The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-BOOK หลักการและรูปแบบของการเกษตรแบบผสมผสาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tarmalew, 2022-03-24 08:35:12

หลักการและรูปแบบของการเกษตรแบบผสมผสาน

E-BOOK หลักการและรูปแบบของการเกษตรแบบผสมผสาน

Keywords: เกษตร,เกษตรผสม,ผสาน,หลักการ,รูปแบบ

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

หลักการและรปู แบบของการเกษตรแบบผสมผสาน

การเกษตรแบบผสมผสาน เป็นระบบการเกษตรที่มีการปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ การประมง และ
สิ่งแวดล้อมที่เกิดความสัมพันธ์กัน เกื้อกูลกัน การเกษตรแบบผสมผสานจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมี
การวางรูปแบบ ดำเนินกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงปัจจัยการผลิต เศรษฐกิจ ชุมชน สังคม
สภาพแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติทม่ี ีอยู่ให้เกิดประโยชนส์ งู สุด

1. พน้ื ฐานของการเกษตรแบบผสมผสาน

การทำเกษตรแบบผสมผสาน เป็นการทำการเกษตรที่เลียนแบบธรรมชาติ โดยการนำมาปรับใช้
ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับมนุษย์ เพื่อความอยู่รอดอย่างมีความสุข จะเห็นได้จากกิจกรรมต่างๆ
เช่น ระบบความสัมพันธ์ของป่าไม้เขตร้อนขึ้นในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย ไม้ยืนต้น ไม้เล็ก สัตว์ใหญ่
สัตว์เล็กมากมายหลายชนิด ที่สัมพันธ์กันเป็นห่วงโซ่อาหารที่ซับซ้อน รวมทั้งภายในดินและใต้ผืนป่าที่มี
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ มากมายทำหน้าที่ในการย่อยสลายเศษซากพืชและสัตว์ และยังมีแร่ธาตุในดินที่อยู่ในรูปที่พืช
สามารถนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้อกี ด้วย

การเกษตรแบบผสมผสานมีกิจกรรมการผลิตท่ีหลากหลาย เพื่อตอบสนองต่อการบริโภค และ
ลดความเสี่ยงต่อราคาผลผลิต ความแปรปรวนของผลผลิตที่ไม่แน่นอน ลดต้นทุนการผลิต โดยคำนึงถึง
สภาพแวดล้อมที่เกิดการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีการพัฒนาความรู้ความสามารถของผู้ดำเนินการเกษตรแบบ
ผสมผสาน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนให้เกิดความสามัคคี สร้างสรรค์สังคมให้เข้มแข็ง และสิ่งแวดล้อม
เกดิ ความสมบรู ณ์

2. หลักการของการเกษตรแบบผสมผสาน

การทำการเกษตรแบบผสมผสานมหี ลักการทีส่ ำคญั 4 ประการ ดงั นี้
2.1 การทำการเกษตรผสมผสานต้องมีกิจกรรมการเกษตรตั้งแต่ 2 กิจกรรมขึ้นไป โดยการ
ทำการเกษตรทั้ง 2 กิจกรรมนั้นต้องทำในพื้นที่และระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งกิจกรรมเหล่านั้นประกอบด้วย
การปลกู พชื และการเล้ยี งสตั ว์ อาจผสมผสานระหวา่ งการปลกู พืชต่างชนิดหรือการเล้ียงสัตวต์ ่างชนดิ กันได้
2.2 การเกื้อกูลประโยชน์ระหว่างกิจกรรมเกี่ยวข้องกับการเกษตรต่าง ๆ และการใช้ประโยชน์จาก
ทรัพยากรที่มีอยู่ในระบบเกษตรแบบผสมผสาน เกิดขึ้นทั้งจากวงจรการใช้แร่ธาตุอาหารรวมทั้งอากาศและ
พลังงาน เช่น การหมุนเวียนใช้ประโยชน์จากมูลสัตว์ให้เป็นประโยชน์กับพืช และให้เศษพืชเป็นอาหารสัตว์
โดยที่กระบวนการใช้ประโยชน์จะเป็นไปทั้งทางตรงหรือทางอ้อม

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

2.3 มีความพอเพียง ยึดหลักการพึ่งตนเอง ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถ่ิน
ในการผลติ

2.4 ใชท้ รัพยากรในทอ้ งถน่ิ ใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสุด มีความยั่งยืน ลดความเสยี่ งในการผลิต

3. รูปแบบการเกษตรแบบผสมผสาน

รูปแบบการเกษตรแบบผสมผสาน มีการดำเนินกิจกรรมที่หลากหลาย มีความแตกต่างกันในลักษณะ
ของงานที่ปฏิบัติ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆ ที่นำมาผสมผสานกัน ซึ่งการแบ่งรูปแบบของการเกษตร
แบบผสมผสาน สามารถแบ่งไดด้ ังน้ี

3.1 การแบง่ ตามกิจกรรมท่ีดำเนินอยู่เปน็ หลกั

การแบง่ ตามกจิ กรรมที่ดำเนนิ อยู่เป็นหลกั แบง่ ไดด้ ังน้ี
3.1.1 การปลูกพืชแบบผสมผสาน เปน็ การอาศัยหลกั การความสัมพันธ์ระหว่างพชื กบั พชื ระบบนิเวศ
ตามธรรมชาติมาจัดการ และปรับใช้ในระบบการเกษตร กิจกรรมการผสมผสานของพืชมีอยู่หลายรู ปแบบ
ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ ความเหมาะสม ความชำนาญ ความต้องการของผู้ผลิต และรวมไปถึงการตลาด ค่านิยม
ประเพณี และวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น หากมีความหลากหลายของพืชปลูกมากเท่าใด ก็จะสามารถเพ่ิม
เสถยี รภาพใหก้ บั ระบบมากขึน้ เท่าน้ัน ซ่งึ มีพืชสำคัญเปน็ หลกั ดังน้ี

1) การเกษตรแบบผสมผสานที่มีข้าวเป็นพืชหลัก โดยพื้นที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่จะเป็น
ที่นา และทำการปลูกข้าวนาปีเป็นพืชหลัก การผสมผสานกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เกื้อกูลกันสามารถทำได้ใน
รูปแบบของพืชกับพืช เช่น การปลูกพืชตระกูลถั่ว พืชผัก พืชเศรษฐกิจอื่นๆ ก่อนหรือหลังฤดูกาลทำ นา
ระบบการปลูกพืชในนาข้าวมีความยั่งยืนมาช้านาน จะเห็นได้จากการปลูกข้าวในภาคกลางและภาคเหนือ
ตอนล่าง ส่วนภาคใต้มีการปลูกตาลร่วมกับระบบการปลูกข้าว เป็นลักษณะการปลูกต้นตาลบนคันนา
เป็นส่วนใหญ่ และมีบางส่วนที่ต้นตาลขึ้นอยู่ในกลางทุ่งนา เกษตรกรได้ทั้งผลผลิตข้าวและผลิตผลจากตาล
ซึ่งอาจอยู่ในรูปของน้ำหวานที่นำมาเคี่ยวเป็นน้ำตาล ผลตาลอ่อน และผลตาลแก่นำมาใช้ทำขนม ต้นตาล
ท่มี ีอายมุ ากจะใหผ้ ลผลิตลดลง สามารถแปรสภาพเนื้อไม้มาใชใ้ นอุตสาหกรรมก่อสร้างได้ เชน่ ทำไม้กวาดและ
ทำเฟอร์นเิ จอร์ เป็นต้น

