ขอห าม ส�ำหรับในวันเลี้ยงผีกลางบาน ของบาน ปาเลา ต� ำบลปาเลา อ� ำเภอเมืองเพชรบูรณ จังหวัด เพชรบูรณ ๑. คนในหมูบานหามออกนอกบาน ๒. คนนอกหมูบานหามเขา ๓. หามผานบริเวณศาล ๔. หามสวนทางตอนขบวนเเหสงผี เด็ดขาดไมอยางนั้นจะมีอันเปนไปถาผีทวงเเลว อาจจะเจ็บไข หรือเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นตาย ๕. ตอนสงผีหามชาวบานออกมา มองดูเด็ดขาด เพราะถาผีเห็นเเล วจะต องท� ำพิธี ขอผีเเลกเปลี่ยนกับผีไมงั้นจะมีอันเปนไป วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 51
ปจจุบันถึงแมความเจริญจะคืบคลาน เขามาอยางมากมาย แตเรื่องของความเชื่อความ ศรัทธาที่ชาวบานป าเลามีตอผีบรรพบุรุษไมเคย จางหายไปจากหมูบานเลยกลับยิ่งท� ำใหเกิดความ ศรัทธาที่แรงกลาตอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของหมูบ าน ซึ่ง เปนศูนยรวมจิตใจที่คอยยึดเหนียวความเปน น�้ำหนึ่งใจเดียวของผูคนภายในหมูบ าน และคอย ใหความชวยเหลือคุมครองดูแลรักษาหมูบาน ใหปลอดภัย รมเย็น เปนสุข ชาวบ านจึงจ� ำเปน ตองมีความกตัญูสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่แสดงใหเห็น ถึงความผูกพันของชาวบานตอบรรพบุรุษ และ ยังเปนการสงเสริมใหเกิดความรักความสามัคคี จนน�ำไปสูความมั่นคงและเขมแข็งของหมูบาน ตอไป 52 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 53 บรรณานุกรม จีรภัทร หอยสังข. (๒๕๖๕). อายุ ๒๕ ป บานเลขที่ ๒๓/๓ หมู ๒ ต�ำบลปาเลา อ� ำเภอเมืองเพชรบูรณ จังหวัดเพชรบูรณ. สัมภาษณ, ๖ พฤษภาคม. เชย เกตุแกว. (๒๕๖๕). อายุ ๕๔ ป บานที่เลข ๑๙ หมู ๑ ต�ำบล ปาเลา อ� ำเภอเมืองเพชรบูรณ จังหวัดเพชรบูรณ. สัมภาษณ, ๖ พฤษภาคม. ชม แกวบาง. (๒๕๖๕). อายุ ๖๔ ป บานเลขที่ ๕๐ หมู ๑ ต�ำบล ปาเลา อ� ำเภอเมืองเพชรบูรณ จังหวัดเพชรบูรณ. สัมภาษณ, ๖ พฤษภาคม. นพ แสงนก. (๒๕๖๕). อายุ ๕๗ ป บานเลขที่ ๓๒/๓ หมู ๑ ต�ำบล ปาเลา อ� ำเภอเมืองเพชรบูรณ จังหวัดเพชรบูรณ. สัมภาษณ, ๖ พฤษภาคม.
54 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ ----------------------------------- --------------------------------------------------------------- ----------------------------------- --------------------------------------------------------------- ผูเขียน : อาจาร์รักชนก สมศักดิ์ ประธานสาขาวิชานิเทศศาสตร์ เพชรรัตน อินทะชัย วัชรพงษ ค�ำนัด วัดภูเขาดิน แตเดิมมีชื่อวา “วัดคลองศาลา” จากค�ำบอกเลาของ คนรุนเกาเลาวา ที่บริเวณหนาโบสถของวัดแหงนี้มีตนโพธิ์ และมี ศาลาริมนํ้าเพื่อเปนทานํ้าส�ำหรับผูคนที่เดินทางสัญจรไปมายังเมือง เพชรบูรณ จึงเปนที่มาของชื่อวัดคลองศาลาตามชื่อหมูบานคลอง ศาลา ซึ่งตั้งอยูบานคลองศาลา ถนนพระพุทธบาท ต�ำบลในเมือง อ�ำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ แตเดิมบานคลองศาลา เปนบริเวณ ชุมชนเกาแกดั้งเดิม ตั้งอยูดานทิศใตของเมืองเพชรบูรณ โดยมีพื้นที่ ตั้งแตวัดภูเขาดินทอดยาวไปตามถนนพระพุทธบาท ในเขตเทศบาล เมืองเพชรบูรณไปจนถึงเขตหมู ๑๓ และหมู ๒ ของต�ำบลสะเดียง ดังนั้น บานคลองศาลาจึงเปรียบเสมือนประตูเขาเมืองเพชรบูรณ เนื่องจากเสนทางดั้งเดิมที่มาจากทางอ�ำเภอวิเชียรบุรี และอ�ำเภอ ตะพานหินจะตองเดินทางผานมาทางบานนายม คลองขุด ชอนไพร แลวจึงผานบานคลองศาลา และวัดคลองศาลา เพื่อเขาสูตัวเมือง เพชรบูรณ วัดภูเขาดิน ต�ำบลในเมือง อ�ำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ
วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 55
สมัยกอนนั้นการสัญจรไปมาในเมือง เพชรบูรณนิยมการสัญจรทางน�้ำทางเรือเปนหลัก เพราะสะดวกและรวดเร็วกวาทางถนน ชาวบาน ทางตอนใตของเมืองเพชรบูรณ เมื่อจะเดินทาง เขาเมือง หรือนักเรียนจะเดินทางเขาไปเรียน หนังสือที่วัดภูเขาดิน และวัดมหาธาตุก็จะพายเรือ มาตามล�ำคลองศาลา และเมื่อถึงฝงกอนเขาเมือง ก็จะขึ้น ที่ศาลาทาน�้ำอยูหลังวัดภูเขาดิน ซึ่งเปน ศาลาใหคนเดินทางจอดเรือ พักเตรียมความ เรียบรอยกอนเขาเมือง และเปนจุดนัดพบกัน อีกครั้ง เพื่อจะลงเรือกลับบานตามล�ำคลอง ดังกลาว วัดคลองศาลาสรางขึ้นเปนวัดประมาณ ป พ.ศ. ๒๔๓๐ โดยมีหลวงพอขอม ซึ่งเปนพระ เขมรไดน�ำชาวบานจัดสรางวัดขึ้น แตเดิมพื้นที่ บริเวณวัดเปนปาพงอยูติดตอกับบ านคลองศาลา จึงเรียกวา “วัดคลองศาลา” ตอมาไดมีเจา อาวาสประจ�ำวัดชื่อ “หลวงพอทั่ง” ซึ่งเปนที่ เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนเปนอยางมาก หลวงพอทั่งไดสรางพระประธานและอุโบสถ ขึ้นเพื่อใชประกอบพิธีกรรม ทางศาสนา และใน สมัยของพระอาจารยคูณ เจาอาวาสรูปที่ ๓ ได ชักชวนใหพุทธศาสนิกชนรวมกันสรางมณฑป 56 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
