เรื่อง กบฏ ร.ศ.130 จัดท ำโดย ศรัญญา ขวัญส่ง 6516209001043 ศศิกาญจณ์บุญมี 6516209001044 นันธาดา ยุทธิปูน 6516209001127 น้า ฟ้า ชูมณี6516209001129 พรหมพร ไกรดาว 6516209001132 สิริกัญญา เสนารัตน์ 6516209001144 กลุ่มเรียน 65023.072 เสนอ อาจารย์อยับ ซาดัดคาน รำยงำนนี้เป็ นส่วนหนึ่งของกำรเรียนรำยวิชำกำรเมืองกำรปกครองและหลกัรัฐธรรมนูญ ภำคเรียนที่ 2 ปีกำรศึกษำ2565 มหำวิทยำลยัรำชภัฏสุรำษฎร ์ ธำนี
เรื่อง กบฏ ร.ศ.130 จัดท ำโดย นางสาวศรัญญา ขวัญส่ง 6516209001043 นางสาวศศิกาญจณ์บุญมี 6516209001044 นางสาวนันธาดา ยุทธิปูน 6516209001127 นางสาวน้า ฟ้า ชูมณี6516209001129 นางสาวพรหมพร ไกรดาว 6516209001132 นางสาวสิริกัญญา เสนารัตน์ 6516209001144 กลุ่มเรียน 65023.072 เสนอ อาจารย์อยับ ซาดัดคาน รำยงำนนี้เป็ นส่วนหนึ่งของกำรเรียนรำยวิชำกำรเมืองกำรปกครองและหลกัรัฐธรรมนูญ ภำคเรียนที่ 2 ปีกำรศึกษำ2565 มหำวิทยำลยัรำชภัฏสุรำษฎร ์ ธำนี
ก ค ำน ำ รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางสำหรับบุคคลที่สนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์"กบฏ ร.ศ. ๑๓๐" เนื้อหาในเล่มนี้จะบอกถึงสาเหตุการคิดกบฏท้าทายอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างไม่เกรงกลัวความตาย รวมทั้งวิเคราะห์เหตุผลที่พระมหากษัตริย์ทรงมองประเทศสยามที่ "ไม่มีความพร้อมในเรื่องประชาธิปไตย" โดยคณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นความรู้และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกๆท่าน คณะผู้จัดท ำ 18 มกรำคม 2566
ข สารบัญ เรื่อง หน้า ค ำน ำ ก สำรบัญ ข บทที่ 1 บทน ำ 1 บ ท ที่2 เ น้ื อ ห ำ 2 บทที่ 3 เหตุกำรณ์ 3 - 8 บทที่ 4 บทสรุป 9 -11 บรรณำนุกรม
1 บทที่ 1 บทน ำ กบฏ ร.ศ. 130 เป็นความพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เกิดข้ึนในช่วงปีพ.ศ. 2455 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สาเหตุเกิดจากนายทหารและปัญญาชนกลุ่มหนึ่งไม่ พอใจต่อการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และการบริหารราชการของพระมงกุฎเกล้า คณะผกู้่อการกบฏ ร.ศ. 130 วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2455 (110 ปี ที่แล้ว) สถานที่ : เมืองพระนคร ประเทศสยาม ผล: การปฏิวัติล้มเหลว ร้อยเอก ยุทธ คงอยู่ : ยอมรับสารภาพโดยเปิดเผยแผนและชื่อท้งัหมดก่อนการก่อกบฏ ในกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิด มีผู้ถูกตัดสินประหารชีวิตสามคน จ าคุกตลอดชีวิต 20คน, จ าคุก 20 ปี 32คน, จ าคุก 15 ปี 6คน และอีก 30คนจ าคุก 12 ปีผู้สมรู้ร่วมคิดส่วนใหญ่ได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือ ลดหย่อนโทษ
2 บทที่ 2 เนื้อหำ ในตน้รัชสมยัพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้เจา้อยหู่ ัว หลงัจากพระองคข์้ึนครองราชยไ์ดร้าวปีเศษ ทางการ สืบทราบวา่มีคณะนายทหารและพลเรือนกลุ่มหน่ึงจดัต้งัสมาคม "อานาคิช" (Anarchist) หรือคณะ ร.ศ. 130 โดยมีเป้าหมายหลัก ในการที่จะต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็ น ระบอบประชาธิปไตย โดยให้พระมหากษัตริย์พระราชทานรัฐธรรมนูญและให้อยู่ภายใต้กฎหมายเหมือน พระมหากษัตริย์ของประเทศอังกฤษหรือพระมหาจักรพรรดิของประเทศญี่ปุ่ น แต่การลงมือกระท าไม่ส าเร็จ เนื่องจากทางการไดเ้ขา้จบักุมผรู้่วมก่อการส าคัญในวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2454 (ร.