The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บทความวิจัย

บทความวิจัย

ผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึก เกมสนามเล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ของนักกีฬาฟุตบอลชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ภูวเนตร จิตรจักร1 ไพวัล ศรีบุรินทร์2 , วันวิสา ป้อมประสิทธิ์3 บทคัดย่อ รายงานเล่มนี้มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อศึกษาผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสลาฟเล็กเพื่อพัฒนาการยิงลูกบอสของนักกีฬาฟุตบอลชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มเป้าหมายเป็นนักกีฬาฟุตบอล ระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนปทุมเทพวิทยา คาด จังหวัดหนองคาย ได้จากการสุ่มแบบเจาะจงด้วยจำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ โปรแกรมการฝึก แบบฝึกทักษะการยิงลูกฟุตบอล ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยโดย หาค่า IOC ของพวกแรมและแบบฝึกมีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ ดังนี้ พบว่าผลของการทดสอบการยิงลูกฟุตบอลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ระหว่างก่อน ฝึกและหลังฝึก ปรากฏ มีค่าเฉลี่ยก่อนฝึกเท่ากับ 2.73 ค่าเฉลี่ยหลังฝึกเท่ากับ 4.27 และค่าเฉลี่ย ผลต่างลดลง 1.53 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนฝึกเท่ากับ 0.59 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานหลัง ฝึก 0.80 ผลต่างค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนฝึกและหลังฝึกเท่ากับ 0.52 การเปรียบเทียบแบบทดสอบทักษะ ผลของการทดสอบการยิงลูกฟุตบอลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ตอนต้น ระหว่างก่อนฝึกและหลังฝึก ปรากฏ นักเรียนยิงฟุตบอลตรงเป้าหมาย มีค่าเฉลี่ยก่อนฝึก 2.73 หลังฝึกเท่ากับ 4.27 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนฝึกเท่ากับ 0.59 หลังฝึกเท่ากับ 0.80 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมีการยิงลูกฟุตบอลหลังฝึกสูงกว่าก่อนฝึก คำสำคัญ : พัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ของนักกีฬาฟุตบอลชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น,การฝึกกีฬาฟุตบอล โดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนามเล็ก _______________________________________________________ 1 นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาพลศึกษาและสุขศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2 ครู โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร สำนักการศึกษา 3 อาจารย์ประจำสาขาพลศึกษาและสุขศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี


บทนำ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการพัฒนาการในต้านต่างๆ อย่างสมบูรณ์สามารถสร้างสรรค์ความ เจริญก้าวหน้าให้เกิดขึ้นอย่างมากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์เองทั้งในเรื่องของที่อยู่ อาศัย อาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ การที่มนุษย์คนใดจะสามารถสร้างสรรค์ใด้นั้นต้องอาศัย ปัจจัยรอบข้างมากมาย ทั้งจากตัวของมนุษย์เองและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ตาม ธรรมชาติ มนุษย์มีวิวัฒนาการทางด้านร่างกายก้าวหน้ากว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ กล่าวคือ ธรรมชาติสร้างให้ มนุษย์มีสมองที่ฉลาดสามารถคิดคันประดิษฐ์อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการ ดำรงชีวิตอยู่แต่อื่นใดก่อนที่มนุษย์จะสามารถคิดคันสิ่งใดๆ ขึ้น มนุษย์จะต้องรู้จักการพัฒนาตนเองทั้ง ทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ให้มีความพร้อมคือมีร่างกายที่แข็งแรง จิตใจมั่นคงหนักแน่นมีสติปัญญา ที่ที่ได้รับการฝึกฝนอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง การที่มนุษย์จะมีร่างกายที่ แข็งแรงได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเรียนรู้หลักการและวิธีการ สำหรับการฝึกฝนทราบ องค์ประกอบของร่างกาย เพื่อให้สามารถฝึกฝนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมอันจะ นำไปสู่การมีร่างกายที่ แข็งแรง ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปสู่การพัฒนาด้านจิตใจและสติปัญญาได้อีกด้วย รวมถึงการเล่นกีฬาหรือ การออกกำลังกาย จะทำให้ร่างกายมีพัฒนาการในด้านรูปร่างและช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของบุคคล อีกด้วย ทั้งยังเพิ่มความมั่นใจในตนเองให้สูงขึ้นสำหรับการประกอบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน สำหรับ นักกีฬามีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการฝึกเป็นการเฉพาะเพื่อเสริมสร้างและคงสภาพการทำงานให้มี ความสามารถในระดับสูงเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องทำงานอย่างหนักและมีความหลากหลาย ในการ ปฏิบัติกิจกรรมทางการกีฬา สามารถปฏิบัติทักษะและ เทคนิคของกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ไพรัช ทศคำไชย, 2562) กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาหนึ่งที่ได้รับการบรรจุในกิจกรรมพลศึกษา ซึ่งในปัจจุบันกีฬาฟุตบอล ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายทั้งในกีฬาระดับนักเรียน กีฬาระดับจังหวัด กีฬาระดับประเทศ ไป จนถึงกีฬาระดับโลก โดยได้รับความนิยมจากบุคคลทุกระดับไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ตลอดจนไปถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งมีการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลในทุกระดับ เช่น การแข่งในกีฬา ฟุตบอลภายในโรงเรียน การแข่งขันกีฬาฟุตบอลภายนอกโรงเรียน การแข่งขันกีฬาฟุตบอล ระดับประเทศและการแข่งขันกีฬาฟุตยอลระดับโลก เนื่องจากมีการแข่งขันกีฬาฟุตบอสใน หลากหลายระดับทำให้นักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชนทั่วไปเกิดความสนใจและเกิดพัฒนาการการ เรียนรู้เพิ่มขึ้นและกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับกันอย่างแพร่หลายมีกำเนิดมาตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน ต่อมาอังกฤษได้นำไปพัฒนาตัดแปลงแก้ไขปรับปรุงให้เป็นการเล่นที่มีกฎกติกาจึงเป็นที่นิยมกันอย่าง กว้างขวางมากยิ่งขึ้นทั้งในทวีปยุโรปอเมริกาใต้ เอเชีย เป็นต้น ในปัจจุบันกีฬาฟุตบอลกำลังเป็นที่นิยม กันอย่างมากในประเทศไทย ดังจะเห็นได้จากการแข่งขันครั้งสำคัญ จะมีผู้ให้ความสนใจและเข้าชม กีฬาฟุตบอลอย่างมากมายความนิยมในปัจจุบันสังเกตไต้จากผู้เล่น ผู้ชมและมีการจัดการแข่งขันใน ระดับต่าง ๆ และกีฬาฟุตบอลยังถูกบรรจุให้เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ใช้ในการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาใน


ระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษา นอกจากนี้กีฬาฟุตบอลยังคงเป็นกีฬาที่ ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางทั่วโลก (นฤชล อรชร, 2561) กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาสากลที่มีผู้นิยมเล่นและชมการแข่งขันมากที่สุดประเภทหนึ่ง รวมถึงใน การแข่งขัน กีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยมีการจัดการแข่งขันทุกปี กีฬาฟุตบอลนั้นไม่ได้ใช้ทักษะ ในการเล่นเพียงอย่างเดียว หากยังมีองค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ได้แก่ ความอดทนของกล้ามเนื้อ (Muscular endurance) ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Muscular strength) ความเร็ว (Speed) ความอ่อนตัว (Flexibility) ความคล่องแคล่วว่องไว (Agility) พลัง กล้ามเนื้อ (Muscular power) ความอดทนของระบบ ไหลเวียนเลือดและหายใจ (Cardio Respiratory Endurance) เนื่องจากการแข่งขันกีฬาแทบทุกชนิดไม่ว่าจะ เป็นการแข่งขันในระดับใด ก็ตาม หากนักกีฬาสามารถน้าเอาความสามารถสูงสุดที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้ได้ย่อม ก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อการแข่งขัน ผู้ฝึกสอนจึงพยายามที่จะหารูปแบบการฝึกใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่ม ความสามารถในขณะแข่งขัน ทั้งนี้ กีฬาฟุตบอลจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้ พลังกล้ามเนื้อ (Muscular power) ในทักษะการเลี้ยงบอล ส่งบอล โหม่งบอล และการทำประตูซึ่งทั้งหมดนี้ล้วน เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการเล่นกีฬาฟุตบอลทั้งสิ้น โดยมีทักษะสำคัญที่ทำให้การเล่นกีฬาฟุตบอล นั้นประสบความสำเร็จ คือ การรับส่งลูกฟุตบอล ซึ่งถือเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะ นำพาลูกฟุตบอลไปยังเป้าหมายที่ต้องการและนำพาลูกฟุตบอลไปยังเป้าหมายเพื่อยิงประตูได้ (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, 2560) การรับส่งลูกฟุตบอลเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในโครงสร้างของการฝึกฝน การรับส่งลูกฟุตบอล ที่ดีนั้น จะต้องสัมพันธ์กับเป้าหมาย และการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ และในการเล่นฟุตบอล สมัยใหม่ การครอบครองลูกฟุตบอลหรือการรับส่งลูกฟุตบอลเป็นเรื่องที่โปรแกรมการฝึกควรจะได้มี การเน้นเป็นพิเศษ เพราะการครอบครองลูกฟุตบอลหรือการรับส่งลูกฟุตบอลเป็นส่วนประกอบที่ สำคัญของทีมที่จะมีโอกาสในการรุก ดังนั้นผลที่จะตามมาอย่างสมเหตุสมผลก็คือ ทีมที่ครอบครองลูก ฟุตบอลหรือรับส่งลูกฟุตบอลจะมีโอกาสในการทำประตูและการทำประตูได้ก็เป็นการตัดสินการ แข่งขัน การส่งลูกฟุตบอลให้เพื่อนร่วมทีมเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นเป็นทีม การส่งลูกฟุตบอลที่ดีนั้น จะสามารถทำ ให้ทีมได้ครอบครองบอลเปิดเกมรุกเปลี่ยนทิศทางในการเล่น มีการโต้กลับ มีความ เด็ดขาดในจังหวะสุดท้าย ถ้าเราสามารถครอบครองบอลได้มากกว่าคู่ต่อสู้ นั่นหมายถึงทีมของเราจะมี โอกาส ชนะมากกว่าทีมที่ครอบครองบอลได้น้อยกว่า เพราะฉนั้นผู้เล่นทุกคนในทีมจำเป็นต้องเรียนรู้ ถึงหลักการนี้ ว่าทำไม่ถึงต้องครอบครองบอลและครอบครองบอลแบบไหน รวมถึงครอบครอง อย่างไร ที่สำคัญการครอบครองบอลได้มากกว่าจะเสียพลังงานน้อยกว่าด้วย (วิทยา เลาหกุล, 2559) การรักษาการครอบครองลูกฟุตบอลหรือการรักษาการรับและส่งลูกฟุตบอลเป็นกุญแจสำคัญ ในการเกมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลและการฝึกซ้อมกีฬาฟุตบอลจะช่วยให้ทีมฟุตบอลประสบความสำที่ ได้รับการฝึกการรับส่งลูกฟุตบอลที่ดีนั้นจะสามารถนำพาลูกฟุตบอลไปยิงประตูหรือไปยังเป้าหมายที่