เพื่อเปนที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจ�ำลอง จากนั้นพระอาจารยคูณจึงไดเปลี่ยนนามวัดใหม เปน “วัดภูเขาดิน” และไดรับพระราชทานวิสุง- คามสีมาในราวป พ.ศ.๒๔๔๐ ซึ่งในขณะนั้นมี พระภิกษุอยูจ�ำพรรษา ๗ รูป สามเณร ๒๐ รูป พื้นที่ตั้งวัดภูเขาดินเปนที่ราบสูง แตเดิมดานหนา วัดอยูทางทิศเหนือ อุโบสถหันหนาไปทางริมน ํ้า คลองศาลา ปจจุบันดานหนาวัดหันไปทางทิศ ตะวันตก หรือติดถนนพระพุทธบาท
โบสถไมโบราณ ภายในวัดภูเขาดินมีโบสถโบราณที่สราง ดวยไมกึ่งปูน กวาง ๗.๕๐ เมตร ยาว ๑๗ เมตร ฝาผนังกออิฐแดงตอดวยไม หลังคามุงสังกะสี แบบโบราณ มีใบเสมาท�ำดวยหินอยูรอบ ๆ มี พระประธานองคใหญศิลปะอยุธยาฝมือชาง พื้นบาน โบสถหลังนี้เปนหลังเดิมที่สรางไวอยู ดานหนาวัด โดยหันหนาไปยังริมนํ้าหมูบาน คลองศาลา ตอมาการสัญจรของผูคนเปลี่ยนมา ใชถนนแทน วัดภูเขาดินจึงเปลี่ยนทางเข าวัดใหม หันหนามาทางถนนพระพุทธบาท โบสถหลังนี้ จึงอยูดานข างวัดหันหน าไปทางริมน ํ้าติดกับซอย เล็ก ๆ ดานข างวัดมีต นไม ขึ้นบังเกือบหมด ผู คน ที่สัญจรผานดานหน าวัดจึงมองไมคอยเห็นโบสถ โบราณซึ่งมีอยูนอยมากในปจจุบัน โบสถวัด ภูเขาดิน นับเปนโบราณสถานเกาแกที่ทรงคุณคา อยูคูกับเมืองเพชรบูรณมายาวนานนับรอยป และ เปนที่นายินดีที่เทศบาลเมืองเพชรบูรณมีนโยบาย ที่จะอนุรักษ และบูรณะใหเปนแหลงเรียนรู ทาง ประวัติศาสตรของจังหวัดเพชรบูรณตอไป และ อาจกลายเปนแหลงทองเที่ยวทางประวัติศาสตร อีกแหงหนึ่งของเมืองเพชรบูรณตอไป 58 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
ใบเสมาหิน บริเวณรอบ ๆ โบสถโบราณวัดภูเขาดินมีใบเสมาหินตั้งอยู โดยรอบ สังเกตเห็นไดวามีรอยสลักบนใบเสมาหิน และยังคงปรากฏ ใหเห็นเปนหลักฐานในปจจุบัน รอยพระพุทธบาท รอยพระพุทธบาทในวัดภูเขาดิน ในอดีตชาวบานไดรวมกัน น�ำดินมากองรวมกันจนพูนขึ้นเปนเนินดินสูง และไดอัญเชิญรอย พระพุทธบาทมาประดิษฐานไวบนเนินดินดังกลาว ตอมาได มีการสร าง โบสถครอบไวในภายหลัง รอยพระพุทธบาทของวัดภูเขาดินนั้น มี ลักษณะพิเศษคือมีรอยพระบาท ๔ รอยประทับซอนกันอยู ซึ่งไม เหมือนรอยพระพุทธบาทของที่อื่น ๆ ที่มีเพียงรอยประทับพระบาท เพียงรอยเดียว ซึ่งรอยพระบาททั้ง ๔ รอยประทับนั้นมีความหมายถึง รอยประทับของพระพุทธเจาทั้ง ๔ พระองค ที่ไดมาประสูติกาลบน โลกนี้ เมื่อโปรดสัตวทั้งหลายแลวจึงไดมาประทับรอยพระบาทไว 60 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
ความหมายของรอยพระพุทธบาท รอยประทับองคแรก คือ พระกกุสันธพุทธเจา รอยประทับ องคที่สอง คือ พระโกนาคมนพุทธเจา รอยประทับองคที่สาม คือ พระกัสสปพุทธเจา รอยประทับองคที่สี่ คือ พระโคตมพุทธเจา หรือ พระพุทธเจาองคปจจุบัน สวนรอยประทับองคที่หานั้นเชื่อกันวาเปน รอยประทับของพระศรีอริยเมตไตรย แตยังไมประสูติขึ้นมาบนโลก ใบนี้ จึงยังไมมีรอยพระพุทธบาทที่หา ตอมาเมื่อป พ.ศ. ๒๔๖๘ พระครูเพชรบูรณคณาวสัย (หลวง พอคูณ) ไดสร างรอยพระพุทธบาทจ� ำลองขึ้น โดยหลอดวย ทองเหลือง เพื่อใหพุทธศาสนิกชนไดนมัสการในงานเทศกาลกลางเดือน ๓ ซึ่ง เปนงานประจ�ำปของวัดภูเขาดิน และปจจุบันประดิษฐานอยูภายใน มณฑป เมื่อถึงงานเทศกาลกลางเดือน ๓ ของทุกป ทางวัดภูเขาดิน จะเปดโอกาสใหพุทธศาสนิกชนเขานมัสการในงานปดทองรอยพระ พุทธบาทเปนประจ�ำทุกป ในสมัยกอนงานประจ� ำ ปดังกลาวเปนงาน ที่จะมีการปดถนนพระพุทธบาทตั้งแตสี่แยกสันคูเมือง (ธนาคาร กรุงเทพฯ ในปจจุบัน) เพื่อจัดงานไปจนถึงรอบวัดภูเขาดิน ผูคนจาก ตางต�ำบลและตางอ�ำเภอมาเที่ยวกันเปนจ�ำนวนมากโดยจะมีการ แสดงมหรสพตาง ๆ มากมาย และที่ขาดไมได คือ ลิเก มีการละเลน ตาง ๆ พรอมทั้งอาหารการกิน และรานคาตางๆ มากมายเรียกไดวา เปนงานประจ�ำปที่ชาวบานตางตั้งตารอคอยเพื่อมาเที่ยวในเมือง เพชรบูรณเปนประจ�ำทุก ๆ ป วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 61
