โรงเรอื นเพาะปลกู
พงศกร โพธิจักร์ รหสั นกั ศกึ ษา 116410301023-0
รายงานนี้เป็นส่วนหนง่ึ ของการศึกษาวิชาสารนเิ ทศและเขียนรายงานเชิงวิชาการ
ภาควิชาการผลติ พืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
โรงเรอื นเพาะปลกู
พงศกร โพธิจักร์ รหสั นกั ศกึ ษา 116410301023-0
รายงานนี้เป็นส่วนหนง่ึ ของการศึกษาวิชาสารนเิ ทศและเขยี นรายงานเชิงวิชาการ
ภาควิชาการผลติ พืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
ก
คำนำ
รายงานฉบับนี้จัดทำข้ึนเพื่อปฏบิ ัติการเขียนรายงานการค้นควา้ ทถี่ ูกตอ้ งอยา่ งเป็นระบบ อัน
เปน็ ส่วนหน่งึ ของการศึกษารายวิชา 001210001 การค้นคว้าและการเขียนรายงานเชงิ วิชาการ ซึ่งจะ
นำไปใชใ้ นการทำรายงานค้นควา้ สำหรบั วิชาอื่นไดอ้ ีกต่อไป การทผ่ี จู้ ดั ทำเลือกทำเรอื่ ง “ โรงเรอื น
เพาะปลูก ” ซึ่งเปน็ เนื้อหาที่อธิบายใหเ้ ข้าใจถึงการปลูกสรา้ งโรงเรอื น ซึง่ มีความสอดคล้องกับวชิ า
สารนิเทศและการเขียนรายงานทางวชิ าการ และยังสามารถนำความรู้ทไ่ี ด้ไปใช้ใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่
ตนเองและแก่สังคมได้อีกด้วย
รายงานเล่มน้กี ลา่ วถึงเน้ือหาเกี่ยวกบั โรงเรือนเพาะปลกู ประเภทของโรงเรือน โรงเรอื น
เพาะปลูกแบบต่างๆ วธิ กี ารศึกษา ขน้ั ตอนการสรา้ งโรงเรอื น ระบบควบคมุ อณุ หภูมิและความชื้น
ปจั จัยทมี่ อี ิทธพิ ลต่อการปลูกพชื ในโรงเรือน เหมาะสำหรับผู้ที่ตอ้ งการรบั รูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั
โรงเรือนเพาะปลูก
ขอขอบคุณ ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พนดิ า สมประจบ ท่ีกรุณาใหค้ วามรแู้ ละคำแนะนำโดย
ตลอด และขอขอบคุณเจา้ ของเว็บไซตท์ ี่ให้ความสะดวกในการคน้ หาข้อมลู ทผ่ี ู้เขียนใช้อ้างอิงทุกทา่ น
หากมขี ้อบกพร่องประการใด ผเู้ ขียนขอน้อมรบั ไว้เพื่อปรบั ปรุง
พงศกร โพธจิ ักร์
11 กมุ ภาพันธ์ 2565
ข
สารบญั
หน้า
คำนำ............................................................................................................................. .... ก
สารบัญภาพประกอบ........................................................................................................ จ
บทท่ี
1
1 บทนำ.............................................................................................................. 1
1.1 ความหมายของโรงเรอื น................................................................ 2
1.2 ความเปน็ มาของการผลติ พืชในโรงเรือน........................................ 2
1.3 ส่ิงทีต่ อ้ งพจิ ารณาก่อนจะปลกู สรา้ งโรงเรือน.................................. 2
1.3.1 การเลอื กสถานทตี่ ง้ั ( location ) …………………………… 3
1.3.2 สภาพภมู ปิ ระเทศ ( topography ) ………………………… 3
1.3.3 สภาพอากาศ ( climate ) ……………………………………… 3
1.3.4 การใช้แรงงาน ( labor supply ) …………………………… 3
1.3.5 ทางติดตัง้ ( accessibility ) …………………………………… 3
1.3.6 น้ำ ( water ) ……………………………………………………….. 3
1.3.7 การหันของแสง ( orientation ) …………………………….. 4
1.4 ประเภทของโรงเรอื น....................................................................... 4
1.4.1 โรงเรือนแบบเรอื นกระจก............................................... 4
1.4.2 โรงเรอื นแบบเรือนแผน่ พลาสติกแข็ง.............................. 4
1.4.3 โรงเรอื นแบบเรอื นพลาสตกิ ............................................ 4
1.5 โรงเรือนเพาะปลูกแบบต่างๆ............................................................ 4
1.5.1 โรงเรือนปรบั อากาศ QUANSETTER…………………………. 5
1.5.2 โรงเรือนปรับอากาศ แบบ GROUN TO GROUND…….. 6
1.5.3 โรงเรือนปรับอากาศแบบ RIGD………………………………… 6
1.5.4 โรงเรอื นหลังคาเลื่อย....................................................... 7
1.5.5 โรงเรอื นหลงั คาโคง้ .......................................................... 8
1.5.6 โรงเรอื นปลูกพชื แบบแฝด................................................
ค
สารบญั (ต่อ)
1.5.7 โรงเรือนปลกู พชื แบบกางมุ้งทรงหลังคาโค้ง 2 ชนั้ ............ 9
2. วธิ กี ารศึกษาและข้นั ตอนการสรา้ งโรงเรือน........................................................ 10
10
2.1 วัสดุท่ีใชส้ ร้างประกอบโรงเรือน......................................................... 10
2.1.1 โครงโรงเรอื น.................................................................... 11
2.1.2 หลงั คาโรงเรือน................................................................. 11
11
2.2 ขน้ั ตอนการศึกษา.............................................................................. 11
2.2.1 รวบรวมขอ้ มูลของรูปแบบโรงเรือน.................................. 11
2.2.2 คดั เลือกรูปแบบโรงเรือน.................................................. 14
2.2.3 ขั้นตอนการปลูกโรงเรือนทรงหลังคาโค้ง.......................... 16
2.2.4 ขั้นตอนการปลูกโรงเรือนหลงั คาหนา้ จว่ั สมมาตร............. 18
2.2.5 ขนั้ ตอนการปลกู โรงเรือนหลังคาฟันเล่ือย......................... 18
2.2.6 ปรบั ขนาดโรงเรอื น............................................................ 18
2.2.7 การวเิ คราะห์แรงโดยใช้ โปรแกรม&AP2000……………….. 18
19
2.3 หลักการสำหรบั โรงเรอื น.................................................................... 19
2.3.1 อุณหภูมิ ( temperature ) ……………………………………… 20
2.3.2 การระบายอากาศโดยใชพ้ ัดลมดดู อากาศ......................... 20
2.3.3 การระบายอากาศผา่ นท่อเจาะรู....................................... 20
20
3. ระบบควบคมุ อุณหภมู แิ ละความชืน้ ................................................................... 20
3.1 ความชื้นสัมพทั ธ์................................................................................. 20
3.1.3 รดน้ำ................................................................................. 20
3.1.2 การพน่ น้ำ.......................................................................... 21
3.1.3 การปดิ ชอ่ งระบายอากาศ.................................................. 21
3.2 การลดอณุ หภมู ิในโรงเรือน ( greenhouse cooling ) ………………… 21
3.2.1 การระบายอากาศดว้ ยหลังคาและตดิ ตั้งเคร่ืองระบายอากาศ
3.2.2 การระบายอากาศโดยใช้พัดลมดดู อากาศ..........................
3.2.3 การระบายอากาศผา่ นทอ่ เจาะรู.........................................
3.2.4 การลดอุณหภูมิโดยบงั เงาที่หลังคา.....................................
ง
สารบัญ (ต่อ)
3.3 ระบบระบายอากาศ........................................................................... 21
3.4 ระบบทำความเย็นและการปรับอากาศ.............................................. 22
3.5 การรักษาหรือควบคุมเกีย่ วกบั ความชนื้ สัมพัทธใ์ นโรงเรือนเพาะปลกู . 23
4. ปัจจยั ทมี่ อี ทิ ธิพลต่อการปลูกพืชในโรงเรอื น........................................................ 25
4.1 แสงสว่าง ( light ) …………………………………………………………………… 25
25
4.1.1 แสงจากดวงอาทติ ย์ ( sunlight ) ………………………………. 25
4.1.2 แสงทม่ี นุษย์สรา้ งขึ้น ( artical light ) ……………………….. 27
5. สรุป................................................................................................................... 27
5.1 ขอ้ ดีของการปลูกพืชในโรงเรือน........................................................ 28
5.2 ประโยชนข์ องการปลกู พืชในโรงเรือน................................................ 29
บรรณานุกรม..........................................................................................................
จ
สารบญั ภาพประกอบ
ภาพท่ี หน้า
1. โรงเรือนปรบั อากาศแบบ QUANSETTER……………………………………………………………… 5
2. โรงเรอื นปรบั อากาศ EAPORATIDN แบบ GROUND TO GROND................................ 5
3. โรงเรือนปรบั อากาศแบบ RIGID...................................................................................... 6
4. โรงเรือนหลงั คาฟันเล่ือย ( SAW TOOTH GRENHOUSE ) …………………………………….. 7
5. โรงเรอื นหลงั คาโคง้ ( HIGH TUNNEL GREENHOUSE )................................................ 8
6. โรงเรอื นปลูกพืชแบบแฝด ( TWIN GREENHOUSE )..................................................... 9
7. โรงเรือนปลกู พชื แบบกางมุ้งทรงหลงั คาโคง้ 2 ชัน้ ........................................................... 9
8. รปู ดา้ นหน้าโรงเรอื นปลกู พืชหลังคาโค้ง ขนาด 6x6 ตารางเมตร..................................... 12
9. โรงเรือนปลกู พชื หลังคาโค้ง ขนาด 6x6 ตารางเมตร........................................................ 12
10. รูปดา้ นหนา้ โรงเรือนปลกู พชื หลงั คาโค้ง ขนาด 10x10 ตารางเมตร.............................. 12
11. โรงเรอื นปลกู พืชหลังคาโค้ง ขนาด 10x10 ตารางเมตร................................................. 13
12. รปู ด้านหน้าโรงเรอื นปลกู พชื หลงั คาโค้ง ขนาด 12x12 ตารางเมตร.............................. 13
13. โรงเรือนปลูกพืชหลงั คาโค้ง ขนาด 12x12 ตารางเมตร................................................. 13
14. รูปด้านหน้าโรงเรือนหลงั คาหนา้ จว่ั สมมาตร ขนาด 6x6 ตารางเมตร............................ 14
15. โรงเรือนหลังคาหนา้ จ่วั สมมาตร ขนาด 6x6 ตารางเมตร............................................... 14
16. รูปดา้ นหนา้ โรงเรอื นหลงั คาหน้าจั่วสมมาตร ขนาด 10x10 ตารางเมตร........................ 15
17. โรงเรือนหลังคาหน้าจว่ั สมมาตร ขนาด 10x10 ตารางเมตร........................................... 15
18. รูปดา้ นหน้าโรงเรือนหลงั คาหน้าจัว่ สมมาตร ขนาด 12x12 ตารางเมตร........................ 15
19. โรงเรอื นหลงั คาหนา้ จั่วสมมาตร ขนาด 12x12 ตารางเมตร........................................... 16
20. รปู ดา้ นหน้าโรงเรือนปลกู พชื หลังคาฟนั เลื่อย ขนาด 6x6 ตารางเมตร............................ 16
21. โรงเรือนปลูกพชื หลงั คาฟันเล่ือย ขนาด 6x6 ตารางเมตร............................................... 16
22. รูปด้านหน้าโรงเรือนปลูกพชื หลงั คาฟนั เล่ือย ขนาด 10x10 ตารางเมตร........................ 17