2) การเกษตรแบบผสมผสานที่มีพืชไร่เป็นพืชหลัก กิจกรรมการเกษตรส่วนใหญ่จะเป็น
พืชไร่ ในลักษณะของการปลูกร่วมกัน เช่น การปลูกพืชตระกูลถั่วแซมในแถวพืชหลัก เช่น ข้าวโพด มัน
สำปะหลงั และฝ้าย เป็นตน้

3) การเกษตรแบบผสมผสานที่มีพชื ผักเป็นพืชหลัก เป็นกิจกรรมการเกษตรที่ใชพ้ ื้นทีน่ ้อย
และให้ผลผลิตในระยะเวลารวดเร็ว สามารถทำให้เกิดการผสมผสานในลักษณะพืชกับพืชทั้งรูปแบบการ
ปลูกร่วม และการปลกู เหล่ือมฤดูกับพชื ผกั ดว้ ยกันเอง หรือขา้ ว และพืชไรต่ า่ งๆ เช่น การปลูกหอมแดงกับผักชี
การปลูกถวั่ ฝักยาวกบั ข้าวโพดหวาน การปลกู ดีปลกี ับผักชนิดตา่ งๆ (รปู ที่ 3.1) เป็นตน้

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

รูปท่ี 2.1 การปลูกผักต่างๆ แซมดปี ลี

4) การเกษตรแบบผสมผสานที่มีไม้ผลเป็นพืชหลัก เป็นการผสมผสานกิจกรรมด้านพืช
กับพืช เช่น การปลูกมะพร้าวเป็นพืชหลักแซมด้วยโกโก้ ปลูกผักหวานป่าแซมในสวนลำไย และปลูกพืชผัก
พชื ตระกูลถ่ัวในแถวไมผ้ ล เป็นตน้

5) การเกษตรแบบผสมผสานที่มีไม้ป่าหลากหลายชนิดเป็นหลัก เป็นการผสมผสาน
สภาพแวดล้อมของป่า และสภาพแวดล้อมทางการเกษตรของคนเข้าด้วยกัน เกิดความเกื้อกูลกัน
ด้านนิเวศวิทยาของป่า มีการจัดสรรช่วงเวลาที่ปลูก พื้นที่ และพันธุ์ไม้ เพื่อพึ่งพาอาศัยกันในระบบนิเวศ ทั้งนี้
อาจมีการปลกู พืชในพน้ื ท่ีหลากหลายชนิดตามระดบั ความสูงและประโยชนก์ ารใช้สอย ดังน้ี

(1) ระดับบน เป็นการปลูกพืชไม้ยืนต้น อยู่ในระดับความสูงประมาณ 30 เมตร เช่น
ตะแบก ประตู และสกั ทอง เป็นไมส้ ำหรับใช้สอยหรอื ทำทอ่ี ยอู่ าศยั เปน็ หลัก

(2) ระดับสูง เป็นการปลูกพืชเศรษฐกิจ อยู่ในระดับความสูงประมาณ 20 เมตร เช่น
มะพร้าว หมาก และสะตอ เป็นไมใ้ ช้สำหรับบรโิ ภคเป็นหลกั

(3) ระดบั ปานกลาง เปน็ การปลูกพชื พื้นบ้านและพชื ป่าที่ชอบร่มเงา อยใู่ นระดับความสูง
ประมาณ 7-10 เมตร เช่น มังคุด ลางสาด ลองกอง ประดู่ และขีเ้ หลก็ เปลือกตน้ ประตูมีสรรพคณุ เป็นยาสมาน
นวดแผล ส่วนข้เี หลก็ ใช้ทำเป็นอาหาร ใช้แกอ้ าการท้องผกู บำรุงโลหิต บำรงุ น้ำดี ทำใหเ้ จรญิ อาหาร เปน็ ตน้

(4) ระดับต่ำ เป็นการปลูกพืชไม้ผลทรงพุ่ม อยู่ในระดับความสูงประมาณ 3-5 เมตร
เชน่ มะละกอ แค และมะรุม เปน็ ต้น ใชส้ ำหรบั เป็นอาหาร

(5) ระดับล่าง เป็นการปลูกพืชไม้พุ่มและพืชผัก เช่น มะเขือพวง มะอึก กาแฟ
ผักหวานป่า และชะอม เปน็ ตน้ ใชส้ ำหรบั เปน็ อาหาร

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

(6) ระดับหน้าดิน เป็นการปลูกพืชพื้นบ้านยืนต้นหรือพืชล้มลุก เช่น ยี่หร่า กะเพรา
โหระพา และแมงลัก ใช้สำหรับเปน็ อาหาร

(7) ระดบั ผวิ ดนิ เป็นการปลกู พชื ผกั กนิ ใบ ผล ลำต้น อาจเป็นพืชผักอายสุ ้นั หรอื พชื ยนื ตน้
ข้ามปกี ็ได้ เชน่ ผักกูด ผักแพว และออ่ มแซบ ใช้สำหรับเปน็ อาหาร

(8) พืชเถาเลื้อย เป็นพืชผักที่กินได้ทั้งลำต้น ใบ ผล และอยู่อาศัยกับไม้หลัก เช่น ผักบุ้ง
บัวบก พรกิ ไทย ตำลงึ และมะระข้ีนก เปน็ ตน้

(9) ไม้ล้มลุกที่มีเหง้าหรือลำต้นอยู่ใต้ดิน เช่น ข่า ขิง กระชาย ไพล ตะไคร้ และบุก
ใช้สำหรับเป็นอาหาร

(10) พืชในน้ำ เป็นทั้งพืชอาหาร พืชใช้สอยและไม้ประดับ เช่น แห้ว บัว คล้า ผักแขยง
และพลูคาว เป็นต้น

โดยหลักปฏิบัตทิ ว่ั ไปจะต้องรูจ้ ักเลือกชนิดพันธุไ์ มใ้ หเ้ หมาะสมต่อสภาพแวดล้อมและเปน็ พันธุ์
ทห่ี าไดง้ ่าย แข็งแรง ดูแลรักษาได้ไมย่ าก สามารถเลยี้ งตวั เองได้ ซงึ่ หลักการเลือกพันธ์ุไม้มดี ังนี้

1) มีระบบรากลึก เพื่อช่วยดูดธาตุอาหารจากดินด้านล่างสู่ใบ เมื่อใบร่วงหล่นสู่พื้นดิน
จุลินทรีย์จะย่อยสลายให้เกิดธาตุอาหารไปกับพืชที่มีระบบรากพื้นที่ผิวดินได้ ถือได้ว่าเป็นการเคลื่อนย้ายธาตุ
อาหารในดนิ อย่างหน่ึง

