The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 406202010, 2020-02-18 22:24:45

เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้

เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้

Keywords: เข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้

บทที่ 6
เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การเรยี นรู้

การศกึ ษาเรม่ิ เปล่ียนแปลงไปอันเนอื่ งมาจากอทิ ธิพลของสภาพแวดล้อมของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ซึ่งอาศยั
สือ่ ทที่ ันสมยั โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางดา้ นโทรคมนาคมและการสื่อสาร เครอ่ื งคอมพิวเตอร์สว่ นตวั สามารถเชอ่ื มโยง
ขอ้ มลู และผูค้ นหลายสิบลา้ นคนทว่ั โลกเขา้ ด้วยกนั ทาใหเ้ กดิ การไหลเวียนของขอ้ มูลข่าวสารในเวลาอนั ส้ัน การศกึ ษา
หาข้อมูลและการเรียนรสู้ ง่ิ ต่างๆ เพียงแตป่ ลายนิ้วสมั ผสั โดยอาศัยเครือข่ายอนิ เตอรเ์ น็ต ( Internet) เกดิ เปน็ ชุมชนบน
เครือข่ายขึ้น ผคู้ นสามารถตดิ ตอ่ สัมพนั ธก์ นั ผ่านจอคอมพวิ เตอรม์ ากยงิ่ ขน้ึ ขอ้ มูลข่าวสารความรูจ้ งึ กลายเปน็ กญุ แจ
สาคญั ไปสูอ่ านาจและความม่ันคงของประเทศและเปน็ กุญแจที่จะไปสขู่ อ้ มูลขา่ วสารความรู้ ก็คือ "การศึกษา"

การเรยี นรูใ้ นยคุ เทคโนโลยสี ารสนเทศไม่ไดจ้ ากัดอยู่เฉพาะหอ้ งเรียนและครู การเรยี นการสอนแบบดง้ั เดิมจะ
ลดนอ้ ยลง ความสัมพนั ธ์ระหว่างผู้เรียนและผสู้ อนเปลีย่ นไป เกิดเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ จงึ มคี วามจาเปน็
อย่างเร่งด่วนทที่ กุ ฝ่ายจะตอ้ งชว่ ยกนั พัฒนาองค์ความรใู้ หม่จากองคค์ วามรู้เดมิ ทีม่ อี ยู่ เพือ่ กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์มากทีส่ ดุ

แนวโนม้ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในต้นศตวรรษท่ี 19 เปน็ ชว่ งที่มกี ารพฒั นาการส่อื สารทางไกลทเี่ รยี กว่าโทรคมนาคม พรอ้ มกนั นัน้ กม็ ี

เทคโนโลยีการสื่อสารทางด้านการกระจายเสยี ง คือ มีเรือ่ งของวิทยุและโทรทัศน์เกดิ ขน้ึ ช่วงนี้จึงเป็นชว่ งทีม่ นุษยไ์ ดม้ ี
เครอื่ งมอื สอ่ื สารหลายรูปแบบ หลายลกั ษณะ แต่ว่าในดา้ นการศึกษาได้นาเอาเครอ่ื งมอื เหลา่ นีม้ าใช้เพื่อการศึกษา มาก
น้อยเพยี งใดขณะท่กี ารใช้เทคโนโลยกี ารพมิ พซ์ ่ึงเกิดข้ึน ในกลางศตวรรษท่ี 15 ยังมีใชก้ นั อยู่มาก ประมาณได้ว่า
ประเทศไทยยังอยใู่ นช่วงที่ 4 ขณะทีพ่ ัฒนาการดา้ นการสอ่ื สารได้ก้าวเขา้ ไปสูช่ ่วงท่ี 5 ก็คอื ช่วงทีไ่ ด้มีการเอาเทคโนโลยี
โทรคมนาคมกับคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาผสมผสานกนั กบั โทร ศัพท์ โทรศัพท์กส็ ามารถท่จี ะสรา้ งเป็นเครอื ข่ายของข่าวสาร
ทสี่ ามารถจะมีภาพกไ็ ด้ และสามารถที่จะใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื สือ่ สารท่ไี ม่ใช่เฉพาะระหว่างบุคคลต่อบุคคล แต่สามารถใช้
สอื่ สารระหวา่ งบุคคลกบั มวลชนได้ จึงมกี ารนาเอาเทคโนโลยีที่มอี ยใู่ นสงั คมหรอื กาลงั จะมใี นสังคมมาใชป้ ระโยชน์
ทางการศึกษาอย่างเหมาะสมกบั พัฒนาการทางการศึกษาในช่วงนัน้ ๆ และถ้าศึกษาถงึ แนวโน้มทางดา้ นเทคโนโลยี
สารสนเทศ อยา่ งน้อยเหน็ แนวโนม้ ได้ 3 ลกั ษณะคือ
แนวโนม้ ที่ 1

เทคโนโลยสี ารสนเทศน้ันจะเปน็ การสอื่ สารมวลชนมากข้นึ ทงั้ ๆ ทสี่ ่ือหรือการส่ือสารบางอย่างเริม่ ต้นใน
ฐานะเปน็ สอ่ื ระหวา่ งบุคคลตัวอยา่ ง เชน่ เรอื่ งโทรศัพท์ แตก่ ่อนใช้เพื่อสื่อสารระหวา่ งบคุ คลทต่ี อ้ งการใชโ้ ทรศพั ทโ์ ทร
ถงึ กันแต่มาบดั น้ีโทรศัพทส์ ามารถทีจ่ ะใช้เพื่อส่ือสารไปถงึ คนจานวนมากไดโ้ ดยใช้เทคโนโลยอี นื่ ๆ ประกอบ
แนวโนม้ ท่ี 2

สภาพของส่ือท่ีใช้เสียงในการส่อื สารขณะนี้เรม่ิ พัฒนาเปน็ การสอ่ื สารดว้ ยภาพมากข้นึ และเป็นการผสม
ระหว่างภาพกับเสียงแมป้ ัจจุบนั ทม่ี ีวทิ ยุโทรทัศนเ์ ปน็ ทั้งภาพและเสียง สว่ นโทรศัพท์ แต่กอ่ นเป็นแต่เรอ่ื งเสียง ตอนน้ี
โทรศัพท์กจ็ ะเป็นทง้ั เสยี งและภาพ ซ่ึงสอ่ื ทัง้ หลายรวมทงั้ คอมพวิ เตอรก์ ็เรมิ่ มาใชง้ านในลักษณะท่นี าเสนอเป็นภาพและ

92

เสียงมากข้ึน จากแนวโน้มในขอ้ นเ้ี หน็ ได้วา่ ส่อื ใดทมี่ ที ง้ั ภาพและเสยี งสื่อน้ันจะมปี ระสทิ ธิภาพในการสื่อสารสูง
แนวโนม้ ท่ี 3

สือ่ ประเภทตา่ งๆ มรี าคาถกู ลงโดยมคี ณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพสูงข้ึน เดิมนน้ั คอมพิวเตอร์ วิทยุโทรทศั น์หรือ
แมแ้ ตโ่ ทรศัพทม์ รี าคาแพง ปจั จบุ ันยงิ่ พฒั นาไปมากเท่าไร ราคากย็ ง่ิ ถูกลงทาให้ มีการนาเอามาใชม้ ากยิ่งขนึ้
แนวคิดการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื พัฒนาการศกึ ษา

ถา้ ยอ้ นกลบั มาดพู ฒั นาการทางการศกึ ษาของประเทศไทยจะเห็นได้วา่ อาศยั ความก้าวหนา้ ทางด้านการสอื่ สาร
เป็นสว่ นประกอบสาคัญในการพัฒนาการศึกษาทัง้ ในระบบและนอกระบบโรงเรียนมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิง่ ใน
สว่ นทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การศกึ ษาทางไกล ตวั อยา่ งทม่ี หาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าชได้ใชร้ ะบบนี้ในการจัดการศกึ ษาซึง่
พบวา่ การจัดการศกึ ษาเก่ยี วขอ้ งกับการพฒั นาทางดา้ นการสื่อสารท้งั ส้นิ กล่าวคือ สมยั แรกทีก่ จิ การไปรษณียเ์ ปน็ ท่ี
นิยมใช้กันอย่างกวา้ งขวาง การสอนทางไกลก็จะไปเก่ียวกบั การบรกิ ารทางไปรษณีย์คอื การเอาส่งิ พมิ พใ์ นรปู ของตารา
สง่ ไปทางไปรษณีย์เพื่อใหผ้ ู้เรยี นได้เรียนทบ่ี า้ น ตอ่ มาเมือ่ วิทยุเขา้ มามบี ทบาทในการ ส่ือสาร มหาวิทยาลัยทางวิทยกุ ็
เกิดข้ึน และใช้สือ่ วทิ ยซุ ึง่ เป็นส่อื เสยี งในการสอน และกอ็ าจมสี ื่อสงิ่ พมิ พป์ ระกอบดว้ ย และเมอ่ื โทรทศั น์เขา้ มามี
บทบาทในการสือ่ สารมวลชน กเ็ กิดมมี หาวทิ ยาลยั ทีส่ อนโดยใชโ้ ทรทศั นร์ ว่ มกับเอกสาร สงิ่ พิมพ์

มาถงึ ยคุ ปจั จุบันมกี ารพฒั นา การดา้ นการสือ่ สารหลายๆ อยา่ ง โดยมคี วามคิดวา่ จะไมข่ น้ึ อยู่กบั ส่อื สารใด
สื่อสารหน่งึ เท่านั้น เพราะจะทาให้ใชป้ ระโยชนไ์ ม่ไดเ้ ต็มท่ี ต้องใช้การส่อื สารหลายๆ รูปแบบทีเ่ รยี กวา่ "การใชส้ อ่ื สาร
แบบประสม"
บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการศึกษา

เทคโนโลยสี ารสนเทศไดเ้ ข้ามามีบทบาทต่อการศกึ ษาอยา่ งมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางดา้ นคอมพวิ เตอร์
และการสื่อสารโทรคมนาคมมบี ทบาททส่ี าคญั ต่อการพัฒนาการศกึ ษา ดงั น้ี

1. เทคโนโลยสี ารสนเทศเข้ามามีสว่ นช่วยเรื่องการเรยี นรู้ ปจั จบุ นั มเี ครื่องมือท่ีชว่ ยสนับสนุนการเรียนรู้ หลาย
ดา้ น มีระบบคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (CAI) ระบบสนับสนุนการรับร้ขู า่ วสาร เช่น การคน้ หาขอ้ มูลข่าวสารเพ่อื การ
เรียนรใู้ น World Wide Web เปน็ ต้น

2. เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการจดั การศึกษา โดยเฉพาะการจัดการศึกษาสมยั ใหมจ่ าเป็นตอ้ ง
อาศัยข้อมลู ขา่ วสารเพื่อการวางแผน การดาเนินการ การตดิ ตามและประเมินผลซง่ึ อาศัยคอมพิวเตอร์และระบบสือ่ สาร
โทรคมนาคมเข้ามามีบทบาทที่สาคญั

3. เทคโนโลยีสารสนเทศกบั การส่ือสารระหว่างบคุ คล ในเกอื บทกุ วงการท้ังทางด้านการศกึ ษาจาเปน็ ตอ้ งอาศัย
ส่ือสัมพันธร์ ะหว่างตัวบคุ คล เชน่ การสือ่ สารระหว่างผู้สอนกบั ผูเ้ รยี น โดยใช้องคป์ ระกอบที่สาคญั ชว่ ยสนับสนนุ ให้
เกิดประสิทธภิ าพในการดาเนินงาน เชน่ การใชโ้ ทรศพั ท์ โทรสาร ไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนิกส์ เทเลคอนเฟอเรนซ์ เปน็ ตน้
การประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือเรียนรู้

เทคโนโลยีสารสนเทศทน่ี ามาใช้สาหรบั การสอนเปน็ การใชเ้ ทคโนโลยสี มัยใหมห่ ลายอย่าง ทาให้การเรียนการ
สอนด้วยอปุ กรณ์ที่ทนั สมัย ห้องเรยี นสมัยใหม่ มอี ุปกรณว์ ดิ โี อโปรเจคเตอร์ (Video Projector) มเี คร่ืองคอมพวิ เตอร์ มี
ระบบการอ่านขอ้ มูลอิเล็กทรอนิกส์แบบตา่ งๆ รูปแบบของสอ่ื การศกึ ษาท่นี ามาใชใ้ นการเรียนการสอน ก็มหี ลากหลาย

