โรงเรียนสวนกุหลาบวทิ ยาลยั รงั สติ
เอกสารประกอบการสอน
รายวิชาภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน 2 (อ31204)
ผลการเรียนรู้: ผูเ้ รยี นตระหนกั ถึงความสำคญั ของการอ่าน สามารถเข้าใจและตีความเร่ืองที่อา่ นจากสอ่ื
ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตุผล
Subject-verb agreement
Subject-verb agreement คอื การใช้ประธานและคำกรยิ าให้สอดคลอ้ งกันตามหลกั แกรมมา่ ซง่ึ ก็คือ
• ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (มีจำนวนหนึง่ หนว่ ย) เราจะต้องใช้คำกรยิ ารูปเอกพจน์ (เช่น is, does,
has, คำกริยารปู ทีเ่ ตมิ s/es)
• ถ้าประธานเปน็ พหูพจน์ (มีจำนวนต้ังแตส่ องหนว่ ยขึน้ ไป) เราจะตอ้ งใช้คำกรยิ ารูปพหพู จน์ (เชน่
are, do, have, คำกริยารูปท่ไี ม่ไดเ้ ติม s/es)
ยกตวั อยา่ งให้เหน็ ภาพเช่น
My cat is cute.
(แมวของฉันนั้นน่ารัก)
(คำวา่ my cat เป็นเอกพจน์ หมายถึงแมวตวั เดียว เราจงึ ต้องใช้คำกริยารูปเอกพจน์ ซึง่ ในที่นกี้ ค็ ือ is)
My cats are cute.
(บรรดาแมวของฉันนัน้ น่ารัก)
(คำวา่ my cats เป็นพหพู จน์ หมายถงึ แมวหลายตวั เราจงึ ตอ้ งใช้คำกริยารูปพหพู จน์ ซ่งึ ในทีน่ ก้ี ็คือ
are)
-2-
(คำวา่ subject แปลว่า “ประธาน” คำวา่ verb แปลวา่ “คำกรยิ า” ส่วนคำว่า agreement นัน้
แปลว่า “ข้อตกลง” พอใช้รวมกนั คำวา่ subject-verb agreement จงึ แปลวา่ “ข้อตกลงระหวา่ ง
ประธานและคำกรยิ า” ซง่ึ ก็หมายถงึ ความสอดคล้องกนั ในทางแกรมม่าระหว่างประธานและคำกรยิ า
นน่ั เอง)
ต้องใชต้ อนไหนบ้าง
หลักๆแล้ว subject-verb agreement จะถูกใชใ้ น present tense ทไ่ี มม่ ี modal verb (ตวั อย่าง modal
verb ก็อย่างเชน่ can, could, will, would, may, might)
ยกตัวอยา่ งประโยคท่ีเปน็ present tense และไม่มี modal verb กอ็ ย่างเช่น
She drinks coffee every day.
(เธอดม่ื กาแฟทกุ วัน)
They drink coffee every day.
(พวกเขาดืม่ กาแฟทกุ วนั )
นอกจาก present tense แลว้ เราจะตอ้ งคำนึงถึง subject-verb agreement ดว้ ยเช่นกนั เม่อื เราใช้ tense
ที่ใช้ was/were
อยา่ งเชน่ past continuous tense
She was doing her homework when I called her.
(เธอกำลังทำการบ้านอยู่ ตอนทฉี่ ันโทรหาเธอ)
They were reading books when I arrived.
(พวกเขากำลังอา่ นหนังสืออยู่ ตอนที่ฉนั มาถึง)
หรือ past simple tense ทม่ี ี verb to be (ซึง่ กค็ ือ was, were) เป็นคำกรยิ าหลกั
She was very happy when she received the present.
(เธอมีความสุขมากตอนทเี่ ธอได้รบั ของขวญั )
They were my classmates in college.
(พวกเขาเปน็ เพื่อนรว่ มคลาสของฉนั ตอนเรียนมหาวทิ ยาลัย)
ตวั อยา่ งกรณีท่ไี ม่ต้องใช้ subject-verb agreement ก็อยา่ งเชน่
เม่อื เราใช้ modal verb ในประโยค (เชน่ can, could, will, would, may, might) เราจะตอ้ งใชค้ ำกรยิ า
หลักเปน็ รปู พหพู จน์เสมอ
He can swim.
