The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ไหว้พระ 9 วัด ฝั่งธนบุรี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ไหว้พระ 9 วัด ฝั่งธนบุรี

ไหว้พระ 9 วัด ฝั่งธนบุรี

ไหวพ้ ระ ๙ วดัเสน้ ทางท่องเทย่ี วแสวงบุญ
ฝ่ังธนบุรี

กรมการศาสนา
กระทรวงวฒั นธรรม

เสน้ ทางท่องเทยี่ วแสวงบญุ ไหวพ้ ระ ๙ วัด ฝ่ังธนบุรี

ผู้จดั พิมพ ์ กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม
ปีทพี่ ิมพ์ พ.ศ. ๒๕๖๑
จำ�นวนพมิ พ์ ๒,๐๐๐ เลม่

ท่ีปรึกษา อธิบดีกรมการศาสนา
นายมานสั ทารตั น์ใจ รองอธบิ ดีกรมการศาสนา
นายเกรียงศกั ดิ์ บุญประสิทธ์ ิ ผ้อู �ำ นวยการส�ำ นักพฒั นาคณุ ธรรมจริยธรรม
นางศรีนวล ลัภกิตโร ผู้อ�ำ นวยการกองศาสนปู ถัมภ์
นายส�ำ รวย นักการเรยี น เลขานกุ ารกรมการศาสนา
นายพูลศักดิ์ สุขทรัพยท์ วีผล ท่ีปรึกษากรมการศาสนา
นายชวลิต ศริ ิภริ มย ์ ทป่ี รึกษากรมการศาสนา
นางสาวพิไล จริ ไกรศิริ

คณะทำ�งาน

นางศรนี วล ลภั กิตโร ผอู้ ำ�นวยการส�ำ นกั พฒั นาคุณธรรมจรยิ ธรรม

นายธนพล พรมสวุ งษ ์ นักวิชาการศาสนาช�ำ นาญการพิเศษ

นายเอกสทิ ธิ์ คลา้ ยแดง นกั วชิ าการศาสนาปฏิบัตกิ าร

นางสาวธิดา ปรีชานกุ ลู นกั วิชาการศาสนาปฏบิ ตั กิ าร

นางสาวปรียา เพช็ รแตม้ ทอง นักวชิ าการศาสนาปฏบิ ัติการ

นายธนเดช เจอื จารย นกั วชิ าการศาสนา

นายอนันตตชาติ สุทธการ เจา หนา ท่บี นั ทึกขอ้ มลู

นายจกั รกฤต อภิลาภ เจา้ หน้าทวี่ ิเคราะห์โครงการ

คำ�นำ�


กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ตระหนักในคุณค่าและความสำ�คัญ
ของการส่งเสริมการท่องเท่ียวในมิติทางศาสนา ไหว้พระ ๙ วัด ฝ่ังธนบุรี โดยผลักดัน
ให้มีการนำ�ทุนทางวัฒนธรรมในมิติทางศาสนามาใช้ในการพัฒนาประเทศ โดยบูรณาการ
การท�ำ งานของทกุ ภาคสว่ นของสงั คมทงั้ ภาครฐั ภาคเอกชนและภาคประชาสงั คม ในการรว่ มมอื
กันสร้างพลังในการทำ�ความดีเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ วางรากฐาน
ในการพฒั นาประเทศในระยะยาวทตี่ งั้ อยบู่ นฐานของความไดเ้ ปรยี บเชงิ วฒั นธรรมและศาสนา
อนั เปน็ พนื้ ฐานของการด�ำ เนนิ ชวี ติ ทม่ี อี ยคู่ ปู่ ระเทศไทย น�ำ มาตอ่ ยอดดว้ ยองคค์ วามรสู้ มยั ใหม่
ผนวกกบั การบรหิ ารจดั การอยา่ งเปน็ ระบบ เสรมิ สรา้ งสงั คมดี เตมิ คณุ คา่ เพมิ่ มลู คา่ เพมิ่ รายได้
ในพื้นท่ีให้ประชาชนพึ่งตนเองได้บนพื้นฐานของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อนำ�สู่โมเดลพัฒนา
ประเทศไทย ๔.๐ ทีจ่ ะน�ำ พาประเทศไปสคู่ วามมั่นคง มัง่ คงั่ อยา่ งยง่ั ยืน
กรมการศาสนา หวงั ว่า หนังสือไหวพ้ ระ ๙ วดั ฝ่งั ธนบรุ ี เล่มน้ี มงุ่ หวงั เพอ่ื ทจี่ ะ
แนะน�ำ การทอ่ งเทยี่ วเสน้ ทางบญุ ในมติ ทิ างศาสนา และอ�ำ นวยประโยชนแ์ ละเสรมิ สรา้ งความรู้
ความเข้าใจในการปฏิบัติศาสนกิจของพุทธศาสนิกชน อันจะก่อให้เกิดความสุขอย่างแท้จริง
และเกดิ ความยัง้ ยืนของชีวติ สืบไป

(นายมนสั ทารตั น์ใจ)
อธิบดีกรมการศาสนา

สารบัญ

แนะนำ�ไหว้พระ ๙ วดั ฝ่งั ธนบุรี หน้า
บทนำ� ๑
สาระ ๖
วดั พระยาท�ำ ๘
วดั เครอื วัลย์ ๑๐
วัดหงสร์ ัตนาราม ๑๒
วัดกัลยาณมิตร ๑๔
วดั ประยรุ วงศาวาส ๑๖
วดั โมลีโลกยาราม ราชวรวหิ าร ๑๘
วัดระฆังโฆษติ าราม ๒๐
วดั อรณุ ราชวราราม ๒๒
วดั นาคกลาง ๒๔
แผนที่ไหวพ้ ระ ๙ วัด ฝ่งั ธนบรุ ี ๒๖
บรรณานุกรม ๒๘

บทน�ำ

ในปัจจบุ ันการท่องเทย่ี วเชงิ ศาสนา หรอื การทอ่ งเท่ยี วเชงิ จิตวญิ ญาณ (Spiritual
Tourism) ณ วดั โบราณสถาน และสถานทป่ี ฏบิ ตั ธิ รรม กลายเปน็ การทอ่ งเทย่ี วอกี รปู แบบหนงึ่
ของการทอ่ งเทยี่ วในกลมุ่ ความสนใจพเิ ศษทง้ั ทเ่ี ปน็ นกั ทอ่ งเทย่ี วชาวไทย และชาวตา่ งประเทศ
ทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มเปน็ อยา่ งมากในประเทศไทยในขณะน้ี ทง้ั นี้ เพราะตามคตคิ วามเชอื่ ทถ่ี อื วา่
การได้มาสักการะสถานท่ีศักดส์ิ ทิ ธ์ิ ร่วมปฏบิ ัติบูชา การท�ำ บุญ บรจิ าคทาน จะน�ำ ความเปน็
สิริมงคลมาสู่ชีวิตและครอบครัวของผู้ท่ีได้มาสักการะและสร้างจิตใจที่ผ่องใส มาสู่ผู้ปฏิบัติ
โดยจะเหน็ ไดว้ า่ “วดั ” (Temple) เปน็ ทรพั ยากรการทอ่ งเทย่ี วทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ อารยธรรม
และยังสะท้อนไปถึงร่องรอยวิถีชีวิตในอดีตท่ีมีลักษณะกลมกลืน (Harmony)ระหว่างชุมชน
วดั และสงิ่ แวดลอ้ ม ทมี่ ลี กั ษณะการผสมกลมกลนื การด�ำ เนนิ ชวี ติ บนพนื้ ฐานของความศรทั ธา
ในพระพุทธศาสนา ความเช่ือของท้องถ่ิน และยังเป็นแหล่งรวมข้อมูลด้านประวัติศาสตร์
การศึกษา ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม รวมท้ังเชื่อมโยงความเป็นมาของวัฒนธรรมกับชุมชน
และการตั้งถิ่นฐานของชุมชนอีกด้วย นอกจากวัดจะจัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทหนึ่ง

1

แล้ววัดยังเป็นสถานที่ทำ�บุญในโอกาสต่างๆท้ังงานทำ�บุญท่ีเก่ียวกับพระพุทธศาสนาโดยตรง
และงานมงคลและงานอวมงคลของชาวบา้ น หรอื อาจเรยี กไดว้ า่ วดั มคี วามเกย่ี วขอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ
ของชาวไทยซงึ่ รอ้ ยเรยี งสอดคลอ้ งกบั วถิ ธี รรมชาติ เนอ่ื งจากวดั เปน็ ศนู ยร์ วมจติ ใจทส่ี �ำ คญั ของ
คนไทยต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงเห็นได้ว่าประเทศไทยมีจำ�นวนศาสนสถานอยู่หลายแห่ง
โดยมีความโดดเด่นท้ังในเรื่องประวัติศาสนาสถาปัตยกรรม พระพุทธรูป โบราณวัตถุที่มี
ความศกั ดิส์ ทิ ธ์และมคี วามงดงาม
2

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ตระหนักถึงภารกิจเร่งด่วนซ่ึงเป็นโยบาย
สำ�คัญของประเทศ ในการเพ่ิมรายได้จากการท่องเท่ียวและบริการ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการ
สง่ เสริมและสนบั สนนุ การพัฒนา ดา้ นจติ ใจโดยกำ�หนดโครงการที่สอดรบั กบั ภารกจิ ดงั กล่าว
จงึ ไดก้ �ำ หนด “โครงการเสน้ ทางแสวงบญุ ในมติ ทิ างศาสนา” โดยมงุ่ หวงั ใหเ้ กดิ การพฒั นาและ
จัดการแหล่งท่องเท่ียวภายในวัดได้อย่างเหมาะสมและมีคุณภาพที่ดีและยังสามารถส่งเสริม
และประชาสมั พนั ธก์ ารทอ่ งเทยี่ ววดั ในจงั หวดั ใหเ้ ปน็ ทร่ี จู้ กั ในฐานะทเ่ี ปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทาง
ศาสนาทส่ี �ำ คญั ของประเทศไทย รวมทง้ั กระทรวงวฒั นธรรมไดก้ �ำ หนดกรอบการใชว้ ฒั นธรรม
เพอื่ การพัฒนาใน ๓ มิติ คือ การสรา้ งคนดีและสงั คมดดี ้วยมติ ิทางวฒั นกรรม การสรา้ งราย
ได้และความมั่งคั่งจากทุนและทรัพยากรทางวัฒนธรรม รวมทั้งใช้วัฒนธรรมเพื่อเสริมสร้าง
ภาพลักษณ์ เกียรตภิ ูมแิ ละความสัมพนั ธ์อันดกี บั ตา่ งประเทศ ซึ่งแนวทางการพฒั นาทัง้ ๓ มิติ
ดังกล่าว มีความสอดคล้องกับโมเดลการพัฒนาประเทศไทยสู่ประเทศไทย ๔.๐