93

ขนึ้ อยูก่ ับความเหมาะสมในการนามาใช้ เช่น มลั ตมิ ีเดีย อิเลก็ ทรอนิกสย์ คุ วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ ระบบวดิ โี อออนดี
มานด์ ไฮเปอร์เท็กซ์ คอมพวิ เตอร์ และระบบอินเตอร์เนต็ เปน็ ตน้
1. คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (Computer-Assisted Instruction)

คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนเป็นการนาเอาเทคโนโลยรี วมกบั การออกแบบโปรแกรมการสอนมาใชช้ ว่ ยสอน ซ่ึง
เรียกกันโดยทั่วไปวา่ บทเรยี น ซเี อไอ ยอ่ มาจากคาในภาษาองั กฤษว่า Computer-Assisted Instruction หรือเรียกยอ่ ๆ วา่
ซเี อไอ ( CAI) การจดั โปรแกรมการสอนโดยใช้คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนในปจั จุบนั มักอยู่ในรูปของส่อื ประสม
(Multimedia) หมายถงึ นาเสนอไดท้ ัง้ ภาพ ขอ้ ความ เสยี ง ภาพเคลือ่ นไหวฯลฯ คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนเป็นสอ่ื การเรียน
การสอนที่เหมาะกบั การศึกษาด้วยตนเอง และเปดิ โอกาสให้ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกบั บทเรยี นไดต้ ลอด ซง่ึ จะมขี ้อมูล
ป้อนกลับเพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นเรียนร้บู ทเรยี นได้อย่างถกู ตอ้ ง และเขา้ ใจในเนอ้ื หาวิชาของบทเรยี นนั้นๆ

ตวั อย่างบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน
ลกั ษณะคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนจงึ เปน็ บทเรียนทช่ี ว่ ยการเรียนการสอน และมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยจดั
บทเรียนใหเ้ ป็นระบบและเหมาะสมกับนักเรยี นแต่ละคน โดยมีลกั ษณะสาคัญๆ ดงั น้ี
1. เร่มิ จากสง่ิ ท่ีร้ไู ปสสู่ ิง่ ทไี่ มร่ ู้ จัดเนื้อหาเรยี งไปตามลาดับจากงา่ ยไปสู่ยาก
2. การเพ่มิ เนื้อหาใหก้ ับผเู้ รยี นต้องคอ่ ยๆ เพ่ิมทีละน้อย และมีสาระใหม่ไมม่ ากนักนักเรยี นสามารถเรยี นรู้ได้
ดว้ ยตนเองอย่างเขา้ ใจ
3. แตล่ ะเนื้อหาตอ้ งมกี ารแนะนาความร้ใู หม่เพียงอย่างเดยี วไม่ให้ทล่ี ะมากๆ จนทาให้ผู้เรยี นสับสน
4. ในระหว่างเรียนตอ้ งใหผ้ ูเ้ รียนมีส่วนร่วมกบั บทเรียน เช่น มคี าถามมกี ารตอบ มที าแบบฝกึ หดั แบบทดสอบ
ซึ่งทาให้ผเู้ รยี นสนใจอยกู่ บั การเรยี นไมน่ ่าเบื่อหนา่ ย
5. การตอบคาถามทผี่ ดิ ต้องมีคาแนะนาหรือทบทวนบทเรยี นเกา่ อีกครง้ั หรอื มีการเฉลย ซ่งึ เป็นการเพิ่ม
เนือ้ หาไปด้วย ถา้ เปน็ คาตอบทีถ่ ูกผู้เรียนได้รบั คาชมเชย และได้เรียนบทเรยี นตอ่ ไปท่กี ้าวหนา้ ขึ้น
6. ในการเสนอบทเรียนตอ้ งมกี ารสรุปท้ายบทเรียนแตล่ ะบทเรยี นชว่ ยใหเ้ กดิ การวดั ผลได้ด้วยตนเอง

94

7. ทกุ บทเรยี นต้องมกี ารกาหนดวัตถปุ ระสงค์ไวใ้ ห้ชัดเจน ซ่งึ ช่วยใหแ้ บ่งเนอ้ื หาตามลาดบั ไดด้ ี
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
การนาเอาคอมพวิ เตอร์มาชว่ ยในการสอนมีประโยชน์หลายประการดงั น้ี

1. ทาใหน้ ักเรยี นไดม้ ีสว่ นร่วมในกระบวนการเรยี นการสอนมากขนึ้
2. ทาใหน้ กั เรียนสามารถเลอื กเรียนได้หลายแบบตามความถนัดของแต่ละบุคคล
3. ทาให้ไม่เปลอื งสมองในการทอ่ งจาส่งิ ท่ไี ม่ควรจะต้องจา ใช้สมองในการคดิ วิเคราะหแ์ ละตัดสินใจแทน
4. ทาใหส้ ามารถปรบั ปรุงเปลีย่ นแปลงการเรียนการสอนได้เหมาะสมกบั แต่ละบคุ คล
5. ทาให้ผเู้ รียนมอี ิสรภาพในการเรยี น ไมต่ อ้ งคอยครู อาจารย์ ผู้เรียนสามารถเรียนร้ไู ดท้ ุกเวลาทีต่ ้องการ
6. ทาให้ผู้เรยี นสามารถสรุปหลักการ เนื้อหา สาระของบทเรยี นแตล่ ะบทเรยี นได้
ประเภทของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
คอมพวิ เตอร์ช่วยสอนที่นามาใช้ในปัจจุบันมอี ยู่มากมายหลายรูปแบบ นักวิชาการและนักการศึกษา ทั้งในประเทศและ
ตา่ งประเทศได้จดั แบง่ ประเภทตามลกั ษณะการใช้ดังนี้
1. คอมพวิ เตอรใ์ ชเ้ พ่อื การสอน ( Tutoring) เปน็ โปรแกรมทสี่ ร้างข้นึ ในลกั ษณะของบทเรียนที่ลอกเลียนแบบ
การสอนของครู กล่าวคอื มีบทนา มีคาบรรยาย ซึง่ ประกอบด้วยทฤษฎี กฎเกณฑ์ แนวคิดทส่ี อนหลังจากทน่ี กั เรยี นได้
ศึกษาแล้วก็มคี าถาม ( Question) เพอ่ื ใช้ในการตรวจสอบความเขา้ ใจของ นกั เรียน มกี ารปอ้ นกลบั ตลอดจนมีการ
เสรมิ แรงและสามารถใหน้ ักเรยี นย้อนกลับไปเรยี นบทเรียนเดิมได้ หรอื ข้ามบทเรยี นทไี่ ดเ้ รียนรู้ แลว้ ได้นอกจากนี้ยงั
สามารถบันทกึ การเรียนของนกั เรียนไว้ได้ เพื่อใหค้ รูนาขอ้ มูลการเรยี นของแต่ละคนกลับไปแกไ้ ขนักเรยี นบางคนได้
2. คอมพิวเตอรใ์ ชเ้ พื่อการฝกึ (Drill and Practice) แบบฝึกส่วนใหญใ่ ช้เพอ่ื เสรมิ ทักษะเม่อื ครไู ดส้ อน บทเรยี น
บางอย่างไปแล้ว จดุ ม่งุ หมายเพอ่ื ฝกึ หัดกบั คอมพวิ เตอรเ์ พื่อวัดระดบั หรือให้ฝกึ จนถึงระดบั ทีย่ อมรบั ได้ บทเรยี น
ประเภทน้ี จึงประกอบดว้ ยคาถามและคาตอบ การเตรยี มคาถามต้องเตรยี มไวม้ ากๆ ซ่งึ ผู้เรียนควรไดส้ ุม่ ข้ึนมาฝึกเองได้
สิง่ สาคญั ของการฝึกคือตอ้ งกระตุ้นใหน้ กั เรยี นอยากทา และตืน่ เตน้ กบั การทาแบบฝกึ หัดน้ัน ซึ่งอาจมีภาพเคล่อื นไหว
คาพูดโต้ตอบ มีการแขง่ ขัน เชน่ จับเวลา หรือสร้างรูปแบบทที่ ้าทายความสามารถในการคิด และการแกป้ ัญหา
3. คอมพวิ เตอรใ์ ช้เพอ่ื สร้างสถานการณจ์ าลอง ( Simulation) โปรแกรมประเภทนี้เปน็ โปรแกรมทใ่ี ช้จาลอง
สถานการณใ์ หใ้ กลเ้ คยี งกับสถานการณ์ในชีวิตจริงของนกั เรียนโดยมีเหตกุ ารณส์ มมตติ ่างๆ อยู่ในโปรแกรม และ
ผู้เรียนสามารถทจี่ ะเปลีย่ นแปลง หรือจดั กระทาได้สามารถมีการโต้ตอบ และมวี ัตแปร หรือทางเลอื กหลายๆ ทาง การ
สร้างสถานการณ์จาลองขน้ึ เพือ่ ให้เกดิ การเรียนรู้ เมื่อสถานการณ์จริงไมส่ ามารถทาได้ เช่น การเคลื่อนทข่ี องลกู ปนื การ
เดนิ ทางของแสงการหกั เหของคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ หรอื การทาปฏิกริ ิยาทางเคมีที่อาจเกดิ การระเบิดขนึ้ หรอื การ
เจรญิ เติบโตนี้ใช้เวลานาน หลายวนั การใชค้ อมพิวเตอร์ สร้างสถานการณจ์ าลองจึงมีความจาเปน็ อยา่ งมาก
4. คอมพวิ เตอร์ใชเ้ พ่ือเป็นเกมในการเรยี นการสอน โปรแกรมประเภทนี้นับเปน็ แบบพเิ ศษของแบบจาลอง
สถานการณ์ โดยมีการแข่งขันเปน็ หลกั ซ่งึ สามารถเล่นได้คนเดียวหรอื หลายคน กอ่ ใหเ้ กิดการแขง่ ขนั และรว่ มมอื กนั
ก่อใหเ้ กิดการเรยี นร้ไู ด้มากโดยการเพิ่มคุณคา่ ทางการศึกษาจดุ มุ่งหมาย เน้อื หา และกระบวนการทีเ่ หมาะสม

95

5. คอมพิวเตอร์ใชเ้ พ่อื การทดสอบ ( Testing) เปน็ โปรแกรมท่ใี ช้รวมแบบทดสอบไว้และสมุ่ ขอ้ สอบตาม
จานวนท่ีตอ้ งการ โดยที่ขอ้ สอบเหลา่ นน้ั ผา่ นการสรา้ งมาอยา่ งดมี คี วามเช่ือถือได้ในการวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
โปรแกรมมีการตรวจขอ้ สอบใหค้ ะแนน วิเคราะห์ และประเมินผลให้ผสู้ อบไดท้ ราบทนั ที

6. คอมพิวเตอรใ์ ช้เพือ่ การไตถ่ ามข้อมลู (Inquiry) เปน็ โปรแกรมที่ช่วยในการค้นหาข้อเทจ็ จริงหรอื ข่าวสารท่ี
เป็นประโยชนใ์ นตัวคอมพิวเตอรแ์ บบน้ีจะมแี หล่งเก็บขอ้ มูลทเ่ี ป็นประโยชน์ ซึ่งสามารถแสดงได้ทนั ทเี มื่อผเู้ รียน
ตอ้ งการ ดว้ ยระบบงา่ ยๆ ทผ่ี ู้เรียนสามารถทาไดเ้ พียงแตก่ ดหมายเลข หรอื ใสร่ หสั ซง่ึ ทาให้คอมพวิ เตอร์แสดงขอ้ มลู ที่
ต้องการไต่ถามไดต้ ามต้องการ

นอกจากนนั้ ยงั นาคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนมาใช้ในลกั ษณะอื่นๆ เชน่ การนาเสนอประกอบการสอน การใช้เพอื่
ฝึกแกป้ ญั หาการสาธติ เปน็ ต้น

2. การเรียนการสอนโดยใชเ้ ว็บเปน็ หลัก (Web-based Instruction)

การเรยี นการสอนโดยใชเ้ ว็บเป็นหลัก เป็นการจัดการเรยี นทีม่ ีสภาพการเรียนตา่ งไปจากรปู แบบเดิม การเรียน
การสอนแบบน้ีอาศยั ศกั ยภาพและความสามารถของเครอื ข่ายอินเตอรเ์ น็ต ซ่ึงเปน็ การนาเอาสื่อการเรยี นการสอนเป็น
เทคโนโลยีสงู สดุ มาชว่ ยสนับสนนุ การเรียนการสอนใหเ้ กดิ การเรียนรูจ้ ากการสบื ค้นข้อมูล และเชือ่ มโยงเครือข่ายทา
ให้ผู้เรยี นสามารถเรยี นได้ทกุ สถานที่และทุกเวลา การจดั การเรียนการสอนลักษณะนม้ี ีชอื่ เรยี กหลายช่ือ ได้แก่ การเรยี น
การสอนผ่านเวบ็ (Web-based Instruction) การฝึกอบรมผา่ นเว็บ (Web-based Training) การเรยี นการสอนผา่ นเวลิ ์ด
ไวดเ์ ว็บ (www-based Instruction) การฝกึ อบรมผา่ นเวลิ ด์ ไวดเ์ ว็บ (www-based Training) เปน็ ตน้