2) เป็นพืชตระกูลถั่ว เพื่อช่วยตรึงในโตรเจนในอากาศมาช่วยเพิ่มธาตุไนโตรเจนแก่ดิน
รอบข้าง เปน็ ประโยชนต์ ่อพชื ใกล้เคยี ง

3) เป็นต้นไม้โตช้า เช่น สนประดิพัทธ์ ที่ให้ประโยชน์ใช้สอยหลากหลาย เช่น ใช้ทำ
เฟอรน์ เิ จอร์ และเชื้อเพลงิ ทง้ั ยังช่วยเป็นแนวกันลมและทง้ิ เศษซากพชื ที่เป็นประโยชนไ์ ดเ้ รว็ ขน้ึ

4) มีทรงพมุ่ โปร่ง เพ่ือให้พืชที่อยู่ระดับล่างลงไปมโี อกาสได้รับแสงเกิดการสังเคราะหด์ ้วยแสง
และการเจรญิ เตบิ โตได้ดี

5) มีใบขนาดเล็ก เพื่อให้มีการย่อยสลายและเกิดประโยชน์ได้เร็วขึ้น ทั้งในแง่ของการให้
ธาตอุ าหารคืนสู่ดิน และปรับปรุงคุณสมบตั ขิ องดนิ ใหด้ ขี นึ้ ดว้ ย

6) มีการทิ้งใบเสมอ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของธาตุอาหารในระบบได้เร็วขึ้น และเป็นไป
อยา่ งต่อเน่อื งสมำ่ เสมอ

7) เศษซากพืชไม่มีพิษ เพื่อไม่ให้คุณสมบัติที่ดีของดินเปลี่ยนไป เช่น ความเป็นกรดเป็นด่าง
เกดิ สารพษิ ตกค้างหรือยอ่ ยสลายยาก ทำใหพ้ ชื อ่ืนโตช้า

8) มกี ารแตกหน่อดี ช่วยลดตน้ ทนุ ในการปลูกใหม่
9) ให้เนอื้ ไม้คุณภาพดี เพ่ือใช้ประโยชน์ในการบ้านเรือน เฟอร์นเิ จอร์ เครื่องใชต้ า่ งๆ
10) ให้ผลผลติ หลากหลาย เพื่อประโยชน์ในแงข่ องการใชส้ อยอย่างสูงสุด ท้ังในดา้ นอาหาร
เช้อื เพลิง ยารกั ษาโรค และการใช้สอยต่างๆ

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

รูปที่ 2.2 สนประดพิ ัทธ์ใหป้ ระโยชน์ใช้สอยทหี่ ลากหลาย ทง้ั ยังชว่ ยเปน็ แนวกนั ลม

3.1.2 การเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน เป็นการเลี้ยงสัตว์มากกว่า 1 ชนิด สัตว์แต่ละชนิดต้องมี
ปฏิสัมพันธ์เชิงเกื้อกูลกัน ซึ่งการเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสานเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถสร้างความสมดุล
ทางระบบนิเวศที่สมบูรณ์ได้เหมือนกับการผสมผสานการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันมีการเลี้ยงสัตว์
เพ่ือการบริโภค มกี ารปรับปรงุ พนั ธ์แุ ละการปรบั ปรุงเทคนิคการเลย้ี ง โดยมเี ปา้ หมายเพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุน
มากทีส่ ุด

การเลี้ยงสัตว์แบบเกษตรผสมผสานที่เน้นสัตว์ปีก เป็นระบบที่ใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก ต้องมีการจัดการ
ทเ่ี หมาะสม ข้ึนอย่กู ับความพร้อมของผู้ผลิต เชน่ การเลี้ยงแพะและแกะอยู่รว่ มกัน ซ่งึ เป็นลักษณะของสัตว์ท่ีมี
พฤติกรรมการดำรงชีวิตที่คล้ายกัน สามารถเลี้ยงได้ทุกพื้นที่ในประเทศไทย ส่วนมากมีการเลี้ยงใน
พื้นที่แถบภาคใต้ เป็นสัตว์เล็กที่สามารถกินอาหารหยาบที่มีอยู่ในท้องถิ่นได้ เช่น ใบกระถิน ใบทองหลาง
และหญ้าต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเนื้อแกะกับเนื้อแพะสามารถทดแทนกันได้ ประโยชน์ของขนแกะสามารถ
ใชท้ ำเป็นเครื่องน่งุ หม่ นอกจากน้ียังมีการเล้ยี งสตั วไ์ ว้เพือ่ ใชแ้ รงงาน และใชม้ ูลสตั วเ์ ปน็ ปยุ๋

3.1.3 การประมงแบบผสมผสาน การประมงแบบผสมผสานสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต
เป็นอย่างดี เป็นการนำทรพั ยากรที่มอี ยู่ในท้องถ่นิ มาใชเ้ ปน็ อาหารปลาเพ่ือลดต้นทนุ การผลิต ซึง่ การนำปลา
หรอื สตั ว์นำ้ มาเลยี้ งรวมกนั ตอ้ งคำนงึ ถงึ การเกอ้ื กลู กันเป็นหลกั มขี ้อควรพิจารณาดังน้ี

1) เปน็ พันธุป์ ลาท่หี าได้ง่ายในทอ้ งถ่ิน เลย้ี งงา่ ย โตเร็ว ทนทานต่อโรคและสภาพแวดลอ้ มไดด้ ี
เป็นทตี่ อ้ งการของตลาด

2) เป็นปลากนิ พืช สามารถใชว้ ัสดหุ รอื พชื ผกั ในท้องถิน่ เป็นอาหารเสริมได้ เพราะจะชว่ ยลด
ตน้ ทนุ การผลิต อาจมีการใหอ้ าหารท่หี าได้ง่ายตามท้องถิน่ เชน่ รำ ปลายขา้ ว และไข่น้ำ เปน็ ตน้

3) เปน็ ปลาท่หี ากนิ ในนำ้ ตา่ งระดบั กนั ไม่รบกวนกนั กนิ อาหารต่างชนดิ กนั เพอื่ ใชป้ ระโยชน์
อาหารในน้ำไดเ้ ตม็ ที่

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

4) บ่อทใ่ี ช้เลี้ยงต้องมีขนาด 1 ไร่ ความลกึ 2 เมตร หรอื มพี น้ื ทไี่ ม่น้อยกวา่ 400 ตารางเมตร
สามารถเก็บน้ำได้ไม่น้อยกว่า 8 เดือน และเป็นที่ราบลุ่มใกล้แหล่งน้ำ สภาพดินต้องเป็นดินเหนียว ใช้วิธี
การปูบ่อดว้ ยพลาสตกิ หรอื ทำเป็นบ่อซีเมนต์ ขึน้ อยู่กับความสะดวกของผู้ผลติ

