มะพรา้ ว
มะพรา้ ว เป็ นพชื ยนื ตน้ ชนดิ หนง่ึ อยใู่ นตระกลู ปาลม์ มะพรา้ ว เป็ นพชื
ซง่ึ สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดใ้ นหลายทาง เชน่ น้ำและเนอ้ื มะพรา้ วออ่ นใช ้
รับประทาน เนอื้ ในผลแกน่ ำไปขดู และคนั้ ทำกะทิ กะลานำไปประดษิ ฐ์
สง่ิ ของตา่ ง ๆ เชน่ กระบวย โคมไฟ ฯลฯ นอกจากนม้ี ะพรา้ วจัดเป็ นพรรณ
ไมม้ งคลชนดิ หนงึ่ ตามตำราพรหมชาตฉิ บบั หลวง ไดก้ ำหนดใหป้ ลกู
มะพรา้ วไวท้ างทศิ ตะวนั ออกของบา้ น เพอื่ ความสริ มิ งคล
ลกั ษณะทว่ั ไป
มะพรา้ ว เป็ นพชื ยนื ตน้ ใบมลี กั ษณะเป็ นใบประกอบแบบขนนก ผล
ประกอบดว้ ยเอพคิ ารป์ (epicarp) คอื เปลอื กนอก ถดั ไปขา้ งในจะเป็ นมี
โซคารป์ (mesocarp) หรอื ใยมะพรา้ ว ถดั ไปขา้ งในเป็ นสว่ นเอนโดคารป์
(endocarp) หรอื กะลามะพรา้ ว ซง่ึ จะมรี สู คี ล้ำอยู่ 3 รู สำหรับงอก ถดั จาก
สว่ นเอนโดคารป์ เขา้ ไปจะเป็ นสว่ นเอนโดสเปิรม์ หรอื ทเี่ รยี กวา่ เนอ้ื
มะพรา้ ว ภายในมะพรา้ วจะมนี ้ำมะพรา้ วซง่ึ น้ำมะพรา้ วเกดิ จากเอนโดส
เปิรม์ ของมะพรา้ วซงึ่ จะมเี อนโดสเปิรม์ ทงั้ ของแข็งและของเหลว คอื เอน
โดสเปิรม์ ของแข็งจะเป็ นเนอ้ื มะพรา้ ว และเอนโดสเปิรม์ ทงั้ ของเหลวจะ
เป็ นน้ำมะพรา้ ว ซง่ึ เมอื่ มะพรา้ วแก่ เอนโดสเปิรม์ กจ็ ะดดู เอาน้ำมะพรา้ วไป
หมด ขณะทม่ี ะพรา้ วยงั ออ่ น ชนั้ เอนโดสเปิรม์ (เนอ้ื มะพรา้ ว) ภายในผลมี
ลกั ษณะบางและออ่ นนุ่ม ภายในมนี ้ำมะพรา้ ว ซง่ึ ในระยะนเี้ รามกั สอยเอา
มะพรา้ วลงมารับประทานน้ำและเนอ้ื เมอ่ื มะพรา้ วแก่ ซง่ึ สงั เกตไดจ้ าก
การทเี่ ปลอื กนอกเรมิ่ เปลยี่ นเป็ นสนี ้ำตาล ชนั้ เอนโดสเปิรม์ กจ็ ะหนาและ
แข็งขน้ึ จนในทส่ี ดุ มะพรา้ วกห็ ลน่ ลงจากตน้
การเพาะปลกู
การคดั เลือกสวนพนั ธุ์ เป็นสวนที่ปลกู มะพร้าวพนั ธุ์เดียวกนั ขนาดสวนไม่นอ้ ยกวา่ 10 ไร่ อยใู่ นแหล่งท่ีมี
การปลกู มะพร้าวเป็นอาชีพ ตน้ มะพร้าวมีขนาดอายไุ ล่เล่ียกนั และควรจะมีอายไุ ม่ต่ำกวา่ 15 ปี เป็นสวนที่มี
การดูแลปานกลาง และมีตน้ ท่ีมีผลดกอยเู่ ป็นส่วนมาก ไม่มีโรคหรือแมลงระบาด ในกรณีท่ีอยไู่ กลแหล่ง
ปลกู มะพร้าวเป็นอาชีพ ไม่มีสวนขนาดใหญ่อาจคดั เลือกเพียงบาง หลกั การเท่าที่จะทำได้ หรือคดั เลือก
เป็นตน้ ๆ กไ็ ด้ การคดั เลือกตน้ พนั ธุ์ควรเป็นตน้ ที่อยใู่ นบริเวณกลาง ๆ สวน ใหผ้ ลดกไม่นอ้ ยกวา่ 60 ผล/ตน้ /
ปี ควรมีการจดบนั ทึกการใหผ้ ลของตน้ ท่ีคิดวา่ จะใชเ้ ป็นตน้ พนั ธุ์ก่อนสกั 3-4 ปี เพ่ือใหแ้ น่ใจวา่ ใหผ้ ลดกจริง
โดยทาสีไวท้ ี่ตน้ เป็นที่สงั เกตหรืออาจทำเครื่องหมายอยา่ งอ่ืนกไ็ ด้ เป็นตน้ ที่ไม่อยใู่ กลบ้ า้ น คอกสตั วห์ รือใน
ที่ท่ีดีกวา่ ตน้ อ่ืน ลำตน้ ตรง แขง็ แรง อวบ ปลอ้ งถ่ี พมุ่ ใบเป็นรูปวงกลม หรือคร่ึงวงกลม มีจำนวนทาง (ใบ)