23. โรงเรอื นปลูกพชื หลงั คาฟันเลื่อย ขนาด 10x10 ตารางเมตร........................................... 17
24. รปู ดา้ นหน้าโรงเรอื นปลกู พืชหลังคาฟันเล่ือย ขนาด 12x12 ตารางเมตร........................ 17
25. โรงเรอื นปลูกพชื หลังคาฟันเลอื่ ย ขนาด 12x12 ตารางเมตร........................................... 18
บทท่ี 1
บทนำ
การปลูกพชื ผักในโรงเรือน
การปลูกพืชในโรงเรือนมีมานานแลว้ ตง้ั แตย่ คุ โรมนั เพือ่ ปกป้องพชื ทตี่ ้องการปลกู จาก
สภาพแวดลอ้ มที่ไมเ่ หมาะสม การปลูกพชื ในโรงเรอื นจงึ มีถ่ินกำเนิดและนิยมปฏิบัติกันในประเทศทีอ่ ยู่
ในเขตหนาวหรือกงึ่ หนาวส่วนประเทศในเขตร้อน เชน่ ประเทศไทย การปลกู พืชในโรงเรอื นเพ่งิ ได้รับ
ความนิยมเม่ือไมน่ านนกั เพื่อใช้ปลูกพืชผักทม่ี าจากตา่ งแดนและมรี าคาแพง สนองความตอ้ งการของ
ผู้บรโิ ภครุ่นใหม่ รวมทั้งเพื่อการผลิตพชื ผักให้ปลอดภยั จากศัตรูพืชต่างๆ ( แมลง และโรค ) มารบกวน
ลดการใชส้ ารกำจดั ศัตรพู ืชทีเ่ ปน็ อันตรายต่อมนษุ ย์และสงิ่ แวดล้อม ซงึ่ ทำไดย้ ากหากปลูกนอก
โรงเรือน
1.1 ความหมายของโรงเรือน
โรงเรอื น ( greenhouse or glasshouse ) หมายถงึ ส่งิ ก่อสร้างท่ีมุงดว้ ยวสั ดโุ ปรง่ แสงทใ่ี ห้
แสงซงึ่ เป็นสิง่ จำเป็นต่อการเจริญเตบิ โตของพชื ผา่ นเข้ามาภายในได้ และส่งิ ก่อสรา้ งน้ีควรมีความสูง
เพยี งพอที่มนษุ ยจ์ ะเข้าไปทำงานไดโ้ ดยสะดวก
ในภาษาอังกฤษ มคี ำท่นี ิยมใชเ้ รียกโรงเรือน 2 คำ คือ green-house ( กรนี เฮาส์ ) และ
glasshouse ( กลาสเฮาส์ ) คำว่า greenhouseเป็นคำทใี่ ชเ้ รยี กโรงเรอื นโดยทั่วไป คำน้ีมีทมี่ าจากการ
ทีโ่ รงเรือนมงุ ด้วยวสั ดโุ ปรง่ แสง เมอื่ มองจากภายนอกจึงมองเห็นพชื ทป่ี ลกู อยู่ภายในซึง่ ส่วนใหญเ่ ปน็ สี
เขยี ว (green) ส่วนคำวา่ glasshouse ซ่ึงแปลเป็นภาษาไทยว่าโรงเรือนกระจกนั้น ใชเ้ รียกโรงเรือนที่
ใชก้ ระจกเปน็ วัสดุมุงโรงเรอื นโรงเรือนกระจกเปน็ โรงเรอื นปลูกพืชท่ีสรา้ งขึ้นในยคุ แรก ๆ แตต่ ่อมาเมื่อ
มีการประดิษฐว์ สั ดุโปร่งแสงชนดิ อื่นๆ ได้ เช่น พลาสตกิ โพลคี าร์โบเนต และไฟเบอร์กลาสขึ้น โรงเรอื น
ในระยะหลังจึงนยิ มใชว้ ัสดชุ นิดใหมเ่ หลา่ นีใ้ นการมุง เพราะมีน้ำหนกั เบากว่าและมีราคาถูกกว่า
การผลิตพชื ( ผกั )ในโรงเรอื นจึงหมายถึง การปลูกพืช ( ผกั )ภายใต้สงิ่ ก่อสรา้ งมงุ ด้วยวัสดุ
โปรง่ แสงทย่ี อมให้แสงซง่ึ จำเป็นต่อการเจรญิ เตบิ โตผ่านเขา้ มาได้ เพื่อปกปอ้ งพชื ( ผัก ) จาก
สภาพแวดล้อมภายนอกท่ีไมเ่ หมาะสมน่ันเอง ( ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.ธรรมศกั ด์ิ ทองเกตุ : ออนไลน์ )
2
1.2 ความเปน็ มาของการผลิตพชื ในโรงเรอื น
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ความพยายามของมนุษย์ทจี่ ะปกป้องพืชทปี่ ลกู จากสภาบน
รถเขน็ ท่สี ามารถเคลื่อนย้ายต้นแตงกวาท่ีปลูกเข้าไปไว้ในบ้านในเวลากลางคืน เพื่อให้พน้ จากอากาศ
หนาวเย็น และนำออกมาใหม่ในเวลากลางวันเพื่อรบั แสงแดด ส่วนโรงเรือนยคุ ใหม่ทมี่ ีโครงสร้าง
คล้ายคลึงกบั โรงเรือที่เหน็ ในปัจจบุ นั มาเริม่ ตนั ในชว่ งคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในยุคท่โี ลกมกี ารตดิ ตอ่
คา้ ขายทางทะเล ระหว่างโลกตะวนั ตก กับโลกตะวนั ออก เกิดการนำพันธ์ุ
พีชจากซีกโลกเขตตะวันออกซ่ึงเปน็ พชื เขตร้อน ไปปลูกในเขตกงึ่ หนาวและเขตหนาวจึงตอ้ ง
หาทางปกป้องพชื นน้ั มรี ายงานว่าโรงเรือนทม่ี โี ครงสรา้ งคล้ายในปจั จุบนั เกิดข้นึ คร้ังแรกในประเทศ
อติ าลี สรา้ งข้นึ เพื่อใชป้ ลูกและดแู ลรกั ษาพชื ต่างถิ่น ตอ่ มาวิธีการนีไ้ ดแ้ พรห่ ลายไปยงั ประเทศอื่นๆ ใน
ยโุ รปเช่น เนเธอรแ์ ลนด์ และองั กฤษ ในระยะแรกการปลูกพืชในโรงเรือนนัน้ ได้แพร่หลายอยู่ในแวดวง
ของสถานศึกษา และมหาวทิ ยาลยั ท่ีมกี ารศกึ ษาด้านพฤษศาสตร์เทา่ นั้น ในประเทศอังกฤษมีคำ
เฉพาะท่เี รยี กโรงเรือนสำหรบั การปลูกพืชในลักษณะน้ีว่า "Conservatory" ซ่งึ ใหค้ วามหมายถึง
สถานทีเ่ ก็บ ดูแลและรักษาพืช ส่วนประเทศฝรัง่ เศส ใชค้ ำว่า "Orangeries" เพอื่ สอ่ื ถึงวา่ โรงเรอื นใน
ประเทศฝรง่ั เศสสมัยนน้ั ใช้ปลูกและดูแลรกั ษาพชื ตระกูลส้มซง่ึ เป็นพืชต่างถิน่ ของฝร่ังเศส
ต่อมาในชว่ งครสิ ต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อเทคโนโลยีด้านการผลิตกระจกและโลหะมีความ
เจริญกา้ วหน้ามากข้นึ จึงทำให้มกี ารสร้างโรงเรือนกระจกทมี่ ีขนาดและรปู รา่ งใหญแ่ ละสวยงามขึ้นอีก
แต่กย็ งั คงใช้เพื่อการปลกู ดแู ลรักษาพืชต่างถ่นิ และเพื่อการศึกษาด้านพืช จนมาถึงศตวรรษที่18 เม่อื
สงั คมมีความเจรญิ ก้าวหน้ามากข้ึน พร้อมกบั ความต้องการบริโภคพืชผักจากต่างแดน หรือพชื ผักนอก
ฤดกู ันมากขน้ึ โดยเฉพาะในกลมุ่ ผู้คนทเี่ ป็นเช้ือพระวงศ์ ขุนนาง และคหบดีท่รี ำ่ รวย ความต้องการ
บริโภคผักและผลไมต้ า่ งแดน รวมทัง้ ของนอกฤดูนี้เองทีผ่ ลักดันให้เกิดความคดิ ทีจ่ ะทำการผลิตพืชใน
โรงเรอื นเปน็ การค้าเกดิ ขน้ึ อย่างกว้างขวางในยโุ รป จงึ เปน็ จุดเร่มิ ต้นของการพัฒนา ค้นควา้ และวิจยั
รูปแบบ และวธิ กี ารปลกู พืชในโรงเรอื นเปน็ การค้ามาเป็นลำดับจวบจนถงึ ปัจจุบัน ( ผู้ชว่ ยศาตราจารย์
ดร.ธรรมศกั ด์ิ ทองเกตุ : ออนไลน์ )
1.3 สิง่ ที่ต้องพิจารณากอ่ นจะปลกู สร้างโรงเรอื น
1.3.1 การเลือกสถานที่ตั้ง ( location ) สิ่งแรกที่เราจะต้องพิจารณาถึงในการสร้างโรงเรือน
เพาะปลูกคือสถานที่ซึ่งมีอยู่หลายองค์ประกอบในการตัดสินใจ แต่โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่มีความจำเป็น
อย่างมากที่จะทำให้เราแน่ใจว่าควรกำหนดบริเวณไหนก็คือชนิดของพืชที่ปลูกขนาดของกิจการที่เรา
คาดคะเนไว้และระดับความเปน็ ไปได้ของระบบอตั โนมตั ิทีเ่ ราต้องการโดยท่วั ไป
3
1.3.2 สภาพภูมิประเทศ ( topography ) พื้นที่ที่ใช้ในการก่อสร้างโรงเรือนเพาะปลูกควรมี
สภาพราบที่สุดเท่าที่จะราบได้เพื่อที่จะได้ลดค่าใช้จ่ายในการปรับพื้นที่ระดับของพื้นที่ต้องสามารถที่
จะใชใ้ นการก่อสรา้ งโรงเรือนขนาดใหญซ่ ึ่งสามารถตดิ ตั้งระบบควบคุมต่าง ๆ ได้ง่ายพื้นท่ีต้องสามารถ
ระบายน้ำได้ดีเป็นการสมควรที่จะเลือกพื้นที่ที่มีสิ่งกันลมในธรรมชาติเช่นแนวของต้นไม้หรือเนินเขา
ทางด้านเหนอื และดา้ นตะวนั ออกเฉียงเหนือและไม่ควรมีสง่ิ ทก่ี ้นั แสงทำให้เกิดเงาได้
1.3.3 สภาพอากาศ ( climate ) สิ่งที่ใช้ในการบ่งชี้อันดับแรกคือสภาพของอากาศทั่วไปใน
โลกไม่เหมือนกันซ่ึงสภาพอากาศแตล่ ะชนิดก็เหมาะต่อการปลูกพืชทั่ว ๆ ไปพนื้ ทปี่ ลกู โรงเรือนควรถูก
เลอื กให้ตรงกับชนิดท่ปี ลูก
1.3.4 การใช้แรงงาน ( labor supply ) ในปัจจุบันและในอนาคตควรกำหนดว่าต้องใช้
แรงงานเท่าใดและควรมีแรงงานที่สมัครใจทำในบริเวณนั้นด้วยฝ่ายจัดหาแรงงานที่จะนำมาใช้ในการ
ควบคุมโรงเรือนเพาะปลูกยังมีปัญหาอยู่ตลอดเวลาในการทำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับไม้ดอกซึ่งผลของ
การเลอื กทตี่ ้งั ใกลต้ วั เมอื งมกั จะขาดคนทำงานเนื่องจากค่าจ้างต่ำและโรงงานอตุ สาหกรรมอ่นื ๆ มกั จะ
ประกาศรบั สมคั รงานทมี่ ขี ้อเสนอทท่ี ำให้คนงานได้รับผลประโยชนม์ ากกวา่ ทำใหเ้ กดิ การแข่งขันค่าแรง
ยิ่งแพงขึ้นซึ่งค่าแรงที่แพงนี้ทำให้เราหาวิธีชดเชยโดยการติดตั้งระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยทำให้ลด
ค่าแรงงานลง
1.3.5 ทางตดิ ตอ่ ( accessibility ) การเลอื กทที่ ส่ี ำหรบั สร้างโรงเรือนเพาะปลกู ควรมีที่ติดต่อ
หรือเส้นทางในการส่งสินค้าง่ายและสะดวกและควรอยู่ใกล้ตลาดในการขายพืชนั้นถ้าเกิดอยู่ไกลก็จะ
ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูงและใช้เวลาในการขนสง่ มากก็จะทำให้พืชผลนั้นเน่าเสียได้ แต่
ในปัจจุบันปญั หาที่โรงเรือนอยู่ไกลตลาดก็ลดน้อยลงเนือ่ งจากในปจั จุบันระบบขนส่งสนิ ค้านั้นรวดเร็ว
ขึ้น
1.3.6 น้ำ ( water ) น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคญั มากไม่ควรมองข้ามในพืน้ ที่ที่ตั้งที่ต้องมี
การซอ้ื น้ำเพ่ือนำมาใช้ในธุรกจิ ของโรงเรียนเพาะปลูกคุณภาพของน้ำและวิธีในการนำเอาน้ำมาใช้ต้อง
ถูกพิจารณาด้วยซึ่งบางทีคุณภาพของน้ำและวิธีในการนำมาใช้สร้างปัญหาและความยากลำบากเป็น
อย่างมากในการเจริญเติบโตของพืชและควรมีการตรวจสอบน้ำปริมาณน้ำที่จะนำมาใช้นั้นมีปริมาณ
พอกับปริมาณน้ำท่ีที่จะใช้ใหแ้ กพ่ ชื และกิจกรรมอยา่ งอ่นื หรือเปลา่
1.3.7 การหันเหของแสง ( orientation ) เงาที่ทอดลงมาเนื่องจากโครงของโรงเรือนขนาด
ของเงานั้นขึ้นอยู่กับฤดูกาลของปีเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงมุมของดวงอาทิตย์ผลที่เกิดขึ้นเนื่องจาก
เราคือจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมากในการเจริญเติบโตของพืช ( Pokchat PkAll :
ออนไลน์ )
4
1.4 ประเภทของโรงเรือน
โรงเรอื นเพาะปลกู สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ตามวสั ดุที่ปดิ คลุม
1.4.1 โรงเรือนแบบเรอื นกระจก ( glass greenhouse ) เปน็ โรงเรือนทมี่ คี วามม่ันคงแข็งแรง
ซึ่งการออกแบบโครงของโรงเรือนต้องออกแบบให้แข็งแรงและมีราคาแพงมาก แต่อายุการใช้งานจะ
สงู
1.4.2 โรงเรือนแบบเรือนแผ่นพลาสติกแข็ง ( rigid panel greenhouse ) โรงเรือนชนิดน้ีจะ
ปิดคลุมด้วยวัตถุ 2 ชนิดคือ PVC ( polyvinyl chloride ) และ FRP ( fiberglass Reinforced
plastic ) ซ่ึงโรงเรอื นแบบน้ีโครงตอ้ งการความแขง็ แรงน้อยกว่าแบบเรอื นกระจก แต่ราคากย็ งั สูงเกือบ
เท่าโรงเรือนแบบเรอื นกระจก
1.4.3 โรงเรือนแบบเรือนพลาสติก ( film plastic greenhouse ) โรงเรือนแบบนีจ้ ะปิดคลมุ
ด้วยแผ่นพลาสติกบาง ๆ จึงทำให้โครงของโรงเรือนไม่ต้องมีความแข็งแรงมากและมีราคาไม่แพงมาก
นัก ( Pokchat PkAll : ออนไลน์ )
1.5 โรงเรือนเพาะปลูกแบบตา่ งๆ
1.5.1 โรงเรือนปรับอากาศแบบ QUANSETTER เหมาะสำหรับพืชที่มีความสูงมากหรือ
ประเภทเถาเลื้อยหรือต้นไม้กระถางและผักสลัด ที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายใน
โรงเรอื น เหมาะสำหรบั การคลุมโรงเรือนโดยใช้วัสดคุ ลมุ ทีเ่ ป็นแผน่ บาง เช่น PVC หรือ PE
ลักษณะโรงเรอื น ( greenhouse characteristics )
- โรงเรือนหลงั ต่อเนื่อง ขนาดมาตรฐานกวา้ ง 9.2 เมตร ความยาวทีมาตราฐาน
44 เมตร สูง 4 เมตร ถึงรางน้ำโครงสร้างโรงเรือน เป็นเหล็กชุบกัลป์วาไนซ์อายุการใช้งาน 9-10 ปี
ขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางเสา 3''
- วัสดคุ ลมุ โรงเรอื น ด้านข้างและดา้ นหลงั คลมุ ด้วย ตาข่าย 40 ตา หลงั คาโครงคลุม
พลาสตกิ PE สามารถเลือกรุ่นพลาสติก PE ได้ ( ความหนา PE 100-250ไมครอน )
- Trellising: ติดตง้ั โครงเหลก็ ยึดสลิงสำหรับขึ้นค้างรองรับน้ำหนกั 20-25 กก./ตรม.
