยาว ๑๒๐
เซนติเมตร
๔.๒ ท่ีวางปนเปนโตะหรือแทนใชสําหรับวางอาวุธปนและอุปกรณ
อน่ื ๆ มคี วามกวางไมน อยกวา ๕๐ เซนติเมตร ความยาวไมนอ ยกวา ๖๐ เซนตเิ มตร และความสูง
๗๐ – ๘๐ เซนติเมตร
๔.๓ ระหวา งชอ งยิงมีแผงก้นั ปลอกกระสุนปน
ถาเปนชนิดต้งั พน้ื กวาง ๒๐๐ เซนตเิ มตร สงู ๒๐๐ เซนตเิ มตร
ถาเปนชนดิ ติดบนท่ีวางปน กวาง ๑๕๐ เซนตเิ มตร สงู ๑๒๐ เซนตเิ มตร
๔.๔ บนพืน้ บริเวณแนวยิงมเี สน ระยะ ๒๕ หลา ทาสี กวา ง ๒ น้วิ ยาวตลอด
แนวยิง
¢ÍŒ õ ขน้ั ตอนและวธิ กี ารยิง
๕.๑ หลักสตู รการยงิ ปนพกขัน้ พืน้ ฐานของตาํ รวจภูธรภาค ๔ แบง เปน ๒ ภาค
๕.๑.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใช
อาวธุ ปน การจับปน การเลง็ การลน่ั ไก ทาทางการยงิ การบรรจกุ ระสนุ ปน การเลิกบรรจุ การแกไ ข
ปญหาขอ ขัดขอ ง กฎ กติกา และวธิ ีการยงิ ใชเ วลาไมนอยกวา ๑๖ ชัว่ โมง

๙๐

๕.๑.๒ ภาคปฏบิ ตั เิ ปน การยงิ ดว ยกระสนุ ปน หลงั จากภาคทฤษฎี ใชเ วลา
ฝก ไมน อยกวา ๑๖ ชัว่ โมง

๕.๒ หลกั สตู รการยงิ ปน พกขน้ั พนื้ ฐานของตาํ รวจภธู รภาค ๔ มี ๒ ประเภท คอื
ประเภทปน พกลูกโม และประเภทปน พกก่งึ อตั โนมัติ มวี ธิ ีการยงิ แตละประเภท ดงั นี้

๕.๒.๑ วธิ กี ารยงิ ประเภทปนพกลกู โม
ข้นั ตอนท่ี ๑ การยงิ ชา มือเดียว
¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สัง่ “แนวยิงประจําท่”ี
¼ÙŒÂÔ§ ยืนประจําที่ระยะ ๒๕ หลา หลังท่ีวางปนในทาตรง

นาํ อาวุธปน ท่ีเปด ลกู โมปนวางบนท่วี างปน พรอมกระสุนปน จาํ นวน ๔๐ นัด
¼¤ŒÙ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สัง่ “ตรวจอาวธุ ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังประมาณครึ่งกาว ลําตัวหางจาก

ท่วี างปนประมาณ ๑ ฝามอื ยนื ทาํ มุมประมาณ ๔๕ องศา กับแนวยิง ใชม ือจับอาวุธปนตรวจสอบวา
อาวธุ ปน อยใู นสภาพพรอ มใชง านหรอื ไม ในลาํ กลอ งปน ไมม สี ง่ิ ใดอยภู ายใน หมดุ ยดึ ตวั ปน และลกู โม
ไมหลวมคลอน เสร็จแลวเปด ลกู โมป น วางปนบนที่วางปน กลับมายืนในทา ตรง

¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ สง่ั “๕ นัด บรรจุ”
¼ÂŒÙ §Ô กา วเทา ขวาไปดา นหลงั ประมาณครงึ่ กา ว ใชม อื จบั อาวธุ ปน
และกระสุนปนจํานวน ๕ นัด บรรจุกระสุนปนในลูกโมปน โดยอาวุธปนจะตองอยูเหนือท่ีวางปน
ลํากลองปนช้ไี ปยังเปา เม่ือบรรจุเสร็จปด ลูกโมป น จัดทาทางการยงิ โดยใหหันขา งลําตวั ดา นมือท่ีถนัด
เขาหาแนวเปา เทาหางกันประมาณ ๑ ชวงไหล จับอาวุธปนดวยมือที่ถนัด มือที่ไมถนัดเทาที่เอว
ลวงกระเปา หรือใชน้ิวเก่ียวไวท่ีขอบกางเกง หามสวนใดสวนหนึ่งของรางกายสัมผัสที่วางปน
เทาจะตอ งไมเ หยยี บเสนแนวยิงรอฟงคาํ สงั่
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ ส่ัง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๕ นัด
ใชเ วลา ๒ นาท”ี และสงั่ ตรวจความพรอ มเปนครง้ั สดุ ทายกอ นการยิง “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอม
ทุกคนพรอม” ผูควบคุมชองยิงตรวจความพรอมของผูยิงอีกคร้ัง ถาขัดของหรือไมพรอม แจงให
ผูควบคุมการยิงทราบและทําการแกไขใหเรียบรอย เมื่อผูควบคุมการยิงเห็นวาเรียบรอย ก็ใหส่ัง
“เตรยี มตวั ระวงั ” และใหสญั ญาณเร่ิมยงิ (รวมเวลา ๕ วนิ าที ในการส่งั ) พรอ มกบั บนั ทกึ เวลา
¼ÙŒÂÔ§ เมอื่ ไดยินคําสัง่ “พรอม” ถางางนกปนยิง ใหงา งนกปน
ในจงั หวะนี้ นว้ิ ช้ีจะตอ งอยูนอกโกรงไกปน
¼ÙŒÂÔ§ เม่ือไดยินคําสั่ง “เตรียมตัว ระวัง” ใหยกอาวุธปนข้ึน
ลํากลองปนชี้ไปยงั เปา ในระดับสายตา แขนเหยยี ดตึง พรอ มกับใชสายตาเล็งศูนยปนใหชดั เจน น้วิ ชี้
แตะทีไ่ กปน แตยังไมตองเดนิ ไกปนหรอื เพมิ่ น้าํ หนกั การเหนีย่ วไกปน

๙๑

¼ÙŒÂÔ§ เมื่อไดยินคําสั่งหรือสัญญาณใหเริ่มยิง โดยเวลาจะหาง
จากคําสั่ง “ระวัง” ๒ วินาที ใหผูยิงเริ่มยิงได การยิงนัดตอไปจะงางนกปนหรือไมงางนกปนยิงก็ได
ในขนั้ ตอนการยิงชาสามารถลดปนในระหวา งการยิงได แตตองอยภู ายในเวลา ๒ นาที เม่ือยงิ เสร็จ
ใหเ ลกิ บรรจุ วางอาวธุ ปน บนทว่ี างปน ในลกั ษณะเปด ลกู โมป น กลบั มายนื ในทา ตรง รอฟง คาํ สง่ั ตอ ไป

¼¤ÙŒ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô เม่ือครบกําหนด ๒ นาที ใหสญั ญาณ “หยุดยิง”
พรอ มกบั หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถาเหน็ วา ผยู งิ ปฏบิ ัติถกู ตอง ใหผูควบคมุ การยิงสัง่ “ตรวจอาวธุ ”

¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู
เสรจ็ แลว เปด ลูกโม วางอาวธุ ปน

ข้นั ตอนท่ี ๒ การยงิ ชาสองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๑
การยงิ ชา มอื เดยี ว โดยมสี วนทแี่ ตกตางกัน ดังน้ี
๑. หามผยู ิงลดปน ลงในขณะยงิ
๒. ใชม อื ท้งั สองขา งจบั ปน ยิง โดยมือท่จี ับปนดันปนไปทาง
ดา นหนา
ข้ันตอนที่ ๓ การยิงเรง มอื เดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนท่ี ๑
การยงิ ชามอื เดียว โดยมีสว นท่ีแตกตา งกนั ดงั นี้
๑. ใชเวลายิงชุดละ ๒๐ วนิ าที
๒. ในการยงิ แตล ะชุด หามผยู งิ ลดปนลงในขณะยิง
๓. ในขณะยงิ ผคู วบคุมการยิงไมตองเตือนเวลา
๔. หลงั จากการยงิ ชดุ แรกเสรจ็ สน้ิ ใหผ คู วบคมุ การยงิ สง่ั บรรจุ
กระสุนปนชุดใหม
ข้ันตอนที่ ๔ การยิงเรง สองมือ
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนท่ี ๓
การยงิ เรงมือเดียว โดยมีสว นทีแ่ ตกตา งกนั ที่ใชม อื ทง้ั สองขางในการจับปน ยิง
ขน้ั ตอนท่ี ๕ การยิงเร็วมอื เดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๔
การยิงเรง สองมือ โดยมสี ว นทีแ่ ตกตางกนั ที่การยิงเร็วใชเวลายิงชดุ ละ ๑๐ วินาที
ขนั้ ตอนท่ี ๖ การยงิ เรว็ สองมือ
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนที่ ๕
การยงิ เรว็ มอื เดียว โดยมีสว นทีแ่ ตกตา งกันทีใ่ ชม อื ท้ังสองขางในการจบั ปน ยงิ
ข้นั ตอนที่ ๗ การยิงเปา หุนเงาคนมือเดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรงและ
ยงิ เรว็ โดยมีสวนท่แี ตกตา งกัน ดังน้ี

