รายงานการสัมมนา
รายวิชา สัมมนากฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา
หัวข้อ การถอนฟ้องในคดีอาญา
จัดทำโดย กลุ่มที่ 12
นิสิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา
กลุ่มที่ 12 1 ชื่อโครองการ
การถอนฟ้องในคดีอาญา วันเวาลา สถานที่
ปี 2565 2 หลักการและเหตุผล
ของโครงการ
สารบัญ
3 วัตถุประสงค์ของ
กิจกรรมโครงการ
4 ผลที่ได้รับจากการ
จัดโครงการ
5 รายละเอียดจากการ
ถอดความรู้จาก
วิทยากรท่าที่ 1
6 รายละเอียดจากการ
ถอดความรู้จาก
วิทยากรท่าที่ 2
7 รายละเอียดจากการ
ถอดความรู้จาก
วิทยากรท่าที่ 3
8 บทสรุปจากการ
สัมมนา
รายละเอียดกิจกรรมโครงการสัมมนา
กลุ่มที่ 12| การถอนฟ้องในคดีอาญา ปี 2565
แนวคิดในการจัดกิจกรรมหรือโครงการ
แนวคิดในการจัดกิจกรรมหรือโครงการ สัมมนาทางวิชาการ เรื่อง การถอนฟ้องในคดีอาญา ตามกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา35 ในบางประเด็นที่ผู้อภิปรายหรือวิทยากรเห็นว่า อาจมีปัญหาในการปรับใช้
ทั้งนี้ จึงจะมีการถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวกับเรื่องที่จะอภิปราย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการนี้ ได้แลก
เปลี่ยนความรู้และแสดงความคิดเห็น
1. ชื่อโครงการ
โครงการสัมมนาทางวิชาการกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา
"การถอนฟ้องในคดีอาญา มาตรา35"
2. วันเวลา สถานที่จัดโครงการ
ระยะเวลาดำเนินการ : วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 14.00-15.00 น.
ลักษณะของกิจกรรม : เป็นกิจกรรมอภิปรายเกี่ยวกับตัวบทกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และแสดงความคิดเห็นโดยวิทยากร
สถานที่จัดโครงการ : ดำเนินการอบรม ผ่านระบบออนไลน์ โปรแกรม Cisco Webex Meeting
1
รายละเอียดกิจกรรมโครงการสัมมนา
กลุ่มที่ 12| การถอนฟ้องในคดีอาญา ปี 2565
3. หลักการและเหตุผลของโครงการ
หลักการถอนฟ้องของคดีอาญา เป็นการที่โจทก์ในคดีอาญามีเจตนาจะไม่ดำเนินคดีอาญาที่ได้
ยื่นฟ้องต่อศาลแล้วอีกต่อไป จึงต้องการจะยุติดำเนินคดีอาญาที่อยู่ในชั้นศาลนั้นโดยการถอน
ฟ้องต่อศาล ในการถอนฟ้องต่อศาลนั้น สามารถถอนฟ้องได้ทั้งคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว
และความผิดอาญาแผ่นดิน แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของผู้มีอำนาจถอนฟ้องและ
ระยะเวลาในการถอนฟ้อง รวมถึงเหตุผลในการอนุญาตของศาลในการถอนฟ้อง ในประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา35 กำหนดไว้ว่า “คำร้องขอถอนฟ้องคดีอาญาจะยื่น
เวลาใดก่อนมี คำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ได้ ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตหรือมิอนุญาต ให้ถอนก็ได้
แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรประการใด ถ้าคำร้องนั้นได้ยื่น ในภายหลังเมื่อจำเลยให้การแก้คดีแล้ว
ให้ถามจำเลยว่าจะคัดค้าน หรือไม่ แล้วให้ศาลจดคำแถลงของจำเลยไว้ ในกรณีที่จำเลยคัดค้าน
การถอนฟ้อง ให้ศาลยกคำร้องขอถอนฟ้องนั้นเสีย
คดีความผิดต่อส่วนตัวนั้น จะถอนฟ้องหรือยอมความในเวลาใด ก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ แต่ถ้า