ศ. 130) จ านวนสองคน คือ ร้อยตรีเหรียญ ศรีจันทร์ กับร้อยตรีจรูญ ษตะเมษ ซึ่งเป็ นนายทหารกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ และได้จับกุมตัว ร้อยเอกขุนทวยหาญพิทักษ์ (หมอเหล็ง ศรีจันทร์) ผู้บังคับกองพยาบาลโรงเรียนนายร้อย ทหารบก ซ่ึงเป็นหัวหนา้ผกู้่อการรวมท้งันายทหารผูร้่วมขบวนการที่สา คญัหลายคน เช่น ร้อยโทจรูญ ณ บางช้าง สังกัดกรมพระธรรมนูญทหารบก ร้อยตรีเนตร พูนวิวัฒน์ สังกัดกองปื นกลที่ 1 และร้อยตรีเจือ ศิลา อาสน์ สังกัดกรมทหาร ปื นใหญ่ที่ 2 เป็ นต้น ในเวลาต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระ ราชวินิจฉยัและพระบรมราชโองการพระราชทานอภยัโทษ โดยละเวน้โทษประหารชีวิตแกผกู้่อการดว้ย ทรงไม่มีจิตพยาบาทต่อผคู้ิดประทุษร้ายแก่พระองค์และทรงเห็นวา่ ปัจจยัที่เป็นเหตุใหน้ายทหารกลุ่มน้ีคบ คิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองคือ สภาพการเกิดปัญหาการอุดตันในต าแหน่งที่มีอยู่อย่างจ ากัดภายใน กองทพั ประกอบกบัการมีขอ้ไดเ้ปรียบของเช้ือพระวงศ์ทา ใหส้ามญัชนที่ไดร้ับการศึกษาและเป็นขา้ราชการ เกิดความรู้สึกวา่ถูกปิดก้นัอยา่งไม่เป็นธรรม ประกอบกบัการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้เจา้อยหู่วัทรง มีความใกล้ชิดกับข้าราชการมากข้ึนกวา่อดีตที่ผา่นมาส่งผลทา ใหพ้ระราชอา นาจลดนอ้ยลง เนื่องจากความ ใกลช้ิดมีผลทา ใหค้วามรู้สึกที่วา่พระมหากษตัริยเ์ป็นสมมติเทพหมดไป สาเหตุอีกส่วนหน่ึงไดแ้ก่การเปิด เสรีทางความคิดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยให้มีหนังสือพิมพ์ที่สามารถวิจารณ์ ระบอบการปกครองไดอ้ยา่งเสรีทา ใหเ้กิดขอ้วิจารณ์และช้ีใหเ้ห็นขอ้บกพร่องของระบอบการปกครองมาก ข้ึน ความไม่พอใจของทหารที่มีการจดัต้งักองเสือป่าข้ึน และกรณีการวิวาทระหวา่งทหารกบัมหาดเลก็ทา ให้ทหารที่รับการลงโทษเกิดความไม่พอใจ ประกอบกับความคิดเรื่องประชาธิปไตยและการจ ากัดอ านาจ ของพระมหากษตัริยเ์ริ่มแพร่หลายในหมู่คนที่มีการศึกษาและนา ไปสู่การรวมกลุ่มและการคบคิดลม้ลา้ง ระบอบการปกครอง ในที่สุดสาเหตุต่างๆเหล่าน้ีจึงเกิดเหตุการณ์ร.ศ. 130ข้ึน ต่อมาเมื่อรัชกาลที่6 ทรง หวนั่วิตกวา่อาจเกิดเหตุการณ์ลกัษณะดงักล่าวข้ึนอีก จึงได้มีกระแสพระราชด ารัสเกี่ยวกับการเมืองการ ปกครองหลายประการโดยพยายามช้ีใหเ้ห็นวา่การปกครองระบอบประชาธิปไตยน้นัยงัไม่เหมาะสมที่จะ น ามาใช้ในประเทศไทย
3 บทที่ 3 เหตุกำรณ ์ เมื่อนายทหารหนุ่มหรือเรียกกันว่า ยังเติร์กและพลเรือนกลุ่มหนึ่ง ได้วางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการ ปกครอง ให้เหมือนกับประเทศอังกฤษและประเทศญี่ปุ่ น โดยการใช้ลัทธิชาตินิยม หรืออุดมการณ์ชาตินิยม เป็ นเครื่องมือในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศ มีการเนน้ถึงความรักชาติจงรักภกัดีต่อ พระมหากษตัริย์และยดึมนั่ในคา สอนของศาสนา ซึ่งการใช้อุดมการณ์ชาตินิยม ก็เพื่อเป้าหมายในการสร้าง ความเจริญก้าวหน้าของชาติ แต่แนวทางดังกล่าว กลับไม่ได้รับผลส าเร็จเท่าที่ควร สาเหตุเป็ นเพราะคนไทย ส่วนใหญ่มีคติความเชื่อที่ยอมรับในสิ่งที่เป็นอยหู่รือพอใจในสิ่งที่ตนเองกา ลงัประสบ ประกอบกบั ประเทศ ไทยไม่เคยตกเป็ นอาณานิคมของชาติมหาอ านาจตะวันตก การปลุกเร้าให้รักชาติแบบชาตินิยมจึงไม่ได้ผล เท่าที่ควร จวบจนเกิดขบวนการ ร.ศ. 130 ที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งมาจากความคิดที่จะเปลี่ยนการ ปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็ นระบอบประชาธิปไตย โดยมีความเชื่อว่าการปกครอง ระบอบใหม่จะน าความเจริญมาสู่ประเทศชาติ คณะนายทหารบก นายทหารเรือและพลเรือน (คณะ ร.ศ. 130) ได้รวมกลุ่มวางแผนเพื่อเปลี่ยนแปลงการ ปกครองบ้านเมือง สาเหตุของการคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองคือในปลายปี พ.ศ. 2452 ได้มีการโบยหลัง นายทหารสัญญาบัตรกลางสนามหญ้า ภายในกระทรวงกลาโหมท่ามกลางวงล้อมของนายทหารกองทัพบก ดว้ยการบญัชาการของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้เจา้อยหู่วัซ่ึงขณะน้นัดา รงตา แหน่งเป็นสมเด็จพระ บรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ท้งัน้ีเพราะนายร้อยเอกโสม ไดต้ามไปตีมหาดเลก็ของสมเด็จพระบรม โอรสาธิราช ที่เกิดการทะเลาะวิวาทกับทหารบกที่หน้ากรมทหาร การโบยหลังนายร้อยเอกโสม ท าให้ เกิดปฏิกิริยาในหมู่ทหารบกและโดยเฉพาะนกัเรียนนายร้อยทหารบกคร้ันต่อมา ใน พ.