ด.ช. ณัฏฐกิตติ์ ดำรอด เลขที่ ๗ ม.๑.๑๑
ด.ช.ธีรนรุตม์ อินทรสุข เลขที่ ๑๑ ม.๑.๑๑
เสนอ
คุณครู พิชญ์สินี รอดชู
สารบัญ สารบัญ หน้า
ชื่อ ๑
๒
บ้านริมคลอง ๓
กะทะกับตะหลิว ๔
ปิ่ นโต ๕
กะละมังกับไม้หนีบผ้า ๖
เรืออีเเปะ ๗
ศาลาริมน้ำ ๘
โอ่งเเละอ่าง ๙
ก ร ะ ต่ า ย ขู ด ม ะ พ ร้ า ว
ไม้ขัดหม้อ ๑๐
ก ร ะ ถ า ง ธู ป ๑๑
๑๒
บ้านชายทะเล ๑๓
ห า ง น ก ยู ง ๑๔
ปู ล ม
๑๕
ผักบุ้งทะเล ๑๖
เ เ ม ง ก ร ะ พ รุ น ๑๗
ลั่ น ท ม ๑๘
ปึ่ ง
ต้ น ส น
จั ก จั่ น
พยับหมอก
บ้านกลางเมือง ๑๙
พวงกุญเเจ ๒๐
๒๑
ลิ้ น ชั ก ๒๒
ก ร ะ เ ป๋ า เ ดิ น ท า ง ๒๓
กระจกเงา ๒๔
ดิ น ส อ สี ๒๕
ชิงช้า
ตู้ ไ ป ร ษ ณี ย์ ๒๖
บ้านทรงไทย
บ้านริมคลอง
๑
ก ร ะ ท ะ กั บ ต ะ ห ลิ ว
เสียงกระทะกับตะหลิว ปลุกกะทิให้ตื่นจากที่นอน กะทิ
ไม่เคยใช้เวลาในการอาบน้ำ ตาจึงล้อกะทิว่าวิ่งผ่านน้ำ
บ่อยๆ กะทิเดินไปตักข้าวใส่ขันเพื่อไปตักบาตร ไม่นาน
เสียงพายกระทบน้ำก็ดังขึ้น พร้อมกับที่หัวเรือพ้นคุ้งน้ำ
ออกมาให้เห็น สีจีวรของหลวงลุงเพิ่มความสดใสให้
บรรยากาศ หลังจากที่กะทิตักบาตรเสร็จก็ได้รับประทาน
อาหารเช้า
๒
ปิ่ นโต
ปิ่ นโตเป็นของรักของกะทิ ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และยายรู้
ขนาดกระเพาะของกะทิ ยายไม่อยากเห็นของเหลือกลับมาบูด
เสีย จึงจัดข้าวให้กินอิ่มพอดี ตาเลยเรียกปิ่ นโตว่า อาหารมือถือ
เพราะสะดวกพกพา จากนั้นตาขี่จักรยานพากะทิไปรอขึ้นรถ เมื่อ
ถึงโรงเรียนเด็กๆเอาปิ่ นโตไปวางเรียงในโรงอาหารก่อนเอา
กระเป๋าหนังสือไปเก็บในห้องเรียน เมื่อถึงตอนเที่ยงเสียงกริ่ง
สัญญาณพักเที่ยงดังก้องกังวาน กะทิวิ่งแข่งลงบันไดมากับเพื่อนๆ
สวนกับพี่ทองที่หน้าห้องพักครู พี่ทองยิ้มให้ก่อนที่จะแยกตัวกลับ
ไปวัด ตอนเย็นเมื่อกลับถึงบ้าน กะลิล้างปิ่ นโตและวางคว่ำไว้ที่อ่าง
ในครัว ค่ำๆค่อยมาเช็ดให้สะอาดอีกที
๓
ก ะ ล ะ มั ง กั บ ไ ม้ ห นี บ ผ้ า
กะละมังบอกให้รู้ว่ายายอยู่ตรงส่วนไหนของบ้าน กะทิมีหน้าที่
เก็บผ้าจากราวใส่กะละมังให้ยาย ทำมาตั้งแต่เอื้อมมือไม่ถึงไม้
หนีบผ้าบนราว ที่จริงไม้หนีบผ้าเมื่อตอนซื้อมาก็เป็นไม้หนีบผ้าทำ
จากเนื้อไม้ธรรมดา กะทิเองที่เอามาลงสีเทียน สีไม้ สีน้ำบ้าง ตาม
ถนัดในแต่ละวัย ในห้องอเนกประสงค์ของยาย จะมีกะละมังวาง
เข้าแถวไว้ กะทิต้องแยกผ้าที่เก็บมาใส่ลงกะละมัง เสื้อผ้าของตา
ของยาย ของกะทิเอง แยกคนละใบ เสียงฝนสาดซ่ากระทบหลังคา
ชวนฟังมากขึ้นเมื่อมีเสียงเปราะแปะกระทบกะละมังที่ใครคงเผลอ
ลืมไว้นอกชายคาแทรกผสมเข้ามา กะทินอนฟังเพลิน แต่จะสะดุ้ง
เมื่่อเสียงครั่นครื้นของฟ้าเสียงสายฟ้าฟาดเหมือนตามมาด้วยเสียง
คนกรีดร้องปานใจสลายทุกครั้ง
๔
เ รื อ อี เ เ ป ะ
ตาหาซื้ อเรืออีแปะมาไว้พายเที่ยวเล่นในทุ่งหญ้าหน้าน้ำ
ตาบอกว่าเป็น การปลีกวิเวก พ้นจากมลพิษทาง
เสียง(ของยาย) กะทิกับตาไปกันสองคน ออกเดินทางตอน
สายๆ ตาพายเรือสบายๆผ่านมาในคลองที่สองข้างทางมี
ผลให้เห็น เช่น มะม่วง ชมพู่ ต้นโสน ที่ชอบขึ้นริมน้ำบ้าง
ตาไม่หยุดแวะพักแต่ร้องทักทายทุกคนที่เห็น ลุงสนกำลัง
ทอดแหอยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้าน ท่าทางจะได้ปลา-ตะเพียน
ห ล า ย ตั ว ต า บ อ ก ว่ า ข า ก ลั บ จ ะ แ ว ะ ข อ ปั น ไ ป ใ ห้ ย า ย แ ช่
น้ำ ป ล า ท อ ด เ ป็ น อ า ห า ร เ ย็ น ใ ห้ ก ะ ทิ เ ม่ อ เ รื อ พ้ น จ า ก ค ล อ ง ร่ ม
ค รึ้ ม สู่ ทุ่ ง ก ว้ า ง สุ ด ส า ย ต า น้ำ ป ริ่ ม ต้ อ ง ล ม อ่ อ น เ ป็ น ริ้ ว ร ะ ล อ ก
น้อยๆทุ่งนาสีเขียวสดเห็นอยู่ไกลๆ ตาลอยเรือกลางทุ่งเเล้ว
ถอนสายบัว บางที่ก็จะมีกระจับลอยขึ้นเป็นเเพ ตาก็จะเก็บ
ไ ว้ ไ ป ต้ ม ที่ บ้ า น
๕
ศาลาริมน้ำ
จุ ด ห ม า ย ที่ ต า เ ลื อ ก คื อ ศ า ล า ริ ม น้ำ ใ ต้ ต้ น ก้ า ม ปู ใ ห ญ่ เ ป็ น จุ ด
พักทุกครั้งของการเที่ยวทุ่ง แสงแดดอ่อนลอดผ่านกิ่งก้าน-
ใบเเละตกกระทบลงบนพื้ นที่เตี้ยๆที่ตาเอาผ้าขาวม้าปักพอ
เป็น พิธีและปูรองนั่ง ยังไม่ทันจะหนังตาเริ่มหย่อนก็มีเสียง
เรียกร้องดังมาไกลๆ ผู้ใหญ่บ้านพาลูกบ้านมาหาตาทุกคน
เกรงใจตาแต่ตาเป็นที่พึ่งของหลายคนในยามยาก ตาเรียน
จากเมืองนอก เป็นนักกฎหมายเเละเป็นที่ยอมรับทั่วบ้าน
ทั่วเมือง ทำเงินเป็นถุงเป็นถัง หากไม่ได้ตา ชาวบ้านคงถูก
เอาเปรียบ ด้านหลังศาลาเป็นบันไดทอดลงน้ำกะทินั่งห้อย
ขาเอาเท้าแช่น้ำเล่น พี่ทองไม่เคยอยู่นิ่งมักมีของเล่นที่ทำ
จากกาบมะพร้างเเล้วเอาใบไม้เสียบ เเล้วลอยเเข่งกัน พอ
เหนื่ อยเเล้วกะทิกับพี่ทองก็นั่งพัก นานทีเดียวกว่าคณะจะ
จากไป เดินเข้าไปในศาลาตากำลังพับจดหมายใส่ซอง มาที่
กะทิดูเหนื่ อยล้าและโรยแรงที่ผ่านแดด ผ่านฝน ผ่านโลก
ม า น า น จ น อ า บ อิ่ ม ด้ ว ย อ ดี ต แ บ บ ไ ม่ ป ร า ร ถ น า ใ ด ใ น อ น า ค ต
อี ก แ ล้ ว
๖
โ อ่ ง เ เ ล ะ อ่ า ง
กะทิมีหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านไม่รู้เบื่ อ คือ หนังสือที่มีชื่ อว่า
บ้านที่มีพ่อหกสิบคนเป็นเรื่ องที่เกี่ยวกับเด็กหนึ่งคนเเละ
หมูอีกหนึ่งตัวในสงครามจีน จนได้ไปพบกับทหารอเมริกา
หกสิบคนกะทิชอบเรื่ องนี้มากให้ตาเล่าให้ฟังหลายรอบ
แ ล้ ว ก ะ ทิ ก็ ช อ บ เ รี ย ก บ้ า น ริ ม ค ล อ ง ว่ า บ้ า น ที่ มี โ อ่ ง สิ บ เ จ็ ด ใ บ
แต่ละใบก็มีประโยชน์แตกต่างกันไป เช่น ใส่น้ำกิน น้ำใช้
น้ำดื่ ม ฯลฯแต่เมื่ อหมดหน้าฝนเมื่ อไรละก้อ จะต้องล้าง
โ อ่ ง เ ป็ น ก า ร ใ ห ญ่ ก่ อ น จ ะ ปิ ด ไ ว้ ร อ ห น้ า ฝ น ปี ห น้ า
๗
ก ร ะ ต่ า ย ขู ด ม ะ พ ร้ า ว
เมื่อตอนสายยายทำแกงหมูเทโพไปถวายเพลเนื่องในวันขึ้นปี-
ใหม่ ยายให้พี่ทองนำหม้อส่งคืนที่บ้านพอดีกับที่ยายกำลังหาคน
ช่วยขูดมะพร้าวเพื่อทำขนมต้มขาวและแกงบวด พี่ทองทำงานนี้
อย่างชำนาญ กะทิคิดว่าฟันของพี่ทองกับฟันของกระต่ายจะมี
อะไรคล้ายกันอยู่ หลังจากมื้อค่ำกะทิเเละคนอื่นมายืนชมจันทร์
ที่ระเบียง ตาพูดว่าอยู่ที่ไหนก็มองพระจันทร์ดวงเดียวกัน
กะทิรู้ได้ทันทีว่าเป็นคนที่กะทิคิดถึงอยู่ทุกวัน
๘
ไม้ขัดหม้อ
ตาเรียกไม้ขัดหม้อของยายว่าไม้ขัดใจเพราะยายขัดใจตาที่ไม่ยอม
หุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า ตาส่งเสียงถามว่ากลัวคนไม่เห็นว่าเป็นชาว
บ้านหรือไง ตารู้สึกขัดใจที่ยายชอบทำให้ตัวเองลำบาก
ยายกลัวตัวเองว่างจะมีงานน้อยใหญ่ กะทิมีขนมกินอิ่มท้องเมื่อกลับ
จากโรงเรียนทุกวัน กะทิไม่ห่วงเรื่องสอบแต่อยากให้เสร็จเร็วๆเพราะ
มีกิจกรรมรออยู่บางทีกะทิไปส่องนกกับพี่ทองพอเห็นนกพี่ทอง
จะร่างเป็นภาพเก็บไว้แล้วเอาไปเทียบดูในตำราว่าเป็นนกอะไร
หม้อข้าวเดือดอยู่บนเตา กะทิหาไม้ขัดหม้อเพื่อเอามาเช็ดน้ำข้าว
ยายเดินมาและมองไปรอบรอบห้องครัวปากก็บ่นหาไม้ขัดหม้อ
กะทิทำหน้างงเพราะยายถือไม้ขัดหม้ออยู่ในมือแต่บนว่าหาไม่เจอ
หมู่นี้ยายดูใจลอยเหมือนมีเรื่องหนักใจให้คิดมาก
๙
ก ร ะ ถ า ง ธู ป
ห้องพระเป็นอีกห้องหนึ่งที่ยายใช้เวลาในแต่ละวันรองจากห้องครัว
กะทิเก็บดอกมะลิมาเสียบทางมะพร้าวและจะใส่แจกันเข้าไปใน
ห้องพระ ที่สะดุดตาคือกระถางธูปใหญ่หน้าโต๊ะหมู่ ยายชอบจุดธูป
กะทิไม่ชอบกลิ่นชวนเวียนหัวของธูปเเต่ชอบเปลวเทียนที่ดูนิ่งสนิท
ในกระถางธูปบรรจุเนื้อทรายละเอียดสีขาวกะทินึกไม่ออกว่ายายไป
ได้ทรายขาวๆมาจากไหน ถ้ามีการยกกระถางธูปออกไปเพื่อเปลี่ยน
ทรายใหม่ยายมักเรียกแรงงานทีหาได้มาช่วยเเละส่วนมากการ
ทำความสะอาดจะเกิดขึ้นใกล้ๆวันสงกรานต์ หลวงลุงเทศน์ว่าถ้าใจ
คนเหมือนทรายในกระถางธูปที่เทเปลี่ยนใหม่ได้ก็คงได้ก็คงดีไม่น้อย
ความคิดของกะทิสะดุดเมื่อยายก้มลงกราบพระแล้วหันมามองกะทิ
เป็นภาพที่แม้วันคืนจะผ่านไปกะทิคงจะจำได้ไม่ลืมภาพของยายที่มี
เสียงประกอบว่า “อยากไปหาเเม่ไหม”
บ้านชายทะเล
๑๐
ห า ง น ก ยู ง
ตาเดินเข้ามาในห้องพระแล้วบอกกะทิว่าแม่ป่วยหนัก
ไปรักษามาหลายแห่งแล้วก็ไม่หาย น้าฎาเป็นคนขับรถมารับ
กะทิ ต่เเละยาย ตาให้กะทิตัดสินใจเองว่าจะไปหาแม่หรือไม่ไป
รถแล่นมาบนถนนสายใหญ่ กะทิเผลอหลับไป และลืมตาตื่นมา
พบกับสีแดงของดอกหางนกยูง น้าฎาพูดโทรศัพท์มือ-ถือเป็น
ระยะ กะทิฟังแล้วรู้ว่าอีกไม่ไกลกะทิก็จะเจอแม่ น้าฎาจอดรถที่
ศาลาริมทางเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น น้าฎาพูดว่า จะไปกัน-
เดี๋ยวนี้เลย กะทิก้มลงเก็บส่วนของหางนกยูงจากพื้น ดอกสีแดง
ยังพอมีกลีบสวยงามให้เห็น กะทิจะเอาไปฝากแม่เมื่อรถจอด
หน้าบ้านหลังเล็กสีขาวสะอาดตา กะทิเปิดประตูรถเเล้วไป
หาเเม่เเละแม่พรมจูบกะทิซ้ำแล้วซ้ำอีก
๑๑
ปู ล ม
กะทิเข้าใจมาตลอดว่าหาดทรายจะเป็นเนื้ อทรายขาวเรียบ
แผ่ทอดยาวจนสุดสายตา พอมาเห็นกับตาตัวเองจึงรู้ว่ามี
รายละเอียดมากกว่านั้น เมื่ อมองจากระเบียงบ้านจะเห็น
แอ่งน้ำเล็กๆ มีรอยเท้าม้าเป็นทางยาวๆส่วนใหญ่จะอยู่ริม
ชายน้ำคนจูงม้าก็ทิ้งรอยเท้าไว้เหมือนกัน บนเนื้ อทรายยังมี
ร อ ย ป ร ะ ห ล า ด ก ะ ทิ ม า นั่ ง คิ ด ดู อ ย่ า ง เ พ ลิ น ต า เ ป็ น ท ร า ย เ ม็ ด
นิดๆที่เหมือนปั้ นเล่นแล้วมาโปรยไว้กลายเป็นลวดลาย
ป ร ะ ห ล า ด น้ า กั น ต์ บ อ ก ว่ า เ ป็ น ฝี มื อ ข อ ง ปู ล ม เ ว ล า มั น ขุ ด รู จ ะ
เขียทรายทิ้งเป้นเม็ดสงสัยแต่ว่ามันวิ่งเร็วปานสายลมสมชื่ อ