3

ของทา่ นนายกรฐั มนตรี และทศิ ทางการพฒั นาประเทศตามรา่ งแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม
แหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑๒ รวมถงึ ยุทธศาสตรช์ าติในระยะ ๒๐ ปโี ดยเฉพาะการส่งเสรมิ ในภาคมติ ิ
ชมุ ชนในทกุ พน้ื ท่ี ใหเ้ กดิ เปน็ ชมุ ชนคณุ ธรรมดว้ ยพลงั บวร (บา้ น-วดั -โรงเรยี น) ขน้ึ อยา่ งเปน็ รปู
ธรรม ใหย้ ึดม่ันในขอ้ ปฏิบตั ิหลกั คุณธรรม ๓ ประการ ไดแ้ ก่ ๑. การน้อมน�ำ หลกั ธรรมคำ�สอน
ทางศาสนา น�ำ มาประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ๒. การด�ำ เนนิ ชวี ติ บนพน้ื ฐานหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๓. การด�ำ รงตนตามวิถีวฒั นธรรมอันดีงามของไทย เปน็ การสร้างรากฐานทเ่ี ข้มแข็งของชาติ
โดยเรมิ่ จากระดบั ชมุ ชนสสู่ งั คมไทยในวงกวา้ ง เพอื่ ใหส้ อดรบั กบั นโยบายของรฐั บาลทม่ี งุ่ เน้น
การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศควบคกู่ บั การสง่ เสรมิ หลกั คณุ ธรรมจรธิ รรม และการอนรุ กั ษ์
วฒั นธรรมประเพณที ด่ี ีงามและสิ่งแวดลอ้ มของสงั คมไทย ให้คงอยู่คูช่ าติไทย
กิจกรรมการเดินทางตามรอยเส้นทางแสวงบุญ “ไหว้พระ ๙ วัด ฝั่งธนบุรี” น้ี
เพื่อระลึกถึงพุทธานุภาพ พร้อมทั้งสร้างความเล่ือมใสศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชน ทั้งนี้
การทปี่ ระชาชนไดก้ ราบไหว้ และเกดิ เลอื่ มใสศรทั ธา ถอื เปน็ การนอ้ มน�ำ หลกั ธรรมทางศาสนา
ไปปรับใช้ในชีวิตประจำ�วัน กรมการศาสนาจึงได้จัดตั้งโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นเส้นทางท่ี
สำ�คัญ เปรยี บได้กบั สะพานที่เชื่อมโยงสายศาสนา ศลิ ปะ และวัฒนธรรม ในภูมิภาคอาเซยี น
เป็นการสรา้ งเส้นทางการท่องเทีย่ วให้มีชีวติ และเป็นแหล่งเรยี นรู้ทส่ี ำ�คัญ ท�ำ ใหผ้ ้ทู ่ีเย่ียมชม
เขา้ ใจ และซมึ ซบั งานดา้ นพระพทุ ธศาสนา โดยผา่ นการปฏบิ ตั บิ ชู าอนั เปน็ แนวทางทส่ี �ำ คญั ใน
การสืบต่ออายขุ องพระพทุ ธศาสนาตอ่ ไป
4

วตั ถุประสงค์

๑. เพอื่ เปน็ การสง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนาและวฒั นธรรมประเพณขี องคนไทย ตลอด
ทัง้ ส่งเสริมการปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมทางศาสนา
๒. เพอ่ื เปน็ การสนบั สนนุ และสง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี วทางศาสนา โดยใชแ้ หลง่ ทอ่ งเทย่ี ว
โบราณสถานและวดั
๓. เพอื่ วางแนวทางในการสรา้ งตน้ แบบชมุ ชนรองรบั ความตอ้ งการของการทอ่ งเทยี่ ว
เชงิ ศาสนา และสรา้ งความเทา่ เทยี มในการแสวงหาโอกาสบนพนื้ ฐานของการพฒั นาการทอ่ งเทยี่ ว
ในมิตทิ างศาสนาอยา่ งยั่งยนื
๔. เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างชุมชนต่างๆ เพื่อให้เกิดเป็นเครือข่ายเพื่อ
การทอ่ งเท่ยี วเชิงสร้างสรรคใ์ นมิติทางศาสนาอย่างยัง่ ยนื

5

สาระ

หลักธรรมที่ควรน�ำไปปฏิบัติ

โอวาทปาตโิ มกขห์ มายถงึ หลกั ค�ำสอนค�ำส�ำคญั ของพระพทุ ธศาสนาอนั เปน็ ไปเพอื่ ปอ้ งกนั
และแก้ปัญหาตา่ ง ๆ
ในชวี ิตเป็นไปเพ่อื ความหลดุ พ้น หรอื ค�ำสอนอนั เป็นหวั ใจพระพทุ ธศาสนาหลกั ธรรมประกอบดว้ ย
๑. หลักการ ๓
• การไม่ท�ำบาปทัง้ ปวง ได้แกก่ ารงดเวน้ การลดละเลิก ท�ำบาปทั้งปวง
• การท�ำกุศลใหถ้ ึงพร้อม ไดแ้ ก่ การท�ำความดที ุกอย่าง
• การท�ำจิตให้ผ่องใสได้แก่ การท�ำจติ ของตนให้ผอ่ งใสปราศจากนิวรณ์
๒. อดุ มการณ์ ๔
• ความอดทนได้แก่ ความอดกล้นั ไมท่ �ำบาปทง้ั ทางกาย วาจา ใจ
• ความไม่เบยี ดเบียน ได้แกก่ ารงดเว้นจากการท�ำรา้ ยรบกวน หรอื เบยี ดเบยี นผ้อู น่ื
• ความสงบ ไดแ้ ก่ปฏิบตั ติ นใหส้ งบท้ังทางกาย ทางวาจา และทางใจ
• นพิ พาน ไดแ้ ก่ การดบั ทุกข์
๓. วธิ กี าร ๖
• ไมว่ า่ ร้าย ได้แก่ ไม่กล่าวใหร้ ้ายหรือกล่าวโจมตใี คร
• ไม่ท�ำรา้ ย ได้แก่ ไม่เบียดเบยี นผอู้ นื่
• ส�ำรวมในปาติโมกข์ ได้แก่ ความเคารพระเบียบวินัย กฎ กติกา กฎหมายรวมทั้ง
ขนบธรรมเนยี มประเพณีอันดีของสังคม
• รูจ้ กั ประมาณ ได้แกร่ จู้ ักความพอดใี นการบรโิ ภคอาหารหรอื การใชส้ อยสง่ิ ๆ
• อยู่ในสถานท่ีทส่ี งดั ไดแ้ ก่ อยู่ในสถานท่สี งบมีส่ิงแวดลอ้ มทเี่ หมาะสม
• ฝึกหดั จิตใจใหส้ งบ ได้แก่ ฝกึ หัดช�ำระจิตใหส้ งบมีสขุ ภาพคณุ ภาพและประสิทธภิ าพทดี่ ี
6

การเตรียมปฏบิ ัติตน ไหวพ ระ ๙ วัด ฝั่งธนบรุ ี

เพอื่ ไดร บั อานสิ งสจ ากการทาํ บญุ การปฏบิ ตั บิ ชู าและอามสิ บชู าอยา งสมบรู ณ ดว ยจติ ใจทด่ี ี
และเปยม ดว ยความเอ้ือเฟอ เผอื่ แผ ความมีเมตตาและกรุณาตอ กันควรปฏบิ ตั ติ น ดังนี้
• กอนออกจากบานไปไหวพระ ๙ วัด ฝั่งธนบุรี ใหอาบน้ําชําระรางกายใหสะอาด
ทาํ จติ ใจใหบรสิ ุทธ์ผิ อ งใส
• แตง กายดวยเสอ้ื ผาสีขาวเรยี บรอย หรือสที ่ี ไมฉ ูดฉาด
• จัดเตรียมเครอื่ งสกั การะ เชน ดอกไม ธปู เทยี น
• เชิญชวนครอบครัว เพ่อื นบานไปทองเท่ยี วแสวงบญุ สรา งเสรมิ ประสบการณช วี ิต
• เมอื่ เดินทางไปถึงวัดแลว ควรอยูในอาการสาํ รวม
• ควรทาํ กจิ กรรมตามตารางทแี่ ตล ะวดั ไดก าํ หนดไวแ ละใหค วามรว มมอื ในการรกั ษาเวลา

7

วดั ท่ี ๑ วัดพระยาท�ำ

วดั พระยาท�ำ เปน็ พระอาราม
หลวงชน้ั ตรี ชนดิ วรวหิ าร เดมิ ชอ่ื วดั นาค
คู่กับวัดกลาง ซ่ึงต้ังอยู่คนละฝั่งคลอง
มอญ คือ วัดนาคอยู่ฝั่งเหนือ วัดกลาง
อยู่ฝั่งใต้ ต่อมาวัดนาคเปลี่ยนชื่อเป็น
วัดพระยาท�ำ จากน้ันมีการรวมช่ือวัด
นาคกับวัดกลาง เป็น วัดนาคกลาง ดัง
ท่ีปรากฏหลักฐานในปัจจุบัน ท�ำให้
วัดทั้งสองน้ี เป็นวัดโบราณซึ่งมีการ
สนั นษิ ฐานวา่ วดั นาคสรา้ งในชว่ งสมยั กรงุ
ศรอี ยธุ ยาตอนปลายโดยกรมการศาสนา
กระทรวงศกึ ษาธกิ ารประมาณกาลวา่ อยู่
ในช่วงสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ซึ่งมี
พระอุโบสถศลิ ปะอยุธยาเป็นหลักฐาน แตย่ ังไมพ่ บหลักฐานแนช่ ัดวา่ ใครเปน็ ผู้สรา้ ง และสรา้ งในสมยั ใด
ต่อมาสมัยกรุงธนบุรี วัดนาคได้ปรากฏในพระ
ราชพงศาวดารว่าเม่ือราว พ.ศ. ๒๓๑๓ พระเจ้ากรุงธนบุรี
ไปปราบก๊กพระฝางท่ีต้ังตวั เป็นใหญ่ ไดส้ �ำเร็จ และรบั สั่งให้จบั
พระสงฆ์ฝ่ายเหนือท่ีร่วมกับพระฝางมาลงพระราชอาญาตาม
โทษานโุ ทษ และใหพ้ ระสงั ฆการมี าอาราธนาพระราชาคณะ คอื
พระธรรมเจดยี ์ เจ้าอาวาสวดั นาค ทัง้ ยังโปรดให้พระราชาคณะ
สั่งสอนพระธรรมวินยั ในเมอื งต่างๆ
พระธรรมเจดยี ์ ที่พระเจ้ากรงุ ธนบุรโี ปรดให้ไปจดั การ
คณะสงฆท์ เ่ี มอื งพษิ ณโุ ลกเปน็ เจา้ อาวาสวดั นาค มากอ่ น ตอ่ มาท
รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯเลอื่ นสมณศกั ดเ์ิ ปน็ พระพมิ ลธรรมและ
โปรดให้ไปครอง วดั โพธาราม (วัดโพธ์ิในปจั จบุ นั ) แสดงใหเ้ ห็นวา่ วดั นาคมมี าก่อนสมยั กรงุ ธนบุรี
ตน้ รชั กาลที่ ๑ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เคยมเี รอื่ งใหร้ วมวดั นาคกบั วดั กลางเขา้ ดว้ ยกนั คอื ใหม้ พี ทั ธสมี าเดยี วกนั
ดงั ปรากฏในพระราชพงศาวดารตอนหนงึ่ ว่า พระพุฒาจารย์ (อยู่) วดั บางหว้าใหญ่ (วดั ระฆังโฆสติ าราม) ปรกึ ษากบั
พระธรรมธรี ราชมหามุณี (ชื่น) วัดหงส์รตั นาราม แลว้ น�ำความขน้ึ ถวายรัชกาลท่ี ๑ “วดั นาคกับวดั กลางมีอุปจารใกล้
กนั นกั จะมพี ทั ธสมี าตา่ งกนั มคิ วรควรจะมพี ทั ธสมี าเดยี วกนั รว่ มกระท�ำอโุ บสถสงั ฆกรรมในพทั ธสมี าเดยี วกนั ” รชั กาล
ที่ ๑ มพี ระราชด�ำรสั ใหพ้ ระราชาคณะประชมุ กนั พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั เรอ่ื งนใ้ี นทส่ี ดุ ประชมุ พระราชาคณะอนั มสี มเดจ็ พระ
สงั ฆราช (ส)ี เปน็ ประธานมมี ตเิ อกฉนั ทว์ า่ วดั ทง้ั สองนมี้ คี ลองคนั่ เปน็ เขตอยู่ ควรมพี ทั ธสมี าตา่ งกนั ได้ ดงั ตวั อยา่ งทเ่ี คย
มใี นกรุงเกา่