จำเลยคัดค้าน ให้ศาลยกคำร้องขอถอน ฟ้องนั้นเสีย” แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่เห็นแย้งกับความ
เห็นดังกล่าวว่า “ไม่มีข้อความตอนใดที่เขียนบังคับไว้อย่างชัดเจนว่า หากจำเลยไม่คัดค้านศาล
ต้องอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือจำหน่ายคดีเท่านั้น และเมื่อมีการถอนคำร้องทุกข์ในชั้นสอบสวน
ถอนฟ้องหรือยอมความกันในชั้นพิจารณาคดีของศาลแล้ว ผู้เสียหายย่อมไม่มีสิทธิฟ้องคดีได้
อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39 อนุ2 ประกอบกับพนักงานอัยการ
และศาลก็ไม่สามารถใช้ดุลพินิจได้ในกรณีคดีอาญาที่เป็นความผิดต่อส่วนตัว
2
รายละเอียดกิจกรรมโครงการสัมมนา
กลุ่มที่ 12| การถอนฟ้องในคดีอาญา ปี 2565
4. วัตถุประสงค์ของกิจกรรมโครงการ
1. เพื่ออธิบายถึงปัญหาและวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการถอนฟ้องในคดีอาญา
2. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ ความเข้าใจในหลักการและสาระสำคัญของการถอนฟ้องคดีอาญา
3. เพื่อให้ผู้มีส่วนร่วมในการสัมมนาได้แลกเปลี่ยน แสดงความคิดเห็นในเรื่องของการถอนฟ้องในคดีอาญา
3
รายละเอียดโครงการต่อ
กลุ่มที่ 12| การถอนฟ้องในคดีอาญา ปี 2565
5. ผลที่ได้รับจากการจัดโครงการ
1. ได้ถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่จะอภิปราย
2.สามารถนำสิ่งที่ผู้สัมมนาและผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แสดงความคิดเห็นนั้นมาปรับใช้กับปัญหาในบางประเด็นได้
3.ผู้สัมมนาและผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถนำความรู้ซึ่งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้นไปใช้ประโยชน์ได้จริง
4
รายละเอียดโครงการต่อ
กลุ่มที่ 12| การถอนฟ้องในคดีอาญา ปี 2565
6. รายละเอียดของการถอดความรู้จากวิทยากรท่านที่ 1
นางสาวอัสลีนา กูโน
การถอนฟ้องในคดีอาญา
มาตรา 35 คำร้องขอถอนฟ้องคดีอาญาจะยื่นเวลาใดก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ได้ ศาลจะมีคำสั่ง
อนุญาตหรือมิอนุญาตให้ถอนก็ได้ แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรประการใด ถ้าคำร้องนั้นได้ยื่นในภายหลังเมื่อจำเลย
ให้การแก้คดีแล้ว ให้ถามจำเลยว่าจะคัดค้านหรือไม่ แล้วให้ศาลจดคำแถลงของจำเลยไว้ ในกรณีที่จำเลยคัดค้านการ
ถอนฟ้อง ให้ศาลยกคำร้องขอถอนฟ้องนั้นเสีย
คดีความผิดต่อส่วนตัวนั้น จะถอนฟ้องหรือยอมความในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ แต่ถ้าจำเลย
คัดค้าน ให้ศาลยกคำร้องขอถอนฟ้องนั้นเสีย ปัญหาผู้มีสิทธิที่จะถอนฟ้องคดีอาญาหรือดำเนินคดีต่อในคดีความผิด
ต่อส่วนตัวที่มีผลกระทบต่อสังคมส่วนรวมกล่าวคือการถอนฟ้องโดยผู้เสียหายในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของไทยมาตรา 35 วรรคสอง โดยไม่มีข้อความตอนใดที่เขียนบังคับไว้อย่าง
ชัดเจนว่าหากจำเลยไม่คัดค้านศาลต้องอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือจำหน่ายคดีเท่านั้นและเมื่อมีการถอนคำร้องทุกข์ใน
ชั้นสอบสวนถอนฟ้องหรือยอมความกันในชั้นพิจารณาคดีของศาลแล้วผู้เสียหายย่อมไม่มีสิทธิฟ้องคดีได้อีกตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (2) ประกอบกับพนักงานอัยการและศาลก็ไม่สามารถใช้ดุลพินิจ
