The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

unit 3การดำเนินโครงการ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by b6122510, 2019-06-05 06:24:58

unit 3 การดำเนินโครงการ

unit 3การดำเนินโครงการ

[วนั ที]่ หน่วยท่ี 3
การจดั ทาโครงการวชิ าชีพ

โดย ครูบญุ มี ถอื ความสัตย์

หน่วยท่ี3 การจัดทาโครงงานอาชีพ

บทนา

โครงงานอาชีพ เป็นการจดั การเรียนรู้งานอาชีพที่ใหผ้ เู้ รียนไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิจริงอยา่ งครบ
วงจร ต้งั แต่ การวิเคราะห์ การวางแผน การปฏิบตั ิงาน การจดั การกบั ผลผลติ การจาหน่าย การบริการ
รวมท้งั รายไดจ้ ากการจาหน่ายผลผลิตหรือบริการ โดยเนน้ การผลิต การบริการ การบริหารจดั การ การตลาด
และการใชเ้ ทคโนโลยใี นการปฏิบตั ิงาน ลกั ษณะของงานอาชีพตามโครงงานท่ีปฏิบตั ิตอ้ งเป็นงานอาชีพ
สุจริตท่ีมอี ยใู่ นทอ้ งถิ่น หรืองานอาชีพที่เป็นความตอ้ งการของผเู้ รียน เป็นงานอาชีพท่ีมลี กั ษณะเป็นงานผลติ
และหรืองานบริการ การปฏิบตั ิงานอาชีพ ผเู้ รียน ตอ้ งเป็นผปู้ ฏิบตั ิเองท้งั หมด ต้งั เริ่มตน้ จนส้ินสุดการ
ปฏบิ ตั ิงาน โดยมคี รู อาจารยท์ าหนา้ ที่เป็นท่ีปรึกษาและการปฏิบตั ิโครงงานอาชีพใหป้ ฏิบตั ิรวมกนั เป็น
กลุ่ม 3 - 5 คน โดยใช้ บา้ น สถานประกอบการ สถานประกอบอาชีพ รวมท้งั สถานศึกษา เป็นสถานท่ี
ปฏบิ ตั ิงานและในการจดั ทาโครงงานอาชีพของผเู้ รียน ควรมผี ทู้ รงคุณวฒุ ิหรือผปู้ ระสบความสาเร็จในสาขา
อาชีพท่ีมอี ยใู่ นทอ้ งถิ่นร่วมวางแผนและใหค้ าปรึกษาในการปฏบิ ตั ิงานอาชีพของผเู้ รียนดว้ ย

ความเป็ นมา

ในการสอนโครงการหรือโครงงานในสถานศกึ ษา นกั การศึกษาปฐมวยั ส่วนมากกลา่ วถึงการใช้
โครงการกบั เดก็ บางคนแนะนาวา่ การสอนแบบโครงการเป็นวิธีการหน่ึงในหลายวิธีท่ีสามารถส่งเสริมให้
เด็กรู้จกั ตดั สินใจ เห็นผลการกระทาท่ีชดั เจนเป็นรูปธรรม และเดก็ จะมีประสบการณ์จากการปฏิสมั พนั ธก์ บั
บุคคล วตั ถุสิ่งของและสิ่งแวดลอ้ มการสอนแบบโครงการมีมานานแลว้ มใิ ช่เป็นเร่ืองใหมใ่ น
การศกึ ษา แต่กลบั มาไดร้ ับความสนใจอยา่ งมากในประเทศสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศ
ท้งั น้ีเน่ืองมาจากผลการวิจยั ท่ีทาใหเ้ ขา้ ใจยงิ่ ข้ึนว่า เด็กเรียนรู้อยา่ งไร และความจาเป็นท่ีจะตอ้ งพฒั นาทกั ษะ
การคดิ แกป้ ัญหาของเด็กเพอ่ื ใหท้ นั กบั ความเปลี่ยนแปลงที่ทา้ ทายของสงั คม เทคโนโลยี

โครงการ หมายถงึ การวางแผนดาเนินงานหรือกิจกรรมลว่ งหนา้ โดยมกี ารกาหนดวตั ถุประสงค์
ข้นั ตอนการดาเนินงานอยา่ งชดั เจน กาหนดการใชท้ รัพยากรอยา่ งคุม้ ค่า เพื่อนาไปสู่เป้าหมายท่ีตอ้ งการ

อาชีพ หมายถงึ งานท่ีทาเป็นประจา เพ่อื ใหม้ รี ายไดใ้ นการเล้ยี งชีพ แบ่งเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่

1. อาชีพอิสระ หมายถงึ อาชีพที่ผปู้ ระกอบอาชีพเป็นเจา้ ของกิจการ มีการวางแผน มกี ารจดั การ และ
ดาเนินการดว้ ยตนเอง แบ่งเป็น 2 ลกั ษณะของการประกอบอาชีพ คือ

อาชีพผผู้ ลติ เป็นอาชีพท่ีผดู้ าเนิน กิจการ/ผปู้ ระกอบอาชีพ ผลิตชิ้นงานเพ่ือจาหน่าย

อาชีพบริการ เป็นอาชีพที่ผดู้ าเนินการอานวยความ สะดวก หรือใหบ้ ริการแก่ผบู้ ริโภค เช่น ช่างตดั
ผม ช่างซ่อมวทิ ยโุ ทรทศั น์ บริกร ฯลฯ

2. อาชีพรับจา้ ง หมายถงึ อาชีพที่ผปู้ ระกอบอาชีพ ไมไ่ ดเ้ ป็นเจา้ ของกิจการ แต่ทางานภายใตร้ ะบบ
หรือ ขอ้ กาหนดของหน่วยงาน หรือนายจา้ งท่ีตนสงั กดั

หลกั การประกอบอาชีพอสิ ระ

1. เป็นการจดั การศกึ ษาเพ่ือชีวติ ชุมชน และสงั คม

2. ส่งเสริมการพ่งึ ตนเอง และความมอี ิสระแก่ตนเอง

3. ส่งเสริมใหม้ ีความสามารถในการจดั การ การนาความรู้ และประสบการณ์มาประยกุ ตใ์ ชใ้ น
ชีวติ ประจาวนั

4. ส่งเสริมใหม้ ีการเรียนรู้จากสภาพปัญหา ส่ิงแวดลอ้ ม และการปฏิบตั ิจริง

5. ส่งเสริมใหม้ ีการตดั สินใจในการเลอื กอาชีพที่สอดคลอ้ งความสภาพทอ้ งถ่ิน ความสนใจ ความ
ถนดั และความสามารถของตนเอง การส่งเสริมใหน้ กั เรียนไดส้ มั ผสั กบอาชีพดว้ ยการทาโครงงานอาชีพ จะ
พฒั นานกั เรียนใหเ้ จริญเติบโต เป็นพลเมืองดี มีคุณภาพ สามารถปรับตวั ใหด้ ารงชีวติ อยอู่ ยา่ งมีความสุข ใน
ภาวะที่สงั คมและเศรษฐกิจท่ีเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว

ประโยชน์ต่อนกั เรียน

1. ไดป้ ระสบการณ์การทางาน

2. รู้จกั การทางานเป็นกล่มุ

3. มองเห็นช่องทางประกอบอาชีพ

4. ไดน้ าความรู้ท่ีไดร้ ับมาใชใ้ นการประกอบอาชีพ

5. มีการวางแผนและปฏบิ ตั ิงานอยา่ งเป็นระบบ

6. ไดเ้ รียนรูค้ ุณธรรม จริยธรรมจากการปฏิบตั ิจริง

7. ไดร้ ับการพฒั นาใหเ้ กิดกระบวนการคิดเป็น ทาเป็น แกป้ ัญหาเป็น

โครงงานอาชีพ จะส่งเสริมใหน้ กั เรียนดาเนินการ นกั เรียนแต่ละกล่มุ จะประกอบอาชีพหลากหลาย
ต่างกนั ตามความถนดั และความสนใจ นกั เรียนจะไดร้ ับผลการเรียนเหมือนรายวิชา อน่ื ๆ และใน 1 รายวชิ า
จะมีอาจารยท์ ี่ปรึกษาหลายคน ตามกลุ่มอาชีพท่ีนกั เรียนสนใจปฏิบตั ิ สาหรับเรื่อง ที่ควรจะใหน้ กั เรียนได้
เรียนรู้ เช่น

1. อาชีพต่าง ๆ ท่ีมีในปัจจุบนั

2. คุณธรรม จริยธรรมของผปู้ ระกอบอาชีพ

3. การเลือกอาชีพที่สอดคลอ้ งกบความตอ้ งการของผบู้ ริโภค และความถนดั ของตนเอง

4. กระบวนการดาเนินงานของอาชีพท่ีสนใจเลือก

5. การจดั การกิจการธุรกิจอาชีพใหป้ ระสบความสาเร็จ

6. การทางานกลุม่ / การทางานร่วมกนั / การบริหารบุคคล

7. เทคนิคการเพมิ่ ประสิทธิภาพของการประกอบอาชีพ

8. การจดั การผลผลติ

9. เทคนิคการส่ือสาร (พูด ฯลฯ) กบั ผบู้ ริโภค (ลกู คา้ )

10. การคิดตน้ ทุน การกาหนดราคาจาหน่าย / ค่าบริการ

11. ระบบบญั ชีอยา่ งง่ายสาหรับกิจการขนาดเลก็

12. เทคนิคการโฆษณา ประชาสมั พนั ธอ์ าชีพของตนสู่ผบู้ ริโภค

13. การนาผลผลิตสู่ผบู้ ริโภค และการบริการหลงั ขาย

ความสาคญั ของโครงงานอาชีพ

โครงงานมวี ตั ถปุ ระสงคห์ ลากหลายประการ เช่น ตอ้ งการใหน้ กั เรียนมคี วามรู้พ้นื ฐานที่จาเป็น
เก่ียวกบั ความเป็นอยใู่ นชีวติ ประจาวนั สามารถปฏบิ ตั ิงานไดถ้ กู ตอ้ งตามกระบวนการ ประหยดั ปลอดภยั
และไดป้ ระโยชน์ โดยรู้จกั วเิ คราะหแ์ ละวางแผนการทางาน สามารถปรับปรุงและพฒั นางานมวี ิสนั ทศั น์ท่ี
กวา้ งไกล รักการทางาน ซ่ึงเป็นรากฐานของการดารงชีพ สามารถพ่ึงพาตนเองไดร้ วมท้งั มคี ุณธรรมในการ

ทางาน สามารถทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นได้ เป็นตน้ นกั เรียนจะตอ้ งศกึ ษาและฝึกปฏบิ ตั ิจริงเพ่มิ เติม โดยอาศยั
ความรู้พ้นื ฐานจากรายวิชาอื่น ๆ ในหมวดวชิ าการงานและอาชีพ นกั เรียนมีสิทธิเสรีภาพอยา่ งเตม็ ที่ในการ
ตดั สินใจเลอื กอยา่ งฉลาด ที่จะดาเนินงานตามความถนดั และความสนใจของตน ในส่วนท่ีเก่ียวกบั โรงเรียน
และครูอาจารยน์ ้นั จะไดป้ ระโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ จากการเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดฝ้ ึกปฏบิ ตั ิจริงตามจุด หมายของ
หลกั สูตรและการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ท้งั ในหอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรียน ซ่ึงจะก่อใหเ้ กิดการ
ประสานสมั พนั ธอ์ ยา่ งแน่นเหนียว ระหว่างนกั เรียนและครูอาจารยป์ ระจาวชิ าต่าง ๆ รวมท้งั การใชเ้ คร่ืองมือ
และวสั ดุอปุ กรณ์ต่าง ๆ ใหเ้ ป็นประโยชนอ์ ยา่ งคุม้ ค่า นอกจากน้ีในส่ิงท่ีเกี่ยวกบั ทอ้ งถ่ินและชุมชนยอ่ มจะได้
ประโยชน์อยา่ งมากมาย ในแง่ของการใหน้ กั เรียนไดม้ โี อกาสร่วมพฒั นาอาชีพต่าง ๆ ในทอ้ งถ่ินซ่ึงเป็นผล
พลอยไดท้ ่ีตามมาก็คือ ทาใหน้ กั เรียนเกิดความรกั ความภาคภูมิใจในทอ้ งถ่นิ ของตนเองดว้ ย

ในส่วนของการจดั การเรียนการสอนและการจดั กิจกรรมตามหลกั สูตรข้นั พน้ื ฐาน
พุทธศกั ราช 2544 ดงั น้ี คือ

1. ดา้ นผเู้ รียน ก่อใหเ้ กิดคุณค่าต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ช่วยสร้างความหวงั ใหมใ่ นการริเริ่มงาน สร้างเสริม
ประสบการณ์จากการปฏิบตั ิจริง ไดม้ ีโอกาสทดสอบความถนดั ของตนเอง ก่อใหเ้ กิดความรกั ความเขา้ ใจ
และความสมั พนั ธอ์ นั ดีภายในกล่มุ พร้อมท้งั เกิดความรู้ทางวชิ าการทก่ี วา้ งขวางข้ึนและเกิดความภาคภูมใิ จ
ในความ สาเร็จของงาน

2. ดา้ นสถาบนั และครูอาจารยท์ ่ีปรึกษากลมุ่ ก่อใหเ้ กิดคณุ ค่าทางการประสานงาน โดยเกิดความ
เขา้ ใจที่ตรงกนั วา่ การเรียนการสอนในปัจจุบนั ข้ึนอยกู่ บั การ ปฏิบตั ิจริงในโครงงานของผเู้ รียนมากกวา่ ท่ีจะ
เรียนอยใู่ นหอ้ งเรียนเท่าน้นั

3. ดา้ นชุมชน / ทอ้ งถนิ่ ก่อใหเ้ กิดคุณค่าทางการเผยแพร่และประชาสมั พนั ธช์ ุมชน อกี ท้งั ชุมชน
ไดม้ สี ่วนร่วมในการขยายผลทางความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ใหแ้ ก่ผเู้ รียนรุ่นต่อไป โดยสร้างนิสยั รกั การ
ทางานเกิดงานอาชีพที่หลากหลายและมกี ารพฒั นาอาชีพในชุมชนดว้ ย

