The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Yossakorn Persent, 2023-01-17 03:05:34

ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

1 ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร information technology and communication systems นาย ยศกร อังคะนาวิน วิ สาขา เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี)


สาขา เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี)


ปัจจุบันระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งส าคัญส าหรับองค์กรที่เข้ามาช่วยอ านวยความ สะดวกในการด าเนินงาน ท าให้การเข้าถึงข้อมูลมีความรวดเร็ว การติดต่อสื่อสารมีประสิทธิภาพ และ ช่วยประหยัดต้นทุนในการด าเนินงานด้านต่างๆ ของหน่วยงานที่เชื่อมต่อในระบบอินเทอร์เน็ต เช่น การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์การมีเว็บไซต์ส าหรับเป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ต่างๆ เป็นต้น แม้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจะมีประโยชน์และสามารถช่วยอ านวยความสะดวกใน ด้านต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูง และอาจก่อให้เกิดภัยอันตรายหรือสร้างความเสียหาย ต่อการปฏิบัติราชการได้เช่นกัน เพราะการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อติดต่อเชื่อมโยง ข้อมูลไปยังหน่วยงานต่างๆ ท าให้มีโอกาสถูกบุกรุกได้มากขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาชญากรรมทาง คอมพิวเตอร์ได้หลายรูปแบบ เช่น โปรแกรมประสงค์ร้าย หรือการบุกรุกโจมตีผ่านระบบเครือข่าย อินเตอร์เน็ต เพื่อก่อกวนให้ระบบใช้การไม่ได้รวมถึงการขโมยข้อมูลหรือความลับทางราชการ ซึ่งสิ่ง เหล่านี้เป็นการสร้างความเสียหายด้านระบบสารสนเทศเป็นอย่างมาก และท าให้สูญเสียชื่อเสียงหรือ ภาพพจน์ ของหน่วยงาน ดังนั้นผู้ใช้บริการและผู้ดูแลระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร จึงมีความจ าเป็นจะต้องตระหนักถึงการให้การดูแลบ ารุงรักษา และการควบคุมรักษาความ มั่นคงปลอดภัย ด้านสารสนเทศเป็นอย่างยิ่งดังนั้น คณะกรรมการสารสนเทศด้านเวชปฏิบัติโรง พยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ จึงจัดทำ แนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้าน สารสนเทศขององค์กร เพื่อให้การด าเนินงานด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มีความมั่นคงปลอดภัย และเชื่อถือได้ เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างไรก็ตามการรักษาความปลอดภัย ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นงานที่ต้องได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติ ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศจากทุกหน่วยและต้องท าอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจ สอบอย่างสม่ าเสมอ และปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไอย่าง รวดเร็ว คณะกรรมการสารสนเทศด้านเวชปฏิบัติซึ่งมีหน้าที่ในการ ดูแล ก ากับ ในการใช้เทคโนโล สารสนเทศและการสื่อสาร จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยด้านสารสนเทศฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือให้กับผู้ใช้บริการ ผู้ดูแลระบบ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ทุกคน ในการดูแลรักษาความมั่นคง ปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานต่อไป คำ นำ


36หน้า สารบัญ หน้าที่ 1 ระบบ 2 ระบบสารสนเทศ 3 องค์ประกอบของระบบที่สำ คัญ 1.2.1 ฮาร์ดแวร์ ( hardware ) 1.2.2 ชอฟต์แวร์ ( soflware ) 1.2.3 ข้อมูล (data) 1.2.4 บุคลากร (people) 1.2.4 บุคลากร (people) 1.2.5 ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (procedure) 1.2.5 ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (procedure) 1.3 ประโยชน์และตัวอย่างของการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1.3.1 ด้านการศึกษา 1.3.2 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข 1.3.4 ด้านการเงินธนาคาร 1.3.5 ด้านความมั่นคง