มาก โคนทางส้นั และใหญ่ มีจนั่ อยา่ งนอ้ ย 10 จนั่ กระจายอยรู่ อบตน้ และทุกจนั่ มีผลขนาดต่าง ๆ กนั ติดอยู่
ทะลายควรนงั่ ทางกา้ นทะลายส้นั และใหญ่ เป็นตน้ ที่มีอายไุ ม่นอ้ ยกวา่ 15 ปี ใหผ้ ลมีลกั ษณะกลมขนาดใหญ่
เสน้ รอบของกะลาไม่ต่ำกวา่ 45 ซม. เน้ือหนาเปลือกไม่หนาหรือบางเกินไป
การคดั เลอื กผลพนั ธุ์ ผลมะพรา้ วแมจ้ ะเกบ็ จากตน้ แมพ่ ันธทุ์ ไี่ ดร้ ับการ
คดั เลอื กแลว้ กต็ าม อาจมบี างผลทม่ี ลี กั ษณะ ไมเ่ หมาะจะนำไปเพาะทำ
พันธุ์ เชน่ ผลแตกระหวา่ งเกบ็ เกย่ี ว มโี รคแมลงทำลาย จงึ ควรคดั เลอื ก
ผลกอ่ นนำไปเพาะ ซงึ่ มลี กั ษณะการพจิ ารณาดงั นี้ เป็ นผลทไ่ี ดร้ ับความ
กระทบกระเทอื นนอ้ ย จงึ ควรเกบ็ โดยใชเ้ ชอื กโยงลงมา หรอื โยนลงน้ำ
ผลโตไดข้ นาด รปู ผลคอ่ นขา้ งกลม หรอื มลี กั ษณะตรงตามพันธุ์ ผลแก่
จัด เปลอื กมสี กี า้ มปู หรอื สนี ้ำตาล มลี กั ษณะคลอนน้ำไมม่ โี รคแมลง
ทำลาย
การเตรยี มผลพนั ธกุ์ อ่ นเพาะ ปาดเปลอื กทางดา้ นหวั ออกขนาด
ประมาณเทา่ ผลสม้ เขยี วหวานเพอ่ื ใหน้ ้ำซมึ เขา้ ไดส้ ะดวกใน ระหวา่ ง
เพาะ และชว่ ยใหห้ น่องอกแทงออกมาไดง้ า่ ย ถา้ เป็ นผลทยี่ งั ไมแ่ กจ่ ัด
เปลอื กมสี เี ขยี วปนเหลอื ง ใหน้ ำไปผง่ึ ไวใ้ นทรี่ ม่ โดยวางเรยี งให ้รอยปาด
อยดู่ า้ นบน ผงึ่ ไวป้ ระมาณ 15-30 วนั จนเปลอื กเปลยี่ นเป็ นสนี ้ำตาล
เตรยี มผลพันธไุ์ วป้ ระมาณ 2 เทา่ ของจำนวนหน่อทต่ี อ้ งการเพราะใน
ขณะเพาะจะมพี ันธทุ์ ไี่ ม่ งอกและเมอื่ งอกแลว้ กต็ อ้ งคดั หน่อทไี่ มแ่ ข็งแรง
ออก
การเตรยี มแปลงเพาะ แปลงเพาะควรอยกู่ ลางแจง้ ใกลแ้ หลง่ น้ำและมี
การระบายน้ำดี ไมเ่ ป็ นแหลง่ ทเี่ คยมโี รคและแมลงระบาดมากอ่ น พนื้
แปลงควรเป็ นทรายหยาบ เพอื่ สะดวกในการเพาะและยา้ ยกลา้ ปราบ
วชั พชื ออกใหห้ มด ถา้ พน้ื ดนิ เป็ นดนิ แข็งควรไถดนิ ลกึ 15-20 ซม. ถา้
แปลงกวา้ งมาก ควรแบง่ เป็ นแปลงยอ่ ย ขนาดกวา้ งประมาณ 2.50 เมตร
ยาวตามความตอ้ งการ เวน้ ทางเดนิ ระหวา่ งแปลง 50 ซม. ในแตล่ ะแปลง
ยอ่ ยขดุ เป็ นรอ่ งลกึ ประมาณ 10 ซม. กวา้ งเทา่ ขนาดของผลมะพรา้ ว ยาว
ตลอด พน้ื ท่ี แตล่ ะแปลงจะเพาะมะพรา้ วได ้10 แถว
วธิ กี ารเพาะ วางผลมะพรา้ วตามแนวนอนลงในรอ่ งทเ่ี ตรยี มไว ้หนั ดา้ นที่
ปาดขน้ึ ขา้ งบนเรยี งไปตามทศิ ทางเดยี วกนั ใหแ้ ตล่ ะผลตดิ กนั หรอื หา่ ง
กนั ไมเ่ กนิ 5 ซม. กลบทรายหรอื ดนิ ใหส้ ว่ นของผลมะพรา้ วโผลพ่ น้ ผวิ ดนิ
ประมาณ 1/3 ของผล
ถา้ ฝนไมต่ ก รดน้ำใหช้ มุ่ อยเู่ สมอ โดยสงั เกตจากความชน้ื ตรงบรเิ วณรอย
ปาด
คอยดแู ลกำจัดวชั พชื โรค-แมลงตา่ ง ๆ
หลงั จากเพาะแลว้ ประมาณ 2-3 สปั ดาหห์ น่อจะเรม่ิ งอก ในระยะแรก ๆ จะ
งอกนอ้ ย เมอ่ื เลย 4 สปั ดาหไ์ ปแลว้ หน่อจะงอกมากขน้ึ มะพรา้ วทไ่ี มง่ อก
ภายใน 10 สปั ดาห์ หรอื 70 วนั ควรคดั ทงิ้ หรอื นำไปทำมะพรา้ วแหง้
