มีอะไรในนำ้ อัดลม
ประเด็นนี้ถือเป็นความรู้นะคะ อย่าดราม่า มาม่ากันนะคะ
เรือ่ งของน้ำอดั ลม ไม่ใชเ่ ร่อื งนา่ กลัว ความจรงิ แลว้ ถา้ เราร้จู ักทีจ่ ะควบ
คมปริมาณการรับประทาน ไม่ให้มากจนเกินไป ก็ถืว่าเป็นเครื่องดื่ม
ที่ดับกระหายครายร้อนได้ดีทีเดียว แต่ก็อีกนั้นหล่ะค่ะ น้ำอัดลมก็ถูก
จัดให้เปน็ ผูร้ า้ ยมอื 1 ของสขุ ภาพเลยทีเดียว
น้ำอดั ลมถือวา่ เปน็ เคร่ืองดื่มทีอ่ ยูใ่ นกลุ่ม อาหาร Empty Calories หรือ
อาหารไร้คุณค่าทางอาหาร แต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่คลายร้อยดับกระหายได้
ชะงักนัก ลองคิดถึงความรู้สึกเหนื่อยๆ ร้อนๆ แล้วได้ดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ สักขวด
รู้สึกว่าดื่มแล้วจะมีเรี่ยวแรง ใครที่ออกกำลังกายมา ดื่มแล้วจะรู้สึกสดชื่น หาย
เหนื่อย อิ่มเลยก็มี บางคนถึงกับไม่ต้องทานอาหารมื้อนั้นเลยก็เป็นได้ แต่รู้
หรือไม่ว่า องค์ประกอบของน้ำอัดลมนั้นมีอะไรบ้าง ทำไมดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น
กระปรี้กระเปรา่ เช่นนัน้
ไมว่ ่าจะเปน็ นำ้ อัดลมรสไหน ชนิดไหนก็มีองคป์ ระกอบหลกั เหมือนกัน
คือ น้ำ, น้ำตาล, กรดคาร์บอนิก, กรดฟอสฟอริก, คาเฟอีน, สีและกลิ่นหรือรส
รวมถึงสารกันบูด เมื่อเราทราบถึงองค์ประกอบของมันแล้ว เรามาวิเคราะห์กนั
ดีกว่าว่าสารเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง มีประโยชน์หรือเป็นโทษอย่างไร มี
ผลกระทบต่อร่างกายเราอยา่ งไร
เริ่มจากองค์ประกอบแรกและเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของน้ำอัดลม
คือ น้ำ นั่นเอง ร่างกายเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบประมาณ 60-70% นอกจากน้ำ
จะทำให้เราสดชื่นแล้ว น้ำยังเป็นตัวรักษาสมดุลต่างๆ ให้กับร่างกาย เช่น ทำให้
ร่างกายมีอุณหภูมิคงที่ เพราะน้ำมีความจุความร้อนมาก ช่วยละลายสารอาหาร
ต่างๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ ทำให้เซลล์ต่างๆ ดูดซึมสารอาหารและนำไปใช้
ประโยชน์ได้ นอกจากนี้ยังช่วยในระบบขับถ่าย และเจือจาง สารพิษที่ร่างกาย
ได้รับอีกด้วย แต่น้ำไม่ได้ใหพ้ ลงั งานแก่รา่ งกายแต่อยา่ งใด
ในน้ำอัดลมไม่มีสารอาหารประเภทโปรตีนและไขมัน น้ำตาล จึงเป็น
สารอาหารชนิดเดียวที่อยู่ในขวดน้ำอัดลม เพราะเป็นสารที่ให้ความหวานและ
พลังงาน น้ำตาลที่ใช้ในน้ำอัดลมคือ ซูโครส (น้ำตาลทราย) เป็นสารอาหาร
ประเภทคาร์โบไฮเดรตซึ่งจะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรีต่อกรัม ถ้าดูจากข้างขวด
