The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รีวิวเส้นทางการเตรียมตัวสอบของผม ในฐานะ Dek67 ที่สามารถสอบติดสาขาแพทยศาสตร์ได้ แต่ระหว่างทางนั้นก็มีการตัดสินใจที่ผิดพลาดหลายอย่าง เลยอยากนำมาแชร์ เพื่อเป็นบทเรียนให้กับน้องรุ่นต่อ ๆ ไปครับ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Wich Tengprasert, 2024-05-20 11:44:47

รีวิวการเตรียมสอบแพทย์

รีวิวเส้นทางการเตรียมตัวสอบของผม ในฐานะ Dek67 ที่สามารถสอบติดสาขาแพทยศาสตร์ได้ แต่ระหว่างทางนั้นก็มีการตัดสินใจที่ผิดพลาดหลายอย่าง เลยอยากนำมาแชร์ เพื่อเป็นบทเรียนให้กับน้องรุ่นต่อ ๆ ไปครับ

รีวิ รี ว วิ การเตรีย รี ม สอบแพทย์ ผู้เขียน : วิชญ์ เต็งประเสริฐ by Dek67


1 รีวิวการเตรียมสอบแพทย์ ผู้เขียน : วิชญ์ เต็งประเสริฐ #Dek67 • จบจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการปราณบุรี • สอบติดรอบที่ 2 (Quota) คณะแพทยศาสตร์ สาขาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินท์ โครงการโควตารับตรงภูมิภาคใต้ o คะแนนที่ใช้ยื่น คือ A-Level ล้วน ๆ ได้แก่คณิต1, ชีววิทยา, ภาษาอังกฤษ, ฟิสิกส์, เคมี , ภาษาไทย, สังคมศึกษา รวมทั้งหมด 7 วิชา • คะแนน A-Level ที่ผมได้


2 • คะแนนขั้นต่ำที่ติวเตอร์คาดการณ์ (ของ smart math pro) สำหรับมหาลัยเทียร์2 ***เอามาให้เห็นเป็นเกณฑ์คร่าว ๆ เพราะของที่ผมยื่นมันรอบ 2 แต่คะแนนที่เค้าคำนวณเป็นรอบ 3 ซึ่งใช้น้ำหนัก แต่ละวิชาต่างกันนิดหน่อย เพราะมี TPAT1 ด้วย เรียงไทม์ไลน์การเตรียมสอบเข้ามหาลัย ตั้งแต่ตอนที่ได้สอวน.มา ผมก็ตั้งใจจะเอาไปยื่นพอร์ทวิศวะไปเลยแบบสบาย ๆ เพราะมันตรงสาย และติด แน่นอน ที่คิดแบบนั้นเพราะรู้ตัวเองสองอย่าง คือ 1. ทำคณิต/ฟิสิกส์ได้ดี 2. ไม่อยากอ่านหนังสือเยอะ ถ้าเรียนหมอ ต้องอ่านหนังสือเยอะ เลยตัดสินใจยื่นวิศวะไป แต่ช่วงที่ยื่นพอร์ทมันคาบเกี่ยวกับช่วงสอบ TGAT/TPAT พอดี ในช่วงนั้นผมก็เตรียมตัวสอบให้ได้คะแนนดี ๆ เพื่อกันพลาดไว้ด้วย (การเตรียมสอบครั้งนี้ ทำให้ผมไม่ต้องเตรียม สอบ A-Level ภาษาอังกฤษ) แต่วิชานึงที่ผมไม่คิดจะสมัครสอบเลย แล้วมันเป็นวิชาที่เปิดรับสมัครวิชาแรกสุด คือ TPAT1 ทำให้กว่าจะกลับตัว มันก็สายไปซะแล้ว ตอนที่มันสายไปแล้วสำหรับการยื่นหมอ ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผม ต้องไปหาว่า มีมหาลัยไหนที่ผมจะยื่นได้บ้าง ในรอบที่ 1 หรือ 2 ก็ปรากฎว่าสามารถยื่นที่ ม.ช. รอบพอร์ทได้ เลยได้ มีโอกาสไปสอบสัมภาษณ์แบบที่เรียกว่า MMI มาด้วย เดี๋ยวจะบอกว่าคืออะไร แต่บอกผลลัพธ์ก่อนว่า สอบไม่ติด นะครับ 55 เลยต้องมายื่นรอบ 2 ซึ่งถ้าใครที่ทะเบียนบ้านอยู่ประจวบฯ จะสามารถยื่นได้สองที่นะครับ คือ 1.สถาบันพระบรมราชชนก 2.มหาวิทยาลัยสงขลานครินท์ โดยที่ใช้แค่คะแนน A-Level + การสัมภาษณ์แบบ MMI *** ข้อคิดที่1 : ต้องสอบ TPAT1 เผื่อไว้นะ ต่อให้ไม่ได้เตรียมตัวก็ช่าง เพราะถ้าไม่มี ก็คือยื่นไม่ได้ ข้อคิดที่2 : การสัมภาษณ์แบบ MMI เป็นอะไรที่ต้องเจอแน่ ๆ ถ้าจะยื่นรอบ 1,2 ดังนั้น หาข้อมูลรอไว้เลย


