The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

4. หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การอ่านเพื่อแสดงความคิดเห็น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

4. หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การอ่านเพื่อแสดงความคิดเห็น

4. หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การอ่านเพื่อแสดงความคิดเห็น

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4 การอ่านเพอื่ แสดงความคดิ เหน็

รายวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท31101 จานวน 4 ชัว่ โมง

ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564

ผ้สู อน : นายสิทธศิ ักด์ิ เรง่ เจริญรัตน์ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นคอนสารวิทยาคม

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั

ท 1.1 ม.4-6/5 วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เก่ยี วกบั เรอ่ื งที่อ่าน และเสนอความคิดใหมอ่ ยา่ งมเี หตุผล

ม.4-6/6 ตอบคาถามจากการอ่านงานเขยี นประเภทตา่ งๆ ภายในเวลาทกี่ าหนด
ม.4-6/7 อา่ นเรอื่ งตา่ งๆ แลว้ เขยี นกรอบแนวคดิ ผงั ความคดิ บันทกึ ย่อความ และรายงาน
ม.4-6/9 มีมารยาทในการอา่ น

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การอา่ นงานเขยี นประเภทตา่ งๆ ตอ้ งวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับเร่ืองทอี่ ่าน และเสนอความคิด
ใหม่อย่างมเี หตุผล ตอบคาถามจากการอา่ นภายในเวลาท่ีกาหนด เขียนกรอบแนวคดิ ผังความคดิ บันทึกยอ่ ความ รายงาน
และมีมารยาทในการอ่าน

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

1) การอ่านจับใจความจากสื่อตา่ งๆ เชน่
- ขา่ วสารจากส่ือสิง่ พิมพ์ ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์
- บทความ

2) มารยาทในการอา่ น

3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน

(พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา)

4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น

4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4) ทักษะการใหเ้ หตุผล 6) ทักษะการจดั ระเบยี บ
4.2 ความสามารถในการคดิ 5) ทักษะการสรุปลงความเหน็ 7) ทกั ษะการประยุกต์ใช้ความรู้

1) ทักษะการวเิ คราะห์
2) ทักษะการสังเคราะห์
3) ทักษะการสรา้ งความรู้

1หลักภาษาและการใช้ภาษา หนา้

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวินัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุง่ ม่ันในการทางาน

6. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

การเขียนบนั ทึกจากการอา่ นและแสดงความคดิ เห็นบทความเกย่ี วกับอาเซียน

7. การวัดและประเมนิ ผล

7.1 การประเมินกอ่ นเรียน

- ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง การอ่านเพื่อแสดงความคิดเห็น

7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

1) ตรวจใบงานท่ี 4.1 เร่อื ง หลกั การอ่านเพื่อแสดงความคดิ เห็น
2) ตรวจใบงานท่ี 4.2 เรอื่ ง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากข่าว
3) ตรวจใบงานท่ี 4.3 เรอื่ ง การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากบทความ
4) ประเมินการนาเสนอผลงาน
5) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
6) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
7) สงั เกตคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

7.3 การประเมนิ หลงั เรยี น

- ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่ือง การอา่ นเพื่อแสดงความคดิ เห็น

7.4 การประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ตรวจการเขยี นบันทึกจากการอา่ นและแสดงความคดิ เห็นบทความเกีย่ วกับอาเซียน

8. กิจกรรมการเรยี นรู้

นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4

2หลักภาษาและการใช้ภาษา หนา้

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑ เรอ่ื ง “หลกั การอา่ นเพอื่ แสดงความคิดเหน็ ” เว1ลาทชใ่ีัว่ ชโส้ มองน
วิธสี อนแบบ บรรยาย

ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น

ครนู าข่าว บทความ หรือสารคดสี ้นั ๆ จากหนังสอื พิมพร์ ายวนั มาอา่ นให้นักเรียนฟงั แลว้ ให้นกั เรยี นแสดงความ
คดิ เห็น โดยครขู ออาสาสมัครนักเรียน 2-3 คน ออกมาแสดงความคิดเห็น

ขัน้ สอน
1. ครูให้นกั เรียนศึกษาความรเู้ ร่ือง หลักการอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เหน็ ในประเด็นท่ีกาหนด จากหนงั สอื เรยี น และ

แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
2. นักเรียนแต่ละคนทาใบงานท่ี 4.1 เร่ือง หลักการอา่ นเพื่อแสดงความคดิ เหน็
3. ครสู มุ่ เลขท่ีนักเรยี น 3-4 คน ออกมานาเสนอคาตอบในใบงานท่ี 4.1 หนา้ ช้นั เรยี น ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

ข้นั สรปุ
นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความรเู้ รอื่ ง หลกั การอา่ นเพอ่ื แสดงความคิดเหน็

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 2 เรอื่ ง “การเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากขา่ ว” เว2ลาชท่ีใั่วชโ้สมองน



วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการเรียนความรู้ความเขา้ ใจ

ข้ันท่ี ๑ สังเกต

นักเรียนและครรู ่วมกนั สนทนาเก่ียวกับหลกั การอา่ นเพ่ือแสดงความคิดเห็นอย่างมีมารยาท

ขน้ั ท่ี 2 อธิบาย

ครใู หน้ กั เรียนอา่ นขา่ วแพทย์ฆา่ ตวั ตาย แลว้ สรปุ ใจความสาคญั ของเร่ือง จากน้นั ให้นักเรียนอธิบาย ตอบคาถาม
และแสดงความคิดเห็น ในประเดน็ ท่ีกาหนด

3หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา หน้า

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4

ขัน้ ที่ 3 รบั ฟัง

นักเรียนแต่ละคนแลกเปลย่ี นความคิดเห็น ฟังความคิดเหน็ ทแี่ ตกต่างจากความคดิ ของตน ไดฟ้ ังและตอบคาถาม
ตามความคดิ เห็นท่แี ตกต่างกัน เน้นการปรับเปลย่ี นความคิดอย่างมเี หตุผล ไม่ใช้อารมณ์หรอื ถอื ความคิดของตนเปน็ ใหญ่

ขน้ั ท่ี 4 เช่ือมโยงความสัมพนั ธ์

นกั เรยี นเปรียบเทียบความคิดเหน็ ที่แตกตา่ งและคลา้ ยคลงึ ของเพ่ือนๆ ท่ีมีตอ่ ข่าวแพทย์ฆ่าตวั ตาย จากน้ันช่วยกนั
จดั กล่มุ ความคิดเหน็ ทแี่ ตกตา่ งและคล้ายคลึงกัน พรอ้ มกบั หาเหตผุ ลหรือกฎเกณฑ์มาเชื่อมโยง

ขั้นที่ 5 วิจารณ์

1. นกั เรยี นวิเคราะห์ขา่ วแพทยฆ์ ่าตัวตาย แลว้ ให้จาแนกข้อดี ข้อด้อย สว่ นดี ส่วนเสยี สว่ นสาคัญ หรอื ส่วนทีไ่ มส่ าคญั
พร้อมยกเหตผุ ลและหลักฐานประกอบ

2. นกั เรียนพิจารณาข่าวแพทย์ฆ่าตวั ตาย เพอื่ หาข้อมูลต่างๆ ทเ่ี ชอ่ื มโยงเกย่ี วข้องกัน แล้วสรปุ ผลอยา่ งตรงไปตรงมา
ตามหลกั ฐานข้อมลู

ขั้นที่ 6 สรุป
1. นกั เรียนแตล่ ะคนทาใบงานท่ี 4.2 เรอื่ ง การเขียนแสดงความคดิ เห็นจากขา่ ว เมอื่ ทาเสรจ็ แลว้ ใหน้ าส่งครตู รวจ
2. นกั เรียนรว่ มกันสรุปความรเู้ รื่อง การเขียนแสดงความคดิ เห็นจากข่าว จากนนั้ ครสู รุปเสรมิ

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 3 เร่อื ง “การเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากบทความ” เวลาท่ีใช้

” 1 ชสว่ั อโนมง

วิธสี อนแบบ กระบวนการกลุ่มสมั พันธ์

ขน้ั นาเข้าสู่บทเรยี น
บทเรียน
1. ครูส่ังให้นักเรียนเตรยี มบทความจากสอื่ สิ่งพิมพ์ท่เี หน็ ว่าน่าสนใจและมีประโยชน์มาลว่ งหนา้
2. ครสู มุ่ เลขท่ีนักเรียนออกมาอา่ นบทความท่เี ตรียมมาให้เพื่อนฟัง จากน้นั ให้นักเรยี นช่วยกันตัง้ คาถามและตอบ

