The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยาการคำนวณ ป.4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nuengcomputer, 2021-09-29 13:13:43

วิทยาการคำนวณ ป.4

วิทยาการคำนวณ ป.4

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. อย่อู ย่างพอเพียง
3. มุง่ ม่นั ในการทำงาน

5. ช้นิ งานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมที่ 3.1 เรื่อง บินตามลกู โป่ง

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ ดำเนนิ การเรยี นการสอนดังต่อไปนี้

1. ข้นั สร้างความสนใจ (engagement)

1. ครทู บทวนคำส่ังพ้นื ฐานของ Scratch ท่ไี ดศ้ กึ ษาจากบทท่ี 2 เรื่องโปรแกรมแสนสนุก

จากนนั้ ครูใหน้ ักเรียนช่วยกันคิดวา่ สามารถนำความรูจ้ ากบททแี่ ล้วไปสรา้ งชิน้ งานใดได้บ้าง (บทละครนทิ าน)

โดยครอู าจแนะนำเพ่ิมเตมิ วา่ สามารถใชโ้ ปรแกรม Scratch ในการวาดภาพตามจินตนาการไดอ้ ีกดว้ ย

2. ขน้ั สำรวจและคน้ หา (exploration)

1. นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาเน้ือหาในหนงั สอื เรยี นบทท่ี 3 เรื่องหนทางหม่นื สเ่ี ร่ิมต้นที่ธงเขียวให้

นักเรียนใช้บลอ็ กคำส่ังตามเน้ือหาในหนงั สอื เรยี นและร่วมกันตอบคำถาม

3. ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (explanation)

1. ครูนำนกั เรียนอภปิ รายความรทู้ ไ่ี ด้รบั ในบทเรียน

2. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายสรปุ กระบวนการคิดหาคำตอบทลี ะขน้ั ตอน

4. ข้ันขยายความรู้ (elaboration)

1. ครูแบ่งนักเรยี นเปน็ กลมุ่ ให้นกั เรยี นทำในกจิ กรรมท่ี 3.1 เร่อื ง บนิ ตามลูกโปง่ ซ่ึงในข้อ 2.

และข้อ 3. แต่ละกลุ่มจะต้องเขยี นโปรแกรมใหน้ กเคลื่อนท่ีขนลกู โปง่ ตามสที ี่กำหนดแลว้ กลับมา มาหยุดที่

ตำแหนง่ เดมิ โดยอาจกำหนดโจทยใ์ ห้แตล่ ะกลุ่มดังนี้

กลุ่มท่ี 1 และกลุ่มท่ี 5 ทำข้อ 1)

กลมุ่ ที่ 2 และกลุ่มท่ี 6 ทำข้อ 2)

กลุ่มท่ี 3 และกลมุ่ ท่ี 7 ทำขอ้ 3)

กลุม่ ที่ 4 และกล่มุ ท่ี 8 ทำข้อ 4)

2. ครสู มุ่ นกั เรียนแต่ละกล่มุ นำเสนอผลงานและร่วมกนั อภิปรายในประเดน็ ต่อไปน้ี

- บล็อกคำสง่ั glide, move, point in direction เป็นบล็อกคำส่ังสำหรับทำอะไร

- กลุ่มทไ่ี ด้โจทย์เดยี วกันมกี ารเขยี นสครปิ ตเ์ หมือนกนั หรือไมอ่ ย่างไร

- การสงั่ ให้โปรแกรมทำงานแต่ละครัง้ ผลลพั ธ์เปน็ ไปตามที่ต้องการหรือไม่ ถ้าไมเ่ ป็นตามท่ี
ตอ้ งการนกั เรยี นมีวธิ ีการแก้ปัญหาอย่างไร

3. ครสู มุ่ ถามนกั เรยี นเพื่อทบทวนเก่ยี วกบั พิกัดและบล็อกคำสง่ั ตา่ ง ๆ เช่น go to, set pen,
pen down, pen up

5. ขั้นประเมิน (evaluation)
1. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรยี นมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรม มีจดุ ใดบ้าง

ทีย่ งั ไม่เขา้ ใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธบิ ายเพ่ิมเติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจ
2. นักเรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการ

แกไ้ ขอยา่ งไรบ้าง
3. ครูและนกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการปฏิบตั ิกิจกรรม

และการนำความรู้ที่ไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมนิ การเรียนรู้ของนักเรียนทำได้ ดังน้ี
1. ประเมินความรู้เดิมจากการอภิปรายในชน้ั เรยี น
2. ประเมนิ การเรียนรูจ้ ากคำตอบของนกั เรียนระหว่างการจดั การเรยี นร้แู ละจากแบบบันทึก

กิจกรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทำกิจกรรม

ของนักเรียน

การประเมินจากการทำกจิ กรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง

รหสั ส่งิ ท่ปี ระเมิน ระดับคะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป

ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21

C4 การสอ่ื สาร

C5 ความร่วมมือ

8. สือ่ และแหลง่ การเรียนรู้
- หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 สสวท.
- แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)

ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 สสวท.

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผูท้ ่ีได้รับมอบหมาย

ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรูข้ อง.......................................................... แล้วมีความเห็นดังน้ี
1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผู้เรยี นเป็นสำคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
 ยงั ไม่เน้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่
 นำไปใช้ไดจ้ รงิ
 ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ

............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ..................................................
(.................................................)

วนั ที่........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา ..........

เรอื่ ง หนทางหม่นื ล้ี เริ่มตน้ ท่ีธงเขยี ว ตอน วาดฝนั ใหถ้ ึงฝัง่ เวลา 1 ชวั่ โมง

ครผู ู้สอน.........................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาทพี่ บในชีวิตจริงอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน

และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทันและมีจริยธรรม

ตัวชวี้ ัด ป.4/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใชซ้ อรฟ์ แวรห์ รือส่อื ตรวจหาข้อผดิ พลาด
และแก้ไข

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (ความร้,ู ทกั ษะ, เจตคต)ิ
1. นกั เรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจเก่ียวกบั การเขยี นโปรแกรม Scratch อยา่ งง่าย
2. นักเรียนสามารถตรวจหาข้อผดิ พลาดโดยตรวจสอบการทำงานทีละคำส่ังได้
3. นกั เรียนมีเจตคติท่ดี ตี ่อวชิ าวิทยาศาสตร์

3. สาระสำคัญ
บล็อกคำสั่ง glide ใช้ในการเคล่ือนที่ตัวละครไปยังตำแหน่งทกี่ ำหนดอย่างชา้ ๆ
บลอ็ กคำส่ัง point in direction ใช้ในการกำหนดทศิ ทางการหนั หนา้ ของตวั ละครไปยังทิศทางที่

กำหนด
บล็อกคำส่ัง move ใช้สำหรับยา้ ยตำแหนง่ ตัวละครไปแนวเดยี วกนั กับทิศทางที่ตัวละครหันหน้าอยู่
บล็อกคำสัง่ pen down ใช้ในการจรดปากกาเพ่ือเร่มิ ตน้ การวาดเส้น
บล็อกคำสั่ง pen up ใชใ้ นการยกปากกาเมื่อสนิ้ สดุ การวาด
การแก้ไขข้อผิดพลาดของโปรแกรม (debugging) ทำได้โดยการตัง้ ใหโ้ ปรแกรมทำงานและ

ตรวจสอบผลลัพธ์ทีล่ ะคำสง่ั

4. สาระการเรียนรู้
1. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย
2. การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดจากโปรแกรม

5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. อยู่อย่างพอเพียง
3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน

5. ชิน้ งานหรือภาระงาน
ใบกิจกรรมที่ 3.2 เรอื่ ง วาดฝันให้ถึงฝัง่

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคญั ดำเนินการเรยี นการสอนดังต่อไปน้ี

1. ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement)
1. ครทู บทวนคำสั่งพืน้ ฐานของ Scratch ท่ไี ดศ้ ึกษาจากบทท่ี 2 เรอื่ งโปรแกรมแสนสนกุ

