พระบรมวงศานุวงศ์ที่มีบทบาท
ในการสร้างสรรค์ชาติไทย
รายงาน
เรื่อง พระบรมวงศานุวงศ์ที่มีบทบาทใน
การสร้างสรรค์ชาติไทย
จัดทำโดย
1.น.ส.ธันยพร ศรไชย เลขที่ 9
2.น.ส. กมลทิพย์ ฤกษ์สิริศุภกร เลขที่ 11
3.น.ส.บุษบา แสนทวีสุข เลขที่ 12
4.น.ส.ศิโรรัตน์ ชูวังวัด เลขที่ 25
5.น.ส.ศรุตา วัฒนะไพบูลย์กุล เลขที่ 26
6.น.ส.ญานิศา ลิ้มปัญฑิตา เลขที่ 27
7.น.ส.ชรินรัตน์ แสนทวีสุข เลขที่ 29
8.น.ส.ทิพปภา เกียรติอนุวัต เลขที่ 31
9.น.ส.นฤมล ลอยลม เลขที่ 32
10.น.ส.พอ สังฆะมณี เลขที่ 39
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/17
เสนอ
คุณครู กนกพร สุขสาย
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็นส่วนประกอบของ
รายวิชาประวัติศาสตร์ (ส31112)
โรงเรียนเน็ญจะมะมหาราช อำเภอเมืองอุบลราชธานี
จังหวัดอุบลราชธานี
ก
คำนำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-BOOK) เรื่อง พระบรมวงศานุวงศ์ที่มีบทบาท
ในการสร้างสรรค์ชาติไทยเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาประวัติศาสตร์
(ส31112)nคณะผู้จัดทำจึงได้ทำการรวบรวมเนื้อหาเรื่อง พระบรมวงศานุ
วงศ์ที่มีบทบาทในการสร้างสรรค์ชาติไทย
คณะผู้จัดทำหวังว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ
ผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษาที่สนใจศึกษาประวัติของเรื่องพระบรมวงศานุ
วงศ์ที่มีบทบาทในการสร้างสรรค์ชาติไทยอยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิด
พลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ ข
เรื่อง
หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ วโรรส 1
พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิท 2
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ 3
พระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงชานุภาพ 4
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ 5
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า 6
พระยาศรีสุนทรโวหาร 7
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต 8
กำพล วัชรพล 9
เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี 10
บรรณานุกรรม 11
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ วโรรส 1
(มีพระชนมายุระหว่าง พ.ศ. ๒๔๐๓-๒๓๖๔)
พระประวัติ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
วชิรญาณวโรรสทรงเป็นสมเด็จพระสังบรา
ชพระองค์ที่ 10แห่งกรุงรัตนโกสินทร์มี
พระนามเดิมคือ พระองค์เจ้ามนุษยนาค
มานพ" ทรงเป็นพระอนุขาต่างพระมารดาใน
พระบาสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประสูติเมื่อ พ.ศ. ๒ro ได้ทรงเป็นกรมหมี่นว
ชิรญาณวโรรส แล้วเลื่อนขึ้นตามลำดับ จน
ในที่สุดได้เป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรม
พระยาวชิรญาณวโรรส และทรงดำรง
ตำแหน่ง"สกลมหาสังฆปรินายก" ใน
พ.ศ.2453
พระราชกรณียกิจ
ด้านการศึกษา ทรงได้รับโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวให้ทรงเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการศึกษาของขาติในหัวเมือง โดยให้
แยกออกจากกรมศึกษาธิการ ทรงแต่งตั้งพระราชาคณะไปเป็นผู้อำนวยการออก
ไปตรวจสอบการดำเนินงานของคณะสงฆ์พร้อมทั้งแนะนำพระสงฆ์และฆราวาส
ให้จัดตั้งโรงเรียนขึ้นใหม่ใน ตำบลต่างๆ เท่าที่สามีารถจะทำได้ ทำให้การจัดการ
ศึกษาในหัวเมืองมีความเจริญก้าวหน้ามาคด้านประวัติศาสตร์
พระองค์ได้ทรงศึกษาค้นคว้าวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์ดังจะเห็นได้จาก
พระนิพนธ์ประวัติศาสตร์ที่ปรากฏออกมาอย่างแพร่หลายเช่น พงศาวดารสยาม
ตำนานประเทศไทย หัวข้อในพระราชพงศาวดารกรุงเก่า หมายเหตุพระราช
พงศาวดารกรุงเก๋า เป็นต้น และยังมีงานพระนิพนธ์แปลจากหนังสือต่างประเทศ
นิพนธ์ทางด้านประวัติศาสตร์ไทยของพระองค์ในยุคที่ไทยกำลังเผชิญกับการล่า
อาณานิคมของชาติตะวันตกขณะนั้นได้กระตุ้นให้คนไทยได้รู้จักความเป็นมาของ
ชนชาติไทยและเกิดความหวงแหนประเทศชาติมากขึ้น
พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิท 2
2
พระประวัติ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิท พระนามเดิม คือ "พระองค์เจ้า