ความหมาย
การเรียนการสอนโดยใชเ้ ว็บเป็นหลักเปน็ การประยุกตใ์ ชย้ ุทธวธิ กี ารสอนดา้ นพทุ ธพิสยั (Cognitive) ภายใต้
สภาพแวดล้อมทางการเรียนท่ผี ู้เรยี นเป็นผ้สู ร้างองค์ความรู้ และการเรยี นแบบร่วมมอื กัน (Collaborative Learning)
เน่ืองจากการเรียนแบบนผ้ี เู้ รียนเปน็ ผคู้ วบคุมการเรียนด้วยตนเอง เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญ (Child Center) และเรยี นด้วย
การมปี ฏิสมั พนั ธก์ บั ผ้อู ื่น (Learner Interaction)
การเรียนการสอนโดยใชเ้ ว็บเปน็ หลกั เป็นการจาลองสถานการณ์การเรียนการสอนในหอ้ งเรยี นในรปู ของ
สืบคน้ องค์ความรู้จากเวบ็ หรอื อาจเรียกว่า อีเลิรน์ น่งิ (E-Learning) ซ่งึ เป็นสว่ นหน่ึงของอเี อด็ ยูเคชน่ั (E-Education)
และเปน็ ส่วนหน่งึ ของอคี อมเมิรช์ (E-commerce)

96

รปู แสดงระบบ E-commerce , E-Education , และ E-learning

องค์ประกอบของการเรียนการสอนโดยใช้เวบ็ เป็นหลกั
1. ระบบการเรยี นการสอน
2. ความเป็นเงื่อนไข
3. การสือ่ สารและกจิ กรรม
4. สง่ิ นาทางการคน้ คว้า

ระบบการเรยี นการสอน
มีการจัดการและออกแบบภายใต้วิธีการของระบบคอื จะต้องมสี ่งิ นาเขา้ (Input) กระบวนการ (Process) และส่งิ

ทไี่ ด้รับ (Output)
ส่ิงนาเขา้ ในท่นี ้ี ไดแ้ ก่ ผู้เรยี น ผสู้ อน วตั ถุประสงค์ การเรียน ส่ือการสอน ฐานความรู้ การส่ือสารและกจิ กรรม
การประเมนิ ผล เป็นต้น
กระบวนการ ไดแ้ ก่ การสร้างสถานการณห์ รอื การจัดสภาวะการเรียนการสอน โดยใช้วัตถุดบิ จากสิง่ นาเขา้
ตามท่กี าหนดไวใ้ นแผนการสอน
สง่ิ ทไ่ี ดร้ ับ ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ซึง่ ได้จากการวัดและประเมนิ ผล

ความเป็นเงอื่ นไข
เงอ่ื นไขถอื ว่าเป็นสิง่ สาคญั อย่างย่งิ สาหรบั การเรยี นการสอนโดยใช้เว็บเป็นหลัก อาทิ กาหนดว่าเมื่อเสร็จสิน้

การเรียนแล้วจะต้องทาแบบฝึกหดั หรือแบบทดสอบ หากทาแบบฝึกหัดหรอื แบบทดสอบผ่านตามเกณฑท์ ่กี าหนดไว้ ก็
สามารถไปศกึ ษาบทเรยี นอนื่ ๆ หรือบทเรียนท่ยี ากข้นึ เปน็ ลาดับได้ แต่ถ้าไมผ่ ่านตามเง่อื นไขนกี้ าหนดจะต้องเรียนซา้
จนกวา่ จะผ่านเกณฑน์ ้นั
การสอื่ สารและกจิ กรรม

การสอื่ สารเป็นสง่ิ สาคญั ตอ่ การสรา้ งปฏสิ มั พนั ธ์ข้นึ สว่ นกิจกรรมจะเปน็ ตวั กระตุ้นใหป้ ฏิสมั พนั ธ์เกิดขึน้ เพอ่ื
ไมใ่ หต้ า่ งไปจากหอ้ งเรยี นปกติ กจิ กรรมจะเป็นตัวชว่ ยใหก้ ารเรียนรู้เขา้ สู่วตั ถุประสงค์ได้ง่ายข้ึน การสือ่ สารและ
กจิ กรรม เกดิ ขน้ึ ระหวา่ งผ้เู รียนกบั ผเู้ รยี น ผูเ้ รยี นกับผสู้ อน และผูเ้ รียนกับเนือ้ หาวชิ า

97

สงิ่ นาทางการคน้ ควา้
เป็นการกาหนดแหลง่ ความร้ภู ายนอกท่ีเกีย่ วขอ้ งกับบทเรยี นโดยกาหนดด้วยสิง่ นาทางการคน้ คว้า เช่น แหล่ง

ความร้ภู ายนอกท่กี าหนดอย่างเป็นลาดับ กล่าวคือมีการศึกษากอ่ นหลงั มคี วามยากงา่ ยเปน็ ลาดับ มีการจัดเรยี น หวั ขอ้
ตามลาดับ ทงั้ น้เี พอ่ื ให้ผู้เรียนไมห่ ลงทาง และเรยี นร้ไู ปตามลาดบั ขั้นตอน
ประเภทของสอ่ื ทใี่ ชใ้ นการเรยี นการสอนโดยใชเ้ วบ็ เปน็ หลกั

1. เวิล์ดไวดเ์ วบ็ (World Wide Web)
2. อเี มลย์ (E-mail)
3. กระดานขาว (Web board)
4. แชท (Chat)
5. คอนเฟอเรนซ์ (Conference)
6. การบ้านอิเลก็ ทรอนิกส์
 เวลิ ด์ ไวดเ์ ว็บ
ใชส้ าหรับเปน็ แหล่งความรฐู้ าน และเปน็ แหล่งความรู้ภายนอกเพอื่ การสบื ค้น
 อีเมล์
ใชต้ ิดตอ่ ส่ือสารระหวา่ งอาจารยห์ รือเพ่อื นรว่ มช้ันเรยี นดว้ ยกันใชส้ ่วนการบ้านหรืองานท่ีได้รบั มอบหมาย
 กระดานข่าว
ใชต้ ดิ ตอ่ สื่อสารระหว่าง ผเู้ รยี น อาจารย์ และผเู้ รยี นเป็นกลมุ่ ใช้กาหนดประเดน็ หรอื กระทตู้ ามทอี่ าจารย์
กาหนด หรอื ตามแตน่ กั เรยี นกาหนด เพ่อื ช่วยกนั อภิปรายตอบคาถามในประเดน็ ที่เปน็ กระทู้นั้น ๆ
 แชท
ใชต้ ดิ ตอ่ สื่อสารระหว่างผู้เรยี น อาจารย์และผู้เรยี น โดยการสนทนาแบบเวลาจริง (Real time) โดยมที ้ังสนทนา
ด้วยตวั อกั ษรและสนทนาทางเสียง (Voice Chat) ลักษณะใช้คอื ใชส้ นทนาระหวา่ งผเู้ รียนและอาจารย์ ใน
ห้องเรียนหรอื ช่ัวโมงเรียนเสมือนว่ากาลงั เรียนอย่ใู นหอ้ งเรยี นจริงๆ
 ไอซีควิ
ใชต้ ิดต่อสอ่ื สารระหว่างผ้เู รยี น อาจารยแ์ ละผเู้ รียนโดยการสนทนาแบบเวลาจรงิ หรือหลงั จากน้ันแล้ว โดยเก็บ
ขอ้ ความไว้ การสนทนาระหว่างผ้เู รียนและอาจารยใ์ นหอ้ งเรียนเสมือนวา่ กาลังคยุ กัน ในหอ้ งเรยี นจริงๆ และ
บางครั้งผเู้ รยี นกไ็ ม่จาเป็นต้องอย่ใู นเวลาน้ันๆ ไอซคี วิ จะเกบ็ ข้อความไวใ้ ห้และยังทราบด้วยวา่ ในขณะน้นั
ผู้เรียนอยู่หน้าเคร่อื งคอมพวิ เตอรห์ รอื ไม่
 คอนเฟอเรนซ์
ใช้ติดตอ่ สือ่ สารระหวา่ งผูเ้ รียน อาจารย์ และผู้เรยี นแบบเวลาจริง โดยท่ผี เู้ รยี นและอาจารย์สามารถเหน็ หน้ากัน
ไดโ้ ดยผ่านทางกลอ้ งโทรทศั นท์ ี่ตดิ อยูก่ ับเคร่ืองคอมพวิ เตอรท์ ้งั สองฝ่ายใช้บรรยายใหผ้ ู้เรยี นกับที่อยหู่ น้า
เคร่ืองคอมพิวเตอร์เสมือนวา่ กาลงั เรยี นอยู่ในหอ้ งเรียนจริงๆ
 การบา้ นอิเล็กทรอนกิ ส์
ใชส้ าหรบั ติดตอ่ สอื่ สารระหว่างผู้เรยี น อาจารยเ์ ปน็ เสมือนสมุดประจาตัวนกั เรียน โดยท่ีนักเรียนไม่ต้องถอื

98

สมดุ การบ้านจรงิ ๆ และใชส้ ่งงานตามท่ีอาจารย์กาหนด เช่น ใหเ้ รียนรายงานโดยทอี่ าจารย์สามารถเปิดดู

การบ้านอเิ ล็กทรอนิกสข์ องนักเรียนและเขียนบันทึกเพอ่ื ตรวจงาน และให้คะแนนได้แต่นักเรยี นจะเปิดดูไมไ่ ด้

คุณค่าทางการศกึ ษา ของการเรยี นการสอนโดยใชเ้ ว็บเปน็ หลัก

1. ชว่ ยเปิดโลกกว้างทางการศึกษา แหลง่ วทิ ยาการ ความรูต้ ่างๆ ทีม่ ีอย่ทู ว่ั โลกตลอดจนเรยี นรูด้ ้าน วัฒนธรรม

ซึง่ กันและกนั ผ่านเครอื ข่ายการสอื่ สารไดท้ ัว่ โลก

2. คน้ คว้าข้อมลู ข่าวสารไดม้ ากมายหลากหลายในลกั ษณะท่ีเปน็ สื่อประเภทอนื่ ๆ ผู้เรียนที่อยูใ่ น

สถาบันการศึกษาอ่นื ๆ หรือต่างโรงเรียนกัน ตา่ งจงั หวดั หรอื ตา่ งประเทศก็สามารถสบื คน้ ขอ้ มลู ผา่ นเครือขา่ ยได้

3. ฝึกทักษะการคิดอยา่ งเป็นระบบ โดยเฉพาะทกั ษะการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ การแก้ปัญหา และการคดิ

อย่างอสิ ระ ท้ังนี้เนื่องจากขอ้ มูลในเครอื ข่ายมีมากผู้เรยี นจึงต้องคดิ วเิ คราะห์อยูเ่ สมอ เพ่อื แยกแยะสารสนเทศท่ีเปน็

สาระสาหรบั ตน

4. ขยายขอบขา่ ยการเรยี นรู้ในหอ้ งเรยี นออกไป เปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นสามารถสารวจข้อมลู ตามความสนใจของ

ผู้เรียน นอกจากนน้ั ยังเปดิ โอกาสให้ทางานร่วมกันเป็นกลมุ่ ทาให้ผู้เรียนมีโอกาสมองปญั หาไดห้ ลากหลายแงม่ ุมมาก

ขึ้น

5. ทาใหผ้ ้เู รยี นสามารถปรกึ ษาผู้เชี่ยวชาญหรอื ผใู้ ห้คาปรึกษาไดโ้ ดยอสิ ระ ถอื เปน็ แรงจงู ใจทสี่ าคัญอยา่ งหนงึ่

ในการเรียนรูข้ องผเู้ รยี น

6. ทาให้เรียนไดม้ โี อกาสศึกษาโปรแกรมประยุกตต์ ่างๆ บนคอมพิวเตอรแ์ ละบนเครอื ข่ายต่างๆ ไปพรอ้ มๆ กับ

