The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นางสาวปิยะดา ปัจฉิมมา รหัส 018 สาขาวิชาสังคมศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Piyada Patchimma, 2022-10-25 23:43:02

การสำรวจทางทะเล

นางสาวปิยะดา ปัจฉิมมา รหัส 018 สาขาวิชาสังคมศึกษา

ประวตั ิศาสตร์สากล
การสำรวจทางทะเล

จัดทำโดย
นางสาวปิยะดา ปจั ฉิมมา
รหัสวชิ า 6310121228018
สาขาวชิ าสังคมศึกษา วิทยาลัยการฝึกหดั ครู

เสนอ
ผศ.ดร.วรรณพร บุญญาสถติ ย์

รายงานนี้เปน็ ส่วนหนงึ่ ของวิชาประวตั ิศาสตรส์ ากล
รหสั วิชา (16242105)

มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนคร
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565





คำนำ

ยุคแห่งการสำรวจ หรอื ยคุ แหง่ การค้นพบ (องั กฤษ: Age of Exploration หรือ Age of Discovery) เป็น
ชว่ งระยะเวลาในประวตั ิศาสตร์โลกทเ่ี รมิ่ ตงั้ แต่คริสต์ศตวรรษท่ี 15 ไปจนถงึ คริสตศ์ ตวรรษที่ 17 ในชว่ งเวลานัน้ เป็น
ช่วงที่ชาวยุโรปออกเดินทางไปสำรวจทางทะเลในโลกท่ีกว้างออกไปจากตวั ทวปี ยุโรปเองโดยมจี ดุ ประสงค์เพื่อหาคู่
ค้าขายใหม่ และโดยเฉพาะเพื่อการแสวงหาสินค้าเพื่อสนองความต้องการของตลาดตามต้องการ สินค้าที่เป็นที่
ตอ้ งการกนั มากในยโุ รปในขณะน้นั คือทอง เงนิ และ เครื่องเทศ

ยุคแหง่ การสำรวจประจวบกับชว่ งท่ีชาวยุโรปตะวันตกเริ่มใช้เข็มทิศในการกำหนดและระบุเส้นทาง การใช้
วธิ ีการเดินเรอื เดนิ ทะเลแบบใหม่ การมีแผนท่ีใหม่ และความก้าวหนา้ ทางดาราศาสตร์ ความกา้ วหนา้ เหลา่ น้ีช่วยใน
การแสวงหาเส้นทางการค้าขายใหม่ไปยังเอเชียโดยเลี่ยงอุปสรรคถ้าการใช้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่อยู่ภายใต้การ
ควบคุมของมหาอำนาจทเ่ี ป็นปฏปิ กั ษ์ สง่ิ ที่สำคญั ทสี่ ุดท่ีวิวฒั นาการขึน้ สำหรบั การเดนิ ทางทางทะเลคือเรือชนิดใหม่
สองแบบที่ออกแบบโดยโปรตุเกส--เรือคาร์แร็ค (Carrack) และ เรือคาราเวล (Caravel) ที่วิวัฒนาการมาจากการ
ออกแบบเรือในยุคกลางท่ใี ช้ในการเดินเรือในทะเลเหนือและทะเลเมดิเตอร์เรเนยี น เรือสองชนดิ น้ีเป็นเรือสองชนิด
แรกที่ให้ความปลอดภัยพอที่จะฝ่าคลื่นฝ่าลมในมหาสมุทรแอตแลนติกได้เมื่อเทียบกับเรือรุ่นก่อนหน้านั้นที่ใช้กัน
เฉพาะในบริเวณท่คี ลื่นลมไม่รนุ แรงเทยี บเทา่ กับการเดินทางกลางมหาสมุทร

สารบัญ ข
เร่ือง
คำนำ หน้า
สารบัญ ก
สารบญั ภาพ ข-ค
การสำรวจทางทะเล ง
1-3
- สาเหตขุ องการสำรวจทางทะเล 3
บทบาทของชาติตา่ งๆ ในการสำรวจทางทะเล
4-5
- โปรตุเกส 6-7
- สเปน 7
- ฮอลันดา 7
- อังกฤษ 8
ผลการสำรวจทางทะเล 9
สยู่ ุคแหง่ การค้นพบและการสำรวจทางทะเล 9-11
การแข่งขันการสำรวจเสน้ ทางเดินเรอื มาตะวนั ออกระหว่างโปรตเุ กสกบั สเปน 12-14
การคน้ พบทวีปอเมรกิ า 14-15
การเดนิ เรอื รอบโลกครั้งแรก 15-16
การคน้ พบทวีปออสเตรเลีย 16-17
ปจั จัยทส่ี ง่ เสรมิ ความสำเร็จของการสำรวจทางทะเล 17
ผลกระทบจากการสำรวจทางทะเลตอ่ พฒั นาการในยุโรป 18
ผลกระทบกระเทอื นต่อโลกของยคุ แห่งการสำรวจ

สารบัญ (ต่อ) ค
เรือ่ ง
ผลกระทบกระเทือนทางเศรษฐกจิ และวฒั นธรรมของยคุ แห่งการสำรวจตอ่ อำนาจของยุโรป หน้า
19

สารบญั ภาพ ง
เรื่อง
บทบาทของชาตติ า่ งๆ ในการสำรวจทางทะเล หนา้

- โปรตุเกส 4-5
- สเปน 6
การแขง่ ขนั การสำรวจเสน้ ทางเดนิ เรือมาตะวันออกระหวา่ งโปรตเุ กสกับสเปน 10
การค้นพบทวีปอเมริกา 12-13
ผลกระทบกระเทือนตอ่ โลกของยุคแห่งการสำรวจ 18
การสนิ้ สดุ ของยุคแห่งการสำรวจ 20

1

การสำรวจทางทะเล

การสำรวจทางทะเลของยุโรปเริ่มต้นเมื่อ ค.ศ. 1450-1750 ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้ เคียงกับยุคฟื้นฟู
ศิลปวิทยาการของยุโรปและต่างก็มีบทบาทสำคัญต่อประวัติศาสตร์ยุโรปในยุคใหม่กล่าวได้ว่า การฟื้นฟูศิลป
วทิ ยาการเป็นพนื้ ฐานสำคัญทำให้เกดิ การสำรวจทางทะเล ซง่ึ เป็นผลให้ยุโรปเผยแพรว่ ัฒนธรรมของตนไปสู่ภูมิภาค
อน่ื ๆ ของโลกไดใ้ นเวลาตอ่ มา

แม้จะมีนักภูมิศาสตร์สมัยกรีกเมื่อราว 200 ปีก่อน ค.ศ. เคยเสนอว่าโลกกลม และชาวยุโรปก็รู้จักทวีป
เอเชยี และแอฟริกามาเป็นเวลานานนับพันปี แต่คำสอนของศาสนจักรในยุดกลางทีว่ ่าโลกแบนทำใหช้ าวยุโรปจำกัด
ความสนใจอยู่เฉพาะดินแดนรอบ ๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea แปลว่าทะเลที่อยู่ใจกลางโลก)
ถงึ กระน้ันชาวยโุ รปกร็ ับรเู้ ร่ืองราวของทวีปเอเชยี ผ่านการค้ากับพ่อค้ามุสลิมในตะวันออกกลาง และผ่านบันทึกการ
เดินทางของชาวยุโรปเช่น มาร์โค โปโล (Marco Polo) ชาวเวนิสซึ่งได้พรรณนาความยิ่งใหญ่และมั่งคั่งของจีนใน
ปลายคริสต์ศตวรรษท่ี 13 เปน็ ตนั ชาวยโุ รปจงึ สนใจทวีปเอเชียในฐานะแหล่งทีม่ าของสนิ ค้าแปลกใหม่ โดยเฉพาะ
เครื่องเทศอย่างพริกไทยท่สี ามารถนำมาใชถ้ นอมอาหารจำพวกเน้ือให้ไดร้ สชาตดิ ีและเกบ็ ไว้รับประทานในฤดูหนาว
ประกอบกับพื้นฐานความคิดของชาวยุโรปที่เชื่อในความเป็นสากลของศาสนาคริสต์ กล่าวคือ ทุกคนในโลกนี้อยู่
ภายใต้พระเจ้าองค์เดียวกัน อีกทั้งการก่อตัวของแนวคิดมนุษยนิยมที่เชื่อว่ามนุษย์สามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้
เป็นไปได้ จึงนำไปสู่แรงขับดันที่จะออกไปสำรวจโลก ทั้งเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นและเพื่อพระเกียรติอัน
รุ่งเรืองของพระเจา้

ปัจจัยที่เร่งให้ชาวยุโรปออกสำรวจโลกคือ ใน ค.ศ. 1453 กรุงคอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบันคืออิสตันบูล)
ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าระหว่างยุโรปกับเอเชียถูกยึดครองโดยพวกออตโตมันเติร์ก ทั้งนี้สุลด่านแห่งออตโตมันทรง
เก็บภาษีสินค้าในอัตราสูงจนสร้างความไม่พอใจให้แก่กษัตริย์และ พ่อค้าในยุโรปและนำไปสู่การแสวงหาเส้นทาง
ใหม่ไปยังทวีปเอเชียในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15โดยมีโปรตุเกสและสเปนเป็นผู้บุกเบิก ราชสำนักโปรตุเกสส่งบาร์
โทโลมิวไดแอช (Bartholomew Diaz) เดินเรือสำรวจทวีปแอฟริกาจนไปถึงแหลมที่อยู่ใด้สุดของทวีปใน ค.ศ.
1487 แต่ไม่อาจฝ่าพายุเพื่ออ้อมไปยังมหาสมุทรอินเดียได้ ขณะที่ราชสำนักสเปนส่งดริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
(Christopher Columbus)เดินเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปถึงโลกใหม่ (New World) คือทวีปอเมริกาเมื่อ
ค.ศ. 1492 โดยโคลม้ บสั เข้าใจผิดว่าตนไปถึงทวีปเอเชยี แลว้