๙๒

๑. หลังจากที่ผูยิงบรรจุกระสุนปนเสร็จแลวใหยืนในทาตรง
หันหนา เขา หาแนวเปา หามจับอาวธุ ปนจนกวา จะไดรบั สญั ญาณเริ่มยงิ

๒. เมอ่ื ผยู งิ ไดรบั สญั ญาณเร่มิ ยิง ใหจ บั อาวธุ ปนและปฏบิ ตั ิ
เชน เดยี วกบั การยิงเรงและยิงเร็ว

๓. ใชเวลายิงชุดละ ๑๒ วนิ าที
ข้นั ตอนที่ ๘ การยิงเปาหนุ เงาคนสองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนท่ี ๗
การยงิ เปา หุนเงาคนมอื เดยี ว โดยมีสว นท่ีแตกตางกันทีใ่ ชม ือท้งั สองขา งในการจบั ปนยิง
๕.๒.๒ วิธกี ารยิงประเภทปน พกกงึ่ อัตโนมัติ
ข้นั ตอนท่ี ๑ การยิงชา มอื เดยี ว
¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “แนวยิงประจาํ ท”่ี
¼ÙŒÂÔ§ ยืนประจําที่ระยะ ๒๕ หลา หลังท่ีวางปนในทาตรง
นําอาวุธปนท่ีเปดลําเล่ือนคางไววางปนบนที่วางปน พรอมซองกระสุนปนและกระสุนปนจํานวน
๓๐ นัด
¼¤ÙŒ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “ตรวจอาวุธ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังคร่ึงกาว ลําตัวหางจากท่ีวางปน
ประมาณ ๑ ฝา มอื ยืนทาํ มมุ ประมาณ ๔๕ องศา กับแนวยงิ ใชม อื จับอาวุธปนตรวจสอบอาวธุ ปน
วาอยูในสภาพพรอมใชงานหรือไม ในลํากลองปนไมมีสิ่งใดอยูภายใน ตรวจสอบซองกระสุนปน
เสร็จแลววางปนบนท่วี างปน กลบั มายืนในทาตรง
¼Œ¤Ù Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “๕ นดั บรรจุ”
¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังประมาณครึ่งกาว ใชมือหยิบ
กระสุนปนจํานวน ๕ นัด บรรจุกระสุนปนในซองกระสุนปน (ถามีซองกระสุนปนจํานวน ๒ ซอง
ใหบรรจกุ ระสุนปนในซองกระสุนปนซองละ ๕ นดั ) จากนนั้ บรรจุซองกระสนุ ปน ใสในตัวปน โดยอาวธุ ปน
จะตอ งอยเู หนอื ทว่ี างปน ลาํ กลอ งปน ชไี้ ปยงั เปา เมอื่ บรรจเุ สรจ็ ปลดลาํ เลอ่ื นปน ไปดา นหนา ในลกั ษณะ
พรอมยิง น้ิวอยูนอกโกรงไกปน จัดทาทางการยิงโดยใหหันขางลําตัวดานมือที่ถนัดเขาหาแนวเปา
เทาหางกนั ประมาณ ๑ ชว งไหล จบั อาวธุ ปนดว ยมือท่ถี นดั มือที่ไมถ นัดเทา ท่ีเอว ลวงกระเปา หรอื
ใชน วิ้ เกยี่ วไวท ข่ี อบกางกาง หา มสว นหนงึ่ สว นใดของรา งกายสมั ผสั ทว่ี างปน เทา จะตอ งไมเ หยยี บเสน
แนวยิงรอฟงคาํ สงั่
¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๕ นัด
ใชเวลา ๒ นาท”ี และสัง่ ตรวจความพรอ มเปน ครัง้ สดุ ทายกอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอม ขวาพรอม
ทุกคนพรอม” ผูควบคุมชองยิงตรวจความพรอมของผูยิงอีกคร้ัง ถาขัดของหรือไมพรอม แจงให
ผูควบคุมการยิงทราบและทําการแกไขใหเรียบรอย เม่ือผูควบคุมการยิงเห็นวาเรียบรอย ก็ใหสั่ง
“เตรียมตวั ระวัง” และใหสญั ญาณเรมิ่ ยิง (รวมเวลา ๕ วินาที ในการส่ัง) พรอมกับบนั ทึกเวลา