5) ชนิดปลาที่เลี้ยงต้องมีสัดส่วนสัมพันธ์กัน รวมแล้วต้องไม่เกิน 3-4 ตัวต่อพื้นที่ผิวน้ำ
1 ตารางเมตร เช่น ปลอ่ ยปลานลิ ปลาไน และปลาตะเพยี น ขนาด 5-7 เซนติเมตร ในอตั ราส่วน 3 : 1 : 6
ตอ้ งใช้ปลาจำนวน 700-800 ตวั ต่อไร่

3.1.4 การปลูกพืช เลี้ยงสัตว์และประมงแบบผสมผสาน เป็นรูปแบบการเกษตรที่สอดคล้อง
กับการสร้างสมดุลทางธรรมชาติและมีการเกื้อกูลประโยชน์ พึ่งพาอาศัยกันระหว่างกิจกรรมการผลิตต่างๆ
อย่างสมบูรณ์ ใกล้เคียงกับระบบนิเวศตามธรรมชาติมากยิ่งขึ้น กิจกรรมการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์และประมง
แบบผสมผสาน มีหลากหลายกจิ กรรม ดังนี้

1) การเลี้ยงไก่พื้นเมืองหรือเป็ดในสวนผลไม้ เป็นการใช้ประโยชน์จากผลผลิตที่เน่าเสีย
ซึ่งใช้เป็นอาหารสัตว์ และสัตว์ช่วยกำจัดแมลงที่ทำลายไม้ผลบางชนิด การถ่ายมูลของสัตว์สามารถใช้เป็นปุ๋ย
คนื สู่ไมผ้ ลได้ แตต่ ้องมีการจดั การไมใ่ หไ้ ก่หรอื เปด็ เข้าไปจิกกินผลไมใ้ นสวนไดโ้ ดยตรง

2) การเลี้ยงปลาในนาข้าว เป็นการเพิ่มผลผลิตและใช้ประโยชน์จากผืนนาที่มีจำกัด
ได้อย่างสูงสุด และส่งเสริมให้มีรายได้เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการทำนา แปลงนาควรมีขนาดตั้งแต่ 3-5 ไร่
และสามารถเก็บน้ำในการเลี้ยงปลาได้มากกว่า 3 เดือน โดยขุดร่องรอบแปลงขนาดความกว้าง 2 เมตร
ลึก 1 เมตร เพื่อนำดินมาทำคันนาให้สูงขึ้น และขุดบ่อเลี้ยงปลาในแปลงนา ขนาด 20-50 ตารางเมตร
ลึก 1.5 เมตร ปล่อยปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียน ขนาด 5-7 เซนติเมตร ในอัตราส่วน 3:1: 6 ต้องใช้
ปลาจำนวน 700-800 ตัวตอ่ ไร่ ในชว่ งทีต่ น้ ข้าวตั้งตน้ ไดแ้ ลว้

3) การเลี้ยงปลาร่วมกับไก่ไข่ เป็นการใช้ประโยชน์จากมูลไก่ในการเพิ่มผลผลิตปลาเพ่ือ
ลดต้นทุนการเลี้ยงปลา ก่อให้เกิดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องรอบบ่อปลา เช่น การปลูกพืชโดยใช้น้ำจากบ่อปลา
เป็นการลดความเสี่ยงจากการทำกิจกรรมการเกษตรเพียงอย่างเดียว ซึ่งต้องมีพื้นที่บ่อเลี้ยงปลาอย่างน้อย
400 ตารางเมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ มีการปรับสภาพดินและน้ำโดยใช้ฟางหรือปุ๋ยหมัก มีการใส่ปุ๋ ยคอก
100-200 กิโลกรัมต่อไร่ เลี้ยงไก่ไข่อายุ 20 สัปดาห์ บนบ่อประมาณ 100-200 ตัว ใช้ระยะเวลาเลี้ยง
10 เดือน และปล่อยปลานิล ปลาใน ปลาตะเพียน ปลานวลจันทร์ ในอัตราส่วน 2 : 1 : 2 : 1 ต้องใช้
ปลาจำนวน 1,200-2,000 ตัว ใช้เวลาเลยี้ ง 5 เดือน

4) การเลี้ยงปลาร่วมกับการเลี้ยงเป็ดไข่ เป็นการใช้ประโยชน์จากมูลเป็ดเพื่อช่วยเพ่ิม
ธาตุอาหารธรรมชาติให้ปลา ช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำจากการว่ายน้ำของเป็ด ช่วยกำจัดหอยที่เป็นพาหนะ
ของโรคพยาธิและช่วยควบคุมปริมาณปลาให้อยู่ในลักษณะสมดุล ซึ่งมีพื้นที่บ่อเลี้ยงปลาอย่างน้ อย
400 ตารางเมตรขึ้นไป สามารถเก็บกักน้ำได้ตลอดปี มีการปรับปรุงดินและน้ำโดยใช้ปูนขาว ฟางข้าวหรือ
ปุ๋ยหมัก มีการใส่ปุ๋ยคอก 100-200 กิโลกรัมต่อไร่ เลี้ยงเป็ดไข่พันธุ์กากีแคมเบลล์ จำนวน 240 ตัวต่อพื้นท่ี
บ่อขนาด 1 ไร่ หรือ 30 ตัวต่อพื้นที่บ่อปลา 200 ตารางเมตร เลี้ยงปลาที่กินอาหารไม่เลือก เช่น ปลานิล

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

ปลานวลจันทร์ และปลาช่อน ขนาด 5-7 เซนติเมตร ต้องใช้ปลาจำนวน 3,000 ตัวต่อไร่ โดยสร้าง
โรงเรือนไว้บนบ่อปลาโดยตรง ในพื้นที่ 1 ตารางเมตร ใช้เลี้ยงเป็ดได้ 5 ตัว พื้นที่เล้าไม่ควรมีช่องว่างเกิน
1 ตารางเซนตเิ มตร เพ่อื ใหเ้ ป็ดเดินสะดวกและไข่ไม่หล่นลงไปในบ่อปลา

5) การเลี้ยงปลาร่วมกับสุกร เป็นการใช้ประโยชน์จากมูลสุกรในการเพิ่มผลผลิตปลาเพื่อ
ลดต้นทุนการเลี้ยงปลา และก่อให้เกิดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องรอบบ่อปลา เช่น การปลูกพืชโดยใช้น้ำจาก
บ่อปลา เป็นการลดความเสี่ยงจากกิจกรรมการเกษตรเพียงอย่างเดียว ซึ่งต้องมีพื้นที่บ่อเลี้ยงปลาอย่างน้อย
400 ตารางเมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ตลอดปี มีการปรับสภาพดินและน้ำโดยใช้ฟางหรือปุ๋ยหมัก มีการใส่
ปุ๋ยคอก 100-200 กิโลกรัม ใส่ปูนขาว 160 กิโลกรัมต่อไร่ เลี้ยงสุกรจำนวน 3-5 ตัว ปล่อยปลากินพืช เช่น
ปลานลิ ปลาไน ปลาตะเพยี น ปลานวลจันทร์ ในอัตราส่วน 2 : 1 : 2 : 1 ตอ้ งใชป้ ลาจำนวน 1,500-2,000 ตัว
หรอื ปลากินเนอื้ เชน่ ปลาสวาย ปลาดุก ต้องใช้ปลาจำนวน 10,000-16,000 ตวั ใชเ้ วลาในการเล้ยี ง 5-6 เดือน