ได้ในกรณีคดีอาญาที่เป็นความผิดต่อส่วนตัวเช่นนี้เพราะกฎหมายกำหนดให้เป็นสิทธิของผู้เสียหายหรือโจทก์เท่านั้นที่
เป็นผู้มีสิทธิถอนฟ้อง แต่กฎหมายกำหนดให้ศาลมีอำนาจยกคำร้องขอถอนฟ้องดังกล่าวได้กรณีเดียวเท่านั้นถ้าหาก
ปรากฏว่าจำเลยคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้องดังกล่าวตามมาตรา 35 วรรคสอง
ดังนั้นรัฐจึงไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดได้หากผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์
แสดงเจตนาให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3196/2549
ป.วิ.อ. มาตรา 35 มิได้บัญญัติถึงวิธีถอนฟ้องว่าจะต้องทำเป็นคำร้องแต่วิธีเดียวเท่านั้น หากคู่ความมาอยู่ต่อหน้า
ศาลและแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาย่อมไม่ห้ามศาลที่จะยอมรับคำแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาที่ได้กระทำในศาล โดย
จดข้อความขอถอนฟ้องนั้นลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาหรืออาจจะกำหนดให้โจทก์ถอนฟ้องโดยทำเป็นคำร้อง
ขอถอนฟ้องก็ได้แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร
หลักเกณฑ์การถอนฟ้อง
ก. คำร้องขอถอนฟ้องคดีอาญาต่อแผ่นดิน
(1) อาจยื่นเวลาใดก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ได้
(2) ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตหรือมิอนุญาตให้ถอนฟ้องก็ได้ แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรประการใด
(3) ถ้าคำร้องนั้นได้ยื่นภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแก้คดีแล้ว ให้ถามจำเลยก่อนว่าคัดค้านหรือไม่ แล้วให้ศาลจด
คำแถลงของจำเลยไว้
(4) ในกรณีที่จำเลยคัดค้านการถอนฟ้อง ให้ศาลยกคำร้องขอถอนฟ้องนั้นเสีย (ถ้าไม่คัดค้านก็แล้วแต่ดุลพินิจของ
ศาล)
ข. คำขอขอถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัว
(1) จะถอนฟ้อง หรือยอมความในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ (2) ถ้าจำเลยคัดค้านให้ศาลยกคำร้องขอถอนฟ้องเสีย
ตัวอย่างเช่นฎีกาต่อไปนี้
ฎีกาที่ ๑๒๔๑/๒๕๒๖ พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม แม้ว่าจะเป็นเป็นคดีความผิดต่อส่วน
ตัวและบทบัญญัติกฎหมายชอบที่ผู้เสียหายจะถอนคำฟ้อง หรือยอมความได้ก่อนคดีถึงที่สุดก็ตาม (มาตรา 35วรรค
สอง) แต่ผู้เสียหายจะไปขอถอนคำฟ้อง ซึ่งเป็นของพนักงานอัยการหาได้ไม่ แต่อย่างไรก็ดี การแสดงเจตนานั้นก็
เสมือนเป็นการถอนคำร้องทุกข์ สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องก็ย่อมระงับไปตามมาตรา 126 และมาตรา 39 (2)
5
รายละเอียดโครงการต่อ
กลุ่มที่ 12| การถอนฟ้องในคดีอาญา ปี 2565
6. รายละเอียดของการถอดความรู้จากวิทยากรท่านที่ 2
นางสาววิภวานี แสงสง
ผลการถอนฟ้องคดี
คดีอาญาถ้าได้ถอนฟ้องไปจากศาลแล้ว จะนำมาฟ้องใหม่อีกไม่ได้ เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นต่อไปนี้
1.ถ้าพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดต่อส่วนตัวและได้ถอนฟ้องคดีนั้นไป การถอนฟ้องไม่ตัด
สิทธิผู้เสียหายที่จะยื่นฟ้องคดีนั้นใหม่