๙๓

¼ÙŒÂ§Ô เม่ือไดย ินคาํ สง่ั “เตรียมตวั ” ใหยกอาวุธปน ข้นึ ลํากลองปน
ชไ้ี ปยงั เปาในระดบั สายตา แขนเหยยี ดตงึ เล็งศูนยป น ใหช ัดเจน นิว้ ช้ีแตะทไี่ กปน แตย งั ไมตองเดิน
ไกปน หรือเพิ่มนํา้ หนกั การเหนยี่ วไกปน

¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สง่ั หรอื สญั ญาณใหเ รมิ่ ยงิ โดยเวลาจะหา งจาก
คาํ สั่ง “ระวงั ” ๒ วินาที ใหเ ริ่มยิงได ในขั้นตอนการยิงชา สามารถลดปน ในระหวา งการยิงได เมอ่ื ยงิ
เสรจ็ สน้ิ ใหเลกิ บรรจุ โดยปลดซองกระสุนปนออกจากอาวธุ ปนและเปด ลาํ เล่อื นปนคา งไว วางอาวุธปน
บนทีว่ างปน กลบั มายนื ในทาตรง รอฟง คําสงั่ ตอไป

¼Ù¤Œ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ เม่อื ครบกําหนด ๒ นาที ใหสัญญาณ “หยุดยิง”
พรอมกับหยดุ เวลาและตรวจสอบ ถา เหน็ วา ผูย ิงปฏิบตั ิถูกตอง ใหผ คู วบคมุ การยิงส่ัง “ตรวจอาวุธ”

¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู
เปด ลาํ เลอื่ นปน คา งไว วางอาวธุ ปนบนท่ีวางปน

ข้นั ตอนท่ี ๒ การยงิ ชาสองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนท่ี ๑
การยิงชา มอื เดียว โดยมีสวนท่ีแตกตา งกนั ดงั น้ี
๑. หา มผยู ิงลดปนลงในขณะยิง
๒. ใชมือท้ังสองขางในการจับปนยิง โดยมือที่จับปน ดันปน
ไปดานหนา มืออีกขางหน่งึ ประคองปนดึงเขา หาตัว แขนท้ังสองขางเหยยี ดตงึ
ขน้ั ตอนท่ี ๓ การยิงเรงมอื เดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๑
การยงิ ชามือเดียว โดยมีสวนทแ่ี ตกตางกนั ดงั นี้
๑. ใชเ วลายิงชุดละ ๒๐ วินาที
๒. ในการยงิ แตละชดุ หา มผยู งิ ลดปน ลงในขณะยิง
๓. ในขณะยงิ ผูค วบคมุ การยิงไมต อ งเตอื นเวลา
๔. หลงั จากการยงิ ชดุ แรกเสรจ็ สนิ้ ใหผ คู วบคมุ การยงิ สงั่ บรรจุ
กระสุนปน ชดุ ใหม
ขน้ั ตอนท่ี ๔ การยิงเรง สองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๓
การยงิ เรงมือเดยี ว โดยมีสว นทีแ่ ตกตางกันที่ใชม อื ท้งั สองขางในการจบั ปน ยงิ
ข้นั ตอนที่ ๕ การยิงเรว็ มอื เดียว
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนท่ี ๔
การยงิ เรง สองมอื โดยมีสวนทีแ่ ตกตางกันท่ีการยงิ เรว็ ใชเ วลายิงชุดละ ๑๐ วนิ าที
ขั้นตอนที่ ๖ การยิงเรว็ สองมอื
ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนที่ ๕
การยิงเร็วมือเดียว โดยมสี วนท่ีแตกตา งกนั ทใี่ ชม ือท้งั สองขางในการจบั ปนยงิ