ข่าวการเดินทางไปถึงตินแดนที่เข้าใจกันว่าเป็นเอเชียของโคลัมบัสทำให้โปรตุเกสเกรงว่าจะเสียเปรียบ
สเปน จึงร้องขอให้พระสันตะปาปาอเล็กชานเดอร์ที่ 6 (Pope Alexander VI) ทรงวินิจฉัย ในที่สุดก็เกิด
สนธิสัญญาทอร์เดซิลลัส (Treaty of Tordesillas) เมื่อ ค.ศ. 1494 ที่กำหนดเส้นบนแผนที่ตามแนวเหนือใต้เพื่อ

2

แบ่งเขตสำรวจในมหาสมุทรแอตแลนติกโดยพื้นที่ด้านตะวันตกของเส้นเป็นเขตสำรวจของสเปน ส่วนอีกด้านเป็น
ของโปรตุเกส หลังจากนั้นโปรตุเกสก็ออกสำรวจต่อไปจนเดินเรืออ้อมทวีปแอฟริกาไปถึงอินเดียได้สำเร็จโดยฝีมือ
ของวาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) ในค.ศ. 1497 ตามด้วยการยึดมะละกาใน ด.ศ. 1511 ต่อมาใน ค.ศ.
1557 โปรตุเกส

ช่วยจักรพรรดิจีนปราบโจรสลัดจนได้แหลมมาเก้าเป็นสิ่งตอบแทน และเดินเรือไปจนถึงญี่ปุ่น ส่วนสเปน
นำโดยเฟอร์ดินานด์ แมกเจลเลน (Ferdinand Magellan) เดินเรือข้มมหาสมุทรแอดแลนติกและมหาสมุทร
แปซิฟิกไปยึดครองฟิลิปปินส์ใด้ใน ค.ศ. 1519 และใช้ที่นั่นเป็นเมืองทำหลักในการ ค้ากับจีนเมื่อถึงปลาย
คริสต์ศตวรรษที่ 16 อำนาจของโปรตเุ กสและสเปนก็เส่ือมลง สว่ นหน่ึงเกิดจากฮอลนั ดา ฝรงั่ เศส และอังกฤษท่ีเริ่ม
เข้ามาแขง่ ชนั สำรวจทางทะเล และอกี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชว่ ง ด.ศ. 1580-1640 โปรตุเกสขาดรชั ทายาทจนกษัตริย์
สเปนเข้ามาอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ โปรตุเกสจึงต้องทุ่มเททรัพยากรเพื่อสนับสนุนการทำสงครามของสเปน
โดยเฉพาะสงครามกองเรืออาร์มาดา (Armada) กับอังกฤษใน ค.ศ. 1588 ซึ่งสเปนพ่ายแพ้และเรือโปรตุเกส
เสียหายอย่างหนัก เมื่อเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 17 โปรตุเกสและสเปนจึงมิได้ผูกขาดความเป็นใหญ่ในโพ้นทะเลอีก
ต่อไป ฮอลันดาเข้ายึดครองลังกาและมะละกาต่อจากโปรตุเกส ยึดครองเมืองท่าในแถบหมู่เกาะอินเดียตะวันออก
(East Indies หรืออินโดนีเซียในปัจจุบัน) ไต้หวัน และค้าขายไปไกลถึงญี่ปุ่น ขณะที่ฝรั่งเดสยึดดินแดนแถบลุ่ม
แม่น้ำเชนต์ลอเรนส์และแม่นำ้ มิสซิสซิปปใี นทวีปอเมริกาเหนือ และยึดเมืองปอนดิเซอรี (Pondicherry) ในอินเดีย
ส่วนอังกฤษยึดครองชายฝั่งตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ รวมทง้ั เมืองท่ชายฝ่ังทะเลของอินเดียหลายแห่ง และ
เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 ก็ยึดครองออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ตามลำดับการตำรวจโลกทางทะเลของ
ชาวยุโรปส่งผลสำคัญอย่างน้อย 3 ประการ ได้แก่ (1) ชาวยุโรปได้เห็นสภาพของดินแดนต่างๆ ทั่วโลกด้วยตาของ
ตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชัดเจนและถูกต้องมากกว่าการรับรู้ผ่านแหล่งข้อมูลทุติยภูมิในอดีด (2) การเกิด
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างกว้างขวางระหว่างยุโรปกับทวีปอื่นจนนำไปสู่การเคลื่อนย้ายของแรงงานและ
สินค้า คนผิวดำจากทวีปแอฟริกาไปเป็นแรงานปลูกพืชในทวีปอเมริกา และมีการส่งออกพืชหลายชนิดจากทวีป
อเมริกาไปยังดินแดนอื่นๆ จนกลายเป็นอาหารของคนทั่วโลก เช่น ข้าวโพด มันฝรั่ง มะเขือเทศ ฟักทอง มะละกอ
เป็นตัน แต่ความสัมพันธ์ดงั กล่าวก็ทิ้งมรดกท่ีเป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกปฏิบตั ิทางเชือ้ ชาติ
(racial discrimination) และสภาวะด้อยพัฒนา (underdevelopment) (Stavrianos, 1991, p. 455) และ (3)
ความมัง่ ค่ังของกษัตริยใ์ นยุโรปที่มาจากลัทธิพาณิชยน์ ิยม (mercantilism) ซงึ่ เป็นการค้แบบผูกขาดโดยบริษัทท่ี
ได้รบั พระบรมราชานุญาตจากกษัตริย์ เชน่ บริษัทดตั ชอ์ สี อินเดยี (Dutch East India Company) บริษัทบริติซอีส
อินเดีย (British East India Company) เป็นตัน ลัทธิดังกล่าวเนันการนำเข้าวัตถุดิบราคาถูกจากดินแดนอาณา
นิคมมาผลิตเป็นสินค้าเพื่อส่งออก และตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากดินแดนของประเทศอื่นให้สูงเพื่อให้ตน

3

ได้เปรียบดุลการค้า ความมั่งคั่งดงั กล่าวส่งผลใหก้ ษัตรยิ ์สามารถขยายระบบราชการที่ขึน้ ตรงตอ่ พระองคแ์ ละสรา้ ง
รัฐสมัยใหม่ทรี่ วมศนู ยไ์ ด้ตลอดช่วงครสิ ต์ศตวรรษท่ี 16-17

สาเหตุของการสำรวจทางทะเล

1. การมีวิทยาการที่ก้าวหน้าในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ชาวยุโรปได้เริ่มหันมาสนใจศึกษาสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว
และผลจากการติดต่อกับโลกตะวันออกในสมัยสงครามครูเสด รวมทั้งการขยายตัวของเมืองในระยะเวลาใกลเ้ คียง
กัน ทำให้ชาวยุโรปได้สัมผัสกับอารยธรรมความเจริญของโลกตะวันออกหลายอย่างโดยเฉพาะทางด้านปรัชญา
คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์ ทำให้ปัญญาชนเร่ิมตรวจสอบความรู้ของตนและค้นหาคำตอบให้กับตนเองเกี่ยวกบั
ธรรมชาติรอบตัว ซงึ่ ผลักดันใหช้ าวยโุ รปหันมาสนใจต่อความลี้ลับของท้องทะเลท่ีกน้ั ระหว่างโลกตะวันออกกับโลก
ตะวันตก โดยเฉพาะความรู้ทางภมู ิศาสตรแ์ ละแผนทีข่ องโตเลมี (PTOLEMY) นักดาราศาสตรแ์ ละ นักคณิตศาสตร์
ชาวกรีกที่แสดงที่ตั้งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนดินแดนริมฝั่งทะเลคาบสมุทรไอบีเ รียจนถึงดินแดนฝั่งทะเลตอน
เหนอื ของทวีปแอฟริกา รวมทง้ั ดินแดนทางด้านตะวันออกท่ีเป็นผนื แผน่ ดนิ ใหญถ่ งึ อินเดยี และจนี นอกจากน้คี วามรู้
ในการใช้เข็มทิศและการพฒั นารูปทรงและขนาดของเรือให้แข็งแรงทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศสามารถที่จะเดิน
ทางไกลไดด้ ีขึน้ ทำใหช้ าติตะวนั ตกหลงั่ ไหลสูโ่ ลกตะวนั ออกอย่างกว้างขวาง

2. แรงผลกั ดันทางดา้ นการคา้ เมือ่ พวกมสุ ลิมสามารถยดึ ครองกรุงคอนสแตนติโนเปิลและดนิ แดนจักรวรรดิไบแซน
ไทน์ได้ทั้งหมดใน ค.ศ. 1453 ทำให้การค้าทางบกระหว่างโลกตะวนั ออกกับโลกตะวันตกหยดุ ชะงัก แต่สินค้าตา่ งๆ
จากตะวันออก เชน่ ผา้ ไหม เครื่องเทศยาต่างๆ ยังเป็นท่ตี อ้ งการของตลาดตะวันตกซงึ่ หนทางเดียวทพ่ี ่อค้าจะติดต่อ
ค้าขายได้ก็คือ การติดต่อค้าขายทางทะเล ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสำรวจเส้นทางทางทะเลเพื่อหาเส้นทางติดต่อกับ
ดินแดนตา่ งๆ ทางตะวันออก

3. แรงผลกั ดันทางด้านศาสนา เนอ่ื งจากความคิดของผู้นำชาตติ ่างๆในขณะนั้นเห็นวา่ การเผยแผ่คริสต์ศาสนาเป็น
กุศลอย่างมากรวมทั้งต้องการแข่งขันกับชาวมุสลิมที่เข้ามาขยายอิทธิพลอยู่ในขณะนั้น จึงสนับสนุนให้มีการค้นหา
ดนิ แดนใหม่ๆ และเผยแผ่คริสต์ศาสนาไปพรอ้ มกนั ดว้ ย