หลักการสาคญั ของการเขยี นโครงงานอาชีพ

การปฏบิ ตั ิงานตามโครงงานอาชีพของนกั เรียน เพื่อใหบ้ รรลุตามจุดหมายของหลกั สูตร และ
จุดมงุ่ หมายการจดั ทาโครงงาน จึงไดก้ าหนดหลกั การท่ีสาคญั เกี่ยวกบั โครงงาน ไวด้ งั น้ี

1. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ มีสิทธิและเสรีภาพในการตดั สินใจเลือกทาโครงงานอาชีพใด ก็ได้
จานวน 1 โครงงาน หรือมากกวา่ ก็ได้ ตามความถนดั ความสนใจ และความพร้อมของนกั เรียนในกรณีที่
โครงงานมปี ริมาณงานมากกส็ ามารถเลือกไดโ้ ดย ตดั แบ่งข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิงานออกเป็น 2 ส่วนให้
ปฏบิ ตั ิ 2 ภาคเรียน หรือจะเลอื กโครงงานอาชีพใหม่ โดยไม่ซ้ากนั ในแต่ละภาคเรียนตลอดปีการศึกษากไ็ ด้

2. นกั เรียนในหอ้ งเรียนเดียวกนั ควรเลอื กโครงงานอาชีพแตกต่างกนั ไดต้ ามความถนดั ความพร้อม

และความสนใจ ตลอดจนคานึงถงึ ตามความจาเป็นในการใชป้ ระโยชน์ชิ้นงานหรือรายไดจ้ ากการ
ปฏิบตั ิงาน

3. ใหค้ านึงถงึ ทรัพยากรในทอ้ งถนิ่ ท้งั ทรัพยากรท่ีใชเ้ ป็นวตั ถดุ ิบในการผลติ ช้ินงานและทรัพยากร
บุคคลในทอ้ งถน่ิ ตลอดจนภูมิปัญญาชาวบา้ นเพื่อการอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาเทคโนโลยใี นทอ้ งถ่ิน

4. นกั เรียนสามารถนาทกั ษะการทางานพ้ืนฐานหลายประเภทรวมไวใ้ นโครงงานเดียวได้ เช่น
โครงงานปลกู กระเจี๊ยบ ใชท้ กั ษะการทางานดา้ นเกษตรและคหกรรมเก่ียวกบั คุณค่าทางโภชนาการมา
ผสมผสานกนั ได้

5. ในแต่ละโครงงานอาจกาหนดคาบเวลาแตกต่างกนั ไดต้ ามความยากง่ายของลกั ษณะงาน
6. ครูอาจารยผ์ สู้ อนหรือท่ีปรึกษา อาจจดั ใหม้ สี ื่อการสอนในลกั ษณะใบงานหรือใบความรู้หรือ
ขอ้ มูลทางวชิ าการ เพือ่ ช่วยใหน้ กั เรียนสามารถปฏบิ ตั ิงานไดด้ ว้ ยตนเองก็ได้
7. ในการประเมินโครงงาน ใหค้ รูอาจารยผ์ สู้ อนหรือท่ีปรึกษาเป็นผปู้ ระเมนิ โดยคานึงถงึ ความรู้
ความเขา้ ใจ กระบวนการทางาน เจตคติในการปฏิบตั ิงาน และการนาช้ินงานไปใชป้ ระโยชนใ์ น
ชีวิตประจาวนั และตอ้ งประเมินผลการเรียนเป็น รายภาคเรียน สาหรับผเู้ รียนที่เลือกหลายโครงงานใน ๑ ภาค
เรียน ใหป้ ระเมินผลโดยใหค้ ะแนนแต่ละโครงงานก่อน แลว้ นามารวมกนั เพ่ือตดั สินใหร้ ะดบั คะแนนโดย
คานึงถึงคาบเวลาของแต่ละโครงงาน โดยจดั สดั ส่วนน้าหนกั โครงงานต่างกนั ตามคาบเวลา

องค์ประกอบของโครงงานอาชีพ

ถา้ พิจารณาโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ พบว่าประกอบดว้ ยส่วนต่าง ๆ ที่สาคญั คือ ศรี ษะ ไหล่
ลาตวั แขน ขา มอื และเทา้ นอกจากน้ีร่างกายของมนุษยย์ งั มอี วยั วะอ่นื ๆ อีกมากมายท่ีประกอบกนั ทาใหเ้ ป็น
ร่างกายของมนุษยส์ มบูรณ์ เช่น หู ตา ปาก นิ้วมอื อวยั วะสืบพนั ธุ์ ฯลฯ ซ่ึงทาใหม้ นุษยส์ ามารถดารงชีวติ อยู่
ไดใ้ นสงั คม โครงงานก็มลี กั ษณะเช่นเดียวกนั คือ หมายถงึ ระบบโครงสร้างและองคป์ ระกอบต่าง ๆ ท้งั หมด
ของกิจการ หรือชิ้นงานต่าง ๆ ที่เราจะตอ้ งดาเนินการ หรือผลิตใหส้ าเร็จลลุ ่วงไปตามจุดประสงคท์ ี่กาหนด
ไว้ องคป์ ระกอบที่สาคญั ของโครงงาน มดี งั น้ี

1. เจา้ ของโครงงานหรือผจู้ ดั ทาโครงงาน อาจจะเป็นบุคคลคนเดียวหรือเป็นกล่มุ บุคคลกไ็ ด้ สาหรับ

การปฏบิ ตั ิงานตามโครงงานอาชีพท่ีหลกั สูตรกาหนดใหน้ กั เรียนจะตอ้ ง ปฏิบตั ิงานร่วมกนั กลุ่มละ ๓-๕

คน 2. ความสาคญั ของ

โครงงาน หรือของงานน้นั ๆ ว่ามีเหตุผลอะไร มคี วามจาเป็น มคี ุณค่าและประโยชน์มากนอ้ ย

เพียง 3. จุดประสงคข์ องโครงงาน ระบุวา่ มงุ่ ท่ีจะใหเ้ กิดผลอะไร อยา่ งไร หรือแก่

ใคร ใหม้ ปี ริมาณและคุณภาพมากนอ้ ยเพยี งใด 4. เครื่องมือ วสั ดุอปุ กรณ์ที่ใช้ สถานที่

ปฏบิ ตั ิงาน งบประมาณค่าใชจ้ ่ายหรืองบลงทุนกาหนดว่ามอี ะไรบา้ ง มากนอ้ ยเพยี งใด และจะจดั ซ้ือหามาได้

อยา่ งไร

5. วิธีดาเนินการ ระบุว่ามขี ้นั ตอนสาคญั ๆ ในเรื่องใดท่ีจะตอ้ งนามาพจิ ารณา

และปฏบิ ตั ิตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้ 6. แผนปฏบิ ตั ิการ ระบกุ ิจกรรมตา่ ง ๆ ที่

จะตอ้ งปฏิบตั ิโดยละเอียดตามลาดบั ตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้ 7. ผล

ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ ระบุสิ่งที่คาดหวงั วา่ จะเกิดข้ึนจากการดาเนินงานตามข้นั ตอนต่าง ๆ ที่กา