นวม" เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านนภาลัย และเจ้าจอม
มารดาปรางใหญ่ ประสูติใน พ.ศ. 2351 และทรงสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2413ในสมัย
รัชกาลที่ 3 ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "กรมหมื่นวงษาธิราชสนิท" และได้รับราชการ
เป็นผู้กำกับกรมหมอ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เลื่อนขั้นเป็นกรมหลวงวงษาธิราช
สนิท ได้ทรงกำกับราชการมหาดไทยและสุดท้ายได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาราชการแผ่น
ดิน
พระกรณียกิจที่สำคัญ
ด้านการแพทย์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ทรงพระปรีชาสามารถในเรื่องยา
ไทยและแพทย์แผนไทย อีกทั้งยังได้ทรงศึกษาวิชาแพทย์ฝรั่งจนมีความรู้ความ
สามารถ จนทรงได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา พระองค์ได้รับ
พระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ทรงว่าราชการกรมหมอ และทรงเป็นนายแพทย์
ประจำราชสำนักมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 4
ด้านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ในสมัยที่ประทศไทยกำลังเผชิญกับการแสวงหาอาณานิคมของมหาอำนาจตะวัน
ตก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิททรงมีบทบาทสำคัญในการเจรจา
ทางการทูต เพื่อทำสนธิสัญญากับตะวันตก ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั๋งให้เป็น
หนึ่งในกรรมการเจรจาเพื่อทำสนธิสัญญาทางไมตรีและการพาณิชย์กับราชทูต
อังกฤษ สหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส จนเกิดผลดีต่อประเทศชาติอย่างมาก
ด้านภาษาและวรรณกรรม
ทรงมีความสามารถในด้านโคลงกลอน และฉันท์ โดยได้พระนิพนธ์วรรณกรรมไว้
หลายเรื่อง เช่น เพลงยาวสามชาย ตำราเพลงยาวกลบทสิงโตเล่นหาง โคลงนิราศ
พระประธม โคลงและสุภาษิต จินดามณี เป็นต้น
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ 3
พระประวัติ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์
วโรปการ(องค์ต้นราชสกุล "เทวกุล") ทรงพระนาม
เดิมว่า พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ประสูติใน
พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 27พฤศจิกายน พ.ศ.
2401 ทรงเป็นพระราชโอรสลำดับที่ 42 ในพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นลำดับที่
2 ในสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตาทรงดำรง
ตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2428
ขณะพระชันษา 27 ปี ถึง วันที่ 28มิถุนายน พ.ศ. 2466 ทรงเป็นเสนาบดี
กระทรวงการต่างประเทศที่อายุน้อยที่สุด และอยู่ในตำแหน่งยาวนานถึง 38 ปี
16 วัน และคุณูปการที่สำคัญยิ่งของพระองค์คือการการรักษาอธิปไตยของไทย
ทรงจัดทำสนธิสัญญากับอังกฤษและฝรั่งเศส และทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับ
มหาอำนาจอื่น ๆ
พระกรณียกิจ
ด้านการต่างประเทศ
ทรงจัดและปรับปรุงรูปแบบกรมกองให้ทันสมัย ทรงขอพระราชทาน
ที่ทำการ เพื่อให้เป็น "ศาลาว่าการต่างประเทศ" ซึ่งนับว่าเป็นกระทรวงแรกที่มี
ศาลาว่าการกระทรวงเป็นที่ทำการแทนการใช้บ้านเสนาบดีเป็นที่ทำการ ทรง
เปิดสำนักงานผู้แทนทางการทูตของไทยในต่างประเทศ เช่น สถานทูตไทย ณ
สำนักเซนต์ เจมส์ ซึ่งตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน
ด้านโหราศาสตร์
ทรงเป็นผู้คิดปฏิทินตาม สุริยคติ นับวันและเดือนแบบสากล เรียกว่า "เทวะ
ประติทิน" ซึ่งเป็นต้นแบบของปฏิทินในปัจจุบัน พร้อมทั้งทรงเป็นผู้คิดชื่อเดือน
มีการแบ่งชื่อเรียกเดือนที่มี 30 วัน และ 31วันชัดเจนด้วยการใช้คำนำหน้าจาก
ชื่อราศี สมาสกับคำว่า "อาคม"และ "อายน" ที่แปลว่า การมาถึง
พระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงชานุภาพ 4
พระกรณียกิจ
ประวัติ พ.ศ. 2422 ได้รับพระราชทานพระยศเป็นนายร้อยท
ผู้บังคับการหารม้า ในกรมทหารมหาดเล็กและในปี
พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรม
เดียวกันนี้ได้รับพระราชทานพระยศเป็น นายร้อยเอก
พระยาดำรงราชานุภาพ(21 มิถุนายน พ.ศ.