6) การเลี้ยงปลาร่วมกับการปลูกพืช เป็นการใช้ประโยชน์จากอาหารปลาและปุ๋ยที่เหลือ
สะสมในบ่อ รวมทั้งซากปลา ซากสัตว์ พันธุ์ไม้น้ำที่สะสมในดินกันบ่อในแต่ละปี ทั้งยังช่วยลดอันตรายจาก
แก๊สพิษสะสมและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคปลา บ่อเลี้ยงปลาควรลอกโคลนเลนออกจากบ่อทุกปี
ประมาณ 2 ใน 3 พื้นที่ 1 ไร่ เมื่อลอกโคลนเลนจะได้เนื้อดินที่มีธาตุอาหารเทียบเท่าปุ๋ยเคมี 288.5 กิโลกรัม
ดินโคลนสด 121.2 ลูกบาศก์เมตร ใช้ปลูกข้าวในพื้นที่ 2.5 ไร่ ได้ผลผลิตข้าว 500 กิโลกรัมต่อปี และ
หากใช้ปลูกหญ้าจะได้ผลผลิต 14,544 กิโลกรัมต่อไร่ การเลี้ยงปลาโดยทั่วไปจะไม่ต่อเนื่อง บ่ออนุบาล
และบ่อเลี้ยงจะพักตากบ่อช่วงหนึ่งซึ่งระยะเวลาดังกล่าวสามารถปลูกพืชต่างๆ ในพื้นบ่อโดยตรงได้
โดยเฉพาะพืชผกั ทีเ่ ป็นอาหารสำหรับมนุษย์ และเศษใบพืชผักใช้เป็นอาหารปลาบ่ออน่ื ๆ ได้

3.2 การแบง่ ตามวธิ กี ารดำเนินกิจกรรม

การแบง่ ตามวธิ ีการดำเนินกิจกรรม แบง่ ไดด้ งั นี้
3.2.1 การเกษตรแบบผสมผสานที่มีการใช้สารเคมี การใช้สารเคมีจะต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
เพื่อเพ่มิ ปรมิ าณและคุณภาพของผลผลติ กอ่ ให้เกิดรายได้เพิ่มขน้ึ
3.2.2 การเกษตรแบบผสมผสานที่ปลอดสารเคมี เป็นการมุ่งเน้นในการอนุรักษ์ทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยพืชสด สารสกัดจากสมุนไพรไล่แมลง การปลูก
พืชหมุนเวยี น จะช่วยลดปัจจยั การผลติ และไดผ้ ลผลติ ท่ีปลอดสารพิษ
3.2.3 การเกษตรแบบผสมผสานแบบเกษตรธรรมชาติ เป็นการมุ่งเน้นในการช่วยรักษาสภาพ
แวดล้อม ซึ่งผลผลิตที่ได้จะปลอดภัยจากสารเคมี โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีทุกชนิด และไม่ใช้สิ่งขับถ่าย
จากมนษุ ย์ แตเ่ นน้ การปรบั ปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติเหมือนดนิ ในป่า เพอ่ื ให้เกิดความย่ังยืน
และมีจุลินทรีย์ในดินและสัตว์เล็กๆ ที่ช่วยย่อยสลายซากพืชซากสัตว์จนกลายเป็นฮิวมัส ซึ่งเป็นแหล่ง
ธาตอุ าหารพืชอยา่ งดี ต้นไม้ทเ่ี กดิ บนดนิ ทอ่ี ดุ มสมบูรณ์ก็จะสามารถเจรญิ เติบโตได้อย่างเตม็ ที่

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

4. ขอ้ ควรพจิ ารณาในการทำการเกษตรแบบผสมผสาน

การทำการเกษตรแบบผสมผสานต้องมีการศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจในการทำ เพื่อพิจารณาถึง
ความพร้อมของตนเองในทุกด้าน และปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่อาจเข้ามากระทบต่อการดำเนินกิจกรรม
การเกษตรแบบผสมผสานได้ ซึ่งการทำการเกษตรแบบผสมผสานจะประสบผลสำเร็จต้องมีความพร้อม
ในทุกด้าน มีความรู้ที่หลากหลาย มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ด้านการวางแผนการผลิต
ด้านการจัดการ ด้านกิจกรรมการผลิต ด้านรายได้ ด้านสภาพแวดล้อม ด้านการขนส่ง และด้านการตลาด
ซึ่งมขี ้อพิจารณาในการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ดงั นี้

4.1 ด้านการวางแผนการผลิต

การทำการเกษตรแบบผสมผสานจำเป็นต้องมีการวางแผนการผลิตที่ดี เพื่อให้การทำกิจกรรมต่างๆ
ประสบความสำเร็จ โดยองค์ประกอบของการวางแผนการผลิต มดี งั นี้

4.1.1 ดา้ นพน้ื ที่
1) ต้องมีพื้นทีถ่ ือครองของตนเอง เพ่อื การดำเนนิ การอยา่ งตอ่ เนอื่ ง
2) กรณีที่เกษตรกรมีพื้นที่มาก ให้แบ่งพื้นที่บางส่วนทำกิจกรรมเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อ

เปน็ การฝึกประสบการณแ์ ละไม่ให้ขาดรายได้จากกิจกรรมเดิม
3) กรณีที่เป็นพื้นที่สูง มีการหักร้างถางพงมาทำพืชเศรษฐกิจและพืชยังชีพต่างๆ การทำ

เกษตรแบบผสมผสานจะช่วยรักษาหรือชะลอความสูญเสยี ไดใ้ นระดบั หนึง่ โดยทำในรูปแบบของวนเกษตร
4) กรณีที่เป็นพื้นที่ราบเชิงเขา ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่อาศัยน้ำฝน มีการปลูกพืชไร่ ไม้ผล

ข้าวไร่ การจัดการในรูปแบบเกษตรผสมผสานทำได้โดยการปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้นหลากหลายร่วมกับปลู กป่า
ประเภทไม้ใช้สอย เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านการเก็บผลผลิตและการอนุรักษ์ป่า แต่มีข้อจำกัดเรื่องของ
ความลาดชันไม่ควรเกนิ รอ้ ยละ 3 ของหน้าดนิ ทล่ี กึ กว่า 1 เมตร ดนิ ชัน้ ลา่ งตอ้ งไม่เป็นดินดาน