(เขาสามารถวา่ ยน้ำได้)
(เราจะไมใ่ ช้ He can swims.)
หรือเมอ่ื เราใช้ tense ท่ีมกี ารเปลยี่ นรปู คำกรยิ า เชน่ past tense เราก็ต้องใชร้ ูปคำกริยาตามที่
tense นนั้ กำหนดแทน
-3-
He called me yesterday.
(เขาโทรหาฉันเมอื่ วาน)
(เราจะไมใ่ ช้ He calls me yesterday.)
กฎการใช้ subject-verb agreement 12 ข้อ
จรงิ อยู่ทห่ี วั ใจหลกั ของ subject-verb agreement ก็คือการใช้คำกริยารปู เอกพจนก์ บั ประธานท่ีเป็น
เอกพจน์ และใช้คำกรยิ ารูปพหูพจน์กับประธานทเ่ี ป็นพหพู จน์
แตใ่ นการนำไปใชจ้ รงิ หลายๆคร้ังเรากจ็ ะสบั สนว่าประธานในประโยคนั้นถือเป็นเอกพจนห์ รือพหูพจนก์ นั แน่
หรอื ในบางกรณีก็อาจมีข้อยกเว้น ทำใหเ้ ราตอ้ งเปล่ยี นไปใช้คำกรยิ าอกี รปู หนงึ่ แทน
เพื่อให้กระจ่าง เรามาดูสรุปกฎการใช้ subject-verb agreement แบบง่ายๆท้งั 12 ข้อกันเลย
1. คำสรรพนาม I และ you ต้องใช้กับคำกรยิ ารปู พหูพจน์
คำสรรพนาม I และ you แม้ว่าจะเปน็ เอกพจน์ แต่ต้องใช้กับคำกริยารูปพหูพจน์
I want to be a teacher.
(ฉนั อยากเป็นครู)
You inspire me.
(คณุ สรา้ งแรงบันดาลใจให้ฉัน)
แตจ่ ะมีข้อยกเว้นสำหรบั คำสรรพนาม I ซึ่งกค็ ือเมื่อใช้กบั verb to be รูป present tense
(ไดแ้ ก่ is, am, are) เราจะตอ้ งใช้ am
I am 20 years old.
(ฉนั อายุ 20 ป)ี
แต่ถ้าเป็น verb to be รูป past tense (ไดแ้ ก่ was, were) ปกติแล้วเราจะใช้ was
I was ill yesterday.
(เมื่อวานนฉี้ ันปว่ ย)
2. ประธานหลายตัวเชื่อมกันดว้ ย and ตอ้ งใชค้ ำกรยิ ารปู พหูพจน์
เมอื่ มปี ระธานต้งั แต่ 2 ตวั ข้ึนไปเชื่อมกนั ดว้ ย and เราจะถือว่าประธานในประโยคนัน้ เป็นพหูพจน์ ต้องใช้กับ
คำกรยิ ารปู พหพู จน์
Tim and John are close.
(ทมิ กับจอหน์ นั้นสนทิ กัน)
The black and the white dog are my dogs.
สุนัขตวั สดี ำและสุนัขตวั สขี าวน้ันเปน็ สนุ ัขของฉนั
(ฉนั มสี นุ ขั สดี ำหนึง่ ตวั และสนุ ัขสขี าวอกี หนึ่งตวั คำวา่ the หน้า white จะเป็นตัวบง่ ช้ถี ึงประธาน
ตัวที่ 2)
-3-
แตใ่ ห้เราระวัง เพราะบางทคี ำว่า and ไม่ไดเ้ ช่ือมประธาน แต่เช่ือมคำคุณศัพท์ หรอื เป็นส่วนหนงึ่ ของคำนาม
ซง่ึ ถ้าเป็นกรณนี ี้ เราจะอิงความเป็นเอกพจน/์ พหพู จน์ตามประธานในประโยค
กรณีที่ and ทำหนา้ ที่เชือ่ มคำคณุ ศัพท์
The black and white dog is very friendly.