ก็จะพบว่าในทุกๆ 100 มิลลิลิตร จะประกอบด้วยน้ำตาลประมาณ 10.6 กรัม
(ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำอัดลม) ประมาณ 42.4 กิโลแคลอรี ถ้าเราดื่มน้ำอัดลม 1
ลิตร จะให้พลังงาน 424 กิโลแคลอรี ขณะที่โดยปกติร่างกายต้องการพลังงาน
วันละประมาณ 2000-2500 กิโลแคลอรี จึงทำให้เรารู้สึกอิ่มและสดชื่น การที่มี
น้ำตาลในกระแสเลือดมากกวา่ ที่รา่ งกายต้องการ อินซูลนิ จะทำงานหนักเพื่อที่จะ
เก็บน้ำตาลที่มากเกินพอในกระแสเลือดนั้นในรูป ของไกลโคเจนและไขมันใต้
ผิวหนัง เป็นเหตุให้เรามีน้ำหนักมากขึ้นและอ้วนขึ้นนั่นเอง (ถ้าได้รับพลังงาน
มากกว่าที่ร่างกายต้องการ 7700 กิโลแคลอรี ก็จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1
กิโลกรัม) นอกจากนี้การบริโภคน้ำอัดลมมาก จะทำให้อิ่มและรับประทาน
อาหารไดน้ ้อยลง อาจเปน็ เหตุให้ขาดสมดลุ ทางโภชนาการ
ส่วนในเครื่องดื่มบางชนิด เช่น Light, Zero หรือ Diet นั้น จะใช้สาร
(เคมี) ให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งจะให้ความหวานแต่ไม่ให้พลังงาน อันนี้ก็
ต้องระวัง เพราะสารให้ความหวานบางชนิดจะเป็นพิษต่อร่างกายหรือเป็นสาร
ก่อมะเร็ง สารให้ความหวานที่ใช้อยู่ปัจจุบันนั้นยังได้รับอนุญาตให้ใช้อยู่ เพราะ
ปจั จุบันยงั ไมม่ ีรายงานวา่ สารนั้นเป็นพิษตอ่ รา่ งกาย แตใ่ นอนาคตอาจพบว่าเป็น
สารพิษเหมือนในอดีตที่เปลี่ยนสารให้ความหวานอยู่เสมอ เพราะพบว่าเป็นพิษ
ก็เป็นได้
กรดคาร์บอนิก
เป็นองค์ประกอบที่ทำให้น้ำอัดลมซ่า มีฟอง และมีรสเปรี้ยวอ่อนๆ
กรดคาร์บอนิกนั้น ได้จากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดย
ใช้ความดันสูงบังคับ (อัด) ให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำปฏิกิริยากับน้ำให้ได้
เพราะในสภาวะความดันปกติคาร์บอนไดออกไซด์แทบจะไม่ละลายน้ำหรือทำ
ปฏิกิริยา กับน้ำเลย แต่กรดคาร์บอนิกที่เกิดข้ึนนั้นไม่เสถียร คือสลายตัวไดง้ ่าย
ในสภาวะความดันปกติ ยิ่งถ้ามีความร้อนด้วยจะยิ่งเร่งการสลายตัวให้เร็วยิ่งข้ึน
ผ ล ิ ต ภ ั ณ ฑ ์ ท ี ่ ได ้ จ า ก ก า ร ส ล า ย ต ั ว ข อ ง ก ร ด ค า ร ์ บ อ น ิ ก ก ็ ค ื อ น ้ ำ กั บ
คาร์บอนไดออกไซด์ นั่นเอง ดังนั้นจึงต้องเก็บน้ำอัดลมภายใต้ความดัน ก่อนที่จะ
ถึงมือผู้บริโภค ด้วยเหตนุ ี้เราจงึ เรียกว่าเครื่องดื่มชนิดนีว้ า่ “น้ำอัดลม” เมื่อเปิด
ขวดออก ความดันสูงในขวดก็จะลดลงเท่ากับความดันปกติ จึงทำให้กรดคาร์
บอนิกสลายตัวออกมา ได้กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ ทำใหเ้ กดิ ฟองนน่ั เอง กรดคาร์