คาถาม พร้อมกับแสดงความคิดเหน็

ขัน้ สอน

1. ครแู บง่ นักเรยี นเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ จากน้นั ให้แตล่ ะกลุ่มทาใบงานที่ 4.3 เรือ่ ง
การเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความ โดยใหส้ มาชิกแตล่ ะคนหาคาตอบในแต่ละข้อ และแสดงความคดิ เห็น
ดว้ ยตนเอง จากนั้นจับค่กู บั เพ่ือนในกลมุ่ ผลดั กันอธิบายคาตอบของตนเอง (สมาชิกอีกคู่หนงึ่ ซึ่งอยู่ในกลมุ่ เดยี วกนั ก็
ปฏบิ ตั ิในทานองเดยี วกัน)

4หลักภาษาและการใชภ้ าษา หนา้

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4

2. นกั เรยี นรวมกล่มุ 4 คน ผลัดกันอธิบายคาตอบ และแสดงความคิดเหน็ ของคูต่ นเอง แล้วเปรยี บเทียบและสรุป
คาตอบทีเ่ ปน็ มติของกลุ่ม จากนน้ั ตวั แทนกลุ่มเขียนคาตอบลงในใบงานท่ี 4.3

3. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอคาตอบในใบงานที่ 4.3 หนา้ ชน้ั เรยี น ครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง จากนนั้
ให้ตวั แทนนักเรยี นเกบ็ รวบรวมใบงานทั้งหมดส่งครูตรวจ

ขั้น สรปุ
นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรุปความรู้เก่ียวกับการตอบคาถาม และการแสดงความคิดเหน็ จากบทความที่อ่าน

 ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนอา่ นบทความเก่ียวกับอาเซียน แล้วเขยี นบันทกึ การอ่านและแสดงความ
คิดเห็น โดยให้ครอบคลมุ ประเด็นตามท่ีกาหนด

นกั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4

9. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้

9.1 สอื่ การเรียนรู้

1) หนังสอื เรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ม.4
2) ข่าวแพทย์ฆา่ ตวั ตาย
3) บทความจากส่ือสิง่ พมิ พ์
4) หนงั สอื พมิ พ์รายวนั
5) ใบงานที่ 4.1 เรื่อง หลกั การอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เห็น
6) ใบงานท่ี 4.2 เรื่อง การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากข่าว
7) ใบงานท่ี 4.3 เร่ือง การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากบทความ

9.2 แหล่งการเรียนรู้

 แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
- http://www.kr.ac.th/ebook/songsri/b2.htm
- http://www.yorwor2.ac.th/thaionline/comment/comment.html

5หลักภาษาและการใช้ภาษา หนา้

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4

การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมนิ การเขยี นบันทกึ จากการอ่านและแสดงความคิดเหน็
บทความเกีย่ วกับอาเซียน

รายการประเมิน ดีมาก (4) คาอธบิ ายระดับคุณภาพ / ระดบั คะแนน ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. การแสดงความ แสดงความคดิ เหน็ ได้ แสดงความคดิ เหน็ ได้ แสดงความคดิ เห็น ได้ แสดงความคดิ เห็น ได้
คดิ เห็น
ถูกต้องตามหลกั การและ ถกู ต้องตามหลกั การและ ถูกตอ้ งตามหลักการและ ถกู ต้องตามหลกั การและ

เสนอความคดิ ใหมอ่ ย่าง เสนอความคดิ ใหมอ่ ย่าง เสนอความคดิ ใหม่อย่าง เสนอความคดิ ใหมไ่ ด้ แต่

มีเหตผุ ล มกี าร มเี หตผุ ล มีการ มีเหตผุ ล มีการ เหตผุ ลไม่ค่อยชดั เจน

ยกตวั อยา่ งประกอบ ยกตัวอยา่ งประกอบ ยกตวั อยา่ งประกอบ และไม่มีการยกตวั อย่าง

ชัดเจน ชัดเจนเป็นสว่ นใหญ่ ชดั เจนเป็นบางส่วน ประกอบ

2. การตอบคาถามจาก ตอบคาถามว่าเป็นเรอ่ื ง ตอบคาถามว่าเป็นเรื่อง ตอบคาถามวา่ เป็นเรื่อง ตอบคาถามว่าเป็นเรอ่ื ง