พระพุทธรูปส�ำเร็จ พระประธานในโบสถโบราณของวัดภูเขาดิน มีนามวา “พระพุทธส�ำเร็จ” เปนประพุทธรูปปูนปนศิลปะพื้นบานเพชรบูรณ สันนิษฐานวาสรางในราวสมัยกรุงธนบุรีปางมารวิชัย หรือปางสะดุ งมาร (เรียกพระพุทธรูปปางมารวิชัย หรือปางชนะมารวาพระสะดุงมาร) ลักษณะพระพุทธรูปอยูในพระอริยาบถประทับนั่งสมาธิ หรือสมาธิราบ พระหัตถซายหงายวางบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถขวาควํ่าลงวางอยู บนพระชานุ (เขา) พระพุทธรูปส�ำเร็จ พระประธานในโบสถโบราณมี ขนาด หนาตักกวาง ๓.๖๐ เมตร ความสูงวัดจากทับเกษตรถึงยอด เกตุสูง ๕.๙๐ เมตร สันนิษฐานวาสรางขึ้นในสมัยหลวงพอทั่ง ขณะ เปนเจาอาวาส จากค� ำบอกเลาของชาวบานคลองศาลาที่เลาตอ ๆ กัน มาวาชางปนองคพระประธาน ชื่อแสน มาจากเมืองเหนือเปนชาง ชาวพื้นบาน นอกจากนี้ภายในวัดภูเขาดินยังมีพระพุทธรูปเกาแกอีก หลายองค อาทิ พระพุทธรูปหลอดวยทองเหลือง ปางมารวิชัย สมัย กรุงรัตนโกสินทรขนาดหนาตักกวาง ๒๑ นิ้ว เปนพระประจ�ำศาลา การเปรียญเดิม ไมปรากฏหลักฐานวาใครเปนผูสรางและสรางถวาย ไวตั้งแตเมื่อใด และพระพุทธรูปหลอดวยทองเหลือง ปางมารวิชัย เลียนแบบศิลปะสุโขทัย ขนาดหนาตัก ๑๗ นิ้ว ซึ่งทางวัดภูเขาดินได หลอขึ้น เมื่อป พ.ศ. ๒๕๑๙ มีชื่อวา “หลวงพอทั่ง” และพระพุทธชินราช จ�ำลอง หลอดวยทองเหลือง ขนาดหนาตักกวาง ๑.๒๕ เมตร โดยมี ผูศรัทธาสรางถวาย เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๕ 62 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
ต�ำนานความเชื่อ ความศักดิ์สิทธิ์ จากค�ำร�่ำลือของชาวบานที่เลาตอ ๆ กันมาถึงความศักดิ์สิทธิ์ของ “พระพุทธรูปส�ำเร็จ” ภายในโบสถหลังเกานั้น ชาวบานมักจะมาขอพร กับองคพระประธาน “พระพุทธรูปส�ำเร็จ” หลัง จากนั้นก็จะประสบผลส�ำเร็จตามที่ขอพรไว บางรายมากราบไหวบนบานศาลกลาวไว ก็ส� ำเร็จ ดั่งความปรารถนา หลังจากนั้นก็น�ำสิ่งของมา กราบไหว แกบน ท�ำ ใหชาวบานทั้งหลายตางก็ มีความเชื่อและศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของ องคพระดังชื่อขององคพระประธาน “พระพุทธ รูปส�ำเร็จ” ซึ่งปจจุบันก็ยังคงมีชาวบานและ พุทธศาสนิกชนจากจังหวัดอื่น ๆ มากราบไหว สักการะบูชาเพื่อความเปนศิริมงคลในชีวิต 64 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 65 บรรณานุกรม พระเพชรบูณณาวสัย. ประวัติวัดภูเขาดิน. เพชรบูรณ : ๒๕๕๑ (เอกสารอัดส�ำเนา) ส�ำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ. ขอมูลวัดในจังหวัดเพชรบูรณ. เพชรบูรณ : ม.ป.ป. (เอกสารอัดส� ำเนา) unseen เพชรบูรณ. [online] แหลงเขาถึง : www.youtube.com/ unseenpetchabun [๒๐ เมษายน ๒๕๕๙] ภาพประกอบ ภาพ : Fb วัดภูเขาดิน จังหวัดเพชรบูรณ ภาพ : Blogging : tuk-tuk@korat (เพชรบูรณ - อุโบสถไมวัดภูเขาดิน เมืองเพชรบูรณ)
66 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ ----------------------------------- --------------------------------------------------------------- ----------------------------------- --------------------------------------------------------------- ผูเขียน : จารุพัสตร ทนนาดีนิสิตกลุมประวัติศาสตรสองขางทาง ภาควิชาประวัติศาสตร มหาวิทยาลัยนเรศวร ในประเทศไทยเรามีการแบงประเภทอาหารเปนประเภทคาวและหวาน ในประเภทอาหารคาวนี้ ตามปกติที่รับประทานกันทั่ว ๆ ไป ก็จะมีแกง ผัด ทอด ยาง นึ่ง ย�ำ เปนตน ผู เขียนจึงขอยกเอาตัวอยางอาหารงาย ๆ ที่หารับประทานกันไดทั่วไปขึ้นมาเปนประเด็นในการเขียนครั้งนี้ นั่นคือ “ไกยาง” “ไกยาง” เปนอาหารงาย ๆ ที่หารับประทานไดทั่วไป สามารถ ท�ำกินในครัวเรือนหรือหาซื้อไดทั่วทุกภาคทุกพื้นที่ แตจะมีมากแคไหน ที่รานไกยางบางร านสามารถท� ำใหไกยางธรรมดานี้ กลายเปนอาหาร ที่ใครไดลิ้มลองแลวตองเอยปากถามถึงอีกครั้ง จนท�ำใหรานไกยาง ธรรมดานี้กลายเปนรานขึ้นชื่อ และถึงขั้นเปนของดีประจ�ำจังหวัดได อยาง “ไกยางวิเชียรบุรี” อาหารขึ้นชื่อของอ�ำเภอวิเชียรบุรี จังหวัด เพชรบูรณ ที่มีเครือขายจ�ำหนายทั่วทุกภูมิภาค ไก่ย่างวิเชียรบุรี อาหารธรรมดาในความหมายทางการทองเที่ยว
วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 67
ที่มาของไกยางวิเชียรบุรี ในอ�ำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ มีอาหารที่ขึ้นชื่อมากที่สุดนั่นก็คือ “ไกยาง วิเชียรบุรี” ผูที่ริเริ่มขายไกยางและคิดสูตรไกยาง วิเชียรบุรีเปนทานแรก ก็คือ นายทรวง ซึ่งจาย หรือที่คนสวนใหญรูจักกันดีในนามวา “ตาแปะ” ตาแปะไดเริ่มขายไกยางเมื่อประมาณป พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยขายเปนไม ๆ ละ ๕ บาท และขาย เปนตัว ๆ ละ ๒๐ บาท โดยเริ่มจากการหาบเร ตามปายรถเมล และริมถนน ตาแปะเปนผูหาบเร เองโดยมีนางค�ำเบาผูเปนภรรยาเปนคนยางไก รออยูที่บาน จากที่หาบเรอยูประมาณ ๒ ป ก็มีเงิน เก็บเพียงพอที่จะมาท�ำรานขายไกยางแบบมีโตะ นั่งรับประทาน จึงไดสรางเปนรานตั้งอยูตรง สามแยก ทางเลี้ยวเขาไปอ� ำเภอวิเชียรบุรี ขาย อยูริมถนนทางซายมือซึ่งในปจจุบันนี้ก็ยังตั้ง ขายอยูที่เดิม ตอมาในป พ.ศ. ๒๕๐๙ ไกไทย มีราคาเพิ่มมากขึ้นจากเดิม จึงท�ำใหราคาขาย ไกยางจากเดิมที่ขายเปนไม ๆ ละ ๕ บาท เพิ่ม มาเปน ๑๕ บาท จากที่เปนตัว ๆ ละ ๒๐ บาท เพิ่มมาเปน ๕๐ บาท 68 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