ต้องการโดยการฝึกการรับส่งลูกฟุตบอลนั้นจะแบ่งออกเป็นการรับส่งลูกในระยะไกล การรับส่งลูกใน ระรับส่งลูกด้วยข้างเท้าด้านในและข้างเท้าด้านอก เพราะฉะนั้นการที่จะประสบความสำเร็จในการเล่น กีฬาฟุตบอลได้ก็คือจะต้องมีการฝึกการรับส่งลูกพุตบอลที่ดีถึงจะประสบความสำเร็จในการเล่นกีฬา ฟุตบอล อีกทั้ง จากสถิติของการแข่งขันกีฬาฟุตบอลของพรีเมียร์สีกอังกฤษปี 2008-2010 ได้ระบุสถิติ ไว้ว่า ทีมใดที่สามารถทำการรับส่งลูกฟุตบอลได้70 ของเวลาในการแข่งข้นทั้งหมด จะมีโอกาสที่จะ ชนะ ร้อยละ 67 และมีโอกาสแพ้เพียง รู้และทีมใดทำการรับส่งลูกฟุตบอลได้ ร้อยละ 60 ของเวลาใน การแข่งขันทั้งหมดจะมีโอกาสที่จะชนะ ร้อยละ52 และมีโอกาสแพ้ ร้อยละ 25 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการ รับส่งลูกฟุตบอลที่ดีนั้นจะส่งผลต่อการประสบความสำเร็จในการเล่นกีฬาฟุตบอลและเป็นทักษะที่ สำคัญต่อการเล่นกีฬาฟุตบอล (Soccer Coach Weekly, 2017 ,Us Youth Soccer, 2017 ,Davies 2013) การเล่นเกมสนามเล็ก (Small Sided Games) เป็นวิธีการฝึกกีฬาฟุตบอลที่สร้างสมรรถภาพ ด้านแอโรบิคที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากรูปแบบการฝึกเกมสนามเล็กนี้ช่วยเป็นการฝึก ทักษะการเล่นฟุตบอลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการรับส่งลูกฟุตบอล การสกัดลูกฟุตบอล การหาพื้นที่ว่าง ในการเล่นฟุตบอล การติดสินใจเข้ามาเป็นส่วนประกอบในการฝึกโดยลดขนาดสนาม และจำนวนผู้ เล่นลง เพื่อให้นักกีฬามีส่วนร่วมในการเล่นฟุตบอล และมีการเคลื่อนที่มากขึ้น ซึ่งเป็นการฝึกซ้อม เหมือนกับสถานการณ์แข่งขันจริง ซึ่งจะเห็นได้ว่าเกมการแข่งขันฟุตบอลสมัยใหม่นักกีฬาฟุตบอลจะ ไม่ยืนในตำแหน่งของตัวเองเพียงอย่างเดียวจะมีการเคลื่อนที่เพื่อหาพื้นที่ว่างให้กับตนเอง เพื่อให้เพื่อน ร่วมทีมส่งลูกฟุตบอลให้ได้ง่ายขึ้น และจะเห็นได้ว่าทีมที่นักกีฬามีการเคลื่อนที่เพื่อมารับบอลจากเพื่อน ร่วมทีม หรือหาพื้นที่ว่างให้เพื่อนร่วมทีมส่งลูกฟุตบอลได้ดีจะมีการรับส่งลูกฟุตบอลได้อย่างไหลลื่น และต่อเนื่องมากขึ้นทำให้ทีมครอบครองลูกฟุตบอลได้ดีกว่าคู่แข่ง และ ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่ม โอกาสในการทำประตูคู่แข่งได้มากขึ้น (วันเฉลิม โตทอง, 2557) ในปัจจุบันสภาพการณ์ทางการเรียนรู้ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการฝึกกีฬามีความ หลากหลายมาขึ้นเพื่อใส่รายละเอียดและเทคนิคต่างๆเข้าไปให้ชัดเจนมากขึ้น จึงได้นำการเล่น เกม สนามเล็ก (Small Sided Games) เนื่องจากรูปแบบและประโยชน์ของการฝึกเกมสนามเล็ก ปรับเปลี่ยนได้ง่ายต่อการครองบอล (ส่งลูก, เลี้ยงลูก ยิงลูก) ง่ายต่อการฝึกฝนไม่ต้องมีการแนะนำ เพราะการฝึกฝนคือครูที่ดีผู้เล่นมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ เกมที่แตกต่างจากเดิมที่เกิดปัญหาจะช่วยเพิ่ม ทักษะและการแก้ปัญหาได้ การพยายามเข้าถึงบอลให้มากขึ้น การพยายามส่งบอลมากขึ้น เลี้ยงบอล มากกว่า 1 ต่อ 1 การได้ประตูมากขึ้น ผู้รักษาประตูได้ฝึกฝนมากขึ้นไม่จำเป็นต้องมีกรรมการตัดสิน ไม่ ต้องบันทึกผลการแข่งขัน ไม่มีตำแหน่งต่างๆในสนาม มีเพียงผู้เล่นด้วยกัน ผู้เล่นทุกคนมีหน้าที่ของ ตนเองที่จะต้องรักษาทีมไว้ (Michael Beale, 2017) Tuner (2012 อ้างถึงใน Davies, 2013) ได้กล่าวว่าการฝึกเกมสนามเล็ก (Small Sided Games) หมายถึง การฝึกซ้อมกีฬาในพื้นที่ขนาดเล็กโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถใน


การเล่นกีฬาฟุตบอลโดยการฝึกเกมสนามเล็ก มุ่งเน้นไปที่การฝึกที่ทำให้ผู้ฝึกสามารถได้รับการฝึก อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นการฝึกในพื้นที่ขนาดเล็กจึงทำผู้ฝึกเกิดการพัฒนาการทางด้าน ความสามารถในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่เพิ่มขึ้น (Manchester United, 2003 อ้างถึงใน Davies, 2013) ได้กล่าวว่าการฝึกเกมสนามเล็ก ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาทักษะในการรับส่งลูกฟุตบอลใน สภาวะที่ถูกกดดัน จึงจะเห็นได้จากการศึกษาและการสาธิตระหว่างการเล่นเกม4ต่อ4ในพื้นที่เล็ก พบว่าการเล่นเกม 4ต่อ4 ในพื้นที่เล็กมีการส่งบอลมากถึง 585 ครั้ง มีโอกาสในการทำประตูมากกว่า 481 ครั้งและมีโอกาสในการเลี้ยงบอลมากกว่า 436 ครั้ง จากการศึกษาพบว่า การเล่นเกมสนามเล็กมี ประโยชน์ต่อการสร้างโอกาสในการพัฒนาด้านเทคนิคในการเล่นฟุตบอล (Davies, 2013) จากผลการศึกษาของ English FA and FIFA Study จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์การเปรียบเทียบ ระหว่างการฝึกในพื้นที่สนามฟุตบอลปกติโดยมีผู้เล่นแบบปกติกับการฝึกเกมสนามเล็กโดยมีผู้เล่น 5 ต่อ 5 คนโดยผลลัพธ์ของการเปรียบเทียบการฝึกทั้งสองมีผลดังนี้ การฝึกในพื้นที่สนามฟุตบอลปกติ โดยมีผู้เล่นแบบปกติ ผู้ที่ได้รับการฝึกแบบปกติมีค่าเฉลี่ยการสัมผัสลูกฟุตบอลของผู้ฝึก 0.60 ครั้งต่อ นาที แต่โดยการฝึกเกมสนามเล็กโดยมีผู้เล่น 5 ต่อ 5 คนมีค่าเฉลี่ยการสัมผัสลูกฟุตบอลของผู้ฝึก 2.73 ครั้งต่อนาที ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสในการรับและส่งบอลมากกว่าแบบปกติ ซึ่งตรงกับแนวคิดที่ว่ายิ่งผู้ฝึก ได้รับการฝึกฝนด้วยตนเองมากเท่าไรก็ยิ่งเกิดการพัฒนาที่มากขึ้นเท่านั้น (Davies, 2013) การฝึกความเร็วสำหรับนักกีฬาฟุตบอล ควรฝึกทั้งแบบมีลูกบอลและแบบไม่มีลูกบอล ประกอบกับในปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ขึ้น ทำให้นักศึกษาไม่ค่อยได้เล่นกีฬาและออกกำลังกาย อันเป็นผลทำ ให้ร่างกายอ่อนแอและป่วยง่าย กีฬาฟุตบอลถือได้ว่าเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น นอกจากนี้ระดับ สถาบันอุดมศึกษาและ หน่วยงานต่าง ๆ ยังได้รณรงค์และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทั้งทางด้านสมรรถภาพทางกาย เทคนิค แท็คติกและทักษะ เพื่อนำไปสู่การแข่งขันและการสนับสนุนให้มีการเล่นกีฬาฟุตบอลเพื่อสุขภาพ โดย นำหลักการทางวิทยาศาสตร์การกีฬามาประยุกต์ใช้ในการฝึกซ้อมเพื่อให้นักกีฬาสามารถเล่นฟุตบอล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะในปัจจุบันด้วยวิธีการเล่นสมัยใหม่มีการใช้สมรรถภาพทางกาย ด้านความเร็วและความ คล่องแคล่วว่องไวเข้ามาประยุกต์ใช้ในการแข่งขันทำให้เกมการแข่งขันมีคุณภาพมากขึ้น อีกทั้งยังทำ ให้เกิดความตื่นเต้น และเร้าใจแก่ผู้ชม (ชาญวิทย์ ผลชีวิน, 2558) จากเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะใช้โปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็กในการฝึกเพื่อ เพิ่ม ความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอล ซึ่งผลของการฝึกจะเป็นประโยชน์ต่อครูพลศึกษาและ เป็นประโยชน์ต่อผู้ฝึกสอนกีฬาในทุกระดับ เพื่อพัฒนาให้นักเรียนให้มีทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ ดีเป็นรากฐานและส่งผลการฝึกกีฬาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น


วัตถุประสงค์ของการวิจัย ผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนาม เล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ของนักกีฬาฟุตบอลชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น สมมติฐานการวิจัย ผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนาม เล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ของนักกีฬาฟุตบอลชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น หลังฝึกสูงกว่าการฝึก วิธีดำเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจำนวน 15 คน 2. ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า 2.1ตัวแปรต้น คือ โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนามเล็ก 2.2 ตัวแปรตาม คือ เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ของนักกีฬาฟุตบอลชั้นมัธยมศึกษา ตอนต้น 3.การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้รายงานได้ดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างตามลำดับ ดังนี้ 1. ก่อนการทดสอบให้นักเรียนทำแบบทดสอบเคลื่อนที่ยิงลูกฟุตบอลแบบกลุ่ม (Pretest) เพื่อ พัฒนาการรับและส่งลูกฟุตบอล 2. ผู้รายงานดำเนินการสอนกลุ่มตัวอย่าง ด้วยโปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึก เกมสนามเล็ก โดยให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอน 3. เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว นำแบบทดสอบชุดเดิมมาให้นักเรียนทดสอบ (Posttest) จากนั้นนำ ผลที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติต่อไป 4. การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สรุปผลการวิจัย การวิจัย ผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนาม เล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ของนักกีฬาฟุตบอลชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ผู้วิจัยขอนำเสนอผลการ วิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ดังนี้


ตอนที่ผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนาม เล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ของนักกีฬาฟุตบอลชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ระหว่างก่อนฝึกและ หลังฝึก ตารางที่ 1 ผลของการทดสอบการยิงลูกฟุตบอลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ระหว่างก่อนฝึก และหลังฝึก คนที่ แบบทดสอบการยิงลูกฟุตบอล ก่อนฝึก หลังฝึก ผลต่าง 1 3 5 2 2 2 4 2 3 4 5 1 4 3 4 1 5 2 3 1 6 3 5 2 7 3 4 1 8 3 5 2 9 3 5 2 10 2 4 2 11 3 5 2 12 3 4 1 13 2 3 1 14 2 3 1 15 3 5 2


