The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by watcharin lorhana, 2020-04-28 03:37:41

ชุดกิจกรรมอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

1


เอกสารประกอบการเรียนรู้วชาเคมีเพิ่มเติม



ชั้นมธยมศึกษาปีที่ 4









จัดท าโดย นายวัชรินทร์ เลาะหะนะ













ชื่อ............................................................เลขที่...............รหัสประจ ำตัว...........................
































โรงเรียนบำงพลีรำษฎร์บ ำรุง อ ำเภอบำงพลี จังหวัดสมทรปรำกำร


สังกัดส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำเขต 6






อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

2




















ั้
แผนผังแสดงขนตอนการเรียนร ู้



โดยใชชดกิจกรรมการเรียนร ู้


1. อ่านค าชี้แจง/ค าแนะนาการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้




ไม่ผ่าน


2. ศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยปฏิบัติกิจกรรม

- ท าแบบทดสอบก่อนเรียน
- ศึกษาใบความรู้

- ศึกษาล าดับแนวความคิดต่อเนื่องภายในเล่ม

- ท าใบกิจกรรม

- ท ากิจกรรมสัมมนาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

- ท าแบบทดสอบหลังเรียน








3. ตรวจสอบค าตอบแบบทดสอบก่อนเรียน –หลังเรียน

และใบกิจกรรม การประเมิน







อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

3




















ค าแนะน าการใช้ชดกิจกรรมการเรียนรู้ส าหรบคร


กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ เรื่องอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี ชั้นมัธยมศึกษำปีที่

5 เล่ม 1 อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี มีจุดมุ่งหมำยเพื่อช่วยใหกำรด ำเนินกิจกรรมกำรเรียนรู้บรรลุวัตถุประสงค์
กำรเรียนรู้และ มีประสิทธิภำพ ผู้สอนควรเตรียมควำมพร้อมและปฏิบัติตำมค ำแนะน ำ ดังต่อไปนี้
1. ศึกษำรำยละเอียดเกี่ยวกับแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เนื้อหำที่สอน เอกสำรชุดกิจกรรมเสริมทักษะทำง


วิทยำศำสตร์ และค ำชี้แจงต่ำง ๆ ให้เข้ำใจกอนด ำเนินกิจกรรมกำรเรียนร ู้
2. เตรียมสื่ออุปกรณ์ในกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ให้พร้อมและครบจ ำนวนนักเรียนในชั้นเรียนแต่ละ
กลุ่ม

3. เมื่อมีกิจกรรมกลุ่มให้แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5-8 คน จ ำนวนกลุ่มขึ้นอยู่กับ

นักเรียนในชั้นเรียน โดยคละนักเรียนเรียนเก่ง ปำนกลำง และอ่อน ให้มีกำรเลือกประธำนและ
เลขำนุกำรกลุ่ม และแบ่งหน้ำที่ควำมรับผิดชอบแก่สมำชิกในกลุ่ม

4. ก่อนจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ ครูควรชี้แจงให้นักเรียนเข้ำใจบทบำทของตนเองแนะน ำขั้นตอนกำรใช้
ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ แนวปฏิบัติในระหว่ำงกำรด ำเนินกิจกรรมกำรเรียนรู้ แล้วจึงให้ท ำแบบทดสอบกอนเรียน

5. ขณะที่นักเรียนท ำกิจกรรม ครูคอยให้ควำมช่วยเหลือ แนะน ำ และกระตุ้นให้นักเรียนท ำกิจกรรม

ั้

อย่ำงกระตือรือร้น และตอบข้อสงสัยต่ำง ๆ ระหว่ำงเรียน พรอมทงสังเกตและประเมินพฤติกรรมกำรท ำงำน
ของนักเรียน


6. เมื่อนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมครบถ้วน ให้นักเรียนท ำแบบทดสอบหลงเรยน แล้วน ำผลทดสอบก่อน
เรียนและหลงเรียนแจ้งให้นักเรียนทรำบควำมก้ำวหน้ำทำงกำรเรียน


7. กำรวัดและประเมินผล ประเมินจำกแบบทดสอบกอนเรียนและหลังเรียน สังเกต
พฤติกรรมกำรปฏิบัติงำนกลุ่ม ประเมินผลกำรปฏิบัติงำน ตรวจใบกิจกรรม

8. เมื่อสิ้นสุดกำรปฏิบัติกิจกรรมกำรเรียนรู้ ครูให้นักเรียนร่วมตรวจสอบ เกบชุดกิจกรรมกำรเรียนร ู้

วัสดุ สิ่งของ และอปกรณ์ให้เรียบร้อย เพื่อสะดวกในกำรใช้ครั้งต่อไป






อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

4



















ค าแนะน าการใช้ชดกิจกรรมเสริมทักษะวิทยาศาสตร์ส าหรบนักเรียน


กำรเรยนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมกำรเรียนร เรื่องอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี ชั้นมัธยมศึกษำปีท 5 เล่ม 1 อัตรำ
ี่
ู้

กำรเกิดปฏิกิริยำเคมี ให้นักเรียนปฏิบัติตำมขั้นตอนด้วยควำมซื่อสัตย์และตั้งใจ ดังนี้
1. ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ เล่ม 1 อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ ใช้เวลำเรียน 4 ชั่วโมง

2. แบงกลุ่ม ๆ ละ 5 - 8 คน โดยคละควำมสำมำรถนักเรียนในกลุ่มเป็นเก่ง ปำนกลำงและอ่อน
3. อ่ำนค ำชี้แจง ค ำแนะน ำกำรใช้ชุดกจกรรมกำรเรียนรู้ ขั้นตอนกำรเรียนโดยใช้ ชุดกิจกรรมกำรเรยนรู้ ให ้


เข้ำใจก่อนลงมือศึกษำชุดกิจกรรมกำรเรียนร ู้
4. ศึกษำสำระกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ และจุดประสงค์กำรเรียนร ู้


5. ท ำแบบทดสอบกอนเรียน (Pre - Test) ชุดกจกรรมกำรเรยนร เรองอัตรำกำรเกิดปฏิกิรยำเคมี จ ำนวน

ู้

ื่

20 ข้อ เพื่อตรวจสอบควำมรู้พื้นฐำน บันทึกผลคะแนนที่ได้
6. ปฏิบัติกิจกรรมตำมขั้นตอนในชุดกิจกรรมกำรเรียนร ู้


7. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมต่ำง ๆ เสร็จเรียบรอยแลว ให้ตรวจสอบค ำตอบได้จำกเฉลยใบกิจกรรมในภำคผนวก
ท้ำยเล่ม


8. ท ำแบบทดสอบหลงเรียน (Post - Test) ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ เรื่องอตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี จ ำนวน
20 ข้อ

ี่

9. ตรวจค ำตอบจำกเฉลยแบบทดสอบหลงเรยน (Post - Test) พรอมบนทกผลคะแนนทได้แลว




ึ่


เปรียบเทียบกบคะแนนจำกแบบทดสอบกอนเรยนเพื่อตรวจสอบควำมก้ำวหน้ำทำงกำรเรียน ซงนักเรียนต้อง




ท ำแบบทดสอบหลงเรียน (Post – Test) ได้ร้อยละ 80 ขึ้นไปจึงจะผำนเกณฑ์ ถ้ำนักเรียนไม่ผำนเกณฑ์ตำมท ี่

ก ำหนด ให้ทบทวนเนื้อหำ แล้วให้ทำแบบทดสอบหลงเรยนอกครง หำกผ่ำนเกณฑ์ให้ศึกษำชุดกิจกรรมกำร


ั้

เรียนรู้ เล่ม 2 ต่อไป

ข้อควรปฏิบัติ

ู้
1. หำกมีข้อสงสัยให้ขอค ำอธิบำยหรอถำมครูผสอน เพื่อร่วมกันสรุปข้อสงสัยนั้น ๆ


อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

5





ื่



2. เพื่อให้เกดประโยชน์สูงสุด นักเรยนต้องมีควำมซอสตย์ต่อตนเอง ไม่เปดดูเฉลยจนกว่ำนักเรยนจะทำ
กิจกรรมเสร็จ เพื่อตรวจสอบควำมก้ำวหน้ำทำงกำรเรียน













ู้
มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ และจุดประสงคการเรียนร

มาตรฐานการเรียนรู้


สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร


มำตรฐำน ว 3.2 เข้ำใจหลักกำรและธรรมชำติของกำรเปลี่ยนแปลงสถำนะของสำร กำรเกิดสำรละลำย กำร


ื่
เกิดปฏิกริยำ มีกระบวนกำรสบเสำะหำควำมรู้และจิตวิทยำศำสตร์ สอสำรสิ่งที่เรียนรู้ และน ำควำมรู้ไปใช้

ประโยชน์

สาระการเรียนรู้


- ควำมหมำยอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี


- แนวคิดเกี่ยวกับอัตรำกำรเกดปฏิกริยำเคมี
- ปัจจัยที่มีผลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี


จุดประสงค์การเรียนรู้

เมื่อนักเรียนศึกษำชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ เรื่องอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 5 เล่ม 1


อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี แล้วนักเรียนสำมำรถ

1. ด้านพุทธพิสัย (Knowledge : K)


1.1 อธิบำยควำมหมำยของอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมีได้

1.2 อธิบำยแนวคิดเกี่ยวกบอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีได้

1.3 อธิบำยปัจจัยที่มีผลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี
2. ด้านทักษะพิสัย (Process: P)




อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

6



2.1 ทกษะกระบวนกำรสบเสำะหำควำมร 2.2 ทกษะกระบวนกำรแกปัญหำ

ู้



2.3 ทกษะกำรสื่อสำร 2.4 ทกษะกระบวนกำรน ำควำมรู้ไปใช้


2.5 ทกษะกำรท ำงำนกลุ่ม 2.6 ทักษะกำรทดลอง
3. ด้านจิตพิสัย (Attitude: A)
3.1 ซื่อสัตย์สุจริต 3.4 มุ่งมั่นในกำรท ำงำน 3.6 มีจิตสำธำรณะ
3.2 มีวินัย 3.5 ตระหนักในคุณค่ำและมีเจตคติที่ดีต่อ 3.7 มีควำมพอเพียง

3.3 ใฝ่เรียนร วิชำวิทยำศำสตร ์
ู้



แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)


เล่มที่ 1 เรื่องอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคม


ค าชี้แจง : 1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยมีทั้งหมด 20 ข้อ 20 คะแนน เวลำ 30 นำท ี
2. ให้นักเรียนท ำเครื่องหมำยกำกบำท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค ง ที่เห็นว่ำถูกต้อง

ที่สุดเพียงข้อเดียวลงในกระดำษค ำตอบ



1. ในปฏิกริยำ Mg (s) + 2HCl (aq) ----> MgCl2 (aq) + H2 (g) พบว่ำเมื่อปฏิกิริยำใกลจะสิ้นสุดนั้น อัตรำ

กำรเกิดปฏิกริยำไฮโดรเจนจะลดลง ทั้งนี้เพรำะเหตุใด

1. ผลิตภัณฑ์รวมตัวกลับไปเป็นสำรตั้งต้นมำกขึ้น
2. ควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นลดลง

3. อุณหภูมิของของผสมจะลดลง เนื่องจำกพลังงำนถูกใช้ไป
4. ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นทำหน้ำที่เป็นตัวขัดขวำงปฏิกิริยำ

2. ในกำรทดลองวัดปริมำตรของแกสไฮโดรเจนที่เกิดจำกปฏิกิริยำระหว่ำงโลหะอลูมิเนียมกับสำรละลำยไฮโดร

คลอริกโดยจับเวลำที่เก็บแก๊สได้ทกๆ 1 cm3 นำข้อมูลมำเขียนกรำฟแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงปริมำตรของ

แก๊สไฮโดรเจนกับเวลำ แล้วหำค่ำควำมชันของกรำฟ ณ เวลำ 50, 100, 150, 200 และ 300 วินำที ถ้ำผลกำร