หน้าที่ 18 แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1.4.1 ด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1.4.2 ด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1.4.3 ด้านเทคโนโลยี 22 ความเปลี่ยนแปลงจากการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร 1.5.1 ด้านสังคม 1.5.2 ด้านเศรษกิจ 1.5.3 ด้านสิ่งแวดล้อม 25 ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร 1.6.1 นักเขียนโปรมแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (programmer) 1.6.2 นักวิเคราะห์ระบบ (system analyst) 1.6.3 ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (database administrator) 1.6.4 ผู้ดูแลและบริหารระบบ (system administrator) 1.6.5 ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย (network administrator)


ระบบ การทำ งานขององค์ประกอบย่อยๆอย่างอิสระแต่มีปฏิสัม พันธืซึ่งกันและกันจนกลายเป็นโครงสร้าง ส่วน วิธีการเชิง ระบบ หมายถึง กระบวนการคิดหรือการทำ งานอย่างมี แบบแผนชัดเจนในการนำำ เนื้อหาความรู้ต่างๆมาประยุกต์ ใช้อย่างเป็นขั้นตอน 1


ระบบสารสนเทศ หมายถึง ระบบสารสนเทศ (Information system) ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบ คอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ระบบเครือข่าย ฐานข้อมูล ผู้พัฒนาระบบ ผู้ใช้ระบบ พนักงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้เชี่ยวชาญในสาขา ทุกองค์ประกอบนี้ทำ งานร่วมกันเพื่อกำ หนด รวบรวม จัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างสารสนเทศ และส่งผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้ให้ผู้ใช้เพื่อช่วยสนับสนุนการทำ งาน การ ตัดสินใจ การวางแผน การบริหาร การควบคุม การวิเคราะห์และติดตามผลการ ดำ เนินงานขององค์กร มี 5 ขั้น ขั้ ตอนปฏิบัติงาน 1.ฮาร์ดแวร์ 2. ซอฟต์แวร์ 3.บุคลากร 4.ข้อมูล 5.ขั้นตอนการ ปฏิบัติงาน 2


องค์ประกอบของระบบที่สำ คัญมีดังนี้ คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยทำ ให้คอมพิวเตอร์ทำ งาน ตามที่ต้องการได้ ประการ สุดท้ายคือ ตัวข้อมูลที่เป็นเสมือนวัตถุดิบที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นสารสนเทศตามที่ต้องการ ปัจจัยนำ เข้า กระบวนการ ผลลัพธ์ ส่วนประกอบทั้งห้าส่วนนี้ทำ ให้เกิดสารสนเทศได้ หากขาดส่วนประกอบใด หรือส่วนประกอบใดไม่สมบูรณ์ ก็อาจทำ ให้ระบบสารสนเทศ ไม่สมบูรณ์ เช่น ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสมกับงาน ก็จะทำ ให้งาน ล่าช้า ไม่ทันต่อการใช้งาน การดำ เนินการระบบสารสนเทศจึงต้องให้ความสำ คัญ กับส่วนประกอบทั้งห้านี้ บุคลากร เป็นส่วนประกอบที่สำ คัญ เพราะบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจวิธีการให้ได้มาซึ่ง สารสนเทศ จะเป็นผู้ดำ เนินการ ในการทำ งานทั้งหมด บุคลากรจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ บุคลากรภายในองค์กรเป็นส่วนประกอบที่จะทำ ให้เกิด ระบบสารสนเทศด้วยกันทุก คน 1.2.1 ฮาร์ดแวร์ ( hardware ) หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น คีย์บอร์ด ( keyboand ) เมาส์ ( mouse ) จอภาพ ( monitor ) เป็นต้น รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารสำ หรับเชื่อมโยง คอมพิวเตอร์เข้าเป็นเครือข่าย เช่น โมเ็ด็ม ( modem ) และ สายสัญญาณ 3


1.2.2 ชอฟต์แวร์ ( soflware ) หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคำ สั่ง ( instruction ) ที่ใช่ควบคุมการทำ งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ชุดคำ สั่งจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ใหญ่ๆ คือ ซอฟต์แวร์ระบบ ( system software ) หมายถึง ชุดคำ สั่งที่ทำ หน้าที่ควบคุมการทำ งานของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ต่อพ่วงต่างๆ และทำ หน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ระบบแบ่งออกเป็น 4