การเรยี น

ขอ้ ดขี องการเรยี นการสอนโดยใชเ้ วบ็ เปน็ หลกั

1. ชว่ ยเพิ่มปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งผเู้ รียนกบั ผ้เู รียน ผเู้ รยี นกับผูส้ อน และผเู้ รียนกับแหลง่ การเรยี นผอู้ น่ื ๆ

2. ชว่ ยลดรายจ่ายในสภาพการเรียนการสอนจรงิ ท่มี ีอาคารพรอ้ มสงิ่ อานวยความสะดวกอื่นๆ ซึง่ เสียค่าใช้จ่าย

มาก มกี ารเตรยี มวสั ดุอุปกรณแ์ ละบางครงั้ อาจเสย่ี งอนั ตราย ดงั นั้นการเรียนการสอนโดยใช้เว็บเป็นหลกั จึงเป็น

ทางเลอื กหน่ึงท่ชี ว่ ยลดภาระค่าใช้จ่ายได้

3. ทาขอ้ มลู ให้ทันสมัยและเป็นปจั จบุ นั ได้ง่ายและรวดเร็วจงึ ทาให้เนอ้ื หาวิชาทผี่ ู้เรียนได้รับถกู ตอ้ งอยเู่ สมอ

4. ขอ้ มลู ตา่ งๆ ท่ใี ชใ้ นการเรยี นการสอนสามารถอ้างอิงผ่านระบบการสบื คน้ ได้ทันที

ขอ้ จากัดของการเรียนการสอนโดยใชเ้ วบ็ เป็นหลัก

1. ค่าใชจ้ า่ ยในเร่ืองเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ การติดต้ัง คา่ เช่า กรณีอยู่ตา่ งจงั หวัดมีราคาสงู มาก

2. ขาดผ้เู ชี่ยวชาญในการออกแบบระบบการเรียนการสอนผ่านอนิ เตอร์เน็ต

3. มอี ปุ สรรคในด้านภาษาเนอ่ื งจากขอ้ มูลท่อี ยูบ่ นอินเตอรเ์ นต็ สว่ นมากเป็นภาษาองั กฤษ

4. ประสทิ ธิภาพการเรียนท้งั หมดอย่ทู ผี่ ู้เรยี นเปน็ สาคัญอาจารยผ์ ูส้ อนไมส่ ามารถควบคมุ การเรยี นของ ผเู้ รยี ไนด้

5. ความเร็วในการเขา้ ถงึ ข้อมูลและสืบค้นยังชา้ ทาใหเ้ กิดความนา่ เบอื่ หน่าย

6. ผู้ใชย้ งั ขาดทักษะการใช้คอมพวิ เตอร์ และเครือขา่ ยจงึ ทาใหไ้ ม่คอ่ ยอยากใช้ และไมส่ นใจที่จะเรยี นใน

รูปแบบนี้

99

7. ไมส่ อดคลอ้ งกับวฒั นธรรมการเรียนการสอนของสังคม ซง่ึ เนน้ การถ่ายทอดความร้จู ากครู-อาจารยเ์ ปน็ หลัก
8. ขาดการสนบั สนุนและปฏิรูปการจดั การศึกษาจากผู้บรหิ ารในทุกระดบั ซง่ึ ไม่เขา้ ใจในเทคโนโลยี
สารสนเทศ
3. มลั ติมีเดยี (Multimedia)
เทคโนโลยไี ดพ้ ัฒนากา้ วหน้าจนสามารถรองรบั การแทนขอ้ มลู ขา่ วสารขนาดใหญ่ไดม้ ากขึ้น สามารถนาเสนอ
ข่าวสารทเ่ี ขา้ ใจได้งา่ ยขึ้น การผสมรูปแบบหลายสอื่ จงึ ทาได้ง่าย เชน่ การใช้ภาพที่เป็นสีแทนภาพขาว - ดา เพอื่ ทาให้
เข้าใจดีข้ึน ภาพเคล่อื นไหวทาใหน้ ่าตื่นเตน้ เรียนรู้ไดง้ ่ายตลอดจนการมเี สยี งเม่ือนามารวมเข้าด้วยกนั เปน็ มลั ตมิ ีเดยี ซง่ึ
การผสมรปู แบบส่อื หลายอยา่ งทาใหก้ ารเรยี นรู้สมบรู ณ์ขน้ึ
เมอื่ ราวๆ ต้นปี พ.ศ. 2524 มีระบบปฏิบัตกิ ารท่ีเรียกว่าวนิ โดวส์ 3.0 ซง่ึ เป็นระบบปฏบิ ตั ิการทใ่ี ชส้ าหรับเคร่ือง พี
ซี และเปน็ ระบบปฏบิ ตั ิการท่เี รียกวา่ กราฟิกยูชเซอรอ์ ินเตอรเ์ ฟส ( GUI : Graphical User Interface) ซง่ึ มลี ักษณะ
อินเตอร์เฟสเหมือนเครื่องคอมพิวเตอรแ์ มคอิ นทอช เปน็ อินเตอรเ์ ฟสทแี่ สดงได้ท้ังข้อความและกราฟิกและงา่ ยต่อการ
ใช้ ประกอบกบั ที่โปรแกรมประยุกตต์ า่ งๆ ทส่ี นับสนนุ การใช้ใหก้ วา้ งขว้างขึ้น ซึง่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 วินโดวสม์ ี
ศักยภาพในเร่อื งของภาพและเสียง ในปเี ดียวกันนจี้ ึงเกิดมาตรฐาน เอมพซี ี ( MPC: multimedia personal computer) ซึ่ง
มาตรฐานนี้เปน็ ส่ิงกาหนดระบบพน้ื ฐานท่จี าเปน็ สาหรบั ระบบปฏิบัติการวนิ โดวสด์ า้ นมลั ติมเี ดีย
การเริ่มตน้ ใช้วนิ โดวส์ 3.1 เมื่อเดอื นมนี าคม พ.ศ. 2536 ทาใหส้ ามารถขยายการใชม้ ลั ติมีเดียไดก้ ว้างขวาง ยง่ิ ข้นึ
กล่าวคอื รายการเลน่ ไฟลเ์ สียง ไฟล์มีดี ไฟลภ์ าพเคล่อื นไหว และภาพยนตร์ จากแผ่นซดี รี อมได้ จนกลายเป็นจุดเรม่ิ ต้น
ของมลั ตมิ ีเดยี บนเคร่ืองคอมพวิ เตอร์พีซี
ดงั นน้ั การใชม้ ัลติมเี ดยี คอื การใช้คอมพิวเตอร์รว่ มกบั โปรแกรมซอฟต์แวรใ์ นการส่อื ความหมายโดยการ
ผสมผสานสอื่ หลายชนิด เช่น ขอ้ ความ สีสั น ภาพกราฟกิ ภาพเครื่องไหว เสยี ง และ วีดิทศั น์ และผู้ใช้สามารถควบคุม
ส่อื ใหเ้ สนอของมาตามต้องการได้ ระบบนี้จะเรียกว่า มลั ติมีเดียปฏสิ ัมพันธ์ การปฏสิ ัมพนั ธข์ องผูใ้ ช้สามารถกระทาได้
โดยผ่านทางคีย์บอรด์ เมาส์ หรือตวั ชีเ้ ปน็ ตน้

ตัวอย่างบทเรยี นมัลติมเี ดยี

คณุ ค่าของมัลติมเี ดีย

100

มัลตมิ ีเดียไดน้ ามาใช้ในการฝึกอบรม การทหาร และอตุ สาหกรรม และยังเปน็ เคร่ืองมือท่สี าคญั ทางการศกึ ษา
ทงั้ น้เี พราะวา่ เทคโนโลยีมัลติมเี ดยี สามารถทีจะนาเสนอไดท้ งั้ เสยี ง ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว ดนตรี กราฟกิ ภาพถา่ ย
วสั ดุตพี ิมพ์ และภาพยนตรว์ ดี ทิ ัศน์ และสามารถท่ีจะจาลองภาพการเรียนการสอน โดยผู้เรยี นสามารถเรยี นร้ไู ด้
โดยตรง จดุ เด่นของการใชม้ ัลตมิ เี ดียเพื่อการศึกษามีดงั นี้

1. สง่ เสริมการเรียนด้วยตนเองแบบเชิงรกุ กบั แบบส่อื นาเสนอการสอนแบบเชงิ รับ
2. สามารถเปน็ แบบจาลองการนาเสนอ หรอื ตัวอยา่ งที่เปน็ แบบฝึก และสอนทไ่ี ม่มแี บบฝกึ
3. มีภาพประกอบและมปี ฏิสัมพันธ์
4. เป็นสือ่ ทส่ี ามารถพฒั นาเพ่อื ช่วยการตัดสนิ ใจ และแก้ไขปัญหาอย่างมีศักยภาพ
5. ยอมให้ผใู้ ชค้ วบคมุ ได้ด้วยตนเอง และมีระบบหลายแนวทางในการเข้าถึงข้อมลู
6. สรา้ งแรงจูงใจและมหี ลายรปู แบบการเรียน
7. จัดการด้านเวลาในการเรียนได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพและใช้เวลาในการเรยี นนอ้ ยกว่า

การใชม้ ัลติมีเดียเพอื่ การเรียนการสอน
การใชม้ ลั ตมิ เี ดียกเ็ พ่อื เพิม่ ทางเลือกในการเรยี นและสนองตอ่ รูปแบบของการเรียนของนกั เรยี นที่แตกตา่ งกนั

การจาลองสภาพการณ์ของวชิ าต่างๆ เป็นวิธีการเรยี นรทู้ ีน่ าใหน้ ักเรยี นไดร้ ับประสบการณ์ตรงกอ่ นการลงมือปฏบิ ัติ
จรงิ โดยสามารถท่ีจะทบทวนขั้นตอนและกระบวนการไดเ้ ป็นอยา่ งดี นกั เรยี นอาจเรียนหรอื ฝกึ ซ้าได้ และใชม้ ลั ติมเี ดยี
ในการฝกึ ภาษาต่างประเทศ โดยเน้นเร่อื งของการออกเสียงและฝึกพูด

มลั ติมีเดยี สามารถเช่ือมทฤษฎีและการปฏิบตั ิเข้าดว้ ยกันคือ ใหโ้ อกาสผใู้ ช้บทเรียนไดท้ ดลองฝึกปฏิบัติในสงิ่ ที่
ได้เรียนในหอ้ งเรียน และช่วยเปลีย่ นผใู้ ชบ้ ทเรยี นจากสภาพการเรยี นรใู้ นเชิงรับ มาเป็นเชงิ รุก ในดา้ นของผูส้ อนใช้
มลั ติมีเดยี ในการนาเสนอการสอนในชน้ั เรียนแทนการสอนโดยใชเ้ คร่อื งฉายภาพขา้ มศรี ษะ ทง้ั น้เี น่อื งจากมลั ติมเี ดียจะ
สามารถนาเสนอความรู้ได้หลายสื่อและเสมอื นจริงไดม้ ากกวา่ การใช้ส่ือประเภทแผ่นใสเพยี งอย่างเดียว
องค์ประกอบของมลั ติมเี ดีย

ระบบมัลตมิ ีเดยี ทีใ่ ชก้ บั คอมพวิ เตอรเ์ ป็นระบบทเี่ น้นการโตต้ อบกับผ้เู รยี น กล่าวคือ เมื่อคอมพิวเตอรน์ าเสนอ
ขอ้ มูลขา่ วสาร ผูใ้ ชส้ ามารถโตต้ อบในลกั ษณะเวลาจรงิ (Real Time) การโต้ตอบจึงทาให้รูปแบบของการใช้งานมคี วาม
เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใชไ้ ดม้ ากขนึ้ ดังน้นั ระบบมัลตมิ ีเดียจงึ เปน็ ระบบการนาข้อมูลข่าวสารท่มี ี
ขนาดใหญ่มาใช้กบั คอมพิวเตอร์ ซงึ่ เนน้ การใชส้ ่ือผสมหลายรปู แบบ ได้แก่ เสยี ง ภาพถ่าย ภาพกราฟิก ภาพเคล่ือนไหว
และวดี ทิ ัศน์ เปน็ ต้น

101

องค์ประกอบของมัลติมเี ดยี

มัลติมีเดียสามารถสรา้ งขึน้ จากโปรแกรมประยุกตห์ ลายๆ โปรแกรมแตอ่ ย่างใดกต็ าม จะตอ้ งประกอบด้วย 2 ส่อื
หรือมากกว่าตามองค์ประกอบดงั นคี้ อื ขอ้ ความ ภาพนิ่ง เสียง ภาพเคลือ่ นไหวการเช่อื มโยงแบบปฏิสมั พนั ธ์ และวีดทิ ัศน์