4. อทิ ธพิ ลของแนวคิดในสมยั ฟน้ื ฟูศิลปวทิ ยาการ แนวความคิดในสมยั ฟ้ืนฟูศิลปวทิ ยาการ ทำให้ชาวยุโรปมุง่ หวงั ที่
จะสร้างช่อื เสยี งเกียรตยิ ศและความตอ้ งการทจี่ ะเสีย่ งโชคเพ่ือชีวิตทีด่ กี ว่า ผลักดนั ใหช้ าวยุโรปเกดิ ความกล้าหาญท่ี
จะเผชิญกบั ส่ิงต่างๆ รวมทั้งความกระตือรือรน้ ที่จะแสวงหาความรูใ้ หมๆ่ และรักการผจญภัยเปน็ ปจั จัยสำคัญท่ที ำ
ใหช้ าวยุโรปกลา้ เสยี่ งภยั เดนิ ทางสำรวจมหาสมุทรท่ีกวา้ งใหญไ่ พศาล

4

บทบาทของชาตติ ่างๆ ในการสำรวจทางทะเล
โปรตเุ กส
ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 เจ้าชายเฮนรี นาวิกราช (HENRY THE NAVIGATOR) พระอนุชาของพระเจ้าจอห์นที่ 1
(JOHN I) แห่งโปรตุเกส ได้จัดตั้งโรงเรียนราชนาวีเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เกี่ยวกับการเดินทางทะเล การใช้
เครื่องมือและเทคนิคการสร้างเรือ ซึ่งส่งผลใหช้ าวโปรตุเกสสามารถค้นพบเส้นทางเดินเรือสู่ดินแดนทางตะวันออก
ได้แก่

– บาร์โธโลมิว ไดแอส (BARTHOLOMEU DIAS) สามารถเดินเรือเลียบชายฝั่งทวีปแอฟริกาผ่านแหลม กู๊ดโฮป
(CAPE OF GOOD HOPE) ได้สำเรจ็ ใน ค.ศ. 1488

5

– วัสโก ดา กามา (VASCO DA GAMA) แล่นเรือตามเส้นทางสำรวจของไดแอสจนถึงทวีปเอเชีย และสามารถข้ึน
ฝั่งที่เมืองกาลิกัต (CALICUT) ของอินเดียได้เมื่อ ค.ศ. 1498 ต่อมาชาวโปรตุเกสสามารถควบคุมเมืองต่างๆ ทาง
ชายฝัง่ ตะวันออกของทวีปแอฟริกาและอนิ เดียทางชายฝ่ังตะวนั ตกสามารถยึดเมืองกวั (GOA) ในมหาสมุทรอินเดีย
ได้

6

สเปน

ค.ศ. 1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (CHRISTOPHER COLUMBUS) ชาวเมืองเจนัว (ประเทศอิตาลี) ซึ่งมีความเช่ือ
ว่าโลกกลมได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์สเปนให้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อสำรวจเส้นทางเดินเรือ
ไปประเทศจนี แตเ่ ขาไดพ้ บหมเู่ กาะเวสต์อนิ ดีสซึ่งเปน็ ส่วนหน่ึงของทวีปอเมริกาใต้โดยบงั เอิญใน ค.ศ. 1492 ซึ่งทำ
ให้สเปนไดค้ รอบครองดนิ แดนสว่ นใหญ่ในอเมรกิ าใต้ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่เงินและทองคำ ในเวลาตอ่ มา
คริสตศ์ ตวรรษที่ 15 เป็นชว่ งการแข่งขนั อำนาจทางทะเลระหว่างโปรตุเกสและสเปนเพ่ือหาเส้นทางไปหมู่เกาะอีสต์
อินดีส (EAST INDIES) ซึ่งเป็นแหล่งเครื่องเทศและพริกไทย ใน ค.ศ. 1494 สันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 6
(ALEXANDER VI) ได้ให้สเปนและโปรตุเกสทำสนธิสัญญาทอร์เดซียัส (TREATY OF TORDESILLAS) กำหนดเส้น
สมมตแิ บ่งโลกออกเป็น 2 สว่ น โดยสเปนมีสิทธสิ ำรวจและยดึ ครองดินแดนทางด้านตะวนั ตกของเส้นเมริเดยี นที่ 51
สว่ นโปรตเุ กสได้สิทธทิ างดา้ นตะวันออกและนำไปสู่การสรา้ งจกั รวรรดทิ างทะเลของโปรตุเกสในเอเชยี
ในคริตส์ศตวรรษที่ 16 โปรตุเกสได้ขยายอำนาจมาจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเข้ายึดครองมะละกา ทำให้
บริเวณคาบสมทุ รมลายแู ละหมู่เกาะอินโดนีเซียตกอยภู่ ายใต้อทิ ธิพลของโปรตเุ กส
ค.ศ. 1519 เฟอร์ดินนั ด์ แมกเจลลัน (FERDINAND MAGELLAN) นักเดนิ เรือชาวโปรตเุ กส โดยความสนับสนุนจาก
กษัตริย์สเปนได้เดินทางไปทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกผ่านช่องแคบที่ภายหลงั ตั้งช่ือวา่ แมกเจลลัน
ทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมายงั ทวีปเอเชีย เขาถูกชาวพื้นเมืองฆ่าตายเม่ือพยายามเผย
แผ่คริสต์ศาสนาที่เกาะฟิลิปปินส์ แต่ลูกเรือของเขาสามารถเดินทางกลับสเปนทางมหาสมุทรอินเดียได้สำเร็จใน
ค.ศ. 1522 นบั เปน็ เรือลำแรกที่แล่นรอบโลกได้สำเรจ็

7

ในยคุ นี้โปรตเุ กสและสเปนกลายเปน็ ชาติที่มีอำนาจมีความมงั่ ค่ัง ทำใหห้ ลายชาติทำการสำรวจเสน้ ทางเดนิ เรือ การ
แข่งขันอำนาจทางทะเลระหว่างโปรตุเกสกับสเปนยุติลงเมื่อโปรตุเกสตกอยู่ภายใต้การปกครองของสเปนในช่วง
ค.ศ. 1580-1640

ฮอลันดา

เดมิ ฮอลนั ดาเคยอยูใ่ ต้การปกครองของสเปน และทำหนา้ ที่เป็นพ่อค้าคนกลางในการค้าเคร่ืองเทศ จนกระท่ัง ค.ศ.
1581 ได้แยกตัวเป็นอิสระจากสเปน ทำให้สเปนประกาศปิดท่าเรือลิสบอนส่งผลให้ฮอลันดาไม่สามารถซ้ือ
เครื่องเทศได้อีก ฮอลันดาจึงต้องหาเส้นทางทางทะเลเพื่อซื้อเครื่องเทศโดยตรงในที่สุดกองทัพเรือของฮอลันดาก็
สามารถยึดครองอำนาจทางทะเลใน ค.ศ. 1598 และได้จัดตั้งสถานีการค้าในเกาะชวาและจัดตั้งบริษัทอินเดีย
ตะวนั ออกของฮอลนั ดาเพ่ือควบคุมการค้าเคร่ืองเทศ

ใน ค.ศ. 1605 เรือดุฟเกน (DUYFKEN) ของฮอลันดาที่เป็นเรือค้นหาเกาะทองคำที่เชื่อว่าอยู่ทางทิศใต้และทิศ
ตะวันออกของเกาะชวาได้ค้นพบทวีปออสเตรเลียเป็นครั้งแรก และเรียกทวีปนี้ว่า นิวฮอลแลนด์ (NEW
HOLLAND) แต่ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 อังกฤษได้ครอบครองและเรียกทวีปนี้ว่า ออสเตรเลีย ซึ่งมาจาก
AUSTRALIS ในภาษากรกี แปลว่า ดนิ แดนทางซีกโลกใต้

องั กฤษ

ใน ค.ศ. 1588 กองทัพเรือของอังกฤษทำสงครามชนะกองทัพเรืออาร์มาดา (ARMADA) ของสเปนที่มีชื่อเสียงได้
ทำใหอ้ ังกฤษขยายอิทธพิ ลสดู่ นิ แดนตะวนั ออก สามารถสลายอำนาจทางทะเลของโปรตุเกสและเขา้ ไปมอี ำนาจและ
อทิ ธิพลในอินเดียและเปน็ คู่แขง่ ทางการค้ากับฮอลันดาในคริสต์ศตวรรษท่ี 17 มีเพยี งองั กฤษ ฮอลันดา และฝร่ังเศส
แข่งขันกันมีอำนาจทางทะเลและแสวงหาอาณานิคม ทั้งนี้ได้มีการทำสงครามกันหลายครั้งในท่ีสดุ ฮอลันดายังคงมี
อำนาจแถบมะละกาและควบคุมการค้าเครื่องเทศในหมู่เกาะเครื่องเทศต่อไปจนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18
อังกฤษกลับเป็นประเทศที่มีแสนยานุภาพกลางทะเลเหนือกว่าทุกชาติโดยได้อาณานิคมในอินเดียอเมริกาเหนือ
และทวีปออสเตรเลยี ท้งั ทวีป

8

ผลการสำรวจทางทะเล มีดงั น้ี

1. อารยธรรมยุโรปเผยแพร่ไปสู่ดินแดนอื่นๆ ที่ชาวยุโรปเดินทางไปถึงโดยชาวยุโรปได้สร้างเมืองและความเจริญ
ต่างๆเพื่อให้ตนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามแบบที่คุ้นเคยจึงเกิดการแพร่กระจายวัฒนธรรมตามแบบตะวันตก เช่น
ภาษา การแต่งกาย อาหาร ระบบการปกครอง ศิลปกรรม เช่น การก่อสร้างถนน สะพาน สถานที่ราชการ โบสถ์
วหิ าร เป็นต้น