ทดลองถูกต้อง ควำมชันของกรำฟ ณ เวลำใดสูงที่สุด
1. 50 วินำที

2. 150 วินำท ี

3. 200 วินำที
4. 300 วินำท ี

3. กรำฟในข้อใดที่จะแทนควำมสัมพันธ์ระหว่ำง



ี่
Y (ควำมเข้มข้นของ HI) กับ X (เวลำทปฏิกริยำด ำเนินไปของปฏิกริยำ H (g) + I (g) ---> 2HI (g))
2
2


อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

7
















1. A

2. B
3. C

4. D


4. ก๊ำซ AB สลำยตัว ได้ตำมสมกำร 2AB (g) ---> 2AB (g) + B (g) ถ้ำอัตรำกำรสลำยตัวของ AB เท่ำกับ
2
2
2
2
–3 –1
2
k mol.dm .s อัตรำกำรเกิด B จะเป็นเท่ำใด
1
1. k /4
1
2. K /2
1
3. K
1
4. 2k 1
ค าชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ประกอบกำรตอบคำถำมข้อ 5–6

จำกผลกำรทดลองหำอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีระหว่ำงโลหะแมกนีเซียมกบกรดไฮโดรคลอรก ได้ผลดังต่อไปนี้


















3
3
5. อัตรำกำรเกิดของแก๊สไฮโดรเจนที่ปริมำตรระหว่ำง 4 – 5 cm มีค่ำกี่ cm /s
1. 1/20
2. 1/90

3. 1/110
4. 5/320

1
6. อัตรำเฉลี่ยกำรเกิด H มีค่ำเท่ำกับ mol/s อัตรำกำรใช้ HCl เป็นกี่ mol/s
2
64 22.4 10 3




อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

8


1
1.
128 22.4 10 3


1
2.
64 22.4 10 3


1
3.
32 22.4 10 3


1
4.
16 22.4 10 3






7 . ในกำรทดลองท ำปฏิกิริยำฟิสชันของสำรกัมมันตรงสีชนิดหนึ่ง ได้ผลกำรทดลองสรุปได้ดังกรำฟ















ก. ถ้ำปลอยให้ปฏิกิริยำเกิดขึ้นอย่ำงสมบรณ์ อัตรำเร็วเฉลี่ยของปฏิกิริยำเป็นกี่โมลต่อวินำท ี





ข. ถ้ำหยุดปฏิกริยำเมื่อเวลำผำนไป 8 วินำที อัตรำเร็วเฉลี่ยของปฏิกริยำเป็นกี่โมลต่อวินำท ี
ข้อใดเป็นค ำตอบของ 1 และ 2


ข้อ 1 2

1 0.125 0.100
2 0.500 0.125

3 0.500 0.400

4 0.500 0.500


8. A B และ C อยู่ในภำชนะเดียวกัน A ทำปฏิกริยำกบ B แล้วได้สำร X ดังสมกำร A + 2B ---> X และ A ทำ


ปฏิกิริยำ กับ C ได้สำร Y กำรวัดมวลของสำรที่เวลำต่ำงๆ ได้ผลดังนี้











อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

9

















1. A + C ---> Y 4 นำที
2. 2A + C ---> Y 4 นำท ี

3. A + 2C ---> Y 3 นำที

4. 2A + C ---> Y 3 นำท ี







9. แฟกเตอร์ที่มีอิทธิพลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี คือ
1. ควำมเข้มข้นของสำรละลำย ควำมดัน ตัวคะตะเลส พันธะโคเวเลนต์

2. พันธะโคเวเลนต์ อุณหภูมิ ควำมเข้มข้นของสำรละลำย ควำมดัน

3. อุณหภูมิ ควำมเข้มข้นของสำรละลำย พื้นที่ผิว ตัวคะตะเลส
4. อุณหภูมิ พันธะโคเวเลนต์ พื้นที่ผิว ตัวคะตะเลส


ี่


10. กำรวัดอัตรำเฉลี่ยของปฏิกิริยำระหว่ำงโลหะสงกะสกับกรดไฮโดรคลอรกในน้ ำทอุณหภูมิเดียวกันได้ผลดัง
ตำรำง








ปัจจัยที่มีผลต่ออัตรำเฉลี่ยของปฏิกริยำในกำรทดลองนี้
ก. ปริมำณของสังกะส ี
ข. พื้นที่ผิวของสังกะส ี


ค. ควำมเข้มข้นของกรดไฮโดรคลอรก
ข้อใดถูกต้อง
1. ก. และ ข. เท่ำนั้น

2. ข. และ ค. เท่ำนั้น




อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

10


3. ก. และ ค. เทำนั้น

4. ก. ข. และ ค.
11. ผลกำรทดลอง ส ำหรบปฏิกิริยำ 2NO (g) + H (g) --->H O (g) + N O (g) เป็นดังนี้

2
2
2












อัตรำเร็วของปฏิกริยำ เป็นสัดส่วนกับควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้น ตำมข้อใด

1. [NO] [H ]
2
2
2. [NO] [H ]
2
2
3. [NO] [H ]
2
2
4. [2NO] [H ]
2
12. ในกำรศึกษำปฏิกิริยำระหว่ำงฮีโมโกลบิน (Hb) กับคำร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ที่ 20 C, pH 7.3 มีสมกำร
o
ดังนี้ 4Hb + 3CO ---> Hb (CO)ได้ผลกำรทดลองดังนี้
4












ในขณะที่ควำมเข้มข้นของ Hb เป็น 3.0 mol/dm และของ CO เป็น 2.00 mol/dm อัตรำกำรหำยไปของ
3
3
3
Hb เป็นกี่ mol/dm
1. 0.90

2. 1.80

3. 2.70
4. 3.60

13.














อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

11


กรำฟที่แสดงกำรด ำเนินของปฏิกิริยำ

2HI ---Au--> H2 + I2 เส้นใดบ้ำงที่แสดงว่ำอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ ไม่ขึ้นกับควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้น
1. 1 และ 4

2. 2 และ 5

3. 3 และ 5
4. 2 และ 4

14. กรำฟที่แสดงต่อไปนี้ เป็นของปฏิกิริยำ CO (g) + NO (g) <---> CO (g) + NO(g) ข้อควำมใดถูกต้อง
2
2












1. พลังงำนกระตุ้นของปฏิกิริยำย้อนกลับเทำกับ (X + Y)

2. ปฏิกริยำย้อนกลับคำยพลังงำนเท่ำกับ X


3. ปฏิกริยำไปข้ำงหน้ำเป็นปฏิกิริยำดูดควำมรอน


4. อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำไปข้ำงหน้ำเทำกับอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำย้อนกลับ
ค าชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ประกอบกำรตอบค ำถำมข้อ

15 – 16 ปฏิกิริยำชนิดหนึ่ง จำกสำรเริ่มต้น A เกิดเป็นสำรใหม่ E มีกำรเปลี่ยนแปลงพลังงำนตำมที่แสดงไว้ใน

รูปข้ำงล่ำงนี้














15. ปฏิกิริยำนี้เกิดขึ้นเป็นขั้นๆ ขั้นที่ช้ำที่สุดคือขั้นใด
1. A ---> C

2. B ---> D
3. C ---> D

4. C ---> E

16. ปฏิกิริยำนี้เป็นแบบอะไร
1. ดูดควำมร้อนเทำกับ W – Y


2. ดูดควำมร้อนเทำกับ Z



อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

12


3. คำยควำมร้อนเท่ำกับ X

4. คำยควำมร้อนเท่ำกับ Z – X


17. ข้อสรุปเกี่ยวกบปฏิกิริยำ A และปฏิกริยำ B จำกกรำฟนี้ ข้อใดถูกต้อง












1. อัตรำของปฏิกริยำ A เร็วกว่ำอัตรำของปฏิกริยำ B เพรำะปฏิกิริยำ A เป็นปฏิกริยำคำยควำมร้อน


2. อัตรำของปฏิกริยำ B เร็วกว่ำอัตรำของปฏิกริยำ A เพรำะปฏิกิริยำ B เป็นปฏิกริยำดูดควำมร้อน








3. อัตรำของปฏิกริยำ A เร็วกว่ำอัตรำของปฏิกริยำ B เพรำะพลงงำนกอกัมมันต์ของปฏิกริยำ A น้อย

กว่ำของปฏิกริยำ B





4. อัตรำของปฏิกริยำ B เร็วกว่ำอัตรำของปฏิกริยำ A เพรำะพลงงำนกอกัมมันต์ของปฏิกริยำ B สูง
กว่ำของปฏิกริยำ A

18. จำกปฏิกิริยำ CaCO (s) + 2HCl (aq) ---> CaCl (aq) + H O (l) + CO (g) เมื่อเพิ่มอุณหภูมิของระบบ
2
2
2
3
พลังงำนก่อกัมมันต์จะเปลี่ยนแปลงอย่ำงไร
1. เพิ่มขึ้น
2. คงท ี่
3. ลดลง

4. ต้องทรำบว่ำปฏิกิริยำดูดหรอคำยพลังงำนจึงจะพิจำรณำได้
19. ปฏิกิริยำ A (s) + B (aq) ---> C (aq) + D (aq) เป็นปฏิกิริยำคำยควำมร้อน อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำจะ
เพิ่มขึ้นเมื่อใด
1. ลดขนำดของ A เพิ่มควำมเข้มข้นของ B ลดอุณหภูมิ
2. ลดปริมำณของ D เพิ่มควำมเข้มข้นของ B ลดอุณหภูมิ

3. เพิ่มขนำดของ A ลดควำมดัน เพิ่มอุณหภูมิ
4. ลดขนำดของ A เติมตัวเร่งปฏิกิริยำ เพิ่มอณหภูมิ

20. มีสำร 3 ชนิด คือ A, B และ C ซึ่งถ้ำทำปฏิกิริยำกัน จะได้สำร D แต่ถ้ำเลือก 2 ชนิดที่เหมำะสมมำท ำ

ปฏิกิริยำกัน พบว่ำจะได้ผลิตภัณฑ์เหมือนกัน แต่ใช้เวลำนำนกว่ำ ปฏิกิริยำในกำรผสมสำร 3 ชนิด เกิดขึ้น 2
ขั้นดังนี้ A + C ---> AC

AC + B ---> D + C

ข้อใดผิด
ี่
1. สำร 2 ชนิดทเหมำะสม ที่น ำมำผสมกัน คือ A และ B

2. สำร C เป็นตัวเร่งปฏิกริยำ



อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

13


3. สำร AC ไม่อยู่ตัว จะเกิดกำรเปลี่ยนแปลงต่อไป

4. ถ้ำผสม A และ C เข้ำด้วยกัน A จะเป็นตัวหน่วงปฏิกริยำ





















ใบความร
ู้
บทที่ 6

อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี (Rate of Chemical Reaction)
1. ความหมายของอัตราการเกิดปฏิกิริยา

อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี หมำยถึง ปริมำณสำรตั้งต้น (Reactant) ที่ลดลง หรือปริมำณที่สำร


ผลิตภัณฑ์ (Product) ที่เกิดขึ้นจำกปฏิกริยำที่เกิดขึ้นช่วงหน่วยเวลำ (วินำที นำที หรือชั่วโมง) สำมำรถเขียน
ควำมสัมพันธ์ในเชิงคณิตศำสตร์ได้ดังนี้

ปริมำณสำรตั้งต้นที่ลดลง

อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี =

ระยะเวลำที่เกิดปฏิกิรยำ


ปริมำณสำรผลิตภัณฑ์ที่เกดขึ้น

หรือ อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี =

ระยะเวลำที่เกิดปฏิกิรยำ

ควำมหมำยของอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี เมื่อพิจำรณำปฏิกิริยำระหว่ำงสำร A กับสำร B เกิดสำร C และ D
ดังสมกำร




สำมำรถเขียนควำมสัมพันธ์ในเชิงคณิตศำสตร์ได้ดังนี้

ปริมำณสำร A ที่ลดลง (ใช้ไป)
อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี =

ระยะเวลำที่เกดปฏิกิริยำ



อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

14




ปริมำณสำร B ที่ลดลง (ใช้ไป)

หรือ อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี =
ระยะเวลำที่เกิดปฏิกิรยำ


ปริมำณสำร C ที่เกิดขึ้น
หรือ อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี =

ระยะเวลำที่เกิดปฏิกิริยำ


ปริมำณสำร D ที่เกิดขึ้น

หรือ อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี =
ระยะเวลำที่เกิดปฏิกิริยำ

1.1 กรำฟของกำรเปลี่ยนแปลงอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ

หำกเรำติดตำมปฏิกริยำที่เกิดขึ้น ณ เวลำใดๆ แล้วนำมำเขียนกรำฟเรำจะได้ควำมสัมพันธ์

ของกรำฟดังแสดง เมื่อสำรตั้งต้น A สลำยตัวกลำยเป็นสำรตั้งต้น B ดังสมกำร


A B











































กราฟที่ 1 กำรเปลี่ยนแปลงควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นและสำรผลิตภัณฑ์ต่อเวลำ
เมื่อพิจำรณำกรำฟของสำรตั้งต้น (A) พบว่ำควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้น (A) จะมีปริมำณมำกที่สุด

เมื่อเวลำ t=0 แต่ควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้น A จะลดลงเมื่อเวลำผ่ำนไป แสดงว่ำ สำรตั้งต้น A ถูกสลำย




อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

15


กลำยเป็นสำรผลิตภัณฑ์ B กรำฟที่ได้โค้งลง เมื่อเปรียบเทียบอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำของสำรตั้งต้น พบว่ำอัตรำ


กำรเกิดปฏิกริยำในช่วงแรกจะเร็วมำก และจะลดลงเมื่อเวลำผ่ำนไป กำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำวสังเกตได้จำก


ควำมชันของกรำฟ ถ้ำกรำฟมีควำมชันมำก แสดงว่ำอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำจะเรวขึ้น แต่เมื่อพิจำรณำกรำฟของ
สำรผลิตภัณฑ์ (B) พบว่ำ กรำฟจะโค้งขึ้นในช่วงแรก และจะคงที่หรือโค้งน้อยลง เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพรำะ

อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำในช่วงแรกจะเร็วมำก เพรำะมีสำรตั้งต้นอยู่จำนวนมำก โอกำสที่จะสลำยตัวเป็น


ผลิตภัณฑ์ จะมีมำกกว่ำ แต่จะลดลงหรือคงที่ในช่วงหลงเพรำะสำรตั้งต้นถูกใช้หมด อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำจึง


น้อยลง หรอคงท ี่

2. ประเภทของอัตราการเกิดปฏกิริยาเคมี
1. อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเฉลี่ย (Average rate) หมำยถึงปริมำณของสำรผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น


ั้
ทั้งหมดหรอปริมำณของสำรตั้งต้นที่ลดลงทั้งหมดต่อเวลำทงหมดที่ใช้ในกำรเกิดปฏิกริยำนั้น

ปริมำณสำรผลตภัณฑ์ที่เกดขึ้นทั้งหมด




อัตรำกำรเกดปฏิกิรยำ =
เวลำทั้งหมดที่ใช้ในกำรเกดปฏิกิริยำ

ปริมำณสำรตั้งต้นที่ลดลงทั้งหมด

อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำ =

เวลำทั้งหมดที่ใช้ในกำรเกดปฏิกิริยำ
2. อัตรำกำรเกิดในปฏิกริยำขณะใดขณะหนึ่ง (Instantaneous rate) หมำยถึง อัตรำกำร




เกิดปฏิกริยำ ณ ช่วงเวลำใดเวลำหนึ่ง หรอ ณ เวลำใดเวลำหนึ่ง อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำนี้มีได้หลำยค่ำ ที่เวลำ

ต่ำงกันจะมีค่ำไม่เท่ำกัน คือ ตอนเริ่มต้นอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำจะมีค่ำมำก เมื่อปฏิกริยำด ำเนินไปอัตรำกำร

เกิดปฏิกริยำจะลดลงตำมล ำดับเพรำะควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นลดลง อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำประเภทนี้
ค ำนวณได้จำกควำมชันของกรำฟ






























กราฟที่ 2 กรำฟแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมเข้มข้นของ NO กับเวลำ
2




อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

16



อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำช่วงเวลำใดก็คือควำมชัน(slope) ของเส้นกรำฟที่ลำกเชื่อมต่อระหว่ำงเวลำ
ในช่วงนั้นเช่นระหว่ำงช่วงเวลำ 100s – 600s, ระหว่ำงช่วงเวลำ 200s – 500s, หรืออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ
ี่
ี่
วินำทีท 350 ก็คือควำมชันของเส้นกรำฟ ณ จุดสัมผัสท 350s
∆[NO ]
จำกกรำฟ ค่ำควำมชัน = 2
∆t

อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเฉลี่ยเป็นค่ำที่แสดงถึงกำรลดลงของปริมำณสำรตั้งต้นหรือกำรเพิ่มขึ้นของ

ปริมำณสำรผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดต่อหนึ่งหน่วยเวลำแต่อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง
เป็นค่ำที่แสดงถึงกำรลดลงของปริมำณสำรตั้งต้นหรอกำรเพิ่มขึ้นของปริมำณสำรผลิตภัณฑ์ ณ เวลำใดเวลำ

หนึ่งที่ปฏิกิริยำดำเนินอยู่ดังนั้นในปฏิกริยำหนึ่งจะมีอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเฉลี่ยเพียงค่ำเดียวแต่อัตรำกำร

เกิดปฏิกริยำ ณ ขณะใดขณะหนึ่งมีได้หลำยค่ำ







3. แนวคิดเกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี



ในกำรเกิดปฏิกริยำเคมีอนุภำคของสำรตั้งต้นหรือสำรผลิตภัณฑ์ ซึ่งอำจเป็นโมเลกุล อะตอม หรอ

ไอออนจะต้องชนกัน ถ้ำกำรชนกันทุกครั้งทำให้เกิดปฏิกิริยำเคมี จะเป็นผลให้ปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้นอย่ำงรวดเร็ว

แต่พบว่ำกำรชนกันของอนุภำคไม่สำมำรถทำให้เกิดปฏิกิริยำเคมีได้ทุกครง จะมีเพียงบำงครั้งเท่ำนั้นที่มี
ั้
ปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้น
จำกกำรศึกษำพบว่ำในกำรเคลื่อนที่จะเกิดกำรชนกันระหว่ำงอนุภำคของสำร ท ำให้มีพลังงำนจลน์

เกิดขึ้น ถ้ำชนในทิศทำงที่เหมำะสมก็เกิดปฏิกริยำเคมีได้ ดังนั้นกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีต้องอำศัยทิศทำงกำรชน

และพลังงำนจลน์ที่มำกพอ ซึ่งกล่ำวไว้ใน

“ทฤษฎีกำรชนกัน” (Collision Theory) กล่ำวไว้ว่ำ

“ปฏิกิริยำเคมีจะเกิดขึ้นได้นั้นก็ต่อเมื่ออนุภำคมีกำรชนกันในทิศทำงที่เหมำะสม และเกิดพลังงำนขึ้น



ปริมำณหนึ่งอย่ำงน้อยที่สุดต้องมีค่ำพลงงำนเท่ำกบ หรอ มำกกว่ำ พลังงำนกระตุ้น หรือ พลังงำนก่อกัมมันต์”

ซึ่งต้องพิจำรณำตำมลำดับ ดังนี้
1. มีกำรชนกันระหว่ำงโมเลกุลของสำรตั้งต้น
2. ทิศทำงกำรชนต้องเหมำะสมและชนถูกต ำแหน่ง


3. ชนกันแล้วต้องเกิดพลังงำนขึ้นมำกพอที่จะมีกำรจัดเรียงอะตอมใหม่ ซึ่งพลงงำนมีค่ำน้อยที่สุด
เท่ำกบค่ำ พลังงำนกระตุ้น หรือ พลังงำนกอกัมมันต์ (Activation Energy of Reaction; Ea)



4. ผลของกำรชนกันท ำให้พนธะเดิมของสำรตั้งต้นสลำยไปเกิดเป็นพันธะใหม่ของสำรผลตภัณฑ์










อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

17


























รูปที่ 1 ภำพกำรชนกันระหว่ำงโมเลกุลของ I และ H
2
2

ุ้
พลังงานกระตน หรือพลังงาน
ก่อกัมมันต์ (Activation Energy of

Reaction; Ea)
หมำยถึง พลังงำนจ ำนวน

น้อยที่สุดที่เกิดจำกกำรชนกันของ

อนุภำคของสำรตั้งต้น แล้วทำให้


เกิดปฏิกริยำ มีหน่วยเป็น kJ/mol
ทฤษฎีสารเชิงซ้อนกัมมันต์


รูปที่ 2 ภำพแสดงพลังงำนก่อกัมมันต์




(Activated – complex theory) ทฤษฎีน ี้
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าทฤษฎีสภาวะแทรนซิชัน

(Transition state theory) จำกรปสำรตั้ง

ต้น A และ BC ชนกันแล้วเปลี่ยนสำร

เชิงซ้อนกัมมันต์ (A----B----C) และในที่สุดได้

เป็นสำรผลิตภัณฑ์ AB และ C โดยมีพลังงำน

ก่อกัมมันต์ = Ea และพลังงำนของปฏิกริยำคือ
∆E

กราฟที่ 3 กรำฟปฏิกริยำสำรเชิงซ้อนกัมมันต์
ลักษณะส ำคัญของ Ea






อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

18




1. ปฏิกริยำเคมีต่ำงชนิดกัน พลงงำนกระตุ้นก็ต่ำงกัน

2. ปฏิกริยำที่มีพลังงำนกระตุ้นต่ ำ เกิดได้เร็วกว่ำปฏิกริยำที่มีพลังงำนกระตุ้นสูง

3. พลังงำนกระตุ้นไม่เกี่ยวข้องกับอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ

4. พลังงำนกระตุ้นไม่เกี่ยวข้องกับพลังงำนของปฏิกริยำ (∆E)
5. พลังงำนกระตุ้นของปฏิกิริยำหนึ่งๆเป็นค่ำเฉพำะตัว อำจมีกำรเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ำมีสำรบำงชนิดเข้ำ
ไปร่วมในปฏิกิริยำ

4. พลังงานกับการด าเนินไปของปฏิกิริยา
พลังงานกับการด าเนินไปของปฏิกิริยา







1.ปฏิกิริยาคายความร้อน (Exothermic

reaction) คือ ปฏิกริยำที่มีกำรถ่ำยเทพลังงำน

จำกระบบออกสู่สิ่งแวดล้อม นั้นคือพลังงำนของ

สำรตั้งต้นในปฏิกริยำสูงกว่ำพลังงำนของสำร
ผลิตภัณฑ์

พลังงำนรวมของระบบ = พลังงำนรวม

ของผลิตภัณฑ์ – พลงงำนรวมของสำรตั้งต้น
ดังนั้นค่ำ ∆E มีค่ำติดลบ







กราฟที่ 4 กรำฟแสดงปฏิกิริยำคำยควำมร้อน


























อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

19


2. ปฏิกิริยาดูดความร้อน (Endothermic

reaction) คือ ปฏิกิริยำที่มีกำรถ่ำยเทพลังงำน
จำกสิ่งแวดล้อมเข้ำสู่ระบบ นั่นคือ พลังงำนของ


สำรตั้งต้นในปฏิกริยำต่ ำกว่ำพลังงำนของสำร
ผลิตภัณฑ์
พลังงำนรวมของระบบ = พลังงำนรวม


ของผลิตภัณฑ์ – พลงงำนรวมของสำรตั้งต้น
ดังนั้นค่ำ ∆E มีค่ำเป็นบวก





กราฟที่ 5 กรำฟแสดงปฏิกิริยำดดควำมร้อน


5. ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
5.1 ความเข้มข้นของสารกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