5) กรณีที่เป็นพื้นที่ดอน มีการปลูกพืชไร่เศรษฐกิจต่างๆ เชิงเดี่ยวเป็นหลัก ลักษณะของ
การทำกิจกรรมผสมผสานอาจอยู่ในรูปแบบของการปลูกพืชแซม โดยใช้พืชตระกูลถั่วแซมในข้าวโพด
มนั สำปะหลงั หรอื อาจใชพ้ ื้นท่ีมาดำเนนิ การเลย้ี งปศุสัตว์ และปลูกพืชอาหารสตั วค์ วบคูก่ ันไป

6) กรณีที่เป็นพื้นที่ลุ่ม พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นนาข้าว อาจพิจารณาการทำกิจกรรมที่มี
การใช้รูปแบบเดิมเป็นหลัก เช่น การเลี้ยงปลาและการเลี้ยงกบในนาข้าว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีลักษณะเป็น
ที่ลุ่มมาก มีน้ำท่วมเป็นประจำ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ลุ่มทั่วไปและต้องการปลูกไม้ผล ต้องยกร่องปลูก มีคันดิน
ล้อมรอบบริเวณรอ่ งโดยรอบ สามารถใช้เลี้ยงสตั วน์ ำ้ ท่เี หมาะสมได้

7) กรณที ส่ี ภาพดนิ มปี ญั หา เช่น ดนิ เคม็ ดินเปรีย้ ว ดนิ พรุ และดิบมีปัญหาอน่ื ๆ ตอ้ งมีการ
ปรับปรุงสภาพดินใหเ้ หมาะสมกอ่ นการปลกู พชื

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

8) ต้องทราบข้อมูลพื้นฐานภายในฟาร์มของตัวเองเป็นอย่างดี ข้อมูลดังกล่าว ได้แก่ ข้อมูล
ทางด้านลักษณะพื้นที่ ดิน แหล่งน้ำ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญ สามารถช่วยในการวางแผนภายในฟาร์มได้อย่าง
ถกู ต้อง

9) ต้องมีทุนเริ่มต้นและทุนหมุนเวียนภายในฟาร์มพอสมควร ซึ่งการมีทุนสำรองไว้จะ
สามารถทำใหก้ ารวางแผนดำเนินกจิ กรรมท่ผี สมผสานกันเปน็ ไปอย่างเหมาะสม

10) ต้องเป็นผู้มีความมานะอดทน ขยันขันแข็ง และมีแรงงานที่พอเพียง เหมาะสมกับ
กิจกรรมภายในฟาร์ม ทั้งนี้เพราะการทำการเกษตรจะเห็นผลสำเร็จได้ต้องใช้เวลาและประสบการณ์ในการ
แก้ปัญหา ซึ่งจะมีอยู่ตลอดเวลา และสามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตลอดเวลาเช่นกัน เพื่อให้แก้ปัญหาได้ทัน
เหตุการณ์

11) ชนิดพืชและสัตว์ที่เหมาะสมกับท้องถิ่น ประเทศไทยสามารถปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์
ได้หลายชนิดซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม มีการปลูกพืชหมุนเวียนตลอดทุกฤดูกาลเพื่อให้มีผลผลิตบริโภค
ตลอดปี สว่ นการเล้ียงสัตว์ขึ้นอยู่กับความต้องการของผบู้ รโิ ภคในทอ้ งถน่ิ และความต้องการของตลาด

รูปท่ี 2.3 ทุเรยี นและมนั สำปะหลัง เป็นพืชที่ปลูกตามความต้องการของตลาด
4.1.2 ด้านแหล่งน้ำ มีความสำคัญต่อการทำการเกษตรแบบผสมผสานและการเจริญเติบโตของพืช
และการเลี้ยงสัตว์ จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาความต้องการน้ำของพืช แหล่งที่มาของน้ำ และการเก็บกักน้ำไว้
เพอื่ ใช้ประโยชน์ต่อไป ดงั น้ี

1) ปริมาณน้ำฝนที่เป็นประโยชน์ต่อพืช หมายถึง ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงในพื้นที่เพาะปลูก
และดิน สามารถเก็บกกั ไว้ให้พืชใชไ้ ดท้ ั้งหมด ปรมิ าณน้ำฝนทต่ี กลงในพื้นทจ่ี ะตอ้ งไมม่ ากจนเป็นอนั ตรายต่อพืช

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

2) ปริมาณน้ำที่พืชต้องการ พืชแต่ละชนิดมีความต้องการน้ำที่แตกต่างกัน การให้น้ำพืช
จะต้องให้เมื่อพืชต้องการเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ในทางปฏิบัติแล้วพืชต้องการน้ำอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากพืชใช้น้ำ
ตลอดเวลา แต่ปริมาณน้ำที่ต้องการในแต่ละช่วงเวลาอาจจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่ กับช่วงของอายุการ
เจริญเติบโต สภาพอากาศ เป็นต้น ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บน้ำไว้ให้พืชได้ใช้อยู่ตลอดเวลา
แสดงว่าดินจะต้องมีความสามารถในการเก็บน้ำไว้ได้อย่างพอเพียงต่อความต้องการของพืช แต่เมื่อพืชดูดน้ำ
จากดินไปใช้ ปริมาณน้ำในดินก็จะลดลง ถ้าไม่มีฝนตกลงมาหรือไม่มีการให้นำ้ แก่ดินเพื่อชดเชยนำ้ ที่สญู เสียไป
เมื่อเกิดภาวะขาดน้ำมากเกินไปพืชจะชะงักการเจริญเติบโต เนื่องจากมีน้ำใช้ไม่เพียงพอกับการคายน้ำ
จงึ จำเป็นตอ้ งทราบจุดตำ่ สุดท่ีจะยอมให้น้ำในดินลดลงได้ เมอ่ื น้ำในดนิ ลดลงจนเกือบจะถงึ จุดทยี่ อมให้ลดลงได้
จำเป็นที่จะต้องให้น้ำแก่พืชก่อนที่จะกระทบต่อพืช สิ่งที่ต้องทราบอีกอย่างหนึ่งก็คือ ปริมาณน้ำที่ดินสามารถ
เก็บกกั เอาไว้ได้ ซง่ึ จะเป็นตัวกำหนดว่าพชื จะสามารถใช้นำ้ ไดน้ านเท่าไรโดยไม่มีการให้น้ำแก่ดิน นอกจากน้ีสิ่ง
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ปริมาณน้ำที่จะมาทำการชลประทานหรือให้แก่พืช หากทราบว่าควรจะให้น้ำเมื่อไร
ปริมาณเท่าไร แต่ไม่สามารถจัดหาน้ำมาได้ตามปริมาณความต้องการ ก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร จึงจำเป็น
อยา่ งยิง่ ทจ่ี ะตอ้ งมีแหลง่ นำ้ ทเี่ พียงพอทั้งปรมิ าณและคุณภาพ

3) ควรมีสระน้ำ คูคลอง ร่องน้ำ อ่างเก็บน้ำ หรือแหล่งน้ำประจำไร่นา เพื่อเสริมในฤดูแล้ง
ใหไ้ ด้ประมาณรอ้ ยละ 30 ของพ้ืนท่ี