1) ระบบปฏิบัติการ ( Operating System: OS ) เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำ หน้าที่ควบคุม การทำ งานของอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดภายในคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างระบบ ปฏิบัติการ เช่น วินโดวส์ (Windowns ) ลินุกซ์ ( Linux ) และ แมคโอเอส ( Mac OS ) 2) โปรแกรมอรรถประโยชน์ ( utilities program ) เป็นโปรแกรมที่ช่วยเสริมการ ทำ งานของคอมพิวเตอร์ หรือช่วยเสริมการทำ งานอื่นๆให้มีความสามารถใช่วานได้ สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น 5


3)โปรแกรมขับอุปกรณ์ หรือดีไวซ์ไดร์ฟเวอร์ ( device driver ) เป็นโปรแกรมที่ ช่วยในการติดตั้งระบบเพื่อให้คอมพิวเตอรืสามารถติดต่อหรือใช่งานอุปกรณ์ต่างๆ 4) โปรแกรมแปลภาษา เป็นโปรแกรมที่ทำ หน้าที่แปลโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษา คอมพิวเตอร์ระดับสูงให้เป็นรหัสที่อยู่ในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถ ทำ งานได้ ดังรูปที่ 1.9 ตัวอย่างตัวแปลภาษา เช่น ตัวแปลภาษาจาวา ตัวแปลภาษาซี 6


ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) หมายถึง ชุดคำ สั่งที่เขียนขึ้น เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำ งานตามวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง ซอฟต์แวร์ ประยุกต์อาจเขียนขึ้นโดยใช้โปรแกรม ภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น เบสิก (Basic) ปาสคาล (Pascal) โคบอล (Cobol) ซี (C) ซีพลัสพลัส (C++) และจาวา (Java) ซอฟต์แวร์ประยุกต์แบ่งตามกลุ่มการใช้งานได้ดังตารางที่ 1.1 7


1.2.3 ข้อมูล (data) ข้อมูลจะถูกรวบรวมและป้อนเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่าน อุปกรณ์ของหน่วยรับเข้า เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ และสแกนเนอร์ (scanner) ข้อมูลต้อง มีโครงสร้างในการจัดเก็บที่เป็นระบบเพื่อการสืบค้นที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ข้อมูลจะถูกจัดเก็บอยู่ในหน่วยความจำ (memory unit) ก่อนที่จะถูกย้ายไปเก็บที่ หน่วยเก็บข้อมูล (storage unit) เช่น ฮาร์ดดิสก์ และแผ่นซีดี (Compact Disc: CD) 8


1.2.4 บุคลากร (people) บุคลากรเป็นองค์ประกอบที่สำ คัญที่สุดของระบบ สารสนเทศ ในที่นี้หมายถึงบุคลากรที่เป็นผู้ใช้ระบบสารสนเทศ ดังรูปที่ 1.11 บุคลากรที่เป็นผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ จะต้องมีความรู้ความสามารถในการ พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพให้สามารถทำ งานได้ตามความต้องการ ของผู้ใช้ใช้ง่ายและสะดวก ส่วนผู้ใช้ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมีความ สามารถในการใช้งานระบบสารสนเทศและการสื่อสารต่างๆ ได้อย่างถูกต้องจึงจะ เกิดสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ 9


1.2.5 ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (procedure) ระบบสารสนเทศต้องมีขั้นตอน การปฏิบัติงานที่เป็นลำ ดับขั้นชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่าย และ ดำ เนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ ฉุกเฉิน เช่น ขั้นตอนการบันทึกข้อมูล ขั้นตอนการทำ สำ เนาข้อมูล ขั้นตอน การปฏิบัติเมื่อข้อมูลได้รับความเสียหาย หรือเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ต่างๆ เกิดการชำ รุดเสียหาย ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ควรได้รับการ รวบรวมและจัดทำ ให้เป็นรูปเล่ม 10


1.3 ประโยชน์และตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1.3.1 ด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกนำ มาใช้เพื่อ อำ นวยความสะดวกในการบริหารด้านการบริหารด้านการศึกษา เช่น ระบบการ ลงทะเบียน และระบบการจัดตารางสอน นอกจากนี้ยังใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่ม โอกาสทางด้านการศึกษาและเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน 11