จากน้นั ครูใหน้ ักเรียนช่วยกนั คิดว่าสามารถนำความรูจ้ ากบทท่ีแล้วไปสร้างช้นิ งานใดไดบ้ ้าง (บทละครนิทาน)
โดยครอู าจแนะนำเพิ่มเตมิ ว่าสามารถใชโ้ ปรแกรม Scratch ในการวาดภาพตามจนิ ตนาการไดอ้ ีกดว้ ย

2. ขนั้ สำรวจและค้นหา (exploration)
1. นกั เรียนร่วมกนั ศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรียนบทที่ 3 เรื่องหนทางหมน่ื สเี่ ริ่มต้นที่ธงเขียวให้

นักเรยี นใช้บล็อกคำสง่ั ตามเน้ือหาในหนังสือเรียนและรว่ มกันตอบคำถาม
3. ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครนู ำนักเรียนอภปิ รายความรูท้ ่ีไดร้ บั ในบทเรยี น
2. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายสรุปกระบวนการคิดหาคำตอบทีละขน้ั ตอน
4. ขั้นขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูแบง่ นกั เรียนเปน็ กล่มุ ให้นกั เรียนทำในกิจกรรมท่ี 3.2 เรือ่ ง วาดฝันให้ถึงฝ่ัง โดยครตู ้ัง

คำถามวา่ “หากนักเรียนตอ้ งการทอ่ งเท่ยี งหรือลอ่ งไปตามแมน่ ้ำ นักเรยี นคิดวา่ จะใชพ้ าหนะใด”
2. ครใู ห้นกั เรียนออกแบบพาหนะในใบกจิ กรรมท่ี 3.2 เนน้ การวาดโดยใช้ เสน้ ตรง จากนัน้ ให้

นกั เรยี นสร้างพาหนะตามทีอ่ อกแบบไวใ้ นโปรแกรม Scratch
3. ครูสมุ่ นกั เรยี นนำเสนอผลงาน และอภปิ รายเก่ียวกับข้นั ตอนการสร้างชนิ้ งาน

5. ขน้ั ประเมิน (evaluation)
1. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหัวข้อท่เี รียนมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรม มจี ุดใดบ้าง

ทยี่ งั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิ่มเติมให้นักเรยี นเข้าใจ
2. นกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใด และได้มีการ

แก้ไขอย่างไรบา้ ง

3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
และการนำความรทู้ ี่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมนิ การเรยี นรขู้ องนักเรยี นทำได้ ดงั นี้
1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในชนั้ เรียน
2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคำตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึก

กิจกรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทำกจิ กรรม

ของนักเรยี น

การประเมินจากการทำกจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ

รหสั สิ่งทีป่ ระเมนิ ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป

ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การส่อื สาร

C5 ความร่วมมอื

8. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
- หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)

ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 สสวท.

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย

ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง.......................................................... แลว้ มีความเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
 ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ

..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ..................................................
(.................................................)

วนั ที่........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 12

กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ)

ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา ..........

เรอ่ื ง หนทางหมนื่ ลี้ เริม่ ต้นท่ธี งเขยี ว ตอน ปกั ธงชาติไทย เวลา 1 ชว่ั โมง

ครผู ู้สอน.........................................

1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชว้ี ัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชีวติ จริงอย่างเปน็ ขน้ั ตอน

และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา
ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม

ตัวชว้ี ดั ป.4/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอร์ฟแวรห์ รือสอ่ื ตรวจหาข้อผดิ พลาด
และแก้ไข

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (ความร,ู้ ทกั ษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจเก่ยี วกับการเขยี นโปรแกรม Scratch อยา่ งง่าย
2. นักเรยี นสามารถตรวจหาข้อผิดพลาดโดยตรวจสอบการทำงานทีละคำสั่งได้
3. นกั เรยี นมีเจตคติที่ดตี ่อวิชาวทิ ยาศาสตร์

3. สาระสำคญั
บลอ็ กคำสั่ง glide ใชใ้ นการเคล่อื นทตี่ วั ละครไปยังตำแหน่งท่กี ำหนดอย่างช้า ๆ
บลอ็ กคำสง่ั point in direction ใช้ในการกำหนดทศิ ทางการหันหนา้ ของตวั ละครไปยังทิศทางที่

กำหนด
บล็อกคำสงั่ move ใชส้ ำหรบั ยา้ ยตำแหนง่ ตวั ละครไปแนวเดียวกันกับทิศทางที่ตัวละครหันหน้าอยู่
บลอ็ กคำส่งั pen down ใชใ้ นการจรดปากกาเพ่อื เร่ิมตน้ การวาดเสน้
บลอ็ กคำสั่ง pen up ใช้ในการยกปากกาเมื่อสนิ้ สุดการวาด
การแก้ไขข้อผดิ พลาดของโปรแกรม (debugging) ทำไดโ้ ดยการตงั้ ใหโ้ ปรแกรมทำงานและ

ตรวจสอบผลลพั ธท์ ่ลี ะคำส่ัง

4. สาระการเรียนรู้
1. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย
2. การตรวจหาข้อผดิ พลาดจากโปรแกรม

5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. อย่อู ย่างพอเพียง
3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน

5. ชน้ิ งานหรือภาระงาน
ใบกิจกรรมที่ 3.3 เร่อื ง ปักธงชาติไทย

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผ้เู รยี นเป็นสำคัญ ดำเนนิ การเรยี นการสอนดงั ต่อไปนี้

1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครทู บทวนคำสัง่ พ้นื ฐานของ Scratch ทไ่ี ด้ศึกษาจากบทท่ี 2 เร่ืองโปรแกรมแสนสนกุ

จากนน้ั ครูใหน้ ักเรียนช่วยกนั คดิ ว่าสามารถนำความรู้จากบททแี่ ล้วไปสรา้ งชิ้นงานใดไดบ้ ้าง (บทละครนทิ าน)
โดยครูอาจแนะนำเพิ่มเตมิ ว่าสามารถใชโ้ ปรแกรม Scratch ในการวาดภาพตามจนิ ตนาการไดอ้ ีกดว้ ย

2. ขั้นสำรวจและคน้ หา (exploration)
1. นกั เรยี นรว่ มกันศึกษาเน้ือหาในหนงั สอื เรียนบทท่ี 3 เรอ่ื งหนทางหมนื่ สเี่ รมิ่ ต้นท่ีธงเขียวให้

นกั เรยี นใช้บล็อกคำสงั่ ตามเนื้อหาในหนงั สอื เรยี นและร่วมกันตอบคำถาม
3. ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครูนำนักเรยี นอภปิ รายความรทู้ ไี่ ดร้ บั ในบทเรยี น
2. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายสรปุ กระบวนการคิดหาคำตอบทลี ะขั้นตอน
4. ขน้ั ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูใหน้ กั เรยี นทำใบกิจกรรมท่ี 3.3 เร่ือง ปักธงชาตไิ ทย โดยครูตงั้ คำถามว่า “ธงชาติไทยมกี ี่

สี สีอะไรบ้าง และมีการเรียงลำดับสอี ย่างไร สดั ส่วนแตล่ ะสีเป็นเทา่ ไหร่” โดยครูอาจแนะนำรายละเอยี ดตา่ ง ๆ
เพิม่ เติม

2. ครูส่มุ นักเรยี นนำเสนอผลงาน และอภิปรายเก่ียวกบั ขัน้ ตอนการสร้างชนิ้ งาน
5. ขั้นประเมิน (evaluation)

1. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรยี นมาและการปฏบิ ตั ิกิจกรรม มจี ุดใดบ้าง
ทีย่ ังไมเ่ ข้าใจหรือยังมีขอ้ สงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ

2. นกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และได้มีการ
แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง

3. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
และการนำความรทู้ ี่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมนิ การเรยี นรขู้ องนักเรยี นทำได้ ดงั นี้
1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในชนั้ เรียน
2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคำตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึก

กิจกรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกจิ กรรม

ของนักเรยี น

การประเมินจากการทำกจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ

รหสั สิ่งทีป่ ระเมนิ ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป

ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การส่อื สาร

C5 ความร่วมมอื

8. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
- หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)

ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 สสวท.

