ตำนานลาย
ลักษณ์อักษร
นาย ศิวา ทองคำ ม.4/3 เลขที่ 3
นาย พิชญุตม์ พจน์ชัยกุล ม.4/3 เลขที่ 33
คำนำ
รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา ประวัติศาสตร์ ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่4 เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง ตำนานลาย
ลักษณ์อักษร และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์กับการ
เรียน
ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน
นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาด
ประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
สารบัญ
1 แหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์
2-3 ลำดับความสำคัญของหลักฐาน
4-5 ลักษณะความสำคัญ
6-10 หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร
11-15 หลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อัการ
แหล่งข้อมูลทาง 1
ประวัติศาสตร์
แหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ในการศึกษาปรากฎการณ์
ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยแต่ละยุคสมัยอาจจำแนกได้เป็น 2
ประเภทดังนี้
1.หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ หลักฐานที่เป็น
ตัวหนังสือโดยมนุษย์ได้ทิ้งร่องรอยขีดเขียนเป็นตัว
หนังสือประเภทต่างๆในรูปของการจารึกในศิลาจารึกและ
การจารึกบนแผ่นโลหะ นอกจากนี้หลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์ที่เป็นายลักษณ์อักษรประเภทอื่น เช่น
พงศาวดาร จดหมายเหตุ ตำนาน และกฎหมาย
2.หลักฐานที่เป็นวัตถุ ได้แก่ วัตถุที่มนุษย์แต่ละยุคแต่ละ
สมัยได้สร้างขึ้น และตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน เช่น โบราณ
สถาน ประกอบด้วย วัด เจดีย์ มณฑป และโบราณวัตถุ
ประกอบด้วย พระพุทธรูป ถ้วยชาม สังคโลก
ลำดับความ 2
สำคัญของหลัก
ฐาน การแบ่งลำดับความสำคัญของหลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์เป็น 2 ประเภท คือ
1. หลักฐานชั้นต้นหรือหลักฐานปฐมภูมิ เป็นหลักฐาน
ที่มาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นจริงๆ โดยมีการ
บันทึกของผู้ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์โดยตรง หรือผู้ที่รู้
เหตุการณ์นั้นด้วยตนเอง ดังนั้นหลักฐานช่วงต้น จึงเป็น
หลักฐานที่มีความสำคัญและน่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะ
บันทึกของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือผู้อยู่ใน
เหตุการณ์บันทึกไว้ เช่น จดมายเหตุ คำสัมภาษณ์
เอกสารทางราชการ บันทึกความทรงจำ กฎหมาย
หนังสือพิมพ์ ภาพยนตร์ สไลด์ วีดิทัศน์
แถบบันทึกเสียง โบราณสถาน แหล่งโบราณคดี
โบราณวัตถุ
ลำดับความ 3
สำคัญของหลัก
ฐาน 2. หลักฐานชั้นรองหรือหลักฐานทุติยภูมิ เป็นหลักฐาน
ที่เขียนขึ้นโดยบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ
เหตุการณ์นั้นโดยตรง โดยมีการเรียบเรียงขึ้นภาย
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นๆ ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของ
บทความทางวิชาการและหนังสือต่างๆ เช่น
พงศาวดาร ตำนาน บันทึกคำบอกเล่า ผลงานทางการ
ศึกษาค้นคว้าของนักวิชาการ สำหรับหลักฐานชั้นรอง
นั้นมีข้อดี คือ มีความสะดวกและง่ายในการศึกษา
ทำความเข้าใจ เนื่องจากเป็นข้อมูลได้ผ่านการศึกษา
ค้นคว้า ตรวจสอบข้อมูล วิเคราะห์เหตุการณ์และ