1.3.2 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูก นำ มาใช้เริ่มตั้งแต่การทำ ทะเบียนคนไข้ การรักษาพยาบาลทั่วไป ตลอดจนการ วินิจฉัยและรักษาโรคต่างๆได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ยังใช้ในห้อง ทดลอง การศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี สามารถค้นคว้าข้อมูลทางการแพทย์ รักษาคนไข้ด้วยระบบการรักษาทางไกล ตลอดเวลาผ่านเครือข่ายการสื่อสาร เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า อี เอ็มไอสแกนเนอร์ (EMI scanner) ถูกนำ มาถ่ายภาพสมองมนุษย์เพื่อตรวจ หาความผิดปกติในสมอง 12


1.3.3 ด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูก นำ มาใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม เช่น การจัดทำ ระบบข้อมูลเพื่อ การเกษตรและพยากรณ์ผลผลิตด้านการเกษตร นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนา ความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม การประดิษฐ์หุ่นยนต์เพื่อใช้ทำ งานบ้าน และหุ่นยนต์เพื่องานอุตสาหกรรมที่ต้องเสี่ยงภัยและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เฃ่น โรงงานสารเคมี โรงผลิตและการจ่ายไฟฟ้า รวมถึงงานที่ต้องทำ ซ้ำ ๆ 13


1.3.4 ด้านการเงินธนาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกนำ มาใช้ใน ด้านการเงินและการธนาคาร โดยใช้ช่วยด้านการบัญชี การฝากถอนเงิน โอน เงิน บริการสินเชื่อ และเปลี่ยนเงินตรา บริการข่าวสารธนาคาร การใช้ คอมพิวเตอร์ด้านการเงินการธนาคารที่รู้จักและนิยมใช้กันทั่วไป เช่น บริการ ฝากถอนเงิน การโอนเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ 14


1.3.5 ด้านความมั่นคง มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกันอย่าง แพร่หลาย เช่น ใช้ในการควบคุมประสานงานวงจรสื่อสารทหาร การแปลรหัส ลับในงานจารกรรมระหว่างประเทศ การส่งดาวเทียมและการคำ นวณวิถีโคจร ของจรวดไปสู่อวกาศ สำ นักงานตำ รวจแห่งชาติของประเทศไทยมีศูนย์ ประมวลข่าวสาร มีระบบจัดทำ ทะเบียนปืน ทะเบียนประวัติอาชญากร ทำ ให้เกิด ความสะดวกและรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูลเพื่อการสืบสวนคดีต่างๆ 15


1.3.6 ด้านการคมนาคม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในส่วนที่ เกี่ยวกับการเดินทาง เช่น การเดินทางโดยรถไฟ มีการเชื่อมโยงข้อมูลการจองที่ นั่งไปยังทุกสถานี ทำ ให้สะดวกต่อผู้โดยสาร การเช็คอินของสายการบิน ได้จัดทำ เครื่องมือที่สะดวกต่อลูกค้า ในรูปแบบของการเช็คอินด้วยตนเอง 16


1.3.7 ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการออกแบบ หรือจำ ลองสภาววการณ์ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่น สะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดิวไหว โดยการคำ นวณและแสดงภาพ สถานการณ์ใกล้เคียงความจริง 17


1.3.8 ด้านการพาณิชย์ องค์กรในภาคธุรกิจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการบริหารจัดการ เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับ องค์กรในการทำ งาน ทำ ให้การประสานงานหรือการทำ กิจกรรมต่างๆ ของแต่ละ หน่วยงานในองค์กรหรือระหว่างองค์กรเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ปรับปรุงการให้บริการกับลูกค้าทั่วไป สิ่งเหล่านี้นับ เป็นการสร้างโอกาสความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับองค์กร 18