2.ถ้าพนักงานอัยการถอนฟ้องคดีซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัว โดยมิได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้เสียหาย
การถอนฟ้องไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะยื่นฟ้องคดีนั้นใหม่
3.ถ้าผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องคดีอาญาไว้แล้วถอนฟ้องคดีนั้น การถอนฟ้องไม่ตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องคดี
นั้นใหม่ เว้นแต่เป็นความผิดต่อส่วนตัว
ตัวอย่างเช่นฎีกาต่อไปนี้
ฎีกาที่ 1790/2492 ภรรยาผู้ตายได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าฆ่าผู้ตาย โดยเจตนา ศาลชั้นต้นรับฟ้องไว้ไต่สวน
มูลฟ้องแล้ว ต่อมาศาลได้อนุญาตให้ภรรยาผู้ตายถอนฟ้องแล้ว บิดามารดาของผู้ตายจะกลับมาฟ้องขอให้ลงโทษ
จำเลยในความผิดฐานเดียวกันนั้นอีกไม่ได้ เพราะถือว่าได้ถอนคดีอาญาไปจากศาลแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญามาตรา 36 กล่าวคือ เมื่อผู้จัดการแทนคนหนึ่งถอนฟ้องคดีอาญาไป มีผลทำให้สิทธิในการนำคดี
อาญามาฟ้องระงับไป ผู้จัดการแทนคนใหม่ก็ไม่มีอำนาจมาฟ้องใหม่ ขัดมาตรา 39(2)
ศาลฎีกาได้วางหลักกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องถอนฟ้องไว้ดังต่อไปนี้
1. โดยปกติโจทก์จะเป็นผู้มีสิทธิขอถอนฟ้อง แต่ถ้าเป็นโจทก์ร่วมศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการที่โจทก์ร่วมขอถอนคำร้อง
ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมหรือขอถอนตัวจากการเป็นโจทก์ร่วมมีผลเท่ากับเป็นการถอนฟ้อง (ฎีกา 7241/2544)
2. ถ้าผู้เสียหายไม่ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วยกับอัยการ ผู้เสียหายจะขอถอนฟ้องไม่ได้ ศาลฎีกาตีความว่าคำร้อง
ขอถอนฟ้องนั้นเท่ากับเป็นการถอนคำร้องทุกข์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องก็ระงับเช่นกัน (ฎีกา 1241/2526)
ข้อสังเกตและข้อเปรียบเทียบกับการถอนฟ้องคดีแพ่งและผลของการถอนฟ้องคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพ่ง มาตรา 175
ข้อสังเกตและข้อเปรียบเทียบกับการถอนฟ้องคดีแพ่ง และผลของการถอนฟ้องคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 สามารถแยกได้ดังนี้
การถอนฟ้องในคดีแพ่ง
1. ก่อนจำเลยยื่นคำให้การตามมาตรา 175 วรรคแรก โจทก์อาจถอนคำฟ้องได้ โดยยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือ
ต่อศาล
2. ภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้วตามมาตรา 175 วรรคสอง โจทก์อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้น
ต้น เพื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องได้ โดยศาลจะอนุญาต หรือไม่อนุญาต หรืออนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็น
สมควรก็ได้ และ
(1) ห้ามมิให้ศาลอนุญาตโดยมิได้ฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดถ้าหากมีก่อน
(2) ในกรณีที่โจทก์ถอนคำฟ้องเนื่องจากมีข้อตกลงประนีประนอมยอมความกัน ให้ศาลอนุญาตไปตามคำขอ
นั้น
ผลของการถอนฟ้องหรือทิ้งฟ้องคดีแพ่ง
ย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องนั้น รวมทั้งกระบวนพิจารณาที่มีมาต่อภายหลังยื่นคำฟ้อง และกระทำให้คู่
ความกลับคืนเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นฟ้องเลย และคำฟ้องใดๆ ที่ทิ้งหรือถอนแล้ว อาจยื่นใหม่ได้ภายใต้
บทบัญญัติเรื่องอายุความ
6
รายละเอียดโครงการต่อ
กลุ่มที่ 12| การถอนฟ้องในคดีอาญา ปี 2565
6. รายละเอียดของการถอดความรู้จากวิทยากรท่านที่ 3
นางสาวภาวินันท์ ช่วยยก
คดีอาญาเลิกกัน
ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กรณี
(1) เลิกกันโดยเสียค่าปรับในอัตราอย่างสูง มีบัญญัติไว้ตามมาตรา 37(1)
(2) เลิกกันโดยการเปรียบเทียบของเจ้าพนักงาน มีบัญญัติไว้ตามมาตรา 37 (2) (3) (4)
(3) คดีซึ่งเปรียบเทียบได้ตามกฎหมายอื่น เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามคำเปรียบเทียบของพนักงานเจ้าหน้าที่
แล้ว
หลักเกณฑ์การเปรียบเทียบปรับที่ทำให้คดีเลิกกัน
หลักเกณฑ์นี้ เป็นอำนาจการเปรียบเทียบปรับของพนักงานสอบสวน โดย พนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบความ
ผิดที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 37 (2), (3), (4) ได้ต่อเมื่อเห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควรได้รับโทษถึงจำคุก ผู้เสียหายและผู้
ต้องหาต่างยอมให้มีการเปรียบเทียบตามจำนวนที่พนักงานสอบสวนต้องการให้ผู้ต้องหาชำระ และผู้ต้องหาได้ชำระ
ค่าปรับตามที่เปรียบเทียบในเวลาอันสมควร ไม่เกิน 15วัน เมื่อชำระเงินค่าปรับตามที่เปรียบเทียบแล้ว คดีถึงที่สุด
เว้นแต่การเปรียบเทียบไม่ชอบเพราะคดีนั้นอาจไม่อยู่ในอำนาจที่จะเปรียบเทียบตามที่บัญญัติในมาตรา 37 หรือได้
เปรียบเทียบไปโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 38 (1)
สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไป
เหตุที่ทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป มีดังนี้
ก. โดยความตายของผู้กระทำความผิด
คดีอาญาโทษให้เป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิด (แต่สิทธิในทางคดีแพ่งไม่ระงับ)
- เมื่อผู้กระทำผิดตาย หากเป็นโทษปรับ แยกพิจารณาได้ดังนี้
(1) ตายก่อนคดีถึงที่สุด โทษปรับระงับไปตาม ป.อ.มาตรา 38 ศาลสั่งปรับไปแล้วต้องคืนแก่ทายาท
(2) ตายหลังคดีถึงที่สุด
1) ถ้ายังไม่ได้ชำระ ก็ไม่ต้องชำระ และ
2) ถ้าชำระยังไม่ครบ ศาลจะเรียกอีกไม่ได้
–เมื่อผู้กระทำผิดตาย หากเป็นโทษริบทรัพย์สิน แยกพิจารณาได้ดังนี้
(๑) ตายก่อนคดีถึงที่สุดโทษริบทรัพย์สินระงับไปตาม ป.อ. มาตรา 38 ที่ศาลสั่งริบไปแล้วก็ต้องคืนแก่ทายาท เว้น
แต่เป็นกรณีที่ทรัพย์นั้น ผู้ใดทำ หรือมีไว้เป็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 32
(๒) ตายหลังคดีถึงที่สุดโทษไม่ระงับ ศาลยังคงทำการริบทรัพย์สินนั้นต่อไป เพราะโทษริบทรัพย์สินมุ่งในตัวทรัพย์
มิใช่บุคคลและทรัพย์สินที่ริบย่อมตกเป็นของรัฐตั้งแต่มีคำพิพากษาให้ริบแล้วตามป.อาญามาตรา35
ข. ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อได้กระทำดังต่อไปนี้ โดยถูกต้องตามกฎหมาย
(1) ถอนคำร้องทุกข์ ตามมาตรา 126 ผู้ร้องทุกข์จะแก้คำร้องทุกข์ระยะใด หรือจะถอนคำร้องทุกข์
เสียเมื่อใดก็ได้
(2) ถอนฟ้อง ยอมความ
7
บทสรุปจากการสัมมนา
กลุ่มที่ 12| การถอนฟ้องในคดีอาญา ปี 2565
7. บทสรุปจากการสัมมนา