ศ. 2453 – 2454 นายทหารรุ่นที่จบจากโรงเรียนนายทหารบกในปลายปี ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) ได้เข้ารับราชการประจ ากรม กองต่าง ๆ ทวั่พระราชอาณาจกัรแลว้มีหลายคนที่เกิดความรู้สึกสะเทือนใจอยา่งแรงกลา้จากการต้งั"กอง เสือป่ า" ด้วยคิดว่าพระเจ้าแผ่นดินไม่ทรงสนับสนุนกิจการทหารบก และคิดต่อไปว่าการที่ประเทศไทยไม่ เจริญก้าวหนา้เท่าที่ควรเป็นเพราะการปกครองดว้ยคนคนเดียว นายทหารบกกลุ่มน้ีคิดเปรียบเทียบประเทศ ไทยกบั ประเทศญี่ปุ่น ซ่ึงเริ่มการปฏิรูปประเทศพร้อม ๆ กนัแต่เหตุใดประเทศญี่ปุ่นจึงเจริญเกินหนา้ ประเทศไทยไปไกล ค าตอบที่นายทหารบกกลุ่ม ร.ศ. 130 คิดได้คือประเทศญี่ปุ่ นได้เปลี่ยนการปกครองจาก ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยม์าเป็นระบอบประชาธิปไตยภายใตก้ฎหมาย ท้งัยงัปลูกฝังใหพ้ลเมืองรู้จกัรัก ชาติรักวฒันธรรม รัฐบาลรู้จกัประหยดัการใชจ้่ายในไม่ชา้ก็มีการคา้ไปทวั่โลก มีผลิตผลจากโรงงาน อุตสาหกรรมของตนเอง มีการคมนาคมท้งัทางน้า และทางบกภายในประเทศและนอกประเทศ และได้แผ่
4 อิทธิพลทางการเมืองการทหารการสังคมและวฒันธรรมไปทวั่โลกไดอ้ีกดว้ยแต่เหตุใดประเทศไทยจึงไม่ สามารถเทียบเคียงกบั ประเทศญี่ปุ่นได้เมื่อคณะผกู้่อการไดค้า นึงถึงความลา้หลงัของประเทศและคิดวา่ อ านาจการปกครองประเทศชาติไม่ควรที่จะอยู่ในมือของคนคนเดียวจึงทา ใหน้ายทหารบกคิดปฏิวตัิโดยเริ่ม ประชุมหารือกนัคร้ังแรกเมื่อวนัที่13 มกราคม ร.ศ. 130 (พ.ศ. 2454 ตามศกัราชเก่า)และประชุมต่อมาอีก7 คร้ังรวมเป็น 8คร้ังตามสถานที่ดงัต่อไปน้ี สองคร้ังแรกเมื่อวนัที่13 มกราคม และ21 มกราคม ร.ศ. 130 ที่บา้นนายร้อยเอก ขุนทวยหาญพิทักษ์ ต าบล สาทร คร้ังที่3วนัที่28 มกราคม ร.ศ. 130 ที่โบสถร์้างวดัช่องลม ช่องนนทรี คร้ังที่4วนัที่4กุมภาพนัธ์ร.ศ. 130 ที่ทุ่งนาห่างจากสถานีรถไฟคลองเตย ประมาณ 600 เมตร คร้ังที่5วนัที่11กุมภาพนัธ์ร.ศ. 130 ที่สวนผกัของพระสุรทณัฑพิทักษ์ บิดาของ นายอุทัย เทพหัสดิน ณ ์ อยุธยา ที่ต าบลศาลาแดง ส่วนอีกสามคร้ังหลงัคือวนัที่15กุมภาพนัธ์, วันที่ 28 กุมภาพันธ์ และวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 130 ประชุมที่ อนุกูลคดีกิจสถาน แถววังบูรพาภิรมย์ ซึ่งเป็ นสถานที่ว่าความของร้อยโทจรูญ ณ บางช้าง ส านักงานอนุกูล คดีกิจสถานใช้เป็ นที่สมาชิกพบปะกันและเป็ นสถานที่รับสมาชิกใหม่ด้วย การประชุมคร้ังแรกที่บา้นร้อยเอกขนุทวยหาญพิทกัษน์ ้นัสมาชิกผเู้ริ่มก่อการมีอยดู่ว้ยกนัท้งัสิ้น 7คน กล่าวคือ 1. นายร้อยเอกขุนทวยหาญพิทักษ์ สังกัดกรมแพทย์ทหารบก เป็ นหัวหน้า 2. นายร้อยตรีเหรียญ ศรีจันทร์ สังกัดกรมทหารราบที่ 12 มหาดเล็กรักษาพระองค์ 3. นายร้อยตรี ม.ร.ว. แช่ รัชนิกร สังกัดกองโรงเรียนนายสิบ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ 4. นายร้อยตรีเขียน อุทัยกุล สังกัดกองโรงเรียนนายสิบ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ 5. นายร้อยตรีปลงั่ปูรณโชติสังกดักองปืนกลที่1รักษาพระองค์ 6. นายร้อยตรีเนตร พูนวิวัฒน์ สังกัดกองปื นกลที่ 1 รักษาพระองค์ 7. นายร้อยตรีจรูญ ษตะเมษ สังกัดกองปื นกลที่ 1 รักษาพระองค์