ไ ห ม น ะ น้ า กั น ต์ ไ ม่ ค อ ย พู ด แ ต่ ก ะ ทิ ก ลั บ รู้ สึ ก เ ห มื อ น น้ า กั น ต์
บ อ ก เ ล่ า ใ ห้ ก ะ ทิ รู้ แ ล ะ เ ข้ า ใ จ อ ะ ไ ร ม า ก ม า ย
๑๒
ผักบุ้งทะเล
เสียงลุงตองดังมาจากครัวเรือนใหญ่ ทุกคนย้ายมาอยู่ที่เรือน
หลังนี้เพราะมีโอกาสที่เเม่จะติดเชื้ อได้ง่ายน้าฎาเล่าให้ตาฟังว่า
แ ม่ ข อ ง ก ะ ทิ มี บุ ญ คุ ณ กั บ เ จ้ า ข อ ง ม า ก ช่ ว ย ไ ม่ ใ ห้ ถู ก ฟ้ อ ง ล้ ม ล ะ ล า ย
เมื่ อรู้ว่าเเม่หาที่พักรักษาตัวจึงยกให้แม่อยู่ตามสบาย กะทิกับน้า
กันต์ก้าวเข้าไปในครัว น้ากันต์ถามว่าใครจะรวบอะไรใคร แทน
คำตอบน้าฎาเดินสวนออกไปดื้ อๆ ลุงตองทำเสียงดังว่าน้ากันต์
และให้ไปช่วยน้าฎาจัดโต๊ะอาหาร ดอกไม้เล็กๆสีม่วงที่ขึ้นแซม
บนเถายาวๆในมือลุงตอง กระทินึกได้ว่าเป็นผักบุ้งทะเลเพราะ
เห็นขึ้นอยู่บนชายหาดข้างรั้วหน้าบ้าน ลุงตองไม่ได้เก็บมาทำ
สมุนไพรแต่เอามาจัดแต่งโต๊ะ ลุงทองร้องทักกะทิยายเดินเข้ามา
ไ ด้ ยิ น พ อ ดี จึ ง ส่ ง ส า ย ต า ใ ห้ ก ะ ทิ เ ลี่ ย ง อ อ ก ม า แ ล ะ ไ ป อ า บ น้ำ แ ต่ ง
ตัวแล้วไปหาแม่ แม่ของกะทิยังหลับอยู่ คืนนั้นสนุกสนานมาก
เป็นพิเศษเพราะมีทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาหัวข้อสนทนาที่
โต๊ะอาหารเป็นเรื่ องเกมโชว์ที่กำลังได้รับความนิยม
แ ม่ ข อ ง ก ะ ทิ ช ว น ทุ ก ค น ล ง ขั น เ ข้ า หุ้ น แ ล ะ ม อ บ ห ม า ย ใ ห้ นั ก ก า ร
ออกหน้า แม่ของกะทิแหงนหน้ามองดวงจันทร์และบอกกับกะทิ
ว่าอีกไม่นานแม่จะไปอยู่บนนั้นและคอยเฝ้าดูตลอดไป วิธีนั่งอยู่
เป็นเพื่ อนแม่เงียบๆพี่อ้อยพยาบาลของแม่เอาผ้าคลุมไหล่มาให้
ก็ทิ้งลูกออกมาตั้งใจจะไปริมน้ำดื่ มแต่ภาพที่เห็นคือน้าฎากอด
ยายร้องไห้จนตัวสั่นน้ำตาอาบแก้มลุงตอง น้ากันกับตายืนหัน
หลัง กะทิเห็นผักบุ้งทะเลบนหลังตู้เย็นสลดเหี่ยว ใครคง
ลืม เติมน้ำในเเจกันตอนยกมาตั้งไว้
๑๓
เ เ ม ง ก ร ะ พ รุ น
กะทินอนหงายลอยคอในทะเล ดวงอาทิตย์สีส้มเพึ่งโผล่พ้น
ขอบฟ้า ที่จริงกะทิชอบลงเล่นน้ำตอนเย็นเพราะคลื่ นจะชัดเข้า
หน้า เเต่น้าฎาไม่ชอบ เเม่ของกะทิไม่ยอมให้กะทิลงเล่นคนเดียว
กะทิจึงเดินตามน้าฎาไป มอร์นิ่งสวม ตามที่ตาชอบเรียกเป็น
ภาษาอังกฤษ กะทิมองบ้านหลังน้อยสีขาวตั้งอยู่บนเนินสูงมีตัว
เตี้ยและมีเขื่ อนหินทำหน้าที่ป้องกันน้ำทะเลกับเซาะและมีผนัง
ฉ า บ ปู น สี ข า ว เ ห มื อ น บ้ า น ริ ม ท ะ เ ล ที่ ก รี ซ ที่ ก ะ ทิ ไ ด้ ยิ น ลุ ง ต อ ง พู ด
น้ำ สู ง ถึ ง เ อ ว น้ า ฎ า แ ต่ น้ า ฎ า ยั ง ไ ม่ ย อ ม ว่ า ย ไ ด้ เ เ ต่ เ ดิ น ลุ ย น้ำ เ ล่ น น้ า
ฎาบอกกะทิว่าต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีเเมงกระพรุน กะทิชอบ
แมงกะพรุน เมื่ อขึ้นจากทะเลเเล้วอาบน้ำแต่งตัวแล้วกะทิไปบอก
แม่ว่าชอบดูแมงกะพรุนลอยมากับคลื่ นในทะเลเเม่ของกะทิก็
ชอบ มองดูเหมือนร่มชูชีพกลางฟ้า กะทินึกไม่ออกแม่จึงหาใน
อินเทอร์เน็ตให้กะทิดู คอมพิวเตอร์แม่ของกะทิสามารถสั่งงาน
ด้วยเสียงได้ น้ากันต์บอกว่าแม่เตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนจะใช้มือ