̅ 2.73 4.27 1.53 . 0.59 0.80 0.52 จากตารางที่ 1 พบว่าผลของการทดสอบการยิงลูกฟุตบอลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ระหว่างก่อนฝึกและหลังฝึก ปรากฏ มีค่าเฉลี่ยก่อนฝึกเท่ากับ 2.73 ค่าเฉลี่ยหลังฝึกเท่ากับ 4.27 และ ค่าเฉลี่ยผลต่างลดลง 1.53 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนฝึกเท่ากับ 0.59 มีค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานหลังฝึก 0.80 ผลต่างค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนฝึกและหลังฝึกเท่ากับ 0.52 ตารางที่ 2 การเปรียบเทียบแบบทดสอบทักษะ ผลของการทดสอบการยิงลูกฟุตบอลของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น ผลของการทดลอง ̅ . ร้อยละ ก่อนฝึก 2.73 0.59 27.3 หลังฝึก 4.27 0.80 42.6 จากตารางที่ 2 การเปรียบเทียบแบบทดสอบทักษะ ผลของการทดสอบการยิงลูกฟุตบอลของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ระหว่างก่อนฝึกและหลังฝึก ปรากฏ นักเรียนยิงฟุตบอลตรงเป้าหมาย มี ค่าเฉลี่ยก่อนฝึก 2.73 หลังฝึกเท่ากับ 4.27 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนฝึกเท่ากับ 0.59 หลัง ฝึกเท่ากับ 0.80 พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมีการยิงลูกฟุตบอลหลังฝึกสูงกว่าก่อนฝึก อภิปรายผลการวิจัย จากการศึกษาผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกม สนามเล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ของนักกีฬาฟุตบอลชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ผู้วิจัยนำเสนอ สรุปอภิปราย และข้อเสนอแนะดังนี้ ผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนาม เล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ของนักกีฬาฟุตบอลชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น แบบการฝึกนี้ใช้ ระยะเวลา 3 สัปดาห์ ๆ ละ 3 วัน ได้แก่ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ ใช้เวลาในการฝึก 60 นาทีต่อวันมี ค่าเฉลี่ยของคะแนนหลังใช้โปรแกรมฝึกสูงกว่าก่อนใช้โปรแกรมฝึกเป็นไปตามสมมุติฐาน แสดงให้เห็น ว่าการใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนามเล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ด้วยความถี่ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 60 นาที ทำให้การรับและการส่งลูกฟุตบอลของนักเรียนมี ประสิทธิภาพดีกว่าการที่นักเรียนฝึกซ้อมตามปกติ ซึ่งสอดคล้องกับ อภิสิทธิ์ วงศ์สิทธิ์ (2559) ผลการ ฝึกทักษะการส่งลูกฟุตบอลด้วยข้างเท้าด้านในและหลังเท้า ที่มีในการส่งลูกฟุตบอล ผลการวิจัยพบว่า ก่อนการฝึก นักกีฬาฟุตบอลทั้งสองกลุ่ม คือ นักกีฬากลุ่มที่ 1 ฝึกในการส่งลูกฟุตบอลด้วยข้างเท้าด้าน


ใน และนักกีฬาฟุตบอลกลุ่มที่ 2 ฝึกในการส่งลูกฟุตบอลด้วยหลังเท้า ในการส่งลูกฟุตบอล ไม่แตกต่าง กันหรืออาจกล่าวได้ว่านักกีฬาฟุตบอลทั้งสองกลุ่มมีทักษะในการส่งลูกฟุตบอลอยู่ในระดับเดียวกัน แสดงให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่ม มีทักษะชั้นพื้นฐานที่ดีและถูกต้อง ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับกร พัฒนาทักษะในการเล่นกีฬาให้ได้อย่างรวดเร็วและถึงระดับที่สุดยอดในแต่ละบุคคล ธงชัย เจริญ ทรัพย์มณี (2547) หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 4 นักกีฬาฟุตบอลกลุ่มที่ 1 และนักกีฬาฟุตบอลกลุ่มที่ 2 ใน การส่งลูกฟุตบอลไม่แตกต่างกัน แสดงว่าในระยะเวลาของการฝึก 4 สัปดาห์นักกีฬาฟุตบอลทั้งสอง กลุ่มมีพัฒนาการในการส่งลูกฟุตบอลอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน สาเหตุที่การส่งลูกฟุตบอลของนักกีฬา ฟุตบอลทั้งสองกลุ่ม ที่ไม่แตกต่างกันนั้น จะต้องเริ่มฝึกจากความง่ายของการฝึกทักษะก่อนแล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มความยากของการฝึกทักษะ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการฝึกพอสมควร และต้องฝึกอย่าง สม่ำเสมอ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ พรเทพ นิพงษ์ (2542) ที่พบว่าค่าเฉลี่ยคะแนนความสามารถ ในการปฏิบัติทักษะกีฬาประเภทต่าง ๆ ตามแต่ละงานวิจัยจะมีค่าสูงขึ้นหากทำการฝึกต่อเนื่องไปอีก โดยจะเห็นผลความแตกต่างตั้งแต่หลังสัปดาห์ที่ 6เป็นต้นไป หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 นักกีฬาฟุตบอล กลุ่มที่ 1 และนักกีฬาฟุตบอลกลุ่มที่ 2 ในการส่งลูกฟุตบอลแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ซึ่งตรงกับสมมุติฐานที่ผู้วิจัยได้ตั้งไว้โดยนักกีฬาฟุตบอลกลุ่มที่ 1 ฝึกในการส่งลูกฟุตบอล ด้วยข้างเท้าด้านในสูงกว่านั้น สาเหตุที่ทำให้การส่งลูกฟุตบอลด้วยข้างเท้าด้านใน หลังการฝึกสัปดาห์ ที่ 8ของนักกีฬาฟุตบอลกลุ่มที่ 1 สูงกว่า นักกีฬาฟุตบอลกลุ่มที่ 2 นั้น ผู้วิจัยมีความคิดเห็นว่า องค์ประกอบที่ทำให้เกิดทักษะนั้น มีปัจจัยหลายอย่างองค์ประกอบส่วนหนึ่งก็คือสมรรถภาพทางกาย ทักษะพื้นฐาน ตำแหน่งของผู้เล่น ประสบการณ์ที่ฝึกอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาพอสมควรทำให้ เห็นผลของการฝึกเด่นชัดมากขึ้น ธงชัย เจริญมณีทรัพย์ (2547) นักกีฬาแต่ละคนจะสามารถพัฒนา ทักษะของตนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญในตัว นักกีฬา มีองค์ประกอบดังนี้ ระดับสติปัญญา ความถนัด และแรงจูงใจ ซึ่งจากการวิจัยครั้งนี้มีผลที่ดี ขึ้น เพราะว่า การนำโปรแกรมการฝึกทักษะการส่งลูกฟุตบอลด้วยข้างเท้าด้านในและ โปรแกรมการ ฝึกการส่งลูกฟุตบอลในการฝึกทักษะการส่งลูกฟุตบอลด้วยหลังเท้ามาใช้ในการฝึกทักษะการส่งลูก ฟุตบอลด้วยข้างเท้าด้านใน และการฝึกทักษะการส่งลูกฟุตบอลด้วยหลังเท้า สามารถทำให้ผู้เข้ารับ การฝึกทักษะการส่งบอลทั้งสองแบบเพิ่มขึ้นภายใน 8 สัปดาห์แต่จะเห็นได้ว่า การฝึกทักษะการส่งลูก ฟุตบอลด้วยข้างเท้าด้านใน จะให้ผลในการส่งลูกฟุตบอสได้ดีกว่าทักษะการส่งบอลหลังเท้าได้มากกว่า ผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนาม เล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอลซึ่งสอดคล้องกับ นฤชร อรชร (2561) ผลการวิจัยเรื่องผลของ โปรแกรมกรฝึกเกมสนามเล็กที่มีต่อความสามารถการรับและส่งลูกฟุตบอลของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น กล่าวว่าโปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็ก เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งใช้