5 คณะผกู้่อการไดม้อบหมายให้ร.อ.ยทุธคงอยู่(หลวงสินาดโยธารักษ)์เป็นผลู้งมือลอบปลงพระชนม์แต่เกิด เกรงกลัวความผิด จึงน าความไปแจ้งหม่อมเจ้าพันธุ์ประวัติผู้บังคับการ กรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ และพากันน าความไปแจ้ง สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าฟ้าจักรพงษ์ ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ความทราบไปถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประทับอยู่ที่พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัด นครปฐม คณะท้งัหมดจึงถูกจบักุมเมื่อวนัที่27กุมภาพนัธ์พ.ศ. 2454 และถูกส่งตัวไปคุมขังที่คุกกอง มหันตโทษและได้รับพระราชทานอภัยโทษในพระราชพิธีฉัตรมงคล ในเดือนพฤศจิกายน 2467 คณะร.ศ. 130 เป็นกลุ่มปัญญาชนในยคุใหม่ที่จบจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกไดส้ ั่งสมประสบการณ์และ มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดความรู้จากเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ท าให้มี พ้ืนฐานการศึกษาดีมีโอกาสไดเ้รียนรู้จากตา ราและประสบการณ์จริง ในช่วงเวลาที่เหตุการณ์ต่างๆใน บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง ท าให้อุดมการณ์ชาตินิยมของทหารมืออาชีพที่ปลูกฝังจากการศึกษาด้วยการ สอนให้รักชาติบ้านเมือง ทหารที่เข้าโรงเรียนนายร้อยทหารบก จึงมีมาตรฐานสูง นายทหารบางนายที่ถูก จบักุมยงัอยใู่นระหวา่งศึกษาเพิ่มเติม เช่น นายทหารบก10 นายกา ลงัศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ส่วนผไู้ม่ไดจ้บจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกก็เป็นผมู้ีพ้ืนฐานการศึกษาสูง เช่น ร.อ.ขนุทวยหาญพิทกัษ์ และ พ.ต. หลวงวิฆเนศร์ประสิทธิ์ วิทย์ จบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์และเป็ นแพทย์ประจ าโรงเรียนนาย ร้อยทหารบก ร.ท. จรูญ ณ บางช้าง จบเนติบัณฑิตย์ รับราชการเป็ นนายทหารประจ ากรมพระธรรมนูญ และ เป็นครูสอนวิชาปืนกล ท้งัยงัมีขา้ราชการพลเรือนอีกหลายคนที่มีการศึกษาในระดบัสูง เช่น นายอุทยัเทพ หสัดิน ณ อยธุยา นายเซ้ียง สุวงศ์(พระยารามบณัฑิตสิทธ์ิเศรณี) นายน่วม ทองอินทร์(พระนิจพจนาตก)์ นายเปล่ง ดิษยบุตร (หลวงนัยวิจารณ์) มาจากกระทรวงยุติธรรมและส าเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมาย
6 แผนกำรปฏิวัติของคณะ ร.ศ. 130 เป้าหมายของแผนการปฏิวัติของคณะ ร.ศ. 130 น้น เพื่อต้องการให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ั ทรงยอมอยู่ภายใต้กฎหมายสูงสุดคือ รัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่ น โดยได้วางแผนกันอีกว่า หาก พระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่ ัวไม่ทรงยนิยอม ก็จะดา เนินการทูลเชิญเจา้นายในพระราชวงศจ์กัรีข้ึนเป็น ประธานาธิบดีคนแรกแห่งสาธารณรัฐไทย บรรดานายทหารบกคิดจะทูลเชิญสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวง พิษณุโลกประชานาถเป็ นประธานาธิบดี พวกทหารเรือก็คิดว่าควรจะทูลเชิญพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวง ราชบุรีดิเรกฤทธ์ิเป็นตน้ท้งัน้ีการดา เนินงานตามแผนจะตอ้งใชเ้วลาถึง 10 ปี เพื่อจะได้มีเวลาปลูกฝังทหาร เกณฑ์ในแต่ละรุ่นในช่วงเวลาน้นัเมื่อทหารเกณฑเ์หล่าน้นั ไดแ้ยกยา้ยกนัไปประกอบอาชีพตามภูมิลา เนาทวั่ และไดม้ีวยัวุฒิและคุณวุฒิเพิ่มข้ึน มีตา แหน่งหนา้ที่การงานสูงข้ึน มีความสามารถและความสุจริตซ่ึงจะได้ เป็นหลกัประกนัความมนั่คงของชาติใหม้หาชนเชื่อถือไดภ้ายหลงัการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะ ร.ศ. 130 มีการวางสายบังคับบัญชามีหัวหน้า 3คน คือนายร้อยเอกขุนทวยหาญพิทักษ์ หัวหน้าคนที่ 1 นายร้อยโท จรูญ ณ บางช้าง หัวหน้าคนที่ 2และนายร้อยโทเจือ ควกุล หัวหน้าคนที่ 3 ได้ประชุมปรึกษาหารือและ แบ่งแยกหน้าที่ให้กับสมาชิกต่างๆ ตามสายงานดังน้ี 1. หน้าที่ปกครอง : นายร้อยโทจรูญ ณ บางช้าง 2. หน้าที่เสนาธิการ : นายร้อยโทเจือ ควกุล โดยมีนายร้อยโททองด า คล้ายโอภาส เป็ นผู้ช่วย 3. หน้าที่การเงิน : นายร้อยเอกขุนทวยหาญพิทักษ์ โดยมีนายร้อยโทจรูญ ณ บางช้าง เป็ นผู้ช่วย 4. หน้าที่กฎหมาย : นายร้อยโทจรูญ ณ บางช้าง โดยมีนายร้อยโททองด า คล้ายโอภาส เป็ นผู้ช่วย 5. หน้าที่ต่างประเทศ : นายพันตรีหลวงวิฆเนศร์ประสิทธิ์ วิทย์ 6. หนา้ที่บญัชีพล: นายร้อยตรีเขียน อุทยักุล นายร้อยตรีโกยวรรณกุลและนายร้อยตรีปลงั่ปูรณโชติ 7. หนา้ที่จดัการเล้ียงดู: นายร้อยเอกขนุทวยหาญพิทกัษ์ 8. หน้าที่สืบข่าวส่งข่าว : นายร้อยตรี ม.ร.ว. แช่ รัชนิกร นายร้อยตรีบ๋วย บุณยรัตพันธุ์นายร้อยตรีเนตร พูน วิวัฒน์และนายร้อยตรีสอน วงษ์โต 9. หน้าที่แพทย์ : นายร้อยเอกขุนทวยหาญพิทักษ์ 10. ที่ปรึกษาทวั่ ไป : นายร้อยโทจรูญ ณ บางชา้ง