ราชองค์รักษ์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระ
2405 - 1 ธันวาคม พ.ศ. 2486) เป็นพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะพระชันษา 17 ปี
ราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า
พ.ศ. 2423 ได้รับพระราชทานเลื่อนพระยศเป็นนาย
อยู่หัว ประสูติแต่ เจ้าจอมมารดาชุ่ม ท.จ.0.
พันตรี ผู้สนองพระบรมราชโองการ ว่าการกรมทหาร
และเป็นองค์ต้น ราชสกุลดิศกุล [12] ทรง
มหาดเล็ก
ดำรงตำแหน่งที่สำคัญทางการทหารและ
พ.ศ. 2424 โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปสังกัดกรมทหารปืน
พลเรือน เช่น เจ้าพนักงานใหญ่ ผู้บัญชาการ
ใหญ่ ซึ่งเรียกกันในสมัยนั่นว่า "กรมกองแก้วจินดา"
ทหารบก อธิบดีกรมศึกษาธิการ (ตำแหน่ง
ทรงจัดตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ
เทียบเท่าเสนาบดี) องค์ปฐมเสนาบดี
พ.ศ. 2425 ผนวชเป็นพระภิกษ ณ วัดพระศรีรัต
กระทรวงมหาดไทย เสนาบดีกระทรวงมุรธา
ศาสดารามโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
ธร นายกราชบัณฑิตยสภา องคมนตรี ใน
ปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และประทับ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จำพรรษาที่วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร จังหวัด
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ
พระนครศรีอยุธยา
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและ พ.ศ. 2428 โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็นผู้บังคับการ
ทหารมหาดเล็ก และได้รับพระราชทานพระยศเป็น
อภิรัฐมนตรีใน พระบาทสมเด็จพระ นายพันโท
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2430 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2430 เป็นองคมนตรี
พ.ศ. 2431 ได้รับพระราชทานพระยศนายพลตรี
5 เมษายน พ.ศ. 2432 โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากงาน
ฝ่ายทหารไปปฏิบัติงานทางพลเรือน ทรงเป็นผู้กำกับ
การกรมธรรมการ
พ.ศ. 2433 โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนขึ้นเป็นอธิบดีกรม
ศึกษาธิการ
พ.ศ. 2435 - 2458 โปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง
เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. 2437 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสภา
29 สิงหาคม พ.ศ. 2444 ได้รับพระราชทานพระยศ
นายพลโท
พ.ศ. 2448 ตั้งการสุขาภิบาลหัวเมือง
พ.ศ. 2458 ดำรงตำแหน่งนายกหอพระสมุดวชิร
ญาณสำหรับพระนคร
พ.ศ. 2466 ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมุรธาธร
และเป็นนายพลเอก
พ.ศ. 2468 ดำรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรี
พ.ศ. 2469 ดำรงตำแหน่งนายกราชบัณฑิตยสภา
5
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
พระประวัติ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุ
5
วัดติวงศ์ เป็นพระโอรสลำดับที่ 62ในพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระมารดาคือพระ
สัมพันธวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงพรรณรายและทรง
เป็นต้นราชสกุล “จิตรพงศ์” ประสูติ เมื่อวันอังคารที่ 28
เมษายน พ.ศ. 2406
ได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระบรมชนก
นารถโดยมีพระราชหัตถเลขา ดังนี้ "สมเด็จพระปรเมนทร
มหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยามผู้พระบิดาขอตั้ง
นามบุตรชายที่ประสูติจากหญิงแฉ่พรรณรายผู้มารดา ใน
วันอังคาร เดือน 6 ขึ้น 11 ค่ำปีกุนเบญศกนั้นว่า พระเจ้าลูก
ยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ สิงหนามขอจงมีความเจริญ
ชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ ศุภสารสมบัติสุวรรณ