ไกยางตาแปะเริ่มมีชื่อเสียงและเปนที่ รูจักกันมากขึ้น เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๒๕ โดย คุณสันติ จากแมชอยนางร�ำ ไดมารับประทาน ไกยางที่รานไกยางตาแปะ และเกิดความ ชื่นชอบถูกใจในรสชาติของไกยางวิเชียรบุรี ที่มี รสชาติดีหอมเครื่องเทศ มีน�้ำจิ้มมะขามและ น�้ำจิ้มกระเทียมดองรสเด็ด จึงท�ำใหคุณสันติ จากแมชอยนางร�ำไดมอบปายเปปพิสดารใหไว เพื่อยืนยันในรสชาติความอรอยใหกับนายทรวง ซึ่งจาย (ปารวี ไพบูลยยิ่ง, ม.ป.ป. : ๑๔๖.) นับ ตั้งแตนั้นมาไกยางวิเชียรบุรีหรือบางทานก็เรียก วา “ไกยางตาแปะ” ก็เริ่มเปนที่รูจักของคน ทั่วไปมากยิ่งขึ้นกวาเดิม ในป พ.ศ. ๒๕๒๙ ไกยางตาแปะไดรับ ความนิยมกันมากยิ่งขึ้น ตาแปะจึงขยายกิจการ เพิ่มรานไกยางตาแปะขึ้นมาอีก ๑ สาขา ไดใช ชื่อรานวา ไกยางตาแปะ ๒ โดยมีนางกนกพรรณ โพธิ์รัศมี หรือสวนใหญรูจักกันในชื่อ เจนก ซึ่ง เปนลูกสาวคนโตของตาแปะเปนผูดูแลร านไกยาง ตาแปะ ๒ ตาแปะ รานไกยางตาแปะ ๒ ที่ดูแล กิจการโดยเจนก ก็เปนที่รูจักกันมากและขายดี ไมแพรานไกยางตาแปะ ๑ และรานอื่น ๆ วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 69
การท�ำไกยางวิเชียรบุรี ไกที่นิยมน�ำมาท�ำเปนไกยางวิเชียรบุรี จะมีดวยกันสองชนิด คือ ไกไทย หรือที่เรียกกัน วาไกบาน และไกพันธุหรือที่เรียกกันวาไกฟารม ที่เลือกน�ำไกบานมายางก็เพราะวาไกบ านจะมีมัน นอยกวา เนื้อแนนกวา แตก็หายากกวาไกฟารม และเมื่อยางสุกแลวจะท�ำใหตัวเล็กวาไกฟารม (ปารวี ไพบูลยยิ่ง,ม.ป.ป. : ๑๔๖.) แตไมวา จะเปนไกบานหรือวาไกฟารมก็อรอยไมแพกัน 70 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
ขั้นตอนในการท�ำไก่ย่างวิเชียรบุรี เครื่องปรุงรสและวัตถุดิบ ๑. ไก่ ๒ กิโลกรัม ๒. ซอสหอยนางรม ๒ ช้อนโต๊ะ ๓. ใบเตย ๒ ใบ ๔. กระเทียม ๒๐ กลีบ ๕. ตะไคร้ ๓ ต้น ๖. หอมแดง ๔ หัว ๗. รากผักชี ๗ ราก ๘. นมสด ๑ กระป๋อง ๙. เกลือ ๑ ช้อนชา ๑๐. พริกไทยด�ำ ๑ ช้อนโต๊ะ ๑๑.ซีอิ้วขาว ๑ - ๑/๒ ช้อนโต๊ะ วิธีท�ำและขั้นตอนในการท�ำ ๑. ขั้นตอนเริ่มแรกเลยใหลางไกดวยน�้ำเปลาใหสะอาด ตากผึ่งไวใหสะเด็ดน�้ำ ตอจากนั้นใหน�ำหอมแดง รากผักชี พริกไทย ตะไคร กระเทียม ใบเตย มาปนรวมดวยกับนมสดใหละเอียด ๒. ขั้นตอนที่สองตอจากนั้นใหน�ำสวนผสมที่บดละเอียด แลวมาเทใสภาชนะส�ำหรับหมักไก แลวจึงผสมเครื่องปรุงตาง ๆ ผสม คลุกเคลาให เข ากัน แล วคอยน� ำไกลงไปในภาชนะหมักทิ้งไว ๓๐ นาที ๓. ขั้นสุดทายหลังจากหมักเสร็จเรียบรอยแลว คอยน�ำไก ไปยางเวลายางไกควรใชไฟออน ๆ แล วขณะที่ยางให ทาน�้ ำมันที่ไกตอน เรากลับดานไกด วย เพราะจะท� ำใหไกมีสีเหลืองนารับประทาน ในสวน ของน�้ำจิ้ม ไกยางวิเชียรบุรี จะมีดวยกัน ๒ สูตร วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 71
สูตรน�้ำจิ้ม ไกยางวิเชียรบุรี สูตรหนึ่ง วัตถุดิบและเครื่องปรุงรส ๑. ตนหอมซอย ๒ ชอนโตะ ๒. น�้ำมะนาว ๑ - ๒ ชอนโตะ ๓. น�้ำมะขามเปยกตมสุก ๒ ชอนโตะ ๔. ขาวคั่ว ๑ ชอนโตะ ๕. ผักชีฝรั่ง ๖. น�้ำปลา ๒ - ๓ ชอนโตะ ๗. พริกปน ๑ ชอนโตะ ๘. น�้ำตาลปบ ๑ ชอนโตะ ขั้นตอนในการท�ำและวิธีท�ำ ล�ำดับแรกใหน� ำน�้ำ น�้ำปลา น�้ำตาลปบ มะนาว และน�้ำมะขามเปยก มาผสมจนเขากันดีแลวทดลองชิมรสเนนใหไดรส หวาน เปรี้ยว เค็ม แลวจากนั้นใหใสพริกปน ตามดวยขาวคั่ว แลวคอยคนใหเขากันแลว ตามดวยโรยตนหอมซอย และผักชีฝรั่ง สูตรน�้ำจิ้ม ไกยางวิเชียรบุรี สูตรสอง วัตถุดิบและเครื่องปรุงรส ๑. น�้ำตาลทราย ๑/๔ ถวยตวง ๒. กระเทียม ๕ กลีบ ๓. เกลือ ๑ - ๒ ชอนชา ๔. พริกชี้ฟาแดง ๓ เม็ด ๕. กระเทียมดอง ๒ หัว ขั้นตอนในการท�ำและวิธีท�ำ น�ำเครื่องปรุงรสและวัตถุดิบทั้งหมดมาโขลกต�ำใหละเอียด แล วจึง น�ำไปตั้งไฟใหน�้ำตาลละลายเปนอันเสร็จเรียบรอย 72 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
การกระจายตัวของผูคารายยอยในลักษณะแฟรนไชส ไกยางวิเชียรบุรีหรือไกยางตาแปะ ไดกลายเปนตนแบบให กับคนอื่น ๆ ไดน�ำสูตรไกยางวิเชียรบุรีไปประกอบอาชีพเพื่อสราง รายไดให กับครอบครัว เปดเปนร านไกยางวิเชียรบุรีในบริเวณใกล เคียง และในตัวอ�ำเภอวิเชียรบุรี เมื่อเราเดินทางบนเสนทางสายสระบุรี- เพชรบูรณทางหลวงหมายเลข ๒๑ กอนเขาตัวอ�ำเภอวิเชียรบุรีเราก็ จะพบรานขายไกยางและรานอาหารมากมายบริเวณทั้งสองฝง เมื่อ ผูคนที่เดินทางผานมาก็จะแวะรับประทานไกยางวิเชียรบุรีกันจนเปน ที่นิยมชื่นชอบถูกอกถูกใจ จึงท�ำใหไกยางวิเชียรบุรีมีชื่อเสียงเพิ่มมาก ขึ้นอีก วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 73