(สนุ ัขตวั สขี าวดำนสิ ยั เปน็ มติ รมาก)
(คำว่า and เช่อื มคำวา่ black และ white ซึ่งหมายถึงสุนัขทม่ี ที ัง้ สีดำและสีขาวอยใู่ นตัว ประโยคน้มี ี
ประธานแค่ตวั เดียวคือ dog ซ่ึงเป็นเอกพจน์)
The black and white dogs are very friendly.
(สุนขั สขี าวดำเหล่านนั้ นสิ ยั เป็นมิตรมาก)
(คำวา่ and เชอื่ มคำว่า black และ white ซง่ึ หมายถึงสุนัขทมี่ ีทง้ั สีดำและสีขาวอยใู่ นตวั ประโยคนีม้ ี
ประธานแค่ตัวเดยี วคือ dogs ซึ่งเป็นพหูพจน)์
กรณที ่ี and เปน็ ส่วนหน่ึงของคำนาม
Beauty and the Beast is a popular fairy tale.
(เรอื่ งโฉมงานกบั เจา้ ชายอสรู เป็นเทพนิยายทไ่ี ด้รับความนยิ ม)
(คำวา่ Beauty and the Beast เปน็ ชือ่ ของเทพนิยาย ซึง่ ถือเปน็ เอกพจน์ เพราะเป็นการพดู ถงึ เทพ
นยิ ายแค่เรอื่ งเดียว คำว่า and ในทนี่ เี้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของช่อื จงึ ถอื เปน็ สว่ นหน่ึงของคำนาม)
3. ประธานหลายตัวเชอื่ มกนั ด้วย or, either…or หรือ neither…nor จะต้องใช้คำกรยิ ารูปเดยี วกับ
ประธานตัวหลงั สดุ
เมอ่ื มีประธานตงั้ แต่ 2 ตวั ข้นึ ไปเชื่อมกันด้วย or, either…or หรือ neither…nor เราจะอิงความเปน็ เอกพจน์/
พหพู จน์ตามประธานตวั หลังสุด
ถ้าประธานตัวหลังสดุ เป็นเอกพจน์ เราจะใชค้ ำกรยิ ารูปเอกพจน์
Tim or his friend feeds the cat every morning.
(ทมิ หรือเพ่ือนของเขาใหอ้ าหารแมวทกุ เช้า)
(ประธานตวั หลงั สดุ คอื his friend เป็นเอกพจน์ เราจงึ ใช้คำกริยารปู เอกพจน์ ซ่ึงกค็ ือ feeds)
Normally, either mom or dad does the dishes.
(ปกติแล้ว ไม่แม่ก็พ่อจะเปน็ คนลา้ งจาน)
(ประธานตวั หลังสดุ คือ dad เปน็ เอกพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปเอกพจน์ ซ่งึ ก็คือ does)
Neither the blue nor the red shirt has my size.
(ไมว่ ่าจะเป็นเสอื้ เชิ้ตสีฟ้าหรือสีแดงก็ไม่มีไซสฉ์ ัน)
(ประธานตัวหลงั สดุ คือ the red shirt เป็นเอกพจน์ เราจึงใช้คำกรยิ ารูปเอกพจน์ ซึง่ ก็คือ has)
แต่ถ้าประธานตวั หลังสดุ เปน็ พหพู จน์ เรากจ็ ะใชค้ ำกรยิ ารูปพหพู จน์
-3-
Tim or his friends feed the cat every morning.
(ทิมหรือเพื่อนๆของเขาให้อาหารแมวทกุ เช้า)
(ประธานตัวหลงั สุดคือ his friends เปน็ พหพู จน์ เราจงึ ใชค้ ำกรยิ ารปู พหูพจน์ ซึง่ ก็คอื feed)
Normally, either mom or aunts do the dishes.
(ปกติแล้ว ไม่แมก่ ็ปา้ ๆจะเปน็ คนลา้ งจาน)
(ประธานตวั หลังสดุ คือ aunts เปน็ พหูพจน์ เราจึงใชค้ ำกริยารปู พหูพจน์ ซงึ่ กค็ ือ do)
Neither the blue shirt nor the green shoes have my size.
