The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทเพลงของลุงบุญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-06-04 10:36:55

บทเพลงของลุงบุญ

บทเพลงของลุงบุญ

หนังสอื ส่งเสรมิ การอ่าน ช่วงช้นั ท่ี ๓ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
ชุด รู้จัก รักถนิ่ ประกอบการสอน เรอื่ ง การอ่านในใจ

เรอ่ื ง : จนิ ตนา ตารมย์
ภาพ : ไกรลาศ แกลว้ ทนง

ชื่อหนงั สือ บทเพลงของลุงบุญ
ชื่อผแู้ ต่ง นางจินตนา ตารมย์
ชื่อผวู้ าดภาพ/ระบายสี นายไกรลาศ แกลว้ ทนง

ประวัติผู้แตง่

ช่อื นางจินตนา ตารมย์

วุฒิ ค.บ. ( ภาษาไทย )

ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ชานาญการ

สถานทท่ี ำงาน โรงเรียนชุมชนบา้ นนาวา

อาเภอชา้ งกลาง

สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา

นครศรีธรรมราช เขต ๒

ประวตั ผิ วู้ าดภาพ/ระบายสี

ช่อื นายไกรลาศ แกลว้ ทนง

วฒุ ิ วท.บ. ( เกษตรศึกษา )

ตำแหน่ง ครู

สถานท่ที ำงาน โรงเรียนชุมชนบา้ นนาวา

อาเภอชา้ งกลาง

สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา

นครศรีธรรมราช เขต ๒

คำนำ

หนังสือส่งเสริมการอ่านเร่ือง “บทเพลงของลุงบุญ” ข้าพเจ้าแต่งข้ึนมาด้วย
วัตถุประสงค์ ๓ ประการ ประการที่ ๑ เพ่ือให้นักเรี ยนและผู้อ่านท่ัวไปที่ได้
อ่านหนังสือเล่มน้ี ได้มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วฒั นธรรมในท้องถิ่น ประการท่ี ๒
ขา้ พเจา้ ตอ้ งการให้ผเู้ รียนไดท้ ราบประวตั ิความเป็นมา ของเพลงบอกซ่ึงเป็นเพลงพ้ืนบา้ น
ที่มีคุณค่าและมีความสาคญั เป็ นเอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมของชาวปักษใ์ ต้ ประการที่ ๓
ขา้ พเจา้ ตอ้ งการใชใ้ นการฝึกทกั ษะการอา่ นในใจของนกั เรียน

หนังสื อเล่มน้ี นอกจากใช้ประกอบการจัด การเรี ยน การสอน สาระการเรี ยน รู้
ภาษาไทยในช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๒ ไดเ้ ป็ นอย่างดีแลว้ ยงั สามารถนาไปใช้กบั กลุ่มสาระ
การเรียนรู้อ่ืนๆ เช่น กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะดนตรี นาฏศิลป์ ไดอ้ ีกดว้ ย

ขา้ พเจา้ หวงั ว่าหนังสือเล่มน้ีคงมีประโยชน์ต่อนักเรียนและผูอ้ ่านทวั่ ไปที่สนใจ
ตามสมควร

จินตนา ตารมย์

คำช้ีแจง

หลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐานพุทธศกั ราช ๒๕๔๔ ไดก้ าหนดสาระและมาตรฐาน
การเรียนรู้เป็ นเกณฑ์ในการกาหนดคุณภาพผูเ้ รียนเมื่อเรียนจบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
ในส่วนของสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ไดก้ าหนดไวด้ งั น้ี สาระการเรียนรู้มี ๕ สาระ
ได้แก่ ๑. สาระการอ่าน ๒. สาระการเขียน ๓. สาระการฟัง การดูและการพูด
๔. หลกั และการใชภ้ าษา ๕. สาระวรรณคดีและวรรณกรรม และไดก้ าหนดมาตรฐาน
การเรียนรู้ในดา้ นการอ่านไวว้ ่า มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่าน สร้างความรู้และ
ความคิดไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาและสร้างวิสัยทัศน์ในการดาเนินชีวิตและมีนิสัย
รักการอ่าน

จากมาตรฐาน ท ๑.๑ จะเห็นได้ว่ามีความสาคัญต่อการเรียนรู้ในกลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทยและกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนและมีความสาคญั ต่อการพฒั นาตนเอง
ของผเู้ รียน ขา้ พเจา้ จึงเห็นความสาคญั ของมาตรฐาน ท ๑.๑เป็นอยา่ งยิ่ง จึงไดผ้ ลิตหนงั สือ
ส่งเสริมการอ่าน เร่ือง “บทเพลงของลุงบุญ” ข้ึนมา เพ่ือใช้เป็ นหนังสือส่งเสริมการอ่าน
ประกอบการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๒ โดยมี
จุดมุ่งหมายให้ผูเ้ รียนมีนิสัยรักการอ่านและมีคุณภาพในด้านการอ่าน ตามมาตรฐาน
การเรียนรู้ที่ไดก้ าหนดไว้

หนังสือส่งเสริมการอ่านเร่ืองน้ีใชค้ วบคู่กบั “ แบบฝึ กเรื่องบทเพลงของลุงบุญ ”
โดยใชแ้ ทรกในแผนการสอนที่เก่ียวกบั การอ่านในใจซ่ึงรายละเอียดในการใชจ้ ะกาหนด
ไวใ้ นแผนการสอน

ข้าพเจ้าหวังเป็ นอย่างย่ิงว่า หนังสือส่งเสริ มการอ่านเล่มน้ี ใช้เป็ นหนังสือ
ประกอบการเรียนการสอนภาษาไทยช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๒ ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ทาให้ผูเ้ รียน
มีนิสัยรักการอ่านมากข้ึน ส่งผลให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทยเพิ่มข้ึนดว้ ย

จินตนา ตารมย์

วนั น้ีลงุ บญุ ต่ืนนอนแต่เชา้ เอาอาหารใหส้ ัตวเ์ ล้ียงของลงุ บญุ ไดแ้ ก่ ไก่ หมู และปลา
ซ่ึงเป็ นกิจวตั รท่ีลุงบุญทาเป็ นประจาทุกวนั ก่อนที่จะอาบน้าและรับประทานอาหารเชา้
ตอ่ จากน้นั ก็จะไปทาไร่ ทาสวนต่อ ลุงบญุ เป็นชายชราวยั ๖๕ ปี ที่มีความขยนั หมนั่ เพียร
ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็ นหลกั ลุงบุญยึดหลกั การทาสวนแบบไร่นาสวนผสม
บริเวณบา้ นลุงบุญจึงมีทกุ อยา่ ง ท้งั พืชไร่ พืชสวนและการเล้ียงสตั ว์

ลุงบุญเป็ นเกษตรกรที่ยึดหลักการดาเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ของ
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ฯ ทาให้ชีวิตของลุงบุญและครอบครัวมีความสุข มีกิน มีใช้
ไม่เดือดร้อน



ลุงบุญเป็ นคนอารมณ์ดีชอบสนุกสนานร่าเริง เป็ นแม่เพลงท่ีมีชื่อเสียงในหมู่บา้ น
วนั น้ีลุงบุญและป้าบวั หลงั จากทาไร่ทาสวนแลว้ ก็มานง่ั พกั ผ่อนที่ระเบียงหนา้ บา้ นและคุย
กนั เร่ืองเทศกาลสงกรานตใ์ นหมบู่ า้ น

“เอ้! พ่อบุญ ปี น้ีแกรู้ไหมว่าบ้านเราเขาจะมีการจัดงานสงกรานต์เหมือนทุกปี
ไหมจ๊ะ ” ป้าบวั ถามลงุ บุญ

“ ก็คงมีแหละแม่บวั เขาจดั เป็นประจาทุกปี อยแู่ ลว้ ” ลงุ บุญตอบป้าบวั
“ ฉนั ก็คิดเช่นน้นั เหมือนกนั แตป่ ี น้ีมนั เงียบเงียบไม่มีข่าวคราวเลย ” ป้าบวั พดู ตอ่



“ อ้าว ! แม่บัว พ่อบุญ ทาอะไรกันอยู่หรือจ๊ะ ” ลุงชูท่ีปรึกษาของชุมชนมาหา
ลงุ บญุ กบั ป้าบวั ที่บา้ น

“นัง่ ก่อนซิพี่ชู ฉันกบั พ่อบุญกาลงั น่ังคุยถึงงานเทศกาลสงกรานตข์ องหมู่บา้ นเรา
อย”ู่

“ วา่ ยงั ไงล่ะ ” ลงุ ชูถามป้าบวั
“ ฉันสงสัยว่าปี น้ีบ้านเราเขาจะมีการจัดงานไหมเห็นใกล้จะถึงแล้วมนั ยงั ไม่มี
ข่าวคราวอะไรเลย ” ป้าบวั พดู ตอ่
“ จดั ซิแม่บวั ผใู้ หญ่เพิ่งจะมาคุยกบั ฉันเมื่อก้ีนี่เองเรื่องการจดั งานในปี น้ี” ลุงชูบอก
กบั ป้าบวั
“ ผูใ้ หญ่จึงขอให้ฉันมาช่วยบอกพ่อบุญว่าพรุ่งน้ีเชิญกรรมการหมู่บ้านทุกคน
ประชุมพร้อมกนั ท่ีศาลาหมู่บา้ น เวลาบ่ายโมงตรงเพื่อร่วมกนั วางแผนการจดั งาน ” เม่ือ
ลุงบญุ พูดคุยธุระเสร็จกล็ าลงุ บญุ และป้าบวั กลบั ไป