ปฏิกิริยำเคมีโดยทั่วไป อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีจะเกิดขึ้นกับควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้น แต่

อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมีอำจจะขึ้นอยู่กับสำรตั้งต้นทุกชนิด หรือจะขึ้นอยู่กับสำรตั้งต้นชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้
ี่


นอกจำกนี้ยังมีบำงปฏิกริยำทอัตรำกำเกิดปฏิกิริยำขึ้นอยู่กบควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นเลย คือ อัตรำกำร


เกิดปฏิกริยำจะคงที่ไม่ว่ำจะมีควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นมำกหรอน้อยเพียงใด แต่อย่ำงไรก็ตำมอัตรำกำร

เกิดปฏิกริยำเคมีขึ้นอยู่กับควำมเข้มข้นของสำรใด ต้องอำศัยผลจำกกำรทดลองเท่ำนั้นที่จะบอกได้



ควำมเข้มข้นมีผลต่ออัตรำกำรเกดปฏิกริยำเคมีเกอบทุกปฏิกิริยำ ยกเว้นบำงปฏิกิริยำ เช่น ปฏิกิริยำ

กำรก ำจัดแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดกำรเกิดปฏิกริยำจะขึ้นอยู่กบควำมเข้มข้นของสำรใดทรำบได้จำกกำร

ทดลอง กำรเพิ่มควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นก็คือกำรเพิ่มอนุภำคของสำรตั้งต้นให้มำกขึ้น เมื่อสำรตั้งต้นมี

ั้
อนุภำคมำกขึ้น อนุภำคเหลำนั้นก็มีกำรชนกันบ่อยครั้งขึ้น และมีกำรถ่ำยเทพลงงำนให้แกกันบ่อยครงขึ้น



ี่
โอกำสทอนุภำคเหล่ำนั้นจะมีพลังงำนเท่ำกับหรือมำกกว่ำพลงงำนกระตุ้นก็มีมำกขึ้นด้วย จึงทำให้อนุภำค
เหล่ำนั้นเกิดปฏิกิริยำเร็วขึ้นและมำกขึ้นกว่ำเดิม
สรุป ถ้ำเพิ่มควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้น อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมีจะเพิ่มขึ้น เนื่องจำกจ ำนวนอนุภำค

ที่มี E ≥ Ea มีมำกขึ้น
ข้อสังเกต

ี่

1. ปฏิกริยำทสำรตั้งต้นทกสำรอยู่ในวัฏภำคเดียวกัน ควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นจะมีผลต่ออัตรำกำร


เกิดปฏิกริยำเคมี


2. บำงปฏิกริยำอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำขึ้นกบสำรตั้งต้นชนิดใดชนิดหนึ่งเท่ำนั้น


3. บำงปฏิกริยำอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำไม่ขึ้นอยู่กับควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้น เช่น



- ปฏิกิริยำกำรก ำจัดแอลกอฮอลออกจำกกระแสเลอดในตับ


อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

20


- กำรสลำยตัวของ NH บนลวดทังสเตน
3
- กำรสลำยตัวของ HI บนผิวทองค ำ
- ปฏิกิริยำที่มีเอมไซม์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยำ














รูปที่ 3 ภำพเปรียบกำรสั่นของโมเลกุลของสำรที่มีควำมเข้มข้นต่ ำและสำรที่มีควำมเข้มข้นสูง
5.2 พื้นผิวกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี



อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมีจะขึ้นอยู่กบพื้นที่ผวของสำรตั้งต้นต่อเมื่อปฏิกริยำเคมีนั้น


ต้องเป็นปฏิกิริยำเนื้อผสมและปฏิกิริยำที่สำรในระบบไม่อยู่ในวัฏภำคหรอสถำนะเดียวกัน ยกตัวอย่ำง ของแข็ง

กับของเหลว ของแข็งกับแก๊ส เช่น
Mg(s) + 2HCI(aq) →MgCI (aq) + H (g)
2
2
Mg เป็นของแข็ง HCI มีสถำนะเป็นรูปของเหลวในสำรละลำย ดังนั้นปฏิกิริยำนี้จึงเป็นปฏิกิริยำเนื้อผสม อัตรำ
กำรเกิดปฏิกริยำจึงเกิดขึ้นกับพื้นทผิวของสำรที่มำสัมผัสกัน เพรำะปฏิกริยำเกิดขึ้นเฉพำะบริเวณที่ผิวของสำร


ี่
ตั้งต้นมำสัมผัสกันเทำนั้น

นอกจำกกำรท ำสำรให้เป็นผงละเอียดเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวแล้วกำรคนหรือกำรเขย่ำ สำรผสมที่ได้จำกกำรน ำเอำ

สำรตั้งต้นมำรวมกันจะเท่ำกับเป็นกำรเพิ่มพื้นที่ผิวของสำรที่เข้ำท ำปฏิกริยำกันท ำให้ปฏิกริยำเคมีเกิดขึ้นได้เร็ว


พื้นที่ผิวที่มีผลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำ
- ถ้ำสำรนั้นเป็นของแข็ง พื้นที่ผิวใหพิจำรณำที่ขนำด รปร่ำง จ ำนวน และปริมำณ


- ถ้ำสำรนั้นเป็นสำรละลำย พื้นที่ผิวขึ้นอยู่กับควำมเข้มข้น ไม่ขึ้นอยู่กบปริมำตรของสำรละลำย
























อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

21

























รูปที่ 4 ภำพแสดงพื้นผิวกบกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี
หลักในกำรพิจำรณำผลของพื้นที่ผิว

1. พื้นที่ผิวจะมีผลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำก็ต่อเมื่อ



ปฏิกิริยำที่มีสำรตั้งต้นเป็นของแข็ง อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำจะขึ้นอยู่กบสำรนั้นเท่ำนั้น
ปฏิกิริยำที่มีสำรตั้งต้นสถำนะต่ำงกัน พื้นที่ผิวของสำรมีผลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ
2. กำรเพิ่มพื้นที่ผิวของสำรที่เป็นของแข็ง ท ำได้โดยท ำให้เป็นผงละเอียด

3. พื้นที่ผิวมำกอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำก็มำกด้วย เพรำะอนุภำคของสำรตั้งต้นมีจ ำนวนมำกที่สัมผัส
กัน และอนุภำคเกิดกำรชนกัน

5.3 อุณหภูมิกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ปฏิกิริยำเคมีจำนวนมำกมีอัตรำกำรเกิดต่ ำที่อณหภูมิห้องแต่เมื่อท ำให้อุณหภูมิสูงขึ้น

อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำจะเพิ่มขึ้นอย่ำงรวดเร็วจนบำงครั้งอำจเกิดกำรระเบิดได้โดยทั่วไปแล้ว



อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำจะเพิ่มขึ้น 2 – 3 เทำเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น 10 องศำเซลเซียสเช่นกำรทอดจะท ำให้เสีย
คุณค่ำทำงอำหำรมำกกว่ำกำรต้มเป็นต้นปฏิกริยำอื่นๆเพิ่มเติมเช่น


1. ปฏิกริยำระหว่ำงลวดแมกนีเซียม (หรือฝอยเหลก) กับ O ในอำกำศซงจะได้เป็นแมกนีเซียม
ึ่

2
ออกไซด์ตำมสมกำร 2Mg + O → 2MgO + พลังงำนที่อณหภูมิหองปฏิกริยำจะเกิดช้ำมำกแต่ถ้ำเพิ่มอุณหภูมิ



2
ให้แก่ปฏิกิริยำโดยกำรน ำลวด Mg เผำโดยตรงในเปลวไฟจะพบว่ำปฏิกิริยำจะเกิดขึ้นทันที่ได้เป็น MgO และจะ
เกิดต่อเนื่องกันไปถึงแม้ว่ำจะนำลวด Mg ออกจำกเปลวไปแล้วก็ตำม Mg จะติดไปเช่นนี้เนื่องจำก Mg รวมกัน
O2จะคำยควำมร้อยออกมำจ ำนวนหนึ่งควำมร้อยที่คำยออกมำนี้จะช่วยให้ปฏิกิริยำด ำเนินต่อไปได้เอง

2. ปฏิกริยำระหว่ำง H กับ O ได้เป็น H O ตำมสมกำร 2H + O → 2H O ปฏิกิริยำนี้มีพลังงำน
2
2
2
2
2
2


ก่อกัมมันต์หรือพลังงำนกระตุ้นค่อนข้ำงสูงท ำให้ปฏิกิริยำเกิดยำกกำรเพิ่มหองจึงไม่เกดปฏิกิริยำแต่ถ้ำเพิ่ม


อุณหภูมิให้แกระบบโดยกำรจุดไฟเผำก๊ำซผสม H + O แจะพบว่ำเกิดปฏิกริยำได้ H O ทันท ี
2
2
2



จำกตัวอย่ำงแสดงให้เห็นว่ำอณหภูมิมีผลโดยตรงต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำอณหภูมิทำให้เกิดปฏิกิริยำ

ได้เร็วขึ้นในแง่ของทฤษฎีกำรชนกันของโมเลกุลสำมำรถอธิบำยผลของอณหภูมิได้ดังนี้
1 กำรเพิ่มอณหภูมิท ำให้อนุภำคมีควำมเรวมำกขึ้นซึ่งโอกำสชนกันย่อมมำกขึ้น




อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

22




2 กำรเพิ่มอณหภูมิท ำให้จ ำนวนอนุภำคของสำรที่มีพลังงำนจลน์สูงมีค่ำเท่ำกับหรอมำกกว่ำพลังงำน
ก่อกัมมันต์เพิ่มขึ้น

พิจำรณำจำกกรำฟกำรกระจำยพลงงำนจลน์ของโมเลกุลของกำซทอุณหภูมิที่ต่ำงกัน

ี่






























กราฟที่ 6 กรำฟกำรกระจำยพลังงำนจลน์ของโมเลกุลของแก๊สที่อณหภูมิต่ำงกัน
จำกกรำฟจะเห็นได้ว่ำพื้นที่ใต้กรำฟทำงด้ำนขวำของ Ea (ส่วนที่แรกเงำ) ณ อุณหภูมิ T มีค่ำน้อย
1
ี่

กว่ำพื้นที่ของอุณหภูมิ T แสดงที่อุณหภูมิ T จ ำนวนโมเลกุลที่มีพลังงำนสูงมีน้อยกว่ำทอณหภูมิ T
2
2
1
โดยทั่วๆไปโมเลกุลที่มีพลังงำนสูงๆ (มำกกว่ำหรอเท่ำกับพลังงำนกระตุ้น) เมื่อชนกันจะทำให้เกิดปฏิกิริยำได้


ดังนั้นที่อุณหภูมิ T จึงเกิดปฏิกิริยำช้ำกว่ำทอุณหภูมิ T ดังนั้นกำรเพิ่มอุณหภูมิทำให้ปฏิกิริยำเกิดเร็วขึ้นก ็
ี่

1
2
ี่
เพรำะวำกำรเพิ่มอุณหภูมิเป็นกำรเพิ่มจ ำนวนโมเลกุลที่มีพลังงำนสูงๆให้มำกขึ้นโมเลกุลทเพิ่มขึ้นเหล่ำนี้เมื่อชน

กันจะท ำให้ปฏิกิริยำเกิดเรวขึ้นได้




5.4 ตัวเร่งและตวหน่วงกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี

ตัวเร่งปฏิกิริยา
ตัวเร่งปฏิกิริยำ (catalyst) หมำยถึงสำรที่ช่วยเร่งให้อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี


เพิ่มขึ้นโดยจะมีส่วนร่วมหรอไม่มีส่วนรวมในปฏิกริยำเคมีด้วยก็ได้แต่เมื่อสิ้นสุดลงแล้วจะกลับคืนเป็นสำรเดิม


เช่นกำรเผำโพแทสเซียมคลอเรต (KClO ) จะได้โพแทสเซียมคลอไรด์ (KCl) และก๊ำซออกซิเจน(O2) ดังนี้
3