2. ยโุ รปไดร้ ับอารยธรรมจากดนิ แดนอื่นๆ เชน่ วทิ ยาการของชาวตะวันออก เชน่ การ เดินเรอื ศิลปะจนี ท่ีเน้นความ
งดงามของธรรมชาติ อารยธรรมของอิสลาม เช่น คณิตศาสตร์ การ ดื่มชาแบบจีน กาแฟจากตุรกี ยาสูบจากหมู่
เกาะเวสต์อนิ ดสี นำ้ ตาลจากบราซิล และมันฝรัง่ จากอเมรกิ าใต้ไดม้ บี ทบาทสำคญั ต่อการดำเนนิ ชวี ิตของชาวยโุ รป

3. เกิดการแพร่กระจายของพันธุ์พชื และพันธ์ุสัตว์ ชาวยุโรปไดน้ ำพนั ธุ์พืชจากถิ่นกำเนดิ ไปยังภูมิภาคอื่นๆ เช่น นำ
กาแฟจากดินแดนตะวันออกกลางมาปลูกที่เกาะชวา ต่อมาได้แพร่ขยายไปปลูกยังอเมริกาใต้ ต้นยางพาราจาก
บราซิลมาปลูกที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย ต่อมาได้ขยายมาปลูกทางภาคใต้ของไทย มันฝรั่งและข้าวโพดจากทวีป
อเมริกามาปลูกในยุโรป ปลูกข้าวโอ๊ตและข้าวโพดในทวีปแอฟริกา หัวผักกาดหวานจากทวีปอเมริกามาปลูกที่จีน
และนำสตั ว์ต่างๆ ไปยังทวปี อนื่ เช่น แกะ ไปแพรพ่ ันธ์ทุ ่ีออสเตรเลยี และนิวซแี ลนด์และนำลา ล่อ ววั แพะ มาเลี้ยง
ในอเมริกา เปน็ ตน้

4. เกิดการระบาดของโรคภยั ไข้เจ็บซึง่ มาพร้อมๆกับเรือของชาวยโุ รป โรคระบาดที่สำคัญ เชน่ โรคหัดและฝีดาษใน
อเมรกิ าเหนือ ไขเ้ หลืองและไข้มาลาเรยี ทม่ี ีมากในแอฟรกิ ามา ระบาดในอเมริกากลางและใต้ เป็นต้น

5. ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายไปในดินแดนต่างๆ ที่ชาวยุโรปเข้าไปติดต่อค้าขายหรือดินแดนที่ยุโรปได้เข้ายึดครอง
จัดตั้งเป็นอาณานคิ มในบางแห่งใชแ้ บบสันตวิ ธิ ี โดยบาทหลวงจะทำหน้าที่ส่ังสอนใหก้ ารศกึ ษากบั ชาวพืน้ เมืองและ
ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในบางแห่งใช้วิธีการรุนแรงบีบบังคับคนพื้นเมืองในบริเวณอเมริกากลางและอเมริกาใต้
ให้มาเขา้ รีตนบั ถอื คริสต์ศาสนา ทำใหศ้ าสนาคริสต์เจริญอย่างมั่นคงในดนิ แดนทวีปอเมริกและดนิ แดนต่างๆ

6. การเปลยี่ นแปลงระบบเศรษฐกิจของยโุ รป การขยายตัวทางการค้าทำใหส้ มาคมอาชพี (GUILD) ท่มี มี าตงั้ แต่สมัย
กลางล่มสลายลง การค้นพบดินแดนใหม่ส่งผลให้การคา้ ขยายตัวอย่างรวดเร็วนำไปสูก่ ารปฏิวัติทางการคา้ ประเทศ
ตา่ งๆ ในตะวันตกต่างใชน้ โยบายแขง่ ขนั ทางเศรษฐกิจเปน็ หลกั บรรดาพอ่ ค้าและนายทนุ รวมตัวกนั จดั ตงั้ บริษัทโดย
มีกษัตริย์ให้การสนับสนุนทำการค้าในนามของประเทศ เช่น บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ บริษัทอินเดีย
ตะวันออกของฮอลันดา เป็นต้น ซึ่งทำให้บรรดาพ่อค้าและนายทุนมีฐานะมั่นคงและกลายเป็นบุคคลชั้นนำทาง
การเมืองการปกครอง เศรษฐกจิ และสงั คมในเวลาต่อมา

9

สยู่ คุ แหง่ การคน้ พบและการสำรวจทางทะเล

ในต้นยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance ค.ศ. 1350-1650) ชาวยุโรปหันมาสนใจในด้านวัตถุธรรม
และสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวอีกครั้ง การติดต่อกับโลกตะวันออกตั้งแต่สงครามคเู สด (ค.ศ. 1096-1291) และการฟื้น
ตัวของการค้าท่เี กิดขึ้นในระยะไล่เลี่ยกันทำให้ชาวยุโรปมโี อกาสสมั ผัสกับอารยธรรมของโลกตะวันออกอีกครั้ง วิชา
ความรูต้ ่างๆ โดยเฉพาะวิชาปรชั ญาและวิทยาการของกรีกและมุสลิมที่หล่ังไหลมาสสู่ ังคมตะวันตกทำให้ปัญญาชน
เริม่ ทบทวนและตรวจสอบความรู้ของตนมากขน้ึ ตลอดจนเริม่ ท้าทายแนวความคิดทางธรรมชาตแิ ละจักรวาลวิทยา
ของคริสต์ศาสนจักรที่ได้ครอบงำการศึกษาในสมัยกลาง ตำนานเกี่ยวกับสัตว์ร้ายในดินแดนโพ้นทะเลที่คอยจ้อง
ทำลายเรือเดินทะเลที่แล่นผ่านไปมาหรือความเชื่อว่าโลกแบนและเรือที่แล่นไปในท้องทะเล ที่เวิ้งว้างอาจตกขอบ
โลกได้นั้นกลายเปน็ เรื่องราวทีเ่ หลวไหลไร้สาระ

บรรยากาศของการแสวงหาและการค้นพบคำตอบให้กับตนเองเกี่ยวกับธรรมชาติรอบตัวไดผ้ ลักดันให้ชาว
ยโุ รปในยุคฟืน้ ฟูศลิ ปวทิ ยาการหันมาสนใจกบั ความลี้ลับของท้องท่ีก้ันขวางพวกเขากับโลกของชาวตะวันออก ความ
สนใจดงั กลา่ วได้ทวีมากขึ้นเมื่อพวกเติร์กสมารถยึดครองกรุงคอนสแตนติโนเปิลและจักรวรรดไิ บแซนไทม์ได้ท้ังหมด
ใน ค.ศ. 1453 ซึ่งมีผลให้โลกของคริสตจักรทางตะวันออกใกล้ต้องตกอยู่ในอาจของมุสลิม แต่ผลกระทบที่สำคัญ
ได้แก่ การค้าทางบกระหว่างตะวันตกกับตะวันออกต้องชะงักงันลง ทั้งนี้เพราะโดยปกติกองคาราวานจะขนสิ นค้า
ตะวันออกเดนิ เท้ามาถึงฝง่ั เลอวองต์ (Levant) เพอ่ื ขนถา่ ยลงเรอื ที่ทะเลแดงก่อนท่ีจะขึน้ ท่าทอี่ ียิปต์เพื่อขนต่อไปยัง
ทา่ เรอื เมอื งอะเล็กซานเดรยี ใหพ้ ่อค้าชาวอิตาลซี ่ึงนำเรือมารับสินค้าบรรทุกไปขายยงั ยุโรปโดยใช้เสน้ ทางเดินเรือใน
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การแผ่อำนาจของพวกมุสลิมในเอเชียน้อย (Asia Minor) และการยึดครองอียิปต์ทำให้
การค้าทางบกเป็นไปด้วยความยากลำบากและเสี่ยงต่ออันตราย ตลอดจนพ่อค้าต้องจ่ายค่าภาษีผ่านเมืองต่างๆ
เพิ่มมาดขึ้น ซึ่งทำให้ราคาสินค้าพลอยมีราคาสูงมากขึ้น อย่างไรก็ดี สินค้าต่างๆ จะตะวันออก เช่น เครื่องเทศที่ใช้
ในการเก็บถนอมอาหารและปรุงอาหารให้มรี สชาติดีข้ึน ผา้ ไหม ยารกั ษาโรค นำ้ ตาล งาช้างและอน่ื ๆ ก็ยังคงเป็นท่ี
ต้องการของตลาดยุโรปและสามารถทำกำไรอย่างสูงให้แกป่ ระเทศผนู้ ำ ดงั นน้ั หนทางเดยี วทพ่ี ่อค้าจะสามารถรักษา
หรอื ตกั ตวงผลประโยชน์ดังกลา่ วไว้ได้ก็คอื การตดิ ต่อคา้ ขายกลั โลกตะวนั ออกไกลทางทะเลเทา่ นนั้

การแขง่ ขนั การสำรวจเสน้ ทางเดินเรอื มาตะวันออกระหว่างโปรตุเกสกบั สเปน

กล่าวได้ว่าตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา ก่อนที่เส้นทางการค้าทางบกจะถูกพวกเติร์กเข้ายึด
ครอง ชาวยุโรปเริ่มให้ความสนใจและพยายามแสวงหาเส้นทางเดินเรือมายังตะวันออกแล้ว มีการสร้างนวัตกรรม
ทางการเดินเรอื ทะเล โดยดัดแปลงเรอื ให้มีขนาดใหญ่ ใช้เสากระโดงเรือ 3 เสาซึ่ง 2 เสาติดผ้าใบขนาดส่ีเหลีย่ มผืน
ใหญ่ตามแบบเรือของชาติตะวันตก ส่วนอีกอีกเสากระโดงใช้ผ้าใบสามเหลี่ยมตามแบบเรืออาหรับทำให้สามารถ