8

สมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสนพระราชหฤทัย
เป็นอย่างย่ิงในการท�ำนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนา เช่น การบูรณปฏิสังขรณ์วัด
หลายสิบวัด และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนข้าราชการผู้ใหญ่
ช่วยรบั ภาระบรู ณปฏิสงั ขรณว์ ัดตา่ งๆ ในการน้ี เจ้าพระยารตั นาธเิ บศร์ (กนุ )
สมหุ นายก มจี ติ ศรทั ธาบรู ณปฏสิ งั ขรณ์ วดั นาค แบบสรา้ งขน้ึ ใหมท่ ง้ั หมดทบั
ลงท่ีเดิม แล้วน้อมเกล้าฯถวายรัชกาลที่ ๒ จึงท�ำให้วัดนาคเป็นพระอาราม
หลวง และมีนามใหม่ว่า วดั พระยาท�ำ หมายถงึ วัดที่เจา้ พระยารตั นาธิเบศร์
สรา้ งขน้ึ ใหม่
สมยั รัชกาลท่ี ๓ พระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ เจ้าอยู่หัว มพี ระราช
ศรัทธาปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมท้ังวัดอีกครั้งหน่ึง จนมีสภาพถาวรมั่นคงมาถึง
รชั กาลที่ ๕ พระอโุ บสถและเสนาสนะต่างเริม่ ช�ำรุดทรดุ โทรมลงพระครสู นุ ท
รากษรวิจติ ร (แจ้ง) เจ้าอาวาส ร่วมกับอบุ าสกอบุ าสิกาบูรณปฏิสังขรณใ์ หญ่
อกี ครง้ั จากนนั้ กม็ กี ารบูรณะสิ่งปลกู สร้างทช่ี �ำรดุ เรือ่ ยมาจนถงึ ปจั จบุ ัน
พระอุโบสถ ส่วนฐานอุโบสถมีลักษณะแอ่นโค้งคล้ายตกท้องเรือ
ส�ำเภาหรือตกท้องช้าง ซึ่งเป็นที่นิยมในศิลปะอยุธยาตอนปลายจนช่วง
รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ มีการสร้างและบูรณปฏสิ งั ขรณค์ รงั้
ใหญ่ สรา้ งชอ่ ฟ้าเพ่ิมเตมิ ปฏิสังขรณ์หน้าต่าง ประตู สรา้ งก�ำแพงแก้ว
พระประธานในพระอโุ บสถ เปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ยั มพี ระนาม
ว่า พระพทุ ธศรีธรรมมนุ นี าถ ชาวบ้านเรยี กว่า หลวงพอ่ ศกั ดิ์สทิ ธิ์
เจดียค์ หู า อย่ดู ้านหนา้ พระอุโบสถ ซึ่งเรียกกันวา่ เจดียย์ ักษ์ เปน็
เจดีย์รปู ครฑุ จบั นาคมี ๔ คหู า รูปนาค ๘ ตัว มีรปู ยักษ์ ๔ ตนครฑุ จับนาค
๔ ตัวเทพพนม ๘ องค์ คนด�ำดินและคชสารครึ่งตวั ซ่ึงมีค�ำพูดคล้องจองกัน
ว่า “ยักษ์สี่คน คนด�ำดินครุฑจับนาคินทร์ คชสารคร่ึงตัว” ซ่ึงเป็นเจดีย์ที่มี
ทรวดทรงประหลาดสวยงาม ซึ่งสันนิษฐานว่า เดิมอาจจะเคยเป็นหอระฆัง
มาก่อน แตไ่ ด้ช�ำรดุ ไปมากแล้ว

9

วัดท่ี ๒ วดั เครอื วลั ย์

วดั เครอื วลั ย์ เปน็ พระอารามหลวงชนั้ ตรี ชนดิ วรวหิ าร เปน็ วดั ทส่ี รา้ งขนึ้ ในสมยั รชั กาลท่ี ๓ โดยพระยาอภยั ภธู ร
(นอ้ ย บณุ ยรตั พนั ธ์)ุ ผเู้ ป็นบิดาเจ้าจอมเครอื วลั ย์ พรอ้ มด้วยเจ้าจอมเครือวัลย์ เปน็ ผูส้ ร้าง และถวายเปน็ พระอาราม
หลวง แตส่ รา้ งไมท่ นั เสรจ็ ผสู้ รา้ งถงึ อสญั กรรมกอ่ น รชั กาลท่ี ๓ โปรดใหด้ �ำเนนิ สรา้ งวดั ตอ่ ไปจนส�ำเรจ็ และพระราชทาน
นามว่า “วัดเครือวลั ย์”ซง่ึ เปน็ วดั ธรรมยุติกนิกายวดั แรกของไทยอีกดว้ ย
วัดเครือวัลย์ถือเป็นวัดประจ�ำตระกูล“บุณยรัตพันธุ์” ต่อมาได้มีการปฏิสังขรณ์โดยเจ้าพระยาภูธราภัย
(นุช บุณยรัตพันธุ์) และสร้างเจดีย์ ๒ องค์ ส�ำหรับบรรจุอัฐิคนสกุล บุณยรัตพันธุ์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ได้ทรง
ปฏิสังขรณ์และสร้างเจดีย์องค์เดียวซ่ึงมีพระบรมธาตุบรรจุอยู่ และได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์อยู่เร่ือยๆ พระศิริธรรมุนี
(จาย) ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าอาวาสท่านไดป้ ฏิสงั ขรณ์ซอ่ มแซมก�ำแพงแกว้ และลานพระอโุ บสถ
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสนาสนะและถาวรวัตถุช�ำรุดทรุดโทรมมีการซ่อมแซม
พระวิหารพระวิหารใหม่และสร้างก�ำแพงวัดดา้ นตะวันออก พระครูธรรมสารโสภณ (เขยี ว) ไดส้ ร้างสะพานข้ามคลอง
มอญเชอื่ มถนนอมั รนิ ทรแ์ ตไ่ มแ่ ลว้ เสรจ็ กถ็ งึ แกม่ รณภาพ ตอ่ มาพระครธู รรมสารโสภณ (หว่ ง) ไดส้ รา้ งตอ่ จนเสรจ็ ใหช้ อื่

10

ว่า “สะพานธรรมสาร” ต่อมาสมยั พระพระราชธรรมโสภณ (เผอ่ื น สมุ โน) ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าอาวาส ได้บรู ณปฏสิ งั ขรณ์
พระอโุ บสถท้งั หลงั และติดโคมไฟรอบระเบยี งพระอุโบสถ
พระอุโบสถเป็นอาคารกอ่ อิฐถอื ปนู ทรงไทย หลงั คาลด ๒ ชน้ั ประดบั ชอ่ ฟ้า ใบระกา หน้าบันแตง่ ด้วยปนู ปัน้
ลายเครอื เถา สว่ นของบานประตหู น้าตา่ งเปน็ ลายดอกไม้ลงรกั ปิดทอง ภายในพระอโุ บสถมภี าพจติ รกรรมฝาผนงั เปน็
ฝมี อื ชา่ งสมยั รชั กาลที่ ๓ เรอ่ื งพระเจา้ ๕๐๐ ชาติ พระประธานในพระอโุ บสถ เปน็ พระพทุ ธรปู ประทบั ยนื ปางหา้ มญาติ
มีลกั ษณะคล้ายพระรว่ งโรจนฤทธทิ์ อี่ งค์พระปฐมเจดียจ์ ังหวดั นครปฐม บนฐานชุกชีรปู บวั หงาย พระนามวา่ พระพทุ ธ
สรรเพชร
พระวิหาร เป็นรูปทรงและขนาดเดียวกับพระอุโบสถ ต้ังอยู่ด้านขวาพระอุโบสถ ภายในไม่มีภาพเขียนใดๆ
ซ่ึงเปน็ สถาปัตยกรรมสมัยรชั กาลท่ี ๓ ภายมพี ระพุทธรูปปางมารวชิ ยั เป็นพระประธาน
พระเจดีย์ตั้งเรียงรายกันอยู่ระหว่าง
พระอุโบสถกับพระวิหาร มีจ�ำนวน ๓ องค์ เปน็ เจดีย์
ทรงลังกาองค์หน้ามีฐานก่อแยกไว้ต่างหาก รัชกาลท่ี
๔ ทรงสร้างภายในมีพระบรมสารีรกิ ธาตบุ รรจุอยู่ อกี
๒ องค์อยู่ต่อมาทางใต้ อยู่บนฐานสี่เหลี่ยมเดียวกัน
สรา้ งขนึ้ พรอ้ มกบั วดั โดยเจา้ พระยาภธู ราภยั เพอ่ื บรรจุ
อฐั ขิ องตระกลู บณุ ยรัตพันธุ์
หอระฆัง ต้ังอยู่ทางทิศใต้ของอุโบสถ
เปน็ อาคารก่ออิฐถือปูนแบบโบราณ