2KClO (s) MnO → 2KCl(s) + 3O (g)ปฏิกริยำจะเกิดเร็วขึ้นถ้ำเติมตัวเรงปฏิกิริยำคือ MnO

2
3
2
2
ตัวเร่งปฏิกิริยำแบ่งเป็น 2 ชนิดคือ


อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

23


ี่

1 homogeneous catalyst คือ ตัวเร่งปฏิกริยำทอยู่ในวัฏภำคเดียวกับสำรตั้งต้นเช่นกำรเติม
สำรละลำยแมงกำนิส (II) ซัลเฟต ลงในสำรละลำยโพแทสเซียมเปอร์แมงกำเนตกับสำรละลำยกรดออกซำลก

(H C O ) ปฏิกิริยำกำรไฮโดรไลซสเอทิลอะซิเตดโดยใช้กรดแก่เป็นตัวเรงปฏิกิริยำ H + (dil)


2 2 4
CH COOCH CH (l) + H O(l) → CH COOH(l) + CH CH OH(l) กำรสลำยตัวของ N O(g) โดยใช้ก๊ำซ
2
2
3
2
2
3
2
3
Cl เป็นตัวเร่งปฏิกิริยำ 2N O(g) → 2N (g) + O (g)
2
2
2
2
ี่
2 heterogeneous catalyst คือ ตัวเร่งปฏิกริยำทอยู่คนละวัฏภำคกับสำรตั้งต้นโดยทั่วไปโมเลกุล



ของสำรตั้งต้นจะถูกดูดซับ ( adsorbed) ไว้บนผิวของตัวเรงปฏิกิริยำแล้วปฏิกิริยำจะเกิดที่ผิวเช่นกำซ H ถูกดูด
2
ซับไว้ที่ผิวของโลหะ Pt, Pd , Ni หรือโลหะอื่นในปฏิกิริยำกำรเติม H ดังสมกำร
2










รูปที่ 5 ภำพกำรท ำปฏิกริยำระหว่ำงเอทลีน (C H )กับแก๊สไฮโดรเจน (H ) โดยที่มี Pt , Pd หรือ Ni เป็นตัวเร่ง
2 4
2

2.1 อีกตัวอย่ำงหนึ่งของตัวเร่งปฏิกริยำเนื้อผสมได้แก่ปฏิกิริยำระหว่ำง H กับ O โดยมี Pt เป็น

2
2
ตัวเร่งปฏิกิริยำลักษณะของกำรเกิดปฏิกริยำจะเหมือนกับกรณี H กับ C H

2
2 4














รูปที่ 6 ภำพแสดงปฏิกิริยำ 2H + O → 2H O เมื่อมี Pt เป็นตัวเร่งปฏิกิริยำ
2
2
2
ลักษณะส าคัญของตัวเร่งปฏิกิริยา



1. ตัวเร่งปฏิกริยำที่เติมลงไปในปฏิกิริยำจะมีส่วนร่วมในกำรเกิดปฏิกริยำด้วย เช่นปฏิกรยำระหว่ำง

ก๊ำซ SO กับก๊ำซ O ใช้ NO เป็นตัวเร่งปฏิกริยำ ดังนี้

2
2

2SO (g) + O (g) → NO(g) 2SO (g) ก๊ำซ NO เป็นตัวเรงปฏิกริยำ จะมีส่วนรวมในกำรเกิดปฏิกริยำ ดังนี้



2
3
2
(1)….. NO(g) + O (g) → 2NO (g)
2
2


อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

24


(2)….. 2NO (g) + 2SO (g) → 2SO (g) + 2NO(g)
3
2
2
(1) + (2) 2SO (g) + O (g) → NO(g) + 2SO (g)
2
2
3



2. ตัวเร่งปฏิกริยำที่เติมลงในปฏิกริยำมักใช้เพียงเลกน้อยเท่ำนั้นถ้ำใช้มำกเกินไปตัวเร่งปฏิกิริยำ
อำจจะกลำยเป็นสำรตั้งต้นสำรหนึ่งเข้ำท ำปฏิกริยำด้วยก็ได้ท ำให้ปฏิกริยำเปลี่ยนไปจำกเดิม



3. ตัวเร่งปฏิกริยำจะกลับคืนมำอย่ำงเดิมเมื่อปฏิกิริยำยุติโดยมีมวลคงที่และอำจจะมีสมบติทำง

กำยภำพที่เปลี่ยนไปเช่นสีขนำดและรูปร่ำงเป็นต้นตัวอย่ำงกำรเผำ KClO โดยมี MnO เป็นตัวเร่งปฏิกิริยำ
2
3
KMnO 4

2KClO (s) → 2KCl(s) + 3O (g) ปฏิกริยำตอนเริ่มต้นใส MnO ลักษณะเป็นกอนเล็กๆเมื่อ


2
3
2
ปฏิกิริยำสิ้นสุดจะได้ MnO ปริมำณเท่ำเดิมแต่จะมีลักษณะเป็นผงละเอียดแสดงว่ำมีกำรเปลี่ยนแปลงทำง
2
กำยภำพแต่ไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงทำงเคมี

ี่
4. ในปฏิกริยำที่เป็นก๊ำซหมดตัวเร่งปฏิกริยำทเป็นของแข็งจะท ำให้ปฏิกริยำเกิดเร็วขึ้นโดยจะท ำหน้ำท ี่


ดูดซับโมเลกุลของของสำรตั้งต้นไว้ที่ผวจ ำนวนมำกมำยเพื่อให้โมเลกุลของก๊ำซที่เป็นสำรตั้งต้นมีโอกำสชนกัน


ง่ำยและบอยขึ้นเช่นปฏิกิริยำ C H (g) + H (g) →C H (g)
2 6
2
2 4
ตัวขัดขวางปฏิกิริยา (ตัวหน่วงปฏิกิริยา)

ตัวขัดขวำงปฏิกริยำ (Inhibitor) คือสำรที่เติมลงไปในปฏิกริยำแล้วท ำให้ปฏิกริยำเกิด




ช้ำลงและท ำให้อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำลดลงและเมื่อสิ้นสุดปฏิกริยำแล้วสำรนั้นจะกลบคืนมำเหมือนเดิมและมี


มวลคงที่แต่สมบัติทำงกำยภำพอำจจะเปลี่ยนเช่นขนำดรูปร่ำงได้แกปฏิกริยำกำรสลำย H O จะเกิดช้ำ ถ้ำเติม

2 2
-3

ฟอสเฟส (PO ) เป็นตัวขัดขวำงปฏิกริยำไม่ให้เกิด H O และ O เร็วดังนี้
2
4
2
PO −3
4
H O (l)→ H O(l) + 1/2O (g) กำรเติมโซเดียมเบนโซเอต (C H COONa) ลงในอำหำรส ำเร็จรูปเพื่อ
6 5
2
2 2
2

ป้องกันกำรบูดเน่ำของอำหำรแสดงว่ำโซเดียมเบนโซเอตเป็นตัวขัดขวำงปฏิกริยำ
ผลของตัวหน่วงปฏิกิริยาต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

สำรเคมีทท ำให้ปฏิกริยำเคมีเกิดช้ำลงเรียกว่ำตัว

หน่วงปฏิกิริยำตัวหน่วงปฏิกริยำไปท ำให้ปฏิกริยำ


เกิดช้ำลงเพรำะไปเพิ่มค่ำพลงงำนก่อกัมมันต์

Ea คือพลังงำนก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยำ
1
ที่ไม่ตัวหน่วงปฏิกิริยำ
Ea คือพลังงำนกอกัมมันต์ของปฏิกิริยำ

2
ที่มีตัวหน่วงปฏิกิริยำ

กราฟที่ 7 กรำฟแสดงผลของตัวหนวงปฏิกิริยำต่ออตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ

เคมี

5.5 ธรรมชาติของสารตั้งต้น (reactant) และผลิตผล (product)


อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

25



ี่
ปฏิกิริยำจะเกิดขึ้นช้ำหรือเร็วขึ้นอยู่กับธรรมชำติของสำร เช่น สำรทท ำปฏิกิริยำเป็นกำซทั้งคู่


จะทำปฏิกริยำได้เร็วกว่ำปฏิกริยำที่สำรอยู่ในสถำนะต่ำงกันชนิดของพันธะจะมีผลด้วยกลำวคือสำรแต่ละชนิดมี

พันธะที่ยึดเหนี่ยวระหว่ำงกันแตกต่ำงกันไป ซึ่งอำจเป็นพันธะโลหะที่มีควำมแข็งแรงมำก พันธะโคเวเลนต์ที่เกิด
จำกระหว่ำงโลหะและอโลหะมีควำมแข็งแรงปำนกลำง และพันธะแวนเดอรวำลล์ ซึ่งเป็นพันธะที่มีควำม

แข็งแรงน้อยที่สุด ดังนั้น

สำรตั้งต้นมีพันธะที่แข็งแรงก็จะท ำให้เกิดปฏิกริยำเคมีได้ยำก (อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีช้ำ)
ในทำงตรงกันข้ำมถ้ำมีพันธะที่ไม่แข็งแรงมำก ก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยำเคมีได้ง่ำย (อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีเกิด





ได้เร็ว) ซึ่งนอกจำกดูพันธะแล้วจะต้องดูโครงสรำงของสำรด้วย ถ้ำโครงสรำงไม่สลบซับซอนก็จะเกิดปฏิกิริยำ
เคมีได้ง่ำย
กำรเกิดก๊ำซแอมโมเนีย จะพบว่ำเกิดปฏิกริยำเคมีได้ยำก เนื่องจำกทงก๊ำซไนโตรเจนและก๊ำซ

ั้

ไฮโดรเจน เป็นก๊ำซที่เสถียรอยู่แล้ว ดังนั้นถ้ำต้องกำรกำซแอมโมเนีย ก็จะต้องท ำลำยพันธะเดิมระหว่ำง ก๊ำซ
ไนโตรเจนและก๊ำซไฮโดรเจน ซึ่งต้องใช้พลงงำนจ ำนวนมำก ดังนั้นปฏิกริยำนี้จึงเกิดขึ้นได้ยำก




กำรเกิดเกลอแกง (NaCl) ท ำปฏิกริยำโดยกำรน ำ เบสแก่ (NaOH) และกรดแก่ (HCl) มำผสม

กัน ซึ่งปฏิกิริยำนี้จะเกิดได้เร็ว เพรำะปฏิกิริยำเป็นแบบกำรแลกเปลี่ยนไอออนเท่ำนั้นเอง


ปฏิกิริยำที่ไม่เกี่ยวข้องกับกำรสลำยพันธะเคมีจะทำให้เกิดปฏิกิริยำเกิดขึ้นอย่ำงรวดเร็ว

ตัวอย่ำงเช่นปฏิกิริยำที่เกี่ยวข้องกับปฏิกริยำไฟฟ้ำเคมี






ในขณะที่ปฏิกิริยำทมีกำรสลำยพันธะแล้วจึงเกิดเป็นสำรผลิตภัณฑ์จะเกิดช้ำตัวอย่ำงเช่น
ี่


ส ำหรบสำรชนิดที่เป็นสำรชนิดเดียวกันแต่มีหลำยรูป เกิดขึ้นเร็ว เกิดช้ำขึ้นกับโครงสร้ำง หำกโครงสร้ำงที่มีกำร

เชื่อมต่อกันเป็นโครงสร้ำงขนำดใหญ่จะเกิดปฏิกิริยำได้ช้ำกว่ำโครงสร้ำงที่มีขนำดเลกตัวอย่ำงเช่นฟอสฟอรัส ซึ่ง