ทำงานไม่ได้ แม่ของกะทิถือหนังสืออ่านไม่ได้ก็จะใช้วิธีฟังจาก
เทปแทน แม่ของกะทิชอบมากที่สุดคือการดูภาพถ่ายในอัลบั้ม
ด้ ว ย กั น เ ป็ น รู ป ก ะ ทิ ค น เ ดี ย ว เ กื อ บ ทั้ ง ห ม ด แ ล ะ เ ป็ น ฝี มื อ ต า ล้ ว น
ล้วน กะทิเล่าให้แม่ฟังไปเรื่ อยๆบางทีแม่ก็จะขัดการบรรยายและ
ตั้งคำถาม ตอนเก็บอัลบัมใส่ลิ้นชักกะิเห็นกล่อยอยู่
ใต้โต๊ะ กะทิดูเเต่ข้างในมีอัลบัมที่กะทิไม่เคยเห็น
ก ะ ทิ ห ยิ บ ขึ้ น ม า เ เ ล ะ ช ว น เ เ ม่ ดู รู ป ข้ า ง ใ น เ เ ม่ ลั ง เ ล เ เ ต่
เ เ ม่ ใ ห้ ก ะ ทิ นั่ ง บ น เ ตี ย ง เ เ ล ะ ว า ง อั ล บั ม ล ง บ น ตั ก
๑๔
ลั่ น ท ม
กะทิเกิดหลังเที่ยงคืนเลยเป็นวันเเห่งความรักพอดี ตาตั้งชื่ อ
ให้กะทิว่า ณกมล ตอนนั้นตากับยายยังไม่ได้ย้ายไปอยู่
บ้านริมคลอง ทุกคนเห่อกะทิมาก ห้องพักของเเม่หันหน้าไป
ทะเล ผนังด้านข้างเป็นบานหน้าต่าง มองออกไปเห็นลั่นทม
ต้นใหญ่ ยายไม่ชอบเพราะคนโบราณถือ เเม่พึ่งย้ายเข้ามา
ทำงานที่กรุงเทพ อาศัยอยู่ที่คอนโดกับกะทิ เเม่เว้นจังหวะไป
อมท่อยาวๆที่เชื่ อมกับเครื่ องไบเเพพ โรคเอเเอลเอสทำให้
กล้ามเนื้ อออ่นเเรงเเละใช้งานไม่ได้ในที่สุด ตากับยายย้าย
ไปอยู่บ้านริมคลองเเล้ว เเม่รู้ว่านั้นคือความฝันของตาที่จะใช้
ชีวิตหลังเกษียณเเบบชาวบ้าน หลายครั้งมากที่เเม่ทำกะทิเจ็บ
ตัว เเม่ลางานไปอยู่กับตายายเพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบาย
เ เ ม่ พ า ก ะ ทิ ล ง เ รื อ ไ ป เ ที่ ย ว ใ น ค ล อ ง เ เ ล ะ ถึ ง ศ า ล า อ ย่ า ง ป ล อ ด ภั ย
จ า ก นั้ น ฝ น ก็ ต ก เ เ ม่ ตั ด สิ น ใ จ ว่ า จ ะ ร อ ใ ห้ ฝ น ห ยุ ด ต ก เ เ ล้ ว ค่ อ ย
กลับบ้าน เมื่ อลงเรือลมพัดเเรงขึ้น เรืออยู่ไม่นิ่ง เเม่วางกะทิ
ไว้ในเรือ เเม่ก้าวไปเเก้ปมเรือเเต่เชือกดันหลุดจากมือ เเล้ว
เรือก็ลอยไปตามทางน้ำโดยที่มีกะทินั่งอยู่คนเดียว แม่บอกให้
กะทินั่งนิ่งๆ กลัวเรือล่ม แม่สวดมนต์อธิษฐานบนบานกับสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์ ว่าจะไม่เเตะต้องกะทิอีกเลย
๑๕
ปึ่ ง
กะทิชอบนั่งเล่นทรายเเต่ที่ไม่ชอบคือตัวปึ่ งที่กัดเเบบไม่รู้ตัว
เเม่เล่าให้กะทิฟังว่าคนที่มาช่วยกะทิคือพี่ทอง เเม่เล่าให้กะทิ
ฟังต่อว่า ไม่นานหลายคนในละเวกพายเรือมาตามหาเเม่กับ
กะทิ พอฟ้าสางเเม่ก็เก็บกระเป๋าเเละไปจากบ้านริมคองเเละ
ไม่กลับมาอีก กะทิรู้สึกคันๆหัวใจเลยหันไปหาน้ากันต์เเละหัน
ไปยืมโทรศัพท์ เช้าวันถัดมาพี่ทองส่งกระดาษให้กะทิเเละ
บอกว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของหลวงลุง พี่ทองเป็นคนรับ จะ
โทรมาตอนไหนก็ได้ จากนั้นกะทิก็ไดโทรหาเเม่
๑๖
ต้ น ส น
เเม่ของกะทิไข้สูงมาหลายวันเเล้ว หมออย่ากให้เเม่เข้าพักที่
โรงพยาบาล วันก่อนลุงตองพากะทิไปเที่ยวที่เขาตะเกียบ มี
บริการให้ขี่ช้างด้วย เเม่พยายามหลีกเลี่ยงการใช้เครื่ อช่วย-
หายใจ ทุกคนรักเเม่ก็ต้องยอมทำตาม ทุกคนปรึกษาหลาย-
ครั้ง การขับรถเล่นได้หยุดที่สวนสน ที่จริง การประชุมไม่-