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย

ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง.......................................................... แลว้ มีความเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
 ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ

..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ..................................................
(.................................................)

วนั ที่........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 13

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
เรื่อง ลอยฟ้าตะลุยสวน ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา ..........
ครูผสู้ อน.........................................
เวลา 1 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชวี ติ จรงิ อย่างเป็นขัน้ ตอน

และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หา
ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ รูเ้ ท่าทันและมจี รยิ ธรรม

ตัวช้วี ัด ป.4/4 รวบรวม ประเมนิ นำเสนอ ข้อมลู สารสนเทศ ตามวตั ถุประสงคโ์ ดยใชซ้ อฟต์แวร์หรือ
บริการบนอินเตอรเ์ น็ตท่หี ลากหลาย เพ่ือแกป้ ญั หาในชีวิตประจำวัน

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (ความร้,ู ทักษะ, เจตคติ)
1. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจเก่ียวกบั การรวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมลู
2. นักเรยี นสามารถรวบรวมข้อมูลและประมวลผลขอ้ มูลได้
3. นักเรยี นมีเจตคติที่ดตี ่อวชิ าวิทยาศาสตร์

3. สาระสำคญั
ขอ้ มลู หมายถึง ลักษณะหรือรายละเอยี ดเกีย่ วกบั สิง่ ใดสิ่งหน่งึ
วธิ ีการทใี่ ช้ในการสำรวจข้อมูล เชน่ การสังเกต การวดั การสัมภาษณ์ การตอบแบบสอบถามด้วย

กระดาษหรือออนไลน์
อปุ กรณห์ รือเคร่ืองมือท่ีใช้สำหรับบันทกึ และรวบรวมขอ้ มลู เชน่ ปากกา ดนิ สอ สมดุ บันทึก เคร่ือง

คอมพวิ เตอร์
การประมวลผลข้อมลู เช่น การคำนวณ การเปรียบบเทียบ การจำแนกประเภท

4. สาระการเรยี นรู้
1. การรวบรวมขอ้ มูลและการประมวลอย่างงา่ ย

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง

3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
ใบงาน เรอ่ื ง ลอยฟ้าตะลยุ สวน

6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผู้เรียนเป็นสำคญั ดำเนินการเรียนการสอนดงั ต่อไปน้ี

1. ข้ันสรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครตู ้งั คำถามวา่ “ถา้ ต้องการรวบรวมข้อมูลและเก็บบนั ทึกข้อมูลจำนวนนกั เรยี นในโรงเรียน

จะมีวธิ ีการดำเนนิ การอย่างไร”
2. ครูแบ่งนกั เรยี นเปน็ กลุ่ม โดยอาจใช้เพลงและกจิ กรรมเพ่ือแบ่งกลมุ่ เชน่

เพลง รวมเงนิ
รวมกัน รวมกันใหด้ ี รวมกันวันนี้

อยา่ ให้มผี ดิ พลาด
ผู้หญงิ นน้ั เปน็ เหรียญบาท (ซ้ำ)
ผชู้ ายเกง่ กาจเปน็ ห้าสบิ สตางค์ (ซ้ำ)

ครูบอกจำนวนเงินท่ตี ้องการ เช่น สองบาทห้าสิบ เด็ก ๆ นักเรยี นอาจรวมกลุ่มกนั ได้เป็น
ผู้ชาย 2 คน ผหู้ ญงิ 1 คน หรือ ผ้ชู าย 1 คน ผู้หญงิ 3 คน ก็ได้ (เด็กหญงิ /ชาย 1 คน แทน
ห้าสบิ สตางคห์ รือหนึง่ บาท หรอื อาจจะกำหนดเปน็ จำนวนเงนิ อืน่ ก็ได้ ตามความเหมาะสม)
2. ขนั้ สำรวจและค้นหา (exploration)
1. นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาเนื้อหาในหนังสอื เรยี นบทท่ี 4 เรื่อง ลอยฟ้าตะลุยสวน ให้นักเรียน
ร่วมกันตอบคำถาม หน้า 57
3. ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครนู ำนกั เรยี นอภปิ รายความรู้ทไ่ี ดร้ บั ในบทเรียน
2. ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายสรปุ กระบวนการคิดหาคำตอบทีละขนั้ ตอน
4. ขัน้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูใหน้ กั เรียนทำใบงาน เร่ือง ลอยฟ้าตะลุยสวน โดยครูตงั้ คำถามวา่
- ขอ้ มูล หมายถึงอะไร
- วิธีการใช้ในการสำรวจข้อมูล คอื อะไร

- อปุ กรณห์ รือเคร่ืองมือทใี่ ชส้ ำหรบั บันทกึ และรวบรวมขอ้ มูล มอี ะไรบ้าง
- การประมวลผลขอ้ มลู คืออะไร
โดยครูอาจแนะนำรายละเอยี ดต่าง ๆ เพม่ิ เติม
2. ครูส่มุ นกั เรียนนำเสนอผลงาน
5. ขั้นประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ทีเ่ รยี นมาและการปฏิบัติกจิ กรรม มีจดุ ใดบ้าง
ท่ียังไม่เขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพ่ิมเตมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ
2. นักเรียนรว่ มกันประเมินการปฏิบตั กิ จิ กรรมกลุ่มว่ามปี ัญหาหรืออปุ สรรคใด และได้มีการ
แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง
3. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรม
และการนำความรทู้ ี่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมนิ การเรียนรขู้ องนักเรียนทำได้ ดงั นี้
1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรียน
2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคำตอบของนักเรียนระหวา่ งการจัดการเรยี นรแู้ ละจากแบบบันทกึ

กิจกรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทำกจิ กรรม

ของนักเรียน

การประเมนิ จากการทำกจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ

รหสั ส่งิ ท่ปี ระเมิน ระดบั คะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ

ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การส่อื สาร

C5 ความรว่ มมือ

8. สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้
- หนังสอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)

ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 สสวท.

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ.......................................................... แล้วมีความเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจัดกจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป
3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
 นำไปใช้ไดจ้ ริง
 ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ

.................................................................................................................................................... ..........................
......................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชือ่ ..................................................
(.................................................)

วนั ที่........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 14

กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา ..........

เร่อื ง ลอยฟ้าตะลุยสวน ตอน อุปกรณ์กฬี าแสนสนุก เวลา 1 ชวั่ โมง

ครผู ้สู อน.........................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็นขน้ั ตอน

และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รู้เท่าทนั และมีจรยิ ธรรม

ตวั ชีว้ ัด ป.4/4 รวบรวม ประเมนิ นำเสนอ ข้อมูลสารสนเทศ ตามวัตถุประสงค์โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรือ
บริการบนอนิ เตอร์เนต็ ทีห่ ลากหลาย เพือ่ แก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวัน

2. จุดประสงค์การเรียนรู้ (ความร้,ู ทกั ษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกบั การรวบรวมข้อมลู และประมวลผลขอ้ มลู
2. นักเรียนสามารถรวบรวมข้อมูลและประมวลผลขอ้ มูลได้
3. นกั เรยี นมีเจตคติที่ดตี อ่ วิชาวิทยาศาสตร์

3. สาระสำคญั
ข้อมูล หมายถงึ ลักษณะหรือรายละเอยี ดเก่ียวกับส่งิ ใดสงิ่ หนง่ึ
วิธีการทใ่ี ชใ้ นการสำรวจขอ้ มูล เชน่ การสังเกต การวัด การสมั ภาษณ์ การตอบแบบสอบถามด้วย

กระดาษหรือออนไลน์
อปุ กรณ์หรือเคร่ืองมอื ท่ีใช้สำหรับบนั ทึกและรวบรวมข้อมูล เชน่ ปากกา ดนิ สอ สมุดบนั ทึก เครื่อง