ฟอสฟอรัสขำวจะติดไฟในอำกำศได้ทันที่ ในขณะที่ฟอสฟอรัสแดงไม่ติดไฟ























อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

26























รูปที่ 7 โครงสร้ำงของฟอสฟอรัสชนิดต่ำงๆ


6. กฎอัตราและอันดับของปฏิกิริยา

กำรศึกษำผลของควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำวธีหนึ่งคือหำว่ำควำม
ิ่
เข้มข้นเริ่มต้นมีผลต่ออัตรำเริ่มต้น (initial rate) อย่ำงไรบ้ำง โดยทั่วไปเรำมักนิยมวัดอัตรำเรมต้นเพรำะ
เมื่อปฏิกิริยำด ำเนินไปสำรตั้งต้นจะมีควำมเข้มข้นลดลง และอำจทำให้กำรวัดกำรเปลี่ยนแปลงควำมเข้มข้น

ได้ยำกขึ้น นอกจำกนี้ยังอำจเกิดปฏิกิริยำย้อนกลบจำกผลิตภัณฑ์ไปเป็นสำรตั้งต้น ท ำให้กำรวัดอัตรำ


ผิดพลำดได้แต่ที่เรมต้นปฏิกริยำจะไม่มีปัญหำดังกลำวนี้ ในทำงปฏิบัติอำจติดตำมควำมเข้มข้นของสำรตั้ง
ิ่

ต้นหรือผลิตผลที่เวลำต่ำง ๆ แล้วน ำมำเขียนกรำฟระหว่ำงควำมเข้มข้นกับเวลำ จำกนั้นจึงค ำนวณควำม
เข้มข้นที่เวลำ t = 0 ดังแสดงในภำพ






























กราฟที่ 8 กรำฟแสดงกำรเปลี่ยนแปลงควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นและสำรผลิตภัณฑ์ กับเวลำ










อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

27



กำรศึกษำอัตรำของปฏิกริยำ ใช้วิธีทำกำรทดลองหลำย ๆ กำรทดลอง โดยที่แต่ละกำรทดลองใช้ควำม

ิ่
เข้มข้นเริ่มต้น (initial concentration) ของสำรตั้งต้นต่ำงกันแล้วบันทึกอัตรำเรมต้นทได้จำกกำรทดลอง และ
ี่
สำมำรถเขียนควำมสัมพันธ์ระหว่ำงอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำกับควำมเข้มข้นของสำรได้ในรูปของคณิตศำสตร์ดังนี้
A + B C + D

อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำ α [A] [B]


หรือ อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำ = k [A] [B]
หรือ R (Rate) = k [A] [B]




ส ำหรบปฏิกริยำต่อไปนี้
3A + 2B C + D
สำมำรถเขียนกฎอัตรำในเทอมของผลคูณของควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นยกก ำลังด้วยเลขบำงตัวได้

ดังนี้








ส ำหรบเลขยกก ำลัง m และ n อำจมีค่ำเทำใดก็ได้ จะเป็นบวกหรือลบก็ได้ โดย

m คือ อันดับ (order) ของปฏิกิริยำ เมื่อถือ A เป็นหลัก

n คือ อันดับ (order) ของปฏิกริยำ เมื่อถือ B เป็นหลก

m + n คือ อันดับรวมของปฏิกริยำ (overall order of reaction)


(ค่ำ m และ n ไม่จ ำเป็นต้องเท่ำกับค่ำสัมประสทธิ์ในสมกำรปริมำณสัมพันธ์ ดังนั้นค่ำของ m และ n
จะต้องหำจำกกำรทดลองเท่ำนั้น)
m + n เท่ำกับ 0 เรียกว่ำ ปฏิกิริยำอันดับศูนย์ (zero – order reaction)

m + n เท่ำกับ 1 เรียกว่ำ ปฏิกิริยำอันดับหนึ่ง (first – order reaction)

m + n เท่ำกับ 2 เรียกว่ำ ปฏิกิริยำอันดับสอง (second – order reaction)
m + n เท่ำกับ 3 เรียกว่ำ ปฏิกิริยำอันดับสำม (third – order reaction)

m + n เท่ำกับ 3/2 เรียกว่ำ ปฏิกริยำอันดับสำมส่วนสอง (three – halves order reaction)

ตัวอย่างเช่น กำรทดลองปฏิกิริยำระหว่ำงออกซเจนและไนโตรเจนออกไซด์

O (g) + 2NO(g) 2NO (g)
2
2















อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

28


























ตารางที่ 1 ตำรำงกำรทดลองปฏิกิริยำระหว่ำงออกซิเจนและไนโตรเจนออกไซด์


จำกตำรำง กำรทดลองที่ 1 และ 4 จะเห็นว่ำถ้ำเพิ่มควำมเข้มข้นเริ่มต้นของ O (g) เป็นสองเทำ โดยท ี่
2
ควำมเข้มข้นของ NO (g) คงที่ อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำก็จะเพิ่มขึ้น และจำกกำรทดลองที่ 1 และ 2 จะเห็นว่ำถ้ำ
เพิ่มควำมเข้มข้นเริ่มต้นของ NO (g) เป็นสองเท่ำ โดยที่ควำมเข้มข้นของ O (g) คงที่ อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำก ็

2
จะเพิ่มขึ้น





















m
1.99 = (2.00)
m
2 = 2 ดังนั้น m = 1

จะเห็นว่ำปฏิกริยำนี้เป็นปฏิกริยำอันดับหนึ่งเมื่อยึด O เป็นหลก แสดงว่ำเมื่อเพิ่มควำมเข้มข้นของ O เป็น



2
2

สองเทำ อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่ำ










อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

29





























จะเห็นว่ำปฏิกริยำนี้เป็นปฏิกริยำอันดับสองเมื่อยึด NO เป็นหลัก แสดงว่ำเมื่อเพิ่มควำมเข้มข้น



ของ NO เป็นสองเท่ำ อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่ำ ดังนั้นจะเขียนกฎอัตรำของปฏิกิริยำนี้ได้ว่ำ
Rate = k[O ][NO]
2
2

ส ำหรบกำรหำค่ำคงที่อัตรำ (Determining the Rate Constant) เมื่อทรำบกฎอัตรำของ
ี่
ปฏิกิริยำต่ำง ๆ แล้วก็สำมำรถหำค่ำคงทอัตรำได้ ค่ำคงทอัตรำนี้เป็นค่ำเฉพำะทอุณหภูมิหนึ่งในที่นี้จะใช้ข้อมูล
ี่
ี่

จำกกำรทดลองปฏิกริยำระหว่ำงออกซิเจนและไนโตรเจนออกไซด์











สำมำรถตรวจสอบได้จำกกำรทดลองครงอื่น ๆ ได้ด้วยวิธีเดียวกันนี้จะสังเกตเห็นได้ว่ำค่ำ k นี้จะมี
ั้
หน่วยขึ้นอยู่กับอันดับของปฏิกริยำ ดังนั้นค่ำ k จึงไม่นิยมเขียนหน่วยไว้ นักเรียนลองตรวจสอบหน่วยของค่ำ k

ในเมื่อเวลำมีหน่วยเป็น s ในตำรำงนี้

























อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

30


ตารางที่ 2 ตำรำงแสดงอันดับปฏิกิริยำ

สามารถสรุปเป็นสูตรทั่วไปได้ว่า







7. อินทิเกรตกฎอัตรา

เรำสำมำรถติดตำมกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีและหำกฎอัตรำได้โดยติดตำมปริมำณสำรที่เปลี่ยนไป

กับเวลำ ซึ่งเรำสำมำรถนำขอมูลที่ได้มำเขียนกรำฟควำมสัมพันธ์ของกำรเปลี่ยนแปลงควำมเข้มข้นกับเวลำท ี่

ติดตำม โดยเรำสำมำรถติดตำมปฏิกิริยำและหำอันดับของปฏิกริยำได้ดังนี้

1) ปฏิกิริยาอันดับศนย ์

ส ำหรบปฏิกริยำอันดับศูนย์ของปฏิกิริยำ A ผลิตภัณฑ์

สำมำรถเขียนกฎอัตรำได้ดังนี้
r = k



เขียนสมกำรกำรเปลี่ยนแปลงอัตรำกำรลดลงของสำรตั้งต้น A ได้





จะได้ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกฎอัตรำและอัตรำกำรลดลงของสำร A ดังนี้





จัดรูปใหม่ได้

d[A] = -kdt


เมื่ออินทเกรตกฎอัตรำดังกลำวจะได้




























อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

31


















ครี่งชีวิต (half life) ของปฏิกิริยำหมำยถึงเวลำที่ใช้ในกำรทำให้ควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นลดลง

ึ่
ครึ่งหนึ่งของควำมเข้มข้นเริ่มต้น โดยเรำจะใช้สัญลักษณ์แทนครงชีวิตคือ t ดังนั้นเรำสำมำรถหำครึ่งชีวิตได้
1/2
ดังนี้














2) ปฏิกิริยาอันดับหนึ่ง


ส ำหรบปฏิกริยำอันดับหนึ่งเรำสำมำรถหำควำมสัมพันธ์ได้ดังนี้



















เมื่ออินทเกรตกฎอัตรำดังกลำวจะได้


















อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

32



































สำมำรถหำครึ่งชีวิตได้












3) ปฏิกิริยาอันดับสอง

2
ปฏิกิริยำอันดับสองนั้นมีกฎอัตรำสองแบบได้แก่ r = k[A]
และ r = k[A][B]

เมื่อ A + B ผลิตภัณฑ์
2
กรณี r = k[A] อินทิเกรตกฎอัตรำจะได้


















เมื่ออินทเกรตกฎอัตรำดังกลำวจะได้




อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

33






























สำมำรถหำครึ่งชีวิตได้









กรณี r = k[A][B]
จะได้













จัดเทอมของ [B] ที่ t ใดๆ ให้อยู่ในรูปเทอม [A]
[A] – [A] = [B] – [B]
0
0
จะได้

[B] = [B] – [A] + [A]
0
0







แทนค่ำจะได้






อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

34
















เมื่ออินทเกรตกฎอัตรำดังกลำวจะได้





4) ปฏิกิริยาอันดับหนึ่งที่ผันกลับได้ (Reversible first-order reaction) (เพิ่มเติม)



ในกรณที่ระบบเกิดปฏิกริยำที่ผันกลับได้ดังสมกำร




ก ำหนดให้ปฏิกิริยำไปข้ำงหน้ำและปฏิกิริยำย้อนกลับเป็นปฏิกริยำอันดับหนึ่งมีค่ำคงทอัตรำเป็น k และ k

ี่
r
f
ดังนั้นสำมำรถเขียนกฎอัตรำทั้งสองได้ดังนี้






จำกสมกำรสมดุลพบว่ำปฏิกิริยำไปข้ำงหน้ำ ควำมเข้มข้น A จะลดลง แต่ปฏิกิริยำย้อนกลบควำมเข้มข้น A จะ
เพิ่มขึ้น จึงได้ควำมสัมพันธ์ดังนี้








เมื่อพิจำรณำควำมเข้มข้นที่ C ณ เวลำใดๆ สำมำรถเขียนควำมสัมพันธ์ได้ดังนี้




เมื่อแทนสมกำรที่ 2) ลงในสมกำรที่ 1) จะได้







เมื่อพิจำรณำสมกำรสมดุลจะได้ว่ำอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำไปข้ำงหน้ำเท่ำกับอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำย้อนกลับ
สำมำรถเขียนควำมสัมพันธ์ได้ว่ำ










อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

35






















แทนสมกำรที่ 5) ลงในสมกำรที่ 3) จะได้



















เมื่ออินทเกรตสมกำรที่ 8) จะได้










5) ปฏิกิริยาอันดับหนึ่งแบบ consecutive (Consecutive first-order reaction)
(เพิ่มเติม)


เมื่อปฏิกิริยำที่เกิดขึ้นสำมำรถติดตำมอินเตอร์มิเดียตได้ซึ่งปฏิกริยำดังกล่ำวสำมำรถเขียน
ปฏิกิริยำได้ดังนี้
















อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

36



จำกปฏิกริยำที่ได้สำมำรถเขียนควำมสัมพันธ์กำรเปลี่ยนแปลงของสำรได้ดังนี้


















จำกกำรเปลี่ยนแปลงของสำร A เมื่ออินทิเกรตจะได้




เมื่อแทนค่ำ สมกำรที่ 4) ลงในสมกำรที่ 2) จะได้











สำมำรถแก้สมกำรที่ 6) โดยใช้วิธีแก้สมกำรเชิงเส้นโดยรูปทั่วไปของสมกำรคือ




โดย intergrating factor U(x) หำได้จำก





จำกสมกำรที่ 6) สำมำรถหำ U ได้




คูณ U(t) ในสมกำรที่ 6) ตลอดทั้งสมกำรจะได้






















อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

37




อินทิเกรตสมกำรจะได้













จำกควำมสัมพันธ์





จะสำมำรถหำควำมเข้มข้นของผลิตภัณฑ์ได้






6) ปฏิกิริยาอันดับหนึ่งคู่ขนาน (เพิ่มเติม)












จำกสมกำรคู่ขนำนสำมำรถเขียนควำมสัมพันธ์ได้ดังนี้














เมื่ออินทเกรตจะได้



ส่วนควำมเข้มข้นของสำร B หำได้จำกสมกำรกำรเปลี่ยนแปลงดังนี้















อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

38




เมื่ออินทเกรตจะได้







ในทำนองเดียวกันเรำสำมำรถหำค่ำ C ได้





ถ้ำนำสมกำรควำมเข้มข้น B และ C หำรกันจะได้






ถ้ำทรำบควำมเข้มข้น B และ C จะทำให้เรำทรำบอัตรำส่วนระหว่ำงค่ำ k และ k ได้
1
2






































อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

39


ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่องความหมายของอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

จุดประสงค์การเรียนรู้ :




1...อธิบำยควำมหมำยของอตรำกำรเกดปฏิกรยำเคมี..อตรำกำรเกดปฏิกรยำ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง และ





อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเฉลี่ยได้
2...เขียนแสดงวิธีกำรค ำนวณหำอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำได้

ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอธิบำยควำมหมำยของอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีและค ำนวณหำอตรำกำร

เกิดปฏิกริยำเคมี

1. จงอธิบำยว่ำอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเฉลี่ยกบอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ ณ ขณะใดขณะหนึ่งแตกต่ำงกันอย่ำงไร

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

2. สำร X ท ำปฏิกริยำกบสำร Y เกิดเป็นสำร Z จำกกำรทดลองพบว่ำอัตรำกำรลดลงของสำร X มีค่ำเท่ำกับ


1/3 ของอัตรำกำรลดลงของสำร Y และมีค่ำเท่ำกับ 1/2 ของอัตรำกำรเพิ่มขึ้นของสำร Z จงเขียนสมกำรแสดง
ปฏิกิริยำที่เกิดขึ้น

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................


3. สำร A ท ำปฏิกริยำกับสำร B ได้สำร C เมื่อวัดควำมเข้มข้นของสำร A ขณะเกิดปฏิกิรยำได้ผลดังตำรำง

3
เวลำ (s) ควำมเข้มข้นของสำร A (mol/dm )
0 1.000

20 0.818
40 0.669

60 0.548
80 0.448

100 0.367

ในช่วงเวลำ 0-20 40-60 และ 80-100 วินำที มีอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเทำกันหรือไม่อย่ำงไรและอัตรำกำร


เกิดปฏิกริยำเฉลี่ยมีค่ำเท่ำใด

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................





อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

40


ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่องแนวคิดเกี่ยวกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

จุดประสงค์การเรียนรู้ :

1. อธิบำยกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีโดยใช้ทฤษฏีจลน์ กำรชนกันของอนุภำค และกำรเกิดสำรประกอบ
เชิงซ้อนกัมมันต์ได้

2. บอกควำมหมำยของพลงงำนก่อกัมมันต์ และท ำนำยควำมยำกง่ำยของกำรเกิดปฏิกริยำเคมีโดยพิจำรณำ


จำกค่ำพลังงำนก่อกัมมันต์ของปฏิกริยำนั้นๆ ได้

3. เขียนระบปัจจัยที่ท ำให้เกิดปฏิกริยำได้


ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอธิบำยกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีโดยใช้ทฤษฎีจลน์ ควำมหมำยของพลังงำนก่อกัมมันต์
และระบปัจจัยที่ท ำให้เกิดปฏิกริยำเคมี


1...จงอธิบำยกำรเกิดปฏิกิริยำโดยใช้ทฤษฎีจลน์ และกำรชนกันของอนุภำค
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................

2...จงอธิบำยกำรเกิดสำรประกอบเชิงกัมมันต์
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................


ั้

3. จงบอกควำมหมำยของพลังงำนกอกัมมันต์ พรอมทงบอกชื่อเป็นภำษำอังกฤษและสัญลักษณ์ของพลังงำน
ก่อกัมมันต์
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

4...จงอธิบำยกำรเกิดปฏิกิริยำโดยพิจำรณำจำกค่ำพลงงำนก่อกัมมันต์
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................







อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

41


ใบกิจกรรมที่ 3 พลังงานกับการด าเนินไปของปฏิกิริยาเคมี

จุดประสงค์การเรียนรู้ :

1...อธิบำยควำมหมำยของปฏิกิริยำประเภทดูดพลังงำนและคำยพลังงำนได้

2...เขียนแปลควำมหมำยกรำฟแสดงกำรเปลี่ยนแปลงพลังงำนกบกำรด ำเนินไปของปฏิกรยำเคมีและ


สำมำรถระบุได้ว่ำเป็นปฏิกิริยำดูดหรือคำยพลังงำนได้
ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอธิบำยควำมหมำยของปฏิกิริยำประเภทดูดพลังงำนและคำยพลังงำน และเขียนแปล


ควำมหมำยกรำฟแสดงกำรเปลี่ยนแปลงพลังงำนกบกำรด ำเนินไปของปฏิกิริยำเคมีและสำมำรถระบได้ว่ำ
เป็นปฏิกริยำดูดหรอคำยพลังงำน




1. จงอธิบำยควำมหมำยของปฏิกิริยำดูดพลังงำนและปฏิกริยำคำยควำมรอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ให้พิจำรณำว่ำปฏิกิริยำที่ก ำหนด เป็นปฏิกิริยำประเภทใด

2.1 6CO + 6H O C H O + 6O ..................................................................................
2
2
6 12 6
2
2.2 H + I 2HI .......................................................................................................................
2
2
2.3 2NH N + 3H ...............................................................................................................
3
2
2
2.4 2NO + O 2NO ..............................................................................................................
2
2

3. พิจำรณำรูปแสดงกำรเปลี่ยนแปลงพลังงำนของสองปฏิกิริยำในสถำนะแกสภำยใต้สภำวะเดียวกันต่อไปนี้











3.1 ปฏิกิริยำใดน่ำจะมีอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำสูงกว่ำ เพรำะเหตุใด

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................


3.2 ปฏิกิริยำทั้งสองเป็นปฏิกิริยำดูดพลังงำนหรอคำยพลังงำน ทรำบได้อย่ำงไร
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................





อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

42




ใบกิจกรรมที่ 4 เรื่อง ความเข้มข้นของสารกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี



จุดประสงค์การเรียนรู้ :
1..อธิบำยและสรุปผลของควำมเข้มข้นของสำรที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีได้


2. ค ำนวณหำ กฎอัตรำ ค่ำคงที่อัตรำ และอันดับปฏิกริยำเคมีได้

ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอธิบำยและสรปผลของควำมเข้มข้นของสำรที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี

และค ำนวณหำ กฎอัตรำ ค่ำคงที่อัตรำ และอันดับปฏิกริยำเคมี
1. พิจำรณำปฏิกรยำระหว่ำงแกสไฮโดรเจนกบไอโอดีนทอณหภูมิ 458 องศำเซลเซยส ดังสมกำร
ี่









ี่


H (g)+I (g)→2HI (g)ถ้ำลดจ ำนวนโมเลกลของแกสไฮโดรเจนทอยู่ในภำชนะเดิมใหเหลอเปนครงหนึ่งของ
ึ่
2
2
จ ำนวนเดิมจะมีผลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีอย่ำงไร จงอธิบำย






2. เมื่อบรรจุแกสไนโตรเจนมอนอกไซด์กบแกสไฮโดรเจนไว้ในภำชนะปดทอณหภูมิหอง เมื่อเผำใหรอนจะ




ี่



เกดปฏิกรยำดังสมกำร 2NO (g)+2H (g)→N (g + 2H O (l)กำรกระทำต่อไปนี้จะมีผลต่ออตรำกำร
)




2
2
2
เกิดปฏิกิริยำเคมีอย่ำงไร
ก. ลดปริมำตรของภำชนะลงครึ่งหนึ่ง
ข. เพิ่มจ ำนวนโมเลกลของแก๊สไนโตรเจนมอนอกไซด์เป็นสองเท่ำ






2. ในกำรทดลองเพื่อหำอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำ A + B → C ได้ข้อมูลดังนี้
กำรทดลองท ี่ [A] [B] อัตรำกำรเกิดสำร C
1 1.3 2.2 0.04
2 1.3 3.3 0.06
3 2.6 X 0.24
4 2.6 2.2 0.16







อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

43




จำกตำรำงจงหำค่ำ x มีค่ำเท่ำใด














3. จงหำกฎอัตรำ ค่ำคงที่ และอันดับปฏิกิริยำของปฏิกริยำต่อไปนี้
ี่
2NO (g) + O (g) → 2NO (g) ท 25 °C
2
2









































อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

44




ใบกิจกรรมที่ 5 พื้นผิวกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

จุดประสงค์การเรียนรู้ :
1..อธิบำยและสรุปผลของพื้นที่ผิวของสำรที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีได้

ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอธิบำยและสรปผลของพื้นที่ผวของสำรที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี





1. เมื่อเผำผงเหล็กในอำกำศจะเกิดกำรลกไหม้ทันที แต่ถ้ำเผำตะปเหล็กแทนผงเหล็ก ปฏิกิริยำจะเกิดขึ้นได้ช้ำ
มำก เป็นเพรำะเหตุใด





2. แคลเซียมคำรบอเนตทำปฏิกริยำกับกรดไฮโดรคลอริก ดังสมกำร

CaCO (s)+2HCl (aq)→CaCl (aq)+H O (l)+CO (g)
3
2
2
2
เมื่อใช้แคลเซียมคำร์บอเนตชนิดก้อนและชนิดผงที่มีมวลเท่ำกันท ำปฏิกิริยำกับกรดไฮโดรคลอริกอัตรำ
กำรเกิดปฏิกริยำเคมีจะแตกต่ำงกันหรอไม่ อย่ำงไร





3. ปฏิกริยำระหว่ำงของแข็งและสำรละลำยชนิดหนึ่งซึ่งสำรมำรถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลำถ้ำต้องกำรท ำให้อตรำ


กำรเกิดปฏิกิริยำเพิ่มขึ้นมำกที่สุดจะต้องท ำให้มีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงไร

ก. เพิ่มปริมำตรของสำรละลำย ข. เพิ่มควำมดัน
ค. ลดขนำดของของแข็ง ง. ถูกทั้ง ก และ ค

4. ถ้ำเผำผงเหล็กในบรรยำกำศของออกซเจนจะลกไหม้ทันทแต่ถ้ำใช้ตะปเหลกแทนปฏิกริยำจะด ำเนินไปช้ำ






กว่ำมำกทั้งนี้เพรำะ
ก. ผงเหล็กมีพื้นที่ผิวมำกกว่ำตะปูเหล็ก ข. ผงเหล็กมีพลังงำนจลน์มำกกว่ำตะปูเหล็ก
ค. ตะปูเหล็กมีพื้นที่ผิวมำกกว่ำผงเหล็ก ง. ตะปูเหล็กมีพลังงำนกระตุ้นสูงกว่ำผงเหล็ก
5. จำกข้อมูลต่อไปนี้
1) ถ่ำนไม้เผำไหม้ในก๊ำซออกซิเจนได้เร็วกว่ำในอำกำศ

