The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชา กฎหมายอาญา 2
เรื่อง ความผิดต่อเจ้าพนักงาน มาตรา136และมาตรา137

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by teeranut2544.2001, 2021-09-28 02:04:27

E-book 631081126

วิชา กฎหมายอาญา 2
เรื่อง ความผิดต่อเจ้าพนักงาน มาตรา136และมาตรา137

ความผดิ ต่อเจ้าพนกั งาน
มาตรา 136 ดหู ม่นิ เจ้าพนกั งาน และ มาตรา 137 แจ้งความเท็จต่อพนกั งาน

จดั ทาโดย…
รหสั นิสิต 631081126
นางสาวธีรนุช ยซ่ี า้ ย

เสนอ…
อาจารย์ วริ ัตน์ นาทิพเวทย์

0801221 กฎหมายอาญา 2 : ภาคความผิด
ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 หลกั สูตรนิติศาสตร์บณั ฑิต สาขานิติศาสตร์

คานา

รายงานฉบบั น้ีจดั ทาข้นึ เพื่อเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า 0801221 กฎหมายอาญา 2 เป็นการจดั ทาข้ึนเพ่ือ
ศึกษาหาความรู้ในเร่ืองของ ความผิดต่อเจา้ พนกั งาน ซ่ึงไดย้ กมาศึกษา 2 มาตรา คอื มาตรา 136 ดูหม่ินเจา้
พนกั งาน และมาตรา 137 แจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน เพื่อไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์

ผจู้ ดั ทาคาดหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ การจดั ทาเอกสารฉบบั น้ีจะมีขอ้ มูลท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ผทู้ ี่สนใจศึกษาใน
กฎหมายอาญา เรื่องลกั ษณะ 2 ความผิดเก่ียวกบั การปกครอง หมวด 1ความผิดตอ่ เจา้ พนกั งาน มาตรา 136 และ
มาตรา 137 และหวงั วา่ พอจะเป็นแนวทางสาหรับผทู้ ่ีกาลงั ศึกษาเรื่องน้ีอยู่ หากมีขอ้ ผิดพลาดประการใด ทาง
ผจู้ ดั ทาตอ้ งขออภยั มา ณท่ีน้ีดว้ ย

นางสาวธีรนุช ยซ่ี า้ ย
วนั ท่ี 15 กนั ยายน 2564

สารบญั หน้า
เรื่อง
1
บทที่ 1 โครงสร้างความรับผิดทางอาญา 1
มาตรา 136 ดูหม่ินเจา้ พนกั งาน 4
มาตรา 137 แจง้ ความเท็จแก่เจา้ พนกั งาน 7
7
บทที่ 2 คาอธิบายจากบรรทดั ฐานคาพพิ ากษาศาลฎกี า 13
คาพิพากษาศาลฎีกา มาตรา 136 19
คาพิพากษาศาลฎีกา มาตรา 137 19
21
บทที่ 3 สรุปเนื้อหาและข้อเสนอแนะ 24
สรุปมาตรา 136
สรุปมาตรา 137

บรรณานุกรม

1

บทที่ 1
โครงสร้างรับผดิ ทางอาญา
++++ ความผิดฐาน ดหู มิน่ เจ้าพนักงาน ++++

มาตรา 136 ผใู้ ดดูหมิ่นเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาการตามหนา้ ที่ หรือเพราะไดก้ ระทาการ
ตามหนา้ ท่ี ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ

องคป์ ระกอบภายนอก ผ้กู ระทา คือ ผใู้ ด

โครงสร้างความรับผดิ ทาง การกระทา คือ ดูหมิ่น
อาญา
วตั ถุแห่งการกระทา คือ เจา้
องคป์ ระกอบภายใน พนกั งานซ่ึงไดก้ ระทาตาม
หนา้ ที่ หรือเพราะไดก้ ระทา
การตามหนา้ ท่ี

•เจตนา คอื เจตนาธรรมดา
(ประสงคต์ ่อผล หรือเลง็ เห็น
ผล) มาตรา 59 วรรคสอง +
วรรคสาม

2

ความหมายดหู ม่ิน

โดย อ.จิตติ ติงศภทั ิย์ ไดอ้ ธิบายความหมายของ “ดูหมิ่น” ไวว้ า่ คือ การดูถูกเหยยี ดหยามทาใหอ้ บั อาย
เสียหาย สบประมาทหรือด่า ไม่เพียงแต่คาหยาบคายไม่สุภาพ คาแดกดนั คาสาปแช่งหรือคาข่อู าฆาต ตา่ งกบั
หม่ินประมาทตามมาตรา 326 ซ่ึงเป็นการใส่ความทาใหผ้ ถู้ กู ใส่ความเสียหาย และการดูหม่ินลดคณุ ค่าของผถู้ ูกดู
หม่ินลงโดยไม่ตอ้ งกล่าวตอ่ บคุ คลที่สาม

กรณีหมิ่นประมาทเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาตามหนา้ ท่ีหรือเพราะไดก้ ระทาการตามหนา้ ท่ี ผิดมาตรา 326

• การกระทาดว้ ยประการใด ๆ อนั เป็นการดูถกู เหยยี ดหยาม สบประมาท ด่าทอ ซ่ึงเป็นการกระทาในทาง
ที่ลดคุณคา่ ของผอู้ ่ืน

• เป็นการกระทาดว้ ยวาจา กิริยาอาการหรือทาเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรก็ได้ เช่น ด่าผเู้ สียหายวา่ “ตอแหล” ซ่ึง
มีความหมายในทางเสื่อมเสียวา่ ผเู้ สียหายเป็นคนพดู เทจ็

• การดูหมิ่นตามมาตรา 136 ไมจ่ าเป็นตอ้ งกระทาซ่ึงหนา้ เจา้ พนกั งานเหมือนเช่นดูหมิ่นบคุ คลทว่ั ไป
มาตรา 393 ก็ได้

• การพิมพข์ อ้ ความลง Facebook กลา่ วดูถกู สบประมาท เหยยี ดหยามเจา้ พนกั งาน ก็เป็นความผิดตาม
มาตรา136

• เจา้ พนกั งาน หมายความวา่ บุคคลท่ีถกู ดูหมิ่น ตอ้ งเป็นเจา้ พนกั งาน ถา้ ไมใ่ ช่เจา้ พนกั งาน จะไมเ่ ป็น
ความผิด ตามมาตรา 136

เจ้าพนกั งาน ตามมาตรา 1 (16) มคี วามหมาย

คือ ขา้ ราชการที่ไดร้ ับการแต่งต้งั ตามกฎหมายโดยไดร้ ับเงินเดือนจากงบประมาณแผน่ ดิน ประเภท
เงินเดือน เช่น ขา้ ราชการพลเรือน ขา้ ราชการทหาร ขา้ ราชการตารวจ แต่ไมร่ วมถึงลกู จา้ งประจาและลูกจา้ ง
ชว่ั คราว

วัตถุแห่งการกระทา

• ซึ่งได้กระทาตามหน้าที่ หมายถึง ดูหม่ินในขณะที่เจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหนา้ ที่ เช่น ดูหม่ินขณะท่ีถูกเจา้
พนกั งานตรวจคน้

ถา้ เจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยมิชอบ ไม่ถือวา่ เป็นเจา้ พนกั งาน ซ่ึงไดก้ ระทาตามหนา้ ท่ี เช่น เขา้ ไป
ตรวจคน้ ในท่ีรโหฐานโดยไม่มีหมายคน้

3

• หรือเพราะได้กระทาการตามหน้าท่ี กรณีน้ีไมไ่ ดด้ ูหมิ่นในขณะเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหนา้ ท่ี แต่ดูหม่ินอนั
เน่ืองมาจากเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหนา้ ท่ี เช่น ดูหม่ินผพู้ พิ ากษานอกศาลเนื่องจากผพู้ ิพากษาสง่ั ปรับจาเลย

ตัวอย่าง นายมว่ งโกรธร้อยตารวจเอกนทั ที่จบั ตน ต่อมาวนั รุ่งข้ึน นายม่วงไดไ้ ปพบร้อยตารวจเอกนทั ที่งาน
เล้ียงวนั เกิดเพ่ือน นายมว่ งด่าร้อยตารวจเอกนทั วา่ “ตารวจเฮงซวย ถือวา่ มีอานาจ กท็ าไปตามอานาจจะตอ้ งให้
เจอดีเสียบา้ ง”

ดงั น้ี ถอ้ ยคาดงั กลา่ วถือเป็นการดูหม่ินเจา้ พนกั งาน นายม่วงจึงมีความผิดตามมาตรา 136 แมจ้ ะกล่าว
ต่อร้อยตารวจเอกนทั ในงานวนั เกิดเพื่อนหลงั จากจบั นายมว่ งไปแลว้ ต้งั แต่เม่ือวาน เพราะไดก้ ระทาการตาม
หนา้ ท่ี

ข้อสังเกต

การดูหมิ่นเจา้ พนกั งานตามมาตรา 136 น้นั หากเป็นการกระทา “ซ่ึงหนา้ ” กเ็ ป็นความผิดตาม
มาตรา 393 อีกบทหน่ึงดว้ ยอยา่ งแน่นอน แต่น่าจะตอ้ งถือวา่ มาตรา 136 เป็น “บทเฉพาะ” และมาตรา
393 เป็น “บททวั่ ไป” จึงลงโทษตามมาตรา 136 อนั เป็น “บทเฉพาะ”

และในกรณีถา้ ไดม้ ีการดูหมิ่นศาลหรือผพู้ พิ ากษาในการพิพากษาคดี จะเป็นความผดิ ฐานดูหมิ่น
ศาลหรือผพู้ พิ ากษาในการพิพากษาคดี ตามมาตรา 198 อนั เป็นบทเฉพาะ (ซ่ึงเป็นบทมาตราท่ีบญั ญตั ิ
แยกความผดิ ฐานดูหมิ่นผพู้ ิพากษากบั ดูหม่ินเจา้ พนกั งานอ่ืนทว่ั ๆไปไวต้ า่ งหากจากกนั ) ใหล้ งโทษตาม
บทเฉพาะ คือ มาตรา 198 จะมีการลงโทษฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งาน ตามมาตรา 136 อนั เป็นบททว่ั ไป
ไมไ่ ด้

องค์ประกอบภายใน

คือ เจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง รวมถึงรู้ขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็นองคป์ ระกอบของความผดิ ตามมาตรา 59
วรรคสาม หากไม่รู้วา่ เป็นเจา้ พนกั งานจะถือวา่ ไมม่ ีเจตนาดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน

4

++++ แจ้งความเท็จแก่เจ้าพนกั งาน ++++

มาตรา 137 ผใู้ ดแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน ซ่ึงอาจทาใหผ้ อู้ ื่นหรือประชาชน
เสียหาย ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหน่ึงหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ

องคป์ ระกอบภายนอก ผ้กู ระทา คือ ผใู้ ด
การกระทา คือ แจง้ ขอ้ ความอนั
โครงสร้างความรับผดิ
ทางอาญา เป็ นเทจ็
วตั ถุแห่งการกระทา คือ แก่เจา้
องคป์ ระกอบภายใน
พนกั งาน

เจตนาธรรมดา

5

ผ้กู ระทา คือ ผแู้ จง้ ขอ้ ความอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบคุ คลกไ็ ด้ ซ่ึงการแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ ของนิติ
บคุ คลกระทาโดยผา่ นผแู้ ทนนิติบุคคล เช่น กรรมการผมู้ ีอานาจจดั การแทนของนิติบุคคล

การกระทา

• การแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ อาจทาโดยบอกกบั เจา้ พนกั งาน ตอบคาถามเจา้ พนกั งาน เช่น ให้การเทจ็
ในฐานะเป็ นพยาน