7 มีการวางแนวทางการเปลี่ยนแปลงการปกครองออกเป็ น 2แบบคือ 1. "ลิมิเตดมอนากี" (Limited Monarchy) การปกครองประเทศตามวิธีน้ีกษตัริยต์อ้งอยภายใต้กฎหมาย โดย ู่ จะมีการด าเนินการ 2อย่าง คือ 1.1 ท าหนังสือกราบบังคมทูลพระกรุณาโดยละม่อม 1.2ยกก าลังเข้าล้อมวัง แล้วบังคับให้ทรงสละพระราชอ านาจมาอยู่ใต้กฎหมาย หรือเปลี่ยนพระเจ้าแผ่นดิน โดยจะทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต หรือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจา้ฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถข้ึนเป็นพระมหากษตัริยอ์ยใู่ตก้ฎหมาย 2. "รีปับลิค" (Republic) การปกครองประเทศตามวิธีน้ีเป็นแบบประธานาธิบดีโดยจะทูลเชิญเสด็จพระเจา้พี่ ยาเธอกรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธ์ิข้ึนเป็นประธานาธิบดี
8 เรื่องเล่ำกบฏ ร.ศ. 130 ผ่ำนทัศนะแถมสุข นุ่มนนท์ทำยำทผู้ก่อกำร ท ำไมนำยทหำรหนุ่มเหล่ำนี้ถึงลงมือเคลื่อนไหว ประการแรกคนเหล่าน้ีไดซ้ึมซบั ประสบการณ์ของตวัเองขอยกตวัอยา่งกรณีคุณพ่อของดิฉนัร.ต.ถดัรัตน พันธุ์ คือ คุณปู่ (หลวงพรหมสุรินทร์, หนู รัตนพันธุ์) เป็ นคล้ายๆ หัวหน้าหมู่บ้านในจังหวัดพัทลุง เปรียบกับ ปัจจุบนัน้ีคงจะเป็น อบต.แบบที่เก็บภาษีเอง มีอา นาจบริหารอะไรเองก็ปรากฏวา่เมื่อคุณพ่ออายุ8ขวบ คุณ ปู่ถูกเรียกใหข้้ึนมากรุงเทพฯ เพื่อรับขอ้หาวา่คุณปู่กระดา้งกระเดื่อง มีการเก็บภาษีเอาไปใชเ้องอะไรเอง คุณ ปู่ก็ไม่กลา้ข้ึนมา เพราะกลัวจะถูกลงโทษ จึงพาภรรยากับลูก (คือคุณย่ากับคุณพ่อ) หลบหนีไปตามเส้นทาง ธรรมชาติหลบหนีไปอยไู่ทรบุรีเรียกวา่นอนกลางดิน กินกลางทรายอยู่8 เดือน หลงัจากน้นัทางส่วนกลาง เห็นว่าไม่มีความผิด ก็เรียกให้กลับมาตามเดิม แต่คุณปู่ ก็สุขภาพแย่มาก เพียงปี เดียว ท่านก็เสียชีวิต การที่คุณ พ่อไดเ้ห็นอะไรๆ หลายอยา่งแมก้ระทงั่ตอนมาเป็นนกัเรียนนายร้อยคงจะไดร้ับการบ่มเพาะมาจาก หลักสูตรของโรงเรียนนายร้อย ซึ่งเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถเป็ นผู้ที่ทรงฝึ กให้คิดแบบสมัยใหม่ ตามแบบที่ไป เรียนมาจากรัสเซีย ทา ใหท้ ่านน้ีคิดเป็น และยงัมีนกัคิดร่วมสมัยอย่างเช่นเทียนวรรณ ซึ่งมีข้อเขียนเสนอให้ เปลี่ยนแปลงบา้นเมืองต้งั17-18 ข้อ และถูกจับไป ดิฉนัคิดวา่คนเหล่าน้ีเป็นคนหนุ่มที่อยากจะเปลี่ยนแปลง อะไรต่างๆ ความไม่พอใจน้ีมีมานานแลว้เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงในรัชกาลที่5 มีกบฏเกิดข้ึนตามหวัเมือง ต่างๆ พวก ร.ศ. 130 จึงไม่ใช่กลุ่มแรกที่เกิด อย่างเช่น กบฏเจ็ดหัวเมืองแขก นี่ก็ต่อต้านการปกครองของ ส่วนกลางกบฏผีบุญ กบฏเง้ียวเมืองแพร่และอีกหลายแห่งที่อาจจะมีมากกวา่น้ีที่ไม่ได้รับการบันทึก แต่ ดิฉนั ไม่แน่ใจวา่พวกร.ศ. 130จะไดร้ับทราบวา่มีกบฏเหล่าน้ีเพราะอยา่ลืมขอ้มูลเราปิดมากเราไม่รู้อะไร แมผ้า่นมาแลว้ร้อยกวา่ ปีก็ยงัมีอะไรที่เราไม่ทราบอีกแยะในสังคมออนไลน์ในสังคมดิจิทลัปัจจุบนัฉะน้นั ย้อนกลับไปร้อยกว่าปี มันมืดมนแค่ไหนในเรื่องของความเป็ นไป คือคนถูกปิ ดหูปิ ดตาไม่รู้อะไรเลย เพราะฉะน้นัตอ้งบอกวา่พวกร.ศ. 130กลา้แต่เมื่อถูกจับกุม มีการสอบสวน เขาเขียนเป็ นค าถามให้ตอบ 13- 15ขอ้แต่ละคนก็เขียนดว้ยลายมือ ดิฉนั ไดอ้่านท้งัหมดท้งัร้อยกวา่คน ส่วนใหญ่บอกวา่ ไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้ท า อะไรก็กลวัอยเู่หมือนกนันอ้ยคนมากที่จะสารภาพวา่ตอ้งการอยา่งน้ีๆ แต่เมื่อบอกวา่ตอ้งการอะไรน้นัแรง มาก อย่างเช่นนินทาพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ว่าท่านไม่ค่อยท างาน มัวแต่เล่นละคร และใช้จ่ายเปลือง คณะ ร.ศ.130 ในคุก