ดังนัน้ จึงอาจสรปุ ได้ว่า การท่ีมลั ตมิ เี ดียแทนขอ้ มูลข่าวสารได้มากและนา่ สนใจ ตลาดของมัลตมิ เี ดียจึง
กวา้ งขวางและเป็นตลาดทนี่ ่าสนใจ โดยเฉพาะในวงการศึกษามลั ตมิ เี ดยี มีความเหมาะสมสาหรับองค์ประกอบการ
เรยี นรู้เป็นอยา่ งยงิ่ เพราะเป็นส่อื เพอ่ื การเรียนรโู้ ดยตอบรับประสาทสัมผสั ได้มากกว่า

มลั ติมีเดยี จงึ เปน็ สอ่ื ทางการเรียนการสอนและการศึกษาทมี่ ขี อบเขตกวา้ งขวาง เพิ่มทางเลือกในการเรยี นและ
การสอน สามารถสนองต่อรปู แบบของการเรยี นของนกั เรยี นท่แี ตกตา่ งกันได้ สามารถจาลองสภาพการณ์ของวชิ าต่างๆ
เพอื่ การเรียนร้ไู ด้ นกั เรียนได้รบั ประสบการณ์ตรงก่อนลงมอื ปฏบิ ัตจิ รงิ สามารถทจ่ี ะทบทวนข้ันตอนและกระบวนการ
ไดเ้ ป็นอยา่ งดี จึงกล่าวได้วา่ มลั ตมิ เี ดยี มคี วามเหมาะสมทนี่ ามาใชท้ างการสอนและการศกึ ษา

4. อิเลก็ ทรอนกิ ส์บ๊คุ (e-Book)
พัฒนาการอกี ดา้ นหนง่ึ คอื การเก็บขอ้ มลู จานวนมากดว้ ยซดี รี อม ซดี ีรอมหน่ึงแผน่ สามารถเกบ็ ข้อมูลตัวอักษร

ได้มากถึง 600 ล้านตวั อักษร ดงั นนั้ ซดี ีรอมหน่ึงแผ่นสามารถเกบ็ ขอ้ มลู หนังสอื หรือเอกสารไดม้ ากกว่าหนังสือหนึง่
เลม่ และทส่ี าคัญคอื การใช้กับคอมพิวเตอร์ทาใหส้ ามารถเรยี กค้นหาข้อมูลภายในซีดรี อมไดอ้ ย่างรวดเรว็ โดยใชด้ ัชนี
สืบค้นหรือสารบญั เรื่อง ซีดีรอมจึงเป็นสื่อทมี่ บี ทบาทตอ่ การศกึ ษาอยา่ งย่ิง เพราะในอนาคตหนังสอื ต่างๆ จะจดั เกบ็ อยู่
ในรปู ซีดีรอม และเรียกอ่านดว้ ยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีเรียกว่าอเิ ล็กทรอนกิ สย์ ุค ซดี ีรอมมีข้อดคี ือสามารถจัดเก็บ ข้อมลู
ในรปู ของมัลติมีเดยี และเมื่อนาซีดรี อมหลายแผ่นใส่ไว้ในเครอ่ื งอ่านชุดเดยี วกนั ทาใหซ้ ดี รี อมสามารถขยายการเกบ็
ขอ้ มลู จานวนมากย่ิงข้นึ ได้

ปัจจบุ ันแนวโน้มดา้ นราคาของซดี รี อมมีแนวโนม้ ถูกลงเรอ่ื งๆ จนแน่ใจว่าส่อื ซดี ีรอมจะเปน็ ส่ือทีน่ ามาใช้แทน
หนงั สือทใ่ี ชก้ ระดาษในอนาคต ทั้งนเี้ ชือ่ วา่ สื่อท่ีใช้กระดาษจะมแี นวโน้มราคาสูงข้นึ

ในการประยกุ ต์อเิ ลก็ ทรอนิกสบ์ คุ มาใหท้ างการศกึ ษา มักใช้เพ่อื เป็นสื่อแทนหนงั สือ หรือตารา หรอื ใช้เพือ่
เป็นสือ่ เสริมการเรียนด้วยตนเอง ผู้เรยี นนาแผน่ ซีดที ี่บรรจุข้อมูลหนงั สือทงั้ เล่มมาอา่ นด้วยคอมพวิ เตอร์ และเมือ่
ตอ้ งการข้อมูลสว่ นใดก็สามารถคัดลอกและอ้างอิงนามาใช้ได้ทันทีโดยไม่ตอ้ งจัดพิมพใ์ หม่ โปรแกรมประยุกตใ์ น
ปจั จบุ นั ท่ใี ชอ้ ่านขอ้ มูลทจ่ี ดั เกบ็ ในแผน่ ซดี ีรอม ไดแ้ ก่ Acrobat Reader, Nescape Navigator, Internet Explorer เปน็ ตน้

102

และนอกจากน้ียังมีโปรแกรมทจ่ี ดั ทาหนังสืออิเลก็ ทรอนกิ สใ์ นรปู แบบมลั ติมเี ดยี ซงึ่ สามารถนาเสนอในรูปแบบที่
หลากหลายท้ังขอ้ ความ ภาพน่ิง ภาพเคลื่อนไหว และเสยี ง เชน่ DeskTop Author, Flip Album, Flip Flash Album

ตัวอยา่ งโปรแกรม Flip Album

5. ระบบการเรยี นการสอนทางไกล (Distance Learning)
การศึกษาเน้นระบบการกระจายการศกึ ษา การเรยี นการสอนทางไกลเปน็ ช่องทางหนงึ่ ที่ใช้เพื่อกระจาย

การศกึ ษา ระบบการกระจายการศกึ ษาทไี่ ดผ้ ลในปจั จุบัน และเข้าถึงมวลชนจานวนมาก ยอ่ มต้องใชเ้ ทคโนโลยี
สารสนเทศเข้าชว่ ย ในปัจจุบันมแี นวโนม้ ทจ่ี ะมีสถานโี ทรทศั นเ์ พมิ่ ขึ้นอาจจะมากกวา่ 100 ชอ่ งในอนาคต และมีระบบ
โทรทศั นท์ ่กี ระจายสัญญาณโดยตรงผ่านความถ่วี ีเฮซเอฟ ( VHF) และยเู ฮชเอฟ (UHF) และยงั มีระบบดีทเี ฮช ( DTH :
Direct to Home) คอื ระบบทก่ี ระจายสญั ญาณโทรทศั นจ์ ากดาวเทียมลงตรงยังบา้ นทีอ่ ยู่อาศัย ทาให้ครอบคลมุ พน้ื ที่การ
รบั ไดก้ ว้างขวางเพราะไมต่ ดิ ขดั สภาพทางภมู ิประเทศที่มีภูเขาขวางกัน้ ดังนน้ั การใชร้ ะบบโทรทศั นผ์ ่านดาวเทียมจึง
เปน็ วธิ กี ารหน่ึงท่ีใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอนทางไกลเพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษา

การเรยี นการสอนทางไกลโดยใช้ระบบโทรทัศนท์ ี่มอี ยู่ใน
ปจั จุบันมขี ้อจากัดคือ เปน็ การส่อื สารทางเดียว ( One-way) ทาให้
ผู้เรียนได้รับข่าวสารขอ้ มูลเสยี งด้านเดียวไมส่ ามารถซกั ถามปญั หา
ตา่ งๆ ไดจ้ ึงมีระบบกระจายสญั ญาณในรูปของสาย ( Cable) โดยใช้
เสน้ ใยแก้วนาแสง ( Fiber Optic) ในการส่อื สารเหมอื นสายโทรศัพท์
แตม่ คี วามเรว็ ในการส่ือสารขอ้ มูลได้มากกว่าสายโทรศัพทธ์ รรมดา
และสง่ กระจายสัญญาณไปตามบา้ นเรือนต่างๆ ก่อให้เกิดระบบวิดีโอ
เทเลคอนเฟอเรนซ์ (Videoteleconference) ขน้ึ ระบบดังกล่าวน้เี ปน็

103

ระบบโต้ตอบสองทาง ( Two-way) กลา่ วคอื ทางฝ่ายผเู้ รียนสามารถเห็นผูส้ อนและผ้สู อนกเ็ ห็นผู้เรยี นถงึ แมจ้ ะอยู่
หา่ งไกลกัน ทั้งสองฝา่ ยสามารถเจรจาตอบโตก้ ันเหน็ ภาพกนั เสมอื นนั่งอยู่ในหอ้ งเดียวกัน ระบบวิดโี อเทเลคอนเฟอ
เรนซ์จงึ เปน็ ระบบหนง่ึ ทม่ี ปี ระโยชนต์ อ่ การศกึ ษาทางไกลเปน็ อย่างมาก

เมือ่ ระบบการศกึ ษาเน้นระบบการกระจายการศกึ ษา การเรียนการสอนในหอ้ งเรียนปกตแิ ละมคี รเู ปน็ ผสู้ อน
จากดั เวลาเรียนตายตวั และต้องเรียนในสถานทที่ ่ีจัดไว้ใหก้ ็อาจเปลีย่ นแปลงไปเป็นการจัดการศึกษาโดยใชเ้ ทคโนโลยี
เข้าไปมสี ่วนช่วยในการเรียนรู้ และเชื่อมโยงการสอนของครูทีเ่ กา่ หรอื เช่ียวชาญไปสู่ผเู้ รียนในสถานทต่ี ่างๆ ได้ทั่วถงึ
และรวดเร็ว ระบบการเรยี นการสอนทางไกลจึงเกิดขน้ึ ซง่ึ สนองความตอ้ งการของสงั คม ปจั จบุ นั ซ่งึ เป็นสงั คมข่าวสาร
การสอนทางไกลเป็นการเปดิ โอกาสและกระจายโอกาสทางการศึกษาไปสบู่ คุ คลกลุ่มต่างๆ อยา่ งทว่ั ถงึ ทาให้เกิด
การศึกษาตลอดชวี ติ
ความหมาย

การเรยี นการสอนทางไกล หมายถงึ การเรยี นการสอนท่ผี เู้ รียนและผู้สอนอยู่ไกลกนั ใชว้ ธิ ีการถ่ายทอดเนือ้ หา
สาระ และประสบการณ์โดยอา ศัยส่ือประสมในหลายรปู แบบ ได้แก่ สอื่ ท่ีเป็นหนังสือ สอ่ื ทางไปรษณยี ์ ไปรษณีย์
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ วทิ ยุกระจายเสยี ง โทรทศั น์ การประชุมทางไกลดว้ ยภาพและเสียง ( Video Conference) อนิ เตอรเ์ น็ต
เปน็ ต้น ชว่ ยให้ผูเ้ รยี นท่อี ยตู่ ่างถนิ่ ต่างท่กี นั สามารถศกึ ษาความร้ไู ด้
องคป์ ระกอบของระบบการเรียนการสอนทางไกล
องค์ประกอบทสี่ าคญั ของระบบการเรยี นการสอนทางไกล มีดังน้ี

1. ผูเ้ รยี นเน้นผเู้ รียนเป็นศนู ยก์ ลางทม่ี ีอสิ ระในการกาหนด เวลา สถานที่ และวิธเี รยี น โดยผู้เรียนสามารถ
เรยี นรจู้ ากแหลง่ ทรพั ยากรการเรียนรไู้ ด้หลายรปู แบบ เช่น จากการสอนสดโดยผ่านการส่อื สารทางไกลและเรียนผ่าน
ระบบสารสนเทศทางอนิ เตอรเ์ นต็ เป็นต้น

2. ผสู้ อนเนน้ การสอนโดยใชก้ ารส่อื สารทางไกลแบบ 2 ทาง และอาศัยส่ือหลากหลายชนิดซึ่งช่วยให้ผเู้ รียนได้
ดว้ ยตนเองหรอื เรยี นเสรมิ ภายหลังได้

3. ระบบบรหิ ารและการจดั การ จัดโครงสรา้ งอ่ืนๆ เพ่ือเสริมการสอน เช่น การจัดศูนย์วทิ ยบริการ จัดระบบ
อาจารย์ที่ปรึกษาระบบการผลิตสอื่ และจดั สง่ ส่อื ใหผ้ ูเ้ รยี นโดยตรง เปน็ ตน้