• การแจง้ ความเทจ็ โดยวิธีการแสดงหลกั ฐาน เช่น คนต่างดา้ วไม่มีสิทธิที่จะขอมีบตั รประจาตวั
ประชาชนไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย การที่คนตา่ งดา้ วอา้ งและนาหลกั ฐานแสดงต่อนายทะเบียนเพอ่ื ขอ
มีบตั รประจาตวั ประชาชน จึงเป็นการแจง้ ความเท็จต่อเจา้ พนกั งานเพราะหลงเชื่อคนต่างดา้ วคนน้นั วา่
มีสัญชาติไทยก็ตาม กห็ าใช่เป็นขอ้ อา้ งท่ีจะนามาใชเ้ พือ่ ขอใหม้ ีการทาบตั รใหม่แทนบตั รเดิมท่ี
หมดอายุ

• การแจง้ ความเทจ็ อาจกระทาโดยใชผ้ อู้ ื่นเป็ นเครื่องมือในการกระทาความผดิ ก็ได้

ข้อความอนั เป็ นเท็จ คอื ขอ้ ความท่ีไมต่ รงกบั ขอ้ เทจ็ จริงหรือตรงขา้ มกบั ความเป็นจริง

• ขอ้ ความท่ีแจง้ ตอ้ งเป็นขอ้ เท็จจริงในอดีตหรือในปัจจุบนั หากเป็นเร่ืองอนาคตไมเ่ ป็นความเทจ็
• การแจง้ ความเทจ็ เป็นการแจง้ ขอ้ เทจ็ จริงที่ไม่เก่ียวกบั ขอ้ กฎหมาย
• ขอ้ เทจ็ จริงท่ีแจง้ จะตอ้ งเป็นขอ้ สาคญั ท่ีอาจทาใหผ้ อู้ ื่นไดร้ ับความเสียหาย
• การแจง้ ขอ้ เทจ็ จริงน้นั ตอ้ งมีลกั ษณะเป็นการยนื ยนั ขอ้ เท็จจริง มิใช่การแสดงความคิดเห็นหรือการ

คาดคะเนถึงเหตกุ ารณ์ในอนาคต
• การแจง้ ความเทจ็ ต่อเจา้ พนกั งาน อนั เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 น้นั จะตอ้ ง

เป็นการแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่เจา้ พนกั งานที่มีอานาจหนา้ ที่เก่ียวกบั เรื่องท่ีแจง้ ความน้นั หรือผมู้ ี
หนา้ ที่รับผิดชอบตามท่ีไดร้ ับมอบหมายจากผบู้ งั คบั บญั ชาหากเป็นการแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่
พนกั งานอ่ืนท่ีไม่มีหนา้ ที่เก่ียวกบั การท่ีแจง้ ก็ไม่เป็นความผิด
• ความผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 น้นั จะตอ้ งปรากฎวา่ การแจง้ ความ
เทจ็ น้นั อาจทาใหผ้ ูอ้ ่ืนหรือประชาชนเสียหายโดยไมต่ อ้ งคานึงถึงผลวา่ ตอ้ งเกิดผลเสียหายข้นึ ก่อนจึง
จะเป็ นความผิด

6

ความผดิ สาเร็จ
เมื่อขอ้ ความท่ีแจง้ ไปถึงเจา้ พนกั งานและเจา้ พนกั งานไดท้ ราบขอ้ ความแลว้ กเ็ ป็นความผิดสาเร็จทนั ที โดย

ไม่ตอ้ งคานึงวา่ เจา้ พนกั งานจะทราบวา่ ขอ้ ความท่ีแจง้ เป็นเทจ็ หรือไม่ แมเ้ จา้ พนกั งานไมเ่ ช่ือความเทจ็ น้นั เลย
เพราะรู้อยแู่ ลว้ วา่ ความจริงเป็นอยา่ งไรก็ตาม

หากขอ้ ความที่แจง้ ยงั ไปไมถ่ ึงเจา้ พนกั งานก็เป็นเพยี งพยายามแจง้ ความเทจ็

องค์ประกอบภายใน
คอื เจตนาธรรมดาตามมาตรา 59 วรรคสอง รวมท้งั รู้ขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็นองคป์ ระกอบความผดิ ตามมาตรา

59 วรรคสาม คือ รู้วา่ ขอ้ ความที่แจง้ น้นั เป็นความเทจ็ ถา้ ไมร่ ู้ ถือวา่ ไม่มีเจตนา
การแจง้ ความเทจ็ น้นั ผูแ้ จง้ ตอ้ งกระทาโดยเจตนาจึงจะมีความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน กลา่ วคือ

ตอ้ งรู้ขอ้ เทจ็ จริงวา่ สิ่งท่ีแจง้ น้นั เป็นเทจ็ และไม่เป็นความจริงตามสภาพท่ีปรากฏ หากเป็นไปตามเช่นน้ีก็จะถือวา่
ผแู้ จง้ มีเจตนาแจง้ ความเท็จ

7

บทท่ี 2

คาอธิบายจากบรรทัดฐานคาพิพากษาศาลฎกี า

คาพพิ ากษาศาลฎกี า มาตรา 136

กรณีการดหู มิ่นเจ้าพนกั งานผ้ซู ่ึงกระทาการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทาการตามหน้าที่

คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 623/2508 จาเลยช้ีหนา้ และวา่ เจา้ พนกั งานขณะปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่วา่ "ปลดั
นิกรน้ีจะเป็นบา้ หรืออยา่ งไร มาขดั ขวางกลนั่ แกลง้ จาเลยทางานไป โดยเลือกท่ีรักมกั ที่ชงั ไม่ใหค้ วามเป็นธรรม
พยายามกลน่ั แกลง้ จาเลยคนเดียว พยายามกลนั่ แกลง้ จาเลยมาหลายคร้ังแลว้ " ถอ้ ยคาและกิริยาเช่นน้ีเป็นการดู
หม่ินเจา้ พนกั งาน ตาม มาตรา 136 การกลา่ วเช่นน้ีไมใ่ ช่เป็นการกล่าวในลกั ษณะตอ่ วา่ ดว้ ยการสุจริตที่จะยกข้ึน
อา้ งใหพ้ น้ ผดิ

คาอธิบายฎีกาที่ 623/2508 การท่ีจาเลยผกู้ ระทา ไดก้ ระทาการดูหม่ินปลดั นิกรซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานโดยใชถ้ อ้ ยคา
และกิริยาท่ีแสดงถึงการดูหม่ินเจา้ พนกั งานและจาเลยไดก้ ระทาการดูหม่ินเจา้ พนกั งานในขณะปฏิบตั ิหนา้ ท่ีเป็น
การกระทาท่ีครบองคป์ ระกอบภายนอก อีกท้งั จาเลยยงั มีเจตนาประสงคต์ ่อผลหรือเลง็ เห็นผลไดว้ า่ หากถา้ จาเลย
ไดท้ าการดูหม่ินปลดั นิกรลงไปแลว้ จะทาใหป้ ลดั นิกรอบั อายเสียหาย เป็นการกระทาท่ีครบองคป์ ระกอบภายใน
ดว้ ย ในการน้ีจาเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาการตามหนา้ ท่ี ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 136

คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 5479/2536 จาเลยมีพฤติการณ์น่าสงสัย ตอนกลางวนั จะปิ ดบา้ นและเก็บตวั อยใู่ น
บา้ น ตอนกลางคืนจึงออกจากบา้ นไม่ยงุ่ เกี่ยวกบั ชาวบา้ นและไมป่ รากฎวา่ ประกอบอาชีพอะไร ถือไดว้ า่ เป็นกรณี
มีเหตุอนั ควรสงสยั วา่ มีส่ิงของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยใู่ นบา้ นท่ีเกิดเหตุ อนั เป็นเหตใุ หอ้ อกหมายคน้ ได้ ก่อนเขา้
ตรวจคน้ ร้อยตารวจโท ส. ไดแ้ สดงหมายคน้ เพอื่ ขอตรวจคน้ แลว้ แต่ ถ.ไมย่ อมให้ตรวจคน้ ขณะร้อยตารวจโท
ป. จะเดินเขา้ ประตูบา้ น จาเลยใชม้ ือผลกั หนา้ อกร้อยตารวจโท ป. พร้อมกบั ร้องด่าวา่ "ไอพ้ วกอนั ธพาลไอพ้ วก
ฉิบหาย ไอม้ ือปื น" ร้อยตารวจโท ส.เขา้ ไปหา้ มปรามจาเลยแตจ่ าเลยกย็ งั ด่าอีก การกระทาดงั กล่าวในขณะตารวจ
จะเขา้ ทาการตรวจคน้ ซ่ึงเป็นการปฏิบตั ิหนา้ ที่ตามกฎหมาย เป็นการขดั ขวางเจา้ พนกั งานในการปฏิบตั ิการตาม
หนา้ ท่ี และเป็นการดูหมิ่นเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาการตามหนา้ ท่ี

คาอธิบายฎีกาที่ 5479/2536 การที่จาเลยไดก้ ระทาการร้องด่าตารวจวา่ "ไอพ้ วกอนั ธพาลไอพ้ วกฉิบหาย ไอ้
มือปื น" ซ่ึงเป็นการกระทาท่ีจาเลยไดก้ ระทาการดูหม่ินเจา้ พนกั งาน โดยมีเจตนาที่ประสงคต์ อ่ ผลหรือเลง็ เห็นผล

8

ทาใหเ้ จา้ พนกั งานตารวจอบั อายและไดร้ ับความเสียหายและในขณะที่จาเลยไดด้ ูหมิ่นน้นั เจา้ พนกั งานก็ไดก้ ระทา
การตามหนา้ ที่อยู่ คือไดท้ าการตรวจคน้ บา้ นของจาเลย ในการน้ีถือวา่ มีการกระทาท่ีครบองคป์ ระกอบภายนอก
และภายในของความผิด รวมท้งั จาเลยยงั ขดั ขวางการปฏิบตั ิหนา้ ของเจา้ หนา้ ท่ีตารวจเพ่ือไม่ใหเ้ ขา้ ไปตรวจคน้
ในกรณีน้ีจาเลยจึงถือวา่ มีความผิดฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาตามหนา้ ที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 136

คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 501/2537 เมื่อผเู้ สียหายซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานตารวจจบั กุมจาเลย จาเลยกล่าวกบั
ผเู้ สียหายวา่ เป็นนายจบั อยา่ งไรก็ไดแ้ ละเรียกทาเยด็ แม่ดงั น้ี การที่จาเลยกลา่ ววา่ เป็นนายจบั อยา่ งไรกไ็ ด้ เป็นเพียง
คากลา่ วในทานองตดั พอ้ ต่อว่า ไม่ไดก้ ล่าวหาวา่ ผเู้ สียหายกลน่ั แกลง้ จึงไม่เป็นการดูหม่ินผเู้ สียหาย แตท่ ี่จาเลย
กล่าววา่ เรียกทาเยด็ แม่เป็นคาด่าอนั เป็นการดูหม่ินผเู้ สียหายแลว้ จาเลยจึงมีความผดิ ฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งาน ตาม
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 เมื่อผูเ้ สียหายจบั กุมจาเลยในขอ้ หาดูหม่ินเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาการตาม
หนา้ ท่ี จาเลยด้ินรนขดั ขืนและชกหนา้ ผเู้ สียหาย 1 คร้ัง จนฟันผเู้ สียหายหกั และมีโลหิตไหลออกจากปาก จาเลย
จึงมีความผดิ ฐานต่อสูข้ ดั ขวางเจา้ พนกั งานในการปฏิบตั ิตามหนา้ ที่โดยใชก้ าลงั ประทุษร้าย ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสองและทาร้ายร่างกายเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาการตามหนา้ ที่ ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 296 อีกกระทงหน่ึง