9 บทที่ 4 บทสรุป การก่อกบฏดงักล่าวไดม้ีหนงัสือพิมพท์ ี่ออกในต่างประเทศเช่น องักฤษและอเมริกาเสนอข่าวทหารก่อการ ปฏิวตัิไดพ้าดหวัข่าวและเน้ือหาของข่าวแต่เพียงวา่มีนายทหารกลุ่มหน่ึงพร้อมดว้ยพลเรือนคิดเปลี่ยนแปลง การปกครองในเมืองสยาม แต่ถูกทางการจับกุมตัวไว้ได้หมด หนังสือพิมพ์ต่างประเทศที่ลงข่าว เช่น หนังสือพิมพ์ เดอะนิวยอร์ค เฮรัลด์ (The New York Herald) เดอะอีฟนิงก์ สตาร์ (The Evening Star) เดอะ วอชิงตัน ไทม์ (The Washington Time) เดอะนิวยอร์ค ซัน (The New York Sun) เดอะวอชิงตัน โพสต์ (The Washington Post) และเดอะไทมส์ (The Times) ท้งัน้ีกระทรวงการต่างประเทศของสยามดูไม่ค่อยสบายใจนัก ที่ปรากฏข่าวเรื่องกบฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ ในต่างประเทศ สมเด็จกรมพระเทวะวงศว์โรปการเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศจึงทรงมีคา สั่งไปยงั สถานทูตในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่กรุงวอชิงตันสหรัฐอเมริกาว่า ถ้ามีผู้สอบถามเรื่องทหารก่อการกบฏใน กรุงเทพฯ ก็ใหช้้ีแจงวา่ ไดม้ีผวู้างแผนจะปลงพระชนมพ์ระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้เจา้อยหู่วัเพื่อจะ สถาปนาระบอบการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐข้ึนมาแต่กลุ่มผกู้่อการถูกจบักุมเสียก่อน มีผถูู้กจบักุม ประมาณ 60คน ส่วนใหญ่เป็นพวกนายทหารหนุ่ม แต่ขณะน้ีเหตุการณ์สงบเรียบร้อยแลว้ ไม่มีอะไรน่าหวนั่ วิตกอน่ึงขอใหท้า ความเขา้ใจดว้ยวา่การจบักุมคร้ังน้ีไม่ใช่เพราะนายทหารหนุ่มมีความผิดเรื่องเรียกร้อง รัฐธรรมนูญ องคพ์ระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัทรงเป็นผมู้ีน้า พระหทยักวา้งและทรงรักเสรีภาพดีพอ ทรงเขา้ พระหทัยในเรื่องประชาธิปไตยแต่ที่ตอ้งจบักุมเพราะนายทหารกลุ่มน้ีจะใชว้ิธีการรุนแรงถึงข้นัทา ลาย สถาบันพระมหากษัตริย์ คณะผกู้่อการร.ศ. 130 เริ่มประชุมกนักลางเดือนมกราคม และหลงัจากน้นัเพียง 6 สัปดาห์ก็ถูกจบักุม แม้ สมาชิกแทบทุกคนลงความเห็นว่าเป็ นเพราะนายร้อยเอกยุทธ หรือ ร.อ. หลวงสินาดโยธารักษ์ (แต้ม คงอยู่) ซ่ึงกา ลงัจะไปรับตา แหน่งผบู้งัคบักรมทหารปืนใหญ่ที่7 พิษณุโลกเขา้มาเป็นสมาชิกในการประชุม 2คร้ัง หลงัและนา เรื่องท้งัหมดไปทูลหม่อมเจา้พนัธุ์ประวตัิเกษมสันต์ผบู้งัคบัการกรมทหารช่างที่1รักษา พระองค์เพื่อนา ความข้ึนกราบบงัคมทูลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ นาย ร้อยเอกยุทธ ยังเป็ นคนเดียวในคณะที่ไม่ถูกลงโทษ และทางราชการยังได้ปูนบ าเหน็จด้วยการส่งไปศึกษาต่อ ต่างประเทศ ที่กรุงปารีส เพื่อหลีกหนีภยัที่อาจเกิดข้ึนจากนายทหารที่ถูกจบักุม ซ่ึงอาจจะเจ็บแคน้และสั่งให้ พรรคพวกที่อยู่นอกคุกตาม "เก็บ" อย่างไรก็ตาม คณะ ร.ศ. 130 ก็ยังมีข้อบกพร่องในการด าเนินการอีกหลาย ประการจนทา ใหถู้กจบักุมดงัต่อไปน้ี
10 1. ขาดแผนการ ไม่ว่าจะเป็ นแผนเล็กหรือแผนใหญ่ การประชุมขาดระเบียบ ไม่มีวาระการประชุม มีการ พูดจาทุ่มเถียงอึกทึก ดูแลว้เหมือนวงเหลา้เสวนานินทาเจา้นาย นอกจากน้ียงัไม่มีการกา หนดตวัวา่ ใครเป็น หัวหน้ากลุ่มชัดเจน เมื่อมีการจับกุมทางการยังหาหลักฐานไม่ได้ว่าหัวหน้าขบวนการคือใคร ในที่สุดก็ต้อง สรุปเอาว่า นายร้อยเอกขุนทวยหาญพิทักษ์ และนายร้อยโทจรูญ ณ บางช้าง เป็ นหัวหน้ากลุ่ม เพราะเป็ นผู้ที่ พูดมากที่สุดในการประชุมแต่ละคร้ัง 2. ต้งัอยใู่นความประมาท การจบักลุ่มชุมนุมแต่ละคร้ัง มีการวิพากษว์ิจารณ์การบริหารงานของราชการ ตลอดจนต าหนิติเตียนองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมิได้ระมัดระวังและไม่สนใจว่าเป็ นการกระท า ที่มีโทษมหันต์ ไม่มีการระแวดระวังสอดแนมติดตามดูการเคลื่อนไหวของทางการ เช่น นายร้อยเอกยุทธ เข้า ร่วมประชุมในคืนวนัที่28กุมภาพนัธ์แลว้วนัรุ่งข้ึนก็เขา้เฝ้าถวายรายงานต่อสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้า กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถและในคืนน้นัเองก็ยงักลบัเขา้ร่วมการประชุม เพื่อแสวงหาความลบัอีก นอกจากน้ีนายร้อยเอกขนุทวยหาญพิทกัษ์ยงัขาดความระมดัระวงัพกรายชื่อสมาชิกผเู้ขา้ร่วมก่อการติดตวัไว้ โดยไม่จ าเป็ น เมื่อถูกจับกุมเจ้าหน้าที่สามารถค้นรายชื่อสมาชิกจากรายชื่อดังกล่าวได้ถึง 58 ชื่อ ไม่รวม รายชื่อที่ถูกรายงานโดยนายร้อยเอกยุทธอีก 26 ชื่อ 3. การซัดทอดกันเองในกลุ่ม เมื่อแรกถูกจับกุมทางการไม่มีหลักฐานใดมากไปกว่ารายชื่อของนายร้อยเอก ขุนทวยหาญพิทักษ์ และรายงานราชการลับของนายร้อยเอกยุทธ แต่ภายหลังเมื่อมีการไต่สวน บุคคลที่ถูกจับ ต่างซดัทอดกนัเองบานปลายไปเกี่ยวขอ้งกบัคนอีกจา นวนมากแต่ก็เป็นไปไดว้า่การไต่สวนน้นัอาจมีการ ข่มขู่หรือผู้ถูกสอบสวนขาดปฏิภาณไหวพริบและการต่อสู้กับวิธีการสอบสวน นอกจากผู้เป็ นทนายและ นักเรียนกฎหมายบางคน เช่น นายอุทัย เทพหัสดิน ณ อยธุยา ซ่ึงพอมีช้นัเชิงตอบโตก้บัการไต่สวนไดบ้า้ง 4.การดา เนินการโดยเฉพาะการเสาะแสวงหาสมาชิกเป็นไปอยา่งหละหลวม ไม่รัดกุม ไม่มีการกลนั่กรองวา่ ให้ผู้ใดชักชวนใครเข้าร่วม ไม่มีมาตรการก าหนดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเป็ นสมาชิก โดยสมาชิกแต่ละคนต่างใช้ ดุลยพินิจส่วนตัวในการชักชวนสมาชิก พอเห็นหน้าใครที่พอรู้จักและเป็ นทหาร ก็ชักชวนกันง่ายๆ ด้วย คา ถามทา นองเช่น "อยากเป็นคนหวัเก่าหรือหวัใหม่" "อยากเป็นคนโง่หรือคนฉลาด"ถา้อยากเป็นคนหัวใหม่ หรือเป็นคนฉลาดก็ใหไ้ปประชุมที่นนั่ที่นี่มีเรื่องสา คญัจะเล่าใหฟ้ ัง นอกจากน้ียงัเชื่อว่าการดื่มน้า ร่วม สาบานจะเป็นเครื่องผกูมดัใหค้นซื่อสัตยแ์ละมีความภกัดีต่อการก่อการประชุมขาดความจริงจงัราวกบัเป็น การชุมนุมสังสรรคเ์พื่อนมากกวา่จะเป็นการประชุมเพื่อการก่อการปฏิวตัิลม้ลา้งอา นาจทางปกครอง กล่ำวโดยสรุปคณะร.ศ. 130ถูกจบักุมเนื่องจากขาดการวางแผน ต้งอยู่ในความประมาท รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ั ตลอดจนมีการทรยศและซดัทอดผูร้่วมก่อการ นายร้อยโทกินสุน แพทยท์หาร ซ่ึงเคยเขา้ร่วมประชุมและให้ การเป็ นพยานโจทก์ก็ให้ความเห็นว่า "พวกที่คิดๆ โดยมากเป็ นเด็ก ๆ มุทะลุ ตึงตัง ท าอะไรเห็นเป็ นการ
11 สา เร็จท้งัน้นั"แต่ในความเป็นจริง ทางการไดล้งความเห็นมาต้งัแต่ราวกลางเดือนเมษายนแลว้วา่พวกก่อการ ก าเริบมีความผิดฐานพยายามจะประทุษร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามประมวล กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 97 และฐานพยายามกบฏตามมาตรา 102 ต่างมีโทษประหารชีวิตทุกคน ใน ที่สุดคณะพิจารณาคดีก็ตัดสินโทษโดยพิจารณาถึงการมีส่วนร่วมกระท าความผิดมากน้อยเพียงใด โดยมีโทษ หนักที่สุดคือประหารชีวิต จนมาถึงเบาที่สุดคือจ าคุก 12 ปี มีผู้ถูกตัดสินประหารชีวิต 3 นายคือ นายร้อยเอก ขนุทวยหาญพิทกัษ์ในฐานะ"เป็นคนตน้คิดและหวัหนา้คณะแห่งคนพวกน้ีที่ปรากฏวา่คิดเปลี่ยนแปลงการ ปกครองบ้านเมืองและคิดกระท าการถึงประทุษร้ายต่อประชาชนและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว", นาย ร้อยโทจรูญ ณ บางช้าง ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่า "คงเกี่ยวกับการจัดหาอาวุธ" และ นายร้อยตรีเจือ ศิลาอาสน์ "ซ่ึงเขา้ร่วมประชุมสามคร้ัง ภายหลงัคิดเกล้ียกล่อมคนจะเขา้แยง่พรรคพวกที่ถูกขังในเวลาใดเวลาหนึ่ง สุดแต่จะมีโอกาสกับพยายามประทุษร้ายพระเจ้าแผ่นดิน" ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยความว่า "เห็นว่า กรรมการ พิพากษาลงโทษพวกเหล่าน้ีชอบดว้ยพระราชกา หนดกฎหมายทุกประการแลว้แต่วา่ความผิดของพวก เหล่าน้ีมีขอ้สา คญัที่จะกระทา