The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by คูม พิม, 2023-07-05 14:28:21

บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก (1)

บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก (1)

บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก 8.1 โครงสร้างของดอกและชนิดของผล นางสาวพิมนภา เวฬุวนารักษ์ นักศึกษาฝึกสอน คบ.ชีววิทยา


จุดประสงค์การเรียนรู้ • สืบค้นข้อมูล อธิบาย และสรุปเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตของพืช • ทดลอง อธิบาย และสรุปโครงสร้างของดอก และการสร้างสปอร์ • สืบค้นข้อมูล ทดลอง และอธิบายการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ และการปฏิสนธิของพืชดอก • ทดลอง อธิบาย และสรุปส่วนประกอบและชนิดของผล • สืบค้นข้อมูล อธิบาย และสรุปการเกิดผลและเมล็ด และส่วนประกอบของเมล็ด • ทดลอง อธิบาย และสรุปการงอกของเมล็ดชนิดต่างๆ และปัจจัยที่มีผลต่อการงอกของ เมล็ด • สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ และการวัดดัชนีการงอก ของเมล็ดพันธุ์ • สืบค้นข้อมูลและอภิปรายถึงการน าความรู้เรื่องการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชดอกไปใช้ในการ ขยายพันธุ์พืช • สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และอธิบายการวัดการเจริญเติบโตของพืช


ส่วนที่เรียกว่า ฝักบัว และดีบัวเป็นโครงสร้าง ส่วนใดของบัว และเกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ของบัวหลวงอย่างไร


พืชดอก


การสืบพันธุ์ของพืชดอก • พืชดอก ถือว่ามีวิวัฒนาการสูงที่สุดในอาณาจักรพืช • การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ต้องมีการรวมกันของเซลล์สืบพันธุ์ • เกิดขึ้นในดอก ดอกจึงเป็นอวัยวะสืบพันธุ์ของพืชดอก


โครงสร้างของดอก (structure of flower)


โครงสร้างของดอก (structure of flower)


โครงสร้างของดอก ประกอบด้วย 1. กลีบเลี้ยง(sepal) ท าหน้าที่ป้องกันอันตรายเช่น แมลง ป้องกันการคายน ้า ของดอก ส่วนใหญ่มีสีเขียว เรียกว่า วงกลีบดอก(calyx) 2. กลีบดอก(petal) ส่วนใหญ่มีสีสวยเพื่อล่อแมลง เรียกวงนี้ว่า วงกลีบดอก(corolla) 3. เกสรตัวผู้(stamen) ประกอบด้วย ก้านชูอับละอองเรณู (filament) และอับ ละอองเรณู(anther)ท าหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เรียกว่า วงเกสรตัวผู้(androecium) 4. เกสรตัวเมีย(pistil หรือ carpel) ประกอบด้วยยอดเกสรตัวเมีย(stigma) ก้าน ชูยอดเกสรตัวเมียหรือคอเกสรตัวเมีย(style)และ รังไข่(ovary) ซึ่งภายในมี ออวุล (ovule)อยู่ เรียกว่าวงเกสรตัวเมีย(gynoecium)


เกสรตัวผู้(stamen)


เกสรตัวเมีย (pistil)


กลีบรวม ในพืชบางชนิดมีลักษณะของกลีบเลี้ยงและกลีบดอก เหมือนกันจนแยกไม่ออก เช่น จ าปี บัวจีน จะเรียกแต่ ละกลีบว่า กลีบรวม (tepal) รู้หรือไม่?