4. การควบคมุ คุณภาพ จดั ทาอยา่ งเป็นระบบและดาเนินการตอ่ เน่อื งสมา่ เสมอ โดยเนน้ การควบคมุ คุณภาพใน
ดา้ นขององค์ประกอบของการสอน เช่น ข้ันตอนการวางแผนงานละเอยี ด กระบวนการเรียนการสอน วธิ ีการ
ประเมนิ ผลและการปรบั ปรุงกระบวนการ เป็นตน้

5. การติดตอ่ ระหวา่ งผ้เู รียน ผู้สอน และสถาบันการศึกษาเป็นการติดตอ่ แบบ 2 ทาง โดยใชโ้ ทรทศั น์ โทรสาร
ไปรษณีย์อเี ล็กทรอนิกส์ เปน็ ตน้
กระบวนการเรียนการสอน
กระบวนการเรียนการสอนมขี ั้นตอนสาคญั ๆ 3 ข้ันตอนคอื
1. การเรยี น - การสอน

104

การเรยี นทางไกลอาศยั ครแู ละอปุ กรณ์การสอนสามารถใช้สอนนกั เรยี นไดม้ ากกวา่ 1 หอ้ งเรียน และได้หลายสถานที่
ซึ่งจะเหมาะกับวชิ าทน่ี กั เรยี นหลายๆ แหง่ ตอ้ งเรียนเหมอื นๆ กัน เชน่ วชิ าพืน้ ฐาน ซ่ึงจะทาใหไ้ มต่ อ้ งจา้ งครแู ละซ้ือ
อุปกรณส์ าหรับการสอนในวิชาเดียวกนั ของแต่ละแหง่ การสอนนักเรียนจานวนมากๆ ในหลายสถานท่ีครูสามารถ
เลือกให้นักเรียนถามคาถามได้ เน่อื งจากมีอุปกรณ์ช่วยในการโต้ตอบ เชน่ ไมโครโฟน กลอ้ งวดิ ีทศั น์ และ จอภาพเป็น
ตน้
2. การถาม - ตอบ

ขั้นตอนท่ีสาคญั อยา่ งหนง่ึ คือการใช้คาถามเพ่อื ใหเ้ กดิ การโต้ตอบหรือมีปฏสิ ัมพันธ์ ส่อื ท่ีใชอ้ าจเป็นโทรศัพท์
หรอื กลอ้ งวดิ ีทศั นใ์ นระบบการสอนทางไกลแบบวดี ิโอคอนเฟอเรนซ์ หรือโทรสาร หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ซงึ่
เป็นการถามตอบภายหลัง
3. การประเมนิ ผล

รปู แบบการประเมนิ ผลการเรยี นการสอนทางไกลนัน้ ผ้เู รยี นสามารถสง่ การบา้ น และทาแบบทดสอบโดยใช้
ไปรษณีย์อิเลก็ ทรอนิกส์ หรืออาจเปน็ รูปแบบการประเมินผลในห้องเรียนปกติ (ในห้องสอบทจี่ ดั ไว้) เพอ่ื ผสมผสาน
กนั ไปกบั การเรยี นทางไกล

ดังน้นั การนาเอาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใชใ้ นการสอนทางไกลจะประสบผลมากหรือนอ้ ยข้นึ อยู่กับว่าผู้
นามาใชเ้ ข้าใจแนวคดิ หลักการตลอดจนมีการวางแผนและเตรียมการไว้เป็นอย่างดี โดยคานึงถงึ การสรา้ งปฎสิ ัมพนั ธ์
ระหวา่ งครกู บั นักเรยี นให้มากจะทาใหก้ ารเรยี นการสอนน่าสนใจย่ิงขนึ้ การใชส้ อื่ และอุปกรณก์ ารสื่อสารอยา่ ง
หลากหลายทาใหเ้ กิดสภาวะยดึ หย่นุ ของการจัด ซึง่ หมาะสมกับสภาวะการณใ์ นปจั จบุ นั โดยทัง้ หมดทาให้บรรลุ
เป้าหมายทสี่ าคัญคอื ความสามารถในการกระจายโอกาสทางการศกึ ษา และยกระดับคณุ ภาพของการศกึ ษา จงึ กลายเปน็
ทางลดั ท่เี อ้ือต่อการเรียนหลายประเภทและไปสู่การพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา
6. วดิ ีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ (Video Conference)

วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ หมายถึง การประชุมทางจอภาพโดยใช้เทคโนโลยีการส่อื สารท่ีทันสมยั เปน็ การ
ประชุมร่วมกนั ระหว่างบุคคลหรือคณะบคุ คลท่อี ยู่ตา่ งสถานที่และห่างไกลคนละซีกโลก ดว้ ยส่ือทางด้านมัลตมิ ีเดยี ท่ี
ให้ท้งั ภาพเคลือ่ นไหว ภาพน่ิง เสยี ง และขอ้ มูลตัวอักษรในการประชุมเวลาเดียวกนั และเป็นการสือ่ สาร 2 ทาง จึงทาให้
ดูเหมอื นว่าไดเ้ ขา้ ร่วมประชุมรว่ มกนั ตามปกติ

ด้านการศึกษาวดิ โี อเทเลคอนเฟอเรนซ์ ทาใหผ้ ู้เรยี นและผ้สู อนสามารถตดิ ตอ่ สอื่ สารกนั ได้ผา่ นทางจอภาพ
โทรทศั นแ์ ละเสยี ง นักเรยี นในหอ้ งเรียนทอี่ ยู่หา่ งไกลสามารถเหน็ ภาพและเสียงของครู สามารถเห็นอากับกิรยิ าของ
ผ้สู อน เห็นการเคล่ือนไหวและสหี น้าของครูในขณะเรยี น

คุณภาพของภาพและเสียงข้นึ อยู่กับความเรว็ ของชอ่ งทางการส่อื สารที่ใช้เชื่อมต่อระหวา่ งสองฝง่ั ที่มีการประชมุ
กนั ได้แก่ จอโทรทศั น์ หรือจอคอมพิวเตอร์ ลาโพง ไมโครโฟน กล้อง อปุ กรณเ์ ขา้ รหสั และถอดรหสั ผ่านเครอื ข่ายการ
สื่อสารความเร็วสงู
องค์ประกอบพ้ืนฐานของวดิ ีโอคอนเฟอเรนซ์
องค์ประกอบพน้ื ฐานของวิดโี อเทเลคอนเฟอเรนซ์ ประกอบด้วย 2 สว่ น คอื

1. เครอื ขา่ ยโทรคมนาคม มหี นา้ ท่ีเชื่อมสญั ญาณจากผูร้ ่วมประชมุ แตล่ ะฝ่ายเขา้ ดว้ ยกันเพื่อการประชมุ

105

2. อปุ กรณ์เช่ือมต่อ ( Terminal) เปน็ อปุ กรณ์ตน้ ทางและปลายทาง ทาหน้าท่รี บั และถ่ายทอดภาพและเสียง
ได้แก่ จอโทรทศั น์ เคร่อื งฉายภาพน่งิ กลอ้ งวดี ที ัศน์ ไมโครโฟน เปน็ ตน้

ภาพแสดงการประชมุ ทางไกลดว้ ยวดี ิทัศน์

อปุ กรณเ์ ช่อื มต่อ

อุปกรณ์เชือ่ มตอ่ ที่สาคัญของระบบวิดโี อเทเลเฟอเรนซ์ ประกอบดว้ ย

1. กลอ้ งโทรทัศน์ เปน็ กลอ้ งโทรทศั นท์ ี่ใชใ้ นการถ่ายภาพ มีระบบเซอรโ์ วเพ่ือควบคุมในระยะไกลใหก้ ลอ้ ง

สามารถปรับมุมเงย มมุ ก้ม กวาดทางซ้ายหรอื ทางขวา ซมู ภาพ เปน็ ตน้ กลอ้ งโทรทศั น์ทใ่ี ช้จะสามารถควบคุมไดจ้ ากที่

หน่ึงไปยงั อีกทห่ี นงึ่ ในระยะไกลได้

2. จอภาพโทรทัศน์ หรือจอมอนเิ ตอร์ เปน็ จอภาพท่ีสามารถใชไ้ ด้ทั้งกับระบบ PAL หรอื NTSC ภาพทีป่ รากฏ

มรี ะบบรวมสญั ญาณเพอ่ื แบ่งจอภาพออกเปน็ จอเล็กๆ เพ่ือดูปลายทางของแต่ละดา้ น หรือดภู าพของตนเองระบบ

จอภาพอาจขยายเป็นจอใหญข่ นาดหลายรอ้ ยนิว้ ได้ เช่น การใชเ้ ครื่องฉายภาพโทรทัศนแ์ ทนจอภาพโทรทศั น์ เป็นตน้

3. เคร่อื งขยายเสียง มิกเซอร์ และไมโครโฟน เปน็ อปุ กรณ์ท่ีใชข้ ยายเสียงท้งั ท่ตี น้ ทางและปลายทาง ทง้ั น้ี

เพ่อื ให้ผรู้ ่วมประชมุ หรอื ผเู้ รยี นในห้องทางไกลและดา้ นทางไดย้ นิ เสียงชดั เจน สาหรบั มิกเซอร์ใชเ้ พ่อื รวม

สญั ญาณเสียงจากเคร่อื งเลน่ วดิ ีทศั น์ จากคอมพิวเตอร์และจากไมโครโฟน

4. คอมพวิ เตอร์ เครื่องเลน่ วิดที ศั น์ และกลอ้ งเอกสาร เป็นอปุ กรณ์เชื่อมต่อเพ่ืออานวยความสะดวกในการใช้

ส่ือตา่ งๆ ประกอบการประชมุ หรือสอนทางไกล เช่น การใช้ Power Point นาเสนอ ข้อความ ภาพ หรือใช้กลอ้ งเอกสาร

เพอ่ื ส่งข้อความในรูปเอกสาร หรอื นาเสนอข้อมูลในหนังสือหรอื ตารา สว่ นเครอ่ื งเลน่ วดิ ที ศั นใ์ ชเ้ พ่อื นารายการวดิ ีทัศน์

ไปใหผ้ ู้ชมท่ีอยตู่ ้นทาง และปลายทางเปน็ การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพของการใช้สือ่ มากย่งิ ข้นึ

106

5. แป้นควบคมุ เปน็ อุปกรณ์ทใี่ ชส้ าหรบั ควบคุมระบบ เช่น ควบคมุ การปรับมุมกลอ้ งทป่ี ลายทาง หรอื ที่ ต้น
ทาง การเลอื กชอ่ งสัญญาณการปรบั ระดบั เสยี ง การปดิ เสียง การปรับภาพและสลบั ภาพ การปรบั มุมกลอ้ งและขนาด
ของภาพทถ่ี า่ ยดว้ ยกลอ้ งโทรทศั น์ รวมถงึ การใชโ้ ทรเพ่อื เชอ่ื มต่อการส่อื สารระหวา่ งกัน เป็นต้น

6. อปุ กรณป์ ระกอบอืน่ ๆ ได้แก่ ลาโพง เครื่องโทรสาร เครื่องโทรทัศน์ ทง้ั ที่ตน้ ทางและปลายทาง เพ่อื การ
สอื่ สารดว้ ยชอ่ งทางอ่ืน ๆ เพม่ิ ขึ้น

7. อุปกรณเ์ ขา้ รหัสและถอดรหสั (Codec) ในการใชร้ ะบบวิดโี อเทเลคอนเฟอเรนซ์ มีความจาเปน็ ทีต่ ้องใชต้ วั
เขา้ รหัสและถอดรหัสจานวน 2 ชุด เพ่ือแปลงสัญญาณแบบอะนาล็อกเปน็ สญั ญาณดิจิตอล และถอดรหสั กลบั มาเป็น
สญั ญาณอะนาล็อกเพ่อื ออกทางจอภาพโทรทัศนแ์ ละเครอ่ื งขยายเสียง เพือ่ ใหไ้ ดก้ ารสื่อสารท่ีเหมือนกับต้นทางมาก
ท่สี ุด
7. ระบบวิดีโอออนดมี านด์ (Video on Demand)

วดิ ีโอออนดมี านด์ เปน็ ระบบใหมท่ ่กี าลังได้รับความนิยมนามาใช้ ในหลายประเทศเชน่ ญ่ปี ุ่นและสหรฐั อเมริกา
โดยอาศัยเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรค์ วมเร็วสูงทาให้ผูช้ มตามบา้ นเรอื นตา่ งๆ สามารถเลอื กรายการวีดิทศั น์ที่ตนเองตอ้ งการ
ชมได้โดยเลอื กตามรายการ (Menu) และเลอื กชมได้ตลอดเวลา