10

ปรับทิศทางของใบเรือเพื่อรับลมและเรือแล่นได้ดีกับสภาพลมต่างๆ นอกจากนี้ส่วนประกอบอื่นๆ ของเรือ เช่น
กระดูกงูเรือ กงเรือ และแผ่นกระดานเรือที่ทำจากไม้โอ๊กก็ทำให้เรือสามารถรับแรงเหวี่ยงจากปืนใหญ่ซึ่งเกิดจาก
การพัฒนาการด้านเทคโนโลยีใหม่ในการหลอมและผสมโลหะ ทำให้นักเดินเรือยุโรปสามารถออกเรือท่องไปใน
ทะเลและมหาสมุทรด้วยความมัน่ ใจในศักยภาพและอำนาจของตน ทั้งยังมีการนำเข็มทิศที่เป็นประดิษฐกรรมของ
ชาวจีนที่ช่วยบอกทิศทางได้อย่างแม่นยำมาใช้ ทำให้การเดินเรือในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่มีความปลอดภัยและไม่
หลงทางอีกต่อไป

บุคคลที่สำคัญที่มีคุณูปการต่อการเดินเรือ ได้แก่ เจ้าชายเฮนรี ราชนาวิก (Henry the Navigator ค.ศ.
1394-1460) พระราชโอรสในพระเจา้ จอหน์ ที่ 1(John l ค.ศ. 1385-1433)

ภาพจาลองเรอื เดนิ สมทุ รในคริสตศ์ ตวรรษที่ 15

แห่งโปรตุเกส พระองค์ทรงจัดตั้งโรงเรียนพระราชนาวีขึ้นที่แหลมซาเกรส (Cape Sagres) ให้เป็นศูนย์กลางของ
การเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆของการเดินทะเลและเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลของการสำรวจเส้นทางเดินเรือ ด้วยพระ
อุปถัมภ์ของพระองค์ประกอบกับความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ รวมทั้งการใช้เข็มทิศและเทคนิคการสร้างเรือขนาด
ใหญ่ที่สามารถต้านคลื่นลมได้ดังกล่าวทำให้นักเดินเรือของโปรตุเกสสามารถเดินทางจนถึงแหลมกรีน (Green
Cape) ในทวีปแอฟริกา หลังจากที่เจ้าชายเฮนรี ราชนาวิกสิ้นพระชนม์แล้ว บาร์โทโลมิวไดแอส (Bartholomew
Dias) สามารถเดินเรือเลียบชายฝั่งทวีปแอฟริกาจนผ่านแหลมแห่งพายุ (Cape of Wind) หรือต่อมาได้รับชื่อใหม่

11

วา่ แหลมกดู๊ โฮป (Cape of Good Hope) ไดส้ ำเรจ็ ใน ค ศ. 1488 หลังจากนน้ั นักเดนิ เรอื ซาวโปรตเุ กสอีกผู้หน่ึงคือ
วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) ก็สามารถแล่นเรือในเส้นทางสำรวจของไดแอสจนถงึ เอเชยี และขึ้นฝั่งท่ีเมือง
กาลิถูฏ (Calicut) ในอินเดียใน ค.ศ. 1498 โดยใช้เวลาเดินทาง 93 วันเมื่อขึ้นฝั่งที่อินเดียแล้วเขาก็สามารถซ้ือ
เคร่ืองเทศได้โดยตรงจากพ่อค้าอินเดียและบรรทุกเรือกลับไปยังยุโรป ทำกำไรได้กว่า 60 เท่าของค่าใช้จ่ายในการ
เดินทางทั้งหมด

ต่อมาโปรตุเกสประสบคามสำเร็จอย่างยิ่งในการกำจัดอำนาจของพวกมุสลิมในมหาสมุทรอินเดียจน
สามารถควบคุมเมืองต่างๆของชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกาและรัฐอินเดียทางชายฝั่งตะวันตก และยึดเมือง
กัว (Goa) ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของสันนิบาตมุสลิม (Mohomedan League) ในมหาสมุทรอินเดียได้ และใช้กัว
เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโปรตุเกสในตะวันออก ใน ค.ศ. 1511 อัลฟองโซ อัลบูเคอร์ (Alfonso
d'Albuquerque) ข้าหลวงโปรตุเกสประจำตะวันออกสามารถขยายอำนาจและแผ่อิทธิพลจนถึงเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้และเข้ายึดครองมะละกาซึ่งเป็นชุมทางของเรือสินค้าที่เดินทางมาจากจีน ญี่ปุ่น และหมู่เกาะเครื่องเทศ
ตลอดจนเรือสินค้าจากอินเดยี อาหรับ อียิปต์และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การยึดครองดินแดนดังกล่าวนี้ทำให้อีสต์
อนิ ดสี (East Indies) ทงั้ หมดตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของโปรตเุ กสและสรา้ งความมั่นคงั่ อยา่ งมหาศาลให้กับโปรตุเกส
ในการผูกขาดการค้าเครื่องเทศ ระยะก่อนหน้าที่โปรตุเกสจะค้นพบเส้นทางเดินเรือถึงอินเดียนั้น คริสโตเฟอร์
โคลัมบัส (Christopher Columbus ค.ศ. 1451-1506) ซาวเจนัวได้ดินเรือโดยข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกและ
ค้นพบทวีปอเมริกาใน ค.ศ. 1492 ซึ่งนักประวัติศาสตร์ตะวันตกถือว่าเป็นปีสิ้นสุดของสมัยกลางและเริ่มต้น
ประวัติศาสตร์สมัยใหม่จึงเห็นได้ว่าในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นระยะเวลาแห่งการเริ่มต้นแข่งขันในด้าน
เศรษฐกิจและอำนาจทางทะเลระหว่างสเปนกับโปรตุเกส ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาไมตรีต่อกันในฐานะเป็น
ราชอาณาจักรที่นับถือคริสศาสนานิกายโรมันคาทอลิกเหมือนกันใน ค.ศ. 1494 สันตะปาปาอะเล็กชานเดอร์ที่ 6
(Pope Alexander VI ค.ศ. 1492-1503) ทรงให้สเปนและโปตุเกตกลงนามในนธิสัญญาตอร์เดซียาส (Treaty of
Tordesillas) กำหนดให้เส้นเมอริเดียนที่ 370 ทางตะวันตกของแหลมหมู่เกาะเวิร์ด (Cape Verde Islands) ซ่ึง
ปัจจุบันคือเส้นเมอริเดียนที่ 51 ทางตะวันตกของกรีนิช (Greenwich) เป็นเส้นสมมุติที่แบ่งโลกออกเป็นสองส่วน
โดยลเปนมีสิทธิ์สำรวจและยึดครองดินแดนทางด้านตะวันตกของเส้นเมอริเดียนและโปรตุเกสได้สิทธิ์ทางด้าน
ตะวันออก อาณาเขตจากการแบ่งเส้นสมมุติตังกล่าวจึงนำไปสู่การครอบครองทวีปอเมริกาใต้ของสเปน (ยกเว้น
บราซิลที่ตกเปน็ ของโปรตเุ กส) และการร้างจกั รวรรดทิ างทะเล (maritime empire) ของโปรตเุ กสในเอเชยี

12

การคน้ พบทวปี อเมรกิ า
จุดเริ่มต้นของการคันพบทวีปอเมริกา หรือ "โลกใหม่" เกิดขึ้นเมื่อโคลัมบัสอาสาพระเจ้าแผ่นดินสเปนคือ

พระเจ้าเฟอร์ดินันด์แห่งอารากอน (Ferdinand of Aragon) และสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาแห่งกาสตีล
(Isabella of Castile) แสวงหาเส้นทางการค้าสายใหม่มายังทวีปเอเชียเพื่อแย่งตลาดค้าเครื่องเทศ ผ้าไหม และ
สินค้ามีค่าต่างๆ จากพ่อค้าอิตาเลียน ออกเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกทางด้านตะวันตกของทวีปยุโรปเม่อื
วันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1492 การเดินทางครั้งนี้นับว่าเป็นการท้าทายธรรมชาติอีกก้าวหนึง่ ของมนุษย์เพราะขัดกับ
ความเชอื่ ดงั้ เดิมว่า โลกมีสัณฐานแบนราบและเรือที่แลน่ ไปจนสุดขอบทะเลก็จะตกขอบโลกได้ ดินแดนโพ้นทะเลที่
มที ะเลหรือมหาสมทุ รกน้ั ขวางจงึ เปน็ แหล่งทล่ี ล้ี บั ของชาวยโุ รปตลอดมา และมคี นเพียงไม่กี่คนท่นี ึกอยากจะออกไป
ผจญภัย โคลม้ บัสนำเรอื 3 ลำพร้อมด้วยลูกเรือจำนวน 88 คนลอ่ งเรอื ในมหาสมุทรแอตแลนติกที่กว้างใหญ่ไพศาล
เป็นเวลากว่า 2 เดอื น กอ่ นท่เี ขาจะเจอชายฝั่งทะเลอกี คร้ังเม่ือวนั ท่ี 12 ตลุ าคม ค ส. 1492 สิ่งท่ีปรากฎต่อหน้าของ
เขาและลูกเรือทงั้ หมดก็คือชายฝ่ังอนั สวยงามของเกาะกัวนาอามิ(หมู่เกาะบาฮามาส์ในปัจจุบัน แต่โคล้มบัสก็เข้าใจ
ผิดว่าเขาได้เดินทางมาจนถึงทวีปเอเชียแล้ว จึงเรียกคนพื้นเมืองที่เขาพบเห็นว่า "ชาวอินเดีย" ซึ่งต้อมาได้เป็นคำ
เรียกชาวฟ้นื เมืองเผา่ ต่างๆ ในทวปี อเมริกาจนถึงปัจจุบันนกี้ ารค้นพบทวีปอเมริกาของโคล้มบสั ในครั้งน้ีจึงไม่ใช่การ
ค้นพบโลกใหม่แต่ประการใดเพราะดินแดนอเมริกาไม่ใช่แผ่นดินที่ปราศจากผู้คน อีกทั้งยังเป็นแหล่งอารยธรรมท่ี
เก่าแก่ของโลกอีกแห่งหนึ่งด้วย ทวีปอเมริกาเป็นที่อยู่ของชาวมายัน (Mayan)แอสเด็ค (Aztec) และอินคา (Inca)
ซึ่งมีวัฒนธรรมสูงส่ง มีความรู้ทางคณิตศาสตร์และสถาปัตยกรรมอย่างดี และสามารถสร้างพิระมิดได้อย่างชาว
อียิปต์โบราณ แต่ความสำคัญของการเดนิ ทางของโคลัมบัสก็คอื ชว่ ยเปลี่ยนแปลงทฤษฎีดาราศาสตรข์ องสมยั