คาอธิบายฎีกาที่ 501/2537 การท่ีจาเลยถูกเจา้ พนกั งานตารวจจบั กุม แลว้ จาเลยไดก้ ล่าวกบั เจา้ พนกั งานตารวจซ่ึง
เป็นผเู้ สียหายวา่ เป็นนายจบั อยา่ งไรก็ไดแ้ ละเรียกทาเยด็ แม่น้นั ในการที่จาเลยกล่าววา่ เป็นนายจบั อยา่ งไรกไ็ ดจ้ ะ
ถือไดว้ า่ เป็นแคค่ าตดั พอ้ ต่อวา่ เทา่ น้นั ไม่เป็นการดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน แตท่ ี่จาเลยไดก้ ลา่ ววา่ เรียกทาเยด็ แม่ กรณีน้ี
ถือเป็นคาด่าซ่ึงเป็นการดูหม่ินเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาการตามหนา้ ท่ี โดยจาเลยกร็ ู้วา่ คนที่ตนไดก้ ลา่ ววา่ ไปน้นั
เป็นเจา้ หนา้ ที่ตารวจ ในการน้ีจึงถือวา่ จาเลยมีเจตนาประสงคต์ ่อผลหรือเลง็ เห็นผลทาใหเ้ จา้ พนกั งานตารวจไดร้ ับ
ความเสียหายจากคาด่า ซ่ึงเป็นการกระทาท่ีครบองคป์ ระกอบของความผดิ ท้งั ภายนอกและภายใน จาเลยจึงมี
ความผดิ ฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาการตามหนา้ ท่ี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 และต่อมา
จาเลยไดม้ ีการขดั ขืนต่อสู้ทาร้ายร่างกายเจา้ พนกั งานตารวจ จาเลยจึงมีความผิดฐานตอ่ สู้ขดั ขวางเจา้ พนกั งานใน
การปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ีโดยใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสองและทาร้าย
ร่างกายเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาการตามหนา้ ที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 อีกกระทงหน่ึงดว้ ย

9

คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 10674/2553 จาเลยที่ 1 พดู ต่อผเู้ สียหายที่ 2 กบั พวกซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งาน
สรรพสามิตผมู้ ีอานาจหนา้ ท่ีจบั กุมผกู้ ระทาความผดิ ต่อกฎหมายเก่ียวกบั สรรพสามิตว่า “พวกมึงเป็นขา้ ราชการ
รังแกประชาชน แกลง้ จบั กู” ถอ้ ยคาดงั กลา่ วมิใช่เป็นเพยี งคากลา่ วท่ีไมส่ ุภาพและไม่สมควร แตเ่ ป็นถอ้ ยคาดูถกู
สบประมาทผเู้ สียหายท่ี 2 กบั พวก จาเลยท่ี 1 จึงมีความผดิ ฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งานตาม ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 136

คาอธิบายฎีกาท่ี 10674/2553 การท่ีจาเลยที่ 1 พดู กบั ผเู้ สียหายท่ี 2 วา่ “พวกมึงเป็นขา้ ราชการรังแกประชาชน
แกลง้ จบั กู”เป็นถอ้ ยคาท่ีทาให้เจา้ พนกั งานสรรพสามิตซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานไดก้ ระทาการตามหนา้ ท่ีไดร้ ับความ
เสียหาย เพราะเป็นถอ้ ยคาที่ท้งั ดูถูกและสบประมาทแก่เจา้ พนกั งานสรรพสามิต จึงจะเห็นไดว้ า่ จาเลยมีเจตนา
ประสงคต์ อ่ ผลหรือเลง็ เห็นผลท่ีจะทาใหเ้ จา้ พนกั งานไดร้ ับความอบั อายและความเสียหาย กรณีน้ีเป็นการกระทา
ท่ีครบท้งั องคป์ ระกอบภายนอกและภายในของความผิด จาเลยจึงมีความผิดฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งานซ่ึงไดก้ ระทา
การตามหนา้ ที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136

คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 8422/2558 การที่จาเลยท่ี 1 พดู จาใหร้ ้ายผเู้ สียหายขณะปฏิบตั ิหนา้ ท่ีเขา้ ตรวจคน้
ร้านโดยใชค้ าวา่ "ปลดั สน้ ตีน" ซ่ึงเป็นคาดูหม่ินเหยยี ดหยาม เป็นการกระทาความผดิ ฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งานซ่ึง
กระทาการตามหนา้ ท่ี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 สาเร็จแลว้ กระทงหน่ึง ส่วนการที่จาเลยท่ี 1
ร่วมกบั จาเลยท่ี 2 ทาใหผ้ เู้ สียหายเกิดความกลวั หรือความตกใจโดยการขเู่ ขญ็ ขณะที่ผเู้ สียหายเขา้ ตรวจภายในร้าน
โดยจาเลยที่ 1 พูดข้นึ วา่ ไปเอาปื นมายงิ ใหต้ าย อยา่ ใหอ้ อกไปได้ แลว้ จาเลยท่ี 2 ว่ิงไปหยบิ ไมเ้ บสบอลมาตี
ผเู้ สียหาย 1 ที จาเลยท่ี 1 เอาไมก้ วาดไล่ตีผเู้ สียหาย เป็นการกระทาต่อเนื่องกนั ไป โดยมีเจตนาเดียวกนั คือทาร้าย
ผเู้ สียหาย จึงเป็นการกระทากรรมเดียวกบั การร่วมกนั ใชก้ าลงั ทาร้ายผอู้ ่ืนโดยไมถ่ ึงกบั เป็นเหตใุ หเ้ กิดอนั ตรายแก่
กายหรือจิตใจ

คาอธิบายฎีกาท่ี 8422/2558 การท่ีจาเลยท่ี 1 ไดพ้ ดู จาใหร้ ้ายขณะท่ีเจา้ พนกั งานซ่ึงเป็นผเู้ สียหายไดเ้ ขา้ ไปปฏิบตั ิ
หนา้ ท่ีเขา้ ตรวจคน้ ร้าน โดยจาเลยท่ี 1 ใชค้ าวา่ "ปลดั ส้นตีน" ซ่ึงเป็นการดูหมิ่นเหยยี ดหยามเจา้ พนกั งานในขณะ
ปฏิบตั ิหนา้ ที่ ถือเป็นการกระทาที่มีเจตนาประสงคต์ ่อผลหรือเลง็ เห็นผลทาให้เจา้ พนกั งานหรือผูเ้ สียหายท่ี 2
ไดร้ ับความความอบั อายและเสียหาย ในกรณีน้ีจึงถือวา่ เป็นการกระทาท่ีครบองคป์ ระกอบของความผดิ ท้งั
ภายนอกและภายใน จาเลยที่ 1 จึงตอ้ งรับผดิ ฐานดูหมิ่นเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาการตามหนา้ ท่ี ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 136

10

กรณไี ม่เป็ นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทาการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทาการตามหน้าที่

คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 415/2528 จาเลยกล่าวต่อเจา้ พนกั งานตารวจผจู้ บั จาเลยว่า "ถา้ แน่จริงใหถ้ อดปื นที่
เอวมาต่อยกนั ตวั ต่อตวั " และ "ถา้ แน่จริงมายงิ กนั คนละนดั ก็ได้ ไมต่ อ้ งใชก้ าป้ัน ใชป้ ื นดีกวา่ " เป็นคากล่าวที่ไม่
สุภาพและไมส่ มควรเท่าน้นั แมข้ ณะท่ีกลา่ วจาเลยไดถ้ อดกางเกงขายาวท่ีจาเลยสวมอยอู่ อกเหลือแต่กางเกง
ช้นั ใน ก็มิไดเ้ ป็นการทาใหผ้ เู้ สียหายถกู ดูหม่ิน ถอ้ ยคาและกิริยาท่าทางดงั กลา่ วจึงไม่เป็นการดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน
ซ่ึงกระทาการตามหนา้ ที่

คาอธิบายฎีกาท่ี 415/2528 การที่จาเลยไดม้ ีการพูดกบั เจา้ พนกั งานตารวจวา่ "ถา้ แน่จริงใหถ้ อดปื นท่ีเอวมาตอ่ ย
กนั ตวั ต่อตวั " และ "ถา้ แน่จริงมายงิ กนั คนละนดั กไ็ ด้ ไมต่ อ้ งใชก้ าป้ัน ใชป้ ื นดีกวา่ " เป็นคากลา่ วท่ีไมไ่ ดท้ าใหเ้ จา้
พนกั งานตารวจไดร้ ับความอบั อายหรือเสียหายแต่อยา่ งใด เพยี งแต่เป็นคากล่าวที่ไม่สุภาพและไม่ควรเท่าน้นั
ถึงแมจ้ าเลยจะถอดกางเกงขายาวออกเหลือแต่กางเกงช้นั ในก็ตาม ก็มิไดเ้ ป็นการทาใหเ้ จา้ พนกั งานซ่ึงเป็น
ผเู้ สียหายถกู ดูหม่ิน ในการน้ีจะถือวา่ กระของจาเลยขาดองคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ กลา่ วคือไมม่ ีการดู
หม่ินเจา้ พนกั งาน จาเลยจึงไมม่ ีความผิดฐานดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136

คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 420/2529 จาเลยพูดโตต้ อบกบั พลตารวจ ม. ระหวา่ งพลตารวจ ม. ตรวจรถแทก็ ซ่ี
คนั ที่จาเลยกบั พวกนง่ั มา เม่ือพลตารวจ ม. บอกจาเลยวา่ หัวหนา้ ด่านตรวจคือร้อยตารวจโทปรีชาและพดู ตอ่ ไปวา่
หากจาเลยสงสัย วา่ เป็นด่านตรวจรถที่ต้งั ข้นึ ชอบดว้ ยกฎหมายหรือไม่ ใหไ้ ปสอบถามหัวหนา้ ด่านได้ จาเลยพูด
วา่ “แคร่ ้อยตารวจโทน้นั กระจอกไมอ่ ยากคุยดว้ ยหรอก” แปลความหมายไดว้ า่ จาเลยพดู กบั พลตารวจ ม. วา่ จาเลย
ไม่อยากพดู คยุ กบั หวั หนา้ ด่านตรวจท่ีมียศแค่ร้อยตารวจโท เพราะเห็นวา่ หวั หนา้ ด่านตรวจมียศต่าไป จาเลยหาได้
เจาะจงสบประมาทโจทกร์ ่วมวา่ เป็นคนต่าตอ้ ยหรือเลวแต่อยา่ งใดไม่ เป็นคาพดู ที่ไม่สุภาพเท่าน้นั หาใช่เป็นคา
ด่าหรือสบประมาทเหยยี ดหยามโจทกร์ ่วมใหไ้ ดร้ ับความอบั อาย ไมเ่ ป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 136

คาอธิบายฎีกาที่ 420/2529 การที่จาเลยไดม้ ีการพูดโตต้ อบกบั พลตรวจ ม. โดยมีการพดู ไปถึงโจทยร์ ่วมคือร้อย
ตารวจโทปรีชาวา่ “แค่ร้อยตารวจโทน้นั กระจอกไม่อยากคยุ ดว้ ยหรอก” ซ่ึงแปลความไดว้ า่ จาเลยแค่ไมอ่ ยาก
พูดคยุ กบั ร้อยตารวจโทเท่าน้นั และในการพูดของจาเลยน้นั ก็ไมไ่ ดท้ าใหร้ ้อยตารวจโทไดร้ ับความอบั อายหรือ
เสียหายแตอ่ ยา่ งใด ถึงแมจ้ าเลยมีเจตนาประสงคต์ ่อผลหรือเลง็ เห็นผลในการพดู แต่กไ็ ม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่น
เจา้ พนกั งาน เพราะขาดองคป์ ระกอบภายนอกของความผิด คอื การดูหมิ่น จาเลยจึงไมต่ อ้ งรับผดิ ฐานดูหม่ินเจา้
พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136