อธิบายไว้อย่างเป็นระบบ โดยนักประวัติศาสตร์มาแล้ว
ลักษณะความสำคัญ 4
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ในประเทศไทย มีอยู่หลายลักษณะ อาจแบ่งลักษณะ
สำคัญของหลักฐานออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. หลักฐานที่ไม่ใช่ลายลักษณ์อักษร ได้แก่
1.1 โบราณสถาน หมายถึง สิ่งก่อสร้างโดยฝีมือมนุษย์ขนาดต่างๆกัน อยู่ติดกับ
พื้นดินไม่อาจนำเคลื่อนที่ไปได้ เช่น กำแพงเมือง คูเมือง วัง วัด ตลอดจนสิ่ง
ก่อสร้างที่อยู่ในวัด และวัง เช่น โบสถ์ วิหาร เจดีย์ และที่อยู่อาศัย การศึกษา
ค้นคว้าเกี่ยวกับโบราณสถาน จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่ตั้งของโบราณ
สถานนั้นๆ1.2 โบราณวัตถุ หมายถึง สิ่งของโบราณที่มีลักษณะต่างๆกัน สามารถ
นำติดตัว เคลื่อนย้ายได้ ไม่ว่าสิ่งของนั้นๆ จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มนุษย์
ประดิษฐ์ขึ้น หรือเป็น ส่วนหนึ่งส่วนใดของโบราณสถาน และสิ่งของที่มนุษย์
ประดิษฐ์ขึ้นเหล่านี้เกิดขึ้นในสมัยประวัติศาสตร์ เช่น พระพุทธรูป เทวรูป รูป
เคารพต่างๆ เครื่องประดับ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับโบราณวัตถุ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่ทาง
ประวัติศาสตร์เสมอไป และสามารถไปศึกษาได้จากแหล่งรวบรวมทั้งของราชการ
เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ลักษณะความสำคัญ 5
2. หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่
2.1 จารึก ในแง่ของภาษาแล้วมีคำอยู่ 2 คำที่คล้ายคลึงและเกี่ยวกับข้องกัน คือ
คำว่า จาร และจารึก
คำว่า จาร แปลว่า เขียนอักษรด้วยเหล็กแหลมลงบนใบลาน
คำว่า จารึก แปลว่า เขียนเป็นรอยลึกลงบนแผ่นศิลาหรือโลหะ
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ คำว่า จารึก หมายรวมถึง หลัก
ฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งใช้วิธีเขียนเป็นรอยลึก ถ้าเขียนเป็นรอยลึกลงบน
แผ่นหิน เรียกว่า ศิลาจารึก เช่น ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 1 จารึกพ่อขุนรามคำแหง
ถ้าเขียนลงบนวัสดุอื่นๆ เช่น แผ่นอิฐ เรียกว่า จารึกบนแผ่นอิฐ แผ่นดีบุก เรียกว่า
จารึกบนแผ่นดีบุก และการจารึกบนใบลาน
หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์
อักษร
ตำนาน 6
1. ตำนาน เป็นเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมาด้วยวาจา ต่อมา
ภายหลังจึงมีการจดบันทึกและ พิมพ์เผยแพร่ ดังนั้น
เรื่องที่อยู่ในตำนานจึงอาจถูกเปลี่ยนแปลงจากเรื่องเดิม
ได้เพราะการลืม ความไม่แม่นยำในการจดจำการแต่ง
เติมเรื่อง การไม่ให้ความสำคัญในเรื่องการเวลา จึงมี
การกล่าวถึงเวลาอย่างกว้างๆ เรื่องที่ปรากฏในตำนาน
มักจะกล่าวถึงเรื่องในพระพุทธศาสนา เรื่องราวของ
บุคคล เรื่องราวของปูชะนีสถาน เช่น ตำนานมูล ศาสนา
ตำนานจามมะเทวีวงศ์ ตำนานพระแก้วมรกต ตำนานอุ
รังพระธาตุ เป็นต้น ตำนานจึงสะท้อนให้เห็นความเชื่อ
ความศรัทธาคติชาวบ้าน ดังนั้น ตำนานจึงมีประโยชน์ใน
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยอยู่มาก แต่ก็ต้องใช้ด้วย
ความระมัดระวัง และตรวจสอบกับหลักฐานอื่นๆ ด้วย
เช่น หลักฐานทางโบราณคดีเป็นต้น
7
2. จารึก ทำขึ้นเพื่อใช้อธิบายเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน จารึก
สังคม โดยมีจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง จารึกของไทยปรากฏ
ในหลาย ลักษณะ เช่น จารึกบนแท่นศิลา หรือ ศิลาจารึก จารึก