ครสิ โตเฟอร์ โคลัมบัส (ค.ศ. 1451-1506)
ผ้คู ้นพบทวปี อเมรกิ า แตค่ ิดวา่ ตนเองคน้ พบ
เสน้ ทางเดนิ เรือมายังเอเชยี โดยผ่านมหาสมทุ ร
แอตแลนติก

13

เขม็ ทิศ

กลางที่เชื่อว่าโลกแบนและเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาลตลอดจนพิสูจน์ว่าตำนานและความเชื่อเก่าๆ
เกี่ยวกบั โลกเป็นเรือ่ งเหลวไหลไรส้ าระ

การค้นพบทวีปอเมริกาโดยบังเอิญของโคลัมบัสนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งนอกจากจะเป็นเรื่องลบล้าง
ความเชื่อเก่าๆดังกล่าวแล้ว ยังเป็นจุดเร่ิมต้นที่ทำให้อารยธรรมตะวันตกหลั่งไหลไปสู่ทวีปอเมริกาในเวลาต่อมา
พร้อมกบั การอพยพของซาวยโุ รปในมภิ าคต่างๆ เปน็ จำนวนนบั ล้านๆ คนรวมทัง้ การนำคนผิวดำในแอฟริกาไปเป็น
ทาสแรงงานทัง้ ทำให้เกดิ การแลกเปล่ียนและการประสมประสานทางวฒั นธรรมของชาวยุโรปชาวแอฟริกาและชาว
พื้นเมอื งทน่ี น่ั แต่ขณะเดยี วกนั ก็เปน็ การเรม่ิ ต้นทำลายล้างเผา่ พันธุ์และการแย่งชงิ ดนิ แดนที่อุดมสมบูรณด์ ้วยแร่เงิน
และทองคำของชาวอินเดยี แดงซงึ่ บรรพบุรุษได้ใชเ้ ปน็ ท่ีอาศยั อย่างสงบสุขมาเป็นเวลานบั พนั ปี อยา่ งไรกด็ ี โคลัมบัส
ก็ไม่มีโอกาสอยู่ที่จะแลเห็นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เขาเสียชีวิตใน ค.ศ. 1506 ด้วยความยากจนและผิดหวังที่ไม่เจ อ
เสน้ ทางไปยงั เมืองต่างๆ ในจนี กอ่ นทต่ี วั เขาและซาวยุโรปอ่ืนๆ จะรวู้ า่ ทวีปอเมรกิ าเปน็ โลกใหมท่ ี่ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่ง
ของทวีปเอเชีย

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าผลของการค้นพบทวีปอเมริกาจะเป็นผลดีหรือผลเสียแก่ฝ่ายใดการเดินทางของโคลัมบัส
ใน ค.ศ. 1492 ก็นับว่ามคี วามยิ่งใหญ่เพราะเป็นจุดเริ่มแห่งการผจญภัย และตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของ
มนุษย์ ภายในระยะเวลาไม่ถึง 30 ปีหลังจากโคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกาแล้ว เฟอร์ดินันด์ แมกเจลแลน
(Ferdinand Magellan ค.ศ. 1480-1521) พร้อมลกู เรอื ก็ประสบความสำเร็จในการเดินเรอื รอบโลกใน ค.ศ. 1521

14

ทำให้โฉมหน้าทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมของโลกตะวันตกเปลี่ยนแปลง เกิดการแข่งขันทางด้าน
นโยบายเศรษฐกิจและการสรา้ งกองเรือพาณชิ ย์ และการเข้ารุกรานดินแดนตา่ งๆ ในทวปี อื่นๆ

การเดนิ เรือรอบโลกคร้ังแรก

แมกเจลแลนได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลแรกที่แล่นเรือข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากชายฝั่งทวีปอเมริกา
มายังทวีปเอเชีย และยังได้รับเกียรติว่าเป็นบุคคลแรกที่เดินเรือรอบโลกและสามารถพิสูจน์ว่าโลกกลมดุจดังผลส้ม
ซึ่งสามารถแล่นเรือไดร้ อบและกลับมายังจดุ เดิมได้โดยไม่ต้องเดนิ ทางย้อนศรกลับไปเส้นทางเดมิ แมกเจลแลนเปน็
ชาวโปรตุเกสเกิดใน ค.ศ. 1480 ในครอบครัวขุนนาง เมื่ออายุได้ 25 ปีได้เข้ารับราชการในกองทัพเรือโปรตุเกส
และมีโอกาสเดินทางมายังหมู่เกาะเครือ่ งเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายครั้งโดยใชเ้ ส้นเดินเรืออ้อมแหลมกู๊ด
โฮปทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาและข้ามมหาสมุทรอินเดีย ใน ค.ศ. 1510 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นนาวาเอก
ต่อมาถูกส่งไปประจำการที่โมรอกโก (Morocco) ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกาและได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้
จนขาข้างหน่ึงพิการ

ใน ค.ศ. 1517 แมกเจลแลนพยายามสานต่อความฝันของครสิ โตเฟอร์ โคลัมบัสทีว่ า่ โลกกลมและสามารถ
เดินเรือมายังทวีปเอเชียทางด้านทิศตะวันตกของทวีปยุโรปได้ เขาได้นำความคิดดังกล่าวไปทูลพระเจ้าแผ่นดิน
โปรตุเกสแต่ถูกพระองค์ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง เพราะในขณะนั้นหลายคนต่างเข้าใจว่า"โลกใหม่"หรือทวีปอเมริกาที่
โคลัมบัสพบใน ค.ศ.1492 ก็คือทวีปเอเชียนั่นเอง แม้แมกเจลแลนจะผิดหวังแต่เขาก็ไม่ละทิ้งความพยายามเขา
ตัดสินใจเดินทางไปยังราชอาณาจักรสเปนและทูลเสนอพระเจ้าชาลส์ที่ 1 (Chares I, ค.ศ. 1516-155 อีกนัยหนึ่ง
หรือจักรพรรดิชาลส์ที่ 5 (Chares V ค.ศ. 1519-1556) แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ถึงแผนการเดินทางของ
เขา ในที่สุดกษัตริย์สเปนก็พระราชทานพระราชานุเคราะห์ให้แมกเจลแลนนำเรือจำนวน 5 ลำออกสำรวจเส้นทาง
เดินเรือมายงั ทวีปเอเชยี

ในการเดินเรือเที่ยวสำคัญในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ซึ่งมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการสำรวจของ
โคลัมบัส แมกเจลแลนได้แล่นเรือออกจากท่าเรือสเปนเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1519 ไปยังทิศตะวันตกของ
มหาสมทุ รแอตแลนตกิ และตรงไปตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้เขาสำรวจภูมิประเทศเปน็ เวลานานจนสามารถเจอช่อง
แคบซึ่งต่อมาเรียกว่า ช่องแคบแมกเจลแลนตามชื่อของเขาท่ีเชือ่ มต่อระหว่างมหาสมุทรแอตแลนตกิ กับมหาสมทุ ร
แปซิฟิก หลังจากนั้นได้เดินทางเข้าสู่มหาสมุทรที่กั้นขวางระหว่างทวีปอเมริกากับเอเชียได้สำเร็จ แมกเจลแลนได้
เรียกตั้งชื่อมหาสมุทรแห่งนี้ว่ามาเร ปาชีฟิโก (Mare Pacifico) หรือแปซิฟิก ซึ่งแปลว่า ทะเลสงบเนื่องจาก

15

ปราศจากคลื่นลม กองเรือต้องใช้เวลาประมาณ 4 เดือนลอยเคว้งคว้างในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่และสงบลมนี้โดย
ปราศจากทิศทางจนน้ำและอาหารสำรองที่มีอยู่หมดและลูกเรือเจ็บป่วยแล ะเกือบจะอดตายถึงได้ขึ้นฝั่งที่หมู่เกาะ
ฟิลิปปินส์ (The Philippines Islands) เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1521 การเดินทางของแมกเจลแลนในครั้งนี้
นับว่าเป็นการเดินเรือครั้งแรกที่ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมายังทวีปเอเชีย และสามารพิสูจน์ได้ว่าอเมริกาและเอเชีย
ตัง้ อยคู่ นละทวีปและคนละชกี โลก ตลอดจนเกาะไฮตแิ ละคิวบาไมใ่ ช่ญ่ปี ุน่ และจนี ตามทชี่ าวตะวนั ตกเข้าใจผิดกันมา
ตงั้ แต่โคลมั บัสค้นพบทวปี อเมริกา

อย่างไรก็ดี แมกเจลแลนไม่ได้มีโอกาสแล่นเรือกลับสเปน เขาถูกคนพื้นคนพื้นเมืองฆ่าตายเมื่อพยายาม
เผยแพร่คริสต์ศาสนา แต่ลูกเรือที่เหลือโดยการนำของซีบาสเตียน เดอคาโน (Sebastian del Cano) พร้อมเรืออีก
2 ลำก็สามารถหลบหนีออกจากฟิลิปปินส์ได้และเดนิ ทางต่อไปจนพบโมลกุ กะ (Molucca) หรือหมู่เกาะเครื่องเทศ
และซื้อเครื่องเทศจากชาวพื้นเมืองบรรทุกจนเต็มสำเรือ เดล คาโนพาเรือวิกตอริโอ (Victorio) ซึ่งเหลือเพียงลำ
เดียว (อีกลำรั่วและต้องสลัดทิ้ง) หลบเรือโปรตุเกสซี่งควบคุมการค้าในหมู่เกาะเครื่องเทศเดินทางกลับสเปนทาง
มหาสมทุ รอินเดียได้สำเร็จ เรอื วกิ โตริโอเข้าเทียบท่าสเปนเม่ือวันที่ 6 กนั ยายน ค.ศ. 1521 นบั ได้ว่าเป็นเรือลำแรก
ที่แล่นรอบโลกและสามารถพิสูจน์ทฤษฎีโลกกลม ตลอดจนสร้างชื่อเสียงให้แมกเจลแลนและลูกเรือในฐานะนัก
เดนิ เรือรอบโลกพวกแรกอีกดว้ ย