วนั น้ีลุงบุญและกรรมการหมู่บ้านได้ประชุมร่วมกันเพ่ือวางแผนการจัดงาน
สงกรานต์ หลงั จากการประชุมจบลุงบญุ กก็ ลบั มาเล่าใหป้ ้าบวั ฟัง

“ แม่บวั รู้ไหมวา่ งานสงกรานตบ์ า้ นเราปี น้ีเขาจดั ยงั ไง ” ลุงบญุ เอ่ยปากถามป้าบวั
“ เอ้ ! พ่อบุญน่ี ฉันจะไปรู้ไดย้ งั ไงล่ะในเม่ือฉันไม่ไดไ้ ปประชุมดว้ ย ” ป้าบวั ตอบ
ลุงบุญดว้ ยสีหนา้ ที่ติดตลก
“ เออ ! ใช่ฉนั ก็ลืมไปถา้ ยงั ง้นั ฉนั เลา่ ใหฟ้ ังก็ได้ ”
“ ปี น้ีการจัดงานสงกรานต์บ้านเราเขาเปลี่ยนรูปแบบการจัดงาน ไม่ใช่มีแต่
มหรสพกบั ร้านขายของเหมือนปี ก่อนๆน่ะแมบ่ วั ” ลุงบญุ บอกป้าบวั
“ แลว้ เขาจดั ยงั ไงล่ะพ่อบญุ ” ป้าบวั ถามดว้ ยความสงสัยใคร่รู้
“ ปี น้ีเขามีกิจกรรมต่างจากปี ที่แลว้ โดยจดั เป็นซุ้มๆแสดงเอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรม
และประเพณีในทอ้ งถิ่น โดยใช้ช่ือว่า “ สงกรานตส์ ืบสานการประเพณี ” ฉันก็จะอยซู่ ุ้ม
เพลงพ้นื บา้ นร่วมกบั ตาแมน้ และตาใหม่ เขาจะเริ่มจดั ต้งั แต่วนั ที่ ๑๐ ถึงวนั ที่ ๑๕ เมษายน
น้ีแหละแม่บวั ” ลงุ บญุ เลา่ ใหป้ ้าบวั ฟัง



วนั น้ีเป็ นวนั แรกของการจดั งานเทศกาลสงกรานตผ์ คู้ นมากมายในหมบู่ า้ นต่างก็พา
กนั ไปเท่ียวงาน เดียวซ่ึงเป็ นเด็กผูช้ ายวยั รุ่นท่ีเป็ นแบบอย่างของวยั รุ่นที่ดี เพราะเป็ นคน
ขยนั ช่วยเหลือแม่ทางานทุกอยา่ ง เดียวเป็ นเด็กกาพร้าพ่อ จึงไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวเตร่เหมือน
วยั รุ่นคนอื่นเขา ถา้ จะไปเที่ยวท่ีไหนเขาก็จะชวนแม่ไปดว้ ย วนั น้ีเดียวจึงชวนนา้ จินดาซ่ึง
เป็นแมข่ องเดียวไปเท่ียวงานเทศกาลสงกรานตใ์ นหมู่บา้ น

“แมค่ รับวนั น้ีเราไปเท่ียวงานสงกรานตก์ นั เถอะครับ” เดียวชวนนา้ จินดา
“ ไปซิลูกแต่เดียวตอ้ งรอใหแ้ ม่ทางานท่ีบา้ นให้เสร็จก่อนนะแลว้ ตอนบ่ายเราจึงจะ
ไปเที่ยวดว้ ยกนั ” นา้ จินดาบอกกบั เดียว
“ ไดค้ รับแม่ ” เดียวรับคาแมแ่ ลว้ ไปช่วยแม่รดน้าตน้ ไมแ้ ละทางานบา้ นจนเสร็จ



พอถึงตอนบ่ายนา้ จินดาและเดียวกไ็ ปเที่ยวงานสงกรานตด์ ว้ ยกนั เม่ือถึงหนา้ งาน
เดียวรู้สึกต่ืนเตน้ มากเพราะปี น้ีเป็นงานเทศกาลสงกรานตท์ ี่ยงิ่ ใหญ่ มีกิจกรรมท่ี
หลากหลายใหไ้ ดช้ ม

“ โอโ้ ฮ! งานเทศกาลสงกรานตบ์ า้ นเราปี น้ีน่าเท่ียวนะครับแม่ ” เดียวพูดข้ึนขณะ
เดินเท่ียวชมงาน

“ ทาไมหรือลูก ” นา้ จินดายอ้ นถามเดียว
“ ผมชอบท่ีเขาจดั เป็นซุม้ ๆแบบน้ีครับแมม่ นั ทาใหเ้ ด็กรุ่นหลงั อยา่ งผมไดร้ ับรู้และ
ไดซ้ ึมซบั กลิ่นไอในความเป็นทอ้ งถิ่นของเราซ่ึงบางอยา่ งผมยงั ไมเ่ คยรู้มาก่อนเลยครับ ”
เดียวพูดกบั นา้ จินดา
“ดูซิครับแม่แตล่ ะซุม้ จดั ไดส้ วยงามแลว้ ยงั ใหค้ วามรู้กบั ผชู้ มดว้ ย”เดียวบอกกบั แม่
ดว้ ยความต่ืนเตน้
“เดียวจาไดไ้ หมเราเดินผา่ นมาก่ีซุม้ แลว้ ลกู ”นา้ จินดาถามเดียวในขณะเดินชมงาน
“ ส่ีแลว้ ครับแม่ มีซุม้ สินคา้ พ้ืนบา้ น อาหารพ้ืนเมือง เคร่ืองเลน่ ของเด็ก การแสดง
พ้ืนบา้ นและซุม้ ที่จะถึงน้ีเป็นการเพลงพ้นื บา้ นครับแม่ ”



เดียวกบั นา้ จินดามาหยดุ ยนื อยทู่ ่ีหนา้ ซุ้มเพลงพ้ืนบา้ นดว้ ยใบหนา้ ท่ียมิ้ แยม้ แจ่มใส
แสดงออกถึงความพงึ พอใจเม่ือไดย้ นิ เสียงเพลงจากลงุ บญุ และคณะกาลงั ขบั ขานอยู่
“ แมค่ รับลุงบุญร้องเพลงไดไ้ พเราะจงั เลยนะครับแม่ ” เดียวพดู ข้ึน
“ ไพเราะซิลูกเพราะลุงบุญเป็ นคนร้องเพลงเก่ง เป็ นแม่เพลงประจาหมู่บา้ นเรามา
นานแลว้ ลูก” นา้ จินดาบอกกบั เดียว
“ แม่ครับอยา่ เพ่ิงเดินไปชมที่อ่ืนเลยนะครับ ผมอยากฟังเพลงของลุงบุญอีกยืนฟัง
อีกสักพกั หน่ึงไดไ้ หมครับ ” เดียวบอกกบั นา้ จินดาดว้ ยความหลงใหลในเสียงเพลงของลุง
บุญ
“ ได้ซิลูก ” เดียวและน้าจินดาก็หยุดยืนฟังเสียงเพลงของลุงบุญอยู่พักหน่ึง
เสียงเพลงของลุงบุญก็จบลง นา้ จินดาก็ชวนเดียวไปชมท่ีอื่นตอ่
“ ไปเถอะลกู เราไปชมอยา่ งอื่นต่อเถอะ”
“ อีกสกั ครู่นะครับแม่ ” เดียวบอกกบั นา้ จินดา



เม่ือเดียวพูดกบั นา้ จินดาจบกเ็ ดินรี่ตรงเขา้ ไปหาลุงบุญซ่ึงพกั อยภู่ ายในซุม้ แลว้
ยกมือไหวท้ กั ทายลงุ บญุ และคณะ

“ สวสั ดีครับ ผมขออนุญาตรบกวนคุณลุงหน่อยนะครับ ” เดียวพูดข้ึนเมื่อเดินเขา้
ไปถึง

“ ไดซ้ ิลูก มีธุระอะไรหรือจ๊ะ ” ลุงบญุ ยอ้ นถามเดียว
“ คุณลงุ ครับ ผมอยากรู้วา่ บทเพลงท่ีลงุ บุญร้องเขาเรียกวา่ เพลงอะไรครับ ”
“ เขาเรียกวา่ เพลงบอกจะ๊ ” ลงุ บุญตอบเดียว
“ ทาไมหรือจ๊ะ ” ลุงบญุ ยอ้ นถามเดียว
“ ผมชอบบทเพลงของคุณลุง คุณลุงร้องไดไ้ พเราะมากครับ ผมอยากร้องเป็ น
เหมือนคุณลงุ บา้ ง แต่ฟังแลว้ มนั ร้องไมง่ ่ายเลยนะครับ ”เดียวพูดจบแลว้ กห็ ยดุ อยพู่ กั หน่ึง