3 สิ่งที่ต้องรู้ รอบ Portfolio • ระบุเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำ ≥3.50 • ใช้คะแนนภาษาอังกฤษทุกที่ ไม่มีที่ไหนไม่ใช้ o หลาย ๆ ที่ ผมยื่นไม่ได้ เพราะผมมีแต่คะแนน TOEFL ITP มีแค่ที่ ม.ช. ที่รับ o คะแนนที่จะยื่นได้ทุกที่เลยคือ TOEFL IBT (≥100) และ IELTS (≥7.0) ▪ สอบ 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน, ค่าสอบประมาณ 6,000-8,000 บาท o น้ำหนักคะแนนภาษาอังกฤษค่อนข้างสูง ถ้าคิดว่ายังเตรียมตัวทัน แนะนำให้ทุ่มสอบให้มันออกมา ดีเลยนะ เท่าไหร่ก็ต้องจ่าย • คะแนน BMAT ก็สำคัญไม่แพ้ภาษาอังกฤษ แต่ของผมไม่ต้องใช้ เพราะว่ายื่นโครงการ สอวน. o ถ้าเค้าให้ยื่น ก็คือต้องมี ถ้าไม่สอบไว้ ก็ยื่นไม่ได้ ▪ ข้อสอบมี 3 ส่วน ได้แก่ thinking skills, scientific knowledge, writing task เป็น ภาษาอังกฤษหมด, ค่าสอบประมาณ 8,000 บาท • มีสอบสัมภาษณ์ MMI แน่นอนจ้า MMI คืออะไร • เป็นการสอบวัดทักษะการแก้ปัญหา การรับมือความกดดัน และจริยธรรมทางการแพทย์ โดยจะแบ่งเป็น สถานี แต่ละสถานีจะมีคำถาม 1-2 คำถามที่วัดทักษะในแต่ละด้าน • วิธีการเตรียมตัวสอบ ผมแนะนำให้ ต้องมีคนช่วยบอกแนวทางการตอบ โดยอาจจะหาคนช่วยแนะนำ เช่น หมอ หรือ ก็จะมีหนังสือรวมคำถามและแนะนำคำตอบไว้ให้ แต่เป็นภาษาอังกฤษ คือ เล่มด้านล่างนี้


4 • เว็บ 9choke เป็นเว็บที่คนทำได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการสอบแพทย์ไว้เยอะมาก โดยเฉพาะแพทย์ ม.ช. ซึ่งก็มีการรวมคำถามสัมภาษณ์เอาไว้ด้วย ตามลิงค์นี้เลย https://9choke.com/2023/11/28/mmi-by-social-media- %e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0 %b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%b9%e0%b8%a5%e0%b8 %81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%9a-mmi- %e0%b9%80/ รอบ Quota และ แนะนำการสอบ A-Level • เป็นการรับคนในพื้นที่เป็นหลัก • ส่วนใหญ่ใช้คะแนน A-Level 7 วิชา • ถ้าอยู่ประจวบฯ ยื่นได้สองที่ คือพระบรมราชชนก และ ม.อ. • มีสัมภาษณ์แบบ MMI ด้วยในบางที่ (พระบรมมี, ม.อ. ไม่มี) • ถ้าเป็น CPIRD จะได้ใช้ทุนในจังหวัดที่สมัคร แต่ถ้าโควตาทั่วไป จะเลือกใช้ทุนตามระบบปกติ