หน 8. การติดตามผลและประเมนิ ผล จะตอ้ งมวี ธิ ีการตรวจสอบ

เป็นระยะ ๆ ก่อนปฏบิ ตั ิโครงงาน ขณะปฏิบตั ิงานและเมอื่ สิ้นสุดการปฏบิ ตั ิโครงงาน เพ่ือประโยชนใ์ นการ

แกไ้ ขปรับปรุงและพฒั นางานต่อไป

ประเภทของโครงงานอาชีพ

โครงงาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ โครงงานตามสาระการเรียนรู้ และ โครงงานตามความ
สนใจ

1. โครงงานตามสาระการเรียนรู้

เป็นการใชบ้ ูรณาการร่วมกบั การเรียนรู้ ทกั ษะ และเป็นพ้ืนฐานในการกาหนด โครงงาน การปฏิบตั ิ

2. โครงงานตามความสนใจ

เป็นโครงงานที่ผเู้ รียนกาหนดข้นั ตอน ความถนดั ความสนใจ ความตอ้ งการ โดยใชท้ กั ษะความรู้
จากกลมุ่ สาระการเรียนรู้ต่าง ๆ มาบูรณาการ เป็นโครงงาน

โครงงานอาชีพ เป็นกิจกรรมทางการศกึ ษา ทน่ี าเน้ือหาสาระทางวิชาการ งานและอาชีพ รวมท้งั วชิ า
อน่ื ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง ท้งั โดยตรงและโดยออ้ ม ท้งั ทางดา้ นทฤษฎีและปฏบิ ตั ิมาจดั เป็นระบบ เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึก
ปฏิบตั ิงานในลกั ษณะของโครงการ

โครงงานแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ

1. โครงงานประเภททดลอง (Experimental Research Project)

โครงงานประเภทน้ี เป็นโครงงานท่ีเกิดข้ึนจากการศกึ ษาหลกั การต่าง ๆ ทางวิชาการแลว้ นามา
ทดลองคน้ ควา้ เพ่อื ยนื ยนั ทฤษฎีหรือหลกั การหรือตอ้ งการทราบแนวทางเพม่ิ คณุ ค่าและการใชป้ ระโยชนใ์ ห้
มากยงิ่ ข้ึน เช่น

- การศกึ ษาสูตรอาหารเล้ียงปลาน้าจืด

- การทดลองปลูกพชื ในน้ายาหรือการปลกู พชื โดยไมใ่ ชด้ นิ
- การควบคุมการเจริญเติบโตของไมป้ ระดบั ประเภทเถา

- การใชฮ้ อร์โมนกบั ก่ิงมะลิ

- การศกึ ษาขนมอบชนิดต่าง ๆ

โครงงานประเภททดลอง (Experimental Research Project) เป็นโครงงานท่ีตอ้ งทาการทดลองเพ่อื
ศึกษาตวั แปรใดตวั แปรหน่ึง (เรียกว่า “ตวั แปรตน้ ” ) ว่าจะมีผลต่อตวั แปรอีกตวั แปรหน่ึง
(เรียกวา่ “ตวั แปรตาม” ) อยา่ งไร แต่ในความเป็นจริง จะมตี วั แปรหลาย ๆ ตวั ท่ีมีผลต่อตวั แปรท่ีศกึ ษา ใน
การทดลอง ผทู้ าการทดลองจะตอ้ งเลือกตวั แปรที่สาคญั ท่ีสุดเพียงตวั เดียวมาศกึ ษา ดงั น้นั จึงตอ้ งทาการ
ควบคุมตวั แปรอ่ืน ๆ เพือ่ ไมใ่ หเ้ กิดผลแทรกซอ้ นต่อตวั แปรตาม ป้องกนั ไม่ใหผ้ ลการศกึ ษามคี วาม
คลาดเคล่ือน ตวั แปรท่ีเราตอ้ งควบคุมเรียกว่า “ตวั แปรควบคุม”

กลา่ วโดยสรุป โครงงานแบบทดลองจะตอ้ งมีการระบุตวั แปร 3 ประเภท ดงั น้ี

ตวั แปรตน้ คือ สาเหตุหรือเหตุของการทดลอง

ตวั แปรตาม คือ ผลท่ีเกิดข้ึน หรือผลที่เกิดจากการเปลย่ี นแปลง

ตวั แปรควบคุม คือ สิ่งที่ตอ้ งควบคุมใหเ้ หมือนๆกนั

ตวั อย่าง ในความเป็นจริง (ตามธรรมชาติ) อธิบายการเจริญเติบโตของตน้ ไมว้ า่

“ตน้ ไมส้ ามารถเจริญเติบโตไดด้ ีน้นั จะตอ้ งรดน้า พรวนดิน ใส่ป๋ ุย และต้งั ไวใ้ นท่ีมแี สงแดด”

สามารถระบุตวั แปรต่าง ๆ ได้ ดงั น้ี

ตวั แปรตาม คือ การเจริญเติบโตของตน้ ไม้

ตวั แปรตน้ คือ การรดน้า พรวนดิน แสงแดด
คาอธิบาย การรดน้า พรวนดิน และ แสงแดด ส่งผลต่อ การเจริญเติบโตของตน้ ไม้

การระบุตวั แปรควบคุม

ถา้ เราตอ้ งการศึกษาวา่ ตวั แปรตน้ ตวั ใด ระหวา่ ง การรดน้า พรวนดิน แสงแดด จะส่งผลต่อการ

เจริญเติบโตของตน้ ไมม้ ากกว่ากนั เรากต็ อ้ งทาการศกึ ษาทีละตวั แปรตน้ โดยทาการควบคุมตวั แปรตน้ อนื่ ๆ

อีก 2 ตวั เช่น เราตอ้ งการศกึ ษาเฉพาะตวั แปรการรดน้าวา่ จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของตน้ ไมม้ ากนอ้ ย

เพยี งใด เรากต็ อ้ งออกแบบการทดลองโดยการควบคุมตวั แปรอีก 2 ตวั คือ พรวนดิน และ

แสงแดด โดยใหต้ น้ ไมท้ ี่ทาการทดลองท้งั หมดไดร้ ับการพรวนดิน และ แสงแดด ในปริมาณที่

เท่ากนั หรือถา้ ไมใ่ หก้ ไ็ ม่ใหเ้ หมือน ๆ กนั การพรวนดิน และ แสงแดด เรียกวา่ ตวั แปรควบคุม

ข้ันตอนในการทาโครงงานทดลอง

1. กาหนดปัญหา

2. ต้งั จุดประสงคใ์ นการศกึ ษา

3. ต้งั สมมุติฐาน

4. ออกแบบการทดลอง

5. ดาเนินการทดลอง

6. เก็บรวบรวมขอ้ มลู

7. บนั ทึกผลการทดลอง

8. แปลผล

9. สรุปผลการทดลอง

2. โครงงานประเภทสารวจ

โครงงานประเภทน้ี เป็นโครงงานการศกึ ษาสารวจขอ้ มลู สาหรับดาเนินงานพฒั นาปรับปรุงเพิม่ เติม
ผลงานและส่งเสริมผลผลิตใหม้ ีคุณภาพดียงิ่ ข้ึน ขอ้ มลู ดงั กล่าว อาจมผี จู้ ดั ทาข้นึ แต่มกี ารแปรเปลย่ี นไป
แลว้ ตอ้ งทาการสารวจจดั ทาข้ึนใหมใ่ หท้ นั สมยั อยเู่ สมอ เช่น