คอมพิวเตอร์
การประมวลผลข้อมูล เชน่ การคำนวณ การเปรียบบเทียบ การจำแนกประเภท

4. สาระการเรยี นรู้
1. การรวบรวมขอ้ มูลและการประมวลอย่างงา่ ย

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อยู่อย่างพอเพียง

3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

5. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน
ใบกิจกรรมที่ 4.1 เร่ือง ลอยฟ้าตะลยุ สวน

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ ดำเนนิ การเรียนการสอนดังต่อไปน้ี

1. ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement)
1. ครูตง้ั คำถามว่า “ถ้าต้องการรวบรวมข้อมลู และเกบ็ บนั ทึกข้อมูลจำนวนนักเรยี นในโรงเรยี น

จะมวี ธิ กี ารดำเนินการอยา่ งไร”
2. ครูแบ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม โดยอาจใช้เพลงและกจิ กรรมเพอื่ แบง่ กลมุ่ เช่น

เพลง รวมเงิน
รวมกนั รวมกันใหด้ ี รวมกนั วันนี้

อยา่ ให้มผี ิดพลาด
ผู้หญิงนนั้ เป็นเหรียญบาท (ซำ้ )
ผ้ชู ายเก่งกาจเปน็ หา้ สบิ สตางค์ (ซ้ำ)

ครบู อกจำนวนเงนิ ทตี่ ้องการ เชน่ สองบาทห้าสบิ เดก็ ๆ นักเรียนอาจรวมกล่มุ กนั ไดเ้ ปน็
ผ้ชู าย 2 คน ผหู้ ญิง 1 คน หรือ ผู้ชาย 1 คน ผูห้ ญงิ 3 คน ก็ได้ (เด็กหญงิ /ชาย 1 คน แทน
หา้ สบิ สตางคห์ รือหนงึ่ บาท หรืออาจจะกำหนดเป็นจำนวนเงินอืน่ ก็ได้ ตามความเหมาะสม)
2. ข้ันสำรวจและคน้ หา (exploration)
1. ครนู ำนกั เรียนศึกษาเน้ือหาในหนงั สือเรียนบทที่ 4 เรอื่ งลอยฟ้าตะลุยสวน โดยครูอธบิ าย
รายละเอียดระหว่างการศึกษาเนอื้ หาเพอื่ ให้นักเรยี นเขา้ ใจการใชซ้ อฟตแ์ วรต์ ารางทำงาน เชน่ การเรียกชื่อเซล
คอลมั น์ แถว วธิ ีการคำนวณ การใช้เคร่ืองหมาย +,-,*, / หรืออาจใหน้ ักเรยี นทดลองใช้ซอฟต์แวร์ระหวา่ ง
การศกึ ษาเนื้อหา
3. ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครนู ำนกั เรียนอภิปรายความรู้ทีไ่ ด้รับในบทเรียน
2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายสรุป

4. ขัน้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. นักเรยี นทำใบกิจกรรมท่ี 4.1 เรื่อง อปุ กรณ์กฬี าแสนสนุก จากน้ันครูสมุ่ นักเรยี นออกมา

นำเสนอคำตอบ
5. ข้ันประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นกั เรียนแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหวั ขอ้ ท่ีเรยี นมาและการปฏบิ ตั ิกิจกรรม มีจุดใดบ้าง

ทย่ี ังไมเ่ ข้าใจหรือยังมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธบิ ายเพิ่มเตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ
2. นักเรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรืออปุ สรรคใด และได้มีการ

แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง
3. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม

และการนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมนิ การเรยี นรขู้ องนักเรยี นทำได้ ดังนี้
1. ประเมินความรู้เดิมจากการอภปิ รายในชั้นเรียน
2. ประเมินการเรยี นรู้จากคำตอบของนักเรยี นระหว่างการจัดการเรียนรแู้ ละจากแบบบันทกึ

กิจกรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทำกจิ กรรม

ของนักเรียน

การประเมนิ จากการทำกจิ กรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรบั ปรุง

รหสั สงิ่ ท่ีประเมนิ ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล

S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ

ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21

C4 การสอื่ สาร

C5 ความรว่ มมือ

8. สอื่ และแหล่งการเรียนรู้
- หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สสวท.
- http://goo.gl/c4uyxr เกมนบั จำนวนผลไม้
- http://goo.gl/Dpb7Bx เกมหาและนบั จำนวนสตั ว์
- http://goo.gl.9bP31m เกมรวบรวมข้อมลู

9. ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย

ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง.......................................................... แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
 ยังไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป
3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
 ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ

.................................................................................................................................................... ..........................
......................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่อื ..................................................
(.................................................)

วันท่ี........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 15

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา ..........

เรอ่ื ง ลอยฟา้ ตะลุยสวน ตอน สำรวจอวกาศ เวลา 1 ชวั่ โมง

ครผู สู้ อน.........................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชีวติ จรงิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอน

และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ร้เู ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม

ตวั ชี้วดั ป.4/4 รวบรวม ประเมนิ นำเสนอ ข้อมลู สารสนเทศ ตามวัตถปุ ระสงคโ์ ดยใช้ซอฟต์แวร์หรอื
บริการบนอินเตอรเ์ นต็ ทห่ี ลากหลาย เพอื่ แก้ปญั หาในชวี ติ ประจำวนั

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (ความร้,ู ทักษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกับการรวบรวมข้อมูลและประมวลผลขอ้ มูล
2. นกั เรียนสามารถรวบรวมข้อมลู และประมวลผลขอ้ มลู ได้
3. นักเรียนมีเจตคติที่ดตี อ่ วิชาวิทยาศาสตร์

3. สาระสำคัญ
ข้อมูล หมายถึง ลกั ษณะหรือรายละเอียดเกีย่ วกับสงิ่ ใดสง่ิ หนึ่ง
วธิ กี ารท่ใี ชใ้ นการสำรวจขอ้ มูล เชน่ การสงั เกต การวัด การสัมภาษณ์ การตอบแบบสอบถามด้วย

กระดาษหรือออนไลน์
อปุ กรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้สำหรับบันทกึ และรวบรวมขอ้ มูล เชน่ ปากกา ดนิ สอ สมุดบนั ทึก เคร่ือง

คอมพิวเตอร์
การประมวลผลข้อมูล เช่น การคำนวณ การเปรยี บบเทยี บ การจำแนกประเภท

4. สาระการเรียนรู้
1. การรวบรวมข้อมลู และการประมวลอย่างง่าย

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. อยู่อยา่ งพอเพียง

3. มุ่งม่นั ในการทำงาน

5. ชนิ้ งานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 4.3 เรือ่ ง สำรวจอวกาศ

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ ดำเนินการเรยี นการสอนดังต่อไปน้ี

1. ขัน้ สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครตู ง้ั คำถามวา่ “ถ้าต้องการรวบรวมข้อมูลและเกบ็ บนั ทึกขอ้ มูลสิ่งมีชวี ติ ในในโรงเรยี น จะมี

วิธีการดำเนินการอย่างไร”
2. ครูแบ่งนกั เรียนเปน็ กลมุ่ โดยอาจใช้เพลงและกิจกรรมเพ่อื แบ่งกลมุ่ เชน่

เพลง รวมเงิน
รวมกนั รวมกนั ใหด้ ี รวมกันวันน้ี

อยา่ ใหม้ ผี ิดพลาด
ผหู้ ญิงนน้ั เปน็ เหรยี ญบาท (ซำ้ )
ผชู้ ายเก่งกาจเปน็ หา้ สิบสตางค์ (ซ้ำ)