การอา่ น ของใคร ทาอะไร ทีไ่ หน ของใคร ทาอะไร ท่ไี หน ของใคร ทาอะไร ที่ไหน ของใคร ทาอะไร ท่ไี หน มี

มีผลอยา่ งไร ได้ถูกตอ้ งทกุ มีผลอยา่ งไร ไดถ้ ูกต้อง3 มีผลอยา่ งไร ได้ถกู ต้อง2 ผลอย่างไร ไดถ้ กู ต้อง 1

ประเด็น ประเด็น ประเดน็ ประเดน็

3. การเขียนบันทกึ เขยี นถูกตอ้ งตามหลักการ เขียนถกู ต้องตามหลกั การ เขยี นถกู ตอ้ งตามหลกั การ เขยี นไม่ถกู ตอ้ งตาม

เขียนบันทึกการอ่าน มี เขียนบันทกึ การอา่ น มี เขียนบันทกึ การอ่าน มี หลกั การเขยี นบนั ทกึ การ
องค์ประกอบครบถว้ น ใช้ องคป์ ระกอบครบถ้วน ใช้ องคป์ ระกอบครบถว้ น ใช้ อ่าน มอี งค์ประกอบไม่

ภาษากระชบั เข้าใจงา่ ย ภาษากระชับ เข้าใจงา่ ย ภาษากระชับ เขา้ ใจง่าย ครบถ้วน และใช้ภาษา

เป็นสว่ นใหญ่ เปน็ บางส่วน เข้าใจยาก

4. มารยาทในการอ่าน ปฏบิ ัติไดถ้ ูกต้องตาม ปฏบิ ตั ิได้ถกู ต้องตาม ปฏิบัตไิ ดถ้ กู ตอ้ งตาม ปฏิบตั ไิ มถ่ กู ตอ้ งตาม

มารยาทในการอ่านสื่อ มารยาทในการอ่านสอื่ มารยาทในการอา่ นสอ่ื มารยาทในการอ่านสอ่ื

เปน็ สว่ นใหญ่ เปน็ บางสว่ น

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน 14 - 16 11 - 13 8 - 10 ต่ากวา่ 8
ระดับคุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

6หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา หนา้

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 เร่อื ง “การอา่ นเพือ่ แสดงความคดิ เหน็ ”



คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดกล่าวถึงการอา่ นเพือ่ แสดงความคดิ เหน็ ไดถ้ กู ต้องท่สี ุด 7. ข้นั ตอนใดสาคญั ทสี่ ดุ ในการฝึกฝนเพอื่ แสดงความคดิ เหน็

ก. ประเมนิ ค่าเรื่องทีอ่ า่ น จากการอา่ น

ข. มขี ้อเสนอแนะและขอ้ สนั นิษฐาน ก. การเป็นนักอ่าน

ค. ยกเหตผุ ลประกอบการแสดงความคดิ เห็น ข. รจู้ ักการคดิ พจิ ารณาอยา่ งมเี หตผุ ล

ง. อธิบายเรอื่ งโดยมเี หตุผลประกอบและประเมนิ คา่ ค. ศึกษาหลกั การอา่ นแสดงความคิดเหน็

2. การกาหนดจดุ ม่งุ หมายการอ่านใหพ้ ิจารณาจากส่งิ ใด ง. รูจ้ กั การถา่ ยทอดความคดิ ดว้ ยภาษาท่ีถูกต้อง

เปน็ สาคญั 8. การแสดงความคิดเหน็ ท่ีเล่อื นลอย ไมส่ มเหตสุ มผล

ก. เวลาทอ่ี ่าน ข. สถานท่อี า่ น ไม่มหี ลกั ฐาน เป็นข้อบกพร่องตามขอ้ ใด

ค. โอกาสท่อี า่ น ง. ประเภทของเรอื่ งท่อี า่ น ก. ใช้วิธอี ่านทไ่ี มเ่ หมาะสม

3. “การอ่านเรอ่ื งโดยทาความเขา้ ใจสาระสาคญั ในขณะทอ่ี า่ น” ข. ไม่มีความรูใ้ นเรือ่ งที่จะแสดงความคิดเห็น