11

คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 786/2532 จาเลยที่ 1 เป็นผใู้ หญบ่ า้ นไดพ้ บกลมุ่ เยาวชนกาลงั ขดั ขวางการ
ปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่ และขม่ ขนื ใจเจา้ พนกั งานสรรพสามิตใหป้ ล่อยตวั อ. ผตู้ อ้ งหา ใหค้ นื สุราแช่ของกลาง ให้
มอบบนั ทึกการจบั กมุ จาเลยที่ 1 มิไดท้ าการจบั กุมในทนั ที ท้งั น้ีเพอ่ื ป้องกนั มิใหเ้ กิดเหตกุ ารณ์รุนแรงข้นึ น้นั ยงั
ถือไม่ไดว้ า่ จาเลยที่ 1 ได้ ละเวน้ การปฏิบตั ิตามหนา้ ท่ีโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จาเลยท่ี
1 กลา่ วแก่เจา้ พนกั งานสรรพสามิต ซ่ึงทาการจบั กมุ อ. ผตู้ อ้ งหาวา่ “โคตรแม่มึงเวลาเขาลกั ขโมยควายไป 2-3 วนั
ตามหาไมเ่ จอ เวลามีสุราทาไมจบั เร็วนกั พวกคณุ มาสร้างปัญหา คุณไมต่ อ้ งมามองหนา้ ผมหรอก คณุ เป็นหวั หนา้
ส่วนกระจอก ๆ ผมไม่กลวั คณุ หรอก ใหญ่กวา่ น้ีผมกไ็ มก่ ลวั ” เป็นการพูดเปรยเพื่อประชดประชนั วา่ ทาไมเรื่อง
สุราจบั เร็วนกั และเป็นถอ้ ยคาท่ีไมส่ ุภาพ มิใช่เป็นการสบประมาทเหยยี ดหยามดูหม่ินเจา้ พนกั งานผกู้ ระทาการ
ตามหนา้ ท่ี

คาอธิบายฎีกาท่ี 786/2532 การท่ีจาเลยท่ี 1 ไดม้ ีการกล่าวกบั เจา้ พนกั งานสรรพสามิตวา่ “โคตรแม่มึงเวลาเขาลกั
ขโมยควายไป 2-3 วนั ตามหาไม่เจอ เวลามีสุราทาไมจบั เร็วนกั พวกคุณมาสร้างปัญหา คณุ ไม่ตอ้ งมามองหนา้ ผม
หรอก คุณเป็นหวั หนา้ ส่วนกระจอก ๆ ผมไมก่ ลวั คุณหรอก ใหญ่กวา่ น้ีผมกไ็ ม่กลวั ” ถือวา่ เป็นการพดู เพ่ือประชด
ประชนั วา่ ทาไมเรื่องของสุราถึงจบั เร็วหนกั และในการพูดของจาเลยท่ี 1 น้นั ไม่ไดเ้ ป็นการพดู สบประมาทเจา้
พนกั งานแต่อยา่ งใด เพียงแต่เป็นการพดู ไมส่ ุภาพ ในกรณีน้ีจึงไม่ถือวา่ จาเลยที่ 1 มีความผิดฐานดูหม่ินเจา้
พนกั งาน เพราะจาเลยที่ 1 ขาดองคป์ ระกอบภายนอกของความผิด กล่าวคือจาเลยที่ 1 ไม่ไดม้ ีการดูหม่ินเจา้
พนกั งานซ่ึงกระทาการตามหนา้ ท่ี จาเลยจึงไม่ตอ้ งรับผิดฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 136

คาพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 4327/2540 การกระทาอนั เป็นองคป์ ระกอบสาคญั ประการหน่ึงของความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 คือ “ดูหม่ิน” ซ่ึงหมายถึงการด่า ดูถกู เหยยี ดหยาม หรือสบประมาทให้อบั
อาย ถอ้ ยคาที่จาเลยกลา่ วตอ่ ข. เจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาตามหนา้ ที่วา่ “แน่จริงมึงถอดเส้ือมาต่อยกบั กเู ลย” เป็นการ
กลา่ วทา้ ทายให้ ข. ออกมาตอ่ สูก้ บั จาเลย เป็นเพยี งคากล่าวท่ีไม่สุภาพและไม่สมควรเท่าน้นั ยงั ไม่ถึงข้นั ท่ีพอจะ
ใหเ้ ขา้ ใจวา่ จาเลยมีความมุ่งหมายที่จะด่า ดูถูกเหยยี ดหยาม หรือสบประมาทให้ ข. อบั อายแต่อยา่ งใด การกระทา
ของจาเลยจึงไมเ่ ป็นความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136

คาอธิบายฎีกา 4327/2540 การท่ีจาเลยกลา่ วต่อ ข. ซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานวา่ “แน่จริงมึงถอดเส้ือมาต่อยกบั กเู ลย”
เป็นการกระท่ีจาเลยกล่าวทา้ ทายเพ่ือให้ ข. ออกมาต่อสูก้ บั ตน เป็นการกระทาที่ไมถ่ ือวา่ เป็นการด่า ดูถกู เหยยี ด
หยาม หรือสบประมาทให้ ข. อบั อายแตอ่ ยา่ งใด ในกรณีน้ีการกระทาของจาเลยจึงไม่ถือวา่ เป็นความผดิ เพราะ

12

ขาดองคป์ ระกอบภายนอกของความผิด คอื จาเลยไม่ไดม้ ีการดูหม่ินเจา้ พนกั งาน จาเลยจึงไมต่ อ้ งรับผดิ ฐานดู
หม่ินเจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136

คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 6629/2556 จาเลยใชก้ าลงั ทาร้ายร่างกายโจทยร์ ่วมจนเป็นเหตุใหไ้ ดร้ ับอนั ตรายสาหสั
หลงั เกิดเหตุผเู้ สียหายที่ 2 ซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานตารวจติดตามไปจบั กมุ จาเลยท่ีบา้ น จาเลยด่าผเู้ สียหายท่ี 2 วา่ “ไอ้
เห้ีย ไอส้ ตั ว์ ไอห้ นา้ สน้ ตีน ไอควย ” เห็นวา่ ในขณะท่ีผเู้ สียหายที่ 2 มาถึงที่เกิดเหตุ การกระทาผิดของจาเลยได้
เสร็จสิ้นลงไปแลว้ มิไดป้ รากฏความผิดซ่ึงหนา้ ผเู้ สียหายท่ี 2 และผทู้ ี่เห็นเหตกุ ารณ์แจง้ ต่อผเู้ สียหายท่ี 2 วา่ จาเลย
ไดก้ ลบั บา้ นไปแลว้ ก็ไม่ใช่ความผิดซ่ึงเห็นกาลงั กระทาหรือพบในอาการใดซ่ึงแทบจะไม่มีความสงสัยเลยวา่ เขา
ไดก้ ระทาผิดมาแลว้ สด ๆ จึงไมใ่ ช่ความผดิ ซ่ึงหนา้ ท่ีผูเ้ สียหายท่ี 2 จะจบั กุมจาเลยไดโ้ ดยไม่มีหมายจบั และไม่
เขา้ ขอ้ ยกเวน้ ตามมาตรา 78 การที่ผเู้ สียหายท่ี 2 ไปจบั กมุ จาเลยที่บา้ น จึงเป็ นการจับโดยไม่มอี านาจ ถือไม่ได้ว่า
เป็ นการปฏบิ ัติหน้าที่โดยชอบ การท่ีจาเลยด่าผเู้ สียหายที่ 2 วา่ “ไอเ้ ห้ีย ไอส้ ตั ว์ ไอห้ นา้ สน้ ตีน ไอควย ” จึงไม่เป็น
ความผดิ ฐานดูหมิ่นเจา้ พนกั งานตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 แต่เป็นการดูหม่ินผอู้ ่ืนซ่ึงหนา้ ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

คาอธิบายฎีกาท่ี 6629/2556 การท่ีจาเลยด่าผเู้ สียหายท่ี 2 ซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานตารวจ วา่ “ไอเ้ ห้ีย ไอส้ ตั ว์ ไอห้ นา้
สน้ ตีน ไอควย ” ในขณะที่ผเู้ สียหายท่ี 2 ยงั มาไม่มาถึงที่เกิดเหตุ แตพ่ อผเู้ สียหายท่ี 2 มาถึงท่ีเกิดเหตุจาเลยได้
กระทาการวา่ ผเู้ สียหายที่ 2 เสร็จสิ้นลงไปแลว้ เป็นการกระทาท่ีจาเลยมิไดก้ ระทาต่อหนา้ ของเจา้ พนกั งานซ่ึง
กระทาการตามหนา้ ที่ จาเลยจึงไมม่ ีความผิดฐานดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 และ
ถา้ เจา้ พนกั งานรู้จากบลุ คลอื่นวา่ จาเลยไดม้ ีการด่าตน เจา้ พนกั งานตารวจหรือผเู้ สียหายท่ี 2 คดิ จะเอาผิดกบั จาเลย
ในการน้ีจะถือวา่ จาเลยมีความผิดฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งามมิได้ เพราะในขณะท่ีจาเลยไดว้ า่ น้นั เจา้ พนกั งานตารวจ
มิไดอ้ ยใู่ นท่ีเกิดเหตุและมิไดก้ ระทาการตามหนา้ ท่ี ดงั น้ีจาเลยจึงไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136

13

คาพพิ ากษาศาลฎกี า มาตรา 137

กรณกี ารแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนกั งานมคี วามผดิ

คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 1544/2524 จาเลยแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเท็จแก่เจา้ พนกั งานตารวจผจู้ บั กมุ วา่
ใบอนุญาตขบั รถของจาเลยหายพร้อมกบั แสดงสาเนาใบแจง้ ความ ซ่ึงความจริงใบอนุญาตขบั รถของจาเลยมิได้
หาย หากแตถ่ กู เจา้ พนกั งานตารวจยดึ ไวก้ ่อนแลว้ ดงั น้ี การแจง้ ความเทจ็ ของจาเลยมีเจตนาใหพ้ น้ จากการจบั กุม
ไม่ตอ้ งถูกดาเนินคดี ทาใหก้ รมตารวจ พนกั งานสอบสวนผมู้ ีหนา้ ที่สอบสวนไดร้ ับความเสียหายจาเลยจึงมี
ความผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็

คาอธิบายฎีกาท่ี 1544/2524 การท่ีจาเลยไดม้ ีการแจง้ ขอ้ ความแก่เจา้ พนกั งานตารวจผจู้ บั กมุ วา่ ใบอนุญาตขบั รถ
ของจาเลยหายพร้อมกบั มีการแสดงสาเนาใบแจง้ ความ แต่ความจริงใบอนุญาตของจาเลยมิไดห้ ายแตอ่ ยา่ งใด
เพียงแตถ่ กู เจา้ พนกั งานยดึ ไวก้ ่อนหนา้ น้ีแลว้ ในการน้ีถือวา่ จาเลยไดก้ ระทาการโดยแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่
เจา้ พนกั งาน ซ่ึงในการกระทาคร้ังน้ีเป็นการกระทาท่ีครบองคป์ ระกอบภายในและภายนอกของความผิด เพราะ
จาเลยรู้วา่ ขอ้ ความที่แจง้ น้นั เป็นความเทจ็ ถา้ หากทาลงไปแลว้ จะทาให้กรมตารวจ พนกั งานสอบสวนผมู้ ีหนา้ ท่ี
สอบสวนไดร้ ับความเสียหาย จึงถือวา่ จาเลยมีความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 137

คาพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1807/2531 บริษทั จาเลยที่ 1 โดยจาเลยที่ 2 ท่ี 3 ซ่ึงเป็นกรรมการมอบอานาจให้
ส. ไปแจง้ ความตอ่ เจา้ พนกั งานที่ดิน ขออายดั ท่ีดินหลายโฉนดของโจทก์โดยอา้ งวา่ โจทกเ์ ป็นลกู หน้ีจาเลย ท้งั ๆ
ที่ศาลฎีกาพิพากษาแลว้ วา่ โจทกม์ ิไดเ้ ป็นลกู หน้ีจาเลย จึงเป็นการกระทาโดยไม่สุจริตเพ่ือใหเ้ จา้ พนกั งานท่ีดิน
ผกู้ ระทาการตามหนา้ ที่จดขอ้ ความเทจ็ ลงในเอกสารราชการซ่ึงมีวตั ถุประสงคส์ าหรับใชเ้ ป็นพยานหลกั ฐาน แม้
ต่อมากรมที่ดินจะเห็นวา่ จาเลยมิไดม้ ีส่วนไดเ้ สียจึงไม่รับอายดั กเ็ ป็นการกระทาโดยประการท่ีน่าจะเกิดความ
เสียหายแก่โจทกแ์ ละประชาชนแลว้ จาเลยท้งั สามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, 83
การกระทาของนิติบคุ คลยอ่ มแสดงใหป้ รากฏโดยการกระทาของผแู้ ทนนิติบคุ คลน้นั เม่ือจาเลยท่ี 2 ที่ 3 ซ่ึงเป็น
กรรมการของบริษทั จาเลยที่ 1 ไดร้ ่วมกนั กระทาการเพื่อจาเลยท่ี 1 จาเลยท่ี 2 ที่ 3 ก็ตอ้ งร่วมรับผดิ ในการกระทา
น้นั ดว้ ย

คาอธิบายฎีกาที่ 1807/2531 การที่บริษทั จาเลยท่ี 1 ใหจ้ าเลยท่ี 2 ที่ 3 ซ่ึงเป็นกรรมการมอบอานาจให้ ส. ไปแจง้
ความต่อเจา้ พนกั งานท่ีดินเพื่อขออายดั ท่ีดินของโจทยโ์ ดยอา้ งวา่ โจทยเ์ ป็นลกู หน้ีของจาเลย ท้งั ที่ศาลพพิ ากษา
แลว้ วา่ โจทยม์ ิไดเ้ ป็นลกู หน้ีของจาเลย ในการน้ีจะถือวา่ เป็นการกระทาท่ีไมส่ ุจริตเพราะไดม้ ีการใหเ้ จา้ พนกั งาน

14

ที่ดินจดขอ้ ความเทจ็ ลงในเอกสาร แต่กรมที่ดินเห็นวา่ จาเลยไม่มีส่วนไดเ้ สียจึงไมก่ ระทาการอายดั โดยมีเจตนารู้
ไดว้ า่ ถา้ กระทาลงไปแลว้ จะทาใหโ้ จทยแ์ ละประชาชนเสียหาย การกระทาของผแู้ ทนนิติบุคคลน้นั คือจาเลยที่ 2
ที่ 3 ซ่ึงเป็นกรรมการของบริษทั จาเลยที่ 1 ไดร้ ่วมกนั กระทาการเพอื่ จาเลยท่ี 1 กรณีน้ีจึงถือวา่ จาเลยท่ี 2 ท่ี 3 ก็
ตอ้ งรับผิดร่วมกนั ในความผิดฐานแจง้ ความเท็จแก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 2141/2532 ผตู้ ายมีทายาทโดยธรรมท้งั หมด 6 คน จาเลยท้งั ส่ียน่ื คาร้องต่อเจา้
พนกั งานท่ีดินขอรับมรดกท่ีดินมีโฉนดแลว้ จาเลยท้งั ส่ีใหถ้ อ้ ยคาและยนื ยนั รับรองบญั ชีเครือญาติต่อเจา้ หนา้ ท่ี
ที่ดินท่ีสอบสวนที่ดินมรดกวา่ ผตู้ ายมีทายาทเพียง4 คน คือ จาเลยท้งั สี่ อนั เป็นเทจ็ ซ่ึงความจริงจาเลยท้งั ส่ีต่าง
ทราบดีอยแู่ ลว้ วา่ ผตู้ ายยงั มีบุตรสาวอีก 2 คนเป็นทายาทโดยธรรมเจา้ พนกั งานท่ีดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิ
ที่ดินใหแ้ ก่จาเลยท่ี 2ถึงท่ี 4 ตามคาขอของจาเลยท้งั สี่ ทาใหก้ รมที่ดินและบตุ รสาวอีก2 คน ของผตู้ ายเสียหาย
จาเลยท้งั ส่ียอ่ มมีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และกรณีเช่นน้ีถือวา่ เป็นความผดิ สาเร็จใน
วนั ที่กระทาความผิดน้นั เอง

คาอธิบายฎีกาที่ 2141/2532 การที่จาเลยท้งั ส่ีไดก้ ระทาการยน่ื คาร้องต่อเจา้ พนกั งานท่ีดินเพ่ือขอรับมรดกท่ีดินมี
โฉนดน้นั โดยจาเลยท้งั สี่ไดบ้ อกกลา่ วกบั เจา้ พนกั งานท่ีดินวา่ ผตู้ ายมีทายาทเพียงสี่คนเท่าน้นั แต่ความเป็นจริง
ผตู้ ายมีทายาทถึงหกคน ในกรณีน้ีถือวา่ จาเลยท้งั สี่มีเจตนาที่จะกระทาการแจง้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน
เม่ือเจา้ พนกั งานท่ีดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิใหแ้ ก่จาเลยท้งั ส่ี จึงทาใหก้ รมท่ีดินและบุตรอีกสองคน เสียหาย
จาเลยท้งั ส่ีซ่ึงมีการกระทาท่ีครบท้งั องคป์ ระกอบภายนอกและภายในของความผิด ตอ้ งรับผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็
แก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1955/2546 จาเลยท่ี 1 และท่ี 2 รู้มาแต่แรกแลว้ วา่ ล. ผเู้ ป็นบิดาไดข้ ายที่ดินพิพาท
ใหแ้ ก่ก. และโจทกท์ ่ี 1 การที่จาเลยท่ี 1 และท่ี 2 ไปแจง้ ความตอ่ เจา้ พนกั งานตารวจวา่ หนงั สือรับรองการทา
ประโยชน์ (น.ส.3) หายไป แลว้ จาเลยที่ 1 นาหลกั ฐานใบแจง้ ความไปแสดงต่อเจา้ พนกั งานที่ดินเพื่อขอออกใบ
แทนหนงั สือรับรองการทาประโยชน์ (น.ส.3)แทนฉบบั ที่อา้ งวา่ หายไป จึงมีเจตนาท่ีจะกระทาผิดหาใช่เป็นเรื่อง
ท่ีขาดเจตนาไม่ ความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ คอื การนาความเป็นเทจ็ ไปแจง้ ต่อเจา้ พนกั งานการที่จาเลยท่ี 1 และท่ี 2
รู้อยวู่ า่ ล. บิดาไดข้ ายที่ดินพิพาทไปแต่กลบั ไปแจง้ ต่อเจา้ พนกั งานตารวจวา่ หนงั สือรับรองการทาประโยชน์
(น.ส.3) หาย และจาเลยที่ 1 นาสาเนารายงานประจาวนั เก่ียวกบั คดีไปขอออกใบแทน จนกระทงั่ ไปดาเนินการรับ
โอนมรดกที่ดินพิพาทมาเป็นช่ือของจาเลยท่ี 1 ยอ่ มทาใหโ้ จทกท์ ้งั สองซ่ึงเป็นเจา้ ของผคู้ รอบครองที่ดินที่แทจ้ ริง
ตอ้ งไดร้ ับความเสียหายแลว้ หาใช่ไม่เป็นความผดิ เพราะโจทกท์ ้งั สองไมเ่ สียหายและไมม่ ีอานาจฟ้องไม่ การที่

15

จาเลยที่ 1 แจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ ตอ่ เจา้ พนกั งานตารวจและเจา้ พนกั งานที่ดินเป็นการกระทาตอ่ เนื่องกนั โดยมี
เจตนาเดียวกนั เพอื่ ขอใบแทนหนงั สือรับรองการทาประโยชน์ (น.ส.3) แลว้ รับโอนมรดกท่ีดินมาเป็นชื่อของตน
การกระทาของจาเลยท่ี 1จึงเป็นกรรมเดียว

คาอธิบายฎีกาที่ 1955/2546 การท่ีจาเลยท่ี 1 และท่ี 2 รู้วา่ ล. ผเู้ ป็นบิดาไดข้ ายที่ดินพิพาทใหแ้ ก่ ก. และโจทกท์ ่ี 1
แลว้ แต่จาเลยท่ี 1 และท่ี 2 ยงั ไปแจง้ ตอ่ เจา้ พนกั งานตารวจวา่ หนงั สือรับรองการทาประโยชน์ (น.ส.3) หายไป
และนาหลกั ฐานใบแจง้ ความไปแสดงตอ่ เจา้ พนกั งานท่ีดินเพ่อื ขอออกใบแทนหนงั สือรับรองการทาประโยชน์
(น.ส.3)แทนฉบบั ที่อา้ งวา่ หายไปและจาเลยที่ 1 นาสาเนารายงานประจาวนั เกี่ยวกบั คดีไปขอออกใบแทน
จนกระทงั่ ไปดาเนินการรับโอนมรดกท่ีดินพพิ าทมาเป็นช่ือของจาเลยที่ 1น้นั จาเลยท่ี 1 และท่ี 2 ไดก้ ระทาการ
แจง้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่เจา้ พนกั งานและมีเจตนาท่ีจะกระทาไปแลว้ เพือ่ ให้ ก. และโจทกท์ ่ี 1 ไดร้ ับความเสียหาย
การกระทาของจาเลยที่ 1 และท่ี 2 ครบองคป์ ระกอบภายนอกและภายในของความผิด ดงั น้ี จาเลยท่ี 1 และท่ี 2ก็
ตอ้ งรับผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 9556/2558 การที่จาเลยมอบอานาจใหท้ นายความไปยน่ื คาขอจดทะเบียนแกไ้ ข
เพิ่มเติมหนงั สือบริคณหส์ นธิ และแจง้ ยา้ ยท่ีต้งั สานกั งานแห่งใหญข่ องบริษทั บ. ต่อนายทะเบียนหุน้ ส่วนบริษทั
โดยอา้ งวา่ จาเลยไดบ้ อกกลา่ วนดั ประชุมวสิ ามญั ผถู้ ือหุน้ คร้ังที่ ๒/๒๕๕๒ โดยลงพิมพโ์ ฆษณาในหนงั สือพมิ พ์
และส่งมอบใหผ้ ถู้ ือหุน้ และท่ีประชุมวิสามญั มีมติพิเศษใหแ้ กไ้ ขเพิ่มเติมหนงั สือบริคณหส์ นธิ และยา้ ยที่ต้งั
สานกั งานแห่งใหญ่ของบริษทั จากเดิมที่ต้งั อยกู่ รุงเทพมหานครไปท่ีจงั หวดั ราชบรุ ีโดยไมเ่ ป็นความจริง การ
กระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดฐานแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่เจา้ พนกั งานและแจง้ ใหเ้ จา้ พนกั งานจดขอ้ ความ
อนั เป็นเทจ็ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และมาตรา 267