ครบู อกจำนวนเงนิ ท่ีต้องการ เชน่ สองบาทหา้ สิบ เดก็ ๆ นกั เรียนอาจรวมกลมุ่ กนั ไดเ้ ปน็
ผูช้ าย 2 คน ผูห้ ญิง 1 คน หรือ ผู้ชาย 1 คน ผูห้ ญงิ 3 คน ก็ได้ (เด็กหญงิ /ชาย 1 คน แทน
หา้ สบิ สตางค์หรอื หน่งึ บาท หรอื อาจจะกำหนดเปน็ จำนวนเงินอืน่ ก็ได้ ตามความเหมาะสม)
2. ขั้นสำรวจและค้นหา (exploration)
1. ครนู ำนักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนงั สือเรียนบทท่ี 4 เร่ืองลอยฟ้าตะลยุ สวน โดยครอู ธบิ าย
รายละเอยี ดระหวา่ งการศึกษาเนือ้ หาเพอ่ื ใหน้ ักเรยี นเข้าใจการใช้ซอฟต์แวรต์ ารางทำงาน เชน่ การเรียกชือ่ เซล
คอลมั น์ แถว วิธีการคำนวณ การใชเ้ ครือ่ งหมาย +,-,*, / หรอื อาจใหน้ ักเรยี นทดลองใช้ซอฟต์แวร์ระหวา่ ง
การศกึ ษาเนื้อหา
3. ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครูนำนกั เรยี นอภิปรายความรทู้ ี่ได้รับในบทเรียน
2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายสรุป

4. ข้ันขยายความรู้ (elaboration)
1. นักเรียนทำใบกิจกรรมที่ 4.3 เรอ่ื ง สำรวจอวกาศ จากนัน้ ให้นักเรียนตอบคำถามในใบ

กจิ กรรม
2. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายในประเด็นต่อไปนี้
- นักเรยี นไดร้ ับความรู้อะไรบ้างจาการทำกิจกรรมนี้
- นกั เรียนคดิ วา่ มกี ารรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกับเร่ืองอะไรอกี บ้างและการรวบรวมขอ้ มูล

ดงั กล่าวมวี ธิ กี ารประมวลผลข้อมลู อย่างไร
- นักเรียนจะนำความรู้ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั อย่างไร

5. ขน้ั ประเมนิ (evaluation)
1. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหัวขอ้ ทีเ่ รียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มีจุดใดบ้าง

ท่ยี ังไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ
2. นกั เรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการ

แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง
3. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับประโยชนท์ ี่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม

และการนำความรู้ท่ีได้ไปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวัดและประเมินผล
การประเมนิ การเรียนรขู้ องนักเรยี นทำได้ ดงั น้ี
1. ประเมนิ ความรูเ้ ดิมจากการอภิปรายในชั้นเรียน
2. ประเมินการเรียนรู้จากคำตอบของนักเรยี นระหว่างการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทกึ

กจิ กรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทำกจิ กรรม

ของนักเรียน

การประเมินจากการทำกจิ กรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง

รหัส ส่ิงทป่ี ระเมนิ ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ

ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21

C4 การส่ือสาร

C5 ความรว่ มมือ

8. ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้
- หนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)

ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.
- http://goo.gl/c4uyxr เกมนับจำนวนผลไม้
- http://goo.gl/Dpb7Bx เกมหาและนับจำนวนสัตว์
- http://goo.gl.9bP31m เกมรวบรวมข้อมลู

9. ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผ้ทู ีไ่ ด้รับมอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรยี นร้ขู อง.......................................................... แลว้ มีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรงุ
2. การจัดกิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั มาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ น้นผูเ้ รียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 นำไปใชไ้ ดจ้ รงิ
 ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ

............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่ือ..................................................
(.................................................)

วนั ที่........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 16

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ)
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
เรื่อง แสบตอ้ งเสิร์ช ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา ..........
ครผู ูส้ อน.........................................
เวลา 1 ชวั่ โมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชวี้ ดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขนั้ ตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา
ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทันและมีจรยิ ธรรม

ตวั ช้ีวัด ป.4/3 ใช้อินเทอรเ์ นต็ ค้นหาความรู้ และประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมลู
ป.4/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหน้าทีข่ องตน เคารพในสทิ ธิ

ของผู้อื่น แจง้ ผเู้ กี่ยวข้องเมื่อพบข้อมลู หรือบุคคลที่ไมเ่ หมาะสม

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (ความรู้, ทกั ษะ, เจตคติ)
1. นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั การค้นหาข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็
2. นกั เรยี นสามารถประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของข้อมูลได้
3. นกั เรียนมีเจตคติทีด่ ตี ่อวชิ าวิทยาศาสตร์และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย

3. สาระสำคัญ
- การค้นหาข้อมลู ทำไดโ้ ดยใช้โปรแกรมค้นหา (search engine)
- การระบุคำสำคญั (keyword) ในคำค้นใหช้ ดั เจนและเฉพาะเจาะจงจะทำให้ได้ข้อมูลที่ตรงตาม

ความตอ้ งการ
- การเลือกใช้ข้อมลู ควรเลอื กจากแหลง่ ข้อมูลท่ีมคี วามน่าเชอ่ื ถือ โดยพิจารณาจากองคป์ ระกอบ

ต่าง ๆ เช่น ยอู าร์แอล ชอ่ื ผเู้ ขียน วันท่ีเผยแพร่ข้อมลู แหลง่ ที่มาของข้อมูล
- ก่อนนำข้อมูลบนอนิ เทอรเ์ น็ตไปใชต้ ้องประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลและควรปรึกษา

ผเู้ ชี่ยวชาญโดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพ
- การปกปอ้ งข้อมูลสว่ นตวั ชว่ ยใหป้ ลอดภยั จากผ้ไู มห่ วังดี

4. สาระการเรยี นรู้
- การใช้คำค้น
- การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมูล

- การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัยการทำรายงานหรือการนำเสนอข้อมลู จะต้องนำขอ้ มูล
มาเรียบเรยี งสรปุ เปน็ ภาษาของตนเองทีเ่ หมาะสมกบั กลุ่มเป้าหมายและวิธีการนำเสนอ (บรู ณาการกับวิชา
ภาษาไทย)

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยู่อย่างพอเพียง
3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

5. ช้ินงานหรือภาระงาน
ใบงาน เร่อื ง แสบต้องเสริ ช์

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคญั ดำเนนิ การเรียนการสอนดังต่อไปนี้

1. ข้ันสรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครทู บทวนเรอื่ งการใช้อนิ เทอร์เน็ต โดยสอบถามนักเรียนว่า “นกั เรยี นใช้อนิ เทอร์เน็ตในการ

ทำกิจกรรมใดบา้ ง และจะใช้อินเทอร์เนต็ เพ่อื ประโยชนใ์ นการเรียนอยา่ งไร”
2. ครทู บทวนนเกีย่ วกบั เว็บเบราวเ์ ซอรแ์ ละโปรแกรมค้นหา

2. ข้ันสำรวจและค้นหา (exploration)
1. ครูนำนักเรยี นศึกษาเน้ือหาในหนงั สือเรียนบทที่ 5 เรื่อง แสบต้องเสิรช์
2. ครูตัง้ คำถามว่า “ถา้ นักเรยี นเป็นโปง้ นกั เรียนจะใช้คำค้นอะไร” จากนัน้ ครสู มุ่ นำคำตอบ

ของนักเรียน 2-3 คำตอบ มาใชเ้ ปน็ คำค้น เพ่ือใหน้ ักเรยี นได้อภิปรายผลลัพธ์ท่ไี ด้
3. ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครนู ำนกั เรยี นอภปิ รายความรูท้ ี่ไดร้ บั ในบทเรียน
2. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายสรปุ
4. ขนั้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. นกั เรียนทำใบงาน เร่ือง แสบต้องเสิรช์ จากน้นั ให้นกั เรยี นตอบคำถามในใบกิจกรรม
2. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายในประเดน็ ต่อไปน้ี
- นกั เรียนได้รบั ความรู้อะไรบ้างจากการทำกจิ กรรมน้ี
- นักเรยี นจะนำความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั อยา่ งไร

5. ขั้นประเมนิ (evaluation)
1. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มจี ุดใดบ้าง

ทีย่ ังไมเ่ ข้าใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมให้นกั เรียนเขา้ ใจ
2. นักเรียนร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรมวา่ มปี ัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแกไ้ ข

อยา่ งไรบ้าง
3. ครูและนักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม

และการนำความรู้ที่ไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมนิ การเรยี นรู้ของนักเรียนทำได้ ดังน้ี
1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภิปรายในชน้ั เรียน
2. ประเมินการเรียนร้จู ากคำตอบของนกั เรียนระหว่างการจดั การเรียนร้แู ละจากแบบบันทึก

กจิ กรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทำกิจกรรม

ของนักเรยี น

การประเมินจากการทำกจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรุง

รหสั สงิ่ ที่ประเมนิ ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การส่อื สาร

C5 ความร่วมมอื

8. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
- หนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.
- http://goo.gl.8jU1Uf เทคนคิ การค้นหาขอ้ มลู

9. ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง.......................................................... แล้วมีความเหน็ ดังน้ี
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรงุ
2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่
 นำไปใช้ได้จรงิ
 ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ

.................................................................................................................................................... ..........................
......................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)

วนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 17

กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ)

ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา ..........