หิรัญรัตนยศบริวารศฤงคารศักดานุภาพ ตระบะเดชพิเศษ
คุณสุนทรศรีสวัสดิพิพัฒนมงคลพิบุลยผลทุกประการ
เทอญ" เมื่อครั้งที่สมเด็จพระราชบิดาสวรรคตมีพระชันษา
แค่ 5 ปี แต่ทรงจำถึงตอนหนึ่งว่า"สมเด็จพระราชบิดาทรง
ประทับนั่งที่เก้าอีที่หมุนได้ ทรงฉลองพระองค์สีแดงสด"
พระกรณียกิจ
ด้านราชการ
พระองค์ทรงเป็นสนาบดีหลายกระทรวง ประกอบไปด้วยกระทรวงโยธาธิการ กระทรวงพระคลังมหา
สมบัติกระทรวงกลาโหม กระทรวงวัง ทั้งยังดำรงตำแหน่งองคมนตรีและรัฐมนตรีสภา และสมาชิกสภาการ
คล้งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรีที่ปรึกษาราชการ
แผ่นดิน อุปนายกราชบัณฑิตยสภา แผนกศิลปากร และพระองค์ยังได้รับการแต่งให้ให้ดำรงตำแหน่งผู้
กำกับการพระราชวงศ์ มีหน้าที่สนองพระเดชพระคุณในพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระ
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระราชวงค์พระองค์ใดที่มีกิจที่ไม่ต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาก็ให้ติดต่อกราบ
บังคมทูลต่อพระองค์แทน นอกจากนี้ ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จยังต่างประเทศ
พระองค์ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่ว้นที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2476
จนกระทั่ง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ พระองค์จึงพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จ
ราชการแทนพระองค์
ด้านศิลปกรรม
งานสถาปัตยกรรมที่โปรดทำมากคือ แบบพระเมรุ โดยตรัสว่า "เป็นงานที่ทำขึ้นใช้ชั่วคราวแล้วรื้อทิ้งไป
เป็นโอกาสได้ทดลองใช้ปัญญาความคิดแผลงได้เต็มที่ จะผิดพลาดไปบ้างก็ไม่สู้กระไร ระวังเพียงอย่างเดียว
คือเรื่องทุนเท่านั้น"
ด้านสถาปัตยกรรมแก้ไข
การออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อ พ.ศ. 2442การออกแบบก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนมัธยมวัดบญจมบพิตร เริ่มก่อสร้างเมื่อ วันที่ 4
มิถุนายน รัตนโกสินทรศก 121 (พ.ศ. 2445) หรือ ร.ศ.
ด้านภาพจิตรกรรมแก้ไขภาพเขียน
ภาพเขียนสีน้ำมันประกอบพระราชพงศาวดาร แผ่นดินพระเจ้าท้ายสระครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นภาพช้าง
ทรงพระมหาอุปราชแทงช้างพระที่นั่ง ภาพเขียน
พระอาทิตย์ที่เพดานพระที่นั่งภานุมาศจำรูญ (พระที่นั่งบรมพิมาน)
6
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
พระประวัติ
ทรงเป็นพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระเสดิน
ทราบรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าและเจ้าจอมมารดาเปี่ ยมทรงพระราชสมภพ
เมื่อวันที่ 20กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับพระราชทานพระนามว่า" พระเจ้าลูกเธอ
พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา "เมื่อมีพระชนมายุได้รับการสถาปนาเป็นภรรยาเจ้าในรัชกาล
ที่ ๕ ต่อมามีการโปรดเกล้าฯให้สถาปนาพระองค์เจ้าสว่างวัฒนาขึ้นเป็นพระนางเจ้า
สว่างวัฒนาพระราชเทวีและสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรมราชเทวีตำแหน่ง
อัครมเหสีตามลำดับครั้นถึงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑๕
พรรษาทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีพระพันวัสสา
มาตุจฉาเจ้าและในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลทรงได้รับ
การสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
พระราชกรณียกิจ
ด้านสาธารณสุขทรงจัดสร้างโรงพยาบาลสมเด็จ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลสมเด็จ
พระบรมราชเหวี ณศรีราชา) ทรงริเริ่มหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อให้การรักษาแก่