เพราะถา้ ปลอ่ ยทง้ิ ไวใ้ หง้ อกกจ็ ะไดห้ น่อทไี่ มด่ ี ตามปกตมิ ะพรา้ วจะ งอก
ประมาณรอ้ ยละ 60 ภายใน 10 สปั ดาห์ เมอื่ หน่อยาวประมาณ 1-3 นว้ิ ควร
ยา้ ยลงแปลงชำ ในการคา้ จะไมย่ า้ ยลงแปลงชำทลี ะนอ้ ย แตจ่ ะรอยา้ ย
พรอ้ มกนั ในคราวเดยี ว
ในกรณีทท่ี ำการเพาะมะพรา้ วเป็ นจำนวนไมม่ ากนักอาจทำการเพาะโดย
ไมต่ อ้ งนำลงแปลงชำ กไ็ ด ้แตใ่ นการเพาะจะตอ้ งขยายระยะใหก้ วา้ งขน้ึ
โดยวางผลหา่ งกนั ประมาณ 45-50 ซม. เพอ่ื ใหห้ น่อเจรญิ ไดด้ ี จะไดห้ น่อ
ทอี่ ว้ นและแข็งแรง เมอื่ หน่อมใี บประมาณ 4-6 ใบ กค็ ดั ไป ปลกู ได ้
วธิ กี ารชำ เตรยี มแปลงชำเชน่ เดยี วกบั แปลงเพาะ แปลงชำควรอยใู่ กล ้
กบั แปลงเพาะ เพอ่ื สะดวกในการขนยา้ ยหน่อ ถา้ ดนิ ไมด่ ใี หใ้ สป่ ๋ ยุ คอกไร่
ละ 24 ป๊ ีบ (240 กก.) หวา่ นใหท้ วั่ แปลงแลว้ ไถกลบ ขดุ หลมุ ขนาดเทา่ ผล
มะพรา้ ว ระยะระหวา่ งหลมุ 60 ซม. อาจวางผังการทำแบบ
สามเหลยี่ มดา้ นเทา่ หรอื แบบสเ่ี หลยี่ มจตรุ ัสกไ็ ด ้ยา้ ยหน่อมะพรา้ วจาก
แปลงเพาะลงชำในหลมุ ใหห้ น่อตงั้ ตรง กลบดนิ หนาประมาณ 2/3ของผล
เพอื่ ไมใ่ หด้ นิ ทบั สว่ นคอของหน่อพันธุ์ ใชท้ างมะพรา้ วหรอื หญา้ แหง้ คลมุ
แปลง (อาจใชว้ สั ดอุ น่ื กไ็ ด)้ เพอื่ รักษาความชมุ่ ชนื้ ถา้ ฝนไมต่ ก รดน้ำให ้
ชมุ่ อยเู่ สมอ
สภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมสภาพพน้ื ดนิ พน้ื ทปี่ ลกู มะพรา้ วใน
ประเทศไทยไมค่ วรสงู กวา่ ระดบั น้ำทะเลเกนิ 100 เมตร ปลกู ไดต้ งั้ แตด่ นิ
ทรายจนถงึ ดนิ เหนยี วจัด แตใ่ นดนิ รว่ นจะมกี ารระบายน้ำดที ำใหร้ ากเจรญิ
เตบิ โตเร็ว หนา้ ดนิ ควรลกึ ไมน่ อ้ ยกวา่ 1 เมตร และน้ำใตด้ นิ ไมส่ งู เพราะ
อาจทำใหเ้ หยี่ วเฉาและผลออ่ นรว่ งหลน่ ได ้ความเป็ นกรดเป็ นดา่ งของ
ดนิ ควรอยรู่ ะหวา่ ง 6.4 – 7.0 และมคี วามอดุ มสมบรณู ป์ านกลาง
ดนิ ทเ่ี หมาะกบั การปลกู มะพรา้ วมี 6 ชนดิ คอื
1. ดนิ ใกลฝ้ ั่งแมน่ ้ำ
2. ดนิ ใกลป้ ากน้ำตดิ ทะเลเป็ นทรี่ าบลมุ่ น้ำทว่ มในฤดฝู น
3. ดนิ ตามเกาะตา่ งๆ
4. ดนิ ชายทะเลซงึ่ สว่ นมากหนา้ ดนิ เป็ นดนิ ทราย
5. ดนิ เลนทขี่ ดุ ลอกจากสนั ดอน
6. ดนิ บนคนั นา
สภาพอากาศ ถงึ แมม้ ะพรา้ วจะสามารถเจรญิ เตบิ โตและใหผ้ ลในสภาพ
ลมฟ้าอากาศแทบทกุ ประเภท แตห่ ากจะปลกู เป็ นการคา้ กค็ วรจะเลอื ก
ปลกู ในสภาพทมี่ ะพรา้ วจะใหผ้ ลผลติ สงู ซง่ึ สภาพลมฟ้าอากาศทเ่ี หมาะ
แกก่ ารปลกู มะพรา้ วเป็ นดงั น้ี
ฝน มะพรา้ วเจรญิ เตบิ โตใหผ้ ลผลติ ดเี มอื่ ไดร้ ับน้ำฝนอยา่ งสม่ำเสมอ
1500 – 2000 มลิ ลเิ มตรตอ่ ปีและไมค่ วรไดร้ ับน้ำนอ้ ยกวา่ 50 มลิ ลเิ มตร
ตดิ ตอ่ กนั นาน 3 เดอื น ผปู ้ ลกู มะพรา้ วในภาคกลาง ภาคเหนอื และภาค
ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จงึ นยิ มขดุ รอ่ งสวนเพอ่ื ใหม้ ะพรา้ วมนี ้ำหลอ่ เลย้ี ง