เร่อื ง แสบต้องเสิรช์ ตอน ตามหาคำสำคัญ เวลา 1 ชวั่ โมง

ครูผสู้ อน.........................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขนั้ ตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา
ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทนั และมีจรยิ ธรรม

ตัวช้วี ัด ป.4/3 ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ และประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมลู
ป.4/5 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหน้าทีข่ องตน เคารพในสทิ ธิ

ของผู้อ่ืน แจ้งผเู้ กย่ี วข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลที่ไมเ่ หมาะสม

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ความรู้, ทักษะ, เจตคติ)
1. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั การค้นหาข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็
2. นกั เรยี นสามารถประเมินความนา่ เชื่อถือของข้อมูลได้
3. นักเรยี นมีเจตคติที่ดตี อ่ วชิ าวิทยาศาสตร์และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย

3. สาระสำคัญ
- การค้นหาข้อมลู ทำไดโ้ ดยใช้โปรแกรมค้นหา (search engine)
- การระบคุ ำสำคัญ (keyword) ในคำค้นใหช้ ดั เจนและเฉพาะเจาะจงจะทำให้ได้ข้อมูลที่ตรงตาม

ความตอ้ งการ
- การเลอื กใช้ข้อมลู ควรเลือกจากแหลง่ ข้อมูลท่ีมคี วามน่าเชอ่ื ถือ โดยพิจารณาจากองคป์ ระกอบ

ตา่ ง ๆ เชน่ ยอู ารแ์ อล ช่ือผ้เู ขียน วันทเ่ี ผยแพร่ข้อมลู แหลง่ ที่มาของข้อมูล
- ก่อนนำข้อมลู บนอนิ เทอร์เน็ตไปใชต้ ้องประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลและควรปรึกษา

ผูเ้ ช่ียวชาญโดยเฉพาะในเร่ืองสุขภาพ
- การปกป้องข้อมูลส่วนตวั ช่วยใหป้ ลอดภยั จากผ้ไู มห่ วังดี

4. สาระการเรียนรู้
- การใชค้ ำค้น
- การประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูล

- การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั การทำรายงานหรือการนำเสนอข้อมูลจะต้องนำขอ้ มลู
มาเรยี บเรยี งสรุปเป็นภาษาของตนเองท่ีเหมาะสมกบั กลุ่มเป้าหมายและวธิ ีการนำเสนอ (บรู ณาการกับวิชา
ภาษาไทย)

5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อยู่อย่างพอเพียง
3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน

5. ชิน้ งานหรือภาระงาน
ใบกิจกรรมที่ 5.1 เร่อื ง ตามหาคำสำคญั

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ดำเนนิ การเรยี นการสอนดงั ต่อไปนี้

1. ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement)
1. ครทู บทวนเรอ่ื งการใชอ้ ินเทอร์เนต็ โดยสอบถามนักเรยี นว่า “นกั เรยี นใชอ้ นิ เทอร์เน็ตในการ

ทำกิจกรรมใดบา้ ง และจะใชอ้ ินเทอร์เน็ตเพอ่ื ประโยชน์ในการเรียนอยา่ งไร”
2. ครูทบทวนนเกย่ี วกับเว็บเบราวเ์ ซอร์และโปรแกรมค้นหา

2. ขนั้ สำรวจและคน้ หา (exploration)
1. ครูนำนกั เรยี นศึกษาเน้ือหาในหนงั สอื เรียนบทท่ี 5 เรือ่ ง แสบตอ้ งเสิร์ช
2. ครูตง้ั คำถามวา่ “ถา้ นักเรยี นเป็นโปง้ นักเรียนจะใช้คำค้นอะไร” จากน้ันครสู ่มุ นำคำตอบ

ของนักเรียน 2-3 คำตอบ มาใชเ้ ป็นคำค้น เพื่อให้นักเรียนได้อภปิ รายผลลัพธท์ ่ไี ด้
3. ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครอู ธิบายความสำคัญและประโยชนข์ องการใช้คำสำคัญ (keyword) ในการค้นหาข้อมูล

ทางอินเทอรเ์ นต็ ยกตัวอย่างการใช้คำสำคญั และโปรแกรมค้นหาข้อมลู ท่ีหลากหลาย (การใชค้ ำคน้ ที่ต่างกัน
อาจใหผ้ ลลัพธต์ า่ งกัน และการใช้คำค้นเดยี วกนั แต่โปรแกรมค้นหาแตกตา่ งกนั ก็อาจไดผ้ ลลพั ธ์ท่ีต่างกนั )

2. ครอู ธบิ ายประโยชนข์ องการกำหนดคำสำคัญทีม่ ีความครอบคลมุ และชัดเจนในการคน้ หา
ข้อมลู เช่น ในการค้นหาข้อมูลเก่ียวกบั ไข้หวัดใหญ่ ถา้ ใชค้ ำสำคัญว่า “ไขห้ วัดใหญ่” โปรแกรมคน้ หาข้อมูลจะ
แสดงผลความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ แต่ถา้ ใช้คำสำคัญวา่ “อาการของไข้หวัดใหญ”่ โปรแกรมค้นหา
ข้อมลู จะแสดงผลเกี่ยวกบั อาการของโรคไข้หวดั ใหญ่ สาเหตุ การรักษาโรค จากนนั้ ให้นกั เรียนทำใบกิจกรรมท่ี
5.1 เรื่อง ตามหาคำสำคญั และสุ่มนักเรยี นนำเสนอคำตอบ

4. ข้นั ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครสู มุ่ คำสำคญั ท่นี ักเรียนกำหนดในใบกจิ กรรมท่ี 5.1 และให้นกั เรียนอภปิ รายเก่ยี วกบั

เว็บไซต์ที่เป็นผลลพั ธข์ องการคน้ หา และตงั้ คำถามว่าเวบ็ ไซตใ์ ดท่ีสามารถใช้เปน็ แหล่งอา้ งองิ ไดเ้ พราะเหตใุ ด
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายในประเดน็ ต่อไปนี้
- นกั เรียนไดร้ ับความรู้อะไรบ้างจากการทำกจิ กรรมนี้
- นักเรียนจะนำความรู้ไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำวันอยา่ งไร
3. ครจู ัดกิจกรรมเก่ียวกับการเรยี บเรียง สรปุ ขอ้ มูลท่ีได้จากการค้นหาโดยบูรณาการกบั วิชา

ภาษาไทย
5. ข้นั ประเมนิ (evaluation)
1. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหวั ข้อทเ่ี รยี นมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรม มีจดุ ใดบ้าง

ทีย่ ังไมเ่ ข้าใจหรือยังมีข้อสงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรยี นเข้าใจ
2. นักเรยี นรว่ มกันประเมินการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมว่ามปี ัญหาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการแกไ้ ข

อย่างไรบ้าง
3. ครูและนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม

และการนำความร้ทู ่ีได้ไปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมนิ การเรียนร้ขู องนักเรยี นทำได้ ดังน้ี
1. ประเมนิ ความรูเ้ ดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรยี น
2. ประเมนิ การเรยี นรู้จากคำตอบของนกั เรียนระหวา่ งการจัดการเรยี นรู้และจากแบบบันทกึ

กิจกรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกิจกรรม

ของนักเรียน

การประเมนิ จากการทำกิจกรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง

รหัส ส่งิ ที่ประเมิน ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล

S13 การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การสือ่ สาร

C5 ความร่วมมือ

8. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
- หนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)

ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 สสวท.
- แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.
- http://goo.gl.8jU1Uf เทคนิคการค้นหาข้อมลู

9. ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง.......................................................... แล้วมีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรงุ
2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่
 นำไปใช้ได้จรงิ
 ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ

.................................................................................................................................................... ..........................
......................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)

วนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 18

กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ)
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
เร่อื ง แสบต้องเสิร์ช ตอน เลอื กอะไรดี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา ..........
ครูผสู้ อน.........................................
เวลา 1 ชวั่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขนั้ ตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา
ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทนั และมจี รยิ ธรรม

ตัวช้วี ดั ป.4/3 ใช้อินเทอร์เนต็ ค้นหาความรู้ และประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมลู
ป.4/5 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหน้าทีข่ องตน เคารพในสทิ ธิ

ของผู้อ่ืน แจ้งผเู้ กยี่ วข้องเม่ือพบข้อมลู หรอื บุคคลที่ไมเ่ หมาะสม

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ความร,ู้ ทักษะ, เจตคติ)
1. นักเรียนมีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั การค้นหาข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็
2. นกั เรยี นสามารถประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของข้อมูลได้
3. นักเรยี นมีเจตคติท่ดี ตี ่อวชิ าวิทยาศาสตร์และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย

3. สาระสำคัญ
- การค้นหาข้อมูลทำไดโ้ ดยใช้โปรแกรมค้นหา (search engine)
- การระบคุ ำสำคัญ (keyword) ในคำค้นใหช้ ดั เจนและเฉพาะเจาะจงจะทำให้ได้ข้อมูลที่ตรงตาม

ความตอ้ งการ
- การเลือกใช้ข้อมลู ควรเลือกจากแหลง่ ข้อมูลท่ีมคี วามน่าเชอ่ื ถือ โดยพิจารณาจากองคป์ ระกอบ

ตา่ ง ๆ เชน่ ยอู าร์แอล ชอ่ื ผูเ้ ขียน วนั ที่เผยแพร่ข้อมลู แหลง่ ที่มาของข้อมูล
- ก่อนนำข้อมูลบนอนิ เทอร์เน็ตไปใชต้ ้องประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลและควรปรึกษา

ผูเ้ ช่ียวชาญโดยเฉพาะในเร่ืองสขุ ภาพ
- การปกปอ้ งข้อมูลสว่ นตวั ชว่ ยใหป้ ลอดภยั จากผ้ไู มห่ วังดี

4. สาระการเรียนรู้
- การใชค้ ำค้น
- การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมูล

- การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั การทำรายงานหรอื การนำเสนอข้อมูลจะต้องนำขอ้ มลู
มาเรียบเรียงสรปุ เปน็ ภาษาของตนเองท่ีเหมาะสมกบั กลุ่มเปา้ หมายและวิธีการนำเสนอ (บูรณาการกับวชิ า
ภาษาไทย)

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยอู่ ย่างพอเพียง
3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน

5. ชน้ิ งานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 5.2 เรื่อง เลือกอะไรดี

6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคัญ ดำเนนิ การเรียนการสอนดังต่อไปน้ี

1. ขั้นสร้างความสนใจ (engagement)
1. ครทู บทวนเรื่องการใช้อินเทอรเ์ น็ต โดยสอบถามนักเรียนว่า “นักเรยี นใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ในการ

ทำกิจกรรมใดบา้ ง และจะใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ เพอ่ื ประโยชน์ในการเรยี นอย่างไร”
2. ครทู บทวนนเก่ียวกบั เวบ็ เบราวเ์ ซอร์และโปรแกรมค้นหา

2. ข้นั สำรวจและค้นหา (exploration)
1. ครูนำนกั เรียนศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรียนบทท่ี 5 เรือ่ ง แสบต้องเสิร์ช
2. ครูตง้ั คำถามวา่ “ถ้านักเรยี นเปน็ โปง้ นักเรยี นจะใช้คำคน้ อะไร” จากน้นั ครูสมุ่ นำคำตอบ

ของนักเรยี น 2-3 คำตอบ มาใช้เปน็ คำคน้ เพื่อใหน้ ักเรยี นได้อภิปรายผลลพั ธท์ ีไ่ ด้
3. ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครอู ธบิ ายความสำคัญและประโยชน์ของการใช้คำสำคัญ (keyword) ในการคน้ หาข้อมลู

ทางอินเทอร์เนต็ ยกตวั อยา่ งการใช้คำสำคัญและโปรแกรมค้นหาขอ้ มลู ทห่ี ลากหลาย (การใช้คำคน้ ทีต่ า่ งกนั
อาจให้ผลลัพธ์ต่างกัน และการใชค้ ำค้นเดยี วกันแตโ่ ปรแกรมค้นหาแตกตา่ งกนั ก็อาจได้ผลลพั ธท์ ี่ตา่ งกนั )

2. ครอู ธิบายประโยชนข์ องการกำหนดคำสำคัญทีม่ ีความครอบคลุมและชัดเจนในการค้นหา
ขอ้ มลู เช่น ในการค้นหาข้อมูลเกยี่ วกับไขห้ วัดใหญ่ ถา้ ใช้คำสำคญั วา่ “ไขห้ วดั ใหญ่” โปรแกรมค้นหาข้อมูลจะ
แสดงผลความรทู้ ่ัวไปเกย่ี วกบั ไขห้ วดั ใหญ่ แต่ถ้าใชค้ ำสำคัญวา่ “อาการของไขห้ วดั ใหญ”่ โปรแกรมคน้ หา
ข้อมูลจะแสดงผลเก่ยี วกับอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ สาเหตุ การรกั ษาโรค

4. ขนั้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. นักเรียนทำใบกจิ กรรมที่ 5.2 เรื่องเลอื กอะไรดีจากน้ันสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอคำตอบ

โดยให้นักเรยี นบอกเหตผุ ลในการเลือกเวบ็ ไซต์ โดยครเู ปดิ โอกาสให้เพ่อื น ๆ ไดเ้ สนอความคิดเหน็ เพม่ิ เตมิ
2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายในประเด็นต่อไปนี้
- นกั เรยี นได้รับความรู้อะไรบ้างจากการทำกจิ กรรมน้ี
- นกั เรยี นจะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวันอยา่ งไร
3. ครูควรเนน้ ย้ำให้นกั เรยี นเข้าใจวา่ หากมีปัญหาเกี่ยวกบั เรื่องสุขภาพควรไปพบแพทย์ ไม่ควร

ค้นหาขอ้ มลู จากอินเทอรเ์ น็ตและรกั ษาด้วยตนเอง
5. ขนั้ ประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ท่ีเรยี นมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มจี ุดใดบา้ ง

ทีย่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรือยังมีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิ่มเตมิ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ
2. นักเรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมวา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการแกไ้ ข

อยา่ งไรบ้าง
3. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัตกิ จิ กรรม

และการนำความรู้ท่ีได้ไปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวัดและประเมินผล
การประเมินการเรยี นรู้ของนักเรยี นทำได้ ดงั นี้
1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในชน้ั เรียน
2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคำตอบของนักเรียนระหวา่ งการจดั การเรียนรแู้ ละจากแบบบันทกึ

กิจกรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกิจกรรม

ของนักเรียน

การประเมนิ จากการทำกิจกรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง

รหัส ส่งิ ที่ประเมิน ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล

S13 การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การสือ่ สาร

C5 ความร่วมมือ

8. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
- หนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)

ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 สสวท.
- แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.
- http://goo.gl.8jU1Uf เทคนิคการค้นหาข้อมลู

9. ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง.......................................................... แล้วมีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรงุ
2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่
 นำไปใช้ได้จรงิ
 ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ

.................................................................................................................................................... ..........................
......................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)

วนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 19

กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา ..........