เ ป็ น อ ย่ า ง ที่ ค ว ร ว่ า ก ล า ย เ ป็ น ก ลุ่ ม บำ บั ด ค ว า ม เ ศ ร้ า ม า ก ก ว่ า
เเม่เหมือนเเสงที่ริบหรี่ คืนน้ั นกะทิตื่ นมากลางดึกเพราะคำ
พู ด ข อ ง เ เ ม่ ต อ น นั่ ง ดู พ ร ะ อ า ทิ ต ย์ ต ก ดิ น เ เ ม่ พู ด ล อ ย ๆ ว่ า
"ไม่อยากให้ฟ้ามืดเลย"
๑๗
จั ก จั่ น
เเม่ของกะทิมีอาการโคม่าอยู่หลายวันก่อนจะจากไปอย่างไป
อย่างสงบ น้าดาออกจากห้องเป็นคนเเรก เเม่ของกะทิบริจาก
ร่างกายให้โรงพยาบาล พีธีสวดจึงมีเเค่สามวัน ตาเลือกวัดบน
เขา ตาเกรงใจเเขกทุกคนที่มาเพราะเดินทางมาไกล เเม่ของกะทิ
สั่งเสียไว้ว่า ขอให้เป็นเหมือนงานชุมนุมระลึกความหลัง น้ากันต์
อยู่กับกะทิตลอด ทั้งสองคนไม่มีหน้าที่ในงานจึงมักจูงมือเดิน
ออกมานั่งที่ม้าหินใต้เฟื่ องฟ้า ฟังเสียงธรรมชาติที่มีต้นเสียงจาก
จิ้งหรีด กว่าเเขกคนสุดท้่ยจะกลับบ้าน เเสงจากตะเกียงก็เหลือ
น้อยเต็มที ตายกับยายลงไปบ้านพักเเล้ว กะทิจูงมือน้าฎาเดิน
ออกมาพร้อมน้ากันต์ เเล้ววางมือน้าฎาลงในอุ้งมือของน้ากันต์
เเม่ของกะทิคงจะดีใจกับนี้ ภาพที่มีเสียงประกอบของจิ้งหรีดใน
ราตรี
๑๘
พยับหมอก
เเม่ของกะทิมีอาการโคม่าอยู่หลายวันก่อนจะจากไปอย่างไป
อย่างสงบ น้าดาออกจากห้องเป็นคนเเรก เเม่ของกะทิบริจาก
ร่างกายให้โรงพยาบาล พีธีสวดจึงมีเเค่สามวัน ตาเลือกวัดบน
เขา ตาเกรงใจเเขกทุกคนที่มาเพราะเดินทางมาไกล เเม่ของกะทิ
สั่งเสียไว้ว่า ขอให้เป็นเหมือนงานชุมนุมระลึกความหลัง น้ากันต์
อยู่กับกะทิตลอด ทั้งสองคนไม่มีหน้าที่ในงานจึงมักจูงมือเดิน
ออกมานั่งที่ม้าหินใต้เฟื่ องฟ้า ฟังเสียงธรรมชาติที่มีต้นเสียงจาก
จิ้งหรีด กว่าเเขกคนสุดท้่ยจะกลับบ้าน เเสงจากตะเกียงก็เหลือ
น้อยเต็มที ตายกับยายลงไปบ้านพักเเล้ว กะทิจูงมือน้าฎาเดิน
ออกมาพร้อมน้ากันต์ เเล้ววางมือน้าฎาลงในอุ้งมือของน้ากันต์
เเม่ของกะทิคงจะดีใจกับนี้ ภาพที่มีเสียงประกอบของจิ้งหรีดใน
ราตรี
บ้านกลางเมือง
๑๙
พวงกุญเเจ
หลวงลุงมาทันงานสวดคืนสุดท้าย หลงบอกว่าจะไปอเมริกา
เลยจะพาพี่ทองไปหาทางเรียนหนังสือด้วย พี่ทองบอกกะทิว่า
จะสอบชิงทุนตอนจบ ม.6 กะทิรู้ดีว่าความใฝ่ฝันของพี่ทองคือมี
นามบัตรชื่อว่า ดร.สุวรรณ วินัยดี เเม่บอกกะทิว่าคนเราต้องมี
ความใฝ่ฝันและทำวันแต่ละวันให้ดีที่สุด พยับหมอบสีม่วงอมฟ้า
บนแนวไม้ แม่อยากเห็นก็ไม่ได้เห็น ดอกพยับหมอกอวดความ-
งามวันที่แม่จากไปพอดี กะทินั่งดูดอกไม้แทนแม่ กะทิไม่เข้าใจ
หลายอย่างในชีวิต ของในบ้านทยอยเก็บลงกล่อง พี่อ้อยจะกลับ
กรุงเทพฯพร้อมหลวงลุงเเละพี่ทอง ลุงตองพาตากับยายกลับ
บ้านริมคลอง แล้วไปพบกะทิที่บ้านกลางเมือง
๒๐
ลิ้ น ชั ก
ห้องชั้นบนมืดสนิท ลุงตองรูดเปิดม่านเพื่อรับแสง กะทิยืนอยู่ในห้อง
ขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของชั้นล่าง กะทิเดินไปนั่ง มองลงไปข้างล่างเห็น
สระว่ายน้ำเต็มตา น้ากันต์ว่าอยากว่ายน้ำตอนไหนก็บอก ลุงตองหันมา
หา กะทิดูแปลกตากว่าที่เคย ไม่มีแววเย้าหยอก ยั่วแหย่ เริงรื่นกับชีวิต