11

วดั ท่ี ๓ วดั หงสร์ ตั นาราม

วดั หงสร์ ตั นาราม เปน็ พระอารามหลวงชน้ั โท ชนดิ ราชวรวหิ าร ตง้ั อยรู่ มิ คลองบางกอกใหญ่ (คลองบางหลวง)
แขวงอรณุ เขตบางกอกใหญ่ กรงุ เทพฯลกั ษณะพน้ื ทโี่ ดยทวั่ ไปเปน็
ทรี่ าบลมุ่ หา่ งจากถนนใหญพ่ อสมควร มสี ถานทรี่ าชการบา้ นเรอื น
ลอ้ มรอบ
วดั หงสร์ ตั นาราม เดิมช่ือ “วดั เจ้าสัวหง” หรอื “วัดเจ้า
ขรัวหง” ซึ่งเปน็ ชอ่ื เศรษฐีจีนชือ่ นายหง เป็นผสู้ รา้ ง ในสมัยกรงุ
ศรีอยุธยายังเป็นวัดราษฎร์ ในสมัยกรุงธนบุรีมีช่ือว่า “วัดหงส์
อาวาสวิหาร” และเปลย่ี นมาเปน็ ชือ่ “วดั หงส์อาวาสบวรวิหาร”
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๒ เปลี่ยนช่ือวัดเป็น “วัดหงส์อาวาส
วรวิหาร” และได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อวัดตามรัชกาลเร่ือยมา
จนถึงรัชกาลที่ ๔ ได้ชื่อว่า “วัดหงส์รัตนาราม” และมีสร้อยว่า
“วดั หงส์รัตนารามราชวรวหิ าร”
ในสมัยกรุงธนบุรีวัดหงส์ฯเป็นวัดส�ำคัญวัดหนึ่ง เพราะ
เป็นวัดท่ีอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน
ภายหลังจากท่ีสวรรคตแล้ว ประชาชนจึงพร้อมใจกันสร้างศาล
คือ“ศาลเจ้าพ่อตากสินวัดหงส์ฯ” เป็นท่ีสักการะเคารพบูชาของ
ประชาชนทวั่ ไป

ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีการบูรณปฏิสังขรณ์
วัดหงส์ฯ เป็นต้นมา นอกจากน้ียังมีการสร้างเขื่อนกั้นน�้ำนับ
ได้ว่าวัดหงส์ฯ เป็นวัดส�ำคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีวัดหนึ่ง
ด้วยว่าเป็นวัดที่ต้ังอยู่ใกล้กับพระราชฐานที่ประทับของพระเจ้า
แผน่ ดนิ ทพี่ �ำนกั ของพระสงฆ์ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ มสี มเดจ็ พระสงั ฆราช
เป็นต้น อีกประการหนึ่งวัดหงส์ฯ ถือเป็นวัดประจ�ำพระบาท
สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากมีการท�ำท่ีบรรจุอัฐิของ
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ท่ีฐานของพระประธาน
วดั หงส์รัตนาราม
พระอุโบสถสร้างในสมัยกรุงธนบุรี โดยสมเด็จ
พระเจ้าตากสินทรงสร้างขึ้นแทบอุโบสถเก่า โดยมีลักษณะ
โครงสร้างเป็นอิฐฉาบปูนและไม้สัก มุงกระเบ้ือง ประดับช่อฟ้า
ใบระกา หางหงส์ มีเสาพาไลโดยรอบ บานประตูด้านหน้าและ
หลงั เปน็ ไม้แกะสลกั รปู หงสเ์ กาะก่งิ ไม้ ซ้มุ ประตหู นา้ ต่างเปน็ ลาย

12

ปูนปั้น ศิลปกรรมจีนผสมตะวันตก ซึ่งภายในมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์นวโลหะนามว่า“หลวงพ่อแสน” ประดิษฐานอยู่
เป็นพระประธานในพระอุโบสถ ซ่ึงพระพุทธรูปองค์นี้อัญเชิญมาแต่เมืองเชียงแตง เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปาง
มารวชิ ัย ประดษิ ฐานอยูเ่ หนอื รตั นบลั ลงั ก์ และมเี ศวตฉัตร ๗ ชัน้ ภายในพระอุโบสถฝาผนังมกี ารเขยี นภาพจิตรกรรม
ฝาผนังสฝี ุน่ เรื่องรตั นพิมพวงศ์ (ต�ำนานพระแกว้ มรกต) โดยฝมี ือชา่ งสมัยรัชกาลท่ี ๓ และรัชกาลที่ ๔
พระวิหารเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคาลด ๒ ชั้น มุงกระเบ้ือง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์มีเสา
พาไลลอ้ มรอบ สรา้ งโดย น.ส.สงั วาล ชูโต และ น.ส.เนอ่ื ง ชูโต เพ่ือประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ทองโบราณสมัยสโุ ขทัย
โดยพระวหิ ารหลงั นสี้ ร้างแทนพระวิหารหลังเดิมซงึ่ ปรักหกั พังไปแลว้
สระน้�ำมนต์วัดหงส์รัตนาราม รูปสระเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า อยู่ทางด้านทิศตะวันตกส่วนท้ายของวัด
อดตี มีผคู้ นมาอาบเสมอ และหนาแน่นยงิ่ นกั ซงึ่ เล่าขานกันว่าศักดิส์ ทิ ธิ์นักหนาและประสิทธิ์ประสาทความขลังความ
ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ใหไ้ ด้ตามความปรารถนาเลยทเี ดียว

13

วดั ท่ี ๔ วดั กัลยาณมิตร

วัดกัลยาณมิตรเป็นพระ
อารามหลวงช้ันโทชนิดวรมหาวิหาร
ลกั ษณะพนื้ ทโี่ ดยทวั่ ไปบรเิ วณวดั เปน็
ทร่ี าบล่มุ นำ้� ท่วมถึง
ใ น รั ช ส มั ย รั ช ก า ล ที่ ๓
เจา้ พระยานกิ รบดนิ ทร ์ (โต กลั ยาณมติ ร)
ว่าท่ีสมุหนายกเมื่อครั้งยังเป็นพระยา
ราชสุภาวดี เจ้ากรมพระยาสุรัสวดี
กลาง อุทิศบ้านและซ้ือที่ดินบริเวณ
ใกล้เคียง เดิมเป็นหมู่บ้านท่ีมีพระ
ภิกษุจีน สร้างวัดข้ึน แล้วถวายเป็น
พระอารามหลวงพระราชทานนามว่า
“วัดกัลยาณมติ ร”
จากความสมั พนั ธ์ส่วนพระองคข์ องรัชกาลที่ ๓ ท่ีทรงมตี ่อพระยานกิ รบดนิ ทร์ผสู้ ร้างวัดนี้ อาจจะเปน็ สาเหตุ
ของค�ำว่า กัลยาณมิตร โดยหมายถึง มิตรที่ดีหรือเพื่อนท่ีดีเพื่อนผู้มีธรรมอันงาม ไม่เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระนั่ง
เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เทา่ นน้ั หากพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ตา่ ง
ก็พระราชทานพระบรมราชปู ถมั ภ์แก่วดั กัลยาณมติ รมาโดยตลอด
เม่ือแรกท่ีพระยานิกรบดินทร์สร้าง วัดกัลยาณมิตรน้ัน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ

ใหส้ รา้ งพระวหิ ารหลวงพระราชทาน
ช่วย พร้อมเสด็จพระราชด�ำเนินก่อ
ฤกษ์พระโต พระราชทานเป็นพระ
ประทานในพระวหิ ารหลวง
คร้ันเม่ือพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวข้ึนครอง
ราชย์ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างพระธรรม
มณเฑียรเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศใน
พระบรมราชอัยยิกา ผู้ซึ่งเดิมเคย
ประทับในบริเวณวัดกัลยาณมิตรมา
ก่อน นอกจากน้ันยังพระราชทาน
นามรพะพุทธรูปที่ประดิษฐานใน
พระวิหารหลวง เดิมเรียกว่าพระโต
พระพทุ ธไตรรัตนนายก

14

พระอโุ บสถอยทู่ างทศิ ตะวนั ออกทเ่ี คยเปน็ ทต่ี งั้ บา้ นของเจา้ พระยานกิ รบดนิ ทร์ เปน็ อาคารกอ่ อฐิ ถอื ปนู ลกั ษณะ
สถาปัตยกรรมแบบจีนไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์หน้าบันเป็นลายดอกไม้ประดับกระเบื้องเคลือบสลับสีลายจีน
ซุ้มประตูหน้าต่างปั้นลายดอกไม้ปิดทองประดับกระจกผนังภายในมีการเขียนภาพจิตรกรรมเกี่ยวกับพุทธประวัติ
และรูปเคร่ืองบูชาม้าหมู่แบบไทยปนจีน เขียนภาพตามแบบผนังพระอุโบสถวัดราชโอรสสาราม เสาเขียนลายแบบ
พมุ่ ขา้ วบิณฑ์ พระประธานในพระอโุ บสถเป็นพระพทุ ธรูปปางป่าลไิ ลยก์
พระวหิ ารใหญ่ เปน็ อาคารกอ่ อฐิ ถอื ปนู รปู แบบสถาปตั ยกรรมทรงไทยหลงั คามงุ กระเบอ้ื งเคลอื บ ประดบั ชอ่ ฟา้
ใบระกา หนา้ บนั จ�ำหลกั ลายดอกไมป้ ระดบั กระจก ผนงั ดา้ นในและเสาเปน็ ลายดอกไม้ ผนงั ดา้ นหนา้ มซี มุ้ ประตหู นิ และ
ตกุ๊ ตาหนิ ศลิ ปะจนี ตง้ั เรยี งรายกนั ภายในประดษิ ฐานพระพทุ ธไตรรตั นนายก รชั กาลที่ ๓ โปรดใหส้ รา้ ง ชาวจนี เรยี กวา่
ซ�ำปอฮุดกง หรือ ซ�ำปอกง
พระวหิ ารนอ้ ย มลี กั ษณะและขนาดใกลเ้ คยี งกบั พระอโุ บสถ ตง้ั อยทู่ างดา้ นซา้ ยพระวหิ ารหลวงหนั หนา้ ไปทาง
แม่น�้ำ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคามุงกระเบื้องเคลือบภายในมีภาพพุทธประวัติฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๓
เป็นท่ปี ระดิษฐานพระพทุ ธรปู ปางต่างๆ
พระเจดีย์หินองคห์ นึ่ง ฐานแบ่งเปน็ ช่อง ๑๖ ช่อง ตง้ั อยู่ระหว่างถนนวิหารหลวงกับถนนวิหารเลก็
พระเจดยี ์ประดับหินออ่ น ๒ องค์ อยูห่ น้าวิหารหลวง ฐาน ๘ เหล่ยี ม
พระเจดียห์ ลังพระอุโบสถ ๑ องค์ องค์เจดยี ป์ ระดบั หิน มกี �ำแพงแกว้ ๒ ชนั้
*เชือ่ กันว่าผลการท�ำนายเซยี มซมี ีการแปลเป็นภาษาไทยทีน่ เ่ี ปน็ ท่ีแรก