(ไมว่ า่ จะเปน็ เสือ้ เช้ติ สีฟ้าหรอื รองเทา้ สีเขียวกไ็ มม่ ไี ซสฉ์ นั )
(ประธานตัวหลังสุดคอื the green shoes เปน็ พหูพจน์ เราจงึ ใชค้ ำกริยารปู พหูพจน์ ซึ่งก็คือ have)
4. ถา้ มี of ในประธาน เราจะดวู ลคี ำนามหนา้ of เปน็ หลัก
ถ้ามีการใช้ of ในประธาน เราจะยึดความเปน็ เอกพจน์/พหูพจน์ตามวลีคำนามหน้า of ตัวอยา่ งเช่น
• A pair of shoes (รองเท้าหนึง่ คู่) – เปน็ เอกพจน์
• Three pairs of shoes (รองเทา้ สามคู่) – เป็นพหูพจน์
การเลือกใชค้ ำกรยิ ากต็ ้องใช้ตามวลีคำนามหน้า of นน้ั
A pile of books is on my desk.
(หนังสือกองหนง่ึ อยู่บนโต๊ะของฉัน)
(วลีคำนามหนา้ of ในประธานคือ a pile เปน็ เอกพจน์ เราจึงใช้คำกริยารปู เอกพจน์ ซ่งึ ก็คอื is)
Two pieces of bread are not enough for me.
(ขนมปังสองชน้ิ ไมพ่ อสำหรบั ฉนั )
(วลคี ำนามหนา้ of ในประธานคือ two pieces เป็นพหูพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปพหูพจน์ ซ่งึ ก็คือ
are)
อยา่ งไรก็ตาม ถ้าหน้า of ในประธานไม่ใช่วลคี ำนาม แตเ่ ปน็ คำบอกปรมิ าณ ให้เรายึดความเปน็ เอกพจน์/
พหพู จนต์ ามความหมายโดยรวมของประธานแทน อยา่ งเช่น
• One of my friends (เพ่ือนคนนึงของฉนั ) – หน่งึ คน, เป็นเอกพจน์
• Most of my friends (เพ่อื นส่วนใหญข่ องฉนั ) – มากกวา่ หนึ่งคน, เปน็ พหูพจน์
• A few of my friends (เพื่อนบางสว่ นของฉัน) – มากกว่าหน่ึงคน, เป็นพหพู จน์
ท้งั น้ี การเลือกใช้คำนามหลงั of เปน็ รปู เอกพจนห์ รือพหูพจน์ ก็มีผลต่อความหมายและความเปน็ เอกพจนห์ รอื
พหูพจน์ของประธานดว้ ยเช่นกนั ตวั อย่างเชน่
• All of the pie (พายทั้งอนั ) – หนงึ่ ช้นิ , เปน็ เอกพจน์
• All of the pies (พายทุกชิ้น) – มากกว่าหน่งึ ชิ้น, เปน็ พหูพจน์
ตัวอย่าง subject-verb agreement เมอื่ หนา้ of เป็นคำบอกปริมาณ
-4-
One of the students is from Japan.
(มนี ักเรยี นคนหนง่ึ มาจากประเทศญป่ี ุ่น)
(One เปน็ คำบอกปรมิ าณ มคี วามหมายวา่ หน่งึ หนว่ ย ถือเป็นเอกพจน์ เราจงึ ใชค้ ำกรยิ ารูปเอกพจน์ ซงึ่ ก็คอื is)
In this library, all of the books are in English.
(ในหอ้ งสมุดนี้ หนงั สอื ทุกเลม่ เป็นภาษาองั กฤษ)
(All เปน็ คำบอกปรมิ าณ มีความหมายว่าท้งั หมด all of the books แปลว่า หนงั สอื ทุกเลม่ ถือเปน็ พหูพจน์
เราจงึ ใชค้ ำกริยารปู พหพู จน์ ซง่ึ กค็ ือ are)
5. ประโยคที่ข้ึนตน้ ดว้ ย here หรือ there ประธานจะอยู่หลงั คำกริยา
ประโยคทีข่ ึ้นต้นด้วย here หรือ there ตำแหน่งของประธานจะอยู่หลังคำกรยิ า
ถา้ ประธานเป็นเอกพจน์ เราจะใช้คำกรยิ ารูปเอกพจน์
Here is the pen.