ลงแผ่นทอง เรียกว่า จาลึกลานทอง จารึกลงแผ่นเงิน เรียกว่า
จารึกลานเงิน จารึกหรือจานบนใบลาน เรียกว่า หนังสือใบลาน
จารึกเป็นหลักการทางหวัดดีสสไทยที่มีความสำคัญมาก โดย
เฉพาะในสมัยสุโขทัย จารึกที่ค้นพบในประเทศไทย มีประมาณ
500 ชิ้น เพื่อนเอกสารชั้นต้นที่คัดลอก แก้ไข ซึ่งมีประโยชน์ใน
การสร้างกรอบกำหนดเหตุการณ์ตามวันเวลาสามารถให้ข้อมูล
ทางด้านสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างดี และช่วยให้ศึกษา
วัฒนธรรมของท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ศิลาจารึกที่สำคัญ
เช่น ศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ 1 หรือศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง
มหาราช จารึกวัดศรีชุม หรือศิลาจารึกสุโขทัย ลักษณ์ ที่ 2 ซึ่ง ซึ่ง
ถือเป็นหลักการสำคัญ ที่นักประวัติศาสตร์ใช้เป็นข้อมูลในการ
ศึกษาประวัติศาสสุโขทัย อย่างไรก็ตาม จารึกมีข้อจำกัดทางด้าน
ภาษาและการตีความ เพราะสำนวนภาษาในจารึกมีอายุหลาย
ร้อยปี ข้อความในจารึกจึง อาจจะมีความหมายแตกต่างไปจาก
ลาซาในปัจจุบัน ทำให้นักประวัติศาสอาจดีความผิดได้ นอกจากนี้
ตัวอักษรของศิลาจารึกก็อาจไม่ชัดเจนจนทำให้อ่านยาก
พงศาวดาร 8
3. พงศาวดาร เป็นการบันทึกเรื่องราวในอดีตภายใต้
การอุปถัมภ์ของราชสำนัก เนื้อหาในพงศาวดาร จาเน้น
เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับอาณาจักรและกษัตริย์ที่ปกครอง
อาณาจักรนั้นๆ พงศาวดาร ที่มีอยู่ในปัจจุบันมีเนื้อหา 3
ประเภทใหญ่ๆ คือ พงษาวดารกรุงศรีอยุธยา พงษาว
ดารกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงต้นราชการที่ 5 พงษาวดาร
ท้องถิ่นและประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม แม้ว่า
พงษาวดารจะไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสามัญชนทั่วไป
และบางเรื่องยังเกี่ยวกับเรื่องไม่ปกติ แต่ก็ เป็นหลัก
ฐานที่มีประโยชน์และทรงคุณค่ามากในการศึกษา
ประวัติศาสตร์โดยเฉพาะในสมัยอยุธยาและ
รัตนโกสินทร์ถุงต้นรัชกาลที่5
4. บันทึกของชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา 9
ในดินแดนประเทศไทยสมัยต่างๆ มีทั้งที่เป็น นักการทูต
พ่อค้า ได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับ บันทึกชาวต่าง
ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ชาติ
เป็นต้น ทำให้เราได้ทราบเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
ไทยมากขึ้นกว่สเดิม บันทึกที่สำคัญของชาวต่างชาติใน
สมัยอยุธยา เช่น พงษาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับฟาน
ฟลีต หรือวัน วลิต พ่อค้าชาวฮอลัดดา ที่มาประจำกรุง
ศรีอยุธยาสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง จดหมายเหตุ
ลาลูแบร์ โดย ซิมองค์ เดอ ลา ลูแบร์ ราชทูตชาวฝรั่งเศส
ที่เค้ามาเจริญสัมพันธไมตี ไทยในสมัยสมเด็จพระ
นารายณ์มหาราช ในสมัยรัตนโกสินทร์ บันทึกของชาว
ต่างชาติมากขึ้น เช่น เล่าเรื่องกรุงสยาม ของ สังฆราช
ปาลเลอกัวซ์ เผยเผ่ ศาสนาคริสต์ในเมืองไทยเป็นเวลา
นาน จึงอาจทำให้มีการเข้าใจผิดในวัฒนธรรมของไทยใน
บางเรื่อง เพราะฉะนั้นในการศึกษาจึงต้องระมัดระวังใน
ประเด็นเหล่านี้
จดหมายเหตุ 10
5. จดหมายเหตุ เป็นหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์
ประเภท พงศาวดาร แต่แตกต่างกันตรงที่
จดหมายเหตุ เป็นการบันทึกร่วมสมัย บอกเกี่ยวกับ