• ส่วนประกอบของดอก : ดอกครบส่วน/ดอกสมบูรณ์ (Complete flower) ดอกไม่ครบส่วน/ ดอกไม่สมบูรณ์ (Incomplete flower) • อวัยวะสืบพันธุ์ของดอก : ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect flower) ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (Imperfect flower) การจ าแนกประเภทของดอก • จ านวนดอกบนหนึ่งก้านดอก : ดอกเดี่ยว (Solitary flower) ดอกช่อ (Inflorescence flower) ดอกรวม (Composite flower) • ต าแหน่งของรังไข่ (Ovary Position): รังไข่อยู่เหนือฐานรองดอก รังไข่เสมอฐานรองดอก รังไข่อยู่ใต้ฐานรองดอก


1. จ าแนกโดยใช้ส่วนปะกอบเป็นเกณฑ์สามารถจ าแนกได้ 2 ประเภท 1.1 ดอกสมบูรณ์หรือดอกครบส่วน (complete flower) หมายถึง ดอกที่มี ส่วนประกอบครบ 4 วง คือ วงกลีบเลี้ยง วงกลีบดอก วงเกสรตัวผู้ และ วงเกสรตัวเมีย 1.2 ดอกไม่สมบูรณ์ หรือดอกไม่ครบส่วน (incomplete flower) หมายถึง ดอกที่มีส่วนประกอบไม่ครบ 4 วง การจ าแนกประเภทของดอก


2. จ าแนกโดยใช้ชนิดเพศเป็นเกณฑ์ จ าแนกได้ 2 ชนิด 2.1 ดอกสมบูรณ์เพศ (perfect flower) หมายถึง ดอกที่มีทั้ง เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน 2.2 ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (imperfect flower) หมายถึง ดอกที่มีเพียงเกสรตัวผู้ หรือ เกสรตัวเมียชนิดเดียว การจ าแนกประเภทของดอก


3. จ าแนกตามจ านวนดอกที่อยู่บนก้านดอก จ าแนกได้ 2 ชนิด 3.1 ดอกเดี่ยว (simple flower ; solitary flower) ดอกที่พัฒนามาจากตา ดอกหนึ่งตา ดอกเดี่ยวมีดอกเพียงดอกเดียวอยู่บน ก้านดอก 1 ก้าน เช่น ดอกกุหลาบ ดอกพู่ระหง ดอกชบา ดอกมะเขือเปราะ ดอก ฝรั่ง ดอกจ าปี ดอกฟักทอง การจ าแนกประเภทของดอก


3.2 ดอกช่อ (Inflorescence flower) : ก้านดอกเดียวกันแต่มีหลายดอก แต่ละดอก เรียกว่า ดอกย่อย (Floret) มีก้านดอก (Pedicel) เป็นของตัวเอง มีใบประดับที่โคนก้าน ดอกย่อย เช่น ดอกหางนกยูง ขี้เหล็ก คูน มะลิ เข็ม โหระพา กะเพรา การจ าแนกประเภทของดอก


การจ าแนกประเภทของดอก


3.3. ดอกรวม (Composite flower) ดอกรวม (Composite flower) : ดอกย่อยเล็กๆ จ านวนมากรวมอยู่บนฐานรองดอก มีก้านชูดอกอัน เดียว เช่น ดอกบานชื่น ดาวเรือง บานไม่รู้โรย ทานตะวัน เยอร์บีรา การจ าแนกประเภทของดอก


4. ใช้การติดอยู่บนฐานรองดอกเป็นเกณฑ์ การจ าแนกประเภทของดอก


ใบประดับ ใบประดับ หรือใบดอก (Bract) เป็นใบที่เปลี่ยนแปลง พิเศษเพื่อท าหน้าที่ป้องกันดอกอ่อน พบที่ก้านดอกหรือ ก้านช่อดอก ใบประดับอาจมีสีสันสวยงามคล้ายกลีบ เช่น เฟื่องฟ้า หรือมีใบประดับขนาดใหญ่รองรับช่อดอก และมีสีสันต่างๆ เช่น ดอกหน้าวัว รู้หรือไม่?