ระยะเวลา 8 สัปดาห์ กลุ่มทดลองที่ได้รับการฝึกด้วยโปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็กมีความสามารถใน การรับและส่งลูกฟุตบอลกระทบผนังระยะ 4 เมตร 1 นาที โปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็กมี ความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอลแบบจับคู่ระยะ 4 เมตร 1 นาที และโปรแกรมการฝึกเกม สนามเล็กมีความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอลแบบเคลื่อนที่ระยะ 4 เมตร 1 นาที อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 05 อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอลของกลุ่ม ทดลองเป็นผลมาจากการฝึกด้วยโปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็ก โดยเป็นการฝึกที่ทำให้ผู้ฝึกได้รับ ความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอลที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ใน การเรียนการสอน การ ฝึกซ้อมและการแข่งชันในสนามแช่งชันจริง ซึ่งการพัฒนาความสามารถในการรับส่งลูกฟุตบอลทำให้ กลุ่มทดลองมีความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอลกระทบผนังระยะ 4 เมตร 1 นาที เพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับงานวิจัยของ ศาสตรา วงศ์บุตรลี (2550) ซึ่งได้ศึกษาการสร้างแบบทดสอบทักษะ ฟุตบอลสำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 3 กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชายจำนวน 30 คน โดย มีการสร้างแบบทดสอบทักษะฟุตบอลสำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 3 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีความเที่ยงตรงตาม เนื้อหา เชื่อถือได้ โดยผลของแบบทดสอบการเตะลูกฟุตบอลกระทบฝ่าผนัง ของกลุ่มทดลองหลังการ ฝึกสูงกว่าก่อนการฝึกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งจากการวิจัยครั้งนี้มีผลที่ดีขึ้น เพราะว่า การนำโปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็กที่มีต่อความสามารถการรับและส่งบอลลูกฟุตบอลมาใช้ในการ ฝึกเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ ทำให้นักเรียนเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ 1.การฝึกเกมสนามเล็ก ช่วยให้เยาวชนที่เป็นนักกีฬาฟุตบอลพัฒนาด้านทักษะการรับลูกฟุตบอลและเกิดความชำนาญในการ รับลูกฟุตบอล (พัฒนาด้านความสามารถส่วนบุคคล) 2. การฝึกเกมสนามเล็กช่วยให้เยาวชนที่เป็น นักกีฬาฟุตบอลพัฒนาด้านทักษะการตัดสินใจ (พัฒนาด้านเทคนิคในการเล่นกีฬาฟุตบอล) 3. การฝึก เกมสนามเล็ก ช่วยให้เยาวชนที่เป็นนักกีฬาฟุตบอลพัฒนาทางด้านร่างกายมากยิ่งขึ้น 4. การฝึกเกม สนามเล็ก ช่วยให้เยาวชนที่เป็นนักกีฬาฟุตบอลพัฒนาด้านการปรับตัวกับผู้ฝึกสอนให้สามารถเรียนรู้ วิธีในการฝึกซ้อมได้มากยิ่งขึ้น 5. การฝึกเกมสนามเล็ก ช่วยให้เยาวซนที่เป็นนักกีฬาฟุตบอลได้มีส่วน ร่วมในการเล่นเกมฟุตบอลมากยิ่งขึ้นและเพิ่มโอกาสในการแก้ไขจุดบกพร่องของนักกีฬาฟุตบอลได้ มากยิ่งขึ้น ผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนาม เล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล อธิบายได้ว่าการฝึกส่งลูกฟุตบอล ทำให้การส่งลูกฟุตบอลของ นักเรียนมีประสิทธิภาพดีกว่าการที่ฝึกซ้อมหรือเรียนในชั่วโมงเรียนปกติ ซึ่งสอดคล้องกับ อัทธ์ คุ้มพุ่ม (2562) ผลของโปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็กร่วมกับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาที่มีต่อ ความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอล กล่าวว่า ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการรับและส่ง ลูกฟุตบอล ของกลุ่มที่ใช้โปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็กร่วมกับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา


ก่อนการฝึกและหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 4, 6, และ 8 พบว่า แตกแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ดังนั้น จึงทำการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ โดยใช้วิธีของบอนเฟอร์โรนี (Bonferroni) พบว่า ความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอลแตกต่างกันทุกคู่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เพราะว่า โปรแกรมที่ผู้วิจัยได้ดำเนินการออกแบบขึ้นมา เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถในการรับและ ส่งลูกฟุตบอล จึงได้นำเกมสนามเล็กเข้ามาช่วยพัฒนาทักษะทางด้านฟุตบอลทั้งด้านความสามารถ ส่วนบุคคลและทีมเพิ่มขึ้น ในการฝึกเกมสนามเล็กทำให้การรับและส่งลูกฟุตบอลได้บ่อยครั้งขึ้นใน พื้นที่ที่จำกัด เมื่อนักเรียนแต่ละคนรับและส่งลูกฟุตบอลในการฝึกบ่อยครั้งในการเล่นเกมสนามเล็กก็ ทำให้เกิดความชำนาญเพิ่มขึ้นร่วมกับระยะเวลาในการฝึกซ้ำ ๆ เกมสนามเล็กจึงทำให้นักเรียนมี ความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอลเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ นฤชล อรชร (2561) ได้กล่าวถึง ความสำคัญของเกมสนามเล็กไว้ว่า การฝึกเกมสนามเล็ก 1. ช่วยให้เยาวชนเกิดการพัฒนาการทางด้าน ทักษะที่เพิ่มขึ้น 2. พัฒนาด้านสติปัญญาในขณะที่ครอบครองและไม่ได้ครอบครองลูกฟุตบอลและ ส่งเสริมด้านการตัดสินใจและการรับรู้ที่รวดเร็วขึ้น 3. พัฒนาความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันภายในทีม เเละเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นผู้วิจัยจึงได้เพิ่มการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาเข้าร่วมด้วย โดยใช้การฝึกโดยใช้ร่างกายเป็นแรงต้าน (Body weight) เพื่อเสริมสร้างความแข็งเเรงของกล้ามเนื้อ ขาที่มีผลต่อความสามารถในการรับและส่งลูกฟุตบอลเพิ่มขึ้น ผลของการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยใช้โปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกมสนาม เล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล ซึ่งสอดคล้องกับ วุฒิชัย ประภากิตติรัตน์ (2558) การศึกษาครั้งนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างแบบฝึก ความคล่องตัวของนักกีฬาฟุตซอล 2) เพื่อศึกษาผลการใช้แบบ ฝึกความคล่องตัวที่มีต่อความสามารถ ในการเคลื่อนที่ 3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการ เคลื่อนที่หลงัการใช้แบบฝึกความคล่องตัว ที่ต่างกันกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักกีฬาฟุต ซอลระดับอายุ17-18 ปี เพศชาย ของโรงเรียนบรรพตพิสัยพิทยาคม จำนวน 45 คน ซึ่งได้จากการสุ่ม แบบเฉพาะเจาะจงและแบ่งกลุ่ม ตัวอย่างออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 15 คน โดยการจับสลากเข้ากลุ่ม กำหนดดังนี้กลุ่มที่ 1การฝึกบน พื้นทรายกลุ่มที่ 2 การฝึกบนพื้นสนามหญ้าและกลุ่มที่ 3 การฝึกบน พื้นปูนซีเมนต์ผลการศึกษา พบว่า 1. ได้จัดสร้างแบบฝึกความคล่องตัวของนกักีฬาฟุตซอลที่มีความ เหมาะสมสอดคล้อง และได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญในระดับ 1.00 2. ผลการใช้แบบฝึกความ คล่องตัวที่มีต่อผลความสามารถในการเคลื่อนที่ด้านความ คล่องตัว พบว่า หลังการใช้แบบฝึกความ คล่องตัวบนพื้นทราย นักกีฬาฟุตซอลมีค่าเฉลี่ยเวลาลดลง จากก่อนการฝึก พบว่าหลังการใช้แบบฝึก ความคล่องตัวบนพื้น สนามหญ้า นักกีฬาฟุตซอลมี ค่าเฉลี่ยเวลาลดลงและพบว่า หลังการใช้แบบฝึก ความคล่องตัวบนพื้นปูนซีเมนต์นักกีฬาฟุตซอล มีค่าเฉลี่ยเวลาลดลง 3. ผลการเปรียบเทียบ ความสามารถในการเคลื่อนที่ด้านความคล่องตัวหลังการใช้แบบฝึกความคล่องตัวบนพื้นทรายและบน