นอกจากนี้รานไกยางบางรานไดคิดสูตรใหม ๆ ขึ้นมาเพื่อ ใหเกิดแรงดึงดูดลูกค าทั้งยังเปนเอกลักษณเฉพาะร านไกยางวิเชียรบุรี ขึ้นมา หรือไมก็สรางสินคาอื่นขึ้นมาใหคูกับการรับประทานไกยาง วิเชียรบุรี อยางรานไกยางบัวตองที่มีการน� ำไกยางมารับประทานคูกับ สมต�ำทอด ซึ่งเปนสมต�ำที่น�ำเอาเสนของมะละกอไปทอดแลวจึงน�ำ มาท�ำเปนสมต�ำ คูกับขาวเหนียว ในการสรางเครือขายการจ�ำหนายไกยางวิเชียรบุรี เกิดขึ้น จากการที่มีชาววิเชียรบุรีหรือบางทานก็อาจจะไมใชคนอ�ำเภอวิเชียรบุรี แตไดน� ำสูตรไกยางวิเชียรบุรีไปขายในพื้นที่จังหวัดตาง ๆ ท�ำใหไกยาง วิเชียรบุรีมีชื่อเสียงกลายเปนเครือขายจ�ำหนายไกยางไปทั่วเกือบทุก จังหวัดของประเทศไทย
การสรางไกยางวิเชียรบุรีใหเปนสินคาทองเที่ยวของจังหวัด เพชรบูรณ ปจจุบันนี้หากเราเดินทางไปในพื้นที่ใด ในจังหวัดใดก็ตาม ตางก็มักจะพบเห็นรานไกยางวิเชียรบุรีอยูทั่วไป ตามบริเวณเรียบข าง ถนนหรือสองขางทาง แมในวิเชียรบุรีเองปจจุบันนี้ก็มีรานขายไกยาง วิเชียรบุรีเพิ่มมากขึ้นเปนแถวยาวมากกวา ๒๐ รานเลยทีเดียว นอกจากนี้อ�ำเภอวิเชียรบุรีเองไดสร างอัตลักษณเปนค� ำขวัญ ประจ�ำอ�ำเภอขึ้น ดังนี้ “...ศาลนเรศวรรวมใจ ถิ่นไกยางรสอรอย สุสานหอยลานป พุรอนมีใตดิน อุทยานหินโบราณ บอน�้ำมันล�้ำคา...” จากค�ำขวัญขางตนนี้ชี้ใหเห็นถึงความส�ำคัญของไกยาง วิเชียรบุรี อันเปนสินคาทองเที่ยวดานอาหารที่ส�ำคัญของอ�ำเภอ วิเชียรบุรี ทั้งยังเปนอาหารที่มีความนิยมแพรหลายจนท�ำใหเกิดเปน งานประจ�ำปของอ�ำเภอวิเชียรบุรีขึ้น คือ งานเทศกาลกินไกยาง วิเชียรบุรี วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 75
ภายในงานเทศกาลกินไกยางวิเชียรบุรี มีการจัดกิจกรรม อาทิ ๑. มีการแขงขันกินไกยาง สมต�ำ และมีการรับประทาน ไกยางวิเชียรบุรีระหวางชาวไทยและตางชาติ ๒. มีการออกรานจ�ำหนายไกยาง ๔ ภาค และรวมกันชิม รสชาติไกยางทั้ง ๔ ภาค ๓. การเสวนาวิชาการเกี่ยวกับการมีสวนรวมในภาครัฐ เอกชน ประชาชนในหัวขอ “ไกยางยั่งยืน ครัวไทย ครัวโลก” ๔. การจ�ำหนายอาหารอรอย สินคาชุมชน สินคาราคา ประหยัด ๕. การแสดงดนตรีลูกทุงเพื่อชีวิต จากการที่มีการจัดกิจกรรมเทศกาลกินไกยางวิเชียรบุรีนี้ ท�ำใหมีนักทองเที่ยวเขามาเที่ยวรับประทานไกยางวิเชียรบุรีมากขึ้น ทั้งยังเปนการประชาสัมพันธที่ท�ำให ไกยางวิเชียรบุรีเปนของดีประจ� ำ อ�ำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณนี้ที่รูจักในหมูนักทองเที่ยวทั้ง ชาวไทยและชาวตางชาติมากขึ้น (ออนไลน, ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๖)
บทสรุป ไกยางวิเชียรบุรีมีที่มาจาก นายทรวง ซึ่งจาย หรือตาแปะ ที่เปนผูริเริ่มในการคิดสูตร และขายไกยางวิเชียรบุรีเปนผูแรก ตลอดจน กลายเปนตนแบบใหคนอื่น ๆ ไดน�ำสูตรไกยาง วิเชียรบุรีไปประกอบอาชีพและคิดคนปรับปรุง สูตรใหเปนสูตรใหมประจ� ำรานตนเอง ตลอดจน กลายเปนของดีประจ�ำจังหวัดเพชรบูรณที่มีผู นิยมกันทั่วทุกภาคในประเทศไทย ผูเขียนเองก็เคยรับประทานไกยาง วิเชียรบุรีมาแลวจึงขอรับรองความอรอย ไมวา จะเปนรานไกยางตาแปะ รานไกยางบัวตอง รานไกยางรสทิพยและร านไกยางอื่น ๆ ก็มีความ อรอยไมแพกัน บางทานที่เคยรับประทานไกยาง วิเชียรบุรีอยูตามพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ แตยังไมเคย มาแวะชิมไกยางวิเชียรบุรีที่รานตนต�ำรับ หรือ บางทานก็ยังไมเคยรับประทานไกยางวิเชียรบุรี เลย ผูเขียนจึงอยากขอเชิญชวนทุกทานไดลอง แวะมารับประทานไกยางวิเชียรบุรีที่รานต นต� ำรับ ในอ�ำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 77
วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 79 บรรณานุกรม “ ไกยางตาแปะ ต�ำนานไกยางวิเชียรบุรีแสนอรอยของเมืองไทย”. เว็บไซตหมูหิน : ทองเที่ยว. http://www.moohin.com/trips /phetchabun/kaiyangwichianburi ; สืบคนเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖. “ไกยางวิเชียรบุรี”. เว็บไซตเมืองไทย ดอท คอม. http://www.muang thai.com/thaidata/๗๑๕๖ ; สืบคนเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖. “งานเทศกาลกินไกยางวิเชียรบุรี ของดีเมืองเพชรบูรณ”. เว็บไซต งานแสดงสินคาอันดับ ๑ ของประเทศไทย. http://www. thailandexhibition.com/Event-๗๗/๗๓๗๓ ; สืบคน เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖. ปารวี ไพบูลยยิ่ง. เพชรบูรณ เที่ยวทั่วไทยไปกับ “นายรอบรู”. กรุงเทพฯ : สารคดี, ม.ป.ป. “สูตรไกยางวิเชียรบุรี”. เว็บไซตสูตรอาหาร สูตรอาหารไทย อาหารไทย. http://www.xn--m๓c๒aazhl๙ab๑d.net/๒๐๑๒/๐๓/ blog-post_๑๖.html ; สืบคนเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖.