“ คุณลุงครับเพลงบอกมนั มีประวตั ิความเป็นมาอยา่ งไรครับ” เดียวถามลุงบญุ
“ นงั่ ลงก่อนซิเดียวแลว้ ลุงจะเล่าให้ฟัง” เดียวก็นัง่ ลงใกลๆ้ ลุงบุญ ลุงบุญก็เริ่มเล่า
ประวตั ิความเป็นมาของเพลงบอกใหเ้ ดียวฟัง
“ เพลงบอกเป็ นเพลงพ้ืนบ้านของภาคใต้ท่ีนิยมกันในสมัยก่อน เม่ือถึงหน้า
สงกรานต์ เพราะในสมยั ก่อนยงั ไม่มีปฏิทินบอกสงกรานตท์ ี่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบนั
แม่เพลงบอกก็นารายละเอียดเกี่ยวกบั นางสงกรานต์ จานวนนาคท่ีให้น้าและจานวนห่าฝน
ท่ีตกในปี น้นั ๆมาป่ าวประกาศใหช้ าวบา้ นทราบเป็นบทเพลง จึงไดช้ ื่อวา่ เพลงบอก ”
“ กลอนเพลงบอกแปลงมาจากเพลงพ้ืนบา้ นโบราณชนิดหน่ึงเรียกวา่ เพลงเห่บา้ ง
เพลงฉะบ้างและแปดบทบา้ ง ต่อมาขุนประดิษฐ์ได้ดัดแปลงกลอนแปดบทข้ึนมาเป็ น
กลอนเพลงบอก บางทีก็เรี ยกเพลงบอกขุนประดิษฐ์ จนมาถึงสมัยรัชกาลท่ี ๕
พระรัตนธัชมุนี ( ม่วง รัตนธชเถร )เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราชได้จัดระเบียบ
กฎเกณฑเ์ พลงบอกข้ึนใหม่ ” ลงุ บุญเลา่ ใหเ้ ดียวฟัง



“ คุณลุงครับเพลงบอกคณะหน่ึงมีกี่คนครับ ” เดียวซ่ึงน่ังฟังด้วยความต้ังใจ
กถ็ ามข้ึน

“ คณะหน่ึงก็ประมาณ ๓-๔ คน ประกอบดว้ ยแม่เพลง ๑ คน ลูกคู่ ๒-๓ คน
ใชฉ้ ิ่งและกรับเป็นเคร่ืองดนตรีกากบั จงั หวะ ” ลงุ บญุ อธิบายใหเ้ ดียวฟัง

“เดียวรู้ไหมลกู ในปัจจุบนั เขาเล่นเพลงบอกในโอกาสใดบา้ ง”ลงุ บญุ ยอ้ นถาม
“ ไม่ทราบครับ เพราะผมเพิ่งจะไดฟ้ ังเพลงบอกเป็ นคร้ังแรก คุณลุงช่วยอธิบาย
ใหผ้ มฟังหน่อยซิครับ ”
“ การเล่นเพลงบอกเดิมนิยมเล่นในงานสงกรานต์ภายหลงั เล่นในงานทวั่ ไป และ
มีวตั ถปุ ระสงคแ์ ตกต่างกนั เช่น ประชาสัมพนั ธ์บอกข่าวคราวตา่ งๆ เพอื่ ร้องบวงสรวงใน
พิธีกรรม เพื่อสดุดียกยอ่ งชมเชยบุคคล เพื่อความครึกคร้ืนในวงสมาคม และเล่นเพลง
บอกเพ่ือการประชนั ฝี ปากซ่ึงนับเป็ นท่ีชื่นชอบมากที่สุด ” ลุงบุญอธิบายให้เดียวฟังเพื่อ
คลายขอ้ สงสัยแลว้ ลุงบุญกบ็ อกกบั เดียวว่าถา้ สนใจจะฝึกเพลงบอก ให้ไปหาลุงบุญท่ีบา้ น
เดียวก็รับปากลุงบญุ แลว้ ยกมือไหวข้ อบคุณแลว้ ชวนแมเ่ ดินชมงานต่อไป

๑๐

เด่น โอม กริช เป็นเด็กผชู้ ายรุ่นราวคราวเดียวกบั เดียวข่ีจกั รยานมาหาเดียวที่บา้ น
เพราะตอนน้ีเป็นระยะเวลาท่ีเดียวและเพ่ือนๆ กาลงั ปิ ดภาคเรียน เขาจึงไมค่ ่อยมีโอกาสได้
เจอเดียวจึงชวนกนั มาหา

“สวสั ดีครับ เดียวอยไู่ หมครับ” ท้งั สามยกมือไหวท้ กั ทายนา้ จินดาแม่ของเดียว
“ เดียวเอ๊ย เพื่อนมาหาออกมาหน้าบ้านหน่อยซิลูก” น้าจินดาเรียกเดียวซ่ึงกาลงั
ใหอ้ าหารหมูอยา่ งขะมกั เขมน้ อยใู่ นเลา้ หลงั บา้ น
“ อา้ ว! เด่น โอม กริช มานานแลว้ หรือจะ๊ ”เดียวเอ่ยถามเพ่ือนๆ
“ ไม่นานหรอกจะ๊ เดียวกาลงั ทาอะไรอยลู่ ะ่ เรามาขดั จงั หวะหรือเปลา่ ”โอมตอบ
“ เราเอาอาหารให้หมูเสร็จพอดีก็ไดย้ ินเสียงแม่เรียก เด่น โอม กริช มีธุระอะไร
หรือจ๊ะเราไปนั่งคุยที่เก้าอ้ีใต้ต้นไม้หน้าบ้านดีกว่านะ อากาศเย็นสบายดีกว่าตรงน้ี”
เดียวพดู จบก็เอ่ยชวนเพ่ือนๆ

๑๑

เดียวชวนเพื่อนๆไปนั่งใตต้ น้ ไม้หน้าบ้าน โอมเห็นน้าจินดาถือขนมมาให้ก็รีบ
ลุกข้ึนไปช่วยถือ ซ่ึงเป็ นพฤติกรรมการแสดงออกท่ีเด็กวยั รุ่นควรยึดถือเป็ นแบบอย่าง
ในเรื่องความมีน้าใจ

“ขอบคุณมากครับ” เด็กๆกลา่ วขอบคุณนา้ จินดา
“ เดียวเธอไดไ้ ปเที่ยวงานเทศกาลสงกรานตข์ องหมบู่ า้ นเราไหมจะ๊ ” กริชถาม
“ ไปซิเราไปกบั แม่ต้งั แต่วนั แรกเลย เราชอบมาก เรารู้สึกวา่ ปี น้ีเขาจดั งานไดด้ ีเรา
ประทบั ใจซุม้ เพลงพ้นื บา้ นมากเลย พวกเธอล่ะไปมาหรือยงั ” เดียวยอ้ นถามเพ่ือนๆ
“พวกเราสามคนไปมาแลว้ เหมือนกนั และประทบั ใจซุ้มเพลงพ้ืนบา้ นเช่นเดียวกบั
เธอนนั่ แหล่ะ” กริชตอบแทนเพ่ือนท้งั สองคน เดียวและเพื่อนๆนงั่ คุยกนั ถึงเร่ืองเพลงบอก
ซ่ึงเป็นเพลงพ้นื บา้ นที่ทุกคนชอบเหมือนกนั เดียวบอกเพ่ือนๆวา่ ถา้ สนใจเพลงบอกลุงบุญ
บอกวา่ ใหไ้ ปหาลุงที่บา้ นได้ เดียว เด่น โอม กริช จึงตกลงนดั กนั ไปหาลุงบุญที่บา้ น

๑๒

งานเทศกาลสงกรานต์ในหมู่บ้านก็จบลง วนั น้ีเดียวและเพ่ือนๆก็ชวนกนั มาหา
ลงุ บญุ ที่บา้ น

“สวสั ดีครับคุณลุง” เดียวและเพอื่ นๆยกมือไหวท้ กั ทายลุงบญุ
“สวสั ดี สวสั ดีจะ๊ เดก็ ๆ” ลงุ บญุ รับไหวเ้ ดียวและเพอ่ื นๆ
“ พวกหนูมีธุระอะไรกบั ลุงหรือจ๊ะบอกลุงมาไดเ้ ลย แม่บวั เอ๊ย เอาขนมมาเล้ียง
เด็กๆหน่อยซิจะ๊ ”
พูดจบลุงบุญก็เรียกหาป้าบวั ป้าบวั เดินออกมาดูแลว้ กลบั ไปถือน้าและขนมมาให้
เด็กๆ เดียวและเพ่ือนๆยกมือไหวท้ กั ทายป้าบวั แลว้ กลา่ วขอบคุณป้าบวั
“คุณลุงครับ พวกผมสนใจเพลงท่ีคุณลุงร้องในงานเทศกาลสงกรานต์และอยาก
ร้องเป็นเหมือนคุณลงุ บา้ งครับ” เดียวบอกกบั ลุงบญุ
“ได้ซิจ๊ะถา้ หนูอยากร้องเป็ นลุงจะฝึ กให้ แต่ตอ้ งใช้เวลาในการฝึ กฝนนะจ๊ะ วนั
สองวนั คงร้องไม่ไดห้ รอกจ๊ะ” ลุงบุญบอกเด็กๆและนัดหมายให้เดียว เด่น โอมและกริช
มาฝึกที่บา้ นทุกวนั