วิดีโอออนดมี านดเ์ ป็นระบบท่มี ีศูนย์กลางการเกบ็ ข้อมูลวดี ิทัศนไ์ วจ้ านวนมาก โดยจดั เก็บในรูปแหลง่ ข้อมูล
ขนาดใหญ่ (Video Server) เม่ือผูใ้ ช้ตอ้ งการเลอื กชมรายการใดก็เลือกได้จากฐานข้อมูลทีต่ ้องการ ระบบวิดีโอ ออนดี
มานดจ์ ึงเปน็ ระบบทจ่ี ะนามาใช้ในเรอ่ื งการเรียนการสอนทางไกลได้โดยไมม่ ขี ้อจากดั ดา้ นเวลา ผเู้ รียนสามารถเลอื ก
เรียนในสิ่งทต่ี นเองตอ้ งการเรียนหรอื สนใจได้

องคป์ ระกอบของระบบวีดีโอออนดมี านด์ ได้แก่ วีดโี อเซอร์ฟเวอร์ [ Video Server (s)] เครื่องข่ายการสื่อสาร
แบบเอทเี อม (ATM) และวิดโี อ ไครแอนท์ (Video Client)

วดิ โี อเซอร์ฟเวอร ์ เป็นเครื่องคอมพวิ เตอรท์ ี่มีประสิทธภิ าพสูงมีทีเ่ กบ็ ข้อมลู ทม่ี ีความจสุ ูงมากและมี
ความเรว็ ในการอ่านข้อมลู สูง เพื่อท่จี ะเกบ็ ขอ้ มลู วดิ โี อ สนองตอ่ ความต้องการโดยผ่านทางเครอื ขา่ ยเอทีเอม็ ของผู้ใช้
ภายใน เซอร์ฟเวอร์ยังเป็นที่บรรจุเอน็ โค้ดเดอรร์ ลี ไทม์ เพือ่ สาหรับการแอ็กเซสไปสู่รายการตา่ งๆ โดยปกตแิ ล้วข้อมลู
วดิ ีโอ มีขนาดใหญ่และตอ้ งการสง่ ข้อมลู ดว้ ยความเร็วสงู เม่อื ใชเ้ ทคโนโลยบี บี อดั ขอ้ มลู แบบเอม็ เพ็ก ( Mpeg) จึงทาให้
การส่งขอ้ มูลไดเ้ รว็ ขึ้นและขอ้ มลู ภาพยนต์ไมใ่ หญ่มากเกินไป ขนาดของขอ้ มูลเปน็ ตัวกาหนดคุณภาพ เชน่ ส่งข้อมลู
ขนาด 1-5 เมก็ กะบติ ต่อวินาที ใชม้ าตรฐาน MPEG-1 สาหรับคุณภาพระดบั วีดิทัศนร์ ะบบวเี ฮชเอส ( VHS) และ 6-8 เมก็
กะบิตตอ่ วนิ าที ( 6-8 Mbps) สาหรับคณุ ภาพ MPEG-2 หรอื ระดับ ดีวีดี ( DVD) เคร่อื งวิดีโอเซอรเ์ วอร์ตอ้ งมี
ประสทิ ธภิ าพเพียงพอที่จะรองรับและแจกจ่ายขอ้ มูลวดิ โี อเหลา่ นนั้ ไปยงั ผูใ้ ช้บริการ

เคร่อื งขายการส่ือสารแบบเอทเี อม (ATM:Asynchronous Transfer Mode) เป็นสถาปัตยกรรมทม่ี ีการ
ส่งขอ้ มูลด้วยความเร็วสูง โดยขอ้ มลู รายการต่างๆ จะสรา้ งขึ้นมาในวดิ โี อเซอรฟ์ เวอร์แล้วแปลงให้เปน็ เอทเี อม็ โหมด
จากนน้ั ก็จะส่งขอ้ มลู ผา่ นแอ็กเซสเน็ตเวอร์กโดยอาศยั เอทีเอม็ เซลล์ ไปยงั ผู้ใช้บรกิ าร

วิดีโอ ไคลแอนท์ (Video Client) เปน็ เคร่อื งคอมพวิ เตอรห์ รอื อปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกสท์ ีสามารถแปลง
ข้อมูล ที่ไดร้ ับจากวดิ โี อเซอรฟ์ เวอร์ให้เป็นสญั ญาณและแสดงผลขน้ึ บนจอคอมพวิ เตอร์หรอื จอโทรทัศนไ์ ด้

107

แสดงอุปกรณส์ ว่ นผูใ้ ช้ปลายทาง (End-user equipment)
การใหบ้ ริการของระบบวดี โิ อออนดีมานด์
ระบบวิดีโอออนดมี านด์ต้องมคี ุณสมบัติทีส่ าคัญ ดงั น้ี

1. ความสามารถในการให้บริการวดี ิทัศน์ในลกั ษณะหนึง่ ตอ่ หนง่ึ (one to one) ไมใ่ ช้ลักษณะออกอากาศแบบ
กระจายสัญญาณ (Broadcast)

2. ผู้ใช้สามารถควบคมุ การเลน่ ภาพได้ในลักษณะเดยี วกนั กับเครอ่ื งเล่นวดิ โี อตามบา้ นทวั่ ไป กลา่ วคอื ผู้ใช้ตอ้ ง
สามารถเลน่ ภาพ หยุดภาพ กรอกลับ หรอื กรอไปข้างหน้าได้ตามต้องการ

3. มีความเรว็ ในการส่งข้อมูล ภาพเคลอ่ื นไหวพร้อมเสียงได้อยา่ งนอ้ ย 1.5 เมกะบติ ต่อวนิ าที (Mbps) สาหรบั
คุณภาพระดับวีดทิ ัศน์ระบบวีเฮชเอส (VHS) และอย่างนอ้ ย 6-8 เมกะบิตต่อวนิ าที สาหรบั คณุ ภาพระดับเลเซอรด์ สิ ก์
หรอื ดวี ดี ี (DVD)

4. มีระบบรักษาความปลอดภัยท่ดี เี พยี งพอ เนอื่ งจากมขี อ้ มูลท่สี าคญั หรอื ตอ้ งการเสถียรภาพของระบบบรกิ าร
ทด่ี ี หมายถึงไม่เกดิ ความเสยี หายกบั ข้อมลู ภาพและเสยี ง

การใช้งานวดิ ีโอออนดมี านด์ จะให้ความสะดวกตอ่ ผู้ใชม้ ากกว่าระบบวดิ ีโอทว่ั ๆ ไป ซ่ึงส่งสญั ญาณออกมาชดุ
เดียว (1 stream) สาหรับผใู้ ช้ทกุ คนแต่ละคนไดด้ ูภาพสญั ญาณเดยี วกัน รายการต่างๆ จะมีเวลาตายตวั ตามท่กี าหนดไว้
ผู้ใช้ตอ้ งรอเวลาเพื่อทจี่ ะได้ดูรายการท่ตี อ้ งการส่วนวิดีโอออนดีมานด์ ผ้ใู ช้แตล่ ะคนสามารถเลอื กดูรายการที่ตนเอง
สนใจเวลาใดก็ไดไ้ มข่ ้นึ กับผู้อ่ืน และไมต่ อ้ งการรอตารางเวลา แตก่ ็ตอ้ งใชค้ วามเร็วของเครอื ข่ายสอื่ สารมาก เนอ่ื งจาก
ตอ้ งส่งสญั ญาณวดิ โี อแยกสาหรบั ผ้ใู ชแ้ ตล่ ะคน (1 stream ต่อ 1 คน) ดังนัน้ เครือขา่ ยสอ่ื สารจึงตอ้ งมีความเรว็ สูงมาก
สามารถนาระบบวดิ ีโอออนดมี านดม์ าใช้เพ่อื การศึกษาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เชน่ นามาใชเ้ พื่อการเรียนการสอนทางไกล
(Distance Learning) โดยนักเรียนสามารถลงทะเบียนเรยี นในหลกั สูตรใดหลกั สตู รหน่ึง และเม่อื ตอ้ งการเรยี นโดยเลือก

108

บทเรียนจากวีดทิ ศั น์ท่ีเก็บอยใู่ นวดิ โี อเซอร์ฟเวอร์ ทาใหน้ ักเรยี นสามารถเรยี นและทบทวนบทเรยี นได้ทกุ เวลาตาม
ความตอ้ งการด้วยตนเอง
8. อินเตอร์เนต็ (Internet)

อินเตอรเ์ นต็ เปน็ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ท่ีมรี ากฐานความเปน็ มาโดยการสนับสนุนของกระทรวงกลาโหมของ
สหรฐั อเมริกาทมี่ ีความประสงค์เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ทมี่ ปี ระสิทธิภาพ จงึ สนบั สนันทนุ วจิ ยั ให้มหาวทิ ยาลยั ชน้ั นาใน
สหรัฐอเมรกิ าทาการวิจัยเช่ือมโยงเครือขา่ ยข้นึ และให้ชื่อว่า APRANET ต่อมาเครอื ขา่ ยน้ีได้ขยายตัวอย่างรวดเรว็ มีคน
นิยมใชก้ ันมากย่งิ ข้ึนจึงใช้ชื่อเครือขา่ ยใหม่ว่าอินเตอรเ์ น็ต เครือขา่ ยอินเตอร์เนต็ เชอ่ื มโยงกนั ระหวา่ งมหาวทิ ยาลัยกับ
มหาวิทยาลัยและขยายตัวรวดเรว็ ออกไปสหู่ นว่ ยงานต่างๆ ทั้งภาครฐั บาลและเอกชนในหลายประเทศ ประเทศไทยได้
เชอ่ื มโยงเครอื ขา่ ยนี้โดยมีมหาวิทยาลัยกว่า 24 แห่ง ต่อผ่านช่องทางสอื่ สารเขา้ สู่อินเตอร์เนต็

อินเตอรเ์ น็ตมปี ระโยชน์ตอ่ การศึกษามากทาให้มหาวิทยาลยั ตา่ งๆ ตน่ื ตวั ตอ่ การใช้ ท้ังนี้เพราะวา่ ในระบบ
เครือข่ายมขี อ้ มูลข่าวสารท่ตี อ้ งการมากมาย จงึ มอี ตั ราการขยายตัวของผู้ใช้สูงและครอบคลุมทกุ แห่งทวั่ โลก จงึ ทาให้
อินเตอร์เน็ตมีบทบาทต่อการศึกษาดงั น้ี

1. การใช้เปน็ ระบบสื่อสารส่วนบคุ คล บนอินเตอรเ์ นต็ มอี เิ ลก็ ทรอนกิ ส์เมลห์ รอื เรียกย่อๆ วา่ อเี มล์ (E-mail)
เปน็ ระบบทที่ าใหก้ ารสอ่ื สารระหว่างกนั เกดิ ขน้ึ ได้ง่าย แตล่ ะบุคคลจะมีตูจ้ ดหมายเป็นของตวั เองสามารถสง่ ขอ้ ความถึง
กนั ผา่ นในระบบนี้ โดยสง่ ไปยังตจู้ ดหมายของกนั และกนั นอกจากนย้ี งั สามารถประยุกต์ใปใชท้ างการศกึ ษาได้ เชน่ การ
แจง้ ผลสอบผ่านทางอเี มล์ การสง่ การบ้าน การโตต้ อบบทเรียนต่างๆ ระหว่างอาจารย์กบั นักศึกษา

2. ระบบข่าวสารบนอินเตอร์เนต็ มลี กั ษณะเหมอื นกระดานข่าวทเี่ ชอื่ มโยงถึงกนั ทว่ั โลก ทกุ คนสามารถเปิด
กระดานข่าวท่ีตนเองสนใจ หรือสามารถส่งขา่ วสารผ่านกลุ่มขา่ วบนกระดานน้ีเพอื่ โตต้ อบขา่ วสารกนั ได้ เช่น กลุ่ม
สนใจงานเกษตรก็สามารถมีกระดานขา่ วของตนเองไว้สาหรับอภปิ รายปญั หากนั ได้

3. การใช้เพอ่ื สืบคน้ ข้อมลู ข่าวสารต่างๆ บนอนิ เตอร์เน็ตมีแหล่งขอ้ มลู ขนาดใหญ่ทีเ่ ชือ่ มโยงกนั และติดตอ่ กบั
หอ้ งสมดุ ทั่วโลกทาให้การค้นหาข้อมูลขา่ วสารตา่ งๆ ทาได้อยา่ งรวดเรว็ และมปี ระสทิ ธิภาพหมายถงึ สามารถค้นหาและ
ได้มาซึ่งขอ้ มูลโดยใช้เวลาอันส้นั โดยเฉพาะบนอินเตอร์เนต็ จะมีคาหลกั (Index) ไว้ให้สาหรับการสบื ค้นทรี่ วดเร็ว