80 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ ---------------------------------- --------------------------------------------------------------- ----------------------------------- --------------------------------------------------------------- ผูเขียน : ผศ.ดร. ธีระวัฒน แสนค�ำ อาจารยพิเศษ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีลานชาง เมืองหลมสักเปนชุมชนโบราณที่อยูในพื้นที่ลุมแมน�้ำปาสักตอนบน สันนิษฐานวาอาณาเขตของเมืองครอบคลุมพื้นที่ในเขตอ�ำเภอหลมเกา และอ�ำเภอหลมสัก จังหวัดเพชรบูรณ ภายในพื้นที่ราบลุมของชุมชน โบราณไดมีการพบหลักฐานทางโบราณคดีและสถาปตยกรรมที่แสดง ใหเห็นถึงความสัมพันธกันกับวัฒนธรรมลานชางในลุมแมน�้ำโขงเขต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน แมแตวิถีชีวิต ภาษาและ วัฒนธรรมของชาวหลมสัก-หลมเกาในปจจุบันก็ยังคลายกับผูคนใน ภาคอีสานและผูคนในประเทศลาว โดยเฉพาะอยางยิ่งชาวเมืองหลวง พระบางและเวียงจันทน (ธีระวัฒน แสนค�ำ, ๒๕๕๖: ๑๙๕-๒๑๖; วัฒนชัย หมั่นยิ่ง, ๒๕๕๔: ๘๔-๙๔) จึงท�ำใหมีนักวิชาการและผูสนใจ จ�ำนวนหนึ่งตั้งขอสังเกตและพยายามศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร ของชาวหลมสัก-หลมเกา พระพุทธรูปปูนปนประดับลวดลาย บนผาสังฆาฏิ จีวรและรัดประคด ในเขตเมืองหลมสัก
การที่บริเวณเมืองหลมสักเป ่ นพื้นที่ที่มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ็ บ้านเรือนช้านาน สันนิษฐานว่าผู้คนยุคแรก ๆ ที่เข้ามาสร้างบ้านแปง เมืองนั้นเป็นชาวล้านช้างที่อพยพหนีภัยจากลุ่มแม่น�้ำโขงข้ามเข้ามา ตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตลุ่มแม่น�้ำพุงซึ่งเป็นล�ำน�้ำสาขาส�ำคัญของแม่น�้ำ ป่าสัก ตลอดจนพื้นที่ลุ่มแม่น�้ำป่าสักตอนบน เนื่องจากเป็นพื้นที่รอย ตอของอาณาจักรล้านช้างกับอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ท� ่ำให้มีการพบ รองรอยโบราณสถานและศิลปวัตถุทางพระพุทธศาสนา เช ่ น สิม (โบสถ ่ )์ วิหาร ธรรมาสน์ พระพุทธรูป และเจดีย์โบราณซึ่งได้รับอิทธิพลศิลปะ ล้านช้างกระจายอยู่ตามพื้นที่ราบลุ่มซึ่งเคยเป็นบริเวณชุมชนโบราณ ระดับหมู่บ้านมาก่อน พระพุทธรูปหรือที่คนท้องถิ่นในอ�ำเภอหล่มสักและอ�ำเภอ หลมเก่ าเรียกว ่ า “พระเจ้า”, “รูปพระเจ้า”, “หลวงพ ่ อ” หรือ “หลวงปู่” ่ เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็น ศาสดาของพระพุทธศาสนา พระพุทธรูปสร้างขึ้นจากวัสดุหลายประเภท อาทิ ศิลา ไม้ โลหะ อิฐ ปูน ดินเผา เขาสัตว์ เป็นต้น ตามความนิยม และทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นนั้น ๆ มารังสรรค์ให้เกิด เป็นงานพุทธศิลป์ที่มีความงดงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฝีมือ ช่าง (ศักดิ์ชัย สายสิงห์, ๒๕๕๖: ๒-๖) วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 81
พระพุทธรูปโบราณในเขตเมืองหลมสัก แตละองคตางก็มีความส�ำคัญที่แตกตางกัน เปนพระพุทธรูปที่มีคุณคาทางประวัติศาสตร และพุทธศิลป เปนศูนยรวมศรัทธาของชาวบานใน ชุมชนหรือทองถิ่นโดยเฉพาะอยางยิ่งพระพุทธรูป ปูนปนที่มีลวดลายประดับตามผ าสังฆาฏิจีวร และ รัดประคด ซึ่งมีความนาสนใจทางดานพุทธศิลป ดังนั้น ผูเขียนจึงรวบรวมขอมูลเบื้องตนที่เกี่ยว กับพระพุทธรูปปูนปนที่มีลวดลายประดับตาม ผาสังฆาฏิ จีวร และรัดประคดในเขตเมือง หลมสักที่เปนพระพุทธรูปที่มีความส�ำคัญทาง ดานประวัติศาสตร มีคุณคาทางดานพุทธศิลป และมีความส�ำคัญทางดานศิลปกรรมที่ประดิษฐาน อยูตามวัดภายในบริเวณอ�ำเภอหลมเกาและ อ�ำเภอหลมสัก จังหวัดเพชรบูรณ มาน�ำเสนอ อันจะเปนการเผยแพรองคความรูทางดาน ประวัติศาสตรและศิลปกรรมทองถิ่นใหพี่นอง ชาวจังหวัดเพชรบูรณและประชาชนทั่วไป ไดศึกษาเรียนรู อันจะน� ำไปสูความกาวหนาทาง วิชาการดานประวัติศาสตรและศิลปวัฒนธรรม ของทองถิ่นจังหวัดเพชรบูรณตอไป 82 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
พระเจาใหญหลักค�ำ วัดศรีภูมิ พระเจาใหญหลักค�ำ วัดศรีภูมิ เปนพระพุทธรูปปูนปนปาง มารวิชัย ลงรักปดทอง ขนาดหนาตักกวางประมาณ ๒ เมตร หันพระ พักตรไปทางทิศตะวันตก ประดิษฐานเปนพระประธานอยูภายในวิหาร หลวงวัดศรีภูมิ บานติ้ว ต� ำบลบานติ้ว อ� ำเภอหลมสัก จังหวัดเพชรบูรณ พระเจาใหญหลักค� ำ วัดศรีภูมิ ถือเปนพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบาน ติ้วและละแวกใกลเคียงใหความเคารพศรัทธาเปนอยางมาก (พระครู สิริพัชรากร, สัมภาษณ) วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 83
พระเจาใหญหลักค� ำ วัดศรีภูมิ มีพุทธลักษณะเปนพระพุทธรูปทรงเครื่อง พระพักตร ใหญและเรียว พระกรรณใหญ ไรพระศกตัดตรง พระขนงโกง ขมวดพระเกศาเล็ก แหลมและถี่ พระรัศมีขนาดใหญทรงกรวยแหลม พระโอษฐ เล็ก พระนาสิกใหญและมีสันพระนาสิก พระหัตถ คอนขางใหญไมสมสวนกับพระกร ขัดสมาธิราบ พระหัตถขวาวางเหนือพระชานุขวา สวนพระ หัตถซายวางเหนือพระเพลา ลงรักปดทองทั้ง องค บริเวณผาสังฆาฏิ รัดประคด พระอุระและ ขอบจีวรมีการท�ำลวดลายปูนปนและรักป นเปน ลายพันธุพฤกษาประดับอยางงดงาม เมื่อพิจารณาจากพุทธลักษณะที่ ปรากฏ สันนิษฐานวาพระเจาใหญหลักค�ำ วัด ศรีภูมิ นาจะสรางขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๔ เนื่องจากมีพุทธลักษณะและการประดับลวด ลายปูนปนในรูปแบบใกลเคียงกับพระพุทธรูป ประธานทรงเครื่องในวิหารหลวงวัดใหมสุวรรณ ภูมาราม เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ซึ่งใน ภาษาลาวเรียกวา “พระเอ” (ประภัสสร ชูวิเชียร, ๒๕๕๗: ๑๒๗; วรลัญจก บุณยสุรัตน, ๒๕๕๕: ๑๓๕) 84 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