คาอธิบายฎีกาที่ 9556/2558 การท่ีจาเลยมอบอานาจใหท้ นายความไปยนื่ คาขอจดทะเบียนแกไ้ ขเพ่มิ เติมหนงั สือ
บริคณห์สนธิและแจง้ ยา้ ยท่ีต้งั สานกั งานแห่งใหญข่ องบริษทั บ.โดยอา้ งวา่ จาเลยไดบ้ อกกลา่ วนดั ประชุมวสิ ามญั
ผถู้ ือหุน้ คร้ังที่ ๒/๒๕๕๒ โดยลงพมิ พโ์ ฆษณาในหนงั สือพิมพแ์ ละส่งมอบใหผ้ ถู้ ือหุน้ และท่ีประชุมวสิ ามญั มี
มติพเิ ศษใหแ้ กไ้ ขเพ่ิมเติมหนงั สือบริคณหส์ นธิและยา้ ยท่ีต้งั สานกั งานแห่งใหญ่ของบริษทั จากเดิมท่ีต้งั อยู่
กรุงเทพมหานครไปที่จงั หวดั ราชบรุ ีโดยไม่เป็นความจริงน้นั เป็นการกระทาที่จาเลยมีเจตนาที่จะกระทาการแจง้
ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน ซ่ึงเป็นการกระทาครบท้งั องคป์ ระกอบภายนอกและภายในของความผดิ ตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 137 และมีการแจง้ ใหเ้ จา้ พนกั งานจดขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ อีกดว้ ย จึงมีความผดิ ตามประมวล
กฎหมายอาญา 267

16

กรณกี ารแจ้งความเทจ็ แก่เจ้าพนกั งานไม่เป็ นความผิด

คาพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 3107/2516 โจทกไ์ ดร้ ับอนุญาตใหม้ ีและใชอ้ าวุธปื น ไดพ้ กพาอาวธุ ปื นขณะท่ีมิได้
อยใู่ นบา้ นของตน แต่อยทู่ ี่บา้ นของพ่ีโจทก์ จาเลยเป็นตารวจไดต้ รวจคน้ พบอาวธุ ปื นน้นั ที่ตวั โจทก์ จึงจบั โจทก์
และแจง้ ความหาวา่ โจทกเ์ ป็นบคุ คลอนั ธพาล และพกพาอาวธุ ปื นกรณีเป็นเรื่องที่จาเลยแจง้ ขอ้ ความตาม
ขอ้ เทจ็ จริงท่ีปรากฏ การพกพาอาวธุ ปื นเช่นน้ีจะเป็นความผดิ ตอ่ กฎหมายตามท่ีจาเลยแจง้ หรือไม่ ไมส่ าคญั เพราะ
การแจง้ ขอ้ ความยอ่ มหมายถึงการแจง้ ขอ้ เทจ็ จริง ไม่เกี่ยวกบั ขอ้ กฎหมาย และการท่ีจาเลยแจง้ ดว้ ยวา่ โจทก์เป็น
บุคคลอนั ธพาลน้นั ก็ไม่ใช่เร่ืองเกี่ยวกบั ความผิดอาญาการกระทาของจาเลยจึงไม่เป็นความผดิ ฐานแจง้ ขอ้ ความ
อนั เป็นเทจ็

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3107/2516 การที่จาเลยซ่ึงเป็นตารวจไดเ้ ขา้ ตรวจคน้ ตวั โจทยแ์ ลว้ พบอาวุธปื น จึงจบั โจทกแ์ ละ
แจง้ ความหาวา่ โจทกเ์ ป็นบุคคลอนั ธพาล และพกพาอาวุธปื นน้นั การกระทาของจาเลยขาดองคป์ ระกอบภายนอก
ของความผิด กลา่ วคือ จาเลยไดม้ ีการแจง้ ขอ้ ความตามขอ้ เทจ็ จริงที่ปรากฏวา่ โจทยไ์ ดม้ ีการพกปื น ในการน้ีจึงไม่
ถือวา่ จาเลยมีความผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 เพราะจาเลยมี
การแจง้ ขอ้ เทจ็ จริงที่ปรากฏ มิไดแ้ จง้ ความเทจ็ แต่อยา่ งใด แมว้ า่ การพกปื นจะเป็นความผดิ ต่อกฎหมายตามท่ี
จาเลยแจง้ หรือไม่ ก็ไมส่ าคญั เพราะไมใ่ ช่เร่ืองเก่ียวกบั ความผดิ อาญาเลย

คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 2413/2521 จาเลยเจรจาค่าเสียหายกบั โจทกต์ อ่ หนา้ พนกั งานสอบสวนในการ
ท่ีส. ขบั รถชนบตุ รสาวโจทก์ และพนกั งานสอบสวนไดท้ าบนั ทึกไวแ้ มจ้ าเลยจะกลา่ วความเทจ็ แตเ่ มื่อจาเลยมิได้
เป็นผตู้ อ้ งหาในกรณีรถชนดงั กลา่ ว พนกั งานสอบสวนยอ่ มไมม่ ีหนา้ ท่ีทาการเปรียบเทียบ การท่ีพนกั งาน
สอบสวนทาการเปรียบเทียบจึงไมถ่ ือเป็นการกระทา โดยหนา้ ท่ีการกระทาของจาเลยจึงไมเ่ ป็นความผดิ ฐานแจ้ง
ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

คาอธิบายฎีกาท่ี 2413/2521 การท่ีจาเลยไดม้ ีการเจรจากบั โจทยต์ ่อหนา้ พนกั งานสอบสวน และพนกั งาน
สอบสวนไดท้ าการบนั ทึกไวแ้ มจ้ าเลยไดก้ ล่าวความเทจ็ ไว้ เม่ือจาเลยไมไ่ ดเ้ ป็นผตู้ อ้ งหาในกรณีรถชนน้นั
พนกั งานสอบสวนกย็ อ่ มไมม่ ีหนา้ ท่ีทาการเปรียบเทียบ ถา้ พนกั งานสอบสวนทาการเปรียบเทียบกรณีน้ีถือวา่ ไม่
เป็นการกระทา ในการน้ีการกระทาของจาเลยก็ไม่มีความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 137

17

คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 1237/2544 ขณะท่ีจาเลยจดทะเบียนสมรสกบั ส. ในวนั ที่ 10 สิงหาคม 2531 จาเลย
ไม่มีค่สู มรสเพราะจาเลยจดทะเบียนหยา่ กบั ค. ไปก่อนแลว้ จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขการสมรสตาม ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 1452จาเลยไมม่ ีคู่สมรสอยใู่ นขณะท่ีจดทะเบียนสมรส แมจ้ าเลยจะแจง้ วา่ จาเลย
เคยสมรสแตไ่ มไ่ ดจ้ ดทะเบียนสมรสกม็ ีผลอยา่ งเดียวกนั การที่นายทะเบียนจดทะเบียนสมรสใหจ้ าเลยกบั ส.
โดยเช่ือวา่ จาเลยไมเ่ คยสมรสมาก่อน จึงไม่อาจทาให้ผอู้ ื่นหรือประชาชนเสียหาย และไมน่ ่าจะเกิดความเสียหาย
แก่ผอู้ ่ืนหรือประชาชน จาเลยจึงไมม่ ีความผดิ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และมาตรา 267

คาอธิบายฎีกาที่ 1237/2544 การที่จาเลยจะทาการจดทะเบียนสมรสกบั ส. ในวนั ท่ี 10 สิงหาคม 2531 จาเลยไม่มี
คูส่ มรสเพราะจาเลยจดทะเบียนหยา่ กบั ค. ไปก่อนแลว้ จาเลยไม่ไดม้ ีการฝ่าฝืนเงื่อนไขการสมรมแต่อยา่ งใด แม้
จาเลยจะบอกต่อนายทะเบียนวา่ ตนเคยสมรสมาก่อนแลว้ แตไ่ ม่ไดจ้ ดทะเบียนสมรสกนั ในการน้ีนายทะเบียนจึง
จดทะเบียนสมรสใหจ้ าเลยกบั ส. โดยนายทะเบียนเช่ือวา่ จาเลยไม่เคยสมรสมาก่อน จึงไมอ่ าจทาใหผ้ อู้ ื่นหรือ
ประชาชนเสียหาย และไมน่ ่าจะเกิดความเสียหายแก่ผอู้ ่ืนหรือประชาชน การกระทาของจาเลยจึงขาด
องคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ จาเลยจึงไม่มีความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ แก่พนกั งาน ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 137 เละมาตรา 267

คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 5236/2549 ขอ้ ความที่จาเลยแจง้ ความร้องทกุ ขต์ ่อพนกั งานสอบสวนตรงตามสภาพ
เหตกุ ารณ์ที่เกิดข้ึน กรณีจึงเป็นเรื่องที่จาเลยแจง้ ความตามขอ้ เทจ็ จริงท่ีปรากฏ ส่วนการกระทาของโจทกท์ ้งั สอง
จะเป็นความผิดต่อกฎหมายตามที่จาเลยแจง้ หรือไม่ ไม่สาคญั เพราะการแจง้ ขอ้ ความยอ่ มหมายถึงแจง้ เฉพาะ
ขอ้ เทจ็ จริงไม่เกี่ยวกบั ขอ้ กฎหมาย แมต้ ่อมาพนกั งานสอบสวนจะไดด้ าเนินคดีแก่โจทกท์ ้งั สองตามที่จาเลยแจง้
และพนกั งานอยั การมีคาสงั่ เดด็ ขาดไมฟ่ ้องคดีโจทกท์ ้งั สองกต็ าม กย็ งั ถือไมไ่ ดว้ า่ ขอ้ ความที่จาเลยแจง้ น้นั เป็น
ความเทจ็

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 5236/2549 การที่จาเลยไดม้ ีการแจง้ ความร้องทุกขต์ ่อพนกั งานสอบสวน ซ่ึงตรงกบั ขอ้ เทจ็ จริง
ท่ีปรากฏน้นั เป็นการกระทาที่จาเลยขาดองคป์ ระกอบภายนอกของความผดิ กล่าวคอื จาเลยไดแ้ จง้ ความตรงตาม
สภาพเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้ึนจริง ซ่ึงในมาตรา 137 บอกไวว้ า่ การแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งานน้นั ตอ้ งเป็นขอ้ ความที่
ไม่ตรงกบั ขอ้ เทจ็ จริงหรือตรงขา้ มกบั ความเป็นจริง ในการน้ีการกระทาของจาเลยจึงไม่มีความผดิ ฐานแจง้ ความ
เทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และในส่วนของโจทยท์ ้งั สองน้นั จะเป็นความผิดต่อ
กฎหมายตามที่จาเลยแจง้ หรือไม่ ไมส่ าคญั เพราะการกระทาของจาเลยแสดงใหเ้ ห็นวา่ จาเลยไมไ่ ดม้ ีการแจง้
ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

18

คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 15508 / 2555 การดาเนินกระบวนพจิ ารณาในศาล ถือวา่ ศาลทาหนา้ ที่เป็นเจา้
พนกั งานในการยตุ ิธรรมในการพจิ ารณาคดี มิไดป้ ฏิบตั ิหนา้ ท่ีในฐานะเป็นเจา้ พนกั งานอยา่ งเจา้ พนกั งานทวั่ ไป
การที่จาเลยท้งั สองกบั พวกยนื่ คาร้องขอทุเลาการบงั คบั ในคดีส่วนแพ่งอนั เป็นการดาเนินกระบวนพิจารณาอยา่ ง
หน่ึงในศาล จึงมิใช่เป็นเรื่องการแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน การกระทาของจาเลยท้งั สองจึงไมเ่ ขา้ ลกั ษณะ
ความผิดฐานแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่เจา้ พนกั งานตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