- การสารวจราคาผลผลิตเกษตรในทอ้ งถ่นิ

- การสารวจราคาสินคา้ อปุ โภคบริโภคในทอ้ งถ่นิ
- การสารวจแหล่งวิชาการและสถานประกอบการในทอ้ งถ่ิน
- การสารวจงานบริการในทอ้ งถนิ่
- การสารวจปริมาณการปลกู ขา้ วโพดในทอ้ งถนิ่
- การสารวจปริมาณการเล้ยี งไก่เน้ือในทอ้ งถิน่
- การสารวจปริมาณการเล้ยี งห่านในทอ้ งถิ่น
- การสารวจคลองแม่ราพนั สุโขทยั

3. โครงงานประเภทส่ิงประดษิ ฐ์

โครงงานประเภทน้ีเป็นโครงงานสร้างสรรคส์ ิ่งประดษิ ฐใ์ หม่ ๆ ข้ึนมาหลงั จากที่ไดศ้ กึ ษาทาง
ทฤษฎีหรือพบเห็นผลงานของผอู้ ื่นแลว้ เกิดความคิดสร้างสรรคท์ ่ีจะพฒั นาต่อไป จึงประดิษฐค์ ิดคน้ ให้
สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดด้ ียงิ่ ข้ึน เช่น

การควบคุมระบบการใหน้ ้าในแปลงเพาะชา
- การประดิษฐห์ วั ฉีดพน่ น้าในแปลงปลกู ผกั
- การประดิษฐข์ องชาร่วย

- การประดิษฐเ์ คร่ืองรับวิทยุ

- การประดิษฐเ์ ครื่องเสีย

- การออกแบบเส้ือผา้ ชาย หญิง

4. โครงงานประเภทพฒั นาผลงาน

โครงงานประเภทน้ีเป็นโครงงานท่ีเกิดจากการศกึ ษาเน้ือหาทางวิชาการ หรือหลกั ทฤษฎีเก่ียวกบั
วชิ าการงานและอาชีพหรือวิชาสามญั ต่าง ๆ แลว้ นามาปรับปรุงและพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวทางทฤษฎี
ดงั กล่าว ส่งผลใหม้ ผี ลงานเป็นรูปธรรมยง่ิ ข้ึน ตวั อยา่ งเช่น

เมอ่ื นกั เรียนไดศ้ กึ ษาทางทฤษฎีเก่ียวกบั

พลงั งานแสงอาทิตย์ : โครงงานสร้างเครื่องอบกลว้ ยดว้ ยแสงแดด ตูอ้ บเน้ือสตั วต์ ่าง ๆ เครื่องทาน้า
ร้อน ฯลฯ

พืชสมุนไพร : โครงงานการใชย้ าปราบศตั รูพชื ดว้ ยพชื สมนุ ไพร กาจดั เพล้ยี หนอนแมลงปี ก
แข็ง ฯลฯ

การถนอมอาหาร : โครงงาน การแปรรูปผลผลิต การทาผกั กาดดองสามรส การทาไสก้ รอก การ
ดองพืชผกั ผลไมต้ ่าง ๆ ฯลฯ

การเลยี้ งปลา : โครงงานการเล้ยี งปลาสวยงาม การเปล่ยี นสีปลาออสกา้

ลกั ษณะของโครงการ

1. มจี ุดมง่ั หมายเฉพาะหน่ึงจุดมุ่งหมาย มกี ารกาหนดวตั ถปุ ระสงคอ์ ยา่ งชดั เจน มผี ลผลติ (output)
บริการและผลลพั ธ์ (outcome) ท่ีมลี กั ษณะเฉพาะ

2. เป็นการปฏบิ ตั ิงานชวั่ คราว (temporary) มีเวลาเร่ิมตน้ – ส้ินสุด
3. ตอ้ งการทรัพยากรหลายประเภท ไดแ้ ก่ บคุ ลากร วสั ดุ อุปกรณ์ โปรแกรมสาเร็จรูป

4. ควรมีผสู้ นบั สนุนงบประมาณ/ลูกคา้
5. เกี่ยวขอ้ งกบั ความไม่แน่นอน เพราะมลี กั ษณะเฉพาะ ยากลาบากในการกาหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ ห้
ชดั เจน ท้งั เวลา / ค่าใชจ้ ่าย

ข้นั ตอนการปฏิบตั ขิ องนักเรียน

1. นกั เรียนรวมกลมุ่ กบั เพ่อื นทาโครงการอาชีพ
2. ศกึ ษาขอ้ มลู รายละเอยี ดงานอาชีพที่สนใจ

3. ปรึกษา อ.ท่ีปรึกษาและผมู้ ีประสบการณ์
4. เขียนโครงการอาชีพ >> ระดมทุน

5. ประชุมปรึกษาหารือ << ดาเนินการตามโครงการ >> บนั ทึกการปฏบิ ตั ิงาน
6. สรุปรายงานผลการปฏบิ ตั ิโครงการอาชีพ

การพจิ ารณาจดั ทาโครงงานอาชีพ

การพจิ ารณาจดั ทาโครงงาน เป็นการดาเนินงานท่ีตอ้ งตดั สินใจทาโครงงานใหบ้ รรลุตามจุดประสงค์
ท่ีกาหนดไว้ มอี งคป์ ระกอบสาคญั ไดแ้ ก่

1. การเลือกหวั ขอ้ เร่ืองโครงงาน
2. การศึกษาขอ้ มลู โครงงาน
3. สงั เกตสภาพแวดลอ้ ม

ข้นั ตอนการทาโครงงาน – โครงงานอาชีพ

ข้นั ตอนที่ 1 การคิดและเลอื กหวั เร่ือง
เป็นการหาหวั ขอ้ ในการทดลอง ในการที่อยากทราบ

ข้นั ตอนที่ 2 การศกึ ษาเอกสารที่เก่ียวขอ้ ง
รวมไปถึงการขอคาปรึกษา ขอแนะนา หรือขอ้ มลู ต่าง ๆ จากผคู้ ุณวฒุ ิที่เกี่ยวขอ้ ง

ข้นั ตอนท่ี 3 การเขียนเคา้ โครงของโครงงาน
โดยทว่ั ไปเคา้ โครงของโครงงานจะมหี วั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี

หัวข้อ รายละเอยี ดทตี่ ้องระบุ
1. ชื่อโครงงาน ทาอะไร กบั ใคร เพอ่ื อะไร
2. ช่ือผทู้ าโครงการ ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ
3. ชื่อท่ีปรึกษาโครงงาน ผทู้ รงคุณวฒุ ิต่าง ๆ

4. ระยะเวลาดาเนินการ ระยะเวลาดาเนินโครงานต้งั แต่ตน้ จนจบ

5. หลกั การและเหตุผล เหตุผลและความคาดหวงั

6. จุดหมาย / วตั ถปุ ระสงค์ สิ่งท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน

7. สมมตุ ิฐานของการศกึ ษาโครงงาน สิ่งท่ีคาดว่าจะเกิดเม่ือส้ินสุดการทาโครงงาน

8. ข้นั ตอนการดาเนินงาน ข้นั ตอนการทางาน วสั ดุ อุปกรณ์ สถานท่ี

9. ปฏิบตั ิโครงงาน วนั เวลา กิจกรรมดาเนินงาน เร่ิมจนสิ้นสุด

10. ผลที่คาดว่าจะไดร้ ับ สภาพของผลท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดท้งั ท่ีเป็น

ผลผลติ กระบวนการ และผลกระทบ

11. บรรณานุกรม ช่ือเอกสาร ขอ้ มูล ท่ีไดจ้ ากแหลง่ ต่าง ๆ

ข้นั ตอนท่ี 4 การปฏบิ ตั ิโครงงาน

เป็นการดาเนินงานตามแผนที่ไดก้ าหนดไวใ้ นเคา้ โครงของโครงงาน และตอ้ งมกี ารจด
บนั ทึกขอ้ มลู ต่าง ๆ อยา่ งละเอยี ด จดั ทาอยา่ งเป็นระบบ เป็นระเบียบ เพือ่ ท่ีจะไดใ้ ชเ้ ป็นขอ้ มูลต่อไป

ข้นั ตอนท่ี 5 การเขียนรายงาน

ควรใชภ้ าษาที่เขา้ ใจง่าย กระชบั ชดั เจน และครอบคลมุ ประเดน็ สาคญั ของโครงงาน โดย
สามารถเขียนใหอ้ ยใู่ นรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสรุป รายงานผล ซ่ึงประกอบไปดว้ ยหวั ขอ้ ต่าง ๆ เช่น บทคดั
บ่อ บทนา เอกสารที่เก่ียวขอ้ ง เป็นตน้

ข้นั ตอนท่ี 6 การแสดงผล

เป็นการนาเสนอผลงาน สามารถจดั ไดห้ ลายรูปแบบ เช่น การจดั นิทรรศการ หรือ สิ่งตีพมิ พ์
การสอนแบบเพื่อนสอนเพื่อน ตามความเหมาะสมของโครงงาน

ข้อจากัดของการจดั ทาโครงงาน

การจดั ทาโครงงานจะประสบความสาเร็จได้ มีขอ้ จากดั ดงั น้ี

1. การจดั โครงงานต่าง ๆ ท้งั ผสู้ อนและผเู้ รียน จะตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจในเร่ืองที่ทาค่อนขา้ งมาก
ตอ้ งมกี ารศึกษาคน้ ควา้ เอกสาร ความรู้ต่าง ๆ เพ่ือใชเ้ ป็นขอ้ มูลสนบั สนุน ระหวา่ งทาการทดลอง

2. เรื่องที่ทาตอ้ งเป็นสิ่งที่ใกลต้ วั ผลที่ไดค้ วรเกิดประโยชนแ์ ก่ตวั ผเู้ รียน หรือบุคคลในทอ้ งถน่ิ

3. เร่ืองท่ีทาตอ้ งเหมาะสมกบั วยั ของผเู้ รียน ผเู้ รียนสามารถทดลองได้

4. การออกแบบทดลอง จะตอ้ งครอบคลุมจุดหมายทก่ี าหนดไว้

5. ระหวา่ งทาโครงงาน จะตอ้ งมีการแกไ้ ขปัญหา ผเู้ รียนจะตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจเร่ืองของ
กระบวนการแกป้ ัญหา และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

การสารวจวเิ คราะห์ก่อนตดั สินใจเลือกโครงการ

ก่อนการตดั สินเลือกทาโครงการใดๆ จาเป็นท่ีจะตอ้ งใชก้ ารคิดวิเคราะห์ วนิ ิจฉยั อยา่ งรอบคอบดว้ ย
การสารวจขอ้ มลู ที่เก่ียวขอ้ งใหม้ ากท่ีสุด เพอ่ื ป้องกนั ความผดิ พลาดในการตดั สินใจ เพอื่ ใหเ้ กิดประโยชน์
สูงสุด ดงั น้นั ควรสารวจและวิเคราะหข์ อ้ มลู ต่างๆท่ีเป็นองคป์ ระกอบสาคญั คือ สารวจขอ้ มลู เก่ียวกบั ตวั
นกั เรียน สารวจขอ้ มูลเก่ียวกบั สงั คมส่ิงแวดลอ้ ม และสารวจขอ้ มูลเกี่ยวกบั โครงการต่าง ๆ

1. สารวจขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง สารวจขอ้ มลู เก่ียวกบั ตวั นกั เรียน

ในการสารวจขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองน้นั มปี ัจจยั หลายประการ เช่น สติปัญญา ความสามารถ ความ
ถนดั ความสนใจ ทกั ษะและความพร้อมในวิชาสาขาอาชีพ รวมท้งั วิชาอน่ื ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง โดยเฉพาะ วิชา
โครงการท่ีเลอื กจะเป็นปัจจยั พ้นื ฐานที่สาคญั ในการพฒั นาหรือจดั ทาโครงการใหม้ ีประสิทธิภาพมากยง่ิ ข้ึน

2. การสารวจขอ้ มลู เกี่ยวกบั สภาพแวดลอ้ มและสงั คม

ขอ้ มลู ต่าง ๆ น้นั มีส่วนผลกั ดนั ใหโ้ ครงการสาเร็จลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดี เช่น ความเห็นชอบของบุคคล
รอบตวั คนในครอบครวั อาจารยท์ ี่ปรึกษา เพอื่ นร่วมงานเป็นตน้ ท้งั น้ียงั รวมไปถงึ ความตอ้ งการของคนใน
ทอ้ งถน่ิ แหล่วงความรู้ต่างๆท่ีจะเป็นความรู้เพิม่ เติม แหล่งจดั หาวสั ดุอปุ กรณ์สาธารณูปโภคที่เอ้ืออานวย
ความสะดวกในการเดินทางและการขนส่ง เป็นตน้

3. สารวจขอ้ มลู เก่ียวกบั โครงการ โครงการมีส่วนส่งเสริมสนบั สนุนผลกั ดนั ใหเ้ กิดเป็น
แนวความคิดและประสบการณ์อยา่ งหลากหลาย ซ่ึงสามารถศึกษาและสารวจขอ้ มลู ไดจ้ ากแหลง่ ต่าง ๆ เช่น
แหลง่ วชิ าชีพ ฟาร์มเล้ยี งสตั ว์ สวนผลไม้ วนอุทยาน ศนู ยธ์ ุรกิจการคา้ ศนู ยศ์ ิลปาชีพ ฯลฯ นอกจากน้ีขอ้ มูล

สามารถนามาไดจ้ ากการบรรยาย ประชุมสมั มนา รายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ การศกึ ษาผลงานของผอู้ นื่ หรือจาก
การสนทนา สมั ภาษณ์ จากบุคคลที่มคี วามรู้เฉพาะดา้ นน้นั ๆ ท้งั น้ีการสงั เกตส่ิงต่างๆท่ีพบเห็นใน
ชีวิตประจาวนั หรือจากงานอดิเรกจะเป็นขอ้ มูลและประสบการณ์ ที่มคี ุณภาพ