นอกจากนี้ วิหารที่ประดิษฐานพระเจาใหญหลักค� ำ วัดศรีภูมิ ยังเคยเปนวิหารเกาแกศิลปะลานช างซึ่งมีรูปแบบศิลปกรรมใกล เคียง กับสิมหรือสิมวัดเชียงทอง เมืองหลวงพระบาง (เอนก นาวิกมูล และ ธงไชย ลิขิตพรสวรรค, ๒๕๖๕: ๕๙) กอนที่จะไดรับการบูรณะเปน อาคารแบบปจจุบันในราวชวงกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ซึ่งสะทอนให เห็นวาพระเจาใหญหลักค�ำ วัดศรีภูมิ อาจไดรับอิทธิพลการประดับ ลวดลายบนองคพระมาจากเมืองหลวงพระบางก็เปนได
พระประธานองคเกา ในสิมวัดศรีฐานปยาราม พระประธานองคเกาในสิมวัดศรีฐาน ปยาราม เปนพระพุทธรูปปูนปนปางมารวิชัย ขนาดหนาตักกวางประมาณ ๑.๓๐ เมตร ประดิษฐานอยูภายในสิมวัดศรีฐานปยาราม บานวังบาล ต� ำบลวังบาล อ�ำเภอหลมเกา จังหวัด เพชรบูรณ พระประธานองคเกาในสิมวัดศรีฐาน ปยารามมีพุทธลักษณะพระพักตรคอนขางกลม ใหญ พระกรรณใหญและกาง ไรพระศกโคงเล็ก นอย พระขนงโกง ขมวดพระเกศาเล็กและถี่ พระรัศมีขนาดใหญทรงกรวยแหลม พระโอษฐ เล็ก พระนาสิกใหญและมีสันพระนาสิก พระ หัตถคอนขางใหญไมสมสวนกับพระกร ขัดสมาธิ ราบ พระหัตถขวาวางเหนือพระชานุขวา สวน พระหัตถซายวางเหนือพระเพลา บริเวณผา สังฆาฏิรัดประคด และขอบจีวรมีการท�ำลวดลาย ปูนปนเปนลายพันธุพฤกษาประดับ กลางฝา พระบาทขวามีการท�ำเปนรูปธรรมจักร พุทธลักษณะเชนนี้เปนรูปแบบที่ถูกจัดเปนพระพุทธ รูปศิลปะลานชาง ที่เปนงานฝมือชางพื้นบาน อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๔
ที่นาสนใจคือ มีเรื่องเลาสืบตอกันมาวาพระพุทธนิมิตมงคล ซึ่งเปนพระพุทธรูปส�ำริดที่ประดิษฐานอยูภายในวัดศรีฐานปยาราม เปนพระพุทธรูปที่หลอขึ้นมาเพื่อจ�ำลองพระพุทธรูปประธานองคเกา ในสิมวัดศรีฐานปยารามเพื่อใชในการเสี่ยงทายและสรงน�้ำในวัน สงกรานต เนื่องจากมีการประดับลวดลายบนสังฆาฏิและชายจีวร เชนเดียวกับพระพุทธรูปประธานองคเกาภายในสิมวัดศรีฐานปยาราม (พระครูปริยัติพัชรกิจ, สัมภาษณ) ซึ่งสะทอนใหเห็นถึงความส�ำคัญ ของพระพุทธรูปประธานองคเกาภายในสิมวัดศรีฐานปยารามที่มีตอ ความศรัทธาของชาวบานได อีกประการหนึ่ง
ส�ำหรับพระพุทธนิมิตมงคลนั้น มี พุทธลักษณะพระพักตรรูปไข มีเสนขอบไร พระศก ขมวดพระเกศาเล็กและถี่ พระรัศมี เปลวเปนกลีบบัวงอนซอนกัน พระกรรณกาง พระขนงโกง พระเนตรเรียวเรียวเหลือบลงต�่ำ พระนาสิกและพระโอษฐเล็ก พระหัตถและนิ้ว พระหัตถใหญและปลายนิ้วพระหัตถเทากัน สังฆาฏิเปนแผนใหญ ยาวลงมาจรดพระนาภี มี ลวดลายพันธุพฤกษาประดับบนสังฆาฏิ และ ขอบจีวร ประทับนั่งบนฐานบัวงอนและมีผาทิพย ดานหน า และมีฐานไม แกะสลักรองรับอีกชั้นหนึ่ง สวนที่เปนฐานส�ำริดดานหลังมีจารึกอักษรธรรม จากการอานเบื้องตนของพระครูสุภัทรพัชรเขต เจาอาวาสวัดทากกแก อ�ำเภอหลมสัก พบวา จารึกขอมูลเกี่ยวกับการสร างเมื่อป พ.ศ. ๒๓๙๐ (พระครูสุภัทรพัชรเขต, สัมภาษณ) 90 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
พระประธานในสิมวัดโพธิ์ทอง พระประธานในสิมวัดโพธิ์ทองเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปาง มารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ ๑.๓๐ เมตร ประดิษฐานเป็น พระประธานอยูภายในสิมวัดโพธิ์ทอง บ้านน�้ ่ำครั่ง ต�ำบลวังบาล อ�ำเภอ หล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 91
พระประธานในสิมวัดโพธิ์ทองมีพุทธลักษณะพระพักตร คอนขางกลมใหญ พระกรรณใหญและกาง ไรพระศกโคงเล็กนอย พระขนงโกง ขมวดพระเกศาเล็กและถี่ พระรัศมีขนาดใหญทรงเปลว พระโอษฐเล็ก พระนาสิกเล็ก พระหัตถคอนขางใหญไมสมสวนกับ พระกร ขัดสมาธิราบ พระหัตถขวาวางเหนือพระชานุขวา สวนพระ หัตถซายวางเหนือพระเพลา บริเวณผ าสังฆาฏิ พระศอ รัดประคด และ ขอบจีวรมีการท�ำลวดลายปูนปนประดับ พุทธลักษณะเชนนี้เปนรูปแบบทางพุทธศิลปที่ใกลเคียงกับ พระพุทธรูปปูนปนที่ประทับนั่งบนฐานสิงหอยางมาก ในขณะเดียวกัน ฐานชุกชีที่ประดิษฐานพระประธานองคนี้ในปจจุบันก็มีการท�ำเปน ฐานสิงห การประดับดวยซุมหน ามุขและประตูหลอก ๓ ด าน เชนเดียว กับฐานพระประธานในวิหารวัดโพธิ์ทอง ซึ่งจากการศึกษาของมณฑล ประภากรเกียรติ (๒๕๕๖: ๑๕๕) พบวารูปแบบของขาสิงหมีนองสิงห ท�ำเปนวงโคงหยักเชนเดียวกันขาสิงหวัดพระศรีสรรเพชญ จังหวัด พระนครศรีอยุธยาในสมัยอยุธยาตอนกลาง และเปนรูปแบบเดียวกับ
ขาสิงหในศิลปะลานช างที่พบตัวอยางที่ขาสิงหของธาตุทรงบัวเหลี่ยม ภายในถ�้ำสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวล�ำภู ราวตนพุทธศตวรรษที่ ๒๓ และยังคงนิยมอยางตอเนื่องในขาสิงหประดับฐานธาตุหรือการท�ำลาย ฉลุฐานพระพุทธรูปหลายองค สวนแขงสิงหที่เพรียวนั้นเปนลักษณะ แขงสิงหสมัยอยุธยาตอนปลายจนถึงสมัยรัตนโกสินทรตอนตน สวน แนวนอนเหนือทองสิงหคือหลังสิงหคลี่คลายเปนสันที่เอนลาดจนเปน บัวคว�่ำ แตบัวคว�่ำดังกลาวดังกลาวมีลักษณะตวัดปลายขึ้นหรือที่ เรียกวา “บัวงอน” อันเปนเอกลักษณในศิลปะลานชาง รูปแบบ ที่คลี่คลายของขาสิงหที่เพรียวเล็กและหลังสิงหแบบลาดเอนเชนนี้ นาจะมีอายุหลังจากสมัยอยุธยาตอนปลายแลว และอาจรวมสมัยกับ กรุงรัตนโกสินทรตอนตน หรือราวพุทธศตวรรษที่ ๒๔ แตอยางไรก็ดี เนื่องจากไมปรากฏหลักฐานชัดเจนวาเปน ฐานเดิมหรือฐานใหมที่ท�ำขึ้นพรอมการสรางสิมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖ ใน เบื้องตนผูเขียนจึงจัดเปนกลุมพระพุทธรูปที่มีการประดับลวดลาย บนสังฆาฏิและจีวร พระประธานในสิมวัดโพธิ์ทองจึงนาจะมีอายุราว พุทธศตวรรษที่ ๒๔ รวมสมัยกับพระประธานในวิหารวัดโพธิ์ทอง