15

วัดท่ี ๕ วัดประยุรวงศาวาส

วดั ประยรุ วงศาวาส เปน็ พระอารามหลวง
ช้นั โท ชนิดวรวหิ าร ท่ีตง้ั วัดประยรุ วงศาวาส ตัง้ อยู่
ใกล้กับเชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ฝั่งธนบรุ ีแขวง
วัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ลักษณะ
พื้นที่เป็นท่รี าบส่เี หลย่ี ม
วั ด น้ี ส ม เ ด็ จ เจ ้ า พ ร ะ ย า บ ร ม ม ห า
สมเด็จพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ เรียกกันว่า
สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ เม่ือยังเป็นเจ้าพระยา
พระคลงั วา่ ทพ่ี ระคลงั และวา่ ทส่ี มหุ ก์ ลาโหมไดอ้ ทุ ศิ
สวนกาแฟถวายเปน็ พระอารามหลวงในรชั กาลที่ ๓
แลว้ ไดพ้ ระราชทานนามวดั วา่ “วดั ประยรุ วงศาวาส”
ซ่ึงชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า วัดร้ัวเหล็กเพราะมี
รั้วเหล็กแวดล้อมเป็นก�ำแพงอยู่หน้าพระอุโบสถ

ส�ำหรบั พทุ ธศาสนกิ ชนทสี่ นใจจะมาเยยี่ มชมหรอื สกั การะบชู า
สงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธภิ์ ายในวดั ขอแนะน�ำสง่ิ ส�ำคญั ทตี่ อ้ งหา้ มพลาดดงั น้ี
พระอุโบสถเปน็ สถาปตั ยกรรมทรงไทย หลังคาลด ๒
ชน้ั ก่ออิฐถือปูน หนา้ บันมีลวดลายดอกพุดตาน หน้าต่างแปด
เหลี่ยมตรงกลางระหว่างประตู ๒ ข้าง หลังพระประธานภาพ
จติ รกรรมฝาผนงั เลา่ เรือ่ งพุทธประวัติ
พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปาง
มารวิชัยประกอบด้วยพุทธลักษณะงดงาม พระพุทธรูปองค์
น้ีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาปรยูรวงศ์ให้ช่างชาวไทยเป็นผู้
หล่อ ได้ว่าจ้างช่างลงรักปิดทองมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมี
ฝีมือและกรรมวิธีการปิดทองดีเยี่ยม มาปิดทองพระพุทธรูป
ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกท่ีน�ำช่างฝีมือปิดทองเป็นชาว
ต่างชาติจากประเทศญ่ีปุ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานนามพระประธานใน
พระอุโบสถว่า“พระพุทธธรรมวิเชษฐศาสดา” แปลว่า
พระพุทธเจา้ ผูเ้ ปน็ ศาสดาประเสรฐิ สดุ โดยธรรม

16

พระวหิ ารหลวงพอ่ พระพทุ ธนาคศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ พระวหิ าร
หลวงพอ่ พระพทุ ธนาคเปน็ สถาปตั ยกรรมแบบทรงไทย มขี นาด
ใหญ่ใกล้เคียงกับพระอุโบสถ หลังคาลด ๒ ชั้นหน้าบันสลัก
ลายดอกไม้สวยงดงามและปิดทองประดับกระจกแพรวพราว
บานประตปู ระดบั มุก พระวหิ ารน้ีเป็นท่ปี ระดิษฐานพระพุทธ
รูปปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย มีพระนามว่า “พระพุทธนาค”
เป็นพระพุทธรูปโบราณคู่กับพระศรีศากยมุณี พระประธาน
ในวิหารวัดสุทัศนเทพวราราม พระพุทธรูปทั้งสองน้ีประกอบด้วย พุทธลักษณะสมัยสุโขทัยเหมือนกัน คือ มีรัศมี
เปลวแต่ไม่มีไรพระสก พระพุทธนาคนี้ได้รับอัญเชิญจากจังหวัดสุโขทัยมาประดิษฐานไว้ณ วิหารวัดประยุรวงศาวาส
พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวจีนให้ความเคารพบูชาในความศักด์ิสิทธ์ิของพระพุทธนาคเป็นอย่างยิ่ง โดยท่ัวไปมัก
เรยี กพระพทุ ธรปู องคน์ ว้ี า่ “พระพทุ ธนาคนอ้ ย” เพอ่ื ใหค้ กู่ บั พระศรศี ากยมณุ ี วดั สทุ ศั นเทพวรารามทเ่ี รยี กวา่ “พระพทุ ธ
นาคใหญ่”ท�ำให้พุทธศาสนิกชนชาวจีนได้ขนานนาม พระพุทธนาคนี้ว่า “ลักน้อย”แปลว่า กลีบบัว ๗ ชั้น เปรียบ
พระพุทธองค์ คอื ซ�ำปอกง (หลวงพอ่ โต) ของชาวจีน
พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่ทรงกลม สัณฐานรูปโอคว่�ำ มีช่องคูหาเรียงรายล้อมรอบชั้นล่าง
พระเจดยี ์๕๔ชอ่ งชนั้ บนถดั จากชอ่ งคหู าขน้ึ ไปมพี ระเจดยี อ์ งคเ์ ลก็ ๑๘องค์เรยี งรายรอบองคพ์ ระเจดยี อ์ งคใ์ หญ่เจดยี อ์ งคน์ ี้
เรมิ่ สรา้ งขนึ้ หลงั สรา้ งวดั แตพ่ ระเจดยี ย์ งั ไมท่ นั เสรจ็ ผสู้ รา้ งกถ็ งึ แกพ่ ริ าลยั เสยี กอ่ น ตอ่ มาสมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรสี รุ ยิ วงศ์
(ช่วง บนุ นาค) ไดส้ ร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์ ซง่ึ พระบรมมหาธาตเุ จดียน์ ้ี เปน็ ทีป่ ระดษิ ฐานพระบรมสารรี ิกธาตุ
อทุ ยานเขามอ(เขาเตา่ ) เขามอเปน็ ภเู ขาจ�ำลองขนาดเลก็
กอ่ ดว้ ยศลิ าตงั้ อยกู่ ลางสระนำ�้ บรเิ วณหนา้ วดั มศี าลาราย ๘ หนา้
ตง้ั อยรู่ มิ สระเพอื่ ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู และเปน็ ทนี่ ง่ั พกั ผอ่ น
หย่อนใจ บนยอดเขาเป็นที่ตั้งพระสถูปหล่อด้วยทองเหลือง
ลงรกั ปดิ ทองส�ำหรบั บรรจพุ ระพทุ ธรปู ส�ำคญั ไวภ้ ายใน แนวคดิ
การสรา้ งภเู ขาจ�ำลองนม้ี าจาก “หยดเทยี นขผี้ งึ้ ” ทร่ี ชั กาลท่ี ๓
ได้พระราชทานแก่พระยาบรมมหาประยรู วงศ์ หยดเทยี นข้ผี ง้ึ
เกิดจากน้�ำตาเทียนท่ีรัชกาลที่ ๓ ทรงจุดขณะเมื่อประทับอยู่
ในหอ้ งลงพระบังคนหนกั นำ�้ ตาเทยี นหยดทบั ถมกนั เปน็ เวลาหลายปีจนกอ่ ตัวรูปเหมือนภูเขา สมเด็จพระยาบรมมหา
ประยรู วงศจ์ งึ น�ำเค้าโครงของหยดเทียนข้ีผงึ้ มาเปน็ แบบส�ำหรบั สร้างภูเขาจ�ำลอง
สระนำ้� ท่ลี อ้ มรอบภเู ขาจ�ำลองเต็มไปด้วยเต่าและตะพาบน้�ำ มีผูน้ �ำทาปล่อยไวน้ านมาแลว้ ประชาชนนยิ มมา
ให้อาหารเต่าและตะพาบน้ำ� ซึ่งรูจ้ กั กันในชอื่ “ภูเขาเต่า”
เจดยี ท์ า่ นขรวั แกว้ ภายในเจดยี ม์ รี ปู หลอ่ ทา่ นขรวั แกว้ ประดษิ ฐานไว้ ซงึ่ ทา่ นขรวั แกว้ เปน็ ทเ่ี ลอื่ มใสศรทั ธาของ
ตระกลู บนุ นาค เพราะนอกจากจะเปน็ พระอาจารยส์ อนหนงั สอื แลว้ ทา่ นยงั เปน็ พระปสั สนาจารยผ์ เู้ ชยี่ นชาญในวชิ าโหร
ศาสตร์ มเี ร่อื งเล่าวา่ ครั้งหนง่ึ สมเด็จพระบรมมหาประยรุ วงศ์ไดส้ ่งเรือส�ำเภาเดนิ ทางไปคา้ ขายกบั จนี คร้นั ถงึ ก�ำหนด
เรอื ส�ำเภายังกลับไม่ถึงกรงุ เทพฯ สมเดจ็ เจา้ พระยาฯ จงึ เรียนถามท่านขรวั แก้วเรือส�ำเภาจะกลบั มาถงึ เมือ่ ใด ท่านขรวั
แกว้ ตอบดว้ ยส�ำเนยี งปกั ษใ์ ต้ วา่ “มาแหลว่ แหล.่ .เอาชาดมี ากนิ หอ้ ” สมเดจ็ เจา้ พระยาจงึ ทว้ งวา่ “ทา่ ขรวั พดู เปน็ เลน่ ไป
ได้ ถามจรงิ ๆ เนอ่ื งจากผมพง่ึ มาจากทา่ เรอื เดย๋ี วนเ้ี อง” สมเดจ็ พระยาฯจงึ กลบั ไปทที่ า่ เรอื แลว้ พบวา่ เรอื ส�ำเภาไดเ้ ทยี บ
ท่าในเวลาทีส่ มเดจ็ พระยาฯก�ำลังสนทนากบั ทา่ นขรวั แก้วที่วดั นัน่ เอง