5 ฟิสิกส์ - ผมผ่านการเข้าค่ายสอวน. ฟิสิกส์มาตั้งแต่ตอนอยู่ ม. 3 ดังนั้นเนื้อหาฟิสิกส์ประมาณ 80% ที่ใช้สอบ ผมก็ ไม่ต้องมาเตรียมตัววิชานี้ ทำให้มีเวลาไปอ่านวิชาอื่นมากขึ้น - ผมเคยอ่านหนังสือ สสวท. ไป 1 เล่ม คือเล่ม 6 ส่วนตัวมองว่าหนังสือเขียนมาดี ทำให้เข้าใจที่มาที่ไปและ ทำให้เข้าใจทฤษฎีมันจริง ๆ แต่ถ้าเวลาเหลือน้อย แนะนำให้ไปดูสรุปสูตรและวิธีใช้สูตรก็พอ เพราะหนังสือ มันค่อนข้างเน้นไปที่การพิสูจน์ถึงที่มา - ช่องที่จะแนะนำในการดูสรุปของแต่ละบทคือ ondemand (https://www.youtube.com/@physics.ondemand/featured หรือ https://www.youtube.com/@ondemandacademy )


6 คณิตศาสตร์1 เจอโจทย์ก่อนแล้วค่อยอ่านเนื้อหามาแก้โจทย์ - ตอนผมอยู่ ม.5 เทอม 1 ผมเริ่มทำข้อสอบ PAT1 วันละ 3 ข้อ โดยที่ยังไม่ได้อ่านเนื้อหาครบทุกบทใน ม.ปลาย ทำให้ในแต่ละวันที่ผมทำ ผมต้องไล่อ่านเนื้อหาที่ยังไม่เคยเจอ เช่นเนื้อหาของม. 6 ทำให้การ ทำโจทย์ในช่วงวันแรก ๆ ผมต้องใช้เวลากับมันมาก นอกจากนี้ ยังต้องทนกับความหงุดหงิดเพราะว่า มันยากเกินไปที่จะทำได้ ดังนั้นผมจึงต้องเปิดเฉลยดูและทำความเข้าใจกับรูปแบบโจทย์ที่ยังไม่เคยเจอ - คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง คือเน้น “ถี่ แต่ไม่ต้องเยอะ” ให้ทำประจำ แต่ไม่ต้องทำ ครั้งละเยอะ ๆ - เว็บไซต์ที่ใช้ในการอ่านเนื้อหาและโจทย์คือเว็บ https://rathcenter.com/#/ o มีทั้งโจทย์ PAT1 และเฉลย แต่บางปีไม่มีเฉลย ก็จะหาดูในยูทูปเอา (แต่ถ้าอยากดูที่ผมเฉลย ก็ตามไปดูได้ที่ช่อง https://youtube.com/@hamjaa8952?si=akX-ccjLvZS-p2RJ)


7 ตะลุยข้อสอบก่อนสอบจริง - เนื่องจากผมจำเนื้อหาได้ทั้งหมดตั้งแต่ที่ทำ PAT1 ไปแล้ว ทำให้การเตรียมสอบด้วยระยะเวลา 2 เดือน ของผม ไม่ต้องมาอ่านเนื้อหาคณิตซ้ำ แต่ผมซื้อหนังสือ SYNTAX + มาทำ โดยข้อดีของหนังสือคือ การเฉลยของเค้า เฉลยดีมาก และถ้าโจทย์ข้อไหนมีวิธีคิดได้หลายแบบ ผู้เขียนเค้าก็ใส่มาไม่กั๊กเลย