๑๓

“ อา้ ว! มากนั แลว้ ตรงเวลาจงั เลยนะจ๊ะ” ลุงบุญทกั ทายเดียวและเพื่อนๆซ่ึงพากนั
ไปหาลุงบุญตามเวลาทีนดั หมาย

“ สวสั ดีครับคุณลุง” เดียวและเพื่อนๆทกั ทายลงุ บญุ
“ถา้ มาพร้อมแลว้ ลุงจะเริ่มสอนให้เลยนะ แต่ก่อนจะเริ่มฝึ กร้องลุงจะเล่าประวตั ิ
ความเป็นมาใหฟ้ ังก่อนนะจ๊ะ เดียวเคยฟังมาแลว้ อยา่ เพิ่งเบ่ือนะ” ลุงบุญบอกเดก็ ๆ
“ ไม่เบื่อหรอกครับผมจะไดท้ บทวนไปดว้ ยครับ” เดียวบอกกบั ลุงบุญ เดียวพูดจบ
ลุงบุญก็เล่าประวัติความเป็ นมาและอธิบายถึงโอกาสที่เล่นเพลงบอกให้เด็กๆฟัง
“ วนั น้ีเราพอแคน่ ้ีก่อนดีไหมจะ๊ แลว้ พรุ่งน้ีเรามาต่อเร่ืองฉนั ทลกั ษณ์ของเพลงบอก
ซ่ึงเป็ นความรู้พ้ืนฐานที่ช่วยให้พวกหนูร้องเพลงบอกไดถ้ ูกตอ้ งและไพเราะ” ลุงบุญบอก
เดียวและเพอ่ื นๆ
“ ดีครับ ถ้ายงั ง้ันพรุ่งน้ีพวกผมค่อยมารบกวนคุณลุงอีกนะครับ” เดียวพูดแทน
เพอ่ื นๆ แลว้ ยกมือไหวก้ ลา่ วขอบคุณลุงบญุ แลว้ ต่างกแ็ ยกยา้ ยกลบั บา้ น

๑๔

ในตอนบ่ายของวนั รุ่งข้ึนเดียวและเพื่อนๆก็ชวนกนั ไปหาลุงบุญที่บา้ นตามเวลา
ที่นดั กนั ไว้

“สวสั ดีครับคุณลุง” เด็กๆยกมือไหวท้ กั ทายลุงบญุ
“ สวสั ดี น่ังก่อน นั่งก่อน นั่งพกั ให้หายเหน่ือยก่อนแล้วเราค่อยเริ่มกนั ” เด็ก ๆ
นง่ั พกั อยคู่ รู่หน่ึง ลุงบญุ ก็เริ่มอธิบายถึงฉนั ทลกั ษณ์ของกลอนเพลงบอกใหฟ้ ัง
“ ฉันทลกั ษณ์ของกลอนเพลงบอกน้ันมีหลายแบบแต่วนั น้ีลุงจะอธิบายให้ฟังสัก
๑ แบบก่อนนะจะ๊ ”
“เดียวช่วยแจกเอกสารให้เพ่ือนหน่อยซิลูก” ลุงบุญให้เดียวแจกเอกสารเกี่ยวกับ
ฉนั ทลกั ษณ์ของกลอนเพลงบอกท่ีลงุ บุญเขียนใหเ้ ดก็ ๆดว้ ยลายมือของตวั เอง
“ เอกสารที่เดียวให้เป็ นตวั อย่างของกลอนเพลงบอกแบบที่ ๑ มีลกั ษณะการแต่ง
คือ ๑ บท ประกอบดว้ ย ๔ วรรค สามวรรคแรกมีจานวนคา ๖ คา ส่วนวรรคสุดทา้ ยมี
จานวนคา ๔ คา ลกั ษณะการส่งสมั ผสั ใหด้ ูในเอกสารนะจะ๊ ” ลงุ บญุ อธิบายใหฟ้ ัง

๑๕

ลุงบุญให้เด็กๆศึกษาฉันทลกั ษณ์ของกลอนเพลงบอกแบบที่ ๑ แลว้ ใหโ้ อมออกมา
เขียนแผนผงั ในกระดานที่ลงุ บญุ เตรียมไวใ้ ห้

“ทีน้ีฟังใหด้ ีนะจ๊ะลงุ จะอธิบายใหฟ้ ังแลว้ หนูดูแผนผงั ตามไปดว้ ยนะ”
“ การส่งสัมผสั เริ่มจากคาสุดทา้ ยของวรรคแรก ส่งสัมผสั กบั คาท่ีสามของวรรค
ที่สอง คาสุดทา้ ยของวรรคท่ีสองจะส่งสัมผสั ไปยงั คาท่ีสามของวรรคท่ีสามและคาสุดทา้ ย
ของวรรคที่สามจะส่งสัมผัสกับคาที่สามของวรรคท่ีสี่ ส่วนการสัมผสั ระหว่างบท
คาสุดทา้ ยของวรรคท่ีส่ีในบทแรก จะส่งสัมผสั ไปยงั คาสุดทา้ ยของวรรคที่ส่ีในบทท่ีสอง
และคาสุดท้ายของวรรคท่ีสองในบทที่สาม คาสุดทา้ ยของวรรคที่ส่ีในบทที่สามจะส่ง
สมั ผสั ไปยงั คาสุดทา้ ยของวรรคท่ีส่ีในบทท่ีสี่ และคาสุดทา้ ยในวรรคที่สองบทที่หา้ น่ีเป็น
ลกั ษณะสัมผสั ของกลอนเพลงบอก แบบท่ี ๑ ถา้ หนูเขา้ ใจฉันทลกั ษณ์และลกั ษณะสัมผสั
จะทาใหห้ นูร้องเพลงบอกไดง้ า่ ยข้ึน” ลงุ บุญบอกกบั เดียวและเพื่อนๆ

๑๖

เมื่อเด็ก ๆ ไดเ้ รียนรู้ลกั ษณะของกลอนเพลงบอกแบบท่ี ๑ จบแลว้ ลุงบุญก็ลองให้
เดก็ ๆไดข้ ีดเสน้ โยงแสดงสัมผสั ในตวั อยา่ งกลอนเพลงบอกท่ีลุงแจกให้ เด็ก ๆ ทุกคนกท็ า
ไดถ้ ูกตอ้ ง

“ เก่งมากเลยจ๊ะหนูทาได้ถูกต้องทุกคนเลยนะ” ลุงบุญชมเด็ก ๆ เด็ก ๆขอร้อง
ใหล้ งุ บุญร้องเพลงบอกแบบท่ี ๑ใหฟ้ ังลงุ บุญร้องใหฟ้ ังดว้ ยน้าเสียงท่ีไพเราะ น่าฟังจนจบ

“คุณลุงร้องไดไ้ พเราะจงั เลยนะครับ มิน่าล่ะเดียวถึงไดห้ ลงใหลในน้าเสียงของ
คุณลุงพูดถึงไม่ขาดปากเลยครับ” กริชพดู ข้ึน

“ วนั น้ีเราพอแค่น้ีก่อนนะลูก พรุ่งน้ีเราค่อยมารู้จักลกั ษณะของเพลงบอกแบบ
ท่ีสองและแบบที่สามกันต่อนะจ๊ะ” ลุงบุญพูดจบเด็กๆก็ยกมาไหวข้ อบคุณลุงบุญแล้ว
กล็ ากลบั ไป

๑๗

วนั น้ีเดียว เด่น โอมและกริ ช มาตรงเวลาเช่นทุกวันแสดงให้เห็นถึงความ
รับผดิ ชอบ ความสนใจและความต้งั ใจของเขาท้งั สี่คน

“ มาพร้อมกนั แลว้ ลุงก็เร่ิมเลยนะ” ลุงบุญบอกเด็กๆแลว้ ก็เร่ิมตน้ ดว้ ยการร้องเพลง
บอกเม่ือร้องจบคุณลุงก็อธิบายให้ฟังวา่ น่ีเป็นตวั อยา่ งของกลอนเพลงบอกแบบที่สองที่เรา
จะไดร้ ู้จกั ในวนั น้ี

“คุณลุงครับกลอนเพลงบอกแบบท่ี ๒ ต่างจากแบบที่ ๑ ตรงไหนครับ” เดียวถาม
ลงุ บญุ ดว้ ยความสงสัย

“เพลงบอกแบบท่ี ๒ หน่ึงบท มีสี่วรรคเช่นเดียวกบั แบบท่ี ๑ แต่จานวนคาในสาม
วรรคแรกมีจานวนคาไม่แน่นอน มีห้าคาบ้าง หกคาบา้ ง เจ็ดคาบ้าง หรือสิบคาก็มี แต่
วรรคสุดท้ายมีห้าคาเสมอ” ลุงบุญช้ีแจงให้เดียวและเพื่อนๆซ่ึงนั่งฟังด้วยความต้ังใจ
อยใู่ กล้ ๆ ลุงบญุ

๑๘

เมื่อลุงบุญอธิบายจบก็ลุกข้ึนเดินไปหยบิ แผนผงั ตวั อยา่ งกลอนเพลงบอกแบบท่ี ๒
มาติดใหน้ กั เรียนดู

“คุณลงุ ครับการส่งสัมผสั ของกลอนเพลงบอกแบบที่ ๒ ไมเ่ หมือนกบั แบบที่ ๑
ใช่ไหมครับ” โอมถามลุงบญุ เมื่อเห็นแผนผงั