4) แหล่งน้ำสำรองที่มีอยู่ ควรพิจารณาใช้เลี้ยงปลาเพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนและเพิ่ม
รายได้แก่ครอบครัว ขณะเดียวกันน้ำในบ่อจะใช้ในการปลูกผักสวนครัวรอบบริเวณบ่อ ดินเลนในบ่อท่ี
ขดุ ลอกทุกปีจะเปน็ แหล่งของธาตุอาหารสำหรับกจิ กรรมการปลูกพชื ได้ดว้ ย

5) กรณีที่ขาดแคลนน้ำสำรอง ต้องมีบ่อน้ำบาดาลสำหรับใช้ในฤดูและอย่างพอเพียง
โดยเฉพาะพชื ผัก ไมด้ อกไมป้ ระดับ

4.2 ด้านการจดั การ

เกษตรกรผู้ที่ดำเนินการระบบเกษตรแบบผสมผสานจะประสบความสำเร็จได้ ควรจะต้องมีการ
จดั การท่เี หมาะสมต่างๆ ดงั นี้

4.2.1 สามารถจัดการวางแผนการใช้แหล่งน้ำที่มีอยู่ในการผลิตพืชชนิดต่างๆ เช่น การเพาะเห็ด
เศรษฐกิจ การปศุสัตว์ และการประมง ได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพพ้ืนที่ ดิน ทุน แรงงาน รวมท้ัง
การตลาดซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้อย่างเพียงพอ ซึ่งประกอบด้วยรายได้ประจำวัน รายได้ประจำสัปดาห์
รายได้ประจำเดือน และรายได้ประจำฤดูกาล ในการนี้เกษตรกรควรมีการจัดการทำบัญชีฟาร์ม เพื่อแสดง
รายรับ-รายจา่ ยภายในฟาร์ม

4.2.2 สามารถจัดการเทคโนโลยีสำหรับการผลิตพืชชนิดต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม มีการหมุนเวียน
นำสง่ิ เหลือใช้ภายในฟาร์มมาใชป้ ระโยชน์ทีก่ ่อใหเ้ กดิ การสนับสนุนเกอื้ กลู ซง่ึ กันและกนั โดยจะสง่ ผลใหต้ น้ ทนุ
การผลติ ลดลง ลดการใช้สารเคมีในการปอ้ งกันกำจัดศัตรพู ืช อนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

ได้ผลิตผลที่ปลอดภัยจากสารพิษ ต้องมีความรู้และประสบการณ์ในด้านเทคโนโลยีการผลิตพืชหลายชนิด
เช่น ข้าว พืชไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก การเพาะเห็ดเศรษฐกิจ ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ป่า การปศุสัตว์ และ
การประมง ถ้าขาดความรู้ในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง จำเป็นต้องศึกษาหาความรู้ โดยการไปศึกษาดูงาน
รวมท้งั เข้ารับการฝกึ อบรมจากหนว่ ยงานทีส่ ามารถให้ความรนู้ ัน้ ได้

4.2.3 ต้องพิจารณาเงินทุนที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับชนิดและกิจกรรมการผลิต โดยเฉพาะในระยะแรก
ที่ใช้เงนิ ลงทุนคอ่ นขา้ งสงู ดงั น้ันจึงควรพิจารณากจิ กรรมท่ใี ห้ผลตอบแทนเร็วในชว่ งแรก

4.2.4 กรณีที่กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ควรวางแผนการใช้จ่ายเงินและผลตอบแทนในลักษณะ
ทีม่ ีรายได้ประจำ ต้องเป็นกิจกรรมทไ่ี ม่เสย่ี ง แม้จะเปน็ การลงทุนโครงสร้างพน้ื ฐานตา่ งๆ ก็จำเปน็ ตอ้ งก่อให้เกิด
รายได้ด้วย สามารถให้ผลตอบแทนเร็ว หรือให้ผลตอบแทนเป็นตวั เงินท่ีคมุ้ คา่ แก่การลงทนุ

4.2.5 มีแรงงานทำการเกษตรอย่างนอ้ ย 3 คนต่อพน้ื ที่ 10 ไร่

4.3 ด้านกจิ กรรมการผลติ

การทำการเกษตรแบบผสมผสานเพือ่ ใหป้ ระสบความสำเรจ็ จะต้องคำนึงถงึ สง่ิ ตอ่ ไปน้ี
4.3.1 มีความเหมาะสมกับสภาพภูมิสังคม ใช้บริโภคในครัวเรือนได้ หากมีเหลือสามารถจำหน่าย
ในตลาดทอ้ งถ่ินได้ หรือนำไปแปรรูปเป็นผลติ ผลอนื่ ๆ ได้ เพ่ือเป็นการเพ่ิมมลู คา่ และถนอมคุณภาพของอาหาร
4.3.2 เป็นกิจกรรมที่สามารถประสานสอดคล้องกับกิจกรรมอื่นๆ ได้ และไม่ทำลายสิ่งแวด ล้อม
หรอื สง่ิ ท่จี ะเป็นประโยชน์อ่ืนๆ
4.3.3 มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ซึ่งการดูแลไม่ยุ่งยากมากเกินไป และเป็นกิจกรรมที่ไม่พ่ึง
ปัจจัยภายนอกจนเกินไปหรือสามารถปรับใช้ปัจจัยที่มีอยู่สำหรับทำกิจกรรมโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผลผลิต
หรอื คุณภาพผลิตผล

4.4 ดา้ นรายได้

การทำการเกษตรแบบผสมผสาน สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างยั่งยืน
คือ รายได้ซึง่ นอกจากรายไดจ้ ะต้องพิจารณาด้านอ่ืนๆ เชน่

4.4.1 พิจารณากิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี ทั้งที่เป็น
รายได้หลัก รายได้รองและรายได้เสริม โดยมีกิจรรมที่ให้ผลตอบแทนเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ และมีรายได้สูง
มนั่ คงในระยะยาว

4.4.2 พิจารณากิจกรรมการปลูกพืชหมุนเวียนหรือเลี้ยงสัตว์เป็นรุน่ ๆ เพื่อให้มีจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
และเกิดความยง่ั ยืน

4.4.3 พิจารณากิจกรรมที่มีความเสี่ยงหรือไม่ต่อรายได้ ไม่ให้ผลผลิต แต่มีความจำเป็นต้องทำ
เช่น การศกึ ษาทดลองในเบอ้ื งต้น ควรพจิ ารณาทำแตน่ อ้ ยกอ่ น เมอ่ื ได้ผลจงึ ลงมอื ทำได้เตม็ ท่ี

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

4.5 ด้านสภาพแวดลอ้ ม

การเลือกพื้นที่ในการทำการเกษตรแบบผสมผสาน จำเป็นต้องพิจารณาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่
เหมาะสมในการทำการเกษตรแบบผสมผสานในหลายๆ ด้าน ดังน้ี