8 ภาษาอังกฤษ - พื้นฐานภาษาอังกฤษของผมเริ่มปูพื้นมาตอน ม.4 โดยการที่จำเป็นต้องอ่านหนังสือฟิสิกส์เวอร์ชัน ภาษาอังกฤษ ผมก็จะต้องอ่านด้วยความยากลำบาก เพราะต้องจับใจความของเนื้อหาให้เข้าใจด้วย ไป พร้อม ๆ กับการเจอคำศัพท์ใหม่ ๆ มากมาย แต่พอผ่านมันมาได้ คลังคำศัพท์และสกิลการเดา ความหมายของคำของผมก็พัฒนาขึ้นมาก และทำให้ผมไม่กลัวที่จะเจอความลำบากในการอ่าน ภาษาอังกฤษอีก **ปลดล็อกสกิล เป็นคนใจเย็น - ตอน ม.5 ผมเริ่มทำซีรีส์อ่านภาษาอังกฤษเป็นระยะเวลาสองเดือนโดยใช้เทคนิคเดิมคือลุยอ่านไป เรื่อย ๆ ก็คืออ่านไป เปิด Cambridge dictionary (https://dictionary.cambridge.org/) ไป โดย ที่ไม่ได้จดคำศัพท์มาท่องศัพท์ แต่เน้นอ่านให้มันเจอคำนั้นบ่อย ๆ ก็จะจำไปเอง **อันนี้เทคนิคใคร เทคนิคมันเนาะ ส่วนตัวไม่ชอบจดศัพท์


9 ** ช่วงที่ผมทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นนั้น มาจากการเตรียมตัวสอบ TGAT1 ดังนั้นผมจะเล่าเรื่องการเตรียม ตัวในตอนนั้นให้ฟัง เพราะตอนสอบ A-Level ผมไม่ได้เตรียมตัวเท่าไหร่ - ช่วงใกล้สอบ TGAT1 ผมก็ได้เรียนจากครูในโรงเรียนเอง และติวเตอร์ที่โรงเรียนจ้างมาสอน แล้วก็ หนังสือที่ผมใช้อ่านเนื้อหาคือหนังสือ TGAT ENGLISH COMPLETE ซึ่งเป็นหนังสือระดับล้านดาว ที่ ต้องอ่านให้ได้และผมก็จะแนะนำให้ติดตามเพจของผู้เขียนเอาไว้ด้วย เพราะเค้าจะแจกเฉลยฟรีอยู่ บ่อย ๆ (https://www.facebook.com/GATEngThailand?mibextid=LQQJ4d)


10 - ส่วนหนังสืออีกสองเล่มที่จะแนะนำ จะแนะนำของ ดร.ศุภวัฒน์ ที่เป็นรวมศัพท์ แล้วก็อีกอันคือ ตะลุย โจทย์ TGAT1 พวกนี้จะเป็นพื้นฐานการทำโจทย์ที่ดีได้ ส่วนทักษะภาษาอังกฤษของผม หลัก ๆ แล้ว มันเกิดจากการใช้มันในชีวิตประจำวัน เช่นยูทูปที่ผมดู ผมก็ดูฝรั่งออกกำลังกาย หรือการอ่านโพสต์ ต่าง ๆ แล้วก็แปลให้เข้าใจ ก็จะได้ศัพท์ใหม่มาเติมในคลังทีละนิด ๆ ทุกวัน


11 ชีววิทยา - ชีวะเป็นวิชาที่ผมทุ่มเวลาในช่วงสองเดือนสุดท้ายในการอ่านเนื้อหาใหม่ทั้งหมด โดยหนังสือที่ผมจะ แนะนำให้อ่าน มีแค่เพียงอย่างเดียวเลยคือ หนังสือ 6 เล่มของ สสวท. เพราะมันเพียงพอแล้วจริง ๆ สำหรับการทำข้อสอบ ตัวผมเองก็อ่านแค่นี้ ไม่ได้อ่านหนังสือเล่มอื่นเลย - ส่วนหนังสือโจทย์ ผมแนะนำมากๆๆๆๆ ให้ทำให้เสร็จเล่มนึง คือหนังสือ Mock Exam A-Level ของ ดร.ศุภณัฐ **อ่านเฉลยด้วยนะ ไม่ใช่แค่ตรวจคะแนนอย่างเดียว** ส่วนที่เหลือ ก็ให้ทำข้อสอบ ย้อนหลังวิชาสามัญซัก 5 ปี