พืชบางชนิดมีส่วนอื่นเจริญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผล เรียกว่า ผลเทียม (Pseudocarp) เนื้อผลเจริญมา จากฐานรองดอก หรือขนุน เนื้อผลเจริญมาจากฐานรองดอก ชั้นนอกสุดของผลเป็นชั้นที่เรียกว่า pericarp อันประกอบด้วย 3 ชั้นจากนอกเข้าข้างใน คือ exocarp mesocarp และ endocarp


ผลแท้จริงเกิดจากรังไข่ได้รับการปฏิสนธิ ฐานรองดอกพัฒนาเป็นผล: แอปเปิล สาลี่ ฝรั่ง ชมพู่ กลีบเลี้ยงพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของผล: มังคุด มะเขือ ทับทิม ผลบางชนิดมาจากรังไข่ที่ไม่ได้รับการปฏิสนธิเรียกว่า ผลเทียม หรือ ผลลม (parthenocarpic fruit) เช่น กล้วยหอม มะเขือยาว มะเขือเทศองุ่นไม่มีเมล็ด ผล (FRUIT)


• เกณฑ์การจ าแนกชนิดของผล 1.โครงสร้างและลักษณะของดอก 2.จ านวนและชนิดของรังไข่ 3.จ านวนคาร์เพลที่อยู่ภายในรังไข่ 4.ลักษณะของผนังผลเมื่อผลแก่ 5.การแตกของผนังผลเมื่อผลแก่ 6.ส่วนของดอก เช่น กลีบเลี้ยง กลีบดอก ฐานรองดอก ที่เจริญเปลี่ยนแปลงไปเป็นผล • จากเกณฑ์ดังกล่าวท าให้จ าแนกผลได้ 3 ชนิด คือ ผลเดี่ยว ผลกลุ่ม และผลรวม ชนิดของผล


• เจริญมาจาก ดอก 1 ดอกที่มี 1 รังไข่ • เป็นดอกเดี่ยวหรือดอกช่อ • ตัวอย่างผลเดี่ยว เช่น ตะขบ ทุเรียน ลิ้นจี่ เงาะ ล าไย องุ่น กระถิน สละ มะพร้าว ข้าวโพด ส้ม 1. ผลเดี่ยว (SIMPLE FRUIT) ลิ้นจี่ ล าไย


ตะขบ กระถิน


• เจริญมาจากดอก 1 ดอก • มีจ านวนเกสรเพศเมียมากกว่า 1 อันบนฐานรองดอกเดียวกัน • แต่ละรังไข่เจริญเป็นผลย่อย 1 ผล ท าให้แต่ละผลติดอยู่บนฐานดอกเดียวกัน 2. ผลกลุ่ม (AGGREGATE FRUIT) จ าปา


บัวหลวง น้อยหน่า


• เจริญมาจากช่อดอก • มีดอกย่อยจ านวนมากอยู่เบียดชิดกันในช่อดอกเดียวกัน • รังไข่ของดอกเจริญเป็นผลย่อยที่อยู่เบียดชิดกันบนแกนช่อดอก • คล้ายหนึ่งผล 3. ผลรวม (MULTIPLE FRUIT) ยอ


รังไข่ 1 รังไข่ ที่อยู่ในดอก เดี่ยว 1 ดอกหรือดอกย่อย 1 ดอกในดอกช่อ เมื่อเจริญเป็น ผลผลนั้นจะเป็นผลเดี่ยว รังไข่หลายรังไข่ที่อยู่ในดอกเดี่ยว 1 ดอกเมื่อเจริญเป็นผล ผลนั้นจะ เป็นผลกลุ่ม รังไข่ของดอกย่อยแต่ละดอกที่อยู่ชิดกัน แน่นจะเจริญร่วมกันขึ้นมาเป็นผลย่อยที่ อยู่เบียดชิดกันบนแกนช่อดอกจนดูคล้าย เป็นผล 1 ผล ผลนั้นจะเป็นผลรวม ผลเดี่ยว ผลรวม ผลกลุ่ม


สรุปทบทวนความรู้


บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก 8.2 วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก นางสาวพิมนภา เวฬุวนารักษ์ นักศึกษาฝึกสอน คบ.ชีววิทยา


วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก วัฏจักรชีวิตแบบสลับ ประกอบด้วย ระยะที่สร้างสปอร์ เรียกว่า สปอโรไฟต์และระยะที่สร้างเซลล์ สืบพันธุ์ เรียกว่า แกมีโทไฟต์


วัฏจักรชีวิตของพืชดอก


วัฏจักรชีวิตของพืชดอก


วัฏจักรชีวิตของพืชดอก วัฏจักรชีวิตแบบสลับ (Alternation ofGeneration) มี 2 ระยะ คือ ระยะสปอโรไฟต์(2n) :สร้างสปอร์และระยะ แกมีโตไฟต์(n) : สร้างเซลล์สืบพันธุ์ 1. gametophyte : มีโครโมโซม 1 ชุดหรือ hapioid (n) ท าหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมียโดยแบ่งเซลล์ แบบ meiosis 2. เกิดการปฏิสนธิได้ Zygote ซึ่งมีจ านวนโครโมโซม 2 ชุด หรือ diploid (2n) 3. ไซโกตแบ่งตัวแบบ mitosis เพิ่มจ านวนเซลล์และพัฒนา เป็น embryo ซึ่งเจริญต่อไปสู่ระยะ sporophyte 4. sporophyte : spore mother cell แบ่งเซลล์แบบ meiosis สร้างสปอร์


• ระยะสปอโรไฟต์เซลล์พืชอยู่ในสภาพ diploid เพราะเป็นเซลล์ที่มีจ านวนโครโมโซม 2n • Spore mother cell (2n) ในระยะ sporophyte ประกอบด้วย microspore mother cell และ megaspore mother cell ซึ่งจะแบ่งเซลล์แบบ meiosis เพื่อสร้าง spore • Microspore และ Megaspore ต่างก็เป็นเซลล์ที่มีจ านวนโครงโมโซม n หรืออยู่ในสภาพ haploid • Spore จะเกิดกระบวนการแบ่งเซลล์แบบ mitosis เพื่อเจริญและพัฒนาเข้าสู่ระยะ gametophyte ซึ่งท าหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์ • เซลล์สืบพันธุ์เพศเมียและเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ที่สร้างขึ้นจะเกิดการปฏิสนธิโดยผ่าน กระบวนการถ่ายเรณูได้เป็น Zygote แล้วเกิดการแบ่งเซลล์แบบ mitosis เพื่อเจริญและ พัฒนาเป็น embryo จนกระทั้งเจริญเติบโตไปเป็นต้นพืชในระยะสปอร์โรไฟต์ต้นใหม่ ต่อไป วัฏจักรชีวิตของพืชดอก


วัฏจักรชีวิตของเฟิร์น


วัฏจักรชีวิตของเฟิร์น


วัฏจักรชีวิตของเฟิร์น สปอโรไฟต์เมื่อสปอโรไฟต์โตเต็มที่ สปอร์มาเทอร์เซลล์ใน อับสปอร์จะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสได้สปอร์ซึ่งมีโครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่ง เมื่อมีการกระจาย สปอร์ สปอร์จะหลุดจากสปอโรไฟต์และถ้าสปอร์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นเหมาะสม สปอร์จะงอกแล้วแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสเจริญเป็นแกมีโทไฟต์ซึ่งจะมีโครงสร้างที่สร้าง เซลล์สืบพันธุ์ต่อไป วัฏจักรชีวิตของเฟิร์น


สรุปทบทวนความรู้


บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก 8.3 การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของพืชดอก


การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของพืชดอก การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้หรือ การสร้างละอองเรณู(Microsporogenesis) การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียหรือ การสร้างไข่(Megasporogenesis)


ทบทวนความรู้ • ส่วนประกอบของดอกท าหน้าที่ แตกต่างกัน • วงกลีบเลี้ยง ปกป้องส่วนประกอบ • วงกลีบดอก สีสันสวยงาม ล่อแมลง ถ่ายเรณู (pollinaion) • วงเกสรเพศผู้และเพศเมียเกี่ยวข้องกับ การสืบพันธุ์โดยตรง


Click to View FlipBook Version