1.4 แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร 1.4.1 ด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เมื่อ พิจารณาเครือข่ายการสื่อสารทั่วไปจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่า มนุษย์ใช้อุปกรณ์การสื่อสารแบบพกพามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากวิทยุเรียก ตัว (pager) ซึ่งเป็นเครื่องรับข้อความ มาเป็นถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปก รณ์สื่สารชนิดนี้ได้ถูกพัฒนาจนสามารถใช้งานด้านอื่นๆได้ นอกจากการ พูดคุยธรรมดา โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่สามารถใช้ถ่ายรูป ฟังเพลง ฟัง วิทยุ ดูโทรทัศน์ บันทึกข้อมูงสั้นๆ บางรุ่นมีลักษณะเป็นเครื่องช่วยงาน ส่วนบุคคล (Personal Digital Assistant : PDA) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อ กับอินเทอร์เน็ตได้ อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบสัมผัส ทำ ให้สะดวกต่อการใช้ งานมากขึ้น บางรุ่นมีอุปกรณ์สไตลัส (stylus) 19


1.4.2 ด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครื่องข่ายคอมพิวเตอร์ใน อดีตมังเป็นระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อตรงโดยจุด เดียว (stand alone) ต่อมามีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ภายในองค์กร เพื่อทำ ให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกัน หรือใช้เครื่องพิมพ์ ร่วมกัน จนเกิดเป็นระบบรับและให้บริการ หรือที่เรียกว่าระบบรับ-ให้ บริการ (client-server system) โดยมีเครื่องให้บริการ (server) และ เครื่องรับบริการ (client) การให้บริการบนเว็บก็นำ หลักการของระบบ รับ-ให้บริการมาใช้ช่วยให้การทำ งานง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็ว เพราะ สามารถทำ งานจากที่ใดก็ได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยมีเว็บเซอร์ เวอร์ (web server) เป็นเครื่องให้บริการ 20


1.4.3 ด้านเทคโนโลยี ระบบทำ งานอัตโนมัติที่สามารถตัดสินใจได้เองจะเข้ามา แทนที่มากขึ้น เช่น ระบบแนวนำ เส้นทางจราจร ระบบจอดรถ ระบบตรวจหา ตำ แหน่งของวัตถุ ระบบควบคุมความปลอดภัยภายในอาคาร ระบบที่ทำ งาน อัตโนมัติเช่นนี้ อาจกลายเป็นระบบหลักในการดำ เนินการของหน่วยงาน ต่่างๆ โดยเข้ามาแทนที่การทำ งานของมนุษย์ มีการเชื่อมต่ออย่างกว้าง ขวางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 21


1.5 ความเปลี่ยนแปลงจากการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ความก้าวหน้าของ อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสรเทศและการสื่อสารเป็นไป อย่างรวดเร็ว เพื่อนสนองความต้องการด้านต่างๆ ของผู้ใช้ปัจจุบันซึ่งมีจำ นวนผู้ใช้งานเทคโนโลยีสารส รเทศและการสื่อสารทั่วโลกประมาณพันล้านคน และ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ผู้ใช้สามารถใช้งานอุปกรณ์ดัง กล่าวได้ทุกที่ ทุกเวลา จึงทำ ให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ด้านต่างๆทั้งที่้เกิดประโยชน์และโทษ เช่น 1.5.1 ด้านสังคม สภาพเสมือนจริง การใช้อินเตอร์เน็ต เชื่อมโยงการทำ งานต่างๆ จนเกิดเป็นสังคมที่ติดต่อผ่าน ทางอินเตอร์เน็ต หรือที่รู้จักกีนว่า ไซเบอรฺ์สเปช (cyber space) ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆ เช่นการพูด การชื้อสินค้า และ บริการ การทำ งานผ่านเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ทำ ให้เกิด สภาพที่เสมือนจริง (virtual) เช่น เกมส์เสมือนจริง ห้องเรียนเสมือนจริง ซึ่งทำ ให้ลดเวลาในการเดินทางและ สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา 22