(น่ีคอื ปากกา)
(ประธานคือ the pen เป็นเอกพจน์ เราจึงใชค้ ำกรยิ ารูปเอกพจน์ ซง่ึ กค็ ือ is)
There is a cat in the garden.
(มแี มวหน่งึ ตวั อยใู่ นสวน)
(ประธานคือ a cat เป็นเอกพจน์ เราจงึ ใชค้ ำกริยารูปเอกพจน์ ซ่ึงกค็ ือ is)
แต่ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ เรากจ็ ะใชค้ ำกริยารปู พหพู จน์
Here are the pens.
(นค่ี อื ปากกา)
(ประธานคือ the pens เปน็ พหพู จน์ เราจงึ ใชค้ ำกริยารปู พหพู จน์ ซง่ึ กค็ ือ are)
There are cats in the garden.
(มีแมวหลายตัวอยู่ในสวน)
(ประธานคือ cats เปน็ พหูพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปพหพู จน์ ซึ่งกค็ ือ are)
6. เมอื่ มี relative pronoun เราต้องมองประธานและคำกรยิ าให้ออก
Relative pronoun คือคำจำพวก who, whom, whose, which, that ที่ใช้ขยายคำนาม อยา่ งเชน่
ในประโยค
The person who I called yesterday lives in the same apartment with me.
คนทฉี่ ันโทรหาเมื่อวานอยู่ในอพาร์ทเมนตเ์ ดียวกันกบั ฉนั
หลายคนมักจะสับสนเวลาเจอประโยคท่มี ี relative pronoun วา่ คำไหนคือประธาน คำไหนคือกรยิ า
วิธีดงู า่ ยๆคอื ใหเ้ รามองวลีของ relative pronoun (หรอื ท่ีเรียกวา่ relative clause) ใหอ้ อก ประธานหลกั
ของประโยคจะอยหู่ นา้ วลี ส่วนคำกรยิ าจะอยู่หลงั ซ่ึงเราต้องใช้รปู เอกพจน์/พหูพจนข์ องคำกริยาตามประธาน
ของประโยค
-5-
The person [who I called yesterday] lives in the same apartment with me.
(ประธานในประโยคคือ the person เป็นเอกพจน์ เราจงึ ต้องใชค้ ำกริยาเป็นรูปเอกพจน์ ซงึ่ กค็ ือ
lives)
แต่บางประโยคก็อาจมกี ารละ relative pronoun ซึง่ เราจะต้องพยายามมองให้ออก
The person [I called yesterday] lives in the same apartment with me.
(ประโยคนี้ละคำว่า who เราสามารถละ relative pronoun ได้ ถา้ มนั ทำหนา้ ทเ่ี ป็นกรรม)
นอกจากประโยคหลกั แล้ว ตัว relative clause ก็ต้องเปน็ ไปตามหลัก subject-verb agreement
เช่นกัน
I want to buy a book [which is only available in the U.K.]
(ฉนั ตอ้ งการซ้ือหนังสอื เลม่ หนึ่งท่ีมขี ายเฉพาะในประเทศอังกฤษ)
(คำวา่ which เปน็ relative pronoun แทนคำว่า a book ซงึ่ เป็นเอกพจน์ เราจึงใช้คำกริยา
ใน relative clause เปน็ รปู เอกพจน์ ซ่ึงก็คอื is)
I have the same book [that you have].
(ฉนั มหี นงั สือเล่มเดียวกันกับที่คุณมเี ลย)
(คำวา่ that เปน็ relative pronoun แทนคำวา่ the same book แต่ใน relative clause นี้ คำว่า
that จะทำหนา้ ที่เป็นกรรม ส่วนประธานจะเป็น you เราจึงใช้คำกรยิ ารปู พหพู จน์ ซ่ึงกค็ ือ have)
7. ไมต่ ้องสนใจคำหรือวลที ี่คั่นระหวา่ งประธานและคำกริยา
บางครง้ั ในประโยคจะมคี ำหรือวลที ีค่ ่นั ระหว่างประธานและคำกริยา ถ้าเปน็ กรณีนี้ ให้เราเลือกใช้รปู เอกพจน์/
พหพู จนข์ องคำกริยาตามประธาน โดยที่ไม่ต้องสนใจคำหรือวลที เ่ี ขา้ มาคัน่
คำหรือวลที ีค่ ั่นระหว่างประธานและคำกริยา มักจะมีคอมมา่ คั่นทั้งหน้าและหลัง ตัวอยา่ งเชน่
Anne, as well as her boyfriend, is very impressed with the service.