คาอธิบายฎีกาท่ี 15508 / 2555 การท่ีจาเลยท้งั สองกบั พวกยนื่ คาร้องขอทเุ ลาการบงั คบั ในคดีส่วนแพ่งอนั เป็นการ
ดาเนินกระบวนพจิ ารณาอยา่ งหน่ึงในศาลน้นั ไม่เป็นการกระทาท่ีเขา้ ลกั ษณะความผิดฐานแจง้ ขอ้ ความอนั เป็น
เทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 แต่อยา่ งใด

การจะมีความผดิ ฐานแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่เจา้ พนกั งานไดน้ ้นั จะตอ้ งเป็น
การกระทาท่ีมีการแจง้ ขอ้ ความที่ไมต่ รงกบั ขอ้ เทจ็ จริงหรือตรงขา้ มกบั ความเป็นจริง หรือขอ้ ความที่ปรากฏ
ขอ้ เทจ็ จริงน้นั อาจทาใหผ้ ูอ้ ่ืนหรือประชาชนเสียหายโดยไม่ตอ้ งคานึงถึงผลวา่ ตอ้ งเกิดผลเสียหายข้ึนก่อนจึงจะ
เป็นความผดิ ดงั น้ีจะถึงไดว้ า่ มีความผิดฐานแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเท็จแก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 137

19

บทที่ 3

สรุปเนื้อหาและข้อเสนอแนะ

สรุปมาตรา 136 ความผดิ ฐานดหู มิ่นเจ้าพนกั งาน

ตามมาตรา 136 เป็นการกลา่ วถึงความผิดฐานที่มีการดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน ซ่ึงเจา้ พนกั งานในท่ีน้ีตอ้ งดูใน
คาอธิบายเพิ่มเติมมาตรา 1 (16)

ในมาตรา 136 จะประกอบไปดว้ ยองคป์ ระกอบภายนนอกและภายใน ดงั น้ี

1. องคป์ ระกอบภายนอก ผู้กระทา:ผใู้ ด / การกระทา:ดูหม่ิน / วัตถุแห่งการกระทา:เจา้ พนกั งานซ่ึงไดก้ ระทา
การตามหนา้ ที่ หรือเพราะไดก้ ระทาการตามหนา้ ท่ี

2. องคป์ ระกอบภายใน คือเจตนาธรรมดา (ประสงคต์ อ่ ผลหรือเลง็ เห็นผล) มาตรา 59 วรรค2 +วรรค3

“ดูหม่ิน” คือ การกระทาดว้ ยประการใด ๆ อนั เป็นการดูถกู เหยยี ดหยาม สบประมาท ด่าทอ ซ่ึงเป็นการ
กระทาในทางที่ลดคณุ ค่าของผอู้ ่ืน อาจจะกระทาดว้ ยวาจา กิริยาอาการหรือทาเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรกไ็ ด้

“ดูหม่ินเจา้ พนกั งาน ซ่ึงกระทาการตามหนา้ ที่หรือไดก้ ระทาการตามหนา้ ท่ี” หมายถึง ดูหมิ่นขณะเจา้
พนกั งานปฏิบตั ิหนา้ ท่ีหรือดูหมิ่นอนั เน่ืองมาจากเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหนา้ ที่ ตอ้ งเป็นการดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน
เทา่ น้นั จึงจะผิดมาตรา 136 จะนามาตรา 393 มาใชบ้ งั คบั มาตรา 136 ไมไ่ ด้ แตถ่ า้ เป็นการดูหมิ่นซ่ึงหนา้ จะผิดแค่
มาตรา 393 เทา่ น้นั

“เจตนา” ตามมาตรา 59 วรรคสอง รวมถึงรู้ขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็นองคป์ ระกอบของความผดิ ตามมาตรา 59
วรรคสาม ถา้ หากผกู้ ระทาไม่รู้วา่ ผถู้ ูกกระทาเป็นเจา้ พนกั งาน ในการน้ีถือวา่ ไม่มีเจตนาดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน

**ในการศึกษาคาพพิ ากษาศาลฎีกาสามารถดูไดจ้ ากบทท่ี 2**

กรณีการดูหมิ่นเจา้ พนกั งานผซู้ ่ึงกระทาการตามหนา้ ท่ีหรือเพราะไดก้ ระทาการตามหนา้ ที่

1.คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 623/2508 จาเลยช้ีหนา้ และวา่ เจา้ พนกั งานขณะปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ีวา่ "ปลดั นิกรน้ีจะ
เป็นบา้ หรืออยา่ งไร มาขดั ขวางกลนั่ แกลง้ จาเลยทางานไป โดยเลือกท่ีรักมกั ท่ีชงั ไมใ่ หค้ วามเป็นธรรม พยายาม
กลนั่ แกลง้ จาเลยคนเดียว พยายามกลนั่ แกลง้ จาเลยมาหลายคร้ังแลว้ " ถือเป็นการดูหม่ินเจา้ พนกั งาน

2.คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 5479/2536 จาเลยร้องด่าตารวจวา่ "ไอพ้ วกอนั ธพาลไอพ้ วกฉิบหาย ไอม้ ือปื น"เพราะเจา้
พนกั งานตารวจจะเขา้ ไปตรวจคน้ บา้ นจาเลย ถือเป็นการดูหม่ินเจา้ พนกั งาน

20

3.คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 501/2537 จาเลยถูกผเู้ สียหายซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานตารวจจบั กมุ จาเลยกล่าวกบั ผเู้ สียหายวา่
เป็นนายจบั อยา่ งไรก็ไดแ้ ละเรียกทาเยด็ แม่ดงั น้ี ถือเป็นการดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน
4.คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 10674/2553 จาเลยท่ี 1 พูดต่อผเู้ สียหายท่ี 2 กบั พวกซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานสรรพสามิตวา่
“พวกมึงเป็นขา้ ราชการรังแกประชาชน แกลง้ จบั ก”ู ถือเป็นการดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน
5.คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 8422/2558 การที่จาเลยท่ี 1 พดู จาใหร้ ้ายผเู้ สียหายขณะปฏิบตั ิหนา้ ที่เขา้ ตรวจคน้ ร้านโดย
ใชค้ าวา่ "ปลดั สน้ ตีน" ถือเป็นการดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน

กรณีไม่เป็นการดูหมิ่นเจา้ พนกั งานผซู้ ่ึงกระทาการตามหนา้ ที่หรือเพราะไดก้ ระทาการตามหนา้ ที่
1.คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 415/2528 จาเลยกล่าวต่อเจา้ พนกั งานตารวจผจู้ บั จาเลยวา่ "ถา้ แน่จริงใหถ้ อดปื นท่ีเอวมา
ตอ่ ยกนั ตวั ต่อตวั " และ "ถา้ แน่จริงมายงิ กนั คนละนดั กไ็ ด้ ไม่ตอ้ งใชก้ าป้ัน ใชป้ ื นดีกวา่ " ไม่ถือวา่ เป็นการดูหม่ิน
เจา้ พนกั งาน
2.คาพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 420/2529 จาเลยพูดโตต้ อบกบั พลตารวจ ม.จาเลยพูดวา่ “แค่ร้อยตารวจโทน้นั กระจอก
ไมอ่ ยากคยุ ดว้ ยหรอก” ไม่ถือวา่ เป็นการดูหม่ินเจา้ พนกั งาน
3.คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 786/2532 จาเลยท่ี 1 เป็นผใู้ หญบ่ า้ นจาเลยที่ 1 กลา่ วแก่เจา้ พนกั งานสรรพสามิต ซ่ึงทา
การจบั กุม อ. ผตู้ อ้ งหาวา่ “โคตรแม่มึงเวลาเขาลกั ขโมยควายไป 2-3 วนั ตามหาไม่เจอ เวลามีสุราทาไมจบั เร็วนกั
พวกคุณมาสร้างปัญหา คุณไมต่ อ้ งมามองหนา้ ผมหรอก คุณเป็นหวั หนา้ ส่วนกระจอก ๆ ผมไม่กลวั คณุ หรอก
ใหญก่ วา่ น้ีผมก็ไม่กลวั ” ไมถ่ ือวา่ เป็นการดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน
4.คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 4327/2540 จาเลยกล่าวตอ่ ข. เจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาตามหนา้ ที่วา่ “แน่จริงมึงถอดเส้ือมา
ต่อยกบั กูเลย” ไม่ถือวา่ เป็นการดูหม่ินเจา้ พนกั งาน
5.คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 6629/2556 จาเลยด่าผเู้ สียหายท่ี 2 วา่ “ไอเ้ ห้ีย ไอส้ ัตว์ ไอห้ นา้ ส้นตีน ไอควย” ซ่ึงด่าใน
ขณะท่ีผเู้ สียหายที่ 2 ยงั มาไมถ่ ึงที่เกิดเหตุ ผเู้ สียหายที่ 2 จะจบั กุมจาเลยฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งานไมไ่ ด้

ขอ้ เสนอแนะของมาตรา 136 ควรจดั ใหม้ ีการอธิบายเกี่ยวกบั ความผดิ ฐานดูหม่ินเจา้ พนกั งานใหบ้ ุคคล

ทว่ั ไปไดท้ ราบถึงบทลงโทษ ในกรณีหากมีการดูหม่ินเจา้ พนกั งานเกิดข้นึ ควรจะรับโทษอยา่ งไรและเพ่ือเป็นการ
ใหค้ วามรู้ความเขา้ ใจกบั บคุ คลทว่ั ไปไดศ้ ึกษา เพื่อไมใ่ หต้ นเองเดือดร้อนในการดูหม่ินเจา้ พนกั งาน

21

สรุปมาตรา 137 ความผดิ ฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนกั งาน

ตามมาตรา 137 เป็นการกลา่ วถึงเร่ืองความรับผิดฐานท่ีผกู้ ระทาไดก้ ระทาการแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน
ซ่ึงเจา้ พนกั งานกต็ อ้ งดูในคาอธิบายเพ่ิมเติมมาตรา 1 (16)

ในมาตรา 137 จะประกอบไปดว้ ยองคป์ ระกอบภายนอกและภายใน ดงั น้ี

องคป์ ระกอบภายนอก ผกู้ ระทา:ผู้ใด / การกระทา:แจ้งความอนั เป็ นเท็จ / วตั ถุแห่งการกระทา:แก่เจ้าพนกั งาน

องคป์ ระกอบภายใน คือ เจตนาธรรมดา

“ผ้กู ระทา” คือ ผแู้ จง้ ขอ้ ความอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ซ่ึงการแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็
ของนิติบุคคลกระทาโดยผา่ นผแู้ ทนนิติบุคคล

การกระทา คือ “แจ้งข้อความ” หมายถึง การกระทาใด ๆ เพอ่ื ให้เจา้ พนกั งานไดท้ ราบขอ้ ความน้นั อาจทา
โดยบอกหรือตอบคาถามเจา้ พนกั งาน หรือโดยวิธีการแสดงหลกั ฐาน หรืออาจกระทาโดยใชผ้ อู้ ื่นเป็นเครื่องมือ
ในการกระทาความผดิ ก็ได้

“ข้อความอนั เป็ นเทจ็ ” คือ ขอ้ ความที่ไม่ตรงกบั ขอ้ เทจ็ จริงหรือตรงขา้ มกบั ความเป็นจริง

1.ขอ้ ความท่ีแจง้ ตอ้ งเป็นขอ้ เทจ็ จริงในอดีตหรือในปัจจุบนั ท่ีไมต่ รงต่อความจริง