เป็นการอ่านวิธใี ด ค. ไม่กาหนดจุดมงุ่ หมายในการอา่ นใหช้ ัดเจน

ก. การอ่านตีความ ง. ใชภ้ าษาในการแสดงความคิดเห็นไม่ถูกต้อง

ข. การอา่ นสรปุ ความ 9. การแสดงความคดิ เห็นให้เขียนเรยี งสว่ นประกอบอย่างไร

ค. การอ่านจับประเด็น ก. ทม่ี า ขอ้ สนบั สนนุ ขอ้ สรุป

ง. การอา่ นขยายความ ข. ขอ้ สนบั สนนุ หลกั ฐาน ข้อสรปุ

4. “สามารถแยกส่วนทสี่ าคัญและไมส่ าคัญได้ ร้วู า่ สว่ นใด เปน็ ค. ข้อคิดเหน็ ขอ้ สนับสนนุ ข้อสรุป

ข้อเท็จจรงิ สว่ นใดเป็นข้อคดิ เหน็ ” เปน็ การอา่ นวิธใี ด ง. ข้อคดิ เห็น ข้อเสนอแนะ ข้อสนบั สนุน

ก. การอ่านตีความ ข. การอ่านสรปุ ความ 10. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ประโยชน์ของการแสดงความคดิ เห็นได้

ค. การอา่ นจับประเด็น ง. การอ่านขยายความ ถูกตอ้ งทส่ี ดุ

5. เรอ่ื งใดสาคญั ที่สุดในการแสดงความคิดเห็น ก. ความคดิ เหน็ ที่ดีตอ้ งมีคณุ คา่ ตอ่ ผู้รบั สาร

ก. มีเหตผุ ล ข. ประโยชน์ตอ้ งเกดิ ขึ้นกบั คนสว่ นใหญไ่ มเ่ ฉพาะกลมุ่

ข. มีข้อมูลหลกั ฐานที่เชอ่ื ถือได้ ค. ความคิดเหน็ ตอ้ งก่อใหเ้ กิดการเปลีย่ นแปลงในสงั คม

ค. ไมท่ าให้ผู้อ่นื หลงผดิ ไปตามขอ้ คดิ เหน็ ง. ประโยชนท์ ีเ่ กดิ ขน้ึ นาไปส่คู วามเปน็ อยู่ทดี่ ีกว่า

ง. นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ งตามขนั้ ตอนและกาลเทศะ ของคนส่วนใหญ่

6. การแสดงความคิดเห็นของแตล่ ะบคุ คลท่ีมีความ แตกต่าง

กนั เกิดจากปจั จยั ใด

ก. ระดบั การศกึ ษา วัย อาชีพ

ข. วัย อาชีพ ความเชอ่ื ประสบการณ์

ค. ความรู้ ทศั นคติ ความเชื่อ ประสบการณ์

ง. ระดับการศึกษา ความเชอ่ื ประสบการณ์

เฉลย
1. ง 2. ง 3. ค 4. ข 5. ข 6. ก 7. ก 8. ข 9. ก 10. ข

7หลักภาษาและการใช้ภาษา หนา้

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4

แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เร่ือง “การอา่ นเพอื่ แสดงความคดิ เหน็ ”



คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. การกาหนดจดุ มงุ่ หมายการอ่านใหพ้ ิจารณาจากสิง่ ใด 6. ข้อใดกลา่ วถึงประโยชน์ของการแสดงความคดิ เหน็ ได้
เปน็ สาคญั ถูกตอ้ งทีส่ ุด
ก. ประเภทของเรื่องทอ่ี า่ น ก. ประโยชนท์ ่เี กดิ ขึน้ นาไปสคู่ วามเปน็ อยู่ทดี่ กี ว่า
ข. โอกาสทอ่ี ่าน ของคนส่วนใหญ่
ค. สถานทอ่ี า่ น ข. ความคิดเห็นตอ้ งกอ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงในสังคม
ง. เวลาทอี่ า่ น ค. ประโยชนต์ ้องเกดิ ขนึ้ กบั คนสว่ นใหญไ่ มเ่ ฉพาะกลมุ่
ง. ความคิดเห็นทดี่ ตี อ้ งมีคณุ คา่ ต่อผู้รบั สาร
2. เร่ืองใดสาคญั ท่สี ุดในการแสดงความคิดเห็น
ก. นาเสนอไดถ้ กู ตอ้ งตามข้นั ตอนและกาลเทศะ 7. “การอา่ นเรื่องโดยทาความเขา้ ใจสาระสาคญั ในขณะที่อ่าน”
ข. ไมท่ าให้ผู้อื่นหลงผดิ ไปตามขอ้ คิดเหน็ เป็นการอา่ นวิธีใด
ค. มขี ้อมูลหลักฐานท่เี ชื่อถอื ได้ ก. การอา่ นจบั ประเดน็
ง. มีเหตผุ ล ข. การอ่านขยายความ
ค. การอ่านสรปุ ความ
3. การแสดงความคดิ เห็นของแตล่ ะบคุ คลท่มี คี วาม ง. การอ่านตีความ
แตกตา่ งกัน เกิดจากปจั จยั ใด
ก. ระดบั การศึกษา ความเชือ่ ประสบการณ์ 8. “สามารถแยกส่วนท่สี าคญั และไมส่ าคญั ได้ รวู้ า่ สว่ นใด เปน็
ข. ความรู้ ทศั นคติ ความเชอ่ื ประสบการณ์ ขอ้ เทจ็ จริง สว่ นใดเป็นข้อคิดเห็น” เปน็ การอ่านวิธใี ด
ค. วัย อาชีพ ความเช่อื ประสบการณ์ ก. การอ่านขยายความ ข. การอา่ นจบั ประเด็น
ง. ระดับการศกึ ษา วยั อาชีพ ค. การอา่ นสรปุ ความ ง. การอ่านตคี วาม

4. การแสดงความคิดเหน็ ให้เขยี นเรียงส่วนประกอบอยา่ งไร 9. การแสดงความคิดเหน็ ท่ีเลื่อนลอย ไมส่ มเหตสุ มผล
ก. ข้อคดิ เหน็ ขอ้ เสนอแนะ ข้อสนบั สนุน ไม่มีหลกั ฐาน เป็นขอ้ บกพร่องตามข้อใด
ข. ขอ้ คดิ เห็น ข้อสนบั สนุน ขอ้ สรปุ ก. ใช้ภาษาในการแสดงความคิดเห็นไมถ่ กู ต้อง
ค. ขอ้ สนับสนุน หลกั ฐาน ขอ้ สรปุ ข. ไมก่ าหนดจุดมุ่งหมายในการอา่ นให้ชดั เจน
ง. ทีม่ า ข้อสนับสนนุ ขอ้ สรปุ ค. ไมม่ คี วามรใู้ นเรอื่ งท่ีจะแสดงความคดิ เหน็
ง. ใช้วิธอี า่ นทไ่ี ม่เหมาะสม
5. ข้อใดกล่าวถงึ การอา่ นเพอ่ื แสดงความคิดเหน็ ไดถ้ กู ต้องทีส่ ุด
ก. อธบิ ายเร่อื งโดยมีเหตุผลประกอบและประเมินคา่ 10. ขั้นตอนใดสาคญั ทส่ี ดุ ในการฝกึ ฝนเพื่อแสดงความคดิ เหน็
ข. ยกเหตผุ ลประกอบการแสดงความคดิ เหน็ จากการอา่ น
ค. มขี ้อเสนอแนะและขอ้ สนั นษิ ฐาน ก. รจู้ ักการถา่ ยทอดความคิดด้วยภาษาทถ่ี กู ตอ้ ง
ง. ประเมนิ ค่าเรอ่ื งที่อา่ น ข. ศกึ ษาหลักการอา่ นแสดงความคดิ เห็น
ค. ร้จู กั การคดิ พิจารณาอยา่ งมเี หตผุ ล
ง. การเปน็ นักอา่ น

เฉลย
1. ก 2. ค 3. ง 4. ง 5. ก 6. ค 7. ก 8. ค 9. ค 10. ง

8หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา หนา้

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4


Click to View FlipBook Version