พื้นสนามหญ้า มีความแตกต่างกันทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งจากการวิจัยสอดคล้องกับนิวัฒน์ เรือน อินทร์ (2555) ได้ศึกษาการสร้างโปรแกรมการฝึกความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาฟุต ซอล ซึ่งประกอบด้วย T-test agility, quick feet, วิ่งสามเหลี่ยม, วิ่ง Zigzag, วิ่ง กลับตัว 5 เมตร, Lateral change of direction, the 505 agility, วิ่งขึ้นเนินชัน และวิ่งขึ้นบันได โดยศึกษาถึงผลของ การเปลี่ยนแปลงความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวจากโปรแกรมการฝึกภายหลังจากการฝึกเป็น ระยะเวลา 6 สัปดาห์มีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 20 คน อายุระหว่าง 10 – 14 ปี แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ทางสถิติโดยใช้ความแปรปรวนทางเดียว (Paired t – test) เปรียบเทียบผลของการฝึกตามระยะเวลา ที่กำหนด ที่ระดับความเชื่อมั่น 0.001 ผลที่ได้หลังจากฝึกตามโปรแกรมดังกล่าว 6 สัปดาห์มีผลทำให้ ความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาฟุตซอล หลังการฝึกซ้อมดีขึ้น จึงสรุปได้ว่า งานวิจัยต่าง ๆ ที่ผู้ทำวิจัยได้ยกตัวอย่างมาทั้งหมดเป็นการฝึกการเคลื่อนไหว อย่างรวดเร็วในการรับและส่งลูกฟุตบอลในการรับและส่งลูกฟุตบอลได้ทำการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและ มีรูปแบบที่หลากหลายเพื่อให้การฝึกรับและส่งลูกฟุตบอลของนักเรียนมีการพัฒนาและมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนบ้านหมากแข้ง มีประสิทธิภาพในการรับ และส่งลูกฟุตบอลเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ ทำแบบทดสอบ โดยใช้แบบทดสอบการรับและส่งลูกฟุตบอล ของนักเรียน ผลพบว่า นักเรียนมีการพัฒนาในการรับเละส่งลูกฟุตบอลก่อนฝึกทักษะ ซึ่งการที่ผู้ฝึก ทักษะได้มีความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอลจึงทำให้ผู้ฝึกทักษะสามารถรับและส่งลูกฟุตบอลไปยังเป้าหมาย ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพผู้ฝึกทักษะยังสามารถนำการฝึกซ้อมในการฝึกของโปรแกรมต่าง ๆ ไปใช้ในการฝึกซ้อมและพัฒนาการซ้อมของตนเองและเพื่อนร่วมทีมได้อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถนำปใช้ ในการเล่นฟุตบอลและการแข่งขันจริงเพื่อที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้และพัฒนาตัวเองให้มีความสามารถที่ มากขึ้นเพื่อนำตัวเองไปสู่ความเป็นเลิศและนักฟุตบอลอาชีพได้ในอนาคต ข้อเสนอแนะ 1.ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ 1.1 ควรศึกษานำรูปแบบการฝึกไปฝึกกับนักกีฬาหรือนักฟุตบอล เพื่อพัฒนาการ เคลื่อนที่และทักษะการยิงลูกฟุตบอล 1.2 ควรศึกษารายละเอียดโปรแกรมการฝึกก่อนนำไปใช้กับนักกีฬาหรือนักฟุตบอล เพื่อจะได้มีการพัฒนาทักษะการเคลื่อนที่ในการยิงลูกฟุตบอล 1.3 ผู้สอนสามารถนำเอาโปรแกรมการฝึก Agility Training ร่วมกับการฝึกเกม สนามเล็ก เพื่อพัฒนาการยิงลูกฟุตบอล สามารถนำไปฝึกซ้อมนักกีฬาหรือนักฟุตบอลเพื่อทำการ แข่งขันได้อีกด้วย


2.ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 2.1 การวิจัยครั้งต่อไปอาจเลือกทักฟุตบอลอื่น ๆ เช่น ทักษะการยิงประตู ทักษะการ เลี้ยงบอล เพื่อจะได้มีการพัฒนาต่อไป 2.2 เพิ่มระยะเวลาในการทำวิจัยหรือการฝึกให้นานขึ้น เพื่อจะให้เห็นการพัฒนาของ ความสามารถในทักษะต่าง ๆ จะได้ชำนาญในทักษะนั้นมากยิ่งขึ้น 2.3 เพิ่มรูปแบบในการฝึกหรือโปรแกรมการฝึกมากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้เห็ฯการพัฒนา ความสามารถในทักษะต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นจะได้เกิดทักษะและมีความชำนาญแม่นยำในทักษะมากยิ่งขึ้น


เอกสารอ้างอิง กรมพลศึกษา. (2555). กติกาฟุตบอลของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(FIFA). กรุงเทพฯ : สำนักงาน กิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์. กรมพลศึกษา. (2555). ประวะติกีฬาฟุตบอล. กรุงเทพฯ : สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การ สงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์. กรมพลศึกษา. (2555). ประวัติความเป็นมาในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์. โสภณ หนูนุรัตน์. (2012). ประวัติความเป็นมาในต่างประเทศ. สืบค้นเมื่อ 11 ธันวาคม 2565. จาก https://www.gotoknow.org/posts/170590 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2560). ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวและกีฬา ฉบับที่ 4 (2560-2564). กรุงเทพฯ: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. จุฑาวัฒน์ กำลังทวี. (2560). ผลของการฝึก เอส เอ คิว ที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬา แบดมินตัน. (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิ โรฒ. ชาญวิทย์ ผลชีวิน. (2558). คู่มือการฝึกสอนกีฬาฟุตบอล. กรุงเทพฯ : กองวิชาการการกีฬา การกีฬา แห่งประเทศไทย. นฤชล อรชร. (2560). ผลของโปรแกรมฝึกเกมสนามเล็กที่มีต่อความสามารถในการรับและส่งลูก ฟุตบอล ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร์มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. นฤชล อรชร. (2561). ผลของโปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็กที่มีต่อความสามารถในการรับและส่งลูก ฟุตบอลของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร์มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ :จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ปรียา บุญเขียน. (2561). ผลการฝึกทักษะกรีฑาแบบวงจรที่มีต่อความเร็วในการวิ่งของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. พชรพล บุญเรือน. (2562). การศึกษาผลการฝึกการวิ่งรูปแบบตัว Z และตัว S ที่มีผลต่อความ คล่องแคล่วว่องไว ของนักกีฬาฟุตบอล. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ไพรัช ทศคำไชย. (2562). ผลของการฝึกพลัยโอเมตริกด้วยเทคนิค Jump Over Barrier ที่มีต่อพลัง กล้ามเนื้อขาของผู้เรียนวิชายิมนาสติก. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.


Click to View FlipBook Version