(แอน รวมถึงแฟนของเธอ ตา่ งก็ร้สู ึกประทบั ใจกับการบริการมาก)
All of the students, including Joe, are extremely disappointed.
(นักเรียนทุกคน รวมถึงโจ ต่างกร็ ้สู ึกผิดหวังมาก)
8. คำสรรพนามจำพวก every…, some…, any…, no…, either และ neither ถือเป็นเอกพจน์
คำสรรพนามหลายๆคำ แมต้ ามความหมายแลว้ จะเหมือนเป็นพหพู จน์ หรอื มีความกำ้ ก่ึงอยู่ แต่เราจะถือว่าเป็น
เอกพจน์ อยา่ งเชน่
• Everyone – ทกุ คน
• Everybody – ทุกคน
• Someone – บางคน
• Somebody – บางคน
• Anyone – คนหน่ึงคนใด
-6-
• Anybody – คนหน่งึ คนใด
• No one – ไมม่ ใี คร
• Nobody – ไม่มีใคร
• Either – ท้งั คู่
• Neither – ไม่ใช่ทง้ั คู่
การใช้คำสรรพนามเหล่านี้เป็นประธาน เราจะต้องใชค้ ำกริยารปู เอกพจน์
Everyone has access to the internet these days.
(ทุกวันนีท้ ุกคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้)
No one want to be my friend anymore.
(ไม่มใี ครอยากเป็นเพื่อนกบั ฉันอีกแล้ว)
Either of you is welcome any day.
(ยนิ ดตี อ้ นรบั คณุ ท้ังคู่เสมอ)
9. ใช้คำกรยิ ารูปเอกพจน์กับประธานทเี่ ป็นค่าปริมาณต่าง ๆ
ใหเ้ ราใชค้ ำกริยารปู เอกพจน์ เมือ่ ประธานเป็นคา่ ปริมาณตา่ ง ๆ เช่น ระยะเวลา จำนวนเงิน ระยะทาง
Ten thousand Baht is too expensive for this bag.
(หนึ่งหม่นื บาทน้นั แพงไปสำหรบั กระเป๋าไปนี้)
Two hours is not enough, I need more time to complete the work.
(สองช่วั โมงนนั้ ไม่พอหรอก ฉันต้องการเวลามากกว่านใ้ี นการทำงานให้เสร็จ)
10. คำนามท่เี ติม s/es ไมจ่ ำเปน็ ว่าจะตอ้ งเป็นพหูพจนเ์ สมอไป
จริงอยูท่ ่ีเวลาเปล่ียนคำนามจากเอกพจน์ใหเ้ ป็นพหูพจน์ เรามกั จะเตมิ s/es หลังคำนาม
แต่กม็ ีคำนามบางคำท่แี ม้จะลงทา้ ยดว้ ย s/es แตก่ ็ถือว่าเป็นเอกพจน์ เช่น
• News – ข่าว (ถ้าเป็น new จะแปลวา่ “ใหม่”)
• Darts – กฬี าปาเปา้ (ถ้าเปน็ dart จะแปลวา่ “ลกู ดอก”)
• Billiards – กฬี าบลิ เลียด (ถ้าเปน็ billiard จะใชเ้ ป็นคำขยาย เช่น billiard table จะแปลวา่ “โต๊ะ
บลิ เลยี ด”)
การใชค้ ำนามเหล่านีเ้ ปน็ ประธาน เราจะตอ้ งใช้กบั คำกริยารปู เอกพจน์
News is information about current events.
(ข่าวคือข้อมลู เก่ยี วกับเหตกุ ารณป์ จั จบุ นั )
Darts is popular only in some countries.