ประชาชนที่อยู่ห่างไกลและได้พระราชทานทุนเพื่อส่งแพทย์พยาบาลไปศึกษาต่อต่าง
ประเทศเพื่อพัฒนาวงการแพทย์ไทยอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ยัง ทรงดำรงตำแหน่ง
สภานายิกาสภาอุณาโลมแต่งองค์ที่ ๒ ต่อจากสมเด็จพระครีพัชรินทราบรม
ราชินีนาถสภานายิกาพระองค์แรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔'๖๓ เป็นระยะเวลายาวนานถึง ๓๕ ปี
และได้พระราชทานทรัพย์ส่งนักเรียนไปเรียนต่างประเทศเพื่อให้ มีผู้เชี่ยวชาญทาง
ด้านการแพทย์อย่างพอเพียงด้านการศึกษาทรงส่งเสริมการศึกษาทุกระดับทรง
สนับสนุนสตรีให้มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนในระดับสูงทรงเน้นให้ศึกษารอบด้านไม่
เพียงแต่ความรู้ในห้องเรียนอบรมให้เป็นคนมีเหตุผลมีกิริยามารยาทและการวางตัว
ที่เหมาะสมทรงพระราชทานพระราชหรัพย์เพื่อบำรุงโรงเรียนต่างๆทั้งในส่วนกลาง
และส่วนภูมิภาคในโรงเรียนราชินีโรงเรียนนารีเฉลิมสงขลาเป็นต้น
พระยาศรีสุนทรโวหาร 7
(น้อย อาจารยางกูร)
ประวัติความเป็นมา
ประวัติและผลงานโดยสังเขป พระยาศรีสุนทรโวหาร ญาณปรีชามาตย์
บรมนารถนิตยภัคดี พิริยพาหะ เดิมชื่อ น้อย เป็นชาวจังหวัดจะเชิงเทรา เกิด
เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ครคฎาคม พ.ศ. 2365 ที่บ้านคลองโสธร ต่อมาได้รับ
พระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในลำดับ
ที่ 1457 ว่า"อาจารยางคูร" เมื่อ พ.ศ. 2457 ท่านถึงแค่อนิจครรมเมื่อวันที่ 16
ตุลาคมพ.ศ. 2434 รวมสิริอายุ 69 ปี
ท่านเป็นนักปราชญ์ทางภาษาและหนังสือ เป็นเจ้าครมอาลักษณ์ เป็นองค
มนตร์ที่ปริกษาราชคารแผ่นดิน เป็น "อาจารย์ใหญ่" คนแรคของโรงเรียน
หลวง และครูสอนหนังสือไทย เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรพระบรมวงศานุ
วงศ์ในราชวงศ์จัคร์หลายพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จพระบรมโอ
รสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระบรมโอรสาธิ
ราชเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชคุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้า
และพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอีกหลายพระองค์
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต 8
พระอาจารย์มั่น
ประวัติ
เกิดเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2413 มรณภาพ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 เป็น
พระเกระฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ผู้เป็นบูรพาจารย์สาย
พระป๋าในประเทศไทย
พระราชกรณียกิจ
- พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ได้ปฏิบัติตนตามแนวทางคำสอนของพระศาสดา
อย่างเคร่งครัด และยึดถือธุดงควัตรด้วยจริบวัตรปฏิปทางดงาม จนได้รับการ
ยกย่องจากผู้ศรัทธาทั้งหลายว่าเป็นพระผู้เลิศทางธุดงค
วัตร
- ท่านวางแนวทางในการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาตามหลักธรรมคำสอนของ
องค์สมเด็จพระส้มมา
พุทธเจ้าให้แก่สมณะประชาชนอย่างกว้างขวาง จนมีพระสงฆ์และฆราวาลเป็น
ลูกศิษย์จำนวนมาก
- แนวคำสอนของท่านเป็นที่รู้จักกันดีในนามว่า คำสอนพระป่า (สายพระ
อาจารย์มั่น) หลังจากท่านมรณภาพลง ยังคงมีพระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ของท่าน
สิบต่อแนวปฏิปกาธรรมปฏิบัติของท่านสิบมา โดยลูกศิษย์
เรียกว่า พระกรรมฐานสายวัดป้า หรือ พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ด้วยเหตุนี้
จึงทำให้ท่านได้รับยกย่องจากผู้ศรัทราให้เป็น พระอาจารย์ใหญ่สายวัดป่า หรือ
พระอาจารย์ใหญ่แห่งวงศ์พระกรรมฐานวัดป่า สืบมาจนปัจจุบัน
กำพล วัชรพล 9
ประวัติ
กำพล วัชรพล เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2462 ตรงกับวันขึ้น 6 ค่ำ เดือนยี่ ปี