17

วดั ที่ ๖ วดั โมลโี ลกยารามราชวรวิหาร

วัดโมลีโลกยารามเป็นพระอารามหลวงช้ันโท ชนิดราชวรวิหาร
ลกั ษณะพ้นื ทวี่ ดั ถกู ปิดกน้ั ทั้ง ๔ ด้าน วดั น้ีเปน็ วดั โบราณมมี าตง้ั แต่สมัยกรงุ
ศรีอยุธยาเป็นราชธานี เนื่องจากวัดอยู่ต่อจากตลาดเมืองธนบุรี วัดน้ีจึงถูก
เรียกว่า “วัดท้ายตลาด” สมัยกรุงธนบุรีวัดน้ีถูกรวมเข้ากับเขตพระราชวัง
จึงเป็นวัดท่ีไม่มีพระสงฆ์ตลอดสมัยกรุงธนบุรี ครั้งถึงสมัยรัชกาลที่ ๑ จึงมี
การนิมนตพ์ ระสงฆ์มาอยู่ ตอ่ มาในสมัยรัชกาลท๒่ี ได้ทรงขนานนามใหมว่ ่า
“วัดพุทไธศวรรย์” ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้มีการปฏิสังขรณ์ท่ัวท้ังพระ
อาราม และมีการเปล่ียนนามใหม่ว่า “วัดโมลีโลกสุธาราม” และเรียกกัน
สั้นๆ ว่าวัดโมลีโลก ภายหลังอยากให้มีค�ำว่าอารามอยู่ด้วยจึงต่อท้ายว่า
“วัดโมลีโลกยาราม” ต่อมาสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) มรณภาพใน
รัชกาลน้ัน จึงโปรดให้หล่อรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) และสร้าง
หอประดษิ ฐานไวท้ วี่ ดั โมลโี ลกฯ ตอ่ มาสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทรร์ ชั กาลท่ี ๑ ทรง
ยา้ ยเมอื งหลวงมาตงั้ อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกของแมน่ ำ�้ เจา้ พระยา ตรงขา้ มกบั ที่
ตั้งของกรุงธนบุรี

18

พระอุโบสถ มีลักษณะทรงไทยยุคต้นรัตนโกสินทร์ หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
ลงรักปิดกระจก ผนังภายในและเพดานมีภาพเขียนทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ประตูและหน้าต่างแกะสลักเป็นลายกนกลงรัก
ปิดทองซงึ่ พระราชมารดาในรชั กาลที่ ๒ ทรงสรา้ งข้ึน ต่อมารชั กาลท่ี ๔ โปรดใหบ้ รู ณะทรงประดษิ ฐานตราไอยราพต
ซ่ึงเป็นตราแผน่ ดินประจ�ำพระองค์สมยั น้นั ทห่ี น้าบันพระอโุ บสถด้วย
พระวิหารเป็นท่ีเก่าแก่ท่ีสุดของวัด ต้ังอยู่หน้าพระอุโบสถหันออกสู่คลองบางกอกใหญ่ สร้างตั้งแต่สมัยกรุง
ศรีอยุธยา เมื่อวัดถูกรวมเข้าเป็นเขตพระฐานพระราชวังธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงใช้เป็นสถานที่เก็บ
เกลอื เพราะเกลือมคี วามส�ำคญั ในการถนอมอาหาร จึงเรียก “พระวิหารฉางเกลือ” ซ่ึงมลี กั ษณะไทยผสมจีน หลงั คา
มขุ ลด ๒ ชนั้ มงุ กระเบอ้ื งเคลือบดินเผามชี อ่ ฟ้า ใบระกา ภายในมฝี าผนังกอ่ ด้วยอิฐฉาบปูนกั้นเปน็ ๒ ตอน ตอนหนา้
กว้างตรงกลางมีฐานชุกชีก่ออิฐฉาบปูน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเคร่ืองสมัยต่างๆ บนฐานชุกชีตอนหลัง
มพี ระพุทธรปู ขนาดใหญ่ ๑ องค์ และพระพุทธรูปขนาดย่อมอกี หลายองค์ นับวา่ เป็นพระพทุ ธรปู โบราณสันนิษฐานวา่
หล่อขน้ึ ตง้ั แตส่ มัยยุคตน้ กรงุ รตั นโกสินทร์
ตอนหลงั เป็นห้องเล็กมพี ระพทุ ธรูปปางสมาธขิ นาดใหญ่ นามวา่ “พระปรเมศ” พระพักตร์หนั ไปทางอุโบสถ
และมีรูปหล่อพระอัครสาวกท้ังสอง ผนังและเพดานเขียนลายงดงาม พระอุโบสถและพระวิหารทั้ง ๒ นี้มีก�ำแพง
แก้วล้อมรอบ เป็นพระวิหารที่มีลักษณะพิเศษหาดูได้ยาก พระอุโบสถและพระวิหารทั้ง ๒ มีก�ำแพงแก้วล้อมรอบ
นับวา่ เปน็ พระวหิ ารท่ีมีลักษณะพิเศษซึง่ หาดไู ด้ยาก
หอสมเด็จแบ่งเป็น ๒ ช้ัน คือช้ันฐานและชั้นตัวหอ ชั้นฐานเป็นฐานรับหอเสด็จและพระเจดีย์ทรงลังกา
ดา้ นล่างแบง่ เปน็ ช่องแต่ละช่องมีรูปปั้นทหารฝรง่ั แบกฐาน ชั้นตวั หอ ประกอบด้วยหอสมเดจ็ และองคพ์ ระเจดยี เ์ ปน็ ที่
บรรจพุ ระเมาฬขี องรชั กาลที่ ๓ และ ๔ ซ่ึงเป็นทม่ี าของชอื่ วดั นี้ หอสมเด็จเป็นตึกทรงไทย
ภายในประดษิ ฐานรปู หลอ่ ของสมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ขนุ ) ผเู้ ปน็ พระอาจารยค์ รงั้ ยงั พระเยาว์ หอสมเดจ็
น้ีรัชกาลที่ ๓ โปรดให้สร้างเพ่ือเป็นอาจริยบูชาและเป็นท่ีสักการะบูชาของพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร และ
ประชาชนทวั่ ไป หลังคาของหอสมเดจ็ มุงกระเบอ้ื งเคลือบ ประตแู ละหนา้ ตา่ งเขยี นภาพลายรดน้ำ� งดงาม ยังมีหอเล็ก
ย่ืนเขา้ มาด้วย ซึ่งเปน็ ที่ประดษิ ฐานพระพุทธบาทจ�ำลองโบราณ
พระประธานในพระอโุ บสถ เป็นพระพุทธรปู หล่อส�ำริดปางมารวชิ ัย นิ้วมพี ุทธลกั ษณะงดงามนา่ จะสร้างข้นึ
พรอ้ มอโุ บสถ หรอื มมี าแตเ่ ดมิ ไมป่ รากฏหลกั ฐานพระนามวา่ “พระพทุ ธโมลโี ลกนาถ” เปน็ พระพทุ ธรปู โบราณศกั ดสิ์ ทิ ธิ์
ทรงอทิ ธานภุ าพ เปน็ ปูชนยี วตั ถเุ ปน็ ทีส่ กั การะของพระเจา้ แผน่ ดนิ ตั้งแต่ยุคต้นกรุงรตั นโกสินทร์พระบรมวงศานุวงศ์
ข้าราชบริพารและเหลา่ ราษฎรมาต้งั แตย่ ุคต้นรัตนโกสนิ ทร์

19

วัดที่ ๗ วดั ระฆังโฆษติ าราม

วดั ระฆงั โฆษติ าราม เปน็ พระ
อารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร
ลักษณะพ้ืนท่ีเป็นที่ราบอยู่ทางทิศตะวัน
ตก ของแม่น�้ำเจ้าพระยาตรงกับท่าช้าง
วังหลวงและพระบรมมหาราชวัง วัดน้ีมี
การคมนาคมตดิ ต่อได้ ๒ ทาง คอื ทางน�ำ้
มีเรือข้ามฟากจากท่าช้างวังหลวงไปยัง
ท่าวัดระฆัง และทางบกมีซอยวัดระฆัง
แยกจากถนนอมั รนิ ทร์ วดั ระฆงั เดมิ เรยี ก
ว่า วัดบางหว้าใหญ่ เป็นวัดโบราณครั้ง
กรงุ ศรอี ยธุ ยาเป็นราชธานี ค่กู ับวดั บางหว้าน้อย คอื วัดอมรนิ ทราราม ต่อมาสมยั กรุงธนบุรี สมเดจ็
พระเจ้าตากสนิ ทรงยกวัดบางหวา้ ใหญจ่ ากวดั ราษฎรข์ ้ึนเปน็ พระอารามหลวง และโปรดให้รวบรวม
พระไตรปฎิ กจากนครศรธี รรมราช เพอื่ ใหส้ มเดจ็ พระสงั ฆราชสี และพระเถรานรุ ะสงั คยานาจนส�ำเรจ็
สมบรู ณต์ ามพระราชประสงคท์ ว่ี ดั น้ี และโปรดเกลา้ ใหพ้ ระสงั ฆราชสคี รองวดั บางหวา้ ใหญจ่ นตอ่ มาส
มยั รัชกาลท่ี ๑ มกี ารขุดพบระฆงั โบราณทว่ี ัดน้เี ป็นระฆงั ท่มี ีเสียงไพเราะยง่ิ นกั และทรงขอไปไว้ทีว่ ดั
พระศรีรัตนศาสดาราม ทรงสร้างหอระฆงั จตั ุรมขุ พรอ้ มทั้งอีก ๕ ลกู พระราชทานไว้แทน อาจเปน็
เพราะเหตนุ ท้ี ขี่ ดุ ไดร้ ะฆงั นจี้ งึ ท�ำใหป้ ระชาชนเรยี กวา่ “วดั ระฆงั ” ตงั้ แตน่ น้ั มาท�ำใหว้ ดั ระฆงั ไดร้ บั การ
ปฏสิ งั ขรณ์ทว่ั ทั้งพระอาราม โดยสมเด็จพระพนี่ างพระองคใ์ หญใ่ นรชั กาลที่ ๑
ในสมัยตอ่ มาวดั ระฆงั ได้รับความสนใจในการสร้างและปฏสิ ังขรณ์จากเจา้ นายในวงั หลวง

เป็นประจ�ำ และพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์
ทรงโปรดพระราชทานการอุปถัมภ์บ�ำรุงรักษา
เน่ืองจากวัดระฆังเคยเป็นที่ประทับของพระ
สังฆราชสี ซึ่งเป็นปฐมต้นต้นบรมสังฆราชแห่ง
กรุงรัตนโกสินทร์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์
(โต พรหมรส)ี ซง่ึ เปน็ พระทเ่ี คารพนบั ถอื ของชน
ทกุ ชน้ั ในรชั กาลที่ ๕ จนถงึ ปจั จบุ นั เคยประทบั
อยทู่ ว่ี ดั นี้ ท�ำใหป้ ระชาชนรจู้ กั ชอื่ วดั ระฆงั เปน็
อย่างดี
20