“ ใช่แลว้ ลูกกลอนเพลงบอกแบบท่ี ๒ การส่งสัมผสั จะไม่เคร่งครัดตายตวั เหมือน
แบบท่ี ๑ คือคาสุดทา้ ยของวรรคท่ีสามในทุกบทจะส่งสัมผสั กบั คาที่ส่ีในวรรคท่ีส่ีเสมอ
ส่วนการสัมผสั ระหว่างบทก็แตกต่างไปจากแบบท่ี ๑ เล็กนอ้ ย คือคาสุดทา้ ยของวรรคที่ส่ี
ในบทแรก จะส่งสัมผสั ไปยงั คาสุดทา้ ยของวรรคท่ีสองในบทท่ีสองและคาสุดทา้ ยของ
วรรคท่ีสี่ในบทท่ีสอง จะส่งสัมผสั ไปยงั คาสุดท้ายของวรรคที่สี่ในบทที่สาม และ
คาสุดทา้ ยในวรรคที่สองในบทที่สี่จนจบเน้ือหา หนูเขา้ ใจแลว้ ใช่ไหมจะ๊ ”ลุงบญุ อธิบาย

“ เขา้ ใจแลว้ ครับ” เดียวและเพื่อนๆตอบพร้อมกนั
“ลุงจะใหพ้ กั สักหา้ นาทีแลว้ ค่อยมาเริ่มแบบที่สามกนั ต่อนะจ๊ะ” ลงุ บญุ บอกเด็ก ๆ

๑๙

หลงั จากลุงบุญและเด็กๆหยุดพกั กนั แล้วลุงบุญก็เร่ิมอธิบายลกั ษณะของกลอน
เพลงบอกแบบที่ ๓ ใหเ้ ดียวและเพ่อื นๆฟังตอ่

“กลอนเพลงบอกแบบที่ ๓ ต่างจาก แบบที่ ๑ และแบบที่ ๒ คือแบบที่ ๓ หน่ึงบท
มี แปดวรรค วรรคที่ ๑ ๒ ๓ ๕ ๖ ๗ จานวนคามี ๖ คา วรรคที่ ๔ ๘ มี ๔ คา”

“ต่อไปก็เป็ นการส่งสัมผสั คาสุดท้ายของวรรคแรก ส่งสัมผสั ไปยงั คาท่ีสาม
ในวรรคที่สอง คาสุดท้ายในวรรคที่สองส่งสัมผัสไปยงั คาท่ีสามของวรรคท่ีสาม
คาสุดท้ายของวรรคที่สามส่งสัมผสั ไปยงั คาท่ีสามของวรรคท่ีส่ี เป็ นแบบน้ีไปเร่ือย ๆ
จนครบแปดวรรค ส่วนการสัมผสั ระหว่างบท คาสุดทา้ ยในบทแรก ส่งสัมผสั ไปยงั คา
สุดทา้ ยของวรรคที่ส่ีในบทท่ีสองและส่งสัมผสั ไปยงั คาสุดทา้ ยในวรรคท่ีหกในบทท่ีสอง
กบั คาที่สามในวรรคท่ีเจ็ดของบทท่ีสองดว้ ย จะส่งสัมผสั แบบน้ีไปจนจบเน้ือหา” เมื่อ
อธิบายจบลุงบุญก็ซักถาม เดียวและเพ่ือนๆเขา้ ใจดีทุกคนลุงบุญจึงให้ทุกคนกลบั บา้ นได้
แลว้ ค่อยมาเจอกนั ใหม่

๒๐

วนั น้ีเดียวและเพื่อน ๆ มาเร็วกวา่ เดิมเพราะต่ืนเตน้ จะไดฝ้ ึกร้องเพลงบอก
“ สวสั ดีครับคุณลุง” ทุกคนยกมือไหวท้ าความเคารพลงุ บุญ
“ อา้ ว! สวสั ดีลูกวนั น้ีมาเร็วจงั เลยนะ” ลงุ บุญรับไหวแ้ ลว้ ทกั ทายเดก็ ๆ
“ เมื่อวานเรารู้จกั กลอนเพลงบอกไปแลว้ สามแบบ ซ่ึงเป็ นแบบที่เขานิยมแต่งกนั
และยงั มีอีกสองแบบเป็ นแบบท่ีเขาไม่นิยม ลุงจึงไม่อธิบายให้พวกหนูฟัง วนั น้ีลุงจะเริ่ม
สอนวธิ ีการร้องเพลงบอกใหพ้ วกหนูนะจะ๊ ” ลุงบุญบอกเดียวและเพ่ือนๆ
“ ดีจงั เลยครับคุณลุงผมอยากร้องเป็นครับ” เดียวบอกกบั ลุงบุญ
“ เม่ือพวกหนูรู้ถึงลักษณะของกลอนเพลงบอกแล้ว นั่นเป็ นพ้ืนฐานที่ดีในการ
ร้องเพลงบอก ลุงคิดว่าถา้ ลูกๆขยนั ฝึ กฝนอีกไม่ก่ีวนั ก็คงร้องได้ เม่ือพูดจบลุงบุญก็แจก
เน้ือเพลงบอกใหเ้ ดียวและเพอ่ื นๆลองอา่ นดู

๒๑

เมื่อเดียวและเพ่ือน ๆ ฝึกอ่านเน้ือเพลงจบ ลุงบุญก็อธิบายวิธีการร้องเพลงบอกให้
เด็ก ๆ ฟัง

“ เพลงบอกคณะหน่ึงประกอบด้วยแม่เพลง ๑ คน ลูกคู่ ๒-๓ คน และมีฉ่ิงฉับ
เป็ นเคร่ืองดนตรีกากบั จงั หวะ การรับ ส่ง เพลงบอกระหว่างแม่เพลงกบั ลูกคู่ มีแบบฉบบั

ท่ีแน่นอนตายตวั คือ เมื่อแม่เพลงร้องจบวรรคแรกลูกคู่จะรับว่า “ว่าเอ้ว่าเห” แล้วซ้า
ขอ้ ความที่แม่เพลงร้องสามพยางคส์ ุดทา้ ย ถา้ แม่เพลงซ้าวรรคแรกอีกคร้ังหน่ึง ลูกคู่ก็ตอ้ ง
รับวา่ “ทอยช่าฉา้ เอ” หรือ “ทอยช่าฉา้ เหอ”แลว้ ซ้าขอ้ ความสองพยางคส์ ุดทา้ ย แลว้ แม่เพลง
จะร้องวรรคที่สอง สาม และส่ีแม่เพลงร้องจบลง ลูกคู่ก็จะรับโดยซ้าวรรคสุดท้าย แลว้
ยอ้ นกลบั ไปซ้าขอ้ ความวรรคที่สามและส่ีอีกคร้ัง ลกู คูจ่ ะรับแบบน้ีทุกบทท่ีแมเ่ พลงร้อง”

“คุณลงุ ครับ ร้องใหผ้ มและเพอ่ื นๆฟังสักบทไดไ้ หมครับ” เดียวขอร้องลุงบุญ

“ ไดซ้ ิจ๊ะ วนั น้ีลุงจะเป็ นแม่เพลงและลูกคู่เองแลว้ วนั พรุ่งน้ีคณะของลุงเขาจะมา
ช่วยฝึ กให้พวกหนูดว้ ย” ลุงบุญพูดจบก็ร้องเพลงบอกให้เด็กๆฟังจนจบบท แลว้ ให้เด็ก ๆ

ลองฝึกดูลุงบุญใหเ้ ด็กๆไปฝึกร้องต่อท่ีบา้ นแลว้ พรุ่งน้ีกจ็ ะไดฝ้ ึกปฏิบตั ิอยา่ งเตม็ รูปแบบ
๒๒

เดียวไปบา้ นลุงบุญเร็วเช่นเคย แต่วนั น้ีพิเศษกวา่ วนั อ่ืนๆ ตรงท่ีมีคุณลุงซ่ึงเป็นคณะ
เพลงบอกของลุงบุญมาร่วมดว้ ย

“สวสั ดีครับ” เดียวและเพอ่ื นๆทกั ทายคุณลุงทุกคน
“วนั น้ีผมต่ืนเต้นจงั เลยครับจะได้ฝึ กร้องเพลงบอกจริงๆ” เดียวพูดต่อด้วยความ
ตื่นเตน้
“พร้อมแลว้ ใช่ไหมลูกถา้ พร้อมแลว้ คณะของลุงก็จะร้องให้ฟังเป็ นตวั อย่างก่อน
โดยลุงจะเป็ นแม่เพลง คุณลุงท้งั สองก็จะเป็ นลูกคู่ให้” ลุงบุญพูดจบก็เร่ิมร้องให้เด็ก ๆ ฟัง
เป็นตวั อยา่ ง
“ แม่เพลง อนั วา่ เครือเช้ือคนบาป

ลูกคู่ วา่ เอว้ า่ เห เช้ือคนบาป
แม่เพลง อนั วา่ เครือเช้ือคนบาป
ลูกคู่ ทอยช่าฉาเหอ คนบาป
แมเ่ พลง มนั ยงิ่ หยาบดุจดงั กา ไม่เสวนากบั นกั ปราชญ์ ผิดกบั ชาติหงส์
ลูกคู่ ผิดกบั ชาติหงส์ ไม่เสวนากบั นักปราชญ์ ผิดกบั ชาติหงส์” ลุงบุญและ
คณะร้องใหเ้ ด็กๆฟังจนจบตอนแลว้ ใหเ้ ดียวและเพื่อนๆฝึกร้องบา้ ง