บอนิกยังสามารถย่อยสลายหินปูนได้ จึงสามารถกัดกร่อนกระดูกและฟันได้
เช่นกัน เช่นเดียวกับ กรดฟอสฟอริก ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากพอที่จะ ละลาย
ตะปูได้ภายใน 4 วัน นอกจากจะทำให้ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารแล้ว
ยังทำให้นอนหลับยาก ฟันผุ อาจทำให้กระดูกพรุน เนื่องจากฟอสเฟสไปดึง
แคลเซียมออกจากกระดูกและฟัน
คาเฟอีน
เป็นสารที่มีกลิ่นหอมและพบมากในชา กาแฟ เป็นสารกระตุ้น
ประสาทที่ได้รับความนยิ มมากที่สุดในโลก มีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาท
ส่วนกลาง ทำให้ร่างกายเกิดความตื่นตัวและลดความง่วงลง เมื่อ ได้รับคาเฟอีน
ร่างกายจะมีความต้องการคาเฟอีนมากขึ้น และถ้าหยุดบริโภคคาเฟอีนอย่าง
ทนั ที อาจทำให้เกดิ อาการปวดศีรษะและคล่ืนไส้อาเจียนได้ การบริโภคคาเฟอีน
มากเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ภาวะเสพติดคาเฟอีนได้ ซึ่งจะปรากฏอาการต่างๆ
เช่น กระสับกระส่าย วิตกกังวล กล้ามเนื้อกระตุก นอนไม่หลับ ใจสั่น หรือแผล
ในกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ เด็กที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ จะทำให้มีรูปแบบ
การนอนที่ผดิ แผกไปจากเดิม เดก็ เหลา่ นี้จะนอนไม่หลบั ในเวลากลางคืนและง่วง
นอนในเวลากลางวนั ทำให้ประสทิ ธภิ าพในการทำกิจกรรมตา่ งๆ ลดลง
สารกันบูดหรือวัตถุกันเสีย ใส่เพื่อให้สามารถเก็บน้ำอัดลมได้นาน ใน
นำ้ อัดลมนยิ มใช้ กรดซติ ริก (เปน็ กรดทีอ่ ยูใ่ นมะนาว) สามารถป้องกนั การเจริญ
ของแบคทีเรียและยีสต์ได้ดี แต่เป็นกรดค่อนข้างแรง จะทำให้ระคายเคือง
ทางเดินอาหาร ส่วนสี กลิ่นและรส เป็นสารเคมีสังเคราะห์ทั้งสิ้น สารเหล่านี้
เป็นสารก่อมะเร็ง ถ้าได้รับมากเกินไปก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง
ได้ง่ายขนึ้
แนวทางในการดืม่ น้ำอดั ลมที่ถูกต้อง
• ไม่ดืม่ ในปริมาณมาก
• ไม่ดืม่ น้ำอัดลมระหวา่ งมือ้ อาหารหลัก หรอื ดืม่ ในปรมิ าณนอ้ ย
• หลังด่มื นำ้ อดั ลม ควรบ้วนปากหรือแปรงฟันเสมอ เพอ่ื ป้องกนั ฟนั ผุ
• ไม่ควรดื่มบ่อย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ อาจทำให้กระเพาะเกิดแผล
ได้
เมื่อ ทราบแล้วว่าน้ำอัดลมประกอบด้วยอะไรบ้างแล้ว เราก็พอจะประเมินได้ว่า
น้ำอัดลมมีประโยชน์และมีโทษต่อร่างกายเราอย่างไร การดื่มน้ำอัดลมใน
ปริมาณทีเ่ หมาะสมและถูกวธิ ี ก็สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับ
รา่ งกายได้
แหลง่ ทมี่ า : https://www.lovefitt.com/