มะแม ที่กระท่อมหลังคามุงจาก หลังวัดดอนไก่ดีริมคลองภาษีเจริญ ในเขตอำเภอ
กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นบุตรคนสุดท้องของนายหลี (บิดา) และนางทองเพียร
(มารดา) มีชื่อเดิมว่า แตงกวย ยิ้มละมัย และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น นิพนธ์ ตามนโยบายรัฐ
นิยมของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม มีพี่ร่วมมารดา 3คน คืฮ นกแก้ว ทรัพย์สมบูรณ์
(ญ), สยม จงใจหาญ (ช) (ชื่อเดิม บุ้นเหลียน) และวิมล ยิ้มละมัย (ช) (ชื่อเดิม บุ้นฮก)ค้า
พลจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดดอนไก่ดีสะไม่มีโอกาสได้ศึกษาต่อ
เนื่องจากมารดามีอาชีพค้าข้าวเรือเร่ จ๋เป็นองพาลูกขึ้นเรือล่องไปตามแม่น้ำสายต่าง ๆ คือ
แม่น้ำเจ้าพระยาน้ำทำจีน และแม่น้ำแม่กลอง และใช้ชีวิตส่วนมากบนเรือ
ผลงานที่สำคัญ
ราวปี พ.ศ. 2477 เมื่ออายุได้ 15 ปี กำพลเริ่มต้นการทำงานของตนเอง โดยเป็นพนักงาน
เก็บค่าโดยสารเรือเมล์ปล่องเขียว วิ่งระหว่างประตูน้ำอ่างทอง ถึงประตูน้ำภาษีเจริญ ระหว่าง
นั้นได้คบหาเป็นเพื่อนสนิทกับสันต์ ชูสกุล ต่อมาเมื่อกำพลสอบเป็นนายท้ายเรือได้ ก็เข้าเป็น
นายท้ายเรือ "พันธุ์ทิพย์" โดยมีสันต์เป็นพนักงานเก็บค่าโดยสารเมื่อปี พ.ศ. 2483 กำพลเข้ารับ
ราชการทหารเรือ โดยเริ่มจากเข้าศึกษาที่โรงเรียนชุมพลทหารเรือจังหวัดสมุทรปราการ ต่อมา
บรรจุเข้าประจำเรือหลวงสีชัง นอกจากนี้ กำพลยังเข้าร่วมรบในราชการสงครามใหญ่ 2 ครั้ง
คือ สงครามอินโดจีนในกรณีพิพาทระหว่างเขตแดนของไทยกับอินโดจีนฝรั่งศส และสงคราม
มหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่สอง ในยุทธภูมิครั้งหลังนี้ ส่งผลให้กำพลได้
รับพระราชทาน "เหรียญชัยสมรภูมิ" เหรียญกล้าหาญ และเลื่อนยศขึ้นเป็นจ่าโท จากนั้นกำพล
ลาออกจากราชการในวันที่ 1 มิถุนายนพ.ศ. 2489 เมื่ออายุ 28 ปีกำพลได้รับแต่งตั๋งเป็น
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516
เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี 10
ประวัติ
หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล เกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2410 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นบุตรของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงษ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ (พระ
โอรสใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ต้นราชสกุลมาลากุล
ประสูติจากหม่อมกลีบ) และหม่อมเปี่ ยม หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล ศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนพระตำหนัก
สวนกุหลาบ มีเลขประจำตัวหมายเลข 2 มีผลการเรียนดีเลิศ ซึ่งสอบได้ประโยคที่ 2 ในจุลศักราช 1248 หรือ
พ.ศ. 2429
หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล เข้ารับราชการในกรมศึกษาธิการ ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ เป็น หลวง
ไพศาลศิลปศาสตร์ จากนั้นย้ายมารับราชการอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย เป็น พระมนตรีพจนกิจ ท่านได้รับการ
ไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นผู้อภิบาล พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ
สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตพิเศษไทย
ประจำอังกฤษและยุโรป ระหว่าง พ.ศ. 2440-2442 จากการที่ท่านได้เห็นการศึกษาของนักเรียนไทยใน
ต่างประเทศเป็นเวลาหลายปี ท่านได้กราบทูลเสนอให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง
ปรับปรุงระบบการศึกษาของไทย ร่างเป็น "โครงแผนการศึกษาในกรุงสยาม" เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.
