โ ร ค หิ น ปู น หู ชั้ น ใ น เ ค ลื่ อ น
Benign Paroxysmal
Positional Vertigo: BPPV
ENT Services
โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน
(benign paroxysmal positional vertigo: BPPV)
หรืออาจเรียกว่าโรคเวียนศีรษะขณะเปลี่ยนท่า
หรือโรคนิ่วในหูชั้นใน มีสาเหตุมาจากการเสื่อมของอวัยวะในหูชั้นใน
จึงมักพบในผู้สูงอายุ
โรคนี้เป็นโรคที่ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่พบได้บ่อยที่สุด
พบได้ในคนอายุ 30 – 70 ปี (พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก)
พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายในอัตราส่วน
1.5-2 : 1 มักพบในคนสูงอายุ (อายุ > 60 ปี)
โรคนี้สามารถเกิดในหูทั้งสองข้างได้ประมาณ
ร้อยละ 15 อาจพบร่วมกับโรคไมเกรนได้
อาการโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน
อาการเวียนศีรษะที่เกิดจากโรคนี้อาจเป็นได้หลายๆ ครั้ง/วัน
มักเป็นอยู่หลายวันแล้วจะค่อยๆ ดีขึ้นในเวลาเป็นสัปดาห์หรือเดือน
อาจกลับเป็นซ้ำได้อีกในเวลาอีกหลายเดือนหรือเป็นปี
อาการเฉพาะของ อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนในขณะ
BPPV เปลี่ยนท่าทางของศีรษะ
โดยมีอาการเกิดขึ้นทันทีทันใด
เช่น
ขณะล้มตัวลงนอนหรือลุกจากที่นอน
ขณะพลิกตัวในที่นอน
ก้มดูของหรือเงยหน้าขึ้นข้างบน
มักเป็นอยู่ในช่วงสั้นๆ
มักเป็นแค่ช่วงวินาทีที่ขยับศีรษะ แล้วอาการจะค่อยๆ หายไป
เมื่อขยับศีรษะในท่าเดิมอาการก็อาจกลับมาใหม่ได้ แต่จะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก
หากผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะรุนแรง อาจมีอาการ
คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย แต่โรคนี้จะไม่พบ
อาการหูอื้อ
การสูญเสียการได้ยินหรือมีเสียงผิดปกติในหู
*** ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีโรคหูเดิมอยู่ก่อนแล้ว ***
อาจมีอาการทางระบบประสาท หรืออาการแขนขาชา
หรืออ่อนแรงร่วมด้วย
การตรวจการได้ยิน การซักประวัติอาการ เช่น
ลักษณะของอาการเวียน
การตรวจ ศีรษะ ปัจจัยหรือท่าทางที่
ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ
วินิจฉัย
การตรวจจำเพาะ ได้แก่ การตรวจร่างกาย เช่น
การทดสอบ Dix-Hallpike maneuver การตรวจหู คอ จมูก และ
ระบบประสาท
ซึ่งเป็นการทดสอบที่จำเพาะกับโรคนี้
การทดสอบ
Dix-Hallpike maneuver
การทดสอบ
Dix-Hallpike maneuver
แนวทางการรักษา BPPV
การรักษาตามอาการและให้คำแนะนำ
การทำกายภาพบำบัด
การผ่าตัด
แนวทางการรักษา BPPV
การรักษาตามอาการและให้คำแนะนำ
เช่น
หลีกเลี่ยงท่าทางและกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการ
รับประทานยาบรรเทาอาการเวียนศีรษะ
โดยมากอาการจะค่อยๆ ทุเลาลงโดยเฉพาะหลัง 1 เดือนขึ้นไป
อย่างไรก็ดี โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนยังไม่มียาจำเพาะสำหรับการรักษา
แนวทางการรักษา BPPV
การทำกายภาพบำบัด
ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในปัจจุบันและได้ผลในการรักษา
การทำกายภาพบำบัดเพื่อเคลื่อนตะกอนหินปูน ได้แก่ วิธีของ
Semont และ Epley (canalith repositioning therapy)
การทำกายภาพบำบัดเพื่อให้เกิดการปรับสภาพของสมองได้เร็ว
ขึ้น ได้แก่ Brandt และ Daroff หรือวิธี Cawthorne
vestibular exercise
แนวทางการรักษา BPPV
การผ่าตัด
หากการรักษาตามอาการและการทำกายภาพบำบัดไม่ได้ผล
แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
canalith
repositioning
therapy
canalith repositioning therapy
การทำหัตถการเพื่อเคลื่อนตะกอนหินปูนในหูชั้น ในเข้าท่ี
จุดประสงค์/ประโยชน์
เพื่อรักษาอาการเวียนศีรษะ
จากสาเหตุหินทรงตัวในหูชั น้ ในเคลื่อนที่
การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ
1. ไม่ควรรับประทานอาหารมากเกิน
ไปก่อนทำหัตถการ
2. ผู้ป่วยควรสวมใส่เสื อผ้าที่เหมาะกับการ
เคลื่อนไหวร่างกายเมื่อแพทย์ทำหัตถการ
ข้อปฏิบัติตัวขณะกำลังทำหัตถการ
1. ควรทำตัวให้สบาย ไม่เครียดหรือวิตกกังวล
2. ลืมตากว้างเพื่อให้แพทย์ได้เห็นการเคลื่อนไหวหรือ