๒๓

เดียวและเพื่อนๆฝึ กร้องเพลงบอกโดยมีเดียวเป็ นแม่เพลง เด่น โอม กริช เป็ นลูกคู่
กลอนเพลงบอกบทท่ีเดียวฝึ กร้องมีเน้ือหาเก่ียวกบั ประวตั ิศาสตร์และตานานของเมือง
นครศรีธรรมราช

“ แมเ่ พลง มีนครามหาสถาน
ลกู คู่ วา่ เอว้ า่ เห มหาสถาน
แม่เพลง นามขนานนครสถิตย์
ลกู คู่ ทอยช่าฉาเหอ สถิตย์
แมเ่ พลง นามขนานนครสถิตย์ ประจิมทิศและบูรพา มีทุ่งนาเรียง
ลูกคู่ มีทุ่งนาเรียง ประจิมทิศและบูรพา มีทุ่งนาเรียง” เดียวและเพื่อน ๆ

ขยนั ฝึกจนไดร้ ับคาชมจากลุงบุญและคณะ
“ เก่งมากเลยนะขยนั ฝึ กขนาดวนั แรกยงั ร้องได้ขนาดน้ี ฝึ กต่อไปคงออกโชว์

ตามงานไดส้ บายเลยแหละ่ ” เดียวและเพื่อนๆเมื่อไดย้ ินคาชมจากลงุ บุญก็ยมิ้ ดว้ ยความดีใจ
และมีความสุขที่สามารถทาในสิ่งท่ีตนเองชื่นชอบได้

๒๔

เดียวและเพื่อนๆก็มาฝึ กร้องเพลงท่ีบ้านลุงบุญทุกวันจนกระท่ังถึงเวลาเปิ ด
ภาคเรียน ลุงบุญกบ็ อกกบั เดียวและเพื่อนๆ

“ เปิ ดภาคเรียนแลว้ หนูไม่ตอ้ งมาฝึ กที่บา้ นลุงก็ไดห้ นูไปฝึ กกนั ต่อที่บา้ น เพราะ
พวกหนูร้องไดด้ ีแลว้ แตถ่ า้ มีปัญหาอะไรหนูมาหาลงุ ไดเ้ สมอ”

“ไดค้ รับคุณลุง” เดียวและเพอ่ื นๆรับปากลงุ บญุ
“วนั น้ีพวกเราตอ้ งต้งั ใจฝึกใหด้ ีหน่อยนะ ลุงบุญจะไดด้ ูให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง
ท่านจะไดแ้ นะนาให้เรา” เดียวบอกกบั เพ่ือนๆแลว้ ก็ฝึ กร้องเพลงต่อดว้ ยความต้งั ใจจนจบ
เน้ือเพลง
“เก่งมากเลยลูก ลุงไม่นึกเลยว่าเด็กวยั รุ่นอยา่ งพวกเราจะร้องเพลงบอกไดไ้ พเราะ
ขนาดน้ีอย่าลืมฝึ กบ่อยๆนะ จะไดช้ ่วยกนั อนุรักษว์ ฒั นธรรมอนั ทรงคุณค่าของเราเอาไว”้
ลุงบญุ พดู กบั เด็กๆ
“พวกผมร้องไดก้ ็เพราะคุณลุงน่ันแหล่ะครับท่ีสอนให้พวกผม ผมและเพื่อน ๆ
ตอ้ งขอขอบพระคุณคุณลุงมากครับ” เดียวและเพือ่ นๆกลา่ วขอบคุณลงุ บญุ แลว้ กล็ ากลบั ไป

๒๕

วนั น้ีเป็ นวนั แรกของการเปิ ดเรียน เดียวและเพ่ือน ๆ ก็ไปโรงเรียนตามปกติ
ครูสาล่ีเป็ นครูสอนวิชาดนตรี นาฏศิลป์ และเป็ นครูประจาช้นั ของเดียว เขา้ สอนเดียวและ
เพื่อนนักเรียน ครูสาล่ีได้นาเพลงพ้ืนบ้านของภาคต่างๆมาเปิ ดให้ฟัง เช่น เพลงอีแซว
เป็ นเพลงพ้ืนบ้านของภาคอีสาน ลาตดั เป็ นเพลงพ้ืนบ้านของภาคกลาง เพลงบอกเป็ น
เพลงพ้ืนบา้ นของภาคใต้

“ ใครบอกครูไดบ้ า้ งว่าเพลงพ้ืนบา้ นของภาคใตเ้ ราคือเพลงอะไรค่ะ” เมื่อฟังเพลง
จบครูสาลี่ก็ถามนกั เรียน

“เพลงบอก ครับ”เดียวยกมือข้ึนตอบทนั ที
ครูสาลี่ถามต่อไปเร่ือยๆว่าเพลงบอกมีลกั ษณะอยา่ งไร เดียวและเพื่อน ๆ ตอบได้
หมด ครูสาล่ีสงสัยว่าทาไมเขาจึงตอบได้ จึงเรียกเดียวมาพบ เดียวจึงเล่าให้ครูสาล่ีฟังว่า
ในช่วงปิ ดภาคเรียนตนและเพ่อื นๆไดไ้ ปเรียนรู้เร่ืองเพลงบอกกบั ลุงบุญ

๒๖

หลงั เลิกเรียนครูสาล่ีแวะไปหาลุงบุญที่บา้ น เพ่ือทาบทามลุงบุญมาเป็ นวิทยากร
ใหค้ วามรู้เร่ืองเพลงบอกและฝึกร้องเพลงบอกใหก้ บั นกั เรียน

“สวสั ดีค่ะคุณลุง” ครูสาล่ียกมือไหวท้ ักทายลุงบุญซ่ึงนั่งพักผ่อนอยู่ท่ีระเบียง
หนา้ บา้ น

“สวสั ดีจ๊ะ ครูสาลี่มีธุระอะไรหรือจ๊ะจึงได้มาหาลุงถึงที่บ้าน” ลุงบุญรับไหว้
แลว้ ถามครูสาลี่

“หนูกาลังจะให้นักเรี ยนเรียนรู้เรื่องเพลงบอก หนูทราบจากเดียวว่าคุณลุง
เป็ นผู้เช่ียวชาญเร่ืองเพลงบอก หนูจึงจะมาขอเชิญคุณลุงไปเป็ นวิทยากรให้ความรู้
กบั นกั เรียนค่ะ” ครูสาลี่ช้ีแจงถึงเหตุผลท่ีไดม้ าหาลุงบญุ ในวนั น้ี

“วนั ไหนหรือจะ๊ หนู” ลงุ บญุ ถามครูสาลี่
“ในวนั จันทร์ต้งั แต่เวลา ๑๔.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. ค่ะ” ครูสาลี่ตอบ “คุณลุงต้องใช้
เวลาประมาณสักก่ีวนั ไดค้ ่ะจึงจะจบ”
“ ประมาณสักหกคร้ังก็น่าจะจบเพราะนักเรียนบางคนมีพ้ืนฐานอยู่แลว้ ” ลุงบุญ
ช้ีแจงครูสาลี่และนดั หมายวนั เวลาที่ลงุ บญุ จะตอ้ งไปใหค้ วามรู้แลว้ ครูสาลี่กล็ ากลบั ไป

๒๗

วนั น้ีเป็ นวนั แรกที่ลุงบุญไปให้ความรู้เรื่องเพลงบอกกบั นักเรียน ลุงบุญเร่ิมต้น
ดว้ ยการร้องเพลงบอกให้นักเรียนฟัง เมื่อฟังจบนักเรียนปรบมือเสียงดงั สนั่นดว้ ยความ
พึงพอใจ แลว้ ลงุ บญุ กต็ อ่ ดว้ ยประวตั ิความเป็นมาของเพลงบอก

“ ความเป็ นมาของเพลงบอกไม่ปรากฏหลกั ฐานแน่ชดั ว่าเกิดข้ึนเม่ือใดและท่ีไหน
ก่อน ทราบแต่ว่าเป็ นเพลงพ้ืนบา้ นของภาคใตท้ ี่สืบทอดกนั มา จากการสอบถามนกั เพลง
รุ่นเก่าและผูร้ ู้สรุปไดว้ ่า กลอนเพลงบอกเกิดข้ึนอย่างช้าท่ีสุดในสมยั รัชกาลท่ี ๕ และ
สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดข้ึนท่ีนครศรีธรรมราช เพราะนักเพลงที่มีช่ือเสียงในอดีตเป็ น
ชาวนครศรีธรรมราชท้งั ส้ิน”

“คุณลงุ ครับนกั เพลงบอกท่ีมีชื่อเสียงบา้ นเรามีใครบา้ งครับ” เดียวถามลุงบญุ
“นักเพลงบอกท่ีมีช่ือเสียงเร่ิมต้งั แต่ยุคแรกจนถึงปัจจุบนั ไดแ้ ก่ เพลงบอกเนตร
ชลารัตน์ อาเภอพรหมคีรี เพลงบอกรอด (หลอ) อาเภอปากพนัง เพลงบอกปาน( บอด )
อาเภอหัวไทร เพลงบอกรุ่ง อาเภอปากพนัง เพลงบอกเผียน เพชรคงทอง อาเภอหัวไทร
และเพลงบอกสร้อย ดาแจ่มอาเภอเชียรใหญ่”
เม่ือลงุ บญุ ตอบคาถามเดียวเสร็จแลว้ ก็กลา่ วลานกั เรียน