เพยี งพอตลอดปี ทงั้ ยงั ชว่ ยป้องกนั น้ำทว่ มรากหากฝนตกชกุ เป็ นเวลา
นาน
ลม ลมพัดออ่ นๆ จะชว่ ยใหม้ ะพรา้ วเตบิ โตไดด้ เี พราะเพมิ่ การคายน้ำและ
เรง่ การดดู ธาตอุ าหารและน้ำจากดนิ ทงั้ ยงั ชว่ ยในการผสมเกสร แตถ่ า้ ลม
แรงเกนิ ไปอาจทำใหย้ อดบดิ หกั และตายได ้มะพรา้ วทป่ี ลกู ใหมจ่ ะชะงัก
การเจรญิ เนอ่ื งจากรากยงั ไมย่ ดึ ดนิ แน่นเทา่ ทคี่ วร
แสง มะพรา้ วตอ้ งการแสงแดดสม่ำเสมอประมาณ 2000 ชว่ั โมงตอ่ ปี หรอื
ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ชว่ั โมงตอ่ วนั หากไดร้ ับแสงแดดนอ้ ยมะพรา้ วจะไมค่ อ่ ย
ออกดอกตดิ ผล หรอื ตดิ ผลแตเ่ นอ้ื บาง อณุ หภมู ิ มะพรา้ วเจรญิ ไดด้ ใี น
อณุ หภมู เิ ฉลย่ี 27 องศาเซลเซยี ส จะสงู หรอื ต่ำกวา่ กไ็ มค่ วรเกนิ 7 – 8
องศา และอณุ หภมู ไิ มค่ วรเปลย่ี นแปลงอยา่ งกระทนั หนั อณุ หภมู ทิ ต่ี ่ำ
มากจะกระทบกระเทอื นการเจรญิ และผลผลติ
การเลอื กทปี่ ลกู มะพรา้ ว หลกั ทวั่ ไปในการคดั เลอื กทป่ี ลกู มะพรา้ วควร
คำนงึ ถงึ สง่ิ ตอ่ ไปนด้ี นิ เป็ นดนิ รว่ น หรอื รว่ นปนทราย อมุ ้ น้ำไดด้ ี ถา้ เป็ น
ดนิ เหนยี วตอ้ งมกี ารระบายน้ำดี สภาพดนิ เป็ นกลาง หรอื เป็ นกรดเพยี ง
เล็กนอ้ ย pH ระหวา่ ง 6-7 หนา้ ดนิ มคี วามลกึ ไมน่ อ้ ยกวา่ 1 เมตร ระดบั
น้ำใตด้ นิ ไมค่ วรตน้ื กวา่ 2 เมตร
ปรมิ าณน้ำ ควรมฝี นตกไมน่ อ้ ยกวา่ 1,300 มม./ปี และตกกระจาย
สม่ำเสมอแทบทกุ เดอื น ถา้ มฝี นตกนอ้ ยกวา่ 50 มม./เดอื น เป็ นเวลานาน
ตดิ ตอ่ กนั เกนิ กวา่ 3 เดอื น ผลผลติ จะลดลง หรอื ไมใ่ หผ้ ลเลย
อณุ หภมู ิ ถา้ มอี ณุ หภมู ติ ่ำกวา่ 15 องศาเซลเซยี ส ตดิ ตอ่ กนั หลาย ๆ วนั
มะพรา้ วจะใหผ้ ลนอ้ ย อณุ หภมู ทิ เ่ี หมาะสมคอื ระหวา่ ง 27 + 7 องศา
เซลเซยี ส ระดบั ความสงู ของพน้ื ท่ี ถา้ ปลกู มะพรา้ วในทท่ี ส่ี งู กวา่ ระดบั น้ำ
ทะเลมาก ๆ มะพรา้ วจะไมค่ อ่ ย ออกผล การทำสวนเพอื่ การคา้ ควรเป็ นท่ี
สงู กวา่ ระดบั น้ำทะเลไมเ่ กนิ 100 เมตร
แสงแดด มะพรา้ วตอ้ งการแสงแดดประมาณวนั ละ 7 ชวั่ โมง ถา้ ปลกู
มะพรา้ วในทแ่ี สงแดดสอ่ ง ไมถ่ งึ ตน้ จะสงู เร็ว และไมค่ อ่ ยออกผลเนอ้ื ใน
ผลกจ็ ะบาง จงึ ไมค่ วรปลกู มะพรา้ วในทรี่ ม่ หรอื ปลกู ถเี่ กนิ ไป
ระยะปลกู ระยะปลกู เป็ นปัจจัยสำคญั อยา่ งหนง่ึ ทม่ี ผี ลตอ่ จำนวนผลผลติ
ทจ่ี ะไดร้ ับถา้ ปลกู ถเ่ี กนิ ไปตน้ มะพรา้ วจะบงั รม่ กนั ไมส่ ามารถจะปรงุ
อาหารไดอ้ ยา่ งเต็มท่ี ตน้ สงู ชะลดู ออกผลไมด่ ก แตถ่ า้ ปลกู หา่ งกนั มาก
จะไดจ้ ำนวนตน้ นอ้ ย ผลผลติ กน็ อ้ ย
หมายเหตุ มะพรา้ วตน้ เตย้ี ควรปลกู ไรล่ ะประมาณ 40-45 ตน้ สำหรับ
พน้ื ทล่ี มุ่ หรอื ดนิ เป็ นดนิ หนยี ว การระบายน้ำไมด่ ี ควรยกรอ่ งใหส้ งู กวา่
ระดบั น้ำทว่ มสงู สดุ ไมน่ อ้ ยกวา่ 50 ซม. ขดุ รอ่ งตามความยาวของพนื้ ท่ี