บทส่งท้าย จากการส�ำรวจพระพุทธรูปโบราณ ในเขตเมืองหล่มสักพบว่า มีพระพุทธรูปที่สร้าง ด้วยวัสดุปูนปั้นประดับลวดลายที่งดงามบนผ้า สังฆาฏิ ผ้าจีวรและรัดประคด จ�ำนวน ๓ องค์ ได้แก พระเจ้าใหญ ่ หลักค� ่ำ วัดศรีภูมิ พระประธาน องคเก์ าในสิมวัดศรีฐานป ่ ยาราม และพระประธาน ิ ในสิมวัดโพธิ์ทอง ซึ่งพระพุทธรูปแต่ละองค์จะ มีพุทธลักษณะแตกต่างกันออกไปตามฝีมือช่าง แต่พระพุทธรูปทุกองค์จะมีรูปแบบพุทธศิลป์ ร่วมกันคือมีการประดับตกแต่งลวดลายบนผ้า สังฆาฏิ จีวร และรัดประคด พระพุทธรูปปูนป้นั ที่มีลวดลายประดับตามผ้าสังฆาฏิ จีวร และรัด ประคด ก�ำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๔ พระพุทธรูปกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มพระพุทธรูปปูน ป้นที่น ั าสนใจอีกกลุ ่ มหนึ่ง เนื่องจากพระพุทธรูป ่ ที่มีพุทธลักษณะเช่นนี้ส่วนใหญ่พบเฉพาะใน เขตเมืองหลมสัก และชุมชนโบราณในลุ ่มแม่ น�้ ่ำ เลยและลุมแม่ น�้ ่ำโขงในท้องที่จังหวัดเลยเทานั้น ่ (ดู ธีระวัฒน์ แสนค�ำ, ๒๕๖๑: ๖-๒๙) 94 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ
อย่างไรก็ดี ในการเก็บข้อมูลพระพุทธรูปปูนป้นที่มีลวดลายประดับตามผ้าสังฆาฏิ ั จีวร และรัดประคด ในเขตเมืองหล่มสักยังมี ข้อจ�ำกัดหลายอยาง พระพุทธรูปบางองค ่ อาจได้ ์ รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยฝีมือช่างพื้นบ้านใน ยุคหลัง ท�ำให้ลักษณะทางพุทธศิลปอาจมีความ ์ แตกตางไปจากลักษณะทางพุทธศิลป ่ของพระ- ์ พุทธรูปที่สร้างขึ้นร่วมสมัยในเมืองหล่มสัก ซึ่ง สวนใหญ ่พบว่ าพระพุทธรูปปูนป ่ ้นที่ก� ัำหนดอายุ ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๓/๒๔ ในเขตเมืองหลมสัก ่ จะไมมีการประดับลวดลายปูนป ่ ั้น แต่ส่วนใหญ่ จะนิยมสร้างประดิษฐานบนฐานขาสิงห ประดับ ์ ด้วยซุ้มหน้ามุขและประตูหลอก ๓ ด้าน ใน ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถสืบค้นประวัติความ เป็นมาของพระพุทธรูปได้ชัดเจน เนื่องจากเปน็ พระพุทธรูปที่มีความเก่าแก่ มีอายุการสร้างมา ช้านาน รวมไปถึงความขาดแคลนของเอกสาร หลักฐานประวัติศาสตร ข้อมูลทางด้านโบราณคดี ์ และความชัดเจนทางด้านศิลปกรรม จึงท�ำให้ ข้อมูลที่น�ำเสนอในบทความนี้ เป็นเพียงข้อมูล และข้อสันนิษฐานเบื้องต้น ควรที่จะได้รับการ ศึกษาวิเคราะห์ทางด้านพุทธศิลป์อย่างลุ่มลึก ต่อไป วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 95
96 ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ บรรณานุกรม ธีระวัฒน แสนค�ำ. (๒๕๕๖). “เมืองหลมสัก: ชุมชนโบราณวัฒนธรรม ลานช างที่ถูกลืม”. ใน ไพโรจน ไชยเมืองชื่น และภูเดช แสนสา (บรรณาธิการ).หมุดหมายประวัติศาสตรลานนา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพตะวันออก. ธีระวัฒน แสนค�ำ. (๒๕๖๑). พระพุทธรูปส�ำคัญในจังหวัดเลย. เลย: ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย. ประภัสสร ชูวิเชียร. (๒๕๕๗). ศิลปะลาว. กรุงเทพฯ: มติชน. มณฑล ประภากรเกียรติ. (๒๕๕๖). ศิลปกรรมสะทอนความเปน ชุมชนลาวในเขตอ�ำเภอหลมสัก และอ�ำเภอหลมเกาจังหวัด เพชรบูรณ. วิทยานิพนธปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตรศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร. วรลัญจก บุณยสุรัตน. (๒๕๕๕). ชื่นชมสถาปตย วัดในหลวงพระบาง. กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ. วัฒนชัย หมั่นยิ่ง. (๒๕๕๔). “ภาษาถิ่นของอ�ำเภอหลมสัก”. ใน ศิลป วัฒนธรรมเพชบุระ. ปที่ ๑ ฉบับที่ ๑. ศักดิ์ชัย สายสิงห. (๒๕๕๖). พระพุทธรูปในประเทศไทย: รูปแบบ พัฒนาการ และความเชื่อของคนไทย. กรุงเทพฯ: ภาควิชา ประวัติศาสตรศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. เอนก นาวิกมูล และธงชัย ลิขิตพรสวรรค. (๒๕๖๕). สมุดภาพ เพชรบูรณ. เพชรบูรณ: จังหวัดเพชรบูรณ.
วารสารศิลปวัฒนธรรมเพชบุระ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๐ 97 สัมภาษณ พระครูปริยัติพัชรกิจ. (สัมภาษณ). เจาอาวาสวัดศรีฐานปยาราม ต� ำบล วังบาล อ�ำเภอหลมเกา จังหวัดเพชรบูรณ, สัมภาษณวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๖. พระครูสิริพัชรากร. (สัมภาษณ). เจาอาวาสวัดศรีภูมิ ต�ำบลบานติ้ว อ�ำเภอหลมสัก จังหวัดเพชรบูรณ, สัมภาษณวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๑. พระครูสุภัทรพัชรเขต. (สัมภาษณ). เจาอาวาสวัดทากกแก ต�ำบล ตาลเดี่ยว อ�ำเภอหลมสัก จังหวัดเพชรบูรณ, สัมภาษณวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๖.
วารสารศิลปวัฒนธรรม โดย ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ เพชบุระ