4. ฐานขอ้ มูลเครอื ขา่ ยใยแมงมุม ( World Wide Wed) เป็นฐานขอ้ มลู แบบเอกสาร ( Hypertext) และแบบมี
รปู ภาพ ( Hypermedia) จนมาปัจจุบัน ฐานข้อมูลเหล่าน้ไี ดพ้ ฒั นาขน้ึ จนเป็นแบบมลั ติมเี ดีย ( Multimedia) ซ่งึ มีท้งั
ข้อความ รูปภาพ วีดิทศั น์ และเสยี ง ผู้ใชเ้ ครอื ข่ายนีส้ ามารถสืบค้นกนั ได้จากทตี่ า่ งๆ ท่วั โลก

5. การพูดคยุ แบบโต้ตอบหรือคยุ เป็นกลุ่ม บนเครอื ข่ายอนิ เตอรเ์ นต็ สามารถเชอ่ื มตอ่ กนั และพูดคุยกนั ไดด้ ว้ ย
เวลาจรงิ ผูพ้ ดู สามารถพมิ พข์ ้อความโต้ตอบกนั ได้ไมว่ า่ จะอยูท่ ใี่ ดบนเครือข่าย เชน่ ฝ่ายหน่ึงอาจอยู่ตา่ งประเทศอีกฝ่าย
หนงึ่ อย่ใู นทหี่ ่างไกลก็พดู คุยกนั ไดแ้ ละยงั สามารถพดู คุยกนั เป็นกลุ่มได้

6. การส่งถ่ายขอ้ มลู ระหว่างกนั แบบ FTP (Files Transfer Protocol) คอื สามารถทจ่ี ะโอนยา้ ยถา่ ยเทขอ้ มูล
ระหวา่ งกนั เปน็ จานวนมากๆ ได้ โดยสง่ ผ่านระบบเครอื ขา่ ยอินเตอรเ์ นต็ ซึ่งทาใหส้ ะดวกตอ่ การรับ-ส่งขอ้ มูลขา่ วสาร
ซึ่งกันและกันโดยไม่ตอ้ งเดินทางและข่าวสารถึงผ้รู บั ไดอ้ ย่างรวดเรว็ ยิง่ ขนึ้

7. การใช้ทรัพยากรที่ห่างไกลกนั ผู้เรียนอาจเรียนอยู่ที่บา้ นและเรียกใชข้ ้อมลู ทีเ่ ปน็ ทรัพยากรการเรยี นร้ขู อง
มหาวทิ ยาลยั ได้ และยงั สามารถขอใชท้ รพั ยากรคอมพวิ เตอร์ในตา่ งมาวิทยาลัยได้ เชน่ มหาวทิ ยาลยั หนึ่งมีเครอ่ื ง

109

คอมพิวเตอรแ์ บบซูเปอร์คอมพิวเตอรแ์ ละผอู้ ยอู่ กี มหาวิทยาลัยหนงึ่ ก็ขอใช้ได้ ทาใหม้ ีการใชท้ รพั ยากรที่เปน็ ซอฟตแ์ วร์
และฮาร์ดแวร์ได้อยา่ งมปี ระโยชนแ์ ละคุม้ คา่ อยา่ งยิ่ง

ดังน้นั จงึ เหน็ ไดว้ ่าประโยชนข์ องเครือข่ายอินเตอร์เน็ตตอ่ การศกึ ษายงั มอี ีกมาก มหาวทิ ยาลยั เกอื บทกุ แหง่ จึงเร่ง
ทจ่ี ะมีโครงการสรา้ งเครือข่ายความเรว็ สูงขน้ึ ในมหาวทิ ยาลยั เพอ่ื ให้ทรพั ยากรภายในและผูใ้ ชเ้ ชื่อมโยงถึงกันได้
นอกจากน้ันยงั สามารถตอ่ เชอื่ มเข้าสรู่ ะบบอินเตอร์เนต็ ได้
9. m-Learning

m-Learning (mobile learning) คอื การจัดการเรียนการสอนหรือบทเรียนสาเร็จรูป ( Instruction Package) ที่
นาเสนอเน้ือหาและกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านเทคโนโลยีไร้สาย ( wireless telecommunication network) และ
เทคโนโลยอี นิ เทอร์เนต็ ผ้เู รียนสามารถเรยี นไดท้ ุกทแี่ ละทุกเวลา โดยไม่ต้องเช่อื มตอ่ โดยใชส้ ายสัญญาณ ผู้เรยี นและ
ผสู้ อนใชเ้ คร่อื งมอื สาคัญ คือ อปุ กรณ์ประเภทเคลอ่ื นท่ไี ดโ้ ดยสะดวกและสามารถเชอ่ื มตอ่ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์โดยไม่
ต้องใช้สายสัญญาณแบบเวลาจรงิ ได้แก่ Notebook Computer, Portable computer, Tablet PC, Cell Phones ในการจดั
กจิ กรรมการเรียนการสอน
สาหรบั พัฒนาการของ m-Learning เป็นพัฒนาการนวัตกรรมการเรียนการสอนมาจากนวตั กรรมการเรยี นการ
สอนทางไกล หรอื d-Learning (Distance Learning) และการจัดการเรยี นการสอนแบบ e-Learning (Electronic
Learning) ดงั ภาพประกอบตอ่ ไปนี้

รปู แสดงความสัมพันธร์ ะหว่าง d-Learning, e-Learning และ m-Learning
ท่มี า : http://ecet.ecs.ru.acad.bg/cst04/Docs/sIV/428.pdf

อุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการเรียนการสอนแบบ m-Learning
การจดั การเรียนการสอนแบบ m-Learning นนั้ ผเู้ รียนต้องใชอ้ ุปกรณแ์ บบติดตามตัวหรือเคลื่อนไปได้

โดยสะดวก ( mobile devices) ซึง่ อปุ กรณ์แตล่ ะประเภทมคี วามสามารถ มขี นาดและราคาที่แตกต่างกนั ไป อุปกรณ์
เคล่อื นที่ที่สามารถนามาใชเ้ ป็นเครื่องมือสาหรับการเรยี นการสอนแบบ m-Learning ได้ มดี งั น้ี

110

 Notebook computers เปน็ คอมพวิ เตอรข์ นาดพกพาได้ มีความสามารถเทียบเท่าหรือเหนือกวา่ เคร่อื ง
คอมพิวเตอรท์ ั่วไป (Desktop of Personal Computer) ปจั จบุ นั มขี นาดเล็กและสามารถพกพาได้โดยสะดวก
แตร่ าคายังคอ่ นขา้ งสูง

 Tablet PC เป็นคอมพวิ เตอร์ชนิดพกพา มคี วามสามารถเหมือนกนั PC บางชนิดไม่มแี ป้นพมิ พ์แตใ่ ช้
ซอฟต์แวร์ประเภทรจู้ าลายมือในการรับข้อมลู ยังมีราคาแพงอยู่มาก

 Personal Digital Assistant (PDA) เปน็ อปุ กรณ์พกพา เสมอื นเป็นผชู้ ่วยดิจติ อลส่วนตวั หน่วยประมวลผล
มคี วามสามารถสงู จอภาพแสดงผลได้ถงึ 65000 สขี ึ้นไป สามารถประมวลผลไฟล์ประเภทมัลติมีเดยี ได้
ทุกประเภท ซอฟต์แวรร์ ะบบปฏิบัติการมักใช้ Palm หรอื Microsoft Pocket PC มีซอฟตแ์ วร์ให้เลือกตดิ ตงั้
ได้หลากหลาย

 Cellular phones เปน็ อปุ กรณ์ประเภทโทรศพั ท์มือถอื ทวั่ ไป เน้นการใชข้ อ้ มลู ประเภทเสยี งและการรบั สง่
ข้อความ (SMS) มขี อ้ จากัด คอื มหี นว่ ยความจานอ้ ย อัตราการโอนถา่ ยขอ้ มูลตา่ ในรุ่นท่มี ีความสามารถ
สามารถเชือ่ มตอ่ อนิ เทอร์เนต็ ผ่าน WAP (Wireless Application Protocol) หรือ GPRS (General Packet
Radio Service)

111

 Smart Phones เปน็ อุปกรณ์โทรศัพท์เคล่ือนทค่ี วามสามารถสูง รวมความสามารถของ PDA และ Cellular
phones เข้าดว้ ยกัน อาจมีขนาดเล็กกว่า PDA และใหญ่กว่า Cellular phones ใช้ระบบปฏบิ ัตกิ าร คอื
Symbian หรอื Windows Mobile มโี ปรแกรมประเภท Internet Browser ใชเ้ ป็นอปุ กรณ์ Multimedia
สาหรับการเรยี นการสอนไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

ข้อดขี อง m-Learning
 การใช้ m-Learning สามารถใช้ได้ทกุ สถานท่แี ละทกุ เวลา ถึงแมส้ ถานทนี่ น้ั จะไมม่ สี ายสัญญาณให้
เชอื่ มต่อกับเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ เป็นการแก้ไขปญั หาในการเรยี นแบบ Location Dependent
Education
 อุปกรณส์ าหรบั เชื่อมต่อแบบไร้สายสว่ นมาก มกั มรี าคาตา่ กว่าเครอื่ งคอมพวิ เตอร์แบบต้ังโต๊ะ และมี
ขนาด น้าหนกั นอ้ ยกว่าคอมพิวเตอรส์ ่วนบคุ คลท่ัวไป ทาใหส้ ะดวกในการพกพาไปในสถานทต่ี ่าง ๆ
ผูเ้ รียนสามารถเลือกเรียนสถานทใ่ี ด เวลาใดก็ได้
 จานวนผู้ใชง้ านอปุ กรณเ์ คลอ่ื นท่มี จี านวนมาก และใชอ้ ย่แู ลว้ ในชีวิตประจาวัน หากนาอุปกรณห์ รอื
เทคโนโลยีไรส้ ายมาใช้ในการจัดการเรยี นการสอน ก็จะเปน็ การเพม่ิ ช่องทางและจานวนผ้เู รียนได้
 การเรียนในรูปแบบ m-Learning เปน็ การเรยี นรูแ้ บบเวลาจริง เนื้อหามีความยืดหยนุ่ กว่าบทเรียนแบบ
e-Learning ทาให้การเรยี นรูได้รบั ข้อมลู ท่ที นั สมัยและสอดคลอ้ งกับสถานการณป์ จั จบุ นั ได้ดีกว่า e-
Learning
 ผู้เรยี นสามารถมปี ฏิสัมพันธ์กบั ผสู้ อนหรือเพือ่ นร่วมชนั้ เรยี นได้ทนั ที เชน่ การสง่ ข้อความ การส่ง
ไฟล์รปู ภาพ หรอื แม้กระทัง่ การสนทนาแบบเวลาจริง (Real time)
 มีคา่ ใชจ้ า่ ยโดยรวมถูกกว่าบทเรยี นที่นาเสนอผ่านไมโครคอมพวิ เตอร์ ท้ังด้านฮาร์ดแวร์และ
ซอฟตแ์ วร์

ข้อจากดั ของ m-Learning
 จอภาพแสดงผลของอุปกรณ์เคลื่อนทสี่ ว่ นใหญม่ ขี นาดเล็ก โดยเฉพาะในโทรศัพทม์ อื ถือ ทาใหไ้ ม่
สามารถแสดงขอ้ มูล สารสนเทศให้ผู้เรียนเห็นไดอ้ ยา่ งชัดเจน
 อุปกรณแ์ บบเคลอ่ื นที่ ส่วนมากมีขนาดหนว่ ยความจามคี วามจนุ อ้ ยกว่าคอมพวิ เตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป
ทาให้มีข้อจากดั ในการจดั เกบ็ ไฟลป์ ระเภทมัลตมิ เี ดยี
 การปรบั เปลี่ยนหรือเพมิ่ อปุ กรณใ์ นอปุ กรณแ์ บบเคลอื่ นท่ี ทาได้ยากกวา่ คอมพวิ เตอร์
 เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรห์ รือเทคโนโลยีทใี่ ชใ้ นการเชื่อมตอ่ เครอื ขา่ ยมคี วามเรว็ ต่า เป็นอุปสรรคสาคญั
ในการเรยี นแบบ m-Learning เพราะไมส่ ามารถใช้สอื่ ประเภทมัลตมิ ีเดียขนาดใหญ่

112

 แบตเตอรี่หรอื แหลง