1. วิธีการถอนฟ้องความผิดอาญาแผ่นดิน ตามมาตรา 35 วรรคหนึ่ง ประกอบไปด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้
1.1 ให้ทำคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้นก่อนมีคำพิพากษา
1.2 ศาลมีอำนาจที่จะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ถอนก็ได้แล้วแต่ศาลจะเป็นสมควร เป็นดุลพินิจศาล
1.3 ถ้าคำร้องขอถอนฟ้องยื่นภายหลัง เมื่อจำเลยให้การแก้คดีแล้วให้ศาลปฏิบัติดังนี้
(1) ถามจำเลยว่า จะคัดค้านหรือไม่
(2) ถ้าจำเลยคัดค้าน ให้จดคำคัดค้านของจำเลยไว้
(3) ถ้าจำเลยคัดค้านให้ยกคำร้องขอถอนฟ้อง
2. วิธีการถอนฟ้องความผิดต่อส่วนตัว ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคสอง มีหลักเกณฑ์ดังนี้
2.1 ทำคำร้องขอถอนฟ้องหรือยอมความไว้ในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุด
2.2 ถ้าจำเลยคัดค้าน ให้ยกคำร้อง
3. ผลของการถอนฟ้องคดีอาญา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 36 มีหลักการ คือ คดีอาญาที่ได้ถอนฟ้องจากศาลแล้วจะนำมาฟ้องอีก
ไม่ได้ เว้นแต่
3.1 พนักงานอัยการฟ้องคดีอาญาซึ่งไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวไว้แล้ว ได้ถอนฟ้องคดีนั้นไป ไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะยื่นฟ้องคดี
นั้นใหม่
3.2 พนักงานอัยการ ถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวไป โดยมิได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ จากผู้เสียหาย การถอนนี้ไม่ตัด
สิทธิผู้เสียหายที่จะยื่นฟ้องคดีนั้นใหม่
3.3 ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาไว้แล้วถอนฟ้อง การถอนฟ้องไม่ตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องคดีนั้นใหม่ เว้นแต่คดีนั้นเป็น
ความผิดต่อส่วนตัว
ศาลฎีกาได้วางหลักกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องถอนฟ้องไว้ดังต่อไปนี้
1. โดยปกติโจทก์จะเป็นผู้มีสิทธิขอถอนฟ้อง ถ้าเป็นโจทก์ร่วมศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการที่โจทก์ร่วมขอถอนคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์
ร่วมหรือขอถอนตัวจากการเป็นโจทก์ร่วมมีผลเท่ากับเป็นการถอนฟ้อง (ฎีกา 7241/2544)
2. ถ้าผู้เสียหายไม่ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วยกับอัยการ ผู้เสียหายจะขอถอนฟ้องไม่ได้ ศาลฎีกาตีความว่าคำร้องขอถอนฟ้องนั้น
เท่ากับเป็นการถอนคำร้องทุกข์นั่นเอง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องก็ระงับเช่นกัน (ฎีกา 1241/2526)
3. โจทก์มีสิทธิแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาต่อศาลได้ และศาลชั้นต้นมีอำนาจรับคำแถลงดังกล่าวไว้พิจารณาได้ (ฎีกา
3196/2549 ประชุมใหญ่)
4. กำหนดเวลาขอถอนฟ้อง ต้องพิจารณาประเภทคดีอาญาเป็นสำคัญ กล่าวคือถ้าไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวโจทก์ขอถอนฟ้องได้
ก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ส่วนคดีความผิดต่อส่วนตัวมีสิทธิถอนฟ้องหรือยอมความได้ก่อนคดีถึงที่สุด
5. อย่างไรก็ตาม ในคดีที่ไม่ใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว โจทก์จะขอถอนฟ้องหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วไม่ได้ แต่อาจถือว่า