- ประตโู รงเรือนเป็นประตบู านเปิดหรือบานสไลด์
การระบายอากาศ ( climate exchange )
- ใช้ระบบ Evaporation ช่วยในการควบคุมอุณหภูมแิ ละความชน้ื ภายในโรงเรอื น
5
ภาพที่ 1 โรงเรอื นปรบั อากาศแบบ QUANSETTER ( โรงเรือนพลาสตกิ : ออนไลน์ )
1.5.2 โรงเรอื นปรับอากาศ EVAPORATION แบบ GROUND TO GROUND เหมาะสำหรบั
พชื ทมี่ คี วามสูงไม่มาก หรอื ต้นไม้กระถางผกั สลัดและเพาะต้นกลา้ ท่ตี ้องการการควบคุมอุณหภมู ิและ
ความช้ืนภายในโรงเรือน
ลกั ษณะโรงเรือน ( greenhouse characteristics )
- โรงเรอื นเดย่ี วแบบหลงั คาโค้ง ขนาดมาตรฐานหน้ากวา้ งช่วงละ ( Gable
Length ) 9.2 เมตร ความยาวที่มาตรฐาน 44 m. ความสงู จากพน้ื ถึงจดุ สูงสดุ ของโรงเรอื น 4 m.
- โครงสร้างโรงเรอื น เป็นเหลก็ ชุบกัลปว์ าไนซ์ อายกุ ารใชง้ าน 9-10 ปี
- ทางดา้ นหนา้ เปน็ ตำแหน่งของพัดลมดูดอากาศ ขนาด 48 นิ้ว 1.5 แรงมา้
จำนวน 2 ตวั
- วัสดคุ ลมุ โรงเรือน ดา้ นหน้าของเยื่อกระดาษถงึ พดั ลม คลมุ ด้วย
พลาสติก PE ด้านหลังแผ่นเยอ่ื กระดาษคลุมด้วยตาขา่ ยขาวกันแมลง 32-40 ตา
- ประตโู รงเรือนเปน็ ประตบู านเปดิ ดา้ นหนา้ 1 ชุด ด้านหลงั 1 ชดุ
การระบายอากาศ ( climate exchange )
- ใชร้ ะบบ Evaporation ชว่ ยในการควบคมุ อุณหภมู แิ ละความชืน้ ภายในโรงเรือน
ภาพท่ี 2 โรงเรอื นปรับอากาศ EVAPORATION แบบ GROUND TO GROUND ( โรงเรือนพลาสติก : ออนไลน์ )
6
1.5.3 โรงเรือนปรับอากาศแบบ RIGID เหมาะสำหรับพืชที่มีความสูงมากหรือประเภทเถา
เลื้อยหรือต้นไม้กระถางและผักสลัด ที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในโรงเรือน
โครงสร้างโรงเรือแบบ RIGID เหมาะสำหรับการคลุมโรงเรือนโดยใช้วัสดุคลุมที่เป็นแผ่นแข็งเช่น โพลี
คาร์บอเนต, กระจก
ลักษณะโรงเรือน ( greenhouse characteristics )
- โรงเรอื นแบบต่อเน่อื ง ขนาดมาตรฐานหน้ากวา้ ง 9.2 เมตร แต่ละหลังเชื่อมต่อกัน
ด้วยรางน้ำเหลก็ ชุบกลั ปว์ าไนซ์ ความยาวมาตรฐาน 44 m. ความสูงจากพน้ื ถงึ รางน้ำ 4 m.
- โครงสร้างโรงเรือน เปน็ เหล็กชบุ กัลปว์ าไนซ์ เสน้ ผา่ ศูนย์กลาง3 ''
- วสั ดุคลุมโรงเรือน ดา้ นหนา้ ของเยอ่ื กระดาษถึงพดั ลม คลุมดว้ ยโพลีคารบ์ อเนต
ด้านหลงั แผ่นเยอื่ กระดาษคลุมด้วยตาขา่ ยขาวกนั แมลง 40 ตา
- ระบบค้างแขวน ( trellising ) : ตดิ ตง้ั โครงเหลก็ ยึดสลงิ สำหรบั ขนึ้ ค้าง รองรับ
น้ำหนัก 20-25 กก./ตร.ม.
- ประตโู รงเรอื นเป็นประตบู านเปดิ หรอื บานสไลด์
การระบายอากาศ ( climate exchange )
- ใช้ระบบ Evaporation ช่วยในการควบคุมอุณหภมู ิและความชื้นภายในโรงเรือน
ภาพที่ 3 โรงเรือนปรับอากาศแบบ RIGID ( โรงเรอื นพลาสตกิ : ออนไลน์ )
1.5.4 โรงเรือนหลงั คาฟันเลื่อย ( saw tooth greenhouse )
- เป็นโรงเรือนทรงสงู มคี วามสามารถในการระบายอากาศไดด้ ีกวา่ แบบ High
Tunnel
- เปน็ โรงเรือนแบบตอ่ เนือ่ ง เหมาะสำหรบั การเพาะปลูกพชื ท่ตี อ้ งใช้พ้นื ทใ่ี นการ
ผลิตครั้งละมากๆ
- เหมาะสำหรับพืชทีม่ ีความสงู หรือ เถาเลื้อยทต่ี ้องการข้นึ ค้าง เช่น แตงโม เมล่อน
แคนตาลูป มะเขอื เทศเชอร์ร่ี พริกหวาน
7
- มชี ่องเปิดมุ้งตาข่ายกันแมลงดา้ นบน เพอ่ื ถ่ายเทความรอ้ นออกไดเ้ ร็ว
ลกั ษณะโรงเรอื น ( greenhouse characteristics )
- โรงเรอื นแบบหลังคาโคง้ คลา้ ยฟนั เลอ่ื ย : ขนาดมาตรฐานหนา้ กวา้ งช่วงละ ( gable
length ) 6.4 เมตร แต่ละหลังเชือ่ มต่อดว้ ยรางน้ำเหลก็ ชุบกัลป์วาไนซ์ ความยาวท่ีเหมาะสม
( gutter height ) 32-40 เมตร ความสูงจากพ้นื ถงึ รางนำ้ 3-4 เมตร
- โครงสร้างโรงเรือน : เปน็ เหลก็ ชุบสกี ันสนมิ อายุการใช้งาน 4-5 ปี หรอื เหล็กชบุ
กัลป์วาไนซ์ อายุการใชง้ าน 9-10 ปี
- วัสดคุ ลุมโรงเรือน : ด้านขา้ งคลมุ ตาขา่ ยกนั แมลงขนาดมีต้ังแต่ 16-50 เมส หลังคา
โคง้ คลมุ พลาสตกิ PE สามารถเลอื กรุ่นพลาสตกิ PE ได้ ( ความหนาต้งั แต่ 100-250 ไมครอน )
- ประตโู รงเรือน : ประตสู องชน้ั แบบ Double Door บานประตแู บบสไลด์
การระบายอากาศ ( climate exchange )
การระบายกาศทำได้ทัง้ ด้านข้างและดา้ นบน และมีอตั ราการระบายอากาศสงู
หลังคาโรงเรอื นประกอบด้วยหน้าตา่ งกว้าง 1.5 เมตร เปิดปิดไล่อากาศร้อนภายใน ด้านข้างมุงตาข่าย
กันแมลงเพิ่มพื้นที่ระบายอากาศ ช่วยให้อากาศเย็นถ่ายเทหมุนเวียนเข้าสู่งโรงเรือนได้ง่าย และเป็น
โรงเรอื นทเี่ หมาะสมกบั สภาพอากาศประเทศเขตร้อน
ภาพท่ี 4 โรงเรอื นหลงั คาฟนั เลอ่ื ย ( SAW TOOTH GREENHOUSE ) ( โรงเรอื นพลาสติก : ออนไลน์ )
1.5.5 โรงเรือนหลงั คาโคง้ ( HIGH TUNNEL GREENHOUSE )
- เป็นโรงเรือนราคาประหยัด สำหรับป้องก้นความเสยี หายกบั พชื ทีป่ ลูกในฤดูฝน
- เหมาะสำหรบั พชื ท่ีตอ้ งข้ึนคา้ งหรอื พืชเถาเลอื้ ย เชน่ แตงโม เมล่อน แคนตาลปู
- เหมาะสำหรบั การเพาะกลา้ พชื ทุกชนดิ เชน่ ผัก,ดอกไม,้ ไมผ้ ล,ปาล์มและยางพารา
- เหมาะกบั พืชท่ีต้องการคณุ ภาพของผลผลิตสูงข้ึน เร่งความหวาน,สีสันของผลสด
ลกั ษณะโรงเรือน ( greenhouse characteristics )
- โรงเรอื นหลงั เดี่ยว : ขนาดมาตรฐานกวา้ ง 6.4 เมตร ความยาวมาตรฐาน 32 เมตร
สูง3.5เมตร
- โครงสรา้ งโครงเรอื น : เป็นเหลก็ ชบุ สกี นั สนิม อายกุ ารใช้งาน 4-5 ปหี รือเหล็ก
8
กลั ปว์ าไนซอ์ ายุการใช้งาน 9-10 ปี
- วสั ดุคลมุ โรงเรอื น : ดา้ นขา้ งคลมุ ตาข่ายกันแมลงขนาดมตี ้ังแต่ 16-50 เมส หลังคา
โคง้ คลมุ พลาสติก PE สามารถเลือกร่นุ พลาสติก PE ได้ (ความหนาต้ังแต่ 100-250 ไมครอน)
- ประตโู รงเรือน : เป็นแบบบังใบทำด้วยตาข่ายกันแมลง หรอื แบบบานสวงิ
การระบายอากาศ ( climate exchange )
- การระบายอากาศอาศยั การถ่ายเทอากาศจากดา้ นขา้ งโรงเรือนผา่ นตาขา่ ยกนั
แมลง
ภาพที่ 5 โรงเรือนหลังคาโค้ง ( HIGH TUNNEL GREENHOUSE ) ( โรงเรือนพลาสตกิ : ออนไลน์ )
1.5.6 โรงเรือนปลกู พืชแบบแฝด ( TWIN GREENHOUSE ) เหมาะสำหรับพืชท่มี ีความสูงไม่
มากหรือตน้ ไม้กระถางผักสลดั และเพาะต้นกลา้ ทตี่ ้องการการควบคมุ อุณภูมิและความช้ืนภายใน
โรงเรือน
ลักษณะโรงเรอื น ( characteristics )
- แบบหลังคาโค้ง ( tunnel ) และแบบหลังคาฟันเรื่อย ( sawtooth ) ขนาด
มาตรฐาน
หน้ากวา้ งเท่ากนั ความยาวมาตรฐาน 20-40 เมตร ความสูงจากพน้ื ถงึ จดุ สูงสดุ ของโรงเรอื น 4-5 เมตร
- โครงสร้างโรงเรือน เปน็ เหล็กชบุ กัลป์วาไนซ์ อายุการใช้งาน 9-10 ปี
- วัสดคุ ลุมโรงเรอื น คลมุ ดว้ ยพลาสติก PE
- ดา้ นข้างคุมดว้ ยตาข่ายกนั แมลง 16-32 ตา
- ประตูโรงเรือนเป็นประตูบานเปดิ ดา้ นหนา้ 1 ชุด
- การระบายอากาศถา้ เป็นแบบปรบั อากาศใช้ระบบ Evaporation ช่วยในการ
ควบคุมอุณภูมิและความชื้นภายในโรงเรือน ถ้าเป็นแบบกางมุ้งระบายอากาศผ่านมุ้งตาข่ายด้านข้าง
สมดลุ กบั อากาศภายนอก
9
ภาพท่ี 6 โรงเรอื นปลกู พืชแบบแฝด ( TWIN GREENHOUSE ) ( โรงเรือนพลาสตกิ : ออนไลน์ )
1.5.7 โรงเรอื นปลกู พชื แบบกางมุง้ ทรงหลังคาโค้ง 2 ชั้น( DOUBLE ROOF GREENHOUSE )
โรงเรือนปลกู พชื แบบกางมงุ้ ทรงหลังคาโคง้ 2 ชน้ั ( double roof greenhouse )
- โรงเรือนหลงั เดี่ยว ขนาดมาตรฐาน ตงั้ แต่ กวา้ ง 6 เมตร ขน้ึ ไป ยาว 20 เมตร ขนึ้