1.5.2 ด้านเศรษกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารส่งผลให้เกิดสังคม โลกาภิวัตน์(globalization) เพราะสามารถชมข่าว ชมรายการโทรทัศนที่ ส่งกระจายผ่านดาวเทียมของประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก สามารถรับรู้ข่าวสาร ได้ทันที ใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ระบบเศรษกิจซึ่งแต่ เดิมมีขอบเขตจำ กัดภายในประเทศ ก็กระจายเป็นเศรษญกิจโลก เกิดกระแส การหมุนเวียนแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ระบบเศรษฐกิจของทุกประเทศในโลกจึงเชื่อมโยงและผูกพันกันมากขึ้น 23


1.5.3 ด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีประโยชน์ใน ด้านธรรมชาติและและสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม หรือภาพถ่ายทางอากาศ ร่วมกับการจัดเก็บ รักษาข้อมูลระดับน้ำ ทะเล ความสูงของคลื่นจากระบบเรดาร์ เป็นการศึกษา เพื่อหาสาเหตุ และนำ ข้อมูลมาวางแผนและสร้างระบบเพื่อป้องกันการกัด เซาะชายฝั่งแต่ละแห่งได้อย่างเหมาะสม 24


1.6 ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตลาดแรงงานต้องการผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจงานเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารอย่างแท้จริง ซึ่งงานด้านนี้จะรวมถึง งานด้าน การออกแบบโปรแกรมต่างๆ โปรแกรมใช้งานบนเว็บ งานด้านการเขียน โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ งานด้านฐานข้อมูล งานด้านระบบเครือข่าย ทั้งในและนอกองค์กร รวมถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในระบบ คอมพิวเตอร์บนเครือข่าย ดังนั้นองค์กรจึงมีความต้องการบุคลากรที่มี ความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการ และพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อใช้ งานด้านต่างๆขององค์กร ตัวอย่างอาชีพด้านเทคโลโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร เช่น 1.6.1 นักเขียนโปรมแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (programmer) ทำ หน้าที่ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงาน ด้านต่างๆ เช่น โปรมแกรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า โปรแกรมที่ ใช้กับงานด้านบัญชี หรือโปรแกรมที่ใช้กับระบบงานขนาดใหญ่ ขององค์กร 25


1.6.2 นักวิเคราะห์ระบบ (system analyst)ทำ หน้าที่ในการศึกษา วิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์ระบบจะทำ การ วิเคราะห์ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศให้ตรงกับความ ต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งอาจรวมถึงงานด้านการออกแบบฐานข้อมูล ด้วย 26


1.6.3 ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (database administrator) ทำ หน้าที่บริหารและจัดการฐานข้อมูล (database) รวมถึงการ ออกแบบ บำ รุงรักษาข้อมูล และการดูแลระบบความปลอดภัยของฐาน ข้อมูล เช่น การกำ หนดบัญชีผู้ใช้ การกำ หนดสิทธิ์ผู้ใช้ 27


1.6.4 ผู้ดูแลและบริหารระบบ(system administrator)ทำ หน้าที่บริหาร และจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร โดยดูแลการติดตั้งและบำ รุงรักษา ระบบปฎิบัติการ การติดตั้งฮาร์ดแวร์ สร้าง ออกแบบและบำ รุงรักษาบัญชี ผู้ใช้ สำ หรับองค์กรขนาดเล็กเจ้าหน้าที่ความคุมระบบอาจต้องดูแลและ บริหารระบบเครือข่ายด้วย 28


1.6.5 ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย (network administrator) ทำ หน้าที่บริหารและจัดการออกแบบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และดูแลรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายขององค์กร เช่น ตรวจสอบการใช้งานเครือข่ายของพนักงานและติดตั้งโปรแกรม ป้องกันผู้บุกรุกเครือข่าย 29


1.6.6. ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไซต์ (webmaster) ทำ หน้าที่ออกแบบพัฒนา ปรับปรุงและบำ รุงรักษา เว็บไซต์ให้มีความทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีการ ปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ 30


1.6.7 เจ้าหน้าที่เทคนิค (technician) ทำ หน้าที่ซ่อมบำ รุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ ติด ตั้งโปรแกรม หรือติดตั้งฮาร์ดแวร์ต่างๆและแก้ไขปัญหา ที่อาจเกิดจากการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในองค์กร 31


ขอบคุณครับ


Click to View FlipBook Version