2.การแจง้ ความเทจ็ จะตอ้ งไมเ่ ก่ียวกบั ขอ้ กฎหมาย

3.ขอ้ เทจ็ จริงท่ีแจง้ ตอ้ งเป็นขอ้ สาคญั ท่ีอาจทาใหผ้ อู้ ื่นเสียหาย

4.การแจง้ ความเทจ็ ตอ้ งมีการยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จริงน้นั
“ความผดิ สาเร็จ” เม่ือขอ้ ความที่แจง้ ไปถึงเจา้ พนกั งานและเจา้ พนกั งานไดท้ ราบขอ้ ความแลว้ หากขอ้ ความ

ท่ีแจง้ ยงั ไปไมถ่ ึงเจา้ พนกั งานกเ็ ป็นเพยี งพยายามแจง้ ความเทจ็

“เจตนาธรรมดา” ตามมาตรา 59 วรรคสอง รวมท้งั รู้ขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็นองคป์ ระกอบความผิดตามมาตรา 59
วรรคสาม คือ รู้วา่ ขอ้ ความที่แจง้ น้นั เป็นความเทจ็ ถา้ ไม่รู้ ถือวา่ ไม่มีเจตนา

การแจง้ ความเทจ็ น้นั ผูแ้ จง้ ตอ้ งกระทาโดยเจตนา กล่าวคือ ตอ้ งรู้ขอ้ เทจ็ จริงวา่ สิ่งท่ีแจง้ น้นั เป็นเท็จ ไม่เป็น
ความจริงตามที่แจง้ เพราะหากแจง้ ตามที่เขา้ ใจเช่นน้ีถือวา่ ผแู้ จง้ ไมม่ ีเจตนา

22

**ในการศึกษาคาพพิ ากษาศาลฎีกาสามารถดูไดจ้ ากบทท่ี 2**

กรณีการแจง้ ความเท็จแก่เจา้ พนกั งานมีความผดิ

1.คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1544/2524 จาเลยแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเท็จแก่เจา้ พนกั งานตารวจผจู้ บั กุมวา่ ใบอนุญาต
ขบั รถของจาเลยหาย ซ่ึงความจริงใบอนุญาตขบั รถของจาเลยมิไดห้ าย หากแตถ่ กู เจา้ พนกั งานตารวจยดึ ไว้ ถือวา่
เป็นความผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

2.คาพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1807/2531 บริษทั จาเลยท่ี 1 โดยจาเลยท่ี 2 ที่ 3 ซ่ึงเป็นกรรมการมอบอานาจให้ ส. ไป
แจง้ ความต่อเจา้ พนกั งานท่ีดิน ขออายดั ท่ีดินของโจทกโ์ ดยอา้ งวา่ เป็นลูกหน้ีจาเลย ท้งั ที่ศาลฎีกาพิพากษาวา่
โจทกม์ ิไดเ้ ป็นลกู หน้ีจาเลย จึงใหเ้ จา้ พนกั งานที่ดินจดขอ้ ความเทจ็ ลงในเอกสารราชการใชเ้ ป็นพยานหลกั ฐาน
แมก้ รมท่ีดินจะเห็นวา่ จาเลยมิไดม้ ีส่วนไดเ้ สียจึงไมร่ ับอายดั กเ็ ป็นการกระทาท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์
และประชาชนแลว้ ถือวา่ เป็นความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

3.คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 2141/2532 จาเลยท้งั สี่ยนื่ คาร้องตอ่ เจา้ พนกั งานที่ดินเพื่อขอรับมรดกท่ีดิน โดยจาเลยท้งั
สี่แจง้ ความอนั เป็นเทจ็ วา่ ผตู้ ายมีลกู ส่ีคน ซ่ึงความจริงผตู้ ายยงั มีบุตรสาวอีก 2 คน ในการณีจึงทาใหก้ รมท่ีดินและ
บตุ รสาวอีก2 คนของผตู้ ายเสียหาย ถือวา่ เป็นความผิดฐานแจง้ ความเท็จแก่เจา้ พนกั งาน

4.คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 1955/2546 จาเลยท่ี 1 และท่ี 2 รู้มาแต่แรกแลว้ วา่ ล. ผเู้ ป็นบิดาไดข้ ายท่ีดินพพิ าทใหแ้ ก่
ก. และโจทกท์ ่ี 1 และจาเลยที่ 1 และที่ 2 ไปแจง้ ความตอ่ เจา้ พนกั งานตารวจวา่ หนงั สือรับรองการทาประโยชน์
(น.ส.3) หายไป จึงไดน้ าหลกั ฐานใบแจง้ ความไปแสดงต่อเจา้ พนกั งานท่ีดินเพอ่ื ขอออกใบแทนหนงั สือรับรอง
การทาประโยชน์ (น.ส.3)แทนฉบบั ท่ีอา้ งวา่ หายไป ถือวา่ เป็นความผดิ ฐานแจง้ ความเท็จแก่เจา้ พนกั งาน

5.คาพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 9556/2558 การท่ีจาเลยมอบอานาจใหท้ นายความไปยนื่ คาขอจดทะเบียนแกไ้ ขเพ่มิ เติม
หนงั สือบริคณหส์ นธิ และแจง้ ยา้ ยท่ีต้งั สานกั งานแห่งใหญ่ของบริษทั บ. ต่อนายทะเบียนหุน้ ส่วนบริษทั โดยอา้ ง
วา่ จาเลยไดบ้ อกกล่าวนดั ประชุมวิสามญั ผถู้ ือหุน้ คร้ังที่ ๒/๒๕๕๒ มีมติพเิ ศษใหแ้ กไ้ ขเพ่มิ เติมหนงั สือบริคณห์
สนธิ และยา้ ยที่ต้งั สานกั งานแห่งใหญไ่ ปที่จงั หวดั ราชบุรีโดยไมเ่ ป็นความจริง ถือวา่ เป็นความผดิ ฐานแจง้ ความ
เทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

23

กรณีการแจง้ ความเท็จแก่เจา้ พนกั งานไม่เป็นความผดิ

1.คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 3107/2516 จาเลยซ่ึงเป็นตารวจไดต้ รวจคน้ พบอาวุธปื น จึงจบั และแจง้ ความหาวา่ โจทก์
เป็นบุคคลอนั ธพาล และพกพาอาวธุ ปื นกรณีเป็นเรื่องท่ีจาเลยแจง้ ขอ้ ความตามขอ้ เทจ็ จริงท่ีปรากฏ ไม่ถือวา่ เป็น
ความผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

2.คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 2413/2521 จาเลยเจรจาคา่ เสียหายกบั โจทก์ตอ่ หนา้ พนกั งานสอบสวนในการท่ีส. ขบั รถ
ชนบุตรสาวโจทก์ และพนกั งานสอบสวนไดท้ าบนั ทึกไวแ้ มจ้ าเลยจะกล่าวความเทจ็ พนกั งานสอบสวนยอ่ มไม่มี
หนา้ ที่ทาการเปรียบเทียบ ถา้ มีการเปรียบเทียบจึงไม่ถือเป็นการกระทา การกระทาของจาเลยจึงไมเ่ ป็นความผิด
ฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

3.คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1237/2544 จาเลยจดทะเบียนสมรสกบั ส. ในวนั ที่ 10 สิงหาคม 2531 จาเลยไมม่ ีคูส่ มรส
เพราะจาเลยจดทะเบียนหยา่ กบั ค. ไปก่อนแลว้ จาเลยไมม่ ีค่สู มรสในขณะที่จดทะเบียน แมจ้ าเลยจะแจง้ วา่ จาเลย
เคยสมรสแตไ่ ม่ไดจ้ ดทะเบียน นายทะเบียนจดทะเบียนสมรสใหจ้ าเลยกบั ส. โดยเชื่อวา่ จาเลยไมเ่ คยสมรสมา
ก่อน จึงไมอ่ าจทาใหผ้ อู้ ่ืนหรือประชาชนเสียหาย และไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผอู้ ่ืนหรือประชาชน ไม่ถือวา่
เป็นความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

4.คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 5236/2549 ขอ้ ความที่จาเลยแจง้ ตอ่ พนกั งานสอบสวน เป็นเรื่องท่ีจาเลยแจง้ ความตาม
ขอ้ เทจ็ จริงท่ีปรากฏ ส่วนการกระทาของโจทกท์ ้งั สองจะเป็นความผดิ ต่อกฎหมายตามท่ีจาเลยแจง้ หรือไม่ ไม่
สาคญั เพราะการแจง้ ขอ้ ความคือแจง้ เฉพาะขอ้ เทจ็ จริงไม่เก่ียวกบั ขอ้ กฎหมาย จึงไมถ่ ือวา่ เป็นความผิดฐานแจง้
ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

5.คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 15508/2555 จาเลยท้งั สองกบั พวกยน่ื คาร้องขอทเุ ลาการบงั คบั ในคดีส่วนแพง่ อนั เป็น
การดาเนินกระบวนพิจารณาอยา่ งหน่ึงในศาล เป็นการแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นขอ้ เท็จจริงที่เก่ียวกบั ขอ้ กฎหมาย จึง
ไม่ถือวา่ เป็นความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน

ขอ้ เสนอแนะของมาตรา 137 ควรมีการใหส้ ิทธิเจา้ พนกั งานในการตรวจสอบวา่ ขอ้ ความที่ผูแ้ จง้ ไดแ้ จง้
มาน้นั เป็นขอ้ เท็จจริงหรือเป็นเทจ็ วา่ มีความเป็นมาอยา่ งไรกนั แน่ และควรจดั ใหม้ ีการอธิบายเพือ่ ใหค้ วามรู้ ความ
เขา้ ใจกบั บคุ คลธรรมดาทวั่ ไป เพือ่ ใหบ้ ุคคลธรรมดาไดร้ ู้และปฏิบตั ิตาม เพ่ือไม่ใหเ้ กิดปัญหาในภายหลงั

24

บรรณานุกรม

สหรัฐ กิติ ศุภการ.(2561). หลกั และคาพพิ ากษา:กฎหมายอาญา (พมิ พค์ ร้ังท่ี 8). กรุงเทพฯ:บริษทั
อมรินทร์พริ้นติ้งแอนดพ์ บั ลิชชิ่ง จากดั (มหาชน).

ดร.เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ.(2564). กฎหมายอาญาภาคความผิด เล่ม1 คาอธิบายเกยี่ วกบั กรรมเดยี วผิด
กฎหมายบทเดยี ว บทแฉพาะ บททัว่ ไป บทธรรมดา บทฉกรรจ์ บทเบา บทหนกั ถาม-ตอบ ความผดิ เกยี่ วกบั การ
ปกครอง และความผดิ เกยี่ วกบั การยุตธิ รรม (พมิ พค์ ร้ังท่ี 6 แกไ้ ขเพ่ิมเติม).กรุงเทพฯ:หจก. สานกั พิมพ์ พลสยาม
พริ้นติ้ง (ประเทศไทย)

เบียร์ศีข้ีฟ้อง. /(2563). /ตวั อยา่ งและโทษของการดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน มาตรา 136. / 15 กนั ยายน 2564./
จากเวบ็ ไซต:์ http://www.beerseelawyer.com

เดชา กิตติวทิ ยานนั ท์ ทนายคลายทกุ ข.์ / (2560)./ดูหมิ่นเจา้ พนกั งานผา่ นโซเชียล./ 15 กนั ยายน 2564. /
จากเวบ็ ไซต:์ https://www.posttoday.com/social/think/498690

ทนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม./ (2562). /ขอ้ ควรรู้ความผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็ . / 17 กนั ยายน 2564. /
จากเวบ็ ไซต:์ https://www.norasatelawyer.com/https-www-norasatelawyer-com/

นาวิน ขาแป้น. / (2562). /มาตรา 137:กฎหมายอาญา. / 18 กนั ยายน 2564. /

จากเวบ็ ไซต:์ https://www.keybookme.com/criminal-law/get-dd?matra=137&a1=&a2=active&a3=&a4=


Click to View FlipBook Version