2441 และโครงการสร้างสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2453ท่านได้รับ
พระราชทานโปรดเกล้าฯ เป็น พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง ปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการ
(ปัจจุบันคือ กระทรวงศึกษาธิการ) และได้เลื่อนเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ ในสมัยรัชกาลที่ 6พระยาวิ
สุทธสุริยศักดิ์ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็น เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี เมื่อปี พ.ศ. 2456 และ
ถึงแก่อสัญกรรมในอีก 3 ปีต่อมา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2459
ผลงาน
ด้านการศึกษา โดยเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) จัดทำหลักสูตร
โรงเรียนเบญจมบพิตร หรือ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน ตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงกำหนดหลักสูตรแนวการสอนด้วยพระองค์เองสำหรับโรงเรียน
เบญจมบพิตร (โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน ) เพลงสรรเสริญพระบารมีแต่เดิม การร้อง
เพลงสรรเสริญพระบารมี มีการแยกเนื้อร้องที่ใช้สำหรับ ทหารเรือหรือพลเรือนร้อง นอกจากนี้ยังมีการแบ่ง
แยกเนื้อร้องบางวรรคบางตอน สำหรับชาย และหญิงร้องต่างกัน ทำให้เกิดความลักลั่น เมื่อวันที่ 1 มีนาคม
พ.ศ. 2445 พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ได้ออกคำสั่ง กำหนดให้เพลงสรรเสริญพระบารมีมีเพียงเนื้อร้องเดียว
เหมือนกันหมด เพลงสามัคคีชุมนุมพระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ เป็นผู้ประพันธ์คำร้องภาษาไทยของเพลง
สามัคคีชุมนุม โดยใช้ทำนองเพลง โอลด์แลงไซน์ ท่านได้รับการยกย่องว่า สามารถใส่เนื้อร้องภาษาไทย
เข้าไปให้สอดคล้องกับทำนองเดิมได้อย่างเหมาะเจาะ สามารถร้องเนื้อภาษาไทยไปพร้อมๆกับเนื้อภาษาเดิม
ของเพลงได้อย่างไม่ขัดเขิน เนื้อเพลงมีความหมายลึกซึ้ง ให้ความรู้สึกถึงความสามัคคีเป็นอันดีต่อหมู่คณะ
สมบัติผู้ดีพระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ได้แต่งหนังสือไว้หลายเล่ม เล่มหนึ่งที่มีชื่อเสียงคือ สมบัติผู้ดี ซึ่งกล่าวถึง
หลักปฏิบัติ 10 ประการของผู้ที่มีกาย วาจา ใจ อันสุจริต ท่านได้เรียบเรียงไว้เมื่อ พ.ศ. 2455
บรรณานุกรรม 11
1.สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาชิรญาณวโรรส ผู้มีคุณูปการต่อ
พระพุทธศาสนา.(ม.ป.ป.).[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก
https://www.finearts.go.th.
(สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565).
2.สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส(ม.ป.ป.).[ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก https://www.gongtham.net.
(สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565).
3.พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิทปราชญ์ผู้เป็นกำลัง
ของแผ่นดิน (ม.ป.ป.).[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก
https://www.worldcat.org.(สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565).
4.ประวัติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโร
ปการฯ(ม.ป.ป.).[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก
https://dvifa.mfa.go.th.(สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565).
5.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ม.ป.ป.).
[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://www.damrong.org.(สืบค้นเมื่อวันที่
20 พฤศจิกายน 2565).
บรรณานุกรม 12
6.สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า.(ม.ป.ป.).[ออนไลน์].
เข้าถึงได้จากhttp://www.queensavang.org .
(สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565).
7.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
(ม.ป.ป.).[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://www.finearts.go.th.
(สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565)
8. หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต หรือ พระอาจารย์มั่น(2564).[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก
https://www.komchadluek.net.
(สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565).
9.กำพล วัชรพล (2562).[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก
https://www.thairath.co.th. (สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565).
10.เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (2560).[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก
https://www.sarakadee.com. (สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565).