การค้นพบทวปี ออสเตรเลีย

นอกจากโปรตุเกสและสเปนที่มีบทบาทสำคัญในการสำรวจเส้นทางเดินเรือแล้วเนเธอร์แลนด์นับว่าเป็น
ประเทศตะวันตกอีกประเทศหนึ่งทีเ่ ข้ามาบกุ เบิกการค้าในเอเชียทั้งนี้โดยเนเธอร์แลนด์เข้ามาทำการค้าโดยตรงกับ
อินดีสตะวันออกตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก่อนหน้านี้ชาวดัตซ์ได้ทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางในการค้า
เครื่องเทศในยุโรปมาโดยตลอด โดยส่งเรือสินค้าไปรับเครื่องเทศจากโปรตุเกสที่ทำเรือลิสบอน ( Lisbon) แต่ใน
ค.ศ. 1580 ได้เกิดความผันผวนทางการเมืองในโปรตุเกสโดยราชบัลลังก์ได้ว่างลงทำให้พระเจ้าฟิลิปที่ 2 (Philip ||
ค.ศ. 1556-1598) แห่งสเปนทรงอ้างสิทธิ์ในการสืบราชสมบัติโปรตุเกสและทรงยกกองทัพเข้ายึดครองโปรตุเกส
โปรตุเกสจึงตกอยู่ในอำนาจของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก (Habsburg) สายสเปนจนถึง ค.ศ. 1640 และสเปนมีอำนาจใน
การควบคุมการค้าในโพน้ ทะเลเกือบทัง้ หมด พระเจ้าฟลิ ิปที่ 2 ทรงคดิ ทำลายเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ซึ่งเคยอยู่
ใต้การปกครองโดยตรงของพระองค์แต่ได้ก่อกบฏและแยกตัวเป็นอิสระ โดยทรงประกาศปิดท่าเรือลิสบอน ห้าม
ไม่ให้พ่อคา้ ดตั ซ์เข้าไปซื้อเครื่องเทศและสินค้าตะวนั ออกในตลาดโปรตุเกสอกี ตอ่ ไป นโยบายดังกลา่ วนี้จึงเท่ากับบีบ
บังคับให้เนเธอร์แลนด์ต้องหาเส้นทางเพื่อติดต่อซื้อเครื่องเทศโดยตรงกับอินดีสตะวันออกของโปรตุเกส ในไม่ช้า

16

กองทัพเรือที่เข้มแข็งของเนเธอร์แลนด์ก็สามารถยึดครองตลาดการค้าเครื่องเทศของโปรตุเกส ใน ค.ศ. 1598
เนเธอร์แลนด์ได้จัดตั้งสถานีการค้าขึ้นในเกาะชวา อีก 4 ปีต่อมาได้จัดตั้งบริษัทตัตช์อินเดียตะวันออกขึ้นเพ่ือ
ควบคมุ การค้าในหมเู่ กาะเครือ่ งเทศ

การครอบครองหมู่เกาะเครื่องเทศของเนเธอร์แลนด์มีผลกระทบที่สำคัญอีกประการกล่าวคือ ในเดือน
มนี าคม ค.ศ. 1606 บริษทั ดตั ช์อินเดียตะวนั ออกได้ส่งวลิ เลมยานซ์ (Willem Jansz) คุมเรือเดฟเกน (Dyfken) จาก
บันดา (Banda) เพื่อค้นเกาะทองคำที่เชื่อว่าอยู่ทางทิศใต้ และทิศตะวันออกของเกาะชวาตามคำเล่าลือของพวก
ฮินดู การเดินเรือครั้งนี้จึงทำให้ยานซ์และลูกเรือชาวดัตช์เป็นคนขาวกลุ่มแรกที่ได้เห็นทวีปออสเตรเลียและทำให้
เนเธอร์แลนด์ได้รับการยกย่องว่าเป็นชาติแรกที่ค้นพบทวีปออสเตรเลีย ภายหลังชาวดัตช์เรียกทวีปที่ตนพบนี้ว่า
นิวฮอลแลนด์ (New Holland) ซึ่งเป็นชื่อเรียกของออสเตรเลียอีกเป็นเวลานานจนกระทั่งอังกฤษเข้าครอบครอง
ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18และต่อมาได้ชื่ออย่างเป็นทางการในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ว่า ออสเตรเลีย นิว
ฮอลแลนด์หรืออสเตรเลยี จงึ เป็นทวีปสุดท้ายทช่ี าวตะวันตกไดค้ ้นพบในยุคแห่งการคน้ พบและการสำรวจน้ี

ปัจจยั ท่ีสง่ เสริมความสำเร็จของการสำรวจทางทะเล

1. ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยกี ารเดนิ เรอื ซ่งึ ประกอบด้วย

1.1 แผนที่ เกี่ยวกับดินแดนต่าง โดยเฉพาะทวีปแอฟริกาและเอเชยี ที่ทำขึ้นในสมัยฟ้ืนฟูศิลปะวทิ ยาการ
เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ว่าโลกกลม ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญให้กับนักเดินเรือใช้ศึกษาเส้นทางเดินเรือระหว่างยุโรปกับ
เอเชยี

1.2 เขม็ ทศิ เป็นสงิ่ ประดิษฐท์ ีช่ าวจีนคดิ ข้นึ แลว้ นักเดินเรือชาวอาหรับนำไปเผยแพร่ ทำใหช้ าวยุโรปรจู้ ักใช้
เข็มทิศและสามารถเดินเรืออกจากชายฝง่ั ได้ระยะไกล

1.3 เทคโนโลยีการต่อเรือขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในโปรตุเกส ได้จัดตั้งโรงเรียนราชนาวีเพื่อเป็นศูนย์กลาง
การเรียนรัวิทยาการสมัยใหม่ในการเดินทะเลและการสำรวจเส้นทางเดินเรือ สนับสนุนโดยเจ้าเฮนรี(Henry the
Navigator) ต่อมาพระองค์ได้รบั การยกย่องให้เปน็ บดิ าแหง่ การเดินเรือ

2. การประดิษฐ์ปีนใหญ่ ในคริสด์ศตวรรษที่ 15 ชาวยโรปประสบความสำเร็จในการประดิษฐ์ปันใหญ่ ซึ่งเป็น
เทคโนโลยีที่สำคัญอย่างในการเดินเรื่อ เพราะช่วยให้นักเดินสามารถต่อสู้กับโจรสลัดที่ปล้นเรือกลางทะเลได้ และ
ยงั เปน็ อาวุธท่สี ำคญั ช่วยทำใหย้ ุโรปดครองดนิ แดนด่าง 1 ในแอฟริกาและเอเชียด้วย

17

3. การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยเฉพาะหลังจากระบบฟิวดัลเสื่อมลง กษัตริย์และประมุขของ รัฐต่าง ๆ มี
อำนาจมากขึ้นและพัฒนาไปสู่รัฐชาติได้สำเร็จ และสนับสนุนส่งเสรมให้มีการสำรวจทางทะเลในปลายศดวรรษที่
15 เช่น โปรตุเกส สเปน ฝรง่ั เศส องั กฤษ

4. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ในต้นคริสด์ศดวรรษที่ 16 ระบบเศรษฐกิจของยุโรปมีการพัฒนาเป็นแบบเสรี
นิยม มีการใช้เงินตราแบบมาตรฐาน (ใช้เหรียญทองคำ) มีการฒนาระบบธนาคารเพื่อสนับสนุนการกู้เงินเพื่อการ
ลงทุนและการสำรวจทางทะเลการสำรวจทางทะเลของประเทศในยโุ รป

ผลกระทบจากการสำรวจทางทะเลต่อพัฒนาการในยุโรป

การสำรวจทางทะเลมีผลตอ่ พฒั นาการของยุโรปดา้ นการเมือง เศรษฐกจิ และสงั คม ดงั นี้

1. ทางด้านการเมือง ทำให้ยุโรปกลายเป็นศูนย์อำนาจของโลก ทำให้ประเทศในยุโรปมีดินแดนอาณานิคมจำนว น
มาก และทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในยุโรปเนื่องจากมีการแข่งขันการขยายอิทธิพลทางการค้าและการ
จับจองอาณานิคม ส่งผลให้เกิดลัทธิจักรวรรดินิยมที่มีผลต่อพัฒนาการของทวีปอเมริกา แอฟริกา และเอเชียใน
เวลาตอ่ มา

2. ทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศในยุโรปมีความเจริญและมั่งคั่ง เนื่องจากได้กำไรมหาศาลจากค้าทะเล ทำให้
การค้าขยายตัวเน่ืองจากมีการใชร้ ะบบเงินตรา ระบบธนาคาร และสง่ ผลใหม้ ีการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมในสมัยต่อมา

3. ทางด้านสังคม ทำให้ชนชั้นกลาง (พ่อค้า) ได้รับการยอมรับชนชั้นสูงและมีบทบาททางการเมืองเพิ่มมากขึ้น
เพราะเป็นผู้ให้เงินสนับสนุนกษัตริย์และสถาบันศาสนา นอกจากนี้สินค้าที่ได้รับความนิยมจากเอเชีย เช่น
เครื่องเทศ ผ้าไหม ชา ผ้าฝ้าย เครื่องปั้นดินเผา ก็มีราคาถูงลง ทำให้ชาวยุโรปมีโอกาสได้บริโภคสินค้าเหล่านี้ด้วย
และ ชาวยุโรปยังมีโอกาสได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมของชาวตะวันออก โดยเฉพาะอินเดียและจีน เช่น เครื่องลาย
คราม เป็นตน้