๒๘

วนั จันทร์เป็ นวันท่ีนักเรียนรอคอยด้วยความต่ืนเต้นเพราะจะได้เรียนรู้เร่ือง
เพลงบอกอีก เมื่อถึงเวลานกั เรียนก็นง่ั คอยดว้ ยความเรียบร้อยพร้อมท่ีจะรับรู้เร่ืองราวที่
ลุงบุญจะมาถ่ายทอดให้เม่ือลุงบุญเดินเขา้ มาในห้องเรียนทุกคนก็ยกมือไหวแ้ ละกล่าว
ทกั ทายลุงบุญ ลุงบุญพูดสนทนาทกั ทายเป็ นการเกริ่นนาแล้วลุงบุญก็อธิบายถึงคุณค่า
ของเพลงบอกใหน้ กั เรียนฟัง

“เพลงบอกเป็ นวรรณกรรมมุขปาฐะ ที่มีคุณค่าทางด้านสังคมและวฒั นธรรม
คุณค่าทางด้านสังคมได้สะท้อนให้เห็นถึงการประกอบอาชีพ สภาพความเป็ นอยู่
การเมืองการปกครอง ประวตั ิความเป็ นมาของนครศรีธรรมราช หลกั การและวฒั นธรรม
การเล่นเพลงบอกและดา้ นสาธารณสุข ส่วนคุณค่าทางดา้ นวฒั นธรรมท่ีปรากฏในเร่ือง
ค่านิยมทางสังคม ไดแ้ ก่ ค่านิยมเกี่ยวกบั สตรี การยกยอ่ งผมู้ ีการศึกษา ความกตญั ญูกตเวที
ความเสียสละ การอวยพร ความเชื่อที่ปรากฏในเพลงบอกไดแ้ ก่ ความเช่ือเร่ืองชาติภพ
ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าสิ่งศักด์ิสิทธ์ิ ภูตผีปี ศาจและนอกจากน้ีวรรณกรรมเพลงบอก
ยงั สอดแทรกคติสอนใจในเร่ืองต่างๆ เช่น การเล้ียงดูลกู การรู้จกั สภาพของตน สอนใหร้ ัก
หวงแหนและช่วยกนั ส่งเสริมศิลปะพ้ืนบา้ น สอนเร่ืองเพศศึกษา”

๒๙

เมื่อลุงบุญอธิบายคุณค่าของกลอนเพลงบอกจบลง ลุงบุญก็ร้องเพลงบอกให้
นกั เรียนฟังโดยมีเดียว เด่น โอม อาสาเป็นลกู คูใ่ ห้

“ แมเ่ พลง อนั วา่ เครือเช้ือคนบาป
ลกู คู่ วา่ เอว้ า่ เห เช้ือคนบาป
แม่เพลง อนั วา่ เครือเช้ือคนบาป
ลูกคู่ ทอยช่าฉาเหอ คนบาป
แม่เพลง มนั ยงิ่ หยาบดุจดงั กา ไมเ่ สวนากบั นกั ปราชญ์ ผิดกบั ชาติหงส์
ลกู คู่ ผิดกบั ชาติหงส์ ไมเ่ สวนากบั นกั ปราชญ์ ผิดกบั ชาติหงส์”
เม่ื อร้ องจบลุ งบุ ญ ซัก ถาม ถึ งคุ ณ ค่ าข องก ลอน เพ ลงบ อกท่ี ร้องให้ นัก เรี ยน ฟั ง

นกั เรียนกต็ อบไดถ้ กู ตอ้ งวา่ มีคุณคา่ ใหค้ ติสอนใจในเร่ืองลกั ษณะนิสยั ของคน
“ ถา้ หนูรู้ถึงคุณค่าของกลอนเพลงบอกแลว้ เจอกนั คร้ังต่อไป ลุงก็จะอธิบายวิธีการ

ร้องเพลงบอกให้ฟังแลว้ ก็จะฝึกใหห้ นูร้องเพลงบอกใหเ้ ป็นนะจ๊ะ สาหรับวนั น้ีเอาไวแ้ ค่น้ี
ก่อนเด๋ียวเจอกนั ใหมส่ ปั ดาห์หนา้ นะจะ๊ ”

๓๐

เม่ือถึงวนั จนั ทร์ลุงบุญก็มาสอนนักเรียนตามปกติวนั น้ีลุงบุญไม่ไดม้ าคนเดียว
ลุงบุญไดพ้ าคณะเพลงบอกของลุงบุญมาดว้ ยเพ่ือมาเป็ นลูกคู่ให้ เม่ือถึงเวลาลุงบุญก็เร่ิม
อธิบายถึงวิธีการร้องเพลงบอกและธรรมเนียมในการร้องเพลงบอกใหน้ กั เรียนฟัง

“ธรรมเนียมในการร้องเพลงบอกจะมีเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ของเพลงบอก คือจะ
เร่ิมต้นด้วยการราลึกถึงพระรัตนตรัย สิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิ ครู-อาจารย์ และมีเครื่องเบิกโรง
คือ หมาก ๙ คา พลู ๙ ใบและเงินบูชาครู สิ่งเหล่าน้ีเขาถือเป็ นธรรมเนียมของการร้อง
เพลงบอก” ลุงบุญอธิบายจบแลว้ กแ็ บง่ กลุ่มนกั เรียนกลมุ่ ละ ๔ คน เพ่อื ฝึกร้องเพลงบอก

๓๑

ลุงบุญร้องเพลงบอกให้นักเรี ยนฟังเป็ นตัวอย่างแล้วให้นักเรี ยนร้องตาม
ต่อจากน้ันลุงบุญก็ให้นักเรียนแยกฝึ กเป็ นกลุ่ม ในทุกวนั จนั ทร์นักเรียนก็จะได้ฝึ กร้อง
เพลงบอกโดยลุงบุญจะคอยใหค้ าแนะนาและสอนให้ นกั เรียนทุกกลุ่มฝึ กดว้ ยความต้งั ใจ
จนร้องเพลงบอกไดเ้ กือบทกุ กลุม่

“เก่งมาก” เป็นคาชมของลุงบุญท่ีชมเด็กๆ
“หนูร้องได้ขนาดน้ีถือว่าเก่งแล้ว ลุงรู้สึกดีใจท่ีได้มีส่วนช่วยในการถ่ายทอด
วฒั นธรรมเพลงบอก ซ่ึงเป็ นเพลงพ้ืนบา้ นของภาคใตอ้ นั ทรงคุณค่า ให้ชนรุ่นหลงั อยา่ ง
พวกหนูไดอ้ นุรักษเ์ อาไว้ พวกหนูร้องเพลงบอกไดแ้ ลว้ วนั จนั ทร์ต่อไปลุงก็จะมอบหมาย
ใหเ้ ป็นหนา้ ที่ของครูสาลี่นะจ๊ะ” ลุงบุญบอกกบั นกั เรียน ครูสาล่ีให้ตวั แทนนกั เรียนกล่าว
ขอบคุณลุงบญุ และครูสาลี่มอบของท่ีระลึกใหก้ บั ลุงบุญ

๓๒

วนั น้ีครูสาล่ีทาหนา้ ท่ีต่อจากลุงบุญในชว่ั โมงดนตรีนาฏศิลป์ ครูสาลี่บอกกบั เด็ก ๆ
วา่ ครูมีขา่ วดีมาแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบ

“ข่าวดีอะไรหรือครับครู” เด่นถามครูสาลี่ดว้ ยความสนใจ
“ทางจังหวดั ของเราเขาจดั ให้มีการประชันเพลงบอกเยาวชนข้ึนในเดือนหน้าน้ี
ครูจะส่งพวกเราเขา้ ร่วมการประชนั ดว้ ยดีไหม” ครูสาลี่บอกนกั เรียน
“ดีซิครับ แต่ไม่ทราบว่าคุณครูสาล่ีจะส่งทีมใครเขา้ ร่วมการประชันครับ” เดียว
ถามข้ึน
“ครูก็ไม่ทราบเหมือนกนั ครูคิดวา่ จะจดั ให้มีการประชนั เพลงบอกภายในโรงเรียน
ก่อน เพ่ือหาทีมเป็ นตวั แทนของโรงเรียนเขา้ ร่วมการประชันในระดบั จงั หวดั โดยครู
จะเชิญผูร้ ู้และผูเ้ ช่ียวชาญในเร่ืองเพลงบอกมาเป็ นกรรมการตดั สินให้ นักเรียนเห็นดว้ ย
ไหมจ๊ะ” ครูสาลี่ช้ีแจงและถามความคิดเห็นของนกั เรียน ทุกคนเห็นดว้ ยครูสาล่ีจึงประกาศ
รับสมคั รและกาหนดวนั ประชนั แลว้ แจง้ ใหน้ กั เรียนทราบ