2) น้ ำตำลทรำยละลำยในกำแฟร้อนได้เร็วกว่ำกำแฟเย็น
3) น้ ำตำลก้อนละลำยน้ ำได้ช้ำกว่ำน้ ำตำลทรำยเมื่อมีมวลเท่ำกัน

4) ที่ควำมดันสูงก๊ำซเกิดปฏิกิริยำได้มำกกว่ำที่ควำมดันต่ ำ เมื่ออุณหภูมิคงท ี่
ข้อใดแสดงถึงผลของพื้นที่ผิวที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำ

ก. ข้อ 1 และ 2 ข. ข้อ 2 และ 3

ค. ข้อ 1 และ 3 ง. ข้อ 2 และ 4





อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

45


ใบกิจกรรมที่ 6 อุณหภูมิกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

จุดประสงค์การเรียนรู้ :

1..อธิบำยและสรุปผลของอณหภูมิที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีได้



ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอธิบำยและสรปผลของอณหภูมิที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี

1. อุณหภูมิมีผลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำอย่ำงไรเพรำะเหตุใด





2. เมื่อเผำโลหะ Aในอำกำศจะลุกไหม้อย่ำงรวดเร็วได้ออกไซด์ของโลหะ A แต่เมื่อวำงโลหะ A ไว้ในอำกำศจะ

ท ำปฏิกิริยำกับแกสออกซิเจนอย่ำงช้ำๆเป็นเพรำเหตุใด






3. กำรเพิ่มอณหภูมิมีผลทำให้อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเร็วขึ้น ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง


A) ท ำให้อนุภำคของสำรตั้งต้นชนกันบ่อยครั้งขึ้น

B) ท ำให้พลังงำนกระตุ้นของสำรตั้งต้นลดลง
C) ท ำให้มีอนุภำคที่มีพลังงำนสูงเพิ่มขึ้น

ก. A เท่ำนั้น ข. A และ B

ค. A และ C ง. ถูกทกข้อ

4. เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเพิ่มขึ้นด้วย เพรำะเหตุผลข้อใด

ก. จ ำนวนโมเลกุลที่มีพลังงำนสูงกว่ำพลงงำนกระตุ้นเพิ่มมำกขึ้น

ี่
ข. โมเลกุลทมีพลังงำนสูงกว่ำพลงงำนกระตุ้น ชนกันมำกขึ้น


ค. จ ำนวนโมเลกุลที่มีพลงงำนสูงกว่ำพลังงำนกระตุ้น เพิ่มมำกขึ้น และมีกำรชนกันมำกขึ้น
ง. โมเลกุลทั้งหมดของสำรตั้งต้นมีพลังงำนสูงกว่ำพลังงำนกระตุ้น และชนกันมำกขึ้นอย่ำงถูกทิศทำง


















อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

46


ใบกิจกรรมที่ 7 ตัวเร่งปฏิกิริยาและตัวหน่วงปฏิกิริยา

จุดประสงค์การเรียนรู้ :

1..อธิบำยควำมหมำยของตัวเร่งและตัวหน่วงปฏิกิริยำเคมีได้
ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอธิบำยควำมหมำยของตัวเร่งและตัวหน่วงปฏิกิริยำเคมีได้


1. ตัวเร่งปฏิกิริยำ (catalyst) คือ


2. ตัวหน่วงปฏิกิริยำ (retarder) คือ



3. ลักษณะส ำคัญของตัวเร่งปฏิกริยำมีอะไรบ้ำง








4. ในปฏิกริยำเคมี H2(g) + Cl2(g) →2HCl(g) ถ้ำเติมผงนิกเกิลลงไปเลกน้อยจะท ำให้อัตรำกำร

เกิดปฏิกริยำสูงขึ้น นักเรียนคิดว่ำผงนิกเกิลท ำหน้ำที่อะไร และมีผลต่อกำรด ำเนินไปของปฏิกิริยำอย่ำงไร

จงอธิบำย









5. เมื่อผสมแก๊สออกซิเจนและแก๊สไฮโดรเจนทอุณหภูมิห้องจะไม่มีปฏิกริยำเกิดขึ้น แต่ถ้ำผสมกันบนผิวของ

ี่
โลหะแพลทินัม ปฏิกิริยำจะเกิดขึ้นทันที่ เพรำะเหตุใด






















อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

47


กิจกรรมสัมมนาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคม ี

จุดประสงค์การเรียนรู้ :

1...อธิบำยควำมหมำยของอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี..อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง และ


อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเฉลี่ย
2. อธิบำยกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีโดยใช้ทฤษฏีจลน์ กำรชนกันของอนุภำค และกำรเกิดสำรประกอบ

เชิงซ้อนกัมมันต์ได้

3. อธิบำยควำมหมำยของปฏิกิริยำประเภทดูดพลังงำนและคำยพลังงำนได้

4.อธิบำยและสรุปผลของควำมเข้มข้นของสำรที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมีได้
ี่
5. อธิบำยและสรปผลของพื้นทผิวของสำรที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมีได้




6. อธิบำยและสรุปผลของอณหภูมิที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมีได้


7. อธิบำยควำมหมำยของตัวเรงและตัวหน่วงปฏิกริยำเคมีได้

8. อธิบำยและลงข้อสรปเกี่ยวกับธรรมชำติของสำรตั้งต้นและสำรผลิตภัณฑ์ได้
ค าชี้แจง : ให้ตัวแทนห้องจ ำนวน 8 คน โดยผู้สอนเป็นคนเลือกแบบเจำะจงมำสัมมนำในหัวข้อดังนี้


1.อธิบำยควำมหมำยของอัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมี อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง และอัตรำ


กำรเกิดปฏิกริยำเฉลี่ย 2. อธิบำยกำรเกิดปฏิกริยำเคมีโดยใช้ทฤษฏีจลน์ กำรชนกันของอนุภำค และกำร
เกิดสำรประกอบเชิงซอนกัมมันต์ได้ 3. อธิบำยควำมหมำยของปฏิกริยำประเภทดูดพลังงำนและคำย



พลังงำนได้4.อธิบำยและสรุปผลของควำมเข้มข้นของสำรที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมีได้ 5. อธิบำย

และสรุปผลของพื้นที่ผิวของสำรที่มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีได้ 6. อธิบำยและสรุปผลของอณหภูมิท ี่



มีต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเคมีได้ 7. อธิบำยควำมหมำยของตัวเรงและตัวหน่วงปฏิกริยำเคมีได้ 8.


อธิบำยและลงข้อสรุปเกี่ยวกบธรรมชำติของสำรตั้งต้นและสำรผลิตภัณฑ์ได้ เมื่อตัวแทนหองสัมมนำเสร็จให้
สมำชิกทเหลอตั้งค ำถำมถำมคนทออกมำสัมมนำคนละ 1 ค ำถำมเป็นอย่ำงน้อย และให้นักเรียนทกคนสรป
ี่

ี่


ออกมำในรูปแบบ mind mapping ในทั้ง 8 หัวข้อ
mind
Mind Mapping


















อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

48


แบบทดสอบหลังเรียน (Post-test)

เล่มที่ 1 เรื่องอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคม


ค าชี้แจง : 1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยมีทั้งหมด 20 ข้อ 20 คะแนน เวลำ 30 นำท ี
2. ให้นักเรียนท ำเครื่องหมำยกำกบำท (X) ทับตัวอักษร ก ข ค ง ที่เห็นว่ำถูกต้อง


ที่สุดเพียงข้อเดียวลงในกระดำษค ำตอบ




1. ในปฏิกริยำ Mg (s) + 2HCl (aq) ----> MgCl2 (aq) + H2 (g) พบว่ำเมื่อปฏิกิริยำใกลจะสิ้นสุดนั้น อัตรำ

กำรเกิดปฏิกริยำไฮโดรเจนจะลดลง ทั้งนี้เพรำะเหตุใด
1. ผลิตภัณฑ์รวมตัวกลับไปเป็นสำรตั้งต้นมำกขึ้น
2. ควำมเข้มข้นของสำรตั้งต้นลดลง

3. อุณหภูมิของของผสมจะลดลง เนื่องจำกพลังงำนถูกใช้ไป

4. ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นทำหน้ำที่เป็นตัวขัดขวำงปฏิกิริยำ

2. ในกำรทดลองวัดปริมำตรของแกสไฮโดรเจนที่เกิดจำกปฏิกิริยำระหว่ำงโลหะอลูมิเนียมกับสำรละลำยไฮโดร

คลอริกโดยจับเวลำทเก็บแก๊สได้ทกๆ 1 cm3 นำข้อมูลมำเขียนกรำฟแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงปริมำตรของ
ี่
แก๊สไฮโดรเจนกับเวลำ แล้วหำค่ำควำมชันของกรำฟ ณ เวลำ 50, 100, 150, 200 และ 300 วินำที ถ้ำผลกำร
ทดลองถูกต้อง ควำมชันของกรำฟ ณ เวลำใดสูงที่สุด

1. 50 วินำที

2. 150 วินำท ี

3. 200 วินำท
4. 300 วินำท ี
3. กรำฟในข้อใดที่จะแทนควำมสัมพันธ์ระหว่ำง



Y (ควำมเข้มข้นของ HI) กับ X (เวลำทปฏิกริยำด ำเนินไปของปฏิกริยำ H (g) + I (g) ---> 2HI (g))
ี่
2
2









1. A

2. B
3. C

4. D





อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

49


4. ก๊ำซ AB สลำยตัว ได้ตำมสมกำร 2AB (g) ---> 2AB (g) + B (g) ถ้ำอัตรำกำรสลำยตัวของ AB เท่ำกับ
2
2
2
2
–3 –1
2
k mol.dm .s อัตรำกำรเกิด B จะเป็นเท่ำใด
1
1. k /4
1
2. K /2
1
3. K
1
4. 2k 1
ค าชี้แจง ข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ประกอบกำรตอบคำถำมข้อ 5–6
จำกผลกำรทดลองหำอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีระหว่ำงโลหะแมกนีเซียมกบกรดไฮโดรคลอรก ได้ผลดังต่อไปนี้


















3
3
5. อัตรำกำรเกิดของแก๊สไฮโดรเจนที่ปริมำตรระหว่ำง 4 – 5 cm มีค่ำกี่ cm /s
1. 1/20

2. 1/90
3. 1/110

4. 5/320

1
6. อัตรำเฉลี่ยกำรเกิด H มีค่ำเท่ำกับ mol/s อัตรำกำรใช้ HCl เป็นกี่ mol/s
2
64 22.4 10 3
1
1.
128 22.4 10 3

1
2.
64 22.4 10 3


1
3.
32 22.4 10 3


1
4.
16 22.4 10 3









อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี

50


7 . ในกำรทดลองท ำปฏิกิริยำฟิสชันของสำรกัมมันตรงสีชนิดหนึ่ง ได้ผลกำรทดลองสรุปได้ดังกรำฟ
















ก. ถ้ำปลอยให้ปฏิกิริยำเกิดขึ้นอย่ำงสมบรณ์ อัตรำเร็วเฉลี่ยของปฏิกิริยำเป็นกี่โมลต่อวินำท ี

ข. ถ้ำหยุดปฏิกริยำเมื่อเวลำผำนไป 8 วินำที อัตรำเร็วเฉลี่ยของปฏิกริยำเป็นกี่โมลต่อวินำท ี



ข้อใดเป็นค ำตอบของ 1 และ 2


ข้อ 1 2
1 0.125 0.100

2 0.500 0.125

3 0.500 0.400
4 0.500 0.500



8. A B และ C อยู่ในภำชนะเดียวกัน A ทำปฏิกริยำกบ B แล้วได้สำร X ดังสมกำร A + 2B ---> X และ A ทำ


ปฏิกิริยำ กับ C ได้สำร Y กำรวัดมวลของสำรที่เวลำต่ำงๆ ได้ผลดังนี้















1. A + C ---> Y 4 นำที
2. 2A + C ---> Y 4 นำท ี

3. A + 2C ---> Y 3 นำที
4. 2A + C ---> Y 3 นำท ี











อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี


Click to View FlipBook Version