4.5.1 แสง (Light) คือ ความเข้มของแสงแดดตอ้ งสัมพันธ์กบั อุณหภมู ิ
4.5.2 ดิน (Soil) คือ เทหวัตถุธรรมชาติที่ปกคลุมพื้นผิวโลก ประกอบด้วย อนุภาคต่างๆ ที่เกิดจาก
การแปรสภาพของวัตถุต้นกำเนิดดิน และซากสง่ิ มชี ีวติ ที่เน่าเป่ือยผสมคลกุ เคล้ากัน ดนิ ทำหนา้ ที่เป็นวัสดุค้ำยัน
หรอื ที่ยึดเหน่ียวหรือทย่ี ึดเกาะของรากพืช เปน็ แหลง่ ความชื้นหรือแหลง่ น้ำของพืช ดนิ ใหอ้ ากาศเพอ่ื การหายใจ
ของรากพืช และใหแ้ ร่ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชวี ิตและการเจรญิ เตบิ โตของพืช สว่ นประกอบของดินที่
มีความอุดมสมบรู ณ์เหมาะสมตอ่ การเจรญิ เติบโตของพชื ประกอบดว้ ย 4 ส่วน ดังน้ี

รูป 2.4 ส่วนประกอบของดนิ ทสี่ มบูรณ์

1) อนินทรียวัตถุ (Inorganic Materials) หรือแร่ธาตุ เป็นส่วนที่เกิดจากการสลายตัว
ของหิน และแรต่ ่างๆ มสี ว่ นประกอบประมาณรอ้ ยละ 45

2) อินทรียวัตถุ (Organic Materials) เกิดจากการสลายตัวของเศษซากพืชและซากสัตว์
เนา่ เปอื่ ยผุพงั ทบั ถมกนั เปน็ เวลานาน มีสว่ นประกอบประมาณร้อยละ 5

3) น้ำ (Water) พบอยู่ในช่องว่างระหว่างเมตตน มีส่วนประกอบประมาณร้อยละ 25
ความขึ้นที่พอเหมาะสำหรับพืช (Field Capacity) เป็นจุดที่ความชื้นในดินพอเหมาะกับการเจริญเติบโต
ของพืชมากที่สุด ไม่สามารถหาค่าเป็นตัวเลขได้แน่นอนเนื่องจากยังคงมีการเคลื่อนที่ของน้ำซับ โดยทั่วไป
จะกำหนดให้ที่ความขึ้นหลังฝนตกหนักหรือหยุดให้น้ำ 2-3 วันเป็นความชื้นที่พอเหมาะกับการเจริญเติบโต
ของพชื มากทีส่ ุด

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)

4) อากาศ เป็นที่ว่างในดิน ประกอบด้วยไนโตรเจน ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ มีส่วน
ประกอบประมาณรอ้ ยละ 25

4.5.3 อุณหภูมิ (Temperature) แบ่งออกได้ 3 ระดับ ได้แก่ อุณหภูมิสูง อุณหภูมิปานกลาง
และอุณหภูมิตำ่

4.5.4 ลม (Wind) ถ้ามีลมแรงจะเป็นอุปสรรคในการทำการเกษตรแบบผสมผสาน โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งขณะที่ผลผลิตกำลังออกดอกหรือติดผล ซึ่งทำให้ดอกหรือผลร่วง และพืชจะคายน้ำมากผิดปกติ
นอกจากนี้อาจทำให้กิ่งหักหรือฉีกขาด การทำการเกษตรแบบผสมผสานควรเลี่ยงไปจากแหล่งที่มีพายุ หรือ
ปลูกไม้บังลมที่สามารถเก็บผลผลิตและใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า เช่น ไผ่ ซึ่งเป็นไม้กันลมและยังสามารถ
เก็บหนอ่ ไวบ้ รโิ ภคและจำหนา่ ย เปน็ การเพิม่ รายได้อีกทางหนงึ่

4.5.5 ธาตุอาหารพืช (Plant Nutrients) ธาตุอาหารที่จําเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชมี 17 ธาตุ
แบง่ ออกเป็น 4 กลมุ่ ดงั นี้

1) คาร์บอน (C) ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (O) เป็นธาตุที่มีส่วนประกอบประมาณ
รอ้ ยละ 94.99 ของนำ้ หนักสดของพชื ซ่งึ พืชจะได้รับจากอากาศและนำ้

2) ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) เป็นธาตุอาหารหลักหรือปุ๋ย เพราะ
พืชตอ้ งการใช้มาก และดินมกั จะขาดธาตเุ หล่าน้ี จงึ ใชเ้ ป็นปยุ๋ สำหรบั พืชในไรน่ าท่ัวไป

3) แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และกำมะถัน (S) เป็นธาตุรอง เพราะพืชต้องการใช้
มากรองจากไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม

4) เหล็ก (Fe) แมงกานีส (Mn) สังกะสี (Zn) ทองแดง (Cu) โบรอน (B) โมลิบดีนัม (Mo)
คลอรีน (CI) นิกเกิล (Ni) พืชต้องการธาตุประเภทนี้ในปริมาณน้อยมากแต่ก็จะขาดไม่ได้ จึงเรียกกลุ่มนี้ว่า
“จลุ ธาตุ”

4.6 ด้านการขนสง่

การขนส่งผลิตผลเป็นขั้นตอนหนึ่งของการปฏิบัติภายหลังการเก็บเกี่ยวที่มีความสำคัญมาก หาก
การขนส่งทำได้ไม่ดี ผลิตผลก็จะได้รับความเสียหาย ดังนั้นการขนส่งจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง ประณีต
และถูกต้อง การขนส่งผลิตผลมีจุดมุ่งหมายที่จะนำผลิตผลจากแหล่งผลิตไปถึงมือผู้บริโภคในเวลาอันรวดเร็ว
ค่าใช้จ่ายต่ำ และผลิตผลต้องคงสภาพดี ไม่บอบช้ำเสียหาย สามารถที่จะปฏิบัติได้ด้วยความรวดเร็ว
และเสียคา่ ใชจ้ ่ายต่ำ

4.7 ดา้ นการตลาด

การตลาดสินค้าเกษตร (Agricultural Products Marketing) หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ของธุรกิจ
ที่ทำให้ผลิตผลทางเกษตรและการบริการโยกย้ายผ่านมือจากเกษตรกรจนถึงมือผู้บริโภคคนสุดท้าย การทำ
การเกษตรแบบผสมผสานทุกอย่างจะต้องศึกษาเรื่องการตลาดอยู่เสมอ ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ของตลาด เพิ่มวิธีการขาย นอกจากการขายหน้าร้าน อาจขายสินค้าแบบออนไลน์เพื่อลดขั้นตอนของพ่อค้า
คนกลาง และผู้บริโภคได้สนิ คา้ ทดี่ มี ีคุณภาพ ราคายตุ ธิ รรม

การเกษตรผสมผสาน (20501-2008)


Click to View FlipBook Version