คำร้องขอถอนฟ้องเป็นการขอถอนฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกานั่นเอง ใช้ในกรณีที่โจทก์เป็นผู้อุทธรณ์หรือฎีกา (คำสั่งคำร้องที่
8832/2547)
6. ในคดีที่ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวถ้าศาลฎีกายกคำพิพากษาของศาลล่างแล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ คดีย่อมกลับมา
สู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นอีก โจทก์จึงขอถอนฟ้องได้ (คำสั่งคำร้องที่ 278/2525)
7. ถ้าตามคำฟ้องโจทก์เป็นการขอให้ลงโทษในความผิดอันยอมความไม่ได้แต่เมื่อศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ฟังว่าการกระทำของ
จำเลยเป็นความผิดอันยอมความได้ หากเป็นเช่นนี้โจทก์ก็ขอถอนฟ้องก่อนคดีถึงที่สุดได้ (ฎีกา 2257/2540, 6793/2557)
8. ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องภายในกำหนดระยะเวลาฎีกา แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาก็เป็นการ
ถอนฟ้องก่อนที่คดีจะถึงที่สุด ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคสองแล้ว เมื่อจำเลยไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นชอบที่จะอนุญาตให้โจทก์
ถอนฟ้องได้
9. คดีความผิดต่อส่วนตัวที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อ
ไป ขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี พอแปลความได้ว่าโจทก์ประสงค์ขอถอนฟ้อง ศาลสั่งอนุญาตให้ถอนได้ (ฎีกา 142/2534)
10. การอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล แต่ถ้าจำเลยยื่นคำให้การแล้วและคัดค้านการถอนฟ้องดังนี้ศาลต้องยก
คำร้องขอถอนฟ้องจะใช้ดุลพินิจให้ถอนฟ้องไม่ได้ (ฎีกา 698/2481)
8
รายนามคณะผู้จัดทำ/บทบาทหน้าที่
กลุ่มที่ 12| การถอนฟ้องในคดีอาญา ปี 2565
1. นางสาวกัญทิมา เกษมสุข 611081021 (ผู้ร่วมสัมมนา)
2. นางสาวเกษราภรณ์ สุวรรณชนะ 611081034 (ผู้ร่วมสัมมนา)
3. นางสาวเกสรา นกแก้ว 611081035 (ผู้ร่วมสัมมนา)
4. นางสาวณัฐธิดา นิ่มคร 611081131 (หาข้อมูล)
5. นางสาวทองศิริ นวนตุด 611081162(ผู้ร่วมสัมมนา)
6. นางสาวภาวินันท์ ช่วยยก 611081318 (วิทยากรสัมมนา)
7. นายยศวัจน์ จันทร์จารุกุลกิจ 611081336 (ประธานสัมมนา)
8. นางสาวรุจรวี หอยหนู 611081359 (ผู้ร่วมสัมมนา)
9. นางสาววณิชยา ช่วยเทศ 611081368 (หาข้อมูล)
10. นางสาววิภวานี แสงสง 611081394 (วิทยากรสัมมนา)
11. นางสาวสมิตา ทองธนู 611081422 (power point/e-book)
12. นางสาวสุทธิรัตน์ ขุนรองชู 611081446 (power point/e-book)
13. นางสาวโสภิกา รังสิมันตุชาติ 611081464 (หาคำพิพากษา)
14. นางสาวอนามิกา ทิ้งผอม 611081477 (หาข้อมูล)
15. นางสาวอัสลีนา กูโน 611081517 (วิทยากรสัมมนา)
16. นางสาวอินทิพร รักจันทร์ 611081532 (หาคำพิพากษา)
17. นางสาวไอสรีนา มะสัน 611081542 (พิธีกรสัมมนา)
18. นางสาวฮุสฟีนา สะดียามู 611081544 (หาข้อมูล)
จัดทำโดย กลุ่มที่ 12
นิสิตรายวิชา สัมมนากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
9
ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
ในความพยายามต่าง ๆ ของเราในการจัดทำสัมมนา