การกระตุกของลูกตา เพื่อเป็นแนวทางให้แพทย์ทราบ
ถึงทิศทางการเคลื่อนตัวของหินทรงตัว
3. เมื่อจบการท าหัตถการให้ก้มศีรษะเล็กน้อยและ
นั่งพักนิ่งๆ ประมาณ 25-30 นาที
canalith repositioning therapy
การปฏิบัติตนหลังทำหัตถการ
- ในช่วง 3-5 วันหลังทำหัตถการ
ห้ามก้มเงยศีรษะ
ดื่มน้ำโดยใช้หลอด
ควรสวมเฝือกอ่อน (soft collar) ไว้ตลอดเวลา
(อาจเว้นตอนนอน)
เวลานอนควรนอนศีรษะสูงประมาณ 30-45องศา
ไม่ควรพลิกตะแคงศีรษะไปด้านหูที่เป็นโรค
การปฏิบัติตนหลังทำหัตถการ
ไม่ควรเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว
ระมัดระวังขณะลุกเดินหรือเคลื่อนไหว
ความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อน
และปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
การบาดเจ็บบริเวณคอและหลัง
ผู้ป่วยอาจรู้สึกเวียนศีรษะ
คลื่นไส้ และอาเจียนได้
คำแนะน าเกี่ยวกับการเดินทาง
ก่อนและหลังการทำหัตถการ
ควรงดเดินทาง 1 สัปดาห์หลังทำหัตถการ
หากมีข้อสงสัย
หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพ่ิมเติม
กรุณาตดิต่อ
แผนกหู ตา จมูก
0-2011-328
อาการเวียนศีรษะแบบรู้สึกหมุน
Vertigo
สาเหตุ
กลุ่มที่เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน
หรือเส้นประสาทการทรงตัว
กลุ่มที่เกิดจากความผิดปกติ
ของระบบสมองประสาท
ซึ่งมักจะมีความผิดปกติอื่นร่วมด้วย
มองเห็นภาพไม่ชัด อาการเวียนศีรษะ
ในขณะที่มีการเคลื่อนไหว แบบหมุนเอียง หรือ
โคลงเคลง
อาการที่พบได้
มีความรู้สึกเหมือน
มีความรู้สึกเหมือนจะเป็นลม เมารถเมาเรือ เป็นๆ หายๆ
หูอื้อ มีเสียงในหู อาจมีอาการร่วมอื่นๆ
สูญเสียการได้ยิน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
การตรวจวินิจฉัยอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
การซักประวัติอย่างละเอียด
การซักประวัติอย่างละเอียด
ลักษณะของอาการเวียนศีรษะ
อาการร่วม เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
ระยะเวลาและช่วงเวลาที่มีอาการ
รวมถึงอาการร่วมทางหู
เช่น อาการหูอื้อหรือมีเสียงรบกวนในหู
การซักประวัติอย่างละเอียด
ประวัติโรคประจำตัว
ประวัติโรคทางหู
ประวัติ การใช้ยาประจำ ประวัติการได้รับอุบัติเหตุ
ประวัติการผ่าตัดต่างๆ
การตรวจร่างกาย
การตรวจหูอย่างละเอียด
การตรวจระบบประสาทและการทรงตัว
การตรวจการทำงานของอวัยวะการทรงตัว
ในหูชันใน
การตรวจดูการกลอกของลูกตา
และการเคลื่อนไหวของลูกตาในท่าทางต่างๆ
การตรวจพิเศษเพิ่มเติม
(เมื่อสงสัยว่ามีความผิดปกติของการทำงานในหูชั้นใน)
การตรวจการได้ยิน
การตรวจแรงดันน้ำในหูชั้นใน
การตรวจการทำงานของเส้นประสาทการได้ยิน
การตรวจพิเศษทางรังสี
(ในรายที่สงสัยว่าอาจมีเนื้องอกของเส้นประสาทการทรงตัวหรือความผิดปกติสมอง)
ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT scan)
ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
แนวทางการรักษาอาการเวียน
ศีรษะบ้านหมุน
Vertigo
แนวทางการรักษาอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
เนื่องจากอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนเกิดได้จากหลายสาเหตุ
การรักษาขึ้นกับสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการ
โดยแพทย์จะพิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
สำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ
ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
หลีกเลี่ยงการหมุนหันศีรษะเร็วๆ
การเปลี่ยนแปลงท่าทางอิริยาบถอย่างรวดเร็ว
ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
ลดปริมาณหรืองดการสูบบุหรี่/ดื่มกาแฟ
ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ
ความวิตกกังวล ความเครียด
สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ การพักผ่อนไม่เพียงพอ
ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
ไม่ควรอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
การขับรถในขณะยังมีอาการ การปีนป่ายที่สูง
หากมีข้อสงสัย
หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพ่ิมเติม
กรุณาตดิต่อ
แผนกหู ตา จมูก
0-2011-328