พระอุโบสถ รัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดให้สร้างข้ึนแทนพระอุโบสถหลังเก่ามีลักษณะโดย
เฉพาะมุขทางด้านหน้าและด้านหลัง ท�ำปีกนกคลุมมุขอยู่ในระยะไขราหน้าจ่ัว หน้าบันจ�ำหลักลาย
พระนารายณท์ รงครฑุ ประดบั ลายกนกปดิ ทอง ฝาผนงั ภายในโดยรอบเขยี นภาพจติ รกรรมทไ่ี ดร้ บั การ
ยกยอ่ งวา่ งดงามมาก โดยผนงั ดา้ นหนา้ พระประธานเขยี นภาพพระมาลยั ขณะขนึ้ ไปนมสั การ พระมหา
จุฬามณีบนสวรรค์ช้ันดาวดึงส์ ฝาผนังส่วนท่ีเหลือเขียนภาพชุมนุม ตอนล่างเขียนภาพทศชาติชาดก
เขยี นไดอ้ ยา่ งออ่ นช้อยและแสงสเี หมาะสมกับเรื่องราว
พระประธานในพระ
อุโบสถวัดระฆังเป็นพระพุทธรูป
หลอ่ ประทบั นง่ั ปางสมาธิ กน้ั ดว้ ย
เศวตฉัตร ๙ ชนั้ บนฐานชกุ ชี ซง่ึ
มคี วามงดงามมาก มพี ระนามวา่
“พระประธานยิม้ รับฟ้า”
พระวหิ าร(พระอโุ บสถ
หลงั เกา่ ) เปน็ อาคารกอ่ อฐิ ถอื ปนู
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
หลายองค์ รวมทั้งพระประธาน
องค์เดิมของวัด พระพุทธรูปปู
ปั้นองค์เล็ก ต่อมาพระพุทธโฆษาจารย์ปั้นปูนหุ้มพระพุทธรูปใหม่ใหญ่กว่าเดิม และมีผู้คนเช่ือกันว่า
ถา้ อยากมีชอื่ เสยี งท่โี ด่งดังและก้องกงั วานเหมือนระฆงั ใหม้ าทว่ี ดั นเ้ี พ่อื เป็นศริ ิมงคลแก่ตนเอง
พระวหิ ารสมเด็จพระสังฆราช (ส)ี หน้าอโุ บสถ หลงั คามงุ กระเบื้องเคลือบ หนา้ บนั ท้ังสอง
ประดับด้วยรปู ฉัตร ๓ ชัน้ ซงึ่ เปน็ เครอื่ งหมายพระยศสมเดจ็ พระสังฆราช เดิมหลังคาเปน็ ทรงปน้ั หยา
ตอ่ มาอดตี เจา้ อาวาสไดเ้ ปลย่ี นหลงั คาทรงไทย มชี อ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์ เพอื่ ประดษิ ฐานพระอฐั สิ มเดจ็
พระสังฆราช เดิมบรรจอุ ย่ใู นพระศรีอารยิ เมตไตร
ต�ำหนกั แดง เปน็ เรอื นไมฝ้ าปกน กรมพระราชวงั บวรสถานพมิ ขุ ทรงยกถวาย เพอ่ื ปลกู เปน็
กฏุ สิ งฆเ์ ชอ่ื วา่ เปน็ ต�ำหนกั ทรงกรรมฐานของสมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี สนั นษิ ฐานจากด�ำรสั พระเจา้ บรม
วงศเ์ ธอกรมพระยาด�ำรงราชานภุ าพ.

21

วดั ท่ี ๘ วัดอรณุ ราชวราราม

วดั อรณุ ราชวรารามเปน็ พระอารามหลวงชน้ั เอกชนดิ ราช
วรมหาวิหาร ตงั้ อยู่ทางทิศตะวนั ตกของแม่นำ้� เจา้ พระยาและฟาก
ตะวนั ออกของถนนอมรินทร์ ลักษณะท่ตี ั้งโดยทวั่ ไป เปน็ ทร่ี าบล่มุ
วดั อรณุ ราชวรารามเปน็ วดั โบราณสรา้ งมาตงั้ แตค่ รงั้ สมยั
อยุธยา เดมิ เรยี กวา่ “วัดมะกอก” ตามชอ่ื ต�ำบลท่ตี ้ังวัด คอื ต�ำบล
มะกอก ภายหลังเปล่ียนเป็น “วัดมะกอกนอก” เพราะมีวัดใหม่
สร้างในต�ำบลเดียวกันแต่อยู่ลึกเข้าไปในคลองบางกอกใหญ่เรียก
วดั ใหมน่ ีว้ ่า “วัดมะกอกใน” (วัดนวลนรดศิ ) ต่อมาในภายหลังได้
เปลย่ี นช่อื “วัดมะกอกนอก” เสยี ใหม่วา่ “วดั แจ้ง” ตามต�ำนาน
ประวตั ศิ าสตรว์ า่ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชไดก้ รฑี าพลลอ่ งลงมาทาง
ชลมารค พอถงึ หนา้ วดั นกี้ ไ็ ดอ้ รณุ หรอื แจง้ พอดี จงึ เสดป็ ระทบั แรม
ทศี่ าลาการเปรยี ญตอ่ มาโปรดใหบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณแ์ ลว้ เปลย่ี นชอ่ื เสยี
ใหมเ่ ป็น “วัดแจ้ง”
เมอ่ื พระเจา้ ตากสนิ มหาราชโปรดใหย้ า้ ยราชธานจี ากกรงุ
ศรอี ยธุ ยามา ณ กรงุ ธนบรุ แี ละไดส้ รา้ งพระราชวงั ใหม่ โดยขยายเขต
พระราชฐานเปน็ เหตใุ หว้ ดั แจง้ ตกเขา้ มาอยกู่ ลางพระราชวงั จงึ โปรด
ไมใ่ หม้ พี ระสงฆอ์ ยอู่ าศยั การทเ่ี อาวดั แจง้ เปน็ วดั ภายในพระราชวงั
คงจะทรงถือแบบอย่างพระราชวังในกรุงศรีอยุธยาที่มีวัดพระศรี
สรรเพชญ์อยู่ในพระราชวัง การปฏิสังขรณ์วัดเท่าท่ีปรากฏตาม

หลกั ฐานในพระราชพงศาวดารคอื ปฏสิ งั ขรณพ์ ระอโุ บสถและ
พระวหิ ารของเกา่ ทอี่ ยหู่ นา้ พระปรางค์ กบั โปรดใหส้ รา้ งก�ำแพง
พระราชวงั โอบลอ้ มวดั เพอ่ื ใหส้ มกบั ทเี่ ปน็ วดั ภายในพระราชวงั
แตไ่ มป่ รากฎรายการวา่ ไดท้ รงบรู ณะปฏสิ งั ขรณห์ รอื กอ่ สรา้ งสงิ่
ใดขึ้นบ้าง
ในสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานีถือกันว่าวัดแจ้งเป็นวัด
คบู่ า้ นคเู่ มอื งเปน็ เปน็ ทปี่ ระดษิ ฐานพระแกว้ มรกตและพระบาง
ซง่ึ สมเดจ็ เจา้ พระยามหากษตั รยิ ศ์ กึ (พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ
ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ไปตีเมืองเวียงจันทน์แล้วอัญเชิญ
พระพุทธรูปส�ำคญั ๒ องค์ คือ พระแก้วมรกตและพระบางลง
มากรงุ ธนบรุ ดี ว้ ย และโปรดอญั เชญิ พระแกว้ มรกตและพระบาง
ขน้ึ ประดษิ ฐานไวใ้ นมณฑป ซงึ่ อยดู่ า้ นหลงั พระอโุ บสถเกา่ และ
พระวหิ ารเก่า หน้าพระปรางค์
เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช
เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้วโปรดให้สร้างพระนครใหม่ข้าง
ฝ่งั ตะวนั ออก และร้อื ก�ำแพงพระราชวงั กรุงธนบรุ ีท�ำให้วดั แจ้ง
จงึ อยนู่ อกพระราชวงั และโปรดใหเ้ ปน็ วดั มพี ระสงฆจ์ �ำพรรษา
ต่อไปได้