สนั รอ่ งกวา้ ง 5 เมตร สำหรับพันธตุ์ น้ เตย้ี 8 เมตร สำหรับพันธตุ์ น้ สงู ครู อ่ ง
กวา้ ง 2 เมตร
50การเตรยี มหลมุ ปลกู ควรเตรยี มหลมุ ในฤดแู ลง้ ขดุ หลมุ ขนาด X
50 X 50 ซม. แยกดนิ สว่ นบนไวต้ า่ งหาก ตากหลมุ อยา่ งนอ้ ย 1 สปั ดาห์
ถา้ มปี ลวกใหเ้ ผาเศษไมใ้ บใมแ้ หง้ หรอื ขยะในหลมุ อาจจะใชย้ ากนั ปลวก
โรยกน้ หลมุ แทนการเผากไ็ ด ้ถา้ ปลกู มะพรา้ วในพน้ื ทแ่ี หง้ แลง้ หรอื ดนิ ที่
ปลกู เป็ นทรายจัดใหใ้ ชก้ าบมะพรา้ วรองกน้ หลมุ โดยวางกาบมะพรา้ วให ้
ดา้ นทมี่ เี สน้ ใยหงายขนึ้ ดา้ นบน วางซอ้ นกนั 2-3 ชนั้ เพอื่ ชว่ ยเกบ็ ความ
ชนื้ ในดนิ ถา้ ไมม่ กี าบมะพรา้ วจะใชว้ สั ดอุ น่ื ๆ เชน่ ฟางขา้ ว ใบไมแ้ หง้
หญา้ แหง้ ฯลฯ แทนกไ็ ดใ้ สด่ นิ บนทผ่ี สมป๋ ยุ คอกหรอื ป๋ ยุ หมกั ในอตั รา 1:7
รองกน้ หลมุ สว่ นดนิ ลา่ งผสมดว้ ยป๋ ยุ ร็อคฟอสเฟตหลมุ ละครง่ึ กโิ ลกรัม
(ประมาณ 2 กระป๋ องนม) และใสฟ่ รู าดาน 1 กระป๋ องนม เพอื่ ป้องกนั ปลวก
กนิ ผลพันธมุ์ ะพรา้ ว เอาดนิ ใสล่ งในหลมุ ใหเ้ ต็ม ทงิ้ ไวจ้ นถงึ ฤดปู ลกู
วธิ กี ารปลกู ควรปลกู ในฤดฝู น ขดุ ดนิ บนหลมุ ปลกู ทเี่ ตรยี มไว ้ใหเ้ ป็ น
หลมุ เล็กๆ ขนาดเทา่ ผลมะพรา้ ว เอาหน่อทคี่ ดั เลอื กแลว้ มาตดั รากทห่ี กั
ช้ำออก ใชป้ นู ขาวหรอื ยากนั ราทาตรงรอยตดั วางหน่อลงในหลมุ ใหห้ น่อ
ตงั้ ตรง ตดั หน่อไปในทศิ ทางเดยี วกนั เอาดนิ กลบอยา่ งนอ้ ย 2/3 ของผล
เพอื่ ใหพ้ อดมี ดิ ผลมะพรา้ ว แตร่ ะวงั อยา่ ใหด้ นิ ทบั โคนหน่อ เพราะจะ
ทำใหห้ น่อถกู รัด ตน้ จะโตชา้ แตเ่ มอ่ื มะพรา้ วโตขน้ึ กค็ วรจะกลบดนิ ใหส้ งู
ขนึ้ เพอ่ื ป้องกนั โคนลอย เอาไมป้ ักเป็ นหลกั ผกู ยดึ กบั ตน้ ใหแ้ น่น เพอื่
ป้องกนั ลมโยก เหยยี บดนิ รอบโคนหน่อใหแ้ น่น ควรทำรม่ ใหใ้ นระยะแรก
เพอ่ื ลดอตั ราการตายเนอ่ื งจากถกู แดดจัดเกนิ ไป ในบรเิ วณทปี่ ลกู ถา้ มี
สตั วเ์ ลยี้ ง ใหท้ ำรัว้ ป้องกนั สตั วม์ าทำลาย ปลกู มะพรา้ วใหต้ น้ ตงั้ ตรง มดั
หลกั ยดึ ตน้ กนั ลมโยก ทำรม่ บงั แดดใหใ้ นระยะแรกหลงั ปลกู
การใสป่ ๋ ยุ แมว้ า่ มะพรา้ วเป็ นพชื ทสี่ ามารถปลกู ไดใ้ นสภาพดนิ แทบทกุ
ชนดิ แตป่ รมิ าณผลผลติ นัน้ ขน้ึ อยกู่ บั ปรมิ าณธาตอุ าหารในดนิ และสภาพ
ความอดุ มสมบรู ณข์ องดนิ สภาพความเป็ นกรดเป็ นดา่ งของดนิ ทเ่ี หมาะ
แกก่ ารปลกู มะพรา้ วควรอยใู่ นชว่ งระหวา่ ง pH 6-7 การใสป่ ๋ ยุ ใหพ้ อเหมาะ
แกค่ วามตอ้ งการของมะพรา้ วนัน้ ควรไดน้ ำตวั อยา่ งดนิ ไปเขา้ วเิ คราะหใ์ น
หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารดว้ ย พบวา่ ในปีหนง่ึ ๆ มะพรา้ วจะดดู ธาตอุ าหารไปใช ้ดงั น้ี
ไนโตรเจน 9.44-14.56 กก.ตอ่ ไร่
ฟอสฟอรัส 4.32-6.40 กก.ตอ่ ไร่
โปแตสเซยี ม 13.60-20.96 กก.ตอ่ ไร่