เร่ือง แสบต้องเสริ ์ช ตอน ข้อมลู ของเรา เก็บไว้กบั ตัวเรา เวลา 1 ชว่ั โมง

ครผู ู้สอน.........................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชีวติ จรงิ อย่างเป็นขั้นตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หา
ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทันและมจี รยิ ธรรม

ตวั ชี้วัด ป.4/3 ใช้อินเทอร์เนต็ ค้นหาความรู้ และประเมนิ ความน่าเช่ือถือของข้อมูล
ป.4/5 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องตน เคารพในสิทธิ

ของผู้อ่นื แจง้ ผเู้ กยี่ วข้องเม่ือพบข้อมูลหรือบุคคลท่ีไม่เหมาะสม

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ความร,ู้ ทกั ษะ, เจตคติ)
1. นกั เรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับการคน้ หาข้อมูลจากอินเทอรเ์ นต็
2. นักเรียนสามารถประเมินความน่าเชอื่ ถือของข้อมลู ได้
3. นกั เรยี นมีเจตคติทด่ี ตี ่อวชิ าวิทยาศาสตร์และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั

3. สาระสำคญั
- การคน้ หาข้อมูลทำไดโ้ ดยใช้โปรแกรมค้นหา (search engine)
- การระบุคำสำคญั (keyword) ในคำคน้ ให้ชดั เจนและเฉพาะเจาะจงจะทำใหไ้ ด้ข้อมูลท่ีตรงตาม

ความต้องการ
- การเลือกใช้ข้อมูลควรเลอื กจากแหล่งข้อมลู ที่มคี วามนา่ เช่ือถอื โดยพจิ ารณาจากองค์ประกอบ

ต่าง ๆ เช่น ยูอารแ์ อล ชอื่ ผู้เขียน วนั ท่ีเผยแพร่ข้อมลู แหล่งท่ีมาของข้อมูล
- ก่อนนำข้อมูลบนอินเทอรเ์ น็ตไปใชต้ ้องประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของข้อมลู และควรปรกึ ษา

ผู้เช่ียวชาญโดยเฉพาะในเร่ืองสุขภาพ
- การปกปอ้ งข้อมลู สว่ นตัวชว่ ยใหป้ ลอดภัยจากผู้ไมห่ วังดี

4. สาระการเรยี นรู้
- การใชค้ ำคน้
- การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถือของข้อมลู

- การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั การทำรายงานหรือการนำเสนอข้อมลู จะต้องนำขอ้ มูล
มาเรยี บเรียงสรุปเป็นภาษาของตนเองทเี่ หมาะสมกบั กลุ่มเป้าหมายและวธิ กี ารนำเสนอ (บูรณาการกบั วชิ า
ภาษาไทย)

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อย่อู ย่างพอเพยี ง
3. มงุ่ มั่นในการทำงาน

5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
ใบกิจกรรมที่ 5.3 เรอ่ื ง ข้อมลู ของเรา เกบ็ ไว้กับตวั เรา

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั ดำเนนิ การเรียนการสอนดังต่อไปนี้

1. ข้ันสร้างความสนใจ (engagement)
1. ครทู บทวนเร่อื งการใช้อนิ เทอร์เนต็ โดยสอบถามนกั เรียนวา่ “นักเรียนใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ในการ

ทำกิจกรรมใดบ้าง และจะใชอ้ ินเทอร์เนต็ เพื่อประโยชนใ์ นการเรียนอยา่ งไร”
2. ครูทบทวนนเก่ยี วกับเวบ็ เบราวเ์ ซอร์และโปรแกรมค้นหา

2. ขั้นสำรวจและค้นหา (exploration)
1. ครูนำนกั เรยี นศึกษาเนื้อหาในหนงั สือเรียนบทที่ 5 เรื่อง แสบตอ้ งเสริ ์ช
2. ครูต้ังคำถามว่า “ถ้านักเรียนเปน็ โป้ง นกั เรียนจะใชค้ ำค้นอะไร” จากน้นั ครูสมุ่ นำคำตอบ

ของนักเรียน 2-3 คำตอบ มาใชเ้ ปน็ คำค้น เพ่ือให้นักเรยี นได้อภิปรายผลลัพธ์ทไ่ี ด้
3. ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครอู ธบิ ายความสำคัญและประโยชนข์ องการใช้คำสำคัญ (keyword) ในการคน้ หาข้อมูล

ทางอนิ เทอรเ์ นต็ ยกตัวอย่างการใช้คำสำคญั และโปรแกรมค้นหาขอ้ มูลทีห่ ลากหลาย (การใช้คำค้นทตี่ า่ งกัน
อาจให้ผลลพั ธต์ ่างกนั และการใช้คำค้นเดยี วกนั แต่โปรแกรมค้นหาแตกต่างกันก็อาจไดผ้ ลลัพธ์ที่ต่างกนั )

2. ครอู ธบิ ายประโยชนข์ องการกำหนดคำสำคัญทีม่ ีความครอบคลมุ และชดั เจนในการค้นหา
ขอ้ มลู เช่น ในการค้นหาข้อมูลเกีย่ วกับไข้หวดั ใหญ่ ถ้าใช้คำสำคัญว่า “ไข้หวัดใหญ่” โปรแกรมค้นหาข้อมลู จะ
แสดงผลความร้ทู ั่วไปเก่ยี วกับไข้หวัดใหญ่ แต่ถา้ ใช้คำสำคัญว่า “อาการของไขห้ วดั ใหญ”่ โปรแกรมค้นหา
ข้อมลู จะแสดงผลเก่ียวกบั อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ สาเหตุ การรกั ษาโรค

4. ขัน้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูอธิบายการใช้เทคโนโลยีอยา่ งปลอดภัย การเขา้ ใจสิทธแิ ละหนา้ ท่ขี องตนเคารพในสิทธิ

ของผู้อนื่ สอ่ื สารอย่างมีมารยาทและรู้กาลเทศะและการปกปอ้ งข้อมูลส่วนตัว โดยใหน้ ักเรียนทำใบกิจกรรมที่
5.3 เรื่อง ข้อมลู ของเราเก็บไว้กบั ตวั เรา

2. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกบั การใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งปลอดภัย เช่น ไมส่ รา้ ง
ขอ้ ความเท็จและส่งให้ผู้อ่ืน ไมส่ ร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อ่นื โดยการส่งสแปม ข้อความลูกโซ่ สง่ ต่อโพสตท์ ี่มี
ข้อมลู ส่วนตวั ของผอู้ น่ื ส่งคำเชิญเล่นเกม ไม่เข้าถึงข้อมูลสว่ นตัวหรอื การบา้ นของบุคคลอื่นโดยไมไ่ ด้รบั อนุญาต
ไม่ใชเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ / ชอ่ื บัญชีของผู้อ่ืน

3. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายในประเด็นต่อไปนี้
- นกั เรียนไดร้ บั ความรู้อะไรบ้างจากการทำกจิ กรรมน้ี
- นักเรยี นจะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั อย่างไร

4. ครูอาจฝกึ ทักษะในการคน้ หาของนักเรียนโดยกำหนดโจทยง์ ่าย ๆ ทีม่ ีรายละเอียดไม่ซับซ้อน
5. ข้ันประเมิน (evaluation)

1. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรยี นมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจดุ ใดบ้าง
ที่ยังไม่เข้าใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ

2. นักเรียนร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมวา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไข
อยา่ งไรบ้าง

3. ครแู ละนักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการปฏิบตั ิกจิ กรรม
และการนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวัดและประเมนิ ผล
การประเมนิ การเรียนรู้ของนักเรยี นทำได้ ดงั น้ี
1. ประเมนิ ความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรียน
2. ประเมินการเรียนรู้จากคำตอบของนักเรยี นระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบันทกึ

กจิ กรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทำกจิ กรรม

ของนักเรยี น


Click to View FlipBook Version