การเขียนโครงการฝึ กอาชีพ

หลกั การสาคญั ในการเขียนโครงการ

การปฏบิ ตั ิงานตามโครงงานอาชีพของผเู้ รียน เพอื่ ใหบ้ รรลุตามจุดหมานของหลกั สูตรและ
จุดมงุ่ หมายการจดั ทาโครงการ จึงไดก้ าหนดหลกั การท่ีสาคญั เก่ียวกบั โครงการไว้ ดงั น้ี

1. ใหผ้ เู้ รียนแต่ละกลุม่ มีเสรีภาพในการตดั สินใจ เลอื กทาโครงงานอาชีพใดก็ได้ ตามความถนดั
ความสนใจ และคามพร้อมของผเู้ รียน

2. ผเู้ รียนในหอ้ งเรียนเดียวกนั ควรเลือกโครงการอาชีพแตกต่างกนั ไดต้ ามความถนดั ความพร้อม
และความสนใจ ตลอดจนคานึงถึงความจาเป็นในการใชป้ ระโยชน์ช้ินงาน หรือรายไดจ้ ากการปฏบิ ตั ิงาน

3. ใหค้ านึงถงึ ทรัพยากรในทอ้ งถิน่ ท้งั ทรัพยากรท่ีใชเ้ ป็นวตั ถุดิบ ในการผลิตช้ินงาน และทรัพยากร
บุคคลในทอ้ งถ่นิ ตลอดจนภูมิปัญญาชาวบา้ น เพอ่ื การอนุรกั ษ์ และพฒั นาเทคโนโลยใี นทอ้ งถนิ่

4. ผเู้ รียนสามารถนาทกั ษะการทางาน พ้นื ฐานหลายประเภท รวมไวใ้ นโครงการเดียวได้

5. ในแต่ละโครงการ อาจกาหนดคาบเวลาแตกต่างกนั ได้ ตามความยากง่ายของลกั ษณะงาน

6. ครูอาจารย์ ผสู้ อน หรือท่ีปรึกษา อาจจดั สื่อการสอนในลกั ษณะของใบงาน หรือใบความรู้ หรือ
ขอ้ มูลทางวิชาการ เพ่อื ช่วยใหน้ กั เรียน สามารถปฏบิ ตั ิงานไดด้ ว้ ยตนเอง

7. ในการประเมินโครงการ ใหค้ รู อาจารยผ์ สู้ อน หรือที่ปรึกษาเป็นผปู้ ระเมนิ โดยคานึงถึงความรู้
ความเขา้ ใจ กระบวนการทางาน เจตติในการปฏิบตั ิงาน และการนาชิน้ งานไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั
และตอ้ งประเมินผลการเรียนเป็นรายภาคเรียน สาหรับผเู้ รียนที่เลือกหลายโครงการใน 1 ภาคเรียน ให้
ประเมินผลโดยใหค้ ะแนนในแต่ละโครงการก่อน แลว้ นามารวมกนั เพ่อื ตดั สินใหร้ ะดบั คะแนน โดย
คานึงถึงคาเวลาในแต่ละโครงการ โดยจดั สดั ส่วนน้าหนกั โครงการแตกต่างกนั ตามคาบเวลา

ส่วนประกอบและวธิ ีการเขยี นโครงการฝึ กอาชีพ

ส่วนประกอบและวิธีเขียนโครงการฝึกอาชีพ มรี ายะเอียด ดงั ต่อไปน้ี

1. ชื่อโครงงาน

ควรต้งั ชื่อโครงการอาชีพใหส้ ื่อความหมายไดช้ ดั เจน ครอบคลุมความหมายของกิจกรรมอาชีพท่ีทา
ใหช้ ดั เจนว่าทาอะไร ตอ้ งเป็นช่ือที่เหมาะสม ชดั เจน ดึงดูดความสนใจ และเฉพาะเจาะจงว่าจะทาอะไร ไม่
ควรต้งั ช่ือโครงการที่มคี วามหมายกวา้ งเกนิ ไปตวั อยา่ งเช่น โครงการปลูกมนั สมั ปะหลงั โครงงานทา
สิ่งประดิษฐ์

2. ช่ือผ้ทู าโครงงาน

เป็นช่ือผรู้ ับผดิ ชอบโครงงาน ในกรณีงานกล่มุ ตอ้ งระบุหนา้ ที่ความรับผดิ ชอบของแต่ละคนให้
ชดั เจน พจิ ารณาความเหมาะสมในดา้ นความสามารถ โอกาสในการทางาน กาลงั ทุนทรัพยส์ ินของแต่ละ
บุคคล ท้งั น้ีเพ่ือจะไดท้ ราบว่า โครงงานอยใู่ นความรับผดิ ชอบของใครและสามารถติดตามไดท้ ่ีใด หรือ
โครงการน้ีอยใู่ นความรับผดิ ชอบของใคร เมื่อมปี ัญหาจะไดต้ ิดต่อประสานงานไดอ้ ยา่ งง่าย

3. ช่ือท่ีปรึกษาโครงงาน

เป็นผทู้ รงคุณวุฒิต่าง ๆ

4. หลกั การและเหตผุ ลหรือความสาคญั ของโครงการ

ควรกล่าวถึงสภาพชุมชนและความตอ้ งการของตลาดท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั อาชีพตามที่ได้ ศึกษามา และ
อธิบายว่าโครงงานน้ีจะสนองความตอ้ งการของชุมชนไดอ้ ยา่ งไร แสดงใหเ้ ห็นถึงความจาเป็นหรือ
ความสาคญั ซ่ึงผเู้ สนอโครงงานจะตอ้ งระบุถึงเหตุผลและขอ้ มูล หรือทฤษฎีต่าง ๆ มาสนบั สนุนโครงการให้
ปรากฏชดั เจนอยา่ งสมเหตุสมผล การเขียนหลกั การและเหตุผลในส่วนน้ีประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 3 ส่วนคือ

1. ความเป็นมาของโครงการยอ่ ๆ
2. เหตุผลและความจาเป็นที่ตอ้ งมโี ครงการน้นั ๆ
3. วิธีการดาเนินโครงการยอ่ ๆ

5. วตั ถุประสงค์

จะตอ้ งกาหนดวตั ถุประสงคใ์ หช้ ดั เจนว่า โครงงานอาชีพน้ี ผเู้ รียนจะทาอะไรโดยเขียนใหเ้ ห็นวา่
กิจกรรมหรือพฤติกรรมที่จะดาเนินการมี อะไรบา้ ง หากมวี ตั ถุประสงคห์ ลายประการก็ควรเขียนเป็นขอ้ ๆ
ตามลาดบั ความสาคญั การเขียนวตั ถุประสงคม์ คี วามสาคญั ต่อแนวทาง การศกึ ษา ตลอดจนขอ้ ความรู้ท่ี

คน้ พบหรือสิ่งประดษิ ฐท์ ่ีคน้ พบน้นั จะมคี วามสมบูรณ์ครบถว้ น ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคท์ ุก ๆ
ขอ้ ไมเ่ ปิ ดโอกาสใหต้ ีความไดห้ ลายอยา่ งอนั จะทาใหค้ วามหมายบิดเบือนไปจากเจตนารมณ์ที่แทจ้ ริง และ
สามารถประเมนิ ผลและวดั ได้