วันเวลา ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น มีลักษณะเด่นในเรื่อง
การให้รายละเอียด และความถูกต้องในเรื่องเวลา
พร้อมทั้งแทรกความคิดเห็นของผู้บันทึกลงไปด้วย
จดหมายเหตุแบ่งออกเป็นหลายประการ ได้แก่
จดหมายเหตุของหลวง จดหมายเหตุโหร
จดหมายเหตุของบุคคล และเอกสารคำให้การของรัฐ
หรือฝ่ายปกครอง
หลักฐานที่ไม่เป็นลาย
ลักษณ์อักษร
หมายถึง สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งหมดที่ไม่เป็นลายลักษณ์ 11
อักษร ได้แก่ สิ่งก่อสร้าง โบราณสถาน โบราณวัตถุ
ศิลปการแสดง คำบอกเล่า นาฏศิลป์ ตนตรี จิตรกรรม แหล่งโบราณคดี
ฯลฯ
ตัวอย่าง: หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นลายลักษณ์
อักษร
1. แหล่งโบราณคดี
เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ซึ่งได้แสดงออกถึงร่อง
รอยของมนุษย์ในประเทศไทยสมัยดังกล่าว แสดงให้เห็น
ถึงวัฒนธรรมที่มีพัฒนาการแล้วในหลายๆ ด้าน โดย
เฉพาะด้านความรู้ความสามารถหรือภูมิปัญญา อันเป็น
เครื่องมือสำหรับช่วยให้ผู้คนเหล่านั้น สามารถดำรงชีวิต
และสร้างสังคมวัฒนธรรมของมนุษย์ได้สืบเนื่องต่อกันมา
เป็นระยะเวลายาวนาน
อุทยาน 12
คือโบราณสถานขนาดใหญ่ ซึ่งมักพบหลักฐานที่แสดงถึง
วิถีชีวิตของผู้คนในสมัยนั้นๆ ได้ เช่น อุทยาน
ประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ซึ่งถูกออกแบบโดยคำนวณมา
อย่างดี โดยในวันที่ 3-5 เมษายน และ 8-10 กันยายน
ของทุกปี เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น จะส่องแสงลอดประตูทั้ง
15 บานพร้อมกัน สิ่งเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญา
อันชาญฉลาดของผู้คนในสมัยนั้น คือโบราณสถานขนาด
ใหญ่ ซึ่งมักพบหลักฐานที่แสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คนใน
สมัยนั้นๆ ได้ เช่น อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ซึ่งถูก
ออกแบบโดยคำนวณมาอย่างดี โดยในวันที่ 3-5 เมษายน
และ 8-10 กันยายน ของทุกปี เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น จะส่อง
แสงลอดประตูทั้ง 15 บานพร้อมกัน สิ่งเหล่านี้ แสดงให้
เห็นถึงภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของผู้คนในสมัยนั้น
13
จิตรกรรมฝาผนัง เป็นศิลปะที่มีความประณีตสวยงาม จิตกรรม
แสดงความ รู้สึก ชีวิติจิตใจ และความเป็นไทย เนื้อหาที่
เขียนมักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตพุทธ พุทธประวัติ
ทศชาติชาดก ไตรภูมิ วรรณคดีและชีวิตไทย พงศาวดาร
ต่าง ๆ ซึ่งมีความส าคัญอย่างยิ่งในการศึกษาค้นคว้าวิถี
ชีวิตและประวัติศาสตร์ชาติไทย
พระเครื่อง 14
พระเครื่อง คือรูปสมมุติของพระพุทธเจ้าที่มีขนาดเล็ก
สร้างไว้สำหรับบรรจุไว้ในพุทธเจดีย์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึง
พระพุทธเจ้า และเพื่อสืบทอดพระศาสนา ศิลปะของ
พระเครื่องมักแตกต่างกันไปตามยุคสมัยและแหล่งที่มา
อันทำให้เราสามารถศึกษาถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ
วัฒนธรรม ที่สะท้อนออกมาจากศิลปะการสร้างพระ
เครื่องได้
15
ผ้าไทย คือผ้าทอมือที่มีการผลิตในประเทศไทย โดยมี ผ้าไทย
เอกลักษณ์เฉพาะในแต่ละท้องถิ่น เราสามารถศึกษา
ศิลปะ วัฒนธรรม การเมือง ของผู้คนในสมัยโบราณ
ได้จากศิลปะบนลายผ้า เช่นผ้าไทยในภาคเหนือ ซึ่งมี
ความโดดเด่น โดยเฉพาะผ้าของเจ้านายล้านนา ที่
นิยมใช้ผ้ายกดอก ทอด้วยไหมเงินไหมทอง
T HAN KS
F OR
WA T C H I NG