(กฬี าปาเป้าเป็นทนี่ ิยมแค่ในบางประเทศ)
ในอกี ด้านหน่งึ ก็มีคำนามบางคำทีล่ งทา้ ยดว้ ย s/es แต่สามารถใช้เป็นเอกพจน์หรอื พหพู จนก์ ไ็ ด้ ข้นึ อยู่กบั
บรบิ ทท่ใี ช้ อยา่ งเชน่
-7-
• Statistics – วชิ าสถติ ิ, สถิติ
• Mathematics – วิชาคณิตศาสตร์
• Measles – โรคหัด
การเลือกใชร้ ูปคำกรยิ ากับคำนามเหลา่ น้ี เราจะต้องดคู วามหมายและบริบทประกอบ
Statistics is my favorite subject.
(วิชาสถติ ิเปน็ วิชาโปรดของฉัน)
These statistics are not accurate.
(สถติ เิ หล่านี้ขาดความแม่นยำถูกต้อง)
นอกจากน้ี ยงั มีคำนามทลี่ งทา้ ยดว้ ย s/es อกี กลมุ่ หน่ึง ท่จี ะถอื วา่ เปน็ พหูพจน์เสมอ
คำนามเหลา่ นมี้ ักจะเป็นส่ิงทมี่ ีสองข้าง และทงั้ สองข้างนัน้ สมมาตรกัน ตัวอยา่ งเช่น
• Pants – กางเกงขายาว (แต่ถ้าเป็น British English จะแปลวา่ “กางเกงใน”)
• Glasses – แวน่ ตา (ถา้ เป็น glass จะแปลวา่ “แกว้ นำ้ ”)
• Scissors – กรรไกร
การใชค้ ำนามเหลา่ น้ี เราจะต้องใช้กับคำกริยารูปพหูพจน์
These glasses are cool.
(แวน่ ตาพวกน้เี ทด่ ี)
Scissors are dangerous for small children.
(กรรไกรเปน็ อันตรายต่อเดก็ เลก็ )
แตถ่ า้ เราต้องการใชค้ ำนามเหล่านีเ้ ป็นเอกพจน์ เราจะต้องใช้ a pair of ไวข้ ้างหนา้ เช่น a pair of
pants, a pair of glasses, a pair of scissors
This pair of glasses is cool.
(แว่นตาอันนีเ้ ทด่ ี)
A pair of scissors consists of a pair of metal blades.
(กรรไกรหนึ่งดา้ มจะประกอบด้วยใบมดี เหล็กสองอนั )
11. Collective noun สามารถใช้เปน็ เอกพจน์หรือพหูพจนก์ ็ได้
Collective noun คือคำนามท่ใี ชแ้ ทนกลมุ่ คน สตั ว์ หรอื สงิ่ ของ ตวั อย่างเช่น
• Family – ครอบครวั
• Group – กลุ่ม
• Team – ทมี
• Flock – ฝงู สัตว์
• Bunch – ช่อ, พวง
หลายคนมกั จะพลาด คิดวา่ คำเหลา่ นเี้ ป็นพหูพจน์ แต่จริง ๆแล้ว คำเหลา่ นจี้ ะใช้เป็นได้ทั้งเอกพจนแ์ ละพหูพจน์
ข้ึนอยกู่ ับวา่ ผ้ใู ช้ต้องการส่อื ความหมายยงั ไง
-8-
ถ้าใชก้ ลา่ วถงึ กลมุ่ โดยรวม เราจะถือว่าเป็นเอกพจน์
My family lives in France.
(ครอบครัวของฉันอยู่ในประเทศฝรง่ั เศส)
Our group is very competent.
(กลุ่มของเรามีความสามารถมาก)
แต่ถา้ เน้นถึงทกุ ๆคน/ทุก ๆส่ิงในกลุ่ม เราจะถือวา่ เปน็ พหูพจน์
His family were abducted one by one.
(ครอบครวั ของเขาถูกลักพาตัวไปทลี ะคนสองคน)
Our group are all wearing green shirts.