6. เป้าหมาย

เป้าหมาย (Targets) หมายถึงการแสดงผลผลิตข้นั สุดทา้ ยในแง่ปริมาณ จานวนหรือการวดั
ความสาเร็จในช่วงระยะเวลาหน่ึง ๆ กาหนดเป้าหมายของผลผลิตในช่วงเวลาใหช้ ดั เจนคือ อะไร มีปริมาณ
เท่าใดและคุณภาพเป็นอยา่ งไร เป้าหมายจึงคลา้ ยกบั วตั ถุประสงคแ์ ต่มลี กั ษณะเฉพาะเจาะจงมากกวา่ มกี าร
ระบุส่ิงท่ีตอ้ งการกระทาหรือการไปถึงชดั เจนกวา่ และระบุเวลาที่ตอ้ งการบรรลุ ว่าจะแลว้ เสร็จในวนั ท่ีเท่าไร
เดือนอะไร ปี ใด โดยใคร และอยา่ งไร นอกจากน้นั อาจมกี ารกาหนดเป้าหมายเชิงคุณภาพควบคู่ไปดว้ ยก็ได้

7. ระยะเวลาดาเนนิ การ

การระบุระยะเวลาและสถานที่หรือพ้นื ท่ีเป้าหมายที่จะจดั กิจกรรม ต้งั แต่เริ่มตน้ โครงการจนกระทง่ั
เสร็จส้ินโครงงานและในกรณีท่ีเป็นโครงงานระยะยาวมหี ลายข้นั ตอน ก็จะตอ้ งแสดงช่วงเวลาในแต่ละ
ข้นั ตอนน้นั ดว้ ย ท้งั น้ีเพื่อใชป้ ระกอบการพิจารณาเพ่อื อนุมตั ิโครงงาน ตวั อยา่ งเช่น
ระยะเวลา : 1 เดือน วนั ที่ 1 – 30 เมษายน 2558
สถานที่ดาเนินงาน : โรงเรียนสารคามพิทยาคม

8. งบประมาณ

จดั ทารายละเอียดรายจ่ายที่เกิดข้ึนในการดาเนินโครงงาน เป็นการระบุถงึ จานวนเงิน จานวนบคุ คล
จานวนวสั ดุ-ครุภณั ฑ์ และปัจจยั อน่ื ๆ ท่ีจาเป็นต่อการดาเนินงาน การจดั ทางบประมาณและทรัพยากรในการ
ดาเนินงานโครงการ ผวู้ างแผนโครงการควรตอ้ งคานึงถึงหลกั สาคญั 4 ประการในการจดั ทาโครงการ โดย
จะตอ้ งจดั เตรียมไวอ้ ยา่ งเพียงพอและจะตอ้ งใชอ้ ยา่ งประหยดั ดงั น้ี

1. ความประหยดั (Economy)

2. ความมีประสิทธิภาพ (Efficiency)

3. ความมปี ระสิทธิผล (Effectiveness)

4. ความยตุ ิธรรม (Equity)

9. ข้ันตอนวธิ ดี าเนนิ งาน

เขียนเป็นรายละเอยี ดข้นั ตอนของการทางาน ต้งั แต่เร่ิมตน้ จนส้ินสุดโครงงานโดยเขียนเป็น
แผนปฏิบตั ิงาน ซ่ึงประกอบดว้ ยหวั ขอ้ กิจกรรม ระยะเวลา สถานศึกษา ทรัพยากร/ปัจจยั เป็นตน้ รายละเอียด
ดงั กลา่ วจะทาใหผ้ ทู้ ี่ปรึกษาหรือผดู้ าเนินงานติดตามกากบั งานได้ อยา่ งมีระบบแกไ้ ขปัญหาไดท้ นั ท่วงที

10. การตดิ ตามและการประเมนิ ผล

เป็นวธิ ีการหรือเทคนิคในการดูแลและควบคุมการปฏบิ ตั ิงานใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ ท้งั น้ีตอ้ งบอก
ใหช้ ดั เจนวา่ ก่อนเร่ิมทาโครงงาน ระหวา่ งทาโครงงานและหลงั การทาโครงงาน จะมกี ารติดตามและ
ประเมนิ ผลอยา่ งไร เป็นการระบุวา่ มกี ารติดตาม การควบคุม การกากบั และการประเมนิ ผลโครงงาน
อยา่ งไร จะประเมนิ ความสาเร็จของการดาเนินงานโครงงานไดอ้ ยา่ งไรใครเป็นผรู้ ับผดิ ชอบ โดยระบุวธิ ีหรือ
เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการประเมินดว้ ย ท้งั น้ีหวั ขอ้ ของการประเมนิ จะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคต์ าม
โครงงานดว้ ย

ดังน้นั เพอื่ ใหก้ ารติดตามและประเมินผลโครงการสอดคลอ้ งระหวา่ งการวางแผนกบั การ
ปฏบิ ตั ิงาน ควรพจิ ารณาดาเนินการเป็น 3 ระยะ คือ
1. ประเมนิ ผลก่อนการทาโครงการ หรือก่อนการปฏบิ ตั ิงาน
2. ประเมินผลระหวา่ งท่ีมกี ารทาโครงงาน
3. ประเมินผลภายหลงั การทาโครงงาน

11. ผลทค่ี าดว่าจะได้รบั

ใหร้ ะบุผลท่ีจะเกิดข้ึนเมื่อเสร็จสิ้นโครงงาน เป็นผลที่ไดร้ ับโดยตรงและผลพลอยไดห้ รือผลกระทบ
จากโครงงานเป็นผลในดา้ นดีที่ คาดวา่ จะไดร้ ับจะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคแ์ ละเป้าหมาย แสดงถงึ
ผลประโยชนท์ ี่ผดู้ าเนินโครงการและผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งจะไดร้ ับหลงั โครงการสิ้นสุดลง ซ่ึงหมายถงึ ผลกระทบ
ในทางท่ีดี ท่ีคาดวา่ จะเกดิ ข้นึ ท้งั ทางตรงและทางออ้ ม นอกจากน้ีจะระบุไวช้ ดั เจนว่าใครจะไดร้ ับ
ผลประโยชนแ์ ละผลกระทบในลกั ษณะอยา่ งไร ท้งั ดา้ นปริมาณ และดา้ นคุณภาพ

12. ปัญหาและอปุ สรรค

การดาเนินงานตามโครงการน้ี จะมีปัญหาและอุปสรรคใดบา้ ง ท้งั ในดา้ นตวั บุคคลที่
ร่วมงาน ข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิ ภยั ธรรมชาติ ตลาดจาหน่ายและอืน่ ๆ ท่ีเห็นวา่ น่าจะเกดิ ข้ึน พร้อมช้ีแจงสาเหตุ
ท่ีอาจเกิดข้ึนดว้ ย รวมท้งั แนวทางแกไ้ ข ปัญหาและอุปสรรคท่ีไมเ่ ป็นไปตามแผนข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิงานทุก
ข้นั ตอน ระยะเวลา วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายท่ีกาหนดดว้ ย


Click to View FlipBook Version