ในบรรดาธาตดุ งั กลา่ ว โปแตสเซยี มมะพรา้ วจะดดู ไปใชม้ ากทส่ี ดุ
ประมาณ 62 % ของโปแตสเซยี ม ถกู นำไปใชใ้ นการเพม่ิ จำนวนผลผลติ
ของมะพรา้ ว
ชนดิ ของป๋ ยุ ทใ่ี ชไ้ ดผ้ ลและเพม่ิ ผลผลติ ของมะพรา้ วไดส้ งู สดุ คอื ป๋ ยุ เก
รด 13-13-21 และป๋ ยุ เกรด 12-12-17-2 แมกนเี ซยี มซลั เฟต และป๋ ยุ หนิ ปนู
โดโลไมท์ ในการใชป้ ๋ ยุ แมกนเี ซยี มซลั เฟต หรอื โดโลไมท์ นัน้ ให ้
พจิ ารณาถงึ สภาพความเป็ นกรดเป็ นดา่ งของดนิ ดว้ ย กลา่ วคอื ในสภาพ
ดนิ ทมี่ แี นวโนม้ การเป็ นกรดเป็ นดา่ งสงู ใหใ้ ชป้ ๋ ยุ แมกนเี ซยี มซลั เฟต และ
ในสภาพดนิ ทมี่ คี วามเป็ นกรดเป็ นดา่ งต่ำใหใ้ ชป้ ๋ ยุ โดโลไมท์ ในการใชป้ ๋ ยุ
โดโลไมทน์ ัน้ ควรใหก้ อ่ นหรอื หลงั ใสป่ ๋ ยุ เคมี ประมาณ 1 เดอื น เพอื่
ป้องกนั การดดู ตรงึ ธาตอุ าหารไวใ้ นดนิ ทำใหม้ ะพรา้ วไมส่ ามารถนำไปใช ้
ประโยชนไ์ ด ้การใสป่ ๋ ยุ ควรใสใ่ หส้ มั พันธก์ บั อายมุ ะพรา้ ว
วธิ กี ารใสป่ ๋ ยุ ฤดทู เี่ หมาะทสี่ ดุ ทจ่ี ะใสป่ ๋ ยุ ใหม้ ะพรา้ ว คอื ในชว่ งตน้ และ
ปลายฤดฝู น ในชว่ งนมี้ คี วามชน้ื เพยี งพอทจ่ี ะชว่ ยละลายป๋ ยุ และรากของ
มะพรา้ วกำลงั เจรญิ เตบิ โตเต็มทสี่ ามารถดดู ป๋ ยุ ไปใชไ้ ดด้ ี การหวา่ นป๋ ยุ
จากการศกึ ษาพบวา่ รากมะพรา้ วทส่ี ามารถดดู ป๋ ยุ ไดด้ อี ยบู่ รเิ วณตดิ กบั
ลำตน้ และอยหู่ า่ งจากลำตน้ ภายในรัศมี 2 เมตร ดงั นัน้ การใสป่ ๋ ยุ จงึ ควร
โรยหรอื หวา่ นป๋ ยุ ตงั้ แตโ่ คนตน้ ไปจนถงึ 2 เมตร โดยรอบแตถ่ า้ เป็ น
มะพรา้ วทยี่ งั เล็กอยคู่ วรหวา่ นป๋ ยุ ใกลโ้ คนมะพรา้ วเพราะรากยงั นอ้ ย
หลงั จากหวา่ นป๋ ยุ แลว้ ควรพรวนดนิ ตนื้ ๆ ลกึ ประมาณ 10-15 ซม. เพอ่ื ให ้
ป๋ ยุ ไดค้ ลกุ เคลา้ กบั ดนิ และป้องกนั การชะลา้ งน่ันเอง
การเพมิ่ ป๋ ยุ อนิ ทรยี แ์ ละป๋ ยุ พชื สด ประเทศทอ่ี ยใู่ นเขตรอ้ นเชน่
ประเทศไทย อนิ ทรยี วตั ถใุ นดนิ สว่ นมากมนี อ้ ยและมกี ารสลายตวั เร็ว
เพราะมฝี นตกชกุ และอณุ หภมู สิ งู พวกแบคทเี รยี ในดนิ จะเจรญิ เตบิ โตได ้
ดคี อยยอ่ ยและทำลายพวกอนิ ทรยี วตั ถไุ ดอ้ ยา่ งรวดเร็ว อนิ ทรยี วตั
ถจุ ะเป็ นตวั ชว่ ยใหด้ นิ มคี วามอดุ มสมบรู ณแ์ ละสภาพทางฟิสกิ สข์ องดนิ ดี
ขนึ้ ทำใหด้ นิ รว่ นซยุ การระบายน้ำ ระบายอากาศไดด้ ี รากของมะพรา้ ว
สามารถชอนไชไปหาอาหารไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง การเพม่ิ อนิ ทรยี วตั
ถใุ หแ้ กด่ นิ สามารถกระทำไดห้ ลายแบบ เชน่ การใสป่ ๋ ยุ คอก ป๋ ยุ หมกั หรอื
ป๋ ยุ พชื สด เชน่ ปอเทอื ง แลว้ ทำการไถกลบ หรอื ใชว้ ธิ กี ารเลยี้ งสตั วใ์ น
สวนมะพรา้ วกไ็ ด ้
การกำจดั วชั พชื ใชแ้ รงคน โดยการถากดว้ ยจอบ หรอื ดายดว้ ยมดี
ใชเ้ ครอื่ งทนุ่ แรง เชน่ รถไถหญา้ รถไถนาขนาดเล็ก
ปลกู พชื คลมุ ใชพ้ ชื ตระกลู ถวั่ เชน่ คาโลโปโกเนยี ม เพอรร์ าเรยี หรอื