แม่ของกะทิจัดห้องนี้จัดห้องนี้เอง ใช้เป็นห้องทำงาน ลุงตองชี้ไปที่เป็นตู้
ติดผนัง ซอยแบ่งเป็นลิ้นชักใหญ่เล็ก แม่ของกะทิจัดห้องนี้ไว้ให้กะทิโดย
เฉพาะ กะทิอยากรู้จักทุกนาทีในชีวิตของแม่ ลิ้นชักทุกอันมีเลข
พ.ศ.กำกับไว้ กะทิดึงลิ้นชักออกพบอัลบั้มเรียงกันเป็นระเบียบและต่างๆ
อีกมากมาย กะทิไล่สายตาหาช่วงที่แม่อยู่มหาวิทยาลัย แต่ก้หาไม่เจอ
ลุงตองลุกจากพื้นอุ้มกะทิพาไปนั่งบนตักที่เก้าอี้โยกข้างหน้าต่าง บอกว่า
จะเล่าเเรื่องหนึ่งให้ฟัง
๒๑
ก ร ะ เ ป๋ า เ ดิ น ท า ง
ลุงตองไปงานดอกไม้ที่เนเธอร์แลนด์ แม่โทรมาหาให้ลุงตองแวะลอนดอน
แม่ไปรับลุงตองที่สนามบิน แม่บอกลุงตองว่ามีอะไรจะให้ดู รูปเพื่อนชาย
ของแม่ที่กำลังคบหากันอยู่ ลุงตองนึกว่าเป็นคนไทย แต่ไม่ใช่ เป็นคน
ประเทศเพื่อนบ้าน แต่โตที่อังกฤษ ลุงตองถามกะทิว่าอยากดูรูปไหม แล้ว
บอกให้กะทิไปหยิบอัลบั้มในลิ้นชัก แม่ยิ้มสดใสข้างชายร่างสูง ลุงตองว่า
เที่ยวด้วยกันในงานคอนเสิร์ตที่พระราชวังแฮมป์ตันคอร์ต
แอนโทนี่ ซัมเมอร์ รู้จักกับแม่ที่งานกฎหมาย แม่มีความสุขมาก ไม่
แปลกใจที่แม่บอกว่าจะแต่งงาน ลุงตองนึกอะไรขึ้นได้ จึงลุกไปที่ตู้ใส่ของ
ลุงตองเปิดตู้และหยิบของชิ้นหนึ่งออกมา เป็นกระเป๋าเดินทางใบโปรด
ของแม่ กะทิไล่สายตาตามรูปถ่ายในอัลบั้ม กะทินึกไม่ออกว่าตากับยาย
รู้สึกอย่างไร ที่ลูกสาวแต่งงานที่แดนไกล ลุงตองบอกว่ากระเป๋าใบนี้ที่แม่
เอาติดตัวมาเพียงอย่างเดียววันที่ตัดสินใจกลับเมืองไทย รวมถึงกะทิใน
ท้องด้วย
๒๒
กระจกเงา
กะทิไม่รู้ว่าอะไรทำให้สองคนตัดสินใจอยู่ด้วยกันและอะไรทำให้ตัดสินใจ
แยกทางกัน คืนนี้น้าฎากับกะทินอนด้วยกัน ลุงตองนอนห้องพักแขก
น้ากันต์ยึดโซฟาห้องกลางไว้ฮันนีมูน เที่ยวฤดูร้อน แม่มีความสุขดี
คนข้างกายก็เหมือนกัน หรือลึกลงไป แม่ไม่ใช่คู่ชีวิตที่พ่อเสาะหา
เมื่อเย็นที่ผ่านมา น้ากันต์เสนอให้ไปกินอาหารเย็นที่โรงแรมใกล้ๆ ทุกคน
ตกลงพากันเดินตามถนน พอถึงแล้วลุงตองให้น้าฎากับน้ากันไปจองโต๊ะ
บอกว่าจะพากะทิไปเดินเล่น กะทิมองดอกสุพรรณิการ์ กะทิเห็น
ดอกร่วงๆลองเก็บมาเอาไปลอยน้ำในชามแก้วสวยดี กะทิไม่เคยเข้าร้านที่
เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ น้าฎาพาดูป้ายชื่อและเปิดฝาภาชนะให้ดู ลุงตองว่าชอบ
อะไรก็ตัก น้ากันตืปูผ้าเช็ดปากลงบนตักของกะทิ เท่านี้อาหารก็ดูน่ากิน
กว่าเดิมกะทิว่า กะทิแปรงผมอย่างใจลอย รู้แล้วว่าตาโตๆของตัวเอง
เหมือนใคร กะทิไม่รู้ว่าแม่รู้สึกอย่างไรกับอดีต แม่มีชีวิตอยู่ได้อย่างไรเมื่อ
สูญเสียความรักครั้งนั้นไป
๒๓
ดิ น ส อ สี
ห้างเย็นฉ่ำกว้างขวาง สินค้าสารพัดชนิดเชิญชวนให้เลือกซื้อ
กะทิเดินชมเพลินจนเสียงใครคนหนึ่งร้องทักน้าฎา ผุ้หญิงรุ่นเดียวกับแม่
เสียงสนทนาต่อเนื่องยืดยาว เด็กหยิงเริ่มหน้างอและดึงมือผู้เป็นแม่ให้
ออกไปยังจุดหมาย เพื่อนของแม่ชวนกะทิไปมุมศิลปะ น้าฎาคิดว่าคิดว่า
น่าจะดีที่กะทิใช้เวลาอยู่กับเพื่อนวัยเดียวกัน กะทิเลือกร้อยลูกปัด พิงค์
เลือกระบายสี ผู้ใหญ่ปลีกตัวไปจิบกาแฟกลับมารับอีกหนึ่งชั่วโมง