ร้ายต่อตวัเรา เราไม่ไดม้ีจิตพยาบาทอาฆาต มาดร้ายต่อพวกน้ีเห็นควรที่จะ ลดหยอ่นผ่อนโทษโดยฐานกรุณา ซ่ึงเป็นอา นาจของพระเจา้แผน่ดินจะยกใหไ้ด้เพราะฉะน้นับรรดาผทู้ี่มีชื่อ 3คน ซ่ึงวางโทษไวใ้นคดีพิพากษาของกรรมการวา่เป็นโทษช้นัที่1 ใหป้ระหารชีวิตน้นั ใหล้ดลงเป็นโทษ ช้นัที่2 ใหจ้า คุกตลอดชีวิต แลบรรดาผมู้ีชื่อ20คน ซ่ึงวางโทษไวเ้ป็นช้นัที่2 ใหจ้า คุกตลอดชีวิตน้นั ให้ ลดลงเป็นโทษช้นัที่3คือให้จา คุกมีกา หนด 20 ปีต้งัแต่วนัน้ีสืบไป แต่บรรดาผทู้ี่มีชื่ออีก68คน ซ่ึงวางโทษ ไวช้้นัที่3 ใหจ้า คุก20 ปี32คน และวางโทษช้นัที่4 ใหจ้า คุก15 ปี6คน และวางโทษช้นัที่5 ใหจ้า คุก12 ปี 30คนน้นั ให้รอการลงอาญาไว้ทา นองอยา่งเช่นไดก้ล่าวในกฎหมายลกัษณะอาญา มาตรา 41และ42 ซ่ึงวา่ ดว้ยการรอลงอาญาในโทษอยา่งนอ้ยน้นัและอยา่เพ่อใหอ้อกจากตา แหน่งยศก่อน แต่ฝ่ายผู้มีชื่อ 3 คน ที่ได้ ลงโทษช้นัที่2กบัผทู้ี่มีชื่อ20คน ที่ไดล้งโทษช้นัที่3 รวม 23คน ดงักล่าวมาขา้งตน้น้นั ใหถ้อดจากยศ บรรดาศกัด์ิตามอยา่งธรรมเนียม ซ่ึงเคยมีกบัโทษเช่นน้นั คณะ ร.ศ. 130 จึงถูกจ าคุกจริงๆ 25 คน โดยถูกคุมขังในคุกมหันตโทษ (คุกต่างประเทศ) 23 คน และเรือนจ า นครสวรรค์2คน ท้งัหมดตอ้งโทษถูกคุกขงัอยู่12 ปี6 เดือน 6วนัจึงไดร้ับพระราชทานอภยัโทษ ในพระ ราชพิธีฉัตรมงคล เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2467 ในวโรกาสครบรอบปี ที่ 15 ของการครองราชย์ ระหว่าง ต้องโทษมีผู้เสียชีวิต 2 คนคือ นายร้อยตรีวาส วาสนา หลังจากตอ้งโทษ 4 ปีถึงแก่กรรมดว้ยวณั โรคและ หลงัจากน้นัอีก2 ปีนายร้อยตรีม.ร.ว.แช่รัชนิกรถึงแก่กรรมดว้ยโรคลา ไส้
12 ท้งัน้ีเหตุการณ์ร.ศ. 130 เป็นแรงผลกัดนั ใหค้ณะราษฎรก่อการปฏิวตัิเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยภายหลงั การยึดอ านาจแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เชิญผู้น าการกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับ ขุนทวยหาญ พิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) ว่า "ถ้าไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่าวใน โอกาสเดียวกนัวา่"พวกผมถือวา่การปฏิวตัิคร้ังน้ีเป็นการกระทา ต่อเนื่องจากการกระทา เมื่อร.ศ. 130"[10] ซึ่งวีรกรรมของคณะปฏิวตัิร.ศ. 130จะตอ้งเป็นเครื่องเตือนใจใหอ้นุชนคนไทย ท้งัในวนัน้ีและวนัหนา้ได้ ร าลึกว่า สิทธิของการเป็ นพลเมืองเจ้าของชาติ เป็ นสิทธิที่เราจะต้องหวงแหนและรักษาไว้ด้วยชีวิต พระราชบัญญัติล้างมลทินผู้กระท าผิดทางการเมือง ร.ศ. 130 พุทธศักราช 2475
บรรณานุกรม ชาญวิทย์ เกษตรศิริ. หนึ่งศตวรรษ : รัฐธรรมนูญและรัฐประหารกับการเมืองสยามประเทศไทยจาก กบฏ ร. ศ.130ถึงรัฐประหาร 19กันยายน 2549. มูลนิธิโครงการต าราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2552. พีระพงษ์ สิทธิอมรและคณะ. ประวัติศาสตร์การเมืองไทย. กรุงเทพฯ : ซี แอนด์ เอ็น, 2549. จักษ์ พันธ์ชูเพชร. การเมืองการปกครองไทยจากยุคสุโขทัยสู่สมัยทักษิณ. ปทุมธานี: บริษทัมายด์พบัลิชชิ่ง จ ากัด, 2549. มนตรี รูปสุวรรณ. วิวัฒนาการของระบบรัฐสภาไทย. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยปารีส, 2528 (อัดส าเนา วิทยานิพนธ์) รายการ “รอยจารึก…บันทึกสยาม” ทาง ThaiPBS Podcast, ตอนที่ 1 : 110 ปี กบฏ ร.ศ. 130 | เบ้ืองหลงัความ เคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงสยาม, เผยแพร่คร้ังแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 [https://www.thaipbspodcast.com/podcast/siamrecords/110-year-rebel-re130-of-siam] เหรียญ ศรีจันทร์ และ เนตร พูนวิวัฒน์. ปฏิวัติ ร.ศ. 130. กรุงเทพฯ : มติชน, 2556. แถมสุข นุ่มนนท์. ยังเติร์กรุ่นแรก : กบฏ ร.ศ. 130. พิมพค์ร้ังที่4 (ปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ: แสงดาว, 2565 (ก าลังจะตีพิมพ์).