18

ผลกระทบกระเทือนต่อโลกของยคุ แหง่ การสำรวจ

เส้นทางข้ามมหาสมุทร (Trans-Oceanic) ใหม่นี้เป็นการนำมหาอำนาจยุโรปเข้าสู่ยุคจักรวรรดินิยมเม่ือ
ยุโรปเข้ามาควบคุมประเทศต่างๆ เกือบทั้งโลก ความต้องการของยุโรปในการทำการค้าขาย หาวัตถุดิบ ค้าทาส
และขยายจกั รวรรดิมีผลต่อบรเิ วณต่างๆ ของโลก สเปนดำเนนิ นโยบายการทำลายวัฒนธรรมต่างๆ ในทวีปอเมริกา
จนวอดวาย และแทนที่วัฒนธรรมเหล่านั้นด้วยวัฒนธรรมของตนเองและบังคับให้ชนท้องถิ่นละทิ้งประเพณีทาง
ศาสนาของตนเองและเปลี่ยนมานับถือคริสต์ศาสนา พฤติกรรมนี้กลายเป็นมาตรฐานทั่วไปของชาติต่างๆ ในยุโรป
ในการปฏิบัตติ ่อดินแดนต่างๆ ที่เข้ายึดครองโดยเฉพาะดัตช์ รัสเซีย ฝรั่งเศส และอังกฤษ ศาสนาใหม่เข้ามาแทนที่
ศาสนาที่ชาวยุโรปถือว่าเป็น “ลัทธิเพกัน” นอกจากศาสนาแล้วก็ยังมีการบังคับใช้ภาษา ระบบการบริหาร และ
ประเพณีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศในบริเวณต่าง ๆ เช่น อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ
อาร์เจนตินา ชนท้องถิ่นถูกขับออกจากที่อยู่อาศัยเดิมหรือถูกจำกัดให้อยู่ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งท่ีเจ้าของอาณา
นคิ มกอ่ ต้ังให้ ประชากรท้องถิ่นถูกลดจำนวนลงไปเป็นจำนวนมาก และในทส่ี ดุ ก็กลายเป็นชนกลุ่มน้อยที่ต้องอาศัย
พึง่ พารัฐบาลของอาณานิคมท่ีเข้ามายดึ ครอง

ทางฝ่ังแอฟริกากเ็ ช่นกัน รฐั ตา่ ง ๆ เป็นแหล่งสำคัญของการคา้ ทาสซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงบริเวณไม่แต่
เพยี งชายฝ่งั ของแอฟริกา และทางโครงสร้าของสังคมและทางเศรษฐกแิ ต่ยงั ลกึ เขา้ ไปถงึ ใจกลางของทวปี ด้วย

ในอเมริกาเหนือชาวยุโรปก็มีปัญหากับชนพื้นเมืองที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนหน้าที่ชาวยุโรปจะเข้ามายึดครอง
ชาวยุโรปได้เปรียบกว่าชนพื้นเมืองหลายประการ นอกจากนั้นแล้วก็ยังนำเชื้อโรคใหม่เข้ามาเผยแพร่ที่เป็นผลให้
จำนวนประชากรพ้ืนเมอื งท่ไี ม่เคยประสบกับเชอ้ื โรคใหมน่ ตี้ ้องเสยี ชวี ติ ไปถงึ 50-90% ของจำนวนประชากรทง้ั หมด

19

ผลกระทบกระเทือนทางเศรษฐกิจและวฒั นธรรมของยุคแห่งการสำรวจตอ่ อำนาจของยุโรป

เมื่อสินค้าต่างๆ ที่เคยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยมาจากการสำรวจเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นก็ทำให้ราคางสินค้า
เหล่านี้เริ่มคงตัว การค้าขายทางมหาสมุทรแอตแลนติกมาแทนที่อำนาจการค้าขายของอิตาลีและเยอรมนีที่เคยใช้
ทะเลบอลตกิ ในการเดนิ ทางขนส่งสินค้ากบั รัสเซยี และมาแทนการค้าขายผา่ นชาติอิสลาม นอกจากน้ันสินค้าใหม่ก็
ยังสรา้ งความเปลีย่ นแปลงใหแ้ กโ่ ครงสร้างทางสงั คม เมอื่ น้ำตาล เครื่องเทศ ไหม และเคร่อื งถว้ ยชามของจีนเข้ามา
ในตลาดสนิ ค้าฟมุ่ เฟือยของยุโรป

ศูนย์กลางเศรษฐกิจยุโรปเปลี่ยนจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาเป็นยุโรปตะวันตก เมืองแอนต์เวิร์ปซึ่งเป็น
ส่วนหนึ่งของดัชชีแห่งบราบองต์ กลายเป็น "ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศทั้งหมด" ความมั่งคั่งที่สเปน
ประสบประจวบกับภาวะเงนิ เฟอ้ ทั้งภายในสเปนและยโุ รปโดยทัว่ ไป ภายในไมก่ ่ีสบิ ปกี ารทำเหมืองในทวีปอเมริกาก็
มีผลผลิตมากกว่าการทำเหมืองในยุโรปเอง สเปนยิ่งต้องพึ่งรายได้จากการค้าจากทวีปอเมริกาเพิ่มขึ้นจนในที่สุดก็
นำไปสู่การล้มละลายของสเปนครั้งแรกในปี ค.ศ. 1557 ที่เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายทางการทหารที่มากขึ้นจนเกิน
ตวั การทวตี วั ของราคาเป็นผลให้มีการหมนุ เวียนทางการเงนิ ในยโุ รปมากขึ้นและทำใหเ้ กิดการขยายตัวทางการค้าใน
บรรดาชนชั้นกลางในยุโรป ที่มามีอิทธิพลต่อสถานะภาพทั้งทางการเมืองและทางวัฒนธรรมในหลายประเทศใน
ยุโรปโดยท่ัวไป

20

การสิ้นสุดของยุคแหง่ การสำรวจ

เมื่อมาถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 เรือของยุโรปก็ได้รับการวัฒนาการดีขึ้นจนนักเดินเรือผู้มีผู้เชี่ยวชาญ
สามารถนำเดินทางไปยังจุดหมายใดก็ไดใ้ นโลก การสำรวจทางทะเลก็ยังคงดำเนินต่อไป ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 17 ฝ่ัง
ตะวันตกและฝั่งเหนือของออสเตรเลียก็ได้รับการเขียนเป็นแผนที่ แต่ฝั่งตะวันออกยังคงต้องรอต่อมาอีกร้อยปี ใน
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 มหาสมุทรแปซิฟิกก็กลับมาเป็นจุดสนใจของนักสำรวจ และทะเลอาร์กติกและอันตาร์
กติกก็ไม่ได้รับการสำรวจจนกระทั่งมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักสำรวจเข้าไปถึงใจกลางของทวีปอเมริกาในกลาง
คริสต์ศตวรรษที่ 16 และก็ยังคงมีอาณาบริเวณที่ยังไม่ได้รับการสำรวจจนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19
ดินแดนตอนกลางของออสเตรเลียและแอฟริกาไม่ได้รับการสำรวจโดยชาวยุโรปจนคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้น
คริสตศ์ ตวรรษท่ี 20 เพราะในบรเิ วณเหล่านี้ไม่มีแน้วโน้มทม่ี ีประโยชน์ต่อการคา้ ขาย นอกจากนั้นก็ยังเป็นบริเวณที่
เต็มไปดว้ ยโรคร้ายของเมอื งรอ้ นต่างๆ ทเี่ ป็นอันตรายตอ่ ชวี ิต

21

สรปุ

การสำรวจทางทะเลของชาวยโุ รปเกิดจากความต้องการพัฒนาเส้นทางทะเลตดิ ต่อระหว่างยโุ รป กบั เอเชีย
ส่งผลให้เกดิ เส้นทางเดนิ เรอื ติดต่อระหว่างดนิ แดนต่าง ๆ รอบโลก ทำให้ค้นพบดนิ แดนใหม่ ๆ ซ่งึ ยังไมเ่ ป็นที่รู้จักมา
ก่อน และทำใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงประวตั ศิ าสตรข์ องมนษุ ยชาติอย่างกวา้ งขวาง การสำรวจทางทะเลของประเทศ
ต่าง ๆ ในยโุ รป เช่น โปรตเุ กส สเปน ฮอลันดา องั กฤษ

22

บรรณานุกรม
ม่นั ทา่ เหวนิ ฮวา่ . (ม.ป.ท.). ประวตั ิศาสตร์โลกมหาสนกุ ตอน การฟ้นื ฟูศิลปวทิ ยาและการสำรวจทางทะเล.

สำนกั พิมพ์บงกช พับลชิ ชิ่ง/bongkoch Publishing.
สทิ ธิพล เครือรฐั ติกาล. (2524). ประวัติศาสตร์โลกสมยั ใหม่ = Modern world history. กรุงเทพฯ :

สำนักพิมพม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์.
ธนู แก้วโอภาส. (2549). ประวตั ศิ าสตร์อเมริกา. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548
BRIANFAGAN. (ม.ป.ท.). ประวตั ิศาสตร์การขดุ คน้ อดตี กาลแหง่ มวลมนษุ ย์.

สำนกั พิมพ์บ๊คุ สเคป, บจก.
ปญั ญา วิวฒั นานันท์.(ม.ป.ท.). ไอบีเรยี ประวตั ิศาสตร์สเปน และโปรตเุ กส. กรงุ เทพฯ :

สำนักพิมพย์ ปิ ซี


Click to View FlipBook Version