กะทิตั้งใจร้อยเส้นยาวๆ เพลินกับงานในมือ แล้วต้องชงักเมื่อเห็น
ผลงานของพิ้งค์ กะทินึกสงสารกระดาษแผ่นนั้นที่ต้องรองรับอารมณ์
ขากลับ กะทิถามน้าฎาว่าแม่เกลีดพ่อหรือเปล่า น้าดาชะงักก่อนจะก้มลง
มองหน้ากะทิ ตอบว่าแม่ไม่เคยพูดถึงพ่อของกะทิเลย แต่คิดว่าแม่ของ
กะทิไม่เกลียดใคร ถ้ามีดินสอสีกะทิจะวาดภาพแม่ในชุดสีชมพูมีปีกบาง
เหมือนนางฟ้า กะทิเชื่อว่าแม่มีความสุขแล้วในโลกใหม่ และในอนาคต
กะทิกับแม่จะได้พบกันอีก
๒๔
ชิงช้า
สวนลอยฟ้าสวยเหลือเชื่อแทบจะดูไม่ออกว่าอยู่บนยอดตึก ประตูกระจก
ทางซ้ายมือก็เปิดออก ไอเย็นฉ่ำพุ่งออกมาพร้อมกับกลิ่นคล้าย
น้ำมันตะไคร้ คุณตุ๊กในชุดขาวคล้ายพยาบาลเดินมาเเละคุยกับน้ากันต์
น้ากันต์บอกว่าคุณตุ๊กเลี้ยงลูกชายตามลำพัง แม่ของกะทิให้ความ
ช่วยเหลือไปหลายครั้งโดยเฉพาะค่าเล่าเรียน ชิ้งช้าเล็กๆซ่อนอยู่ใกล้พุ่ม
ไม้เลื้อยกะทิเดินไปรอบๆมาหยุดที่ชิงช้านี้เเละเพลินไปกับลมเย็นเเละ
นึกย้อนถึงซองจดหมายที่ลุงตองส่งให้ จดหมายนี้จะทำให้กะทิได้พบพ่อ
กะทิท่องอยู่ในใจว่าจะส่งไม่ส่งดีแต่รู้อยู่แล้วว่าต้องการอะไร แต่วิธีด้วย
ไหนที่กะทิต้องคิดหนัก
๒๕
ตู้ ไ ป ร ษ ณี ย์
จดหมายไม่ได้ติดแสตมป์ ลงตู้ไปรษณีย์ไม่ได้ ก็ต้องไปที่ทำการไปรษณีย์
ก่อน ทุกคนรอการตัดสินใจของกะทิ เมื่อเตรียมพร้อมแล้วทั้งหมดจึงไป
ที่ทำการไปรษณีย์ พอไปถึงกะทิว่าขอเข้าไปคนเดียว สามเสียงตอบพร้อม
กันว่าได้ กะทิเข้าไปยื่นจดหมาย ชำระเงินเรียบร้อย รับแสตมป์มาปิดลงบน
ซองแล้วมาหย่อนลงตู้ นับจากนั้น ที่บ้านกลางเมืองผ่านไปด้วยการรอคอย
แม่สั่งว่าถ้าเจ็ดวันไม่มีคำตอบให้กลับไปบ้านริมคลอง กะทิให้น้ากันต์พาไป
เที่ยวท้องฟ้าจำลอง พิพิธภัณฑ์วิทยาศาศตร์ และเข้าค่ายดูดาว ขากลับ
กะทิหลับมาในรถ รู้สึกตัวตอนถูกอุ้มพาขึ้นที่พัก พรุ่งนี้ครบกำหนดแล้ว น้า
ฎาลูบผมกะทิ กะทินึกอยากลืมตาสารภาพความจริง แต่ได้ยินลุงตองพูดว่า
กะทิเป็นลูกของแม่ ไม่อ่อนแออย่างที่คิดหรอก ลุงตองพูดแทนกะทิหมด
แล้ว กะทิก็หลับในนาทีนั้นเอง
๒๖
บ้านทรงไทย
การเดินทางสิ้นสุดลงเมื่อรถจอดที่บ้านริมคลอง แม่บอกว่าคนเราไม่ต่าง
จากตัวละครในหนังสือ เมื่อผ่านพ้นมาได้ก็จะมีความลุ่มลึกในอารมณ์มาก
ขึ้น และมองทุกอย่างเปลี่ยนไป อ้อมแขนของตากับยายอบอุ่นให้ความ
รู้สึกปลอดภัย บ้านหลังนี้สร้างตั้งแต่สมัยตาทวด เดิมเป็นเรือนไทยเต็มรูป
แบบ ร่มครึ้มด้วยไม้ใหญ่ แต่ทุกสิ่งเสื่อมถอยตามเวลา กว่าเรือนจะตกมา
ถึงตา ก็โทรมพังไปมาก ตานำเงินเก็บมาใช้ซ่อมแซม กะทิรักทุกอย่างใน
บ้านหลังนี้ พอใจกับสิ่งที่มี กะทินั่งที่ท่าน้ำตาเดินมานั่งข้างๆกอดกะทิไว้
แน่น ตาว่าอาทิตย์หน้าหลวงลุงจะกลับมาแล้ว กะทินับวันอยู่ในใจ ยายว่า
จะทำบุญใหญ่สักครั้ง ทำอาหารคาวหวานเต็มที่ กะทิเห็นมะพร้าวที่ใต้ถุน
มีกล้วยตากอยู่ในถาด ยายไม่ปล่อยเวลวผ่านไปปล่าวๆ กะทิรู้สึกว่า
บรรยากาศในบ้านไม่หมองเศร้า มีรอยอาลัยจางๆ แต่ความเจ็บปวดที่ไม่
อยากให้เกิดขึ้นทั้งๆที่รู้ว่าต้องเกิดนั้นได้หายไปแล้ว จริงอย่างที่พูด มองไป
ข้างหน้าดีที่สุด
จบ