เซน็ โตรมา โดยการปลกู ใหห้ า่ งโคนตน้ เกนิ รัศมี 1 วา
ใชส้ ารเคมี เชน่ ไกลโฟเซท็ (ชอื่ การคา้ วา่ ราวด-์ อพั หรอื คาวบอย) หรอื
ดาลาพอน (ชอ่ื การคา้ วา่ คาลาลา่ หรอื ดาวพอน ฯลฯ) กำจัดวชั พชื ขา้ มปี
เชน่ หญา้ คา ใชพ้ าราควอท (ชอ่ื การคา้ วา่ กรัมมอ้ กโซน กลา๊ สโซน เพล
นโซน นอ้ กโซน ฯลฯ)กำจัดวชั พชื ลม้ ลกุ ตา่ งๆ เชน่ ตนี นก ตนี กา
สาบแรง้ สาบกา (อตั ราและวธิ ใี ชต้ ามฉลากยา เวลาใชต้ อ้ งระวงั อยา่ ให ้
ละอองสารเคมถี กู ตน้ หรอื ใบมะพรา้ ว)
รายชอ่ื พันธมุ์ ะพรา้ ว
• มะพรา้ วไฟ
• มะพรา้ วน้ำหอม
• มะพรา้ วทะเล
• มะพรา้ วซอ
• มะพรา้ วพันธมุ์ ลายสู เี หลอื งตน้ เตยี้
• มะพรา้ วพวงรอ้ ย
• มะพรา้ วกะทิ
• มะพรา้ วพวงทอง
• มะพรา้ วสสี กุ
ประโยชน์
มะพรา้ วสามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดห้ ลายอยา่ ง
นํา้ มะพรา้ ว ใชเ้ ป็ นเครอ่ื งดม่ื เกลอื แรไ่ ด ้เนอื่ งจากอดุ มไปดว้ ย
โพแทสเซยี ม นอกจากนย้ี งั มคี ณุ สมบตั ปิ ลอดเชอื้ โรค และเป็ น
สารละลายไอโซโทนกิ ซงึ่ ดว้ ยเหตนุ จี้ งึ สามารถนำน้ำมะพรา้ วไปใชฉ้ ดี
เขา้ หลอดเลอื ดเวน ในผปู ้ ่ วยทมี่ อี าการขาดน้ำหรอื ปรมิ าณเลอื ดลดผดิ
ปกตไิ ด ้น้ำมะพรา้ วสามารถนำไปทำ วนุ ้ มะพรา้ ว ได ้โดยการเจอื กรด
ออ่ นเล็กนอ้ ยลงในน้ำมะพรา้ ว
เนอ้ื มะพรา้ วแก่ นำไปทำกะทไิ ด ้โดยการขดู เนอื้ ในเป็ นเศษเล็ก ๆ แลว้
บบี เอาน้ำกะทอิ อกมาจากมะพรา้ ว
กากมะพรา้ ว ทเี่ หลอื จากการคนั้ กะทิ ยงั สามารถนำไปทำเป็ นอาหาร
สตั วไ์ ด ้
ยอดออ่ นของมะพรา้ ว หรอื เรยี กอกี ชอื่ วา่ หวั ใจมะพรา้ ว (coconut’s
heart) สามารถนำไปใชท้ ำอาหารได ้ซง่ึ ยอดออ่ นมรี าคาแพงมาก เพราะ
การเกบ็ ยอดออ่ นทำใหต้ น้ มะพรา้ วตาย ดว้ ยเหตนุ จี้ งึ มกั เรยี กยำยอดออ่ น
มะพรา้ ววา่ “สลดั เจา้ สวั “ (millionaire’s salad)
ใยมะพรา้ ว นำไปใชย้ ดั ฟกู ทำเสอ่ื หรอื นำไปใชใ้ นการเกษตร
น้ำมนั มะพรา้ ว ไดจ้ ากการบบี หรอื ตม้ กากมะพรา้ วบด นำไปใชใ้ นการ
ปรงุ อาหารหรอื นำไปทำเครอื่ งสำอางกไ็ ด ้และในปัจจบุ นั ยงั มกี ารผลติ
ไบโอดเี ซลจากน้ำมนั มะพรา้ วอกี ดว้ ย
กะลามะพรา้ ว นำไปใชท้ ำสง่ิ ประดษิ ฐต์ า่ ง ๆ เชน่ กระบวย โคมไฟ
กระดมุ ซออู ้ฯลฯ
กา้ นใบ หรอื ทางมะพรา้ ว ใชท้ ำไมก้ วาดทางมะพรา้ ว ใบ
นําไปสารทําหมวก ฯลฯ
จาวมะพรา้ ว ใชน้ ำมาเป็ นอาหารได ้ในจาวมะพรา้ วมฮี อรโ์ มนออกซนิ
และฮอรโ์ มนอน่ื ๆแต่ มี ฮอรโ์ มนออกซนิ ปรมิ าณมากทสี่ ดุ ซง่ึ เมอื่ นำไป
คนั้ และนำน้ำทไ่ี ดจ้ ากจาวมะพรา้ ว ไปรดตน้ พชื จะชว่ ยกระตนุ ้ การเจรญิ
เตบิ โตของพชื ได ้
มะพรา้ วในประเทศไทย
มะพรา้ ว เป็ นพชื ทม่ี คี วามสำคญั ทางเศรษฐกจิ พชื หนงึ่ ของประเทศไทย
เนอ่ื งจากคนไทยรจู ้ ักใชเ้ นอ้ื มะพรา้ วในการบรโิ ภคเป็ นอาหารทงั้ คาวและ