12 เคมี - ตอนม.4 ผมลงเรียนคอร์สของ ondemand ซึ่งก็เรียนแค่เนื้อหาสำหรับระดับชั้นในตอนนั้น ไม่ได้ เรียนล่วงหน้าอะไร ตอนม.5 ก็ไม่ได้ลงเรียนแล้ว แล้วก็ได้มาเรียนแบบติดสปีดอีกที ด้วยคอร์ส UpSkill A-Level เคมี ของพี่เคน ondemand ในช่วงที่เหลือเวลา 2 เดือนสุดท้าย - โดยสรุปแล้ว ผมจะอธิบายว่าทำไมวิธีที่ผมทำมา มันดูใช้เวลาไม่มาก แต่มันเวิร์ค เพราะคะแนนเคมี ของผม ก็ทำได้เกินคาดมาก ๆ ก็คือ จากการเรียนพิเศษของผมตอนม.4 ทำให้เนื้อหาตอนม.4 ของผม มันยังคงจำได้อยู่ เลยไม่ต้องทวนซ้ำ และการเรียนในห้องเรียนในช่วง ม.5 ถึง ม.6 ผมก็ตั้งใจเรียนใน ตอนนั้น รวมถึงอ่านหนังสือเองเป็นระยะ ๆ ด้วย ก็ทำให้ยังพอจำได้อยู่บ้าง ทำให้ในช่วง 2 เดือน สุดท้ายที่ผมเรียนในคอร์ส เค้าก็จะมีช่วงทบทวนเนื้อหา ผมจึงทบทวนได้ไว ใช้เวลาไม่นานก็ไปทำโจทย์ ได้เลย โจทย์ที่ผมทำ ผมทำข้อสอบย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 61-66 บวกกับโจทย์จำลองที่มีมาให้ในคอร์สอีก 3 ชุด แต่ถ้าใครที่ไม่คล่องเคมีอยู่แล้ว ผมยอมรับว่ามันเป็นวิชาที่โจทย์มันยาก และใช้เวลาฝึกฝนนาน จึงแนะนำว่า ให้เวลากับมันเยอะหน่อย ตอนที่ยังเตรียมตัวทันนะ -


13 ไทย-สังคม - ผมใช้เวลาเตรียมสองวิชานี้ประมาณ 5 วัน สิ่งที่ผมทำในช่วงห้าวันนี้คือการนั่งดูคลิปของช่องพี่โดม ซึ่ง ส่วนตัวผมเอง รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบการสอนพี่โดมเท่าไหร่ ส่วนพี่บอสที่เป็นภาษาไทย อันนี้ชอบมาก ๆ รู้สึกว่าสอนดีมากครับ - ในพาร์ทของการทำโจทย์ ผมก็เอาข้อสอบวิชาสามัญเก่ามาทำประมาณ 4 ปี ซึ่งวิชาที่พัฒนาขึ้นอย่าง เห็นได้ชัดคือภาษาไทย แต่วิชาที่บ้งแล้วบ้งอีก คะแนนสวิงขึ้นลงตามดวงที่เจอในแต่ละชุดคือสังคม ผม จึงอยากแนะนำว่า ภาษาไทย ให้เอาข้อสอบเก่ามาทำ แล้วสังเกตแนวคำตอบให้ดี แค่นี้ก็ได้คะแนน โอเคแล้ว ส่วนสังคม อันนี้แนะนำให้ไม่ถูกจริง ๆ เพราะตัวเองก็ไม่พัฒนาเลยตลอด 5 วัน


Click to View FlipBook Version