22

ในสมยั รชั กาลที่ ๒ โปรดใหส้ รา้ งพระ
อุโบสถและพระวิหารต่อจนเสร็จ พร้อมทั้ง
ทรงปั้นหุ่นพระพุทธรูปด้วยฝีพระหัตถ์ และ
โปรดให้หล่อประดิษฐานเป็นพระประธานใน
พระอุโบสถ
พระอุโบสถอยู่ทางทิศเหนือของวัด
เป็นสถาปัตยกรรมช้ินส�ำคัญและสวยงามใน
รัชกาลท่ี ๒ ก่อสร้างประกอบด้วยฝีมือช่าง
อย่างวิจิตร เป็นอุโบสถยกพ้ืนสูง มีช่อฟ้า
ใบระกา หางหงสป์ ดิ ทองประดบั กระจก หน้า
บันด้านหน้าและด้านหลังเป็นรูปเทวาดายืน
ถือพระขรรค์อยู่ในปราสาท เป็นไม้แกะมี
สังข์และคนโทน�้ำวางอยู่บนพานข้างละพานประดับลายช่อกนกหางโตลงรักปิดทอง ระหว่างประตู ๒ ข้าง มีบุษบก
ยอดปรางค์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธนฤมิตร ซ่ึงเป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์ในรัชกาลท่ี ๒ ผนังด้านนอกถือปูน
ประดับกระเบื้องจีนลายดอกไม้ร่วง บัวหัวเสาและบัวเชิงเสาลงรักปิดทองประดับกระจก ภาพหน้าต่างด้านนอกเป็น
ลายรดนำ้� (ซอ่ มใหม่) ด้านในเป็นภาพต้นไม้ ด้านในพระอโุ บสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนงั ๔ ด้าน พระประธานในพระ
อุโบสถมพี ระนามวา่ “พระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก” หล่อในรชั กาลที่ ๒ เฉพาะส่วนพระพักตรเ์ ปน็ ฝพี ระหัตถ์
ของรัชกาลท่ี ๒ ทรงปั้นหุ่นด้วยพระองคเ์ องทฐี่ านผา้ ทิพยพ์ ระประธานบรรจุพระอัฐิของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ
ลา้ นภาลัย รชั กาลที่ ๒ เป็นเครอ่ื งหมายตราครุฑจบั นาค และระหว่างกลางพระอัครสาวกมพี ดั ยศอยู่ ๑ เลม่
พระระเบยี งหรอื พระวหิ ารคด มปี ระตเู ขา้ ออกอยกู่ ง่ึ กลางทศิ ทงั้ สี่ มซี มุ้ จรน�ำเหนอื ประตหู นา้ บนั ท�ำเปน็ รปู พระ
นารายณ์ทรงครุฑประดับดว้ ยกนกลงรักปิดทองงดงามมาก สมเด็จฯเจ้าฟา้ กรมพระยานรศิ รานุวตั ติวงศท์ รงชมเชยวา่
“พระระเบยี ง มีอยู่ใหด้ ูได้บรบิ รู ณ์ทรวดทรงงามกว่าพระระเบียงทไี่ หน เปน็ ศรแี ห่งรชั กาลที่ ๒”
พระวิหาร สรา้ งในสมยั รชั กาลที่ ๒ เป็นวิหารยกพน้ื สงู เชน่ เดียวกบั พระอุโบสถ หน้าบันเปน็ รปู เทวดาถอื พระ
ขรรคน์ ง่ั อยบู่ นแทน่ ประดบั ดว้ ยลายกนกลงรกั ปดิ ทองประดบั กระจกมมี ขุ ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั ผนงั ดา้ นนอกประดบั
กระเบอ้ื งเคลอื บ ผนงั ดา้ นในเดมิ คงมภี าพจติ รกรรมฝาผนงั ทเ่ี สาใหญส่ เ่ี หลยี่ มดา้ นในและทเี่ รอื นแกว้ พระประธาน (ดา้ น
หลงั ) บนประตหู นา้ ตา่ งมีภาพปรากฎอยู่ แตป่ จั จุบันได้ฉาบปนู สเี หลืองหมดแล้ว
พระประธานในพระวหิ ารมีพระนามวา่ “พระพุทธชัมภนู ุทมหาบุรษุ ลกั ขณาอสีตยานบุ พติ ร” เป็นพระพุทธ
รูปปางมารวิชัยบนฐานชุกชีพระประธานมีพระอรุณหรือพระแจ้งประดิษฐานบนแท่น ถัดลงมาชั้นล่างสุดมีพระพุทธ
รปู สุโขทยั เป็นพระพุทธรปู ส�ำรดิ ลงรกั ปิดทองประดษิ ฐานอย่บู นอีกแท่นหน่งึ ซึง่ ลงรกั ปดิ ทองประดบั กระจกฝีมอื ช่าง
ประณตี บรรจงสวยงามมาก
พระเจดยี ์ ๔ องค์ เปน็ เจดยี แ์ บบเดยี วกนั และมขี นาดเทา่ กนั หมด คอื เปน็ พระเจดยี ก์ อ่ ดว้ ยอฐิ ถอื ปนู ยอ่ เหลย่ี ม
ไม้ยี่สิบประดับด้วยกระเบ้ืองถ้วยสีต่างๆเป็นลายดอกไม้และลายอื่นๆงดงามมาก มีฐานทักษิณส�ำหรับเดินขึ้นไปรอบ
องคพ์ ระเจดีย์ ๑ ชั้น พระเจดยี ์สอี่ งคน์ ี้สร้างในสมัยรัชกาลท่ี ๓
พระปรางคต์ งั้ อยหู่ นา้ วดั ทางทศิ ใตห้ ลงั โบสถน์ อ้ ยและวหิ ารนอ้ ย เปน็ ปชู นยี วตั ถทุ สี่ รา้ งขนึ้ พรอ้ มกบั โบสถแ์ ละ
วิหารน้อย รชั กาลที่ ๒ มีพระราชศรทั ธาจะเสริมสร้างให้สูงใหญ่เปน็ มหาธาตสุ �ำหรับพระนครแต่ทรงท�ำไดเ้ พียงโปรด
ใหเ้ ตรยี มขุดรากเทา่ น้ันเพราะสวรรคตก่อน ถงึ รชั กาลที่ ๓ โปรดให้เสริมสรา้ ง
พระปรางค์ใหญ่และล้อมรอบด้วยปรางค์ทิศและมณฑปทิศอยู่ทิศละองค์ปรางค์ทิศก่อด้วยอิฐถือปูนประดับ
กระเบ้อื งเคลือบสีแบบเดียวกับพระปรางคอ์ งคใ์ หญ่ ยอดปรางค์เป็นยอดนภศลู ปิดทอง
องค์พระปรางค์ใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก โปรดให้เปล่ียนเพียงรูปกินรีและแจกันปักดอกไม้ตามช่อง
ต่างๆเป็นซีเมนต์คร่ึงซีกติดกับผนังคูหาด้านใน แทนของเก่าซึ่งสลักด้วยหินเป็นตัวๆ โปรดให้รื้อประตูเข้าพระปรางค์
ออกหมดทงั้ ๙ ประตู แล้วสรา้ งขน้ึ ใหมเ่ พยี ง ๕ ประตู เพ่ือประจ�ำ ๕ รชั กาล ประตทู ี่อยู่เหนอื โบสถ์น้อยเป็นรปู ครุฑ
จับนาคประจ�ำรชั กาลท่ี ๒ ประตูกลางระหวา่ งโบสถ์และวหิ ารน้อยเปน็ รปู พระเกีย้ วประจ�ำรัชกาลท่ี ๕ และประตขู ้าง
ใตว้ ิหารเป็นรูปพระมงกุฎ ประจ�ำรัชกาลที่ ๔ สว่ นด้านตะวนั ตกหลังพระปรางค์มี ๒ ประตู

23

วัดที่ ๙ วดั นาคกลาง

วดั นาคกลางเปน็ พระอารามหลวงชนั้ ตรชี นดิ วรวหิ าร พนื้ ทว่ี ดั เปน็ ทร่ี าบลมุ่ นำ้� ทว่ มถงึ มลี กั ษณะเปน็ รปู สเี่ หลย่ี ม
ผืนผา้ มคี วามยาวไปตามแนวคลองมอญ
วัดนาคกลางไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างข้ึนเม่ือใด และใครเป็นผู้สร้างแต่สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่
สมยั อยุธยาตอนปลาย และได้รับการสถาปนาขนึ้ เป็นพระอารามหลวงในสมัยกรงุ ธนบุรี
ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๑ ทรงโปรดเกล้าฯให้รวมชื่อวัดนาค วัดกลาง วัดน้อย เข้าเป็นชื่อเดียวกันว่า
วดั นาคกลาง
ตอ่ มาสมัยรัชกาลที่ ๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯใหบ้ ูรณปฏสิ งั ขรณว์ ัดนาคกลาง
รัชกาลท่ี ๗ ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์และย้ายกุฏิจากแนวริมคลองมอญมาสร้างใหม่ขึ้นใหม่เป็น ๒ คณะ
อยา่ งที่เห็นในปัจจบุ นั

24

พระอุโบสถ เป็นลักษณะทรงไทยหลังคาลด ๓ ชั้น สร้างฝาผนังก่ออิฐฉาบปูน มีช่อฟ้า ใบระกาหางหงส์
นาคสะดุ้ง ภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนเรื่องภาพพุทธประวัติ ระหว่างช่องหน้าต่างเขียนภาพทศชาติชาดกหลังคามุง
กระเบอ้ื งดินเผาแบบมอญ แลว้ ไดม้ ีการปฏสิ ังขรณ์ใหม่ พนื้ ภายในปดู ้วยกระเบ้ืองกงั ใสแบบจนี เม่ือสมัยรชั กาลท่ี ๓
พระวหิ ารอย่ทู างทิศเหนอื ขนานกบั พระอุโบสถมลี ักษณะเหมอื นกบั พระอโุ บสถ
พระประธานภายในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปั้นด้วยปูนปั้นลงรักปิดทองปางสมาธิพระนามว่า
พระพุทธประสิทธ์ิ
พระพุทธรปู ปางถือผลสมอ ประทบั นง่ั พระหัตถถ์ ือผลสมอ ชาวบ้านเรยี กวา่ “หลวงพ่อโคนสมอ”

25

โรงพยาบาลศิริราช ทา่ เรือวงั หลัง

วัดระฆังโฆษิตาราม กกอองเงรเือรือยลุทำ�ธนก�ำาร ท่า
๑ กองท
วดั เครอื วลั ย์ วัดอรณุ ราช๕วราราม
วดั พระยาทำ�




วัดนาคกลาง ๔

คลองมอญ วัดหงส์รตั นาราม

ไหวพ้ ระ ๙ วดั ฝั่งธนบรุ ี

บรรณานุกรม

นางสาวสมบูรณ์ พมุ่ งามข�ำ. นางณฐั ฐาวดี ตันตยาวสิ ารสทุ ธ.ิ นายรังสิยศ งามฤทธ.ิ์ ประวัติพระอารามหลวง เล่ม ๑.
พิมพ์ครง้ั ที่ ๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพส์ �ำนักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาต,ิ ๒๕๕๗.

ฝา่ ยพทุ ธศาสนสถาน กองพทุ ธศาสนา. ประวตั วิ ดั ทวั่ ราชอาณาจกั ร เลม่ ๑. พมิ พค์ รง้ั ที่ ๑. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พก์ ารศาสนา,
๒๕๒๕.

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม. พระอารามหลวงเล่ม ๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร
แห่งประเทศไทย จ�ำกดั , ๒๕๕๑.

คณะสงฆว์ ดั โมลโี ลกยาราม. ๑ ทศวรรษ ส�ำนกั เรยี นวดั โมลโี ลกยาราม. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๑. นนทบรุ ี : นติ ธิ รรมการพมิ พ,์ ๒๕๕๖.

26

เส้นทางท่องเทีย่ วแสวงบุญ

ไหว้พระ ๙ วดั
ฝง่ั ธนบุรี

าเรอื วดั อรุณ คลองบางกอกให ่ญ า
สะพานพระ ุพทธยอด ้ฟ
ทัพเร๖อืวัดโมลีโลกยารามราชวรววัดหิ การัลทย่าาเณรือมวติ ัดรกลั ยวาแณดั มปมรน่ติ ะร�้ำยุรเจวงา้ ศพาวราะสยา๙สะพานพระปกเก ้ลา
๘ โรงเรียนศึกษานารี



คณะสงฆว์ ดั อรณุ ราชวราราม. ประวตั ิวดั อรุณราชวราราม. นนทบรุ ี : บรษิ ทั ๒๑ เซน็ จูรี่ จ�ำกัด,๒๕๖๑.
ส�ำนักเรียนวดั ประยุรวงศาวาสวรวิหาร. ปรญิ ญานสุ รณ.์ กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พม์ หาจุฬาลงกรณร์ าชวทิ ยาลยั , ๒๕๕๘.
กองทัพบก. ธรรมนญู ชวี ติ , วดั หงสร์ ตั นาราม. ๒๕๖๐.
กองทพั เรอื . กฐนิ พระราชทานกองทัพเรือ,วัดนาคกลางวรวิหาร. ๒๕๖๐.
[ระบบออนไลน์]. แหล่งทีม่ า www.dpu.ac.th/dpuplace/วดั กัลยาณมิตร.html.
[ระบบออนไลน]์ . แหล่งที่มา https://www.posttoday.com/dhamma/๒๖๒๒๔๐.
[ระบบออนไลน์]. แหลง่ ทม่ี า http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watarun.php.

27

หนว่ ยงานภาคแี ละผู้มสี ว่ นรว่ มสนบั สนนุ


Click to View FlipBook Version