หวานในชวี ติ ประจำวนั
สำนักงานสถติ แิ หง่ ชาตไิ ดเ้ คยสำรวจพบวา่ ประชากรไทย 1 คน จะ
บรโิ ภคเนอ้ื มะพรา้ วประมาณปีละ 8,273.2 กรัม หรอื ประมาณ 18 ผล/คน/
ปี ซงึ่ ปัจจบุ นั ประเทศไทยมพี ลเมอื งประมาณ 55 ลา้ นคน จะใชผ้ ล
มะพรา้ วประมาณ 990 ลา้ นผล หรอื ประมาณ 65% ของผลผลติ ทงั้ หมด
สว่ นทเี่ หลอื ประมาณ 35% ของผลผลติ ทงั้ หมด หรอื 489 ลา้ นผล ใชใ้ น
รปู ของอตุ สาหกรรมหรอื สง่ ออกตอ่ ไป
อตุ สาหกรรมมะพรา้ วสามารถแบง่ ไดเ้ ป็ น 2 กลมุ่ คอื
1. ผลติ ภณั ฑแ์ ปรรปู เพอ่ื การบรโิ ภค เชน่ อตุ สาหกรรมมะพรา้ ว
แหง้ อตุ สาหกรรมน้ำมนั มะพรา้ ว อตุ สาหกรรมกะทเิ ขม้ ขน้
อตุ สาหกรรมมะพรา้ วขดู แหง้ อตุ สาหกรรมน้ำตาลมะพรา้ ว
2. ผลติ ภณั ฑเ์ พอื่ อตุ สาหกรรมและอปุ โภค เชน่ อตุ สาหกรรม
เสน้ ใยมะพรา้ ว อตุ สาหกรรมแทง่ เพาะชำ อตุ สาหกรรมเผาถา่ นจาก
กะลามะพรา้ ว อตุ สาหกรรมแปรรปู มะพรา้ ว
ผลผลติ มะพรา้ วแตล่ ะปีจะมมี ลู คา่ ไมต่ ่ำกวา่ ปีละ 2,700 ลา้ นบาท คดิ
แลว้ มลู คา่ มหาศาล ซง่ึ เราไมค่ วรทจ่ี ะละเลยและ ควรเรง่ หาทางในการ
สง่ เสรมิ และพัฒนามะพรา้ วอกี ตอ่ ไป
มะพรา้ วสามารถขน้ึ ไดใ้ นทกุ จังหวดั ทว่ั ประเทศ แตข่ นึ้ ไดด้ ใี นดนิ ทม่ี ี
สภาพเป็ นกลางหรอื เป็ นกรดเล็กนอ้ ยคอื (pH ระหวา่ ง 6-7 ) ลกั ษณะ
ดนิ รว่ น หรอื รว่ นปนทราย มกี ารระบายน้ำดี มฝี นตกกระจายสม่ำเสมอ
แทบทกุ เดอื น อากาศอบอนุ่ หรอื คอ่ นขา้ งรอ้ น และมแี สงแดดมาก
ภาคทมี่ กี ารปลกู มะพรา้ วมากและปลกู เป็ นอาชพี คอื ภาคใต ้ภาค
ตะวนั ออก และภาคตะวนั ตก
พน้ื ทปี่ ลกู
ภาคใต้ ไดแ้ ก่ ชมุ พร สรุ าษฎรธ์ านี นครศรธี รรมราช กระบ่ี ตรัง
ภาคกลาง ไดแ้ กป่ ระจวบครี ขี นั ธ์ สมทุ รสงคราม นครปฐม เพชรบรุ ี
ราชบรุ ี สมทุ รสาคร
ภาคตะวนั ออก ไดแ้ ก่ ชลบรุ ี จันทบรุ ี ระยอง ตราด ฉะเชงิ เทรา
อปุ สรรคในการผลติ มะพรา้ วใน
ปัจจบุ นั
1. ตน้ มะพรา้ วสว่ นใหญม่ อี ายมุ ากและสวนเสอ่ื มโทรม
2. พันธมุ์ ะพรา้ วตน้ สงู เป็ นพันธพุ์ นื้ เมอื งทใ่ี หผ้ ลผลติ ต่ำ
3. ปลกู แลว้ ไมม่ กี ารดแู ลรักษา
4. สวนมะพรา้ วประเภทตน้ สงู ไมใ่ ชแ่ หลง่ รายไดห้ ลกั ของเกษตรกร
เนอื่ งจากราคามะพรา้ วไมแ่ น่นอน ราคามะพรา้ วแกงเฉลย่ี ใน
ปัจจบุ นั อยทู่ ี่ 2 บาทตอ่ ผล ต่ำกวา่ เป้าหมายทกี่ รมวชิ าการเกษตร
ตงั้ ไวท้ ่ี 4 บาทตอ่ ผล ยกเวน้ ท่ี อำเภอทบั สะแก ประจวบครี ขี นั ธ์
เป็ นมะพรา้ วผลใหญ่ พนื้ ทเ่ี หมาะแกก่ ารเพาะปลกู มะพรา้ ว จงึ เป็ น
รายไดห้ ลกั ของเกษตรกรในแถบนัน้
5. แมร้ ัฐบาลใหก้ ารคมุ ้ ครองผผู ้ ลติ มะพรา้ วดว้ ยการตงั้ กำแพงภาษี
แตร่ ัฐบาลกไ็ มย่ งั ไมม่ มี าตรการทชี่ ดั เจนเกย่ี วกบั เรอ่ื งนี้
6. ขาดขอ้ มลู ภาพรวมอตุ สาหกรรม โดยเฉพาะอตุ สาหกรรมกะททิ ี่
คาดวา่ มมี ลู คา่ การสง่ ออกสงู