๓๓

เมื่อถึงวนั ประชนั เพลงบอกในโรงเรียน มีทีมสมคั รเขา้ ร่วมการประชนั ท้งั หมด
๑๕ ทีม ในการประชนั คร้ังน้ีจะคดั เลือกเอาเพยี งหน่ึงทีม เพ่อื เป็นตวั แทนเขา้ ร่วมการ
ประชนั ในระดบั จงั หวดั ก่อนการประชนั กรรมการไดช้ ้ีแจงหลกั เกณฑใ์ นการพิจารณา

“เพลงบอกจะไพเราะหรือไม่น้นั มีหลกั เกณฑใ์ นการพิจารณา ดงั น้ี
๑. คากลอนถกู ตอ้ งตามแบบฉนั ทลกั ษณ์ของเพลงบอก
๒.โวหาร ทกั ษะ สานวนมีความคมชดั หรือคมคาย
๓. มีสติ ปฏิภาณไหวพริบและปัญญาดี
๔. จงั หวะท่วงทานอง เสียงข้ึนลงเน้นหนักให้แน่นอนรูปแบบการร้องถูกต้อง
ตามแบบแผน”
เมื่อกรรมการช้ีแจงเสร็จพิธีกรก็เชิญแต่ละทีมข้ึนบนเวทีคร้ังละ ๑ ทีม จนครบ
ทุกทีมแล้วปรากฏว่าทีมของเดียวไดร้ ับการคดั เลือกให้เป็ นตวั แทนเขา้ ร่วมการประชัน
เพลงบอกในระดบั จงั หวดั

๓๔

“ ครูขอแสดงความยินดีกับทีมของเดียวด้วยนะ ท่ีได้รับการคัดเลือกให้เป็ น
ตัวแทนเข้าร่วมการประชันในระดับจังหวดั ส่วนทีมอ่ืนก็ไม่ต้องเสียใจ ครูดีใจมาก
ท่ีพวกเราเห็นความสาคัญและเห็นคุณค่าของเพลงบอก ซ่ึงเป็ นมรดกทางวฒั นธรรม
อนั ล้าค่า เป็ นวรรณกรรมมุขปาฐะท่ีทรงคุณค่าทางดา้ นภูมิปัญญาและก่อให้เกิดความ
สนุกสนานเพลิดเพลินและสร้างความสามคั คีให้เกิดข้ึนในชุมชน พวกเราซ่ึงเป็ นเยาวชน
คนรุ่นหลงั ได้ร่วมกันฝึ กฝนจนร้องเป็ น ถือเป็ นการได้ร่วมกันสืบสานและอนุรักษ์
วฒั นธรรมการร้องเพลงบอกของเรา ใหค้ งอยคู่ ู่สังคมตลอดไป ” ครูสาลี่กล่าวกบั นกั เรียน
เมื่อเขา้ พบนกั เรียนในหอ้ งเรียน

“ ส่ วนทีมของเดียวก็ทาหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุ ด ครูจะให้ลุงบุญมาฝึ ก
ใหพ้ วกเราทกุ วนั หลงั เลิกเรียนนะจ๊ะ” ครูสาล่ีบอกกบั ทีมของเดียว

๓๕

วนั น้ีเดียวตื่นนอนแต่เช้า อาบน้ าแต่งตัวเพ่ือเตรียมท่ีจะไปประชันเพลงบอก
ในระดับจงั หวดั ผูอ้ านวยการโรงเรียน ครูสาล่ี ลุงบุญและเพื่อนนักเรียนไดเ้ ดินทางไป
ใหก้ าลงั ใจกบั ทีมของเดียว

“หนูไม่ต้องประหม่าเวลาข้ึนบนเวที เพราะหนูเป็ นทีมที่เก่งทีมหน่ึงเหมือนกนั
ต้งั ใจทาใหด้ ีอยา่ ประมาทหนูก็จะประสบความสาเร็จ” ลงุ บญุ ใหก้ าลงั ใจเดียวก่อนข้ึนเวที

“หนูทาไดด้ ีมาก” ครูสาล่ีชมเดียวและเพื่อนๆหลงั จากประชนั เพลงบอกจบลง
“ ขอบคุณมากครับ ครูครับใกลถ้ ึงเวลาประกาศผลแล้วผมต่ืนเต้นจังเลยครับ”
เดียวขอบคุณครูสาลี่แลว้ พูดถึงความรู้สึกของตนเอง
เมื่อถึงเวลาประกาศผล ปรากฏวา่ ทีมของเดียวไดร้ ับรางวลั ชนะเลิศในการประชนั
เพลงบอกเยาวชนระดบั จงั หวดั สร้างความภาคภูมิใจใหก้ บั ผทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ งทุกคน เดียวและ
เพอื่ น ๆ กม้ ลงกราบลุงบญุ ที่คอยฝึกฝนให้ เดียว เด่น โอมและกริชจนประสบความสาเร็จ

๓๖

กรับ คำศพั ท์จากเรื่อง

เจา้ คณะมณฑล น.ไมส้ าหรับตีใหอ้ าณตั ิสญั ญาณหรือขยบั เป็นจงั หวะ ทาดว้ ยไม้
ฉนั ทลกั ษณ์ ไผซ่ ีกหรือไมแ้ ก่นสองอนั รูปร่างแบนยาวประมาณ ๔๐ ซ.ม.
ฉ่ิง กวา้ ง ๓ - ๔ ซ.ม.หนาประมาณ๑.๕ ซ.ม.
น.หวั หนา้ เขตการปกครอง
ซุม้ น.ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ประเภทร้อยกรอง
บวงสรวง น.เครื่องตีกาหนดจงั หวะชนิดหน่ึงทาดว้ ยโลหะหล่อหนา รูปร่าง
ปฏิทิน กลมคลา้ ยถว้ ยเจาะรูตรงกลางไวร้ ้อยเชือกใหเ้ ป็นคูก่ นั
ประชนั น.ท่ีอยหู่ รือที่พกั ซ่ึงทาข้ึนใชก้ นั แดดฝนชวั่ คราวส่วนบนมกั โคง้
แปดบท ก.บูชาเทวดาดว้ ยเครื่องสังเวยและดอกไมธ้ ูปเทียนเป็นตน้
พยางค์ น.แบบสาหรับดูวนั เดือน ปี
พระรัตนตรัย ก.อาการท่ีแขง่ ขนั กนั เพ่ือใหร้ ู้วา่ ใครแสดงไดด้ ีกวา่ หรือเก่งกวา่ กนั
พิธีกรรม น.ช่ือเพลงไทยทานองหน่ึง
มหรสพ น.ส่วนของคาที่เปล่งออกมาคร้ังหน่ึงๆ
มุขปาฐะ น.แกว้ ประเสริฐสามประการ คือ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์
น.แบบอยา่ งหรือแบบแผนที่ปฏิบตั ิในทางศาสนา
แม่เพลง น.การเล่นร่ืนเริง มีโขน ละคร เป็นตน้
ลกู คู่ น.การต่อปากกนั มา การบอกเลา่ ตอ่ ๆกนั มาโดยมิไดเ้ ขียนเป็นลาย
วรรณกรรม ลกั ษณ์อกั ษร
น.หญิงที่เป็นตน้ บท หรือหวั หนา้ วงเพลงพ้ืนบา้ น
สดุดี น.คนร้องรับตน้ เสียง
สนั นิษฐาน น.งานหนงั สือ งานประพนั ธ์ บทประพนั ธ์ทุกชนิดท้งั ที่เป็น
เอกสาร ร้อยแกว้ และร้อยกรอง
น.คายกยอ่ งคาสรรเสริญ
ก.ลงความเห็นเป็นการคาดคะเนไวก้ ่อน
น.หนงั สือที่เป็นหลกั ฐาน กระดาษหรือวตั ถุอื่นใดซ่ึงไดท้ าให้
ปรากฏความหมายดว้ ยตวั อกั ษรหรือตวั เลข

บรรณานุกรม

ชุลีภรณ์-สุชิราภรณ์. ขนบธรรมเนียมและประเพณีไทย. กรุงเทพฯ : ทิพยวิสุทธ์ิ,
๒๕๔๔.

ประทมุ ชุ่มเพง็ พนั ธุ.์ ศิลปวฒั นธรรมภาคใต้. กรุงเทพฯ : สุวีริสาส์น, ๒๕๔๘.
ฝ่ายวชิ าการ ๐๙. ประเพณี ๔ ภาค พธิ ีมงคลของไทย. กรุงเทพฯ : กิจเจริญ,๒๕๕๐.
ราชบณั ฑิตยสถาน. พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒. กรุงเทพฯ :

นานมีบ๊คุ ส์พบั ลิเคชนั่ ส์, ๒๕๔๖.
รศ.มลั ลิกา คณานุรักษ.์ คติชนวิทยา. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์,๒๕๕๐.
รศ.สมปราชญ์ อมั มะพนั ธ.์ ประเพณีทอ้ งถ่นิ ภาคใต้. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์,๒๕๔๘.

คำรบั รอง

ขอรับรองว่าหนังสือส่งเสริมการอ่าน เร่ือง “บทเพลงของลุงบุญ” เป็ นผลงาน
ของนางจินตนา ตารมย์ ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชานาญการ โรงเรียนชุมชนบา้ นนาวา
สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษา
ข้นั พ้นื ฐาน จริงทุกประการ

ลงชื่อ.........................................................................
( นายสุรพล บวั ทองบญุ )

ผอู้ านวยการโรงเรียนชุมชนบา้ นนาวา


Click to View FlipBook Version