๙๔

¢ŒÍ ö กฎการยิงปนพกขน้ั พืน้ ฐาน
๖.๑ ในการฝกยิงครั้งแรกผูยิงตองไดรับการฝกอบรมหลักการยิงปนภาคทฤษฎี

ไมน อยกวา ๑๖ ชวั่ โมง และในภาคปฏบิ ัติตอ งทาํ การยิงอยางนอ ย ๓ คร้งั และใหนําผลของการยงิ
ชดุ ท่ีดีท่ีสุดเปน เกณฑ

๖.๒ ผยู งิ ทจ่ี ะยงิ ปน พกกง่ึ อตั โนมตั ติ อ งผา นการยงิ ปน พกลกู โมใ นระบบนม้ี ากอ น
โดยจะตอ งมีเกณฑผา นรอ ยละ ๗๕

๖.๓ กอนทําการยิงจะตองเขียนยศ ช่ือตัว ช่ือสกุล สังกัด และรายละเอียด
อืน่ ๆ ตามที่กําหนดลงบนแผน เปา กรณีฝาฝนถอื เปน โมฆะ

๖.๔ หามทําตําหนิ จุดเล็ง หรือเคร่ืองหมายใดๆ บนแผนเปา กรณีฝาฝน
ถอื เปน โมฆะ

๖.๕ หา มผยู งิ บรรจุกระสุนปน กอนทีจ่ ะไดร ับคําสั่งใหบ รรจุ
๖.๖ ในระหวางยิงท้ังปนพกลูกโมและปนพกก่ึงอัตโนมัติหากเกิดเหตุขัดของ
ทําใหเสยี เวลาในการยงิ ตามกําหนดเวลา ซึ่งมิใชเกดิ จากความบกพรองของผยู ิง เชน กระสุนปนดาน
ปนขัดลํา เปน ตน ใหป ฏิบตั ิดังน้ี

ในการยิงชาใหผูยิงแกไขภายในเวลาท่ีกําหนด สวนในการยิงเรง ยิงเร็ว
และยิงเปาหุนเงาคนใหผูควบคุมชองยิงตรวจสอบเหตุขัดของ หากพบวากระสุนปนดาน ปนขัดลํา
ใหผคู วบคุมการยิงส่ังใหผูยิงยิงแกไข โดยใหเฉล่ียเวลาตามข้ันตอนการยิงและตามจํานวนกระสุนปน
นัดทเ่ี กิดเหตขุ ัดขอ ง

๖.๗ หามยิงกอนคําสั่งหรือสัญญาณเริ่มยิง หรือยิงหลังคําสั่งหรือสัญญาณ
หยุดยิง หากฝา ฝน ใหต ัดคะแนนสูงสดุ ในชุดยงิ นนั้ ตามจํานวนนัดทไ่ี ดยงิ ไป

๖.๘ หากปรากฏวาผูใดไมเชื่อฟงคําส่ังหรือไมปฏิบัติตามคําส่ังหรือคําแนะนํา
ของผคู วบคมุ การยงิ ผคู วบคมุ การยงิ มอี ํานาจสง่ั ใหผนู น้ั ออกไปนอกบรเิ วณสนามยิงปน ไดท ันที

๖.๙ การตดั สนิ ของผคู วบคมุ การยงิ ใหถือเปน อนั ยตุ ิ
¢ŒÍ ÷ การนบั คะแนน

๗.๑ เปาวงกลมนับคะแนนต้งั แต ๕ – ๑๐ คะแนน สวนวง X ใหน บั คะแนนเปน
๑๐ คะแนน

๗.๒ เปา หุนเงาคนบรเิ วณพื้นทอี่ กั ษร ต เทากบั ๑๐ คะแนน และบริเวณพนื้ ที่
อักษร พ เทา กบั ๕ คะแนน

๗.๓ การนบั คะแนนใหนบั คะแนนตามเสน เขตท่แี บงไวใ นเปา รอยกระสุนปน
ตองตดั เสนแบงเขตเปาขาดใหถือคาคะแนนตามบริเวณคะแนนท่ีสงู กวา

๗.๔ หา มแตะตอ งหรอื สมั ผสั รอยกระสนุ ปน บนแผน เปา ตรวจสอบพบถอื เปน
โมฆะ

๙๕

๗.๕ คะแนนเตม็ แตล ะเปา เปน ๑๐๐ คะแนน สําหรบั ปน พกลูกโมทกุ เปารวม
๔๐๐ คะแนน สว นปน พกกึง่ อตั โนมัตทิ กุ เปา รวม ๓๐๐ คะแนน