ไป สูง 4.8 เมตร
- โครงสรา้ งโรงเรอื น เป็นเหลก็ กลั ปว์ าไนซ์ อายกุ ารใช้งาน 9-10 ปี
- วสั ดุคลุมโรงเรือน ดา้ นบนคลมุ ดว้ ยพลาสตกิ PE 200 ไมครอน ดา้ นขา้ งคลมุ ด้วย
ตาขา่ ยกันแมลงสีขาว ความถี่ 32 ตา
- ประตโู รงเรือน 2 ชั้น เป็นแบบบังใบทำดว้ ยตาข่ายกนั แมลงหรือแบบบานเลอ่ื น
- การระบายอากาศ อาศยั การถ่ายเทอากาศจากดา้ นขา้ งโรงเรือน และดา้ นบน
หลังคา
ภาพท่ี 7 โรงเรือนปลกู พืชแบบกางมุ้งทรงหลงั คาโคง้ 2 ช้ัน ( DOUBLE ROOF GREENHOUSE )
( โรงเรือนพลาสตกิ : ออนไลน์
บทที่ 2
วิธีการศึกษาและข้นั ตอนการสรา้ งโรงเรือน
2.1 วัสดทุ ใี่ ช้สรา้ งประกอบโรงเรอื น
ประกอบโครงสร้าง 2 ส่วนใหญ่ ๆ คอื โครงโรงเรือนและหลังคาโรงเรือนโดยวัสดุที่นำมาสร้าง
ประกอบท้ังสองแตกตา่ งกนั ไปดังน้ี
2.1.1 โครงโรงเรือน อาจทำดว้ ยโลหะท่อพวี ีซหี รือวัสดุท่ีหางา่ ยในท้องถนิ่ เช่นไม้ไผ่ไม้เน้ือแข็ง
เปน็ ต้นวสั ดุที่นิยมใชท้ ำโครงและส่วนอน่ื ๆ ภายในโรงเรือน ได้แก่
2.1.1.1 โลหะชบุ สงั กะสนี ยิ มมากทส่ี ุดเพราะมีขอ้ ดที ี่ทนทานสามารถใช้งานไดต้ ิดได้
ตดิ ต่อกันเปน็ เวลานาน แตม่ ขี อ้ เสียคอื ราคาแพง
2.1.1.2 ไมร้ าคาปานกลางใช้เป็นองคป์ ระกอบในโครงโรงเรือนท่ีเก่ียวข้องกันเชน่
จันทันกรอบ หลังคาเสากลมหรือเสารับแปรเป็นต้นแผน่ ไม้หรือไม้ทั้งต้นถ้าต้องการนำมาก่อสร้างเปน็
โครงเรือนเพาะชำที่ถาวรจำเป็นตอ้ งหาสารเคมีรักษาเน้ือไม้บางชนิดซึ่งรู้จักกันดีในชือ่ ทางเคมีว่าเพน
ตาคลอโรฟีนอล ( pentachlorophenol ) สารนี้ช่วยรักษาเนือ้ ไม้ไม่ให้ถูกทำลายจากสัตว์หรือเชื้อรา
โดยตรงโรงเรือนที่ปลกู สร้างขึน้ จากไม้เนื้อแข็งจะมีความทนทานต่อการใช้งานได้มากกว่า 10 ปีขึ้นไป
แตท่ ้ังนีข้ ึน้ อยู่กับการบำรงุ รักษาและการดแู ลอย่างท่ัวถงึ ด้วย
2.1.1.3 ทอ่ พีวซี ี ( pvc ) หรอื โพลิไวนิลคลอไรด์ ( polyvinylchloride ) นิยมใชก้ นั
มากเพราะมนี ้ำหนักเบาสามารถเกาะยดึ ติดกนั แข็งแรงนอกจากนี้ยงั สามารถตดั ออกแบง่ ออกเป็นท่อน
เลก็ ๆ และแตล่ ะท่อนย่อยของท่อพีวีซสี ามารถยึดต่อรวมกันเป็นแท่งยาวโดยอาศัยข้อต่อสองทางเป็น
ตัวยึดประกอบจึงสามารถสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายหรือดัดแปลงให้เข้ากับรูปทรงของโรงเรือน
ประเภทต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีท่อพีวีซีส่วนใหญ่มีความหนค่อนขา้ งมากซึ่งเมือ่ นำมาต่อเข้าด้วยกันแล้ว
ไม่กอ่ ใหเ้ กิดรอยพับรอยแตกหักตามบริเวณส่วนที่โค้งงอ
อย่างไรก็ดที ่อพวี ซี ีก็มจี ดุ อ่อนตรงท่ีถ้าถูกแสงแดดติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้แตกหัก
ชำรุดได้เช่นเดยี วกบั แผ่นพลาสติกใสท่ีใช้คลุมหลังคาโรงเรอื นดังนัน้ อายุการใช้งานของท่อจะมากหรือ
นอ้ ยขึ้นอยูก่ บั ความเข้มและชว่ งเวลาในการรับแสงแดดโดยเฉล่ยี แลว้ อายุการใชง้ านในขตร้อนมักไม่ต่ำ
กว่า 3 ปี 5 นอกจากนี้โครงโรงเรือนยังทำได้ด้วยวัสดุพื้นบ้านทั่ว ๆ ไปเช่นไม้ไผ่ซึ่งมีราคาถูก แต่ก็มี
ข้อเสยี ด้วยกันคือความแหลมคมเวลาปูแผ่นพลาสติกอาจทำให้ขาดได้ แตไ่ ม้ไผ่ก็มีข้อได้เปรียบคืออายุ
การใชง้ านและทนทานมมี ากกวา่ วัสดุอื่น ๆ ทีก่ ล่าวมาแล้
11
2.1.2 หลังคาโรงเรือน สามารถทำได้จากวัสดุหลายประเภทที่นิยมมาก ได้แก่ แผ่นกระจกไฟเบอร์
กลาสและพลาสติกใสเป็นต้นโดยเฉพาะโรงเรือนในเขตร้อนส่วนใหญ่มักใช้กระจกเป็นหลักสาเหตุก็
เพราะกระจกมีคุณสมบัติท่ีดีในแง่ยอมให้แสงทะลผุ ่านได้มากและอายุการใช้งานนานไม่ค่อยเสื่อม แต่
ก็มีข้อเสียคือน้ำหนักมากราคาแพงและไม่สามารถโค้งงอหรือดัดแปลงให้เข้ากับรูปทรงต่าง ๆ ตาม
ต้องการได้
2.2.2.1 ไฟเบอรก์ ลาสเป็นวัสดอุ ีกประเภทหนง่ึ ทใ่ี ชป้ ระกอบเปน็ หลังคาโรงเรือน
ปลูกพืชทั่ว ๆ ไปโดยมีข้อได้เปรียบคือมีน้ำหนักเบาสามารถดดั แปลงให้เข้ากับโครงสร้างของโรงเรือน
ในรูปแบบต่าง ๆ ไดเ้ ปน็ อย่างดรี าคาไมแ่ พงมากนัก
2.2.2.2 พลาสตกิ มีอยหู่ ลายประเภทราคาสว่ นใหญ่ไมแ่ พงเมอื่ เทียบกับกระจก
สามารถดดั แปลงให้เปน็ รปู ทรงต่าง ๆ ตามที่ต้องการได้ แตไ่ ม่คอ่ ยเป็นท่ีนิยมใช้กนั เพราะมีอายุการใช้
งานค่อนข้างสั้นไม่ทนต่อการรับแสงแดดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานพลาสติกที่ใช้ทั่ว ๆ ไปอาจ
จำแนกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามทเ่ี หน็ คอื
- พลาสตกิ แข็งไมโ่ คง้ งอมลี ักษณะเปน็ แผน่ เรียบเกาะยดึ ตดิ กนั อย่าง
หนาแนน่
- พลาสติกใสนยิ มนำมาใชป้ ระโยชน์กันอย่างแพร่หลายโดยเปน็ แผ่นมว้ น
เรียงซอ้ นกนั มีขนาดความกวา้ งตั้งแต่ 1-2 เมตรจนถึงขนาดกวา้ งสดุ ประมาณ 12 เมตรแผ่นพลาสติกท่ี
ใชง้ านกนั มากท่ีสุดในขณะนีค้ อื โพลเี อธิลนี ( polyethylene ) และโพลีไวนิล ( polyvinyl )
2.2 ขัน้ ตอนการศึกษา
2.2.1 รวบรวมข้อมูลของรูปแบบโรงเรอื น ท่ปี ลกู สร้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ และทำ
การวิเคราะห์ขอ้ ดีข้อเสียของแตล่ ะรูปแบบ
2.2.2 คดั เลือกรปู แบบโรงเรือน 3 รูปแบบ โดยคัดเลอื กจากลกั ษณะข้อดีข้อเสีย, ความยาก
ง่ายของการก่อสร้าง และโรงเรอื นที่ได้รบั ความนิยมในการสร้าง รูปแบบโรงเรือนทเี่ ลือก มดี งั น้ี
2.2.3 ขัน้ ตอนการปลกู โรงเรอื นทรงหลงั คาโคง้ แบ่งเปน็ 3 ขนาดดงั นี้
2.2.3.1 รปู แบบโรงเรือนปลูกพืชหลงั คาโค้ง เสาตรงขนาด 6 x 6 ตารางเมตรมี
ลักษณะหลังคาทรงโค้งมี ระยะราบยาว 6 เมตร เสามีลกั ษณะตงั้ ตรงสูง 3 เมตร และระยะจากเสาถงึ
เสายาว 6 เมตร มเี สาท้ังหมด 4 ต้น
12
ภาพท่ี 8 รปู ดา้ นหนา้ โรงเรือนปลกู พชื หลงั คาโคง้ ขนาด 6 x 6 ตารางเมตร
( นายพรี พล พุฒิเพ็ญ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
ภาพที่ 9 โรงเรือนปลกู พืชหลังคาโค้ง ขนาด 6 x 6 ตารางเมตร
( นายพรี พล พฒุ เิ พญ็ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
2.2.3.2 รปู แบบโรงเรอื นปลกู พชื หลงั คาโคง้ เสาตรงขนาด 10 x 10 ตารางเมตร มี
ลักษณะหลงั คาทรงโคง้ โคง้ มีระยะราบยาว 10 เมตร เสามีลกั ษณะตงั้ ตรงสงู 3 เมตร และะยะจากเสา
ถงึ เสายาว 5 เมตรี มเี สาท้ังหมด 9 ตน้
ภาพท่ี 10 รปู ด้านหนา้ โรงเรือนปลกู พืชหลงั คาโค้ง ขนาด 10 x 10 ตารางเมตร
( นายพีรพล พุฒเิ พ็ญ ,นายดวง ห้าวหาญ : ออนไลน์ )
13
ภาพท่ี 11 โรงเรอื นปลูกพืชหลงั คาโค้ง ขนาด 10 x 10 ตารางเมตร
( นายพีรพล พฒุ ิเพ็ญ ,นายดวง ห้าวหาญ : ออนไลน์ )
2.2.3.3 รปู แบบโรงเรือนปลูกพชื หลังคาโคง้ เสาตรงขนาด 10 x 10 ตารางเมตร มี
ลักษณะหลงั คาทรงโค้ง โค้งมีระยะราบยาว 12 เมตร เสามีลักษณะต้งั ตรงสูง 3 เมตร และะยะจากเสา
ถึงเสายาว 6 เมตร มเี สาท้งั หมด9 ตน้
ภาพท่ี 12 รปู ดา้ นหน้าโรงเรือนปลกู พืชหลงั คาโค้ง ขนาด 12 x 12 ตารางเมตร
( นายพรี พล พุฒิเพญ็ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
ภาพที่ 13 โรงเรือนปลูกพืชหลังคาโค้ง ขนาด 12 x 12 ตารางเมตร
( นายพีรพล พุฒิเพ็ญ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
14
2.2.4 ข้นั ตอนการปลกู โรงเรือนหลังคาหนา้ จวั่ สมมาตร แบง่ เป็น 3 ขนาดดงั นี้