(ทกุ ๆคนในกลุ่มของเราใสเ่ ส้ือสเี ขยี ว)
ถ้าเทยี บกันแล้ว เรามกั จะใช้ collective noun เปน็ เอกพจน์มากกวา่ พหพู จน์ ดงั นนั้ เวลานำไปใช้ ถา้ เราไมม่ ี
เหตุผลชัดเจนว่าทำไมถึงใช้เป็นพหพู จน์ ก็ใหเ้ ลอื กใชเ้ ป็นเอกพจน์ไว้ก่อนจะปลอดภัยกว่า
12. ใช้ were แทน was เม่ือแสดงความปรารถนา หรือเมอ่ื ใชก้ ับสง่ิ ทีไ่ มเ่ ปน็ จริง
ปกติแลว้ ถ้าประโยคเปน็ past tense และประธานเป็นเอกพจน์ การใช้ verb to be เราจะใช้ was แต่มกี รณี
ยกเว้นคอื เม่ือเรากลา่ วถึงสิง่ ทไ่ี ม่เป็นจรงิ เรื่องจินตนาการ หรอื สิ่งทเ่ี ปน็ ความปรารถนา เราจะใช้ were แทน
ตวั อยา่ งประโยคเช่น
I wish Tim were here.
(ฉันอยากใหท้ ิมอยู่ทีน่ ่ี)
If I were a bird, I would fly freely and travel the world.
(ถา้ ฉันเปน็ นก ฉนั จะบินอย่างอสิ ระ และเดินทางไปรอบโลก)
(ในกรณีทัว่ ไป เราจะใช้ I กบั was)
** ถ้าจำหลกั การใช้และโครงสรา้ งของ Tense ได้ ภาษาอังกฤษกไ็ มย่ ากอกี ต่อไป..
สบื ค้นจาก:
https://meowdemy.com/subject-verb-agreement/
-9-
ADDITIONAL REVIEW
SUBJECT – VERB AGREEMENT GRAMMAR RULES
1 If the subject is singular, the verb must be singular. If the subject is plural,
the verb must be plural.
The boy is playing. / The boys are playing.
If two or more singular subjects are connected with "and" , the verb must be
2 plural.
The dog and the cat are having lunch.
3 If two or more singular subjects are connected with "or" or "nor", the verb must
be singular.
Mollie or Linda is organising the music.
4 If the subjects include both singular and plural nouns connected with "or" or
"nor" , the verb must agree with the subject that is closer to it.
The Johnsons or Sue is coming for dinner.
Sue or Johnsons are coming for dinner.
The verb must agree with the subject, not with the phrase between the subject
5 and the verb.
One of the students is missing.
The students who read that story are few.
The president, as well as members of parliment is ready for the elections.
The man in brown shoes is running.
After the words "anybody, anyone, everybody, everyone, somebody, someone,
6 nobody, no one, each, each one, either, neither" , you must use
a singular verb.
Everyone is coming to the birthday party.
Somebody is knocking the front door.
Some words end with "s", but they are actually singular, so you must use
7 a singular verb after them. (mathematics, measles, news, phonetics)
The news is bad for all the family members.
Phonetics is the study of sounds.
-10-
The word "money" is always singular and must be followed by a singular verb.
8 When you use currencies " dollars, pounds, euros etc.", you may use a singular or
plural noun depending on the meaning. If you are talking about the amount of
money, you must use a singular verb. But if you are referring to the currency
itself, you must use a plural verb.
A lot of money is needed for our school.
Ten pounds is good for a weekly pocket money.
After the nouns like "trousers, pants, lasses, tweezers, shears, scissors,
9 sunglasses, you must use a plural verb.
His glasses are cool, aren't they?
Sally's trousers are made in Turkey.
Your sunglasses really look perfect on you.
10 If the subject is a collective noun, you can use both a singular or a plural verb
depending on the meaning. If you are referring a collective nouns as a unit,
then use a singular verb. If you are referring the members instead, use a plural
verbs.
The flock is migrating to the south.
The orchestra plays only on special days.
The orchestra are leaving the party.
If the subject is singular and followed by some expressions like "with, including,
11 accompanied by, in addition to, as well as", we use a singular verbs. If the
subject is plural, we use a plural verb.
The teacher, as well as his students, is going to visit the museum.
The major, accompanied by his children, is doing some shopping.
Those toys, including the red car, are old.
** ถ้าจำหลกั การใช้และโครงสร้างของ Tense ได้ ภาษาองั กฤษก็ไมย่ ากอีกต่อไป..
Eng. Compiled by TD_DJ.DANG
Copyright © 2014. englishwsheets.com. All rights reserved.