๗.๖ กรณีรอยกระสุนปนเกนิ อยใู นเปา
๗.๖.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามี

รอยกระสุนปน ในเปา ของทางซายหรอื ขวาไมค รบ ใหต ดั คะแนนของรอยกระสนุ ปน ท่ไี ดคะแนนตํา่ สุด
ทปี่ รากฏในเปา ทเ่ี กนิ ออกไป

๗.๖.๒ ถาตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวาแลว
ปรากฏวา มรี อยกระสุนปนของเปาทางซา ยและขวาครบ ใหตดั คะแนนสูงสุดของรอยกระสุนปนท่เี กิน
ออกไป

¢ÍŒ ø เครอื่ งหมายแมนปน มลี กั ษณะดังนี้
เคร่ืองหมายแมนปนมีลักษณะเปนรูปสี่เหล่ียมผืนผา ยกขอบ มีขนาดกวาง

๒.๓ เซนตเิ มตร ยาว ๒.๕ เซนตเิ มตร หนา ๐.๑๕ เซนตเิ มตร ภายในประกอบดวยรูปดาว ๘ แฉก
มีรูปปนพกลูกโมอยูดานขวาและปนพกก่ึงอัตโนมัติอยูดานซายอยางละกระบอก มีแถบริบบ้ินโคง
ตามวงสว นลาง และมอี ักษร “ตาํ รวจภธู รภาค ๔” จารกึ บนภาพแพรแถบสีลายสีทอง ดามปน ติดกัน
โดยปลายกระบอกปน เฉียง ๔๕ องศา หนั ออกดา นนอก สขี องเคร่อื งหมายแตกตางกัน ดงั นี้

ชนั้ ที่ ๑ สขี องเคร่อื งหมายเปนสีทอง
ช้ันท่ี ๒ สขี องเครื่องหมายเปนสีเงิน
ช้นั ท่ี ๓ สีของพ้นื เปน สที องแดง รูปดาว ๘ แฉก และรปู ปนพกลูกโมแ ละปนพก
กง่ึ อัตโนมตั เิ ปน สีเงนิ
ชนั้ กติ ติมศักดม์ิ ีลกั ษณะเชนเดียวกบั เครื่องหมายแมน ปนช้ันท่ี ๑ แตกตางท่ีแถบ
ริบบิน้ ขอ ความ “ตํารวจภธู รภาค ๔” เปนแบบลงยาสีแดง
ลกั ษณะของเครือ่ งหมายแมนปน ตามแบบทา ยบทนี้
¢ÍŒ ù การเทียบวุฒิ
ชั้นที่ ๑ ตองไดคะแนน ๓๖๐ – ๔๐๐ คะแนน
ชัน้ ที่ ๒ ตองไดค ะแนน ๓๒๑ – ๓๕๙ คะแนน
ชน้ั ท่ี ๓ ตอ งไดคะแนน ๒๘๐ – ๓๒๐ คะแนน

(ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี
ลักษณะที่ ๕๘ ระบบการยงิ ปนของสาํ นกั งานตาํ รวจแหงชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวนั ท่ี ๒๔
มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๙)

๙๖

ÀÒ¾à¤Ã×èͧËÁÒÂáÁ¹‹ »¹„ ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂ§Ô »¹„ ¾¡¢Ñ¹é ¾¹é× °Ò¹¢Í§ตําÃǨÀ¸Ù ÃÀÒ¤ ô

เครื่องหมายแมน ปน ชัน้ ที่ ๑ เปนเครอื่ งหมายแมน ปนทอง

เคร่ืองหมายแมนปน ช้นั ที่ ๒ เปนเคร่อื งหมายแมน ปนเงนิ
เคร่อื งหมายแมนปนชนั้ ท่ี ๓ เปนเครอ่ื งหมายแมน ปนทองแดง

เคร่อื งหมายแมนปน ช้นั กติ ติมศักดิ์

๙๗

ÀÒ¾Å¡Ñ É³Ðà»Ò‡ ǧ¡ÅÁáÅÐ໇Ò˹‹Ø à§Ò¤¹
ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂÔ§»¹„ ¾¡¢¹Ñé ¾é×¹°Ò¹¢Í§ตาํ ÃǨÀ¸Ù ÃÀÒ¤ ô


Click to View FlipBook Version