2.2.4.1 รูปแบบโรงเรือนหลังคาหนา้ จ่ัวสมมาตรขนาด 6 x 6 ตารางเมตรมีลักษณะ
หลงั คาทรงจัว่ มีระยะราบยาว 6 เมตร จะมีคานเสรมิ ตรงกลางทรี่ ะยะ 3 เมตร เสามีลักษณะตง้ั ตรงสงู
3 เมตร และระยะจากเสาถึงเสายาว 6 เมตร มีเสาทั้งหมด 4 ต้น
ภาพท่ี 14 รปู ดา้ นหน้าโรงเรือนหลังคาหน้าจ่วั สมมาตร ขนาด 6 x 6 ตารางเมตร
( นายพรี พล พฒุ เิ พ็ญ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
ภาพที่ 15 โรงเรือนหลงั คาหน้าจวั่ สมมาตร ขนาด 6 x 6 ตารางเมตร
( นายพรี พล พฒุ ิเพ็ญ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
2.2.4.2 รปู แบบโรงเรอื นหลังคาหนา้ จัว่ สมมาตรขนาด 10 x 10 ตารางเมตร มี
ลักษณะหลังคาทรงจ่วั มีระยะราบยาว 5 เมตร จะมคี านเสรมิ ตรงกลางทร่ี ะยะ 3 เมตร เสามีลักษณะ
ตงั้ ตรงสูง 3 เมตร และระยะจากเสาถึงเสายาว 5 เมตร มีเสาท้งั หมด 9 ตน้
15
ภาพท่ี 16 รูปดา้ นหน้าโรงเรือนหลังคาหน้าจว่ั สมมาตร ขนาด 10 x 10 ตารางเมตร
( นายพีรพล พฒุ เิ พ็ญ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
ภาพท่ี 17 โรงเรอื นหลงั คาหน้าจัว่ สมมาตร ขนาด 10 x 10 ตารางเมตร
( นายพรี พล พฒุ ิเพ็ญ ,นายดวง ห้าวหาญ : ออนไลน์ )
2.2.4.3 รปู แบบโรงเรือนหลังคาหน้าจ่วั สมมาตรขนาด 10 x 10 ตารางเมตร มี
ลกั ษณะหลงั คาทรงจัว่ มรี ะยะราบยาว 6 เมตร จะมีคานเสริมตรงกลางทีร่ ะยะ 3 เมตร เสามีลักษณะ
ตั้งตรงสงู 3 เมตร และระยะจากเสาถึงเสายาว 6 เมตร มีเสาทั้งหมด 9 ตน้
ภาพท่ี 18 รปู ด้านหนา้ โรงเรือนหลังคาหนา้ จ่วั สมมาตร ขนาด 12 x 12 ตารางเมตร
( นายพรี พล พุฒเิ พ็ญ ,นายดวง ห้าวหาญ : ออนไลน์ )
16
ภาพที่ 19 โรงเรือนหลงั คาหน้าจ่วั สมมาตร ขนาด 12 x 12 ตารางเมตร
( นายพรี พล พฒุ เิ พญ็ ,นายดวง ห้าวหาญ : ออนไลน์ )
2.2.5 ข้นั ตอนการปลูกโรงเรือนหลงั คาฟันเลื่อย แบง่ เปน็ 3 ขนาดดังนี้
2.2.5.1 รปู แบบโรงเรอื นปลูกพชื หลงั คาฟันเล่ือยขนาด 6 x 6 ตารางเมตรมลี ักษณะ
คล้ายหลงั คาจว่ั ทต่ี ่อเหลอื่ มกัน มรี ะยะราบยาว 6 เมตร จะมีคานเสริมตรงกลางที่ระยะ 3 เมตร เสามี
ลักษณะตง้ั ตรงสูง 3 เมตร ระยะจากเสาถงึ เสายาว 6 เมตร มีเสาท้ังหมด 4 ตน้
ภาพท่ี 20 รปู ดา้ นหน้าโรงเรือนปลกู พชื หลังคาฟนั เลอ่ื ย ขนาด 6 x 6 ตารางเมตร
( นายพีรพล พฒุ เิ พญ็ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
ภาพที่ 21 โรงเรอื นปลูกพชื หลังคาฟนั เล่ือย ขนาด 6 x 6 ตารางเมตร
( นายพีรพล พฒุ ิเพ็ญ ,นายดวง ห้าวหาญ : ออนไลน์ )
17
2.2.5.2 รปู แบบโรงเรอื นปลูกพืชหลงั คาฟนั เลื่อยขนาด 10 x 10 ตารางเมตร มี
ลักษณะคลา้ ยหลงั คาจัว่ ทต่ี ่อเหลื่อมกัน มีระยะราบยาว 5 เมตร เสามีลักษณะต้ังตรงสูง 3 เมตร และ
จะยะจากเสาถงึ เสายาว 5 เมตร มเี สาทั้งหมด 9 ตน้
ภาพท่ี 22 รูปด้านหน้าโรงเรือนปลกู พืชหลังคาฟันเลอื่ ย ขนาด 10 x 10 ตารางเมตร
( นายพรี พล พฒุ ิเพ็ญ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
ภาพที่ 23 โรงเรอื นปลูกพชื หลังคาฟันเล่ือย ขนาด 10 x 10 ตารางเมตร
( นายพรี พล พฒุ เิ พญ็ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
2.2.5.3 รูปแบบโรงเรือนหลงั คาทรงหลงั คาฟันเลื่อยขนาด 12 x 12 ตารางเมตร มี
ลกั ษณะคล้ายหลงั คาจว่ั ทต่ี อ่ เหล่ือมกนั มรี ะยะราบยาว 6 เมตร จะมีคานเสริมตรงกลางทร่ี ะยะ 3
เมตร เสามลี กั ษณะต้ังตรงสงู 3 เมตร และระยะจากเสาถงึ เสายาว 6 เมตร มีเสาทัง้ หมด 9 ต้น
ภาพท่ี 24 รปู ดา้ นหนา้ โรงเรือนปลูกพืชหลงั คาฟันเลอ่ื ย ขนาด 12 x 12 ตารางเมตร
( นายพรี พล พฒุ เิ พญ็ ,นายดวง ห้าวหาญ : ออนไลน์ )
18
ภาพที่ 25 โรงเรือนปลูกพชื หลงั คาฟนั เล่ือย ขนาด 12 x 12 ตารางเมตร
( นายพีรพล พฒุ ิเพ็ญ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
2.2.6 ปรบั ขนาดโรงเรอื น นำรูปแบบทง้ั 3 รูปแบบทป่ี รับขนาดทำการเปลี่ยนตัววัสดุทำโรง
เรืองเปน็ 2 ชนดิ คือ โรงเรือนที่ทำโดยใชท้ อ่ เหล็ก และโรงเรือนท่ีทำโดยใช้เหล็กรางน้ำ ( channel )
2.2.7 การวิเคราะหแ์ รงโดยใช้ โปรแกรม SAP 2000 โดยใชแ้ รงลมท่ีกระทำกบั โครงสรา้ ง
โรงเรอื นตามความเร็วลมท่รี ะดบั สงู มาตรฐาน 10 เมตรเหนือพน้ื ดินในบริเวณท่ีโล่งแจง้ กรม
อุตนุ ิยมวทิ ยาโดยเลอื กความเร็วของลมทรี่ ะดับ ( นายพรี พล พฒุ เิ พญ็ ,นายดวง หา้ วหาญ : ออนไลน์ )
2.3 หลักการสำหรับโรงเรือน
2.3.1 อณุ หภูมิ ( temperature )
เหตุผลเบือ้ งตนั สำหรับการใชโ้ รงเรือน ก็คือ เพื่อควบคุมอณุ หภมู ิการเจรญิ เตบิ โตของพืช
อุณหภมู ิและผลกระทบตอ่ โรงเรอื น น้ัน อณุ หภูมใิ นโรงเรือนจะสูงข้นึ ดว้ ยเหตุผล 2 ประการคือ
1. เนอื่ งจากผลกระทบของโรงเรอื น
2.เน่ืองจากโครงสร้างของโรงเรือน เปน็ โรงเรอื นปดี
ปจั จยั ที่อุณหภมู ภิ ายในโรงเรือนสูงกว่าอุณหภูมโิ ดยรอบขน้ึ กับปริมาณรงั สีจากแสงแดดที่ส่อง
ผ่านวสั ดุคลุมโรงเรือนเข้ามา ซึง่ จะเปลี่ยนเป็นพลงั งานความรอ้ นตกคา้ งอย่ภู ายในโรงเรือน
นอกจากนี้แล้วยงั พบวา่ การคายความชื้นของพืชจะมีผลทำใหอ้ ุณหภูมิภายในโรงเรือนลดลง
มากกว่า 60-70% ของความร้อนท่ีแผ่จากรังสีดวงอาทติ ย์ การลดอณุ หภูมภิ ายในโรงเรือนทำได้หลาย
วธิ ี ทงั้ นีข้ ึน้ อยกู่ ับไอร้อนของอากาศ ( ไม่รวมการระเหยของน้ำ )
หลักการคือ อากาศจะเคลื่อนที่ผ่านหลังคาที่เปิดและเครื่องระบายอากาศด้านข้างทำให้
อณุ หภูมลิ ดลง
19
วัตถุประสงค์ คือการนำเอาอากาศภายนอกโรงเรือนเข้ามาในโรงเรือนแล้วกระจายให้
สมำ่ เสมอตลอดโรงเรอื นไม่ทำให้พชื แขง็ ตวั เน่ืองจากการลดอุณหภมู ิ
2.3.2 การระบายอากาศโดยใชพ้ ดั ลมดดู อากาศ
การระบายอากาศด้วยวิธีน้ี อากาศที่ถูกควบคุมด้วยพัดลมคูคอากาศสามารถกำหนดได้ว่าจะ
ใช้อณุ หภูมสิ ูงกวา่ หรอื เท่ากับอุณหภูมิท่ีพืชต้องการไว้ ดงั น้นั จงึ สามารถกำหนดฤดูการเพาะปลูกเองได้
อัตราการแลกเปลี่ยนอากาศสามารถกำหนคระหว่างพลังงานที่เกิดจากรังสีแสงอาทิตย์ และอุณหภูมิ
ภายในได้ โคยพัดลมจะมีสปีดต่างๆ และอากาศที่เม่ือเคลื่อนที่ผ่านช่องเปิดเข้ามาสู่พัดลมจะมีทิศ
ทางการเคลื่อนที่ไม่แน่นอน ดังนั้นจึงต้องมีโครงสร้างรองรับต่อจากช่องทางเข้าจนถึงพัดถม เพื่อให้
อากาศมที ศิ ทางการไหลที่แนน่ อน
2.3.3 การระบายอากาศผา่ นท่อเจาะรู
ปัญหาการนำอากาศเย็นจากภายนอกโรงเรื่อนมาผสมกบั อากาศอุ่นภายในโรงเรือนก่อนที่ไอ
เยน็ จะปะทะกับตน้ ได้น้นั สามารถกไ้ ขได้โดยนำอากาศเย็นทผี่ า่ นเข้ามาผา่ นบานเกลด็ กระจก
- Plastic tubes วิธีนี้ใช้ท่อพลาสติกแทนท่อเหล็กหรือท่อเอสล่อน น้ำที่ผ่านเข้าไปในสายยาวควรมี
แรงดันประมาณ 3 ปอนด์ ตอ่ ตารางนว้ิ
- Sprinkler irigation การใหน้ ำ้ มีประสิทธภิ าพสงู แตข่ อ้ เสยี คือ กอ่ ให้เกิดโรคง่าย ส้ินเปลือง
น้ำ
- Trickle หรือ Dip irigation เป็นการให้น้ำแบบหขด โดยมีน้ำผ่านมาทางท่อประธาน ท่อ
ซอยและทอ่ ขนาดเล็กแขกไปตามจุดต่างๆของตนั ไม้ นำ้ จะตอ้ งมีแรงคนั มากพอ มีการปรบั ใหน้ ำ้ หยุดที
ละหยดมากน้อยตามความต้องการของพืชแต่ละชนิด ตลอดจนชนิดของดินด้วย ข้อดีคือ ประหยัดท้ัง
นำ้ ,แรงงาน , ปุ๋ย , ป้องกันการเจริญเติบโตของพชื ขอ้ สำคัญนำ้ จะตอ้ งมคี วามสะอาล ผ่านเคร่ืองกรอง
ออกไปตามทอ่
- Sub-irigation หรือ Capillary irigation เป็นการให้น้ำโดยการซึมจากด้านล่างขึ้นมา
อาจจะใช้ Vick เปน็ แบบไสต้ ะเกียงในการคูคซมึ น้ำขึ้นมาหรือใชว้ ัสดเุ ช่น ทรายปูบนพ้นื เพือ่ เก็บกักน้ำ
แล้ววางกระถางลงบนทราย แต่ข้อสำคัญที่สุดคือดินผสมที่ใช้ปลูกไม้ดอกนั้นต้องมีส่วนผสมของ
อินทรยี ว์ ตั ถมุ ากๆเพอื่ ช่วยในการดคู ซมึ ได้ดียิ่งขน้ึ ( Pokchat PkAll : ออนไลน์ )
บทที่ 3
ระบบควบคุมอุณหภมู ิและความชนื้
3.1 ความชนื้ สมั พัทธ์
อากาศชื้น หมายถึง อากาศที่ไอน้ำจับรวมตวั กันเป็นจำนวนมากเกินไป อากาศแห้ง อุณหภูมิ
และลมพดั จัด จะเพม่ิ การคายน้ำ อากาศร้อนจะมีความแห้งมากกว่าอากาศเยน็ ฉะน้นั เม่ืออากาศแห้ง
ลอยตัวออกทางช่องลมระบายอากาศจะทำใหเ้ กิดการคายน้ำมากขน้ึ นน้ั ต้องเพ่ิมการคายน้ำมากขึน้ จงึ
ต้องเพ่มิ ความชืน้ มากขึน้ การเพ่ิมความชื้นอาจทำได้โดยการ
3.1.1 รดนำ้ การให้นำ้ ดว้ ยการรคตามทางเดิน ชน้ั ตง้ั กระถางและฝาโรงเรือน ซึง่ จะทำให้เกิด
การระเหยน้ำ ชว่ ยเพมิ่ ความชื้นสมั พัทธ์มากขนึ้
3.1.2 การพ่นน้ำ คือการให้น้ำเป็นฝอยตกไปตามใบของพืช จะทำให้เกิดการระเหยน้ำข้ึน
ทันที
3.3.3 การปิดชอ่ งระบายอากาศ จะทำใหเ้ พ่ิมความช้ืน แต่ไม่นิยมนำมาใช้กนั ยกเว้นเพื่อการ
ขยายพนั ธ์ ส่วนการลดความช้นื กจ็ ำเป็นสำหรับพชื บางชนิดเหมือนกัน มีหลกั การคือ
3.3.3.1 การให้นำ้ ในฤดหู นาวจะตอ้ งทำอยา่ งระมดั ระวังเพ่ือมิใหม้ นี ้ำเหลืออย่มู าก
บนใบพชื และในดิน เป็นการเพิม่ ความข้นึ มากเกนิ ไป
3.3.3.2 การรดนำ้ แตน่ อ้ ยเม่ือมอี ุณหภมู ติ ่ำ เพราะจะทำใหเ้ กิดการเพิม่ ความชื้นมาก
เกนิ ไป ในเวลากลางคนื ควรจะปิดช่องระบายอากาศ เพื่อป้องกนั ใหอ้ ณุ หภูมติ ำ่ เกนิ ไป
3.3.3.3 การปิดชอ่ งระบายอากาศจะชว่ ยลดความชน้ื ลงได้ในสภาพอากาศหนาว
การเปดิ ช่องลมในยามเชา้ จะชว่ ยลดความชืน้ ลงได้มาก
3.2 การลดอุณหภูมิในโรงเรอื น ( Greenhouse Cooling )
3.2.1 การระบายอากาศดว้ ยหลังคาและติดตัง้ เครอ่ื งระบายอากาศดา้ นข้าง
หลักการคืออากาศจะเคลื่อนที่ผ่านหลังคาที่เปิดและเครื่องระบายอากาศด้านข้างทำให้
อุณหภมู ลิ ดลง
วัตถุประสงค์คือการนำเอาอากาศภายนอกโรงเรือนเข้ามาในโรงเรือนแล้วกระจายให้
สม่ำเสมอตลอดโรงเรอื นโดยไม่ทำใหพ้ ชื แข็งตวั เนอ่ื งมาจากการลดอุณหภมู ิ
21
3.2.2 การระบายอากาศโดยใช้พัดลมดูดอากาศ
การระบายอากาศด้วยวิธีนี้อากาศที่ถูกควบคุมด้วยพัดลมดูดอากาศสามารถกำหนดว่าจะใช้
อณุ หภมู สิ ูงกว่าหรอื เท่ากับอุณหภูมิทพ่ี ชื ทีต่ ้องการไดด้ ังนั้นจงึ สามารถกำหนดฤดูกาลเพาะปลกู ได้
3.2.3 การระบายอากาศผา่ นทอ่ เจาะรู
ปัญหาการนำอากาศเย็นจากภายนอกโรงเรอื นมาผสมกับอากาศอุ่นภายในโรงเรือนก่อนที่ไอ
เย็นจะปะทะกับต้นไมแ้ ก้ไขโดยนำอากาศเย็นที่ผา่ นเขา้ มาผ่านบานเกล็ดกระจกหรืออาจจะรวมพัดลม
ดดู อากาศซึง่ ตดิ ตอ่ โพลีเอทธีลีนเจาะรดู ้วย
ในกรณีเดียวกันพัดลมดูดอากาศดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้งการระบายอากาศในฤดูหนาวและ
ในระบบการใหค้ วามเย็นโดยใช้ไอเยน็ ในฤดูรอ้ น
3.3.4 การลดอุณหภูมิโดยบังเงาที่หลังคา สามารถใช้วัตถุทึบแสงปิดทับหรือใช้ไม้หรือแผ่น
อลมู เิ นียมแทนกระจก ( ในบางสว่ น ) ไดเ้ พ่อื ลดปริมาณแสงทสี่ ่องผา่ นเขา้ มาในโรงเรือนทำให้อุณหภูมิ
ลดลง ( Pokchat PkAll : ออนไลน์ )
3.3 ระบบระบายอากาศ
โรงเรือนเพาะปลูกทุก ๆ ที่จำเป็นต้องมีระบบระบายอากาศถ้าโรงเรือนเพาะปลูกนี้ปิดเมื่อ
แสงอาทติ ย์สง่ มายังโรงเรอื นเพาะปลกู เปน็ เวลาไม่นานนักอุณหภูมกิ ็จะสูงข้ึนด้วยเหตุนท้ี ำให้พชื ภายใน
โรงเรือนนั้นได้รับความเสียหายมีวิธีง่าย ๆ ที่ที่สามารถระบายอากาศร้อนเกินไปนี้ได้และปัญหาใน
ปัจจุบันมีวิธีควบคุมได้ด้วย 2 วิธีวิธีหนึ่งโดยการใช้การระบายอากาศตามแนวราบช่องระบายอากาศ
จะถูกตดิ ตงั้ อยู่ท่ีท้ายของโรงเรือนและอากาศถูกทำให้เคลื่อนทีผ่ ่านโรงเรือนตามแนวราบด้วยใช้พัดลม
ไฟฟ้าการระบายอากาศด้วยวิธีนีจ้ ะอธิบายไว้ในหวั ขอ้ ของระบบทำความเยน็ และการปรับอากาศวธิ ีท่ี
2 การระบายอากาศตามแนวดิ่งเป็นชนิดที่ใช้อยู่ทั่วไปและได้ทดลองใช้มาเป็นเวลาหลายปีระบบนี้ใช้
ประโยชน์โดยการตดิ ต่อชอ่ งระบายอากาศท่ีกำแพงขา้ งในระบบน้ีการหมนุ เวียนของอากาศโดยอากาศ
ผ่านเข้ามาภายในโดยช่องอากาศที่กำแพงข้างและผ่านออกไปทางช่องอากา ศที่หลังคาด้วยหลักการ
ที่ว่าอากาศที่ร้อนจะเคลื่อนที่จากแห่งหน่ึงไปแห่งหนึ่งและลอยสูงขึ้นโรงเรือนเพาะปลูกตามบา้ นสว่ น
ใหญ่จะติดตั้งอุปกรณ์เป็นระบบระบายอากาศตามแนวดิ่งด้วยเหตุที่ว่าประหยัดมีประสิทธิภาพและ
เป็นระบบระบายอากาศที่มีวิธีการทำไม่ยุ่งยากส่องระบายอากาศที่ ใช้อยู่ในเวลานี้เป็นแบบระบบ
ระบายอากาศตามแนวดิ่งคือเป็นหน้าต่างที่อยบู่ นหลังคาโรงเรือนซึ่งเราสามารถจะเปิดหรือปิดเพื่อจะ
ควบคุมอุณหภูมิที่เราต้องการสำหรับแต่ละชนิดที่เติบโตแต่ละชนิดที่เติบโตในสภาพแตกต่างกันเป็น
เวลาหลายปีช่องระบายอากาศทั้งหมดจะถูกเปิดและปิดด้วยมือซึ่งมีวิธีการเปิดปิดช่องระบายอากาศ
22
โดยการดึงเชือกหรอื โซ่ซง่ึ ระบบนี้มีราคาถูกและสามารถใช้ได้เป็นเวลานานตลอดไป แตส่ ำหรับเจ้าของ
โรงเรอื นเพาะปลูกตามบ้านอาจจะไมม่ เี วลาในการควบคุมเนอื่ งจากต้องไปทำงานอืน่ หรืออาจไม่มีเวลา
ว่างในบางช่วงนี้จะเปิดปิดช่องระบายอากาศบางทีอาจเป็นธุรกิจด้านโรงเรือนเพาะปลูกตื่นตัวอย่าง
มากเขากอ็ าจใช้การติดตง้ั ระบบช่องระบายอากาศอัตโนมัติท่ีควบคุมดว้ ยไฟฟา้ ในโรงเรือนนั้นก็ได้ในท่ี
จริงแล้วระบบระบายอากาศมคี วามสําคัญมากเท่า ๆ กับระบบอื่น ๆ ในบางฤดูตลอดท้ังวันอุณหภูมิมี
สูงขึ้นและลดลงอย่างมากเช่นในวันนี้มีลมหนาวพัด แต่ก็แสดงแดดจัดแสงนี้จะทำให้ร้อนมากเกินไป
และระบบระบายอากาศอัตโนมัติจะเป็นตัวควบคุมความร้อนที่มีอยู่นั้นแล้วมีบางวันที่มีเมฆมาบัง
แสงแดดบ้างบางเวลาในวันเหล่าน้ีถ้าระบบระบายด้วยมือก็จะทำความยุ่งยากและเสียเวลาอย่างมาก
คือบางช่วงต้องเปิดและปิดได้หลายครั้งต่อวันโดยการใช้เครื่องบังคับความร้อนให้คงที่ในบางครั้งมี
อุณหภูมิสงู กว่าเราก็สามารถเปดิ ปิดด้วยมอื ได้
การทีไ่ ดต้ ดิ ตั้งชอ่ งระบายอัตโนมัติและจะชว่ ยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและมันจะเป็นการ
คิดผิดถ้าคุณไม่ติดตั้งระบบระบายอากาศอัตโนมัติคือถ้าในวนั หน่ึงคุณลืมเปดิ ชอ่ งระบายอากาศจะทำ
ให้คุณรู้สึกว่าการเสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบระบายอากาศอัตโนมัติจะทำให้การเสียหายของพืช
นอ้ ยลงและจะคุ้มคา่ ต่อการลงทุนและราคาในการติดตั้งระบบระบายอากาศในขณะก่อสร้างจะถูกกว่า
ราคาในการติดตงั้ ระบบน้ีในภายหลงั
ช่องระบายอากาศที่กำแพงข้างไม่ค่อยบ่อยมักจะทำงานด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ แต่การ
เปิดและปิดด้วยมือเนื่องจากการเปิดช่องระบายอากาศนี้จะถูกเปิดน้อยกว่าช่องระบายอากาศท่ี
หลังคาเช่นในฤดูร้อนเราจะเปิดช่องระบายอากาศนี้ในตอนกลางวันการหมุนเวียนของอากาศที่
เพียงพอผ่านโรงเรือนตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปีจะหมุนเวียนโดยผ่านทางช่องระบายอากาศที่หลังคา
อยา่ งเดียว ( Pokchat PkAll : ออนไลน์ )
3.4 ระบบทำความเยน็ และการปรบั อากาศ
ระบบทำความเย็นนี้อาจถูกวางไวท้ ีเ่ หนือหลังคาและชอ่ งระบายที่กำแพงบา้ งตาม แต่ในข้อนี้
จะกล่าวถึงเครื่องทำความเย็นตามแนวราบแบบใหม่ธรรมดาในโรงเรียนเพาะปลูกและ
เครื่องปรับอากาศการที่อากาศภายในโรงเรือนเคลื่อนที่ได้ก็โดยการใช้พัดลมไฟฟ้าโรงเรอื นเพาะปลูก
ใหม่ ๆ ส่วนมากมักใช้วิธีการทำความเย็นด้วยวิธีนี้โดยไม่ได้ทำช่องระบายที่หลังคาเลย แต่จะมีช่อง
ระบายทีเ่ ป็นแบบบานเกล็ดบนด้านกำแพงขา้ งหรือกำแพงท้ายอากาศทั้งหมดผา่ นเข้ามาในโรงเรือนท่ี
ด้านปลายของโรงเรือนด้านปลายของโรงเรือนด้านหนึ่งและถูกระบายออกที่ด้านท้ายที่อยูไ่ กลออกไป
23
หรือในการติดตั้งแบบอื่นอาจติดตั้งช่องระบายที่ด้านข้างเพื่อให้อากาศเข้าทางด้านข้างและออกทาง
ดา้ นข้างหน่งึ ตรงขา้ ม
แบบที่ธรรมดาที่สุดของระบบทำความเย็นด้วยวิธีนี้ถูกนำมาใช้ได้รับผลดีโดยการติดตั้งใช้ไม้
หญิงหลิ่ว (ต้นหญิงหลิ่วต้นไม้ที่ชาวจีนเรียกซึ่งมีลักษณะคล้ายกันสนและการใช้ไม้หยังหลิ่วเพราะไม้
ชนิดนี้ดูดซับได้ดีและทนต่อการผุพัง) มาทำเป็นที่รองให้นุ่ม ( pads ) ในส่วนของโรงเรือนและพัดลม
ขนาดใหญ่จำนวน 1 ตัวหรือมากกว่าจะอยู่ที่ด้านปลายของโรงเรือนด้านตรงกันข้าม ( pad ) นี้จะมี
หน้าที่รักษาความชื้นโดยมีการหมุนเวียนของน้ำอากาศภายนอกถูกดึงให้ผ่านแพ็คที่ชื้นซึ่งจะทำให้
อากาศน้นั เย็นลงและมีความช้นื มากขน้ึ การทำความเย็นด้วยวิธีนี้มรี าคาไม่แพงในการติดต้ังและระบบ
นี้ได้มีใช้กันอยู่เปน็ จำนวนมากในโรงเรือนที่อยู่พื้นท่ีเขตรอ้ นและหนาวโรงเรือนส่วนใหญ่มกั จะว่างตอ่
การใช้งานตลอดช่วงของเดือนในฤดูร้อนเพราะมันจะร้อนเกินไปที่จะปลูกพืชได้คุณภาพดี แต่ใน
ปัจจุบันนี้ดอกคาร์เนชั่นและเบญจมาศที่มีคุณภาพดีซึ่งเป็นพืชที่ชอบอากาศเย็นจะสามารถผลิตได้
ตลอดช่วงเดือนต่าง ๆ ในฤดูร้อนได้ดีเทา่ กับตลอดชว่ งต่างของปี
เคร่ืองทำความเย็นแบบป๊อกไลก์ซ่งึ ปกตติ ิดตั้งท่ีพ้นื นอกในโรงเรือนซึ่งภายในกลอ่ งนั้นมีพัดลม
และด้านหน้าของกล่องที่ชิดกับโรงเรือนแพ็คนี้จะรักษาความชื้นจะเป็นแพ็คที่ทำจากไม้หลังหลว
pump อากาศถูกทำให้หมุนเวียนโดยที่ติดตัง้ อยู่ภายในกล่องน้ันอากาศที่ชืน้ และเย็นจะถกู พัดเปา่ เข้า
มาในโรงเรอื นและถกู ระบายทางช่องระบายทางชอ่ งระบายอากาศที่หลังคาซ่งึ ถูกเปิดกว้างประมาณ 1
น้ิวน้ิววิธีนี้เป็นวิธกี ารแก้ปญั หาดา้ นทำความเย็นภายในโรงเรอื นไดเ้ ป็นอย่างดี
วิธีการปรับอากาศที่ถูกเรียกว่า แอร์คอนดิชั่น ( air-conditioned greenhouse ) โดยปกติ
แล้วโรงเรือนจะมีช่องบานเกล็ด 2 ช่องโดยมีช่องหนึ่งอยู่เหนือช่องระบายอีกช่องหนึ่งช่องนี้สามารถ
เปิดหรอื ปดิ ที่บานนัน้ เพ่ือควบคุมการไหลของอากาศการเคล่ือนที่ของอากาศเกิดขึน้ ได้โดยการติดตั้งท่ี
ด้านหน้าของช่องระบายบานเกล็ดอันล่างอากาศถูกทำให้เคลื่อนเข้าไปใน โรงเรือนโดยผ่านทางช่อง
ระบายบานเกล็ดอนั ลา่ งและถูกระบายออกโดยผ่านทางระบายอนั บน ( Pokchat PkAll : ออนไลน์ )
3.5 การรกั ษาหรือควบคุมเกี่ยวกบั ความชนื้ สัมพัทธใ์ นโรงเรอื นเพาะปลูก
ความชื้นสัมพัทธ์เป็นคำที่ใช้เกี่ยวกับความชื้นในอากาศที่จะมีอยู่ได้ถ้าความชื้นเป็น 60
เปอร์เซ็นต์ซึ่งหมายความว่าในอากาศมีความชื้นอยู่ 60 เปอร์เซ็นต์ที่สามารถสะสมอยู่ในอากาศท่ี
อุณหภูมินั้นในเวลานั้นเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนทำให้ความสามารถในการเก็บความชื้นเปลี่ยนไ ปดังนั้นถา้
อุณหภูมิภายในโรงเรือนสูงขึ้นโดยไมม่ ีการนำความช้ืนมาเมื่อโรงเรอื นเพาะปลกู ต้องตกอยู่ในเสริมเข้า
ไปจะทำใหค้ วามช้ืนสมั พัทธ์มีค่าน้อยลงสถานการณ์เช่นนี้ดังน้ันโรงเรือนจึงต้องการวิธีการบางอย่างใน
24
การเพิ่มน้ำเข้าไปในอากาศในทางกลับกันถ้าอุณหภูมิลดลงและในอากาศมีไอน้ำอิ่มตัว (ความชื้น
สัมพัทธ์ 100 เปอร์เซ็นต์) แล้วน้ำจะถูกควบแน่นเป็นหยดน้ำบนผิวด้านท่ีเยน็ กว่าภายในโรงเรือนการ
ปลูกพืชในโรงเรือนที่เป็นมายังไม่มีระบบหรือเครื่องมือที่ดีที่ใช้ในการทำความชื้น แต่ในปัจจุบันก็มี
ระบบที่ควบคุมความชื้นแบบใหม่ซึ่งจะทำให้พืชนั้นสามารถเติบโตได้ดีกว่า เพราะความโมชื้นนั้น
สามารถควบคุมได้อย่างดีและเหมาะสมตามที่พชื ต้องการตลอดเวลาถ้าความช้ืนน้อยมากอาจทำให้พืช
ได้รบั อนั ตรายได้ซ่ึงความชื้นสมั พัทธ์สามารถเพมิ่ ไดถ้ งึ จดุ ท่พี ืชต้องการโดยใชเ้ วลาไม่มากนัก
โรงเรือนเพาะปลูกที่มีการติดตั้งระบบทำความเย็นด้วยการระเหยจะช่วยให้บรรยากาศนั้นมี
ความชื้นเพียงพอไม่ใช่เพียงเทา่ นี้ แต่ความจริงอากาศที่ถูกทำให้เคลื่อนผ่านแพ็คที่อิ่มตัวดว้ ยน่าจะทาํ
ให้ความชื่นเพิ่ม แต่บางทีก็เพราะว่าด้วยสาเหตุที่อุณหภูมิลดลงซึ่งจะทำให้ความชื้นในอากาศจะมีอยู่
มากขนึ้ ทำให้ความช้นื สัมพัทธ์สงู ขน้ึ
ในพื้นที่ที่สภาพต้องการความชื้นสูงเช่นในการปลูกกล้วยไม้เราไม่สามารถเพิ่มความชื้นโดย
การลดน้ำที่พื้นทางเดินให้เปียกและวิธีการเพ่ิมความชืน้ ด้วยวธิ ีมือวิธีอ่ืนมันจะเป็นความคิดที่ดีที่จะใช้
ระบบกลไกการควบคุมความช้ืนบางอย่างเขา้ ช่วยระบบทีใ่ ช้อาจจะใช้ระบบหวั ฉดี ที่ฉดี น้ำฝอยเล็กมาก
มาตดิ ตัง้ แต่ตอ้ งคอยเฝา้ ปดิ เปดิ ในช่วงเวลาหนงึ่ เทา่ นั้น แตร่ ะบบที่ดีอาจใชร้ ะบบอัตโนมัติคือเราจะตั้ง
ความชื้นสัมพัทธ์ที่เราต้องการไว้ที่ตัววัดความชื้นเมื่อความชื้นต่ำลงเครื่องที่เพิ่มความชื้นจะถูกทำให้
เปิดจนกระท่งั ความชน้ื เพยี งพอเครอ่ื งน้นั ก็จะหยุดทำงาน ( Pokchat PkAll : ออนไลน์ )
บทที่ 4
ปัจจยั ที่มอี ิทธพิ ลต่อการปลกู พืชในโรงเรอื น
4.1 แสงสว่าง ( light )
แสงสวา่ งเปน็ ส่ิงสำคัญต่อการเจริญเติบโตของต้นพชื เช่นการสงั เคราะห์แสงการงอกของเมลด็
และการออกดอกออกผลเป็นต้นท่ีมาของแสงสวา่ งอาจแยกได้ 2 ทางคอื
4.1.1 แสงจากดวงอาทิตย์ ( sunlight )
4.1.2 แสงทีม่ นุษยส์ ร้างขนึ้ ( artifical light )
4.1.2.1 ความเข้มข้นของแสง (intensity) เราสามารถวัดความเข้มของแสง
ไดด้ ว้ ยเครอ่ื งมือวดั แสง (light meters) ทม่ี จี ำหน่ายอยทู่ ่ัวโดยไม่ยากนักหนว่ ยทใ่ี ช้วดั ท่ีใชอ้ ยูม่ ี 2
หน่วยคอื ลูเมนส์ ( lumens ) และฟุตแคนเดิล ( foot-candle ) แตด่ เู หมือนวา่ ฟุตแคนเดิล จะนยิ มใช้
ในหมู่ผ้ปู ลกู ไมด้ อกมากกวา่ เคร่อื งทใ่ี ชว้ ดั แสงมีตัง้ แต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่และมีราคาตง้ั แต่ไม่
ร้อยบาทไปจนถึงหลายแสนบาทเครือ่ งมือทว่ี า่ น้เี ช่น Gram calorie , Pyroheliometer
- หลอดไฟธรรมดา ( incandescent ) ใหท้ ั้งแสงสวา่ งแทนแสงอาทติ ย์ได้
ซงึ่ ความรอ้ นที่มากเกนิ ไปอาจจะเปน็ อนั ตรายตอ่ ต้นพืชได้ฉะนน้ั ควรจะติดต้งั ดวงไฟใหส้ ูงจากตน้ พืช
พอสมควรอีกประการหนง่ึ แสงทไ่ี ดจ้ ากหลอดไฟประเภทนี้ประกอบด้วยแสงสี red และ far red
มากกวา่ แสงจากหลอดเรืองแสงซ่งึ อาจจะเป็นบางชนิดมลี ักษณะเกง้ กา้ งผิดปกตไิ ปบา้ ง
- หลอดเรอื งแสง ( fluorescent ) เหมอื นจะใช้การวา่ งจากดวงอาทติ ย์
หลอดไฟธรรมดาปลูกไม้ดอกมกั จะนยิ มใช้หลอดเรืองแสงในการปลูกไมอ้ อกภายในบ้านเรือนบางชนิด
เชน่ กล็อกซเิ นยี อฟั ริกนั ไวโอเลต็ เอแอนไมใ้ นบางชนดิ ทั้งนีเ้ พราะยงั ไม่ออกและไม้ใบท่กี ล่าวมาน้ี
ตอ้ งการความเข้มของแสงไม่มากนักตอ้ งการแสงทมี่ คี วามเขม้ เพียง 300-500 คนซ่งึ ถ้าจะใชห้ ลอดเรือง
แสงธรรมดาท่ีเปน็ พลอด days หรอื id cool who am เพียง 1 คู่ตดิ ต้ังสงู จากตน้ พชื 12 นวิ้ กจ็ ะได้
ความเข้มของแสงประมาณ 300 ฟุตคนคือถ้ามีการแสดงหรือการตกแต่งประดับไวใ้ นภายในบ้านเรอื น
หรอื อาคารสถานที่ ๆ ได้รบั แสงสว่างไม่เพียงพอก็อาจจะใชเ้ ธรรมดาเช่น at a ฉายไปเหนือบรเิ วณกลุ่ม
ของต้นไม้เหลา่ นัน้ แสงสว่างท่ีได้รับจะมคี วามเข้มประมาณ 50 ฟตุ แคนเดลิ ซึ่งพอเพยี งสำหรบั การมี
ชวี ิตอย่อู ย่างชว่ั คราวของต้นไม้นัน้
26
4.1.2.2 ช่วงความขาวของแสง ( duration ) ช่วงความยาวของแสงมีผล
ตอ่ การเจริญเติบโตและการออกดอกมาก ไมด้ อกบางชนดิ ตอ้ งการช่วงแสงในเวลากลางวนั ( day
length ) สั้นจึงจะเกดิ ตาดอก ดงั เช่น เบญจมาศ ตอ้ งการแสงในเวลากลางวันไมเ่ กิน 13.5 ช.ม. (มี
critical daylength 13.5 ซ.ม. ) ถา้ แสงเกิน 13.5 ซ.ม. เบญจมาศจะไม่ออกคอกหรอื พิทูเนยี โดยปกติ
แล้วจะบานดอกตามอายุของแตล่ ะพันธุ์ เช่น พนั ธ์ุ Happiness จะบานดอกเม่ืออายปุ ระมาณ 75 วนั
แตถ่ ้าใชช้ ว่ งแสงยาวตดิ ต่อกันถึง 24 ช.ม. ตอ่ วนั จะทำให้พิทเุ นียบานคอกเรว็ ข้ึน คือใชเ้ วลาประมาณ
38-40 วัน นับจากเพาะเมลด็ จนบานดอกเปน็ ต้น ดังนน้ั ชว่ งความยาของแสงตอ่ วนั ( day lengh ) จงึ
เปน็ ปจั จยั ทีส่ ำคญั อยา่ งมากในการกำหนดการออกดอกของไม้ดอกใหช้ า้ หรือเร็วตามความต้องการ
ของผปู้ ลกู
4.1.2.3 คุณภาพ ( quality ) คุณภาพของคลื่นแสงมผี ลต่อตน้ พืชแตกต่าง
กนั ออกไปแสงที่ได้จาก source ตา่ งกนั ยอ่ มจะให้คณุ ภาพและปริมาณของแตล่ ะคล่นื แสงแตกตา่ งกนั
ออกไป เช่นแสงจากหลอด incandecent มีคลน่ื แสงสีแดงมากกวา่ และให้ความร้อนสูงกว่าหลอด
florescent แสงอาทิตยท์ ี่ส่องผ่านกระจกสว่ นทเ่ี ปน็ แสง ultraviolet จะไม่สามารถผ่านออกมาได้ แต่
แสงสีแดงผ่านได้สบาย พลาสตกิ ต่าง ๆ กนั กเ็ ช่นกนั จะกรองหรอื ปลอ่ ยให้คลน่ื แสงออกมาในขนาดของ
คล่นื แสงและปริมาณท่ีต่างกนั ฉะนัน้ จงึ ทำให้ การเจริญเตบิ โตของตน้ พชื ภายใดก้ ระจกและพลาสติกสี
ตา่ ง ๆ จึงแตกต่างกนั ออกไป ( Pokchat PkAll : ออนไลน์ )
บทท่ี 5
สรปุ
โรงเรือนไม่ไดม้ ีประโยชน์เฉพาะแค่ให้พชื ได้หลบลมหนาวเท่าน้ัน แตม่ องโรงเรอื นเป็นตัวทำ
เงนิ ช่วยเพ่ิมผลผลิตแม้จะต้องลงทนุ มากก็ตามแตจ่ ะคมุ้ ค่าในระยะยาวถึงตรงนห้ี ลายทา่ นอาจงง
โรงเรือนจะทำเงนิ ไดย้ ังไงและช่วยให้ผลผลิตเพ่มิ ได้ดว้ ยเหรอ “โรงเรอื นยคุ น้ีจะมาพร้อมกบั ระบบ
ควบคุม ท้งั อณุ หภมู ิ น้ำ แสง การให้ปุ๋ย แถมโรคแมลงก็ไม่สามารถเขา้ มากลำ้ กรายในโรงเรอื นได้ ทำ
ใหผ้ ้ใู ชพ้ รอ้ มท่ีจะกา้ วสู่สมารท์ ฟารม์ เมอรไ์ ด้ตลอดเวลา และเมอ่ื สามารถควบคุมปจั จัยทุกตัวที่มผี ลตอ่
พชื ไดท้ ง้ั หมด จะลดความสูญเสยี จากธรรมชาติลง และเมื่อเราบงั คับให้ปจั จัยเหล่านใ้ี หเ้ ป็นไปตามท่ี
พืชแตล่ ะชนิดต้องการได้ตลอดเวลา พืชเลยโตเร็วกวา่ ปลูกแบบให้ธรรมชาติเปน็ ตวั กำหนดชะตากรรม
ทำใหเ้ ราไม่ตอ้ งกงั วล ฝนมากรากจะเน่า แดดจัดพืชตาย ลมแรงพืชล้ม เพราะทกุ อยา่ งสามารถส่งั การ
ควบคมุ ไดเ้ พียงปลายนิว้ ส่ิงแรกทีไ่ ด้แน่ ๆ ช่วยลดตน้ ทุนค่ายากำจดั โรคแมลง”
5.1 ข้อดขี องการปลูกพืชในโรงเรอื น
5.1.1ป้องกันแมลงศัตรพู ืชได้ดี ผักท่ปี ลกู ในโรงเรือนสามารถปอ้ งกนั แมลงที่มีขนาดใหญก่ วา่
ตาข่าย เช่น ผเี สอ้ื และตก๊ั แตนที่ไม่สามารถเข้ามาวางไขใ่ นโรงเรือนได้ จึงไมจ่ ำเปน็ ท่ีจะต้องใชส้ ารเคมที ่ี
รุนแรงเพราะอาจจะเป็นอนั ตรายตอ่ ผบู้ รโิ ภคได้
5.1.2 ปลกู ผักนอกฤดูได้ การปลกู ผักนอกฤดสู ว่ นใหญจ่ ะถูกทำลายโดยแมลงศัตรูพชื เกอื บ
60% จึงทำให้เกษตรกรใชส้ ารเคมีกำจดั แมลงเหลา่ น้ัน กว่าพืชจะเจริญเตบิ โตทจี่ ะเก็บเก่ียวผลผลติ ผัก
เหลา่ น้ีจงึ มรี าคาค่อนข้างสูง ดังนั้นเมอื่ ปลูกอยู่ในโรงเรือนจงึ สามารถปลูกพืชนอกฤดูกาลไดด้ ี
5.1.3 ดูแลง่าย พชื ผกั ทอี่ ยู่ในโรงเรอื นดแู ลง่ายกวา่ พชื ผักท่ีปลกู ในพน้ื ทโี่ ล่ง เพราะสามารถ
ควบคุมการเกดิ ของแมลง วชั พชื และการขาดธาตุอาหารของพชื ได้ง่ายกวา่
5.1.4 สามารถปลูกพชื หมุนเวียนได้ การปลูกพชื ในโรงเรือน เราจะมีแปลงยอ่ ย ๆ แยกออกมา
เพอ่ื ปลูกพชื หมุนเวยี นสลับกันไป เพ่ือเตมิ ปยุ๋ ใหก้ บั ดิน ผักที่มหี ัวใต้ดนิ เชน่ แครอท แรสดิส บสี รูท ผัก
ทรี่ บั ประทานใบ เชน่ ผักกาด ผักบุ้งจีน คะน้า ผกั สลัด เปน็ ตน้ นอกจากนี้ก็จะเป็นผักพ้ืนบ้าน เช่น
ผักเผ็ด หอมแย้ ผักชี พืชเหลา่ นก้ี ม็ กี ารปลูกสลับแปลงกันไปเร่ือย ๆ
5.1.5 ผกั ทปี่ ลูกมคี ณุ ภาพ แนน่ อนว่าผกั ท่ีปลูกในโรงเรอื นมคี ณุ ภาพกวา่ ผักที่ปลกู กลางแจง้
ดว้ ยกรรมวธิ กี ารปลูก การดแู ลและการกำจัดศตั รพู ชื ทำให้ผักทีป่ ลูกได้มีคุณภาพและประโยชนท์ ่ี
ครบถว้ น ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย ( ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.ธรรมศักดิ์ ทองเกตุ : ออนไลน์ )
28
5.2 ประโยชนข์ องการปลูกพืชในโรงเรอื น
แมว้ ่าวตั ถุประสงค์ของการกอ่ สรา้ งโรงเรือนในยคุ แรก กเ็ พอื่ ปกป้องพืชจากสภาพแวดลอ้ ม
ภายนอกที่ไมเ่ หมาะสมในบางช่วงเวลา เชน่ ในฤดหู นาว เปน็ ตัน ตอ่ มาเม่อื มีการศึกษาคันคว้า และ
วิจยั เกี่ยวกบั การปลูกพืช
ในโรงเรือนมากขนึ้ จงึ ทำให้เราสามารถใชป้ ระโยชนโ์ รงเรือนอกี หลายโรงเรือนสามารถปกป้องพืชจาก
ศตั รแู ละภัยธรรมชาติ และให้สภาพแวดลอ้ มที่ดไี ด้ประการ ดงั น้ี
5.2.1 ประโยชนใ์ นดา้ นปกป้องพืชจากสภาพแวดล้อมท่ีไม่เหมาะสมกับการเจรญิ เตบิ โตของ
พืช ซึ่งไดแ้ ก่
5.2.1.1 อุณหภมู ิของอากาศที่ไมเ่ หมาะสม ไดแ้ ก่ อากาศหนาวจดั และรอ้ นจดั
5.2.1.2 ภยั ธรรมชาติต่างๆ ไดแ้ ก่ นำ้ ค้างแขง็ หมิ ะ ลูกเห็บ ฝนพายุ และกระแสลม
แรงจดั
5.2.1.3 ศตั รูธรรมชาติของพชื ไดแ้ ก่ แมลง โรค และสตั ว์ตา่ งๆ
5.2.2 ประโยชนใ์ นด้านควบคุมหรอื ตัดแปลงปจั จัยทจ่ี ำเป็นต่อการเจริญเตบิ โต ใหม้ ีสภาพที่
เหมาะสมกบั การเจรญิ เติบโตและให้ผลผลติ แก่พชื มากที่สุด ซ่งึ ปัจจยั เหลา่ น้ี สามารถควบคมุ ได้งา่ ยขึน้
เมอ่ื ปลูกพืชในโรงเรอื นได้แก่ แสง อณุ หภูมิ ความข้นึ สมั พทั ธข์ องอากาศ ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์
ความช้ืนและธาตอุ าหารในดนิ หรือวสั ดปุ ลกู
5.2.3ประโยชน์ในด้านขยายช่วงเวลาของการปลูกพชื ในรอบปีใหย้ าวนานมากขึ้นกวา่ เดมิ
(ปลูกพชื นอกฤด)ู เพราะในโรงเรอื นเราสามารถควบคมุ ปัจจยั ท่จี ำเปน็ ตอ่ การเจริญเติบโตของพืชได้
ง่ายกว่าการปลูกนอกโรงเรอื นทำให้สามารถขยายระยะเวลาของการปลกู พืชไดห้ ลายรุ่นในรอบปี
นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยยืดอายุการปลูกพชื บางชนดิ ให้ยาวนาน เชน่ พรกิ และมะเขือเทศ ที่สามารถ
ดำรงชวี ติ ได้ยาวนานขึ้นหากสภาพแวดลอ้ มเหมาะสม ( ผชู้ ่วยศาตราจารย์ ดร.ธรรมศกั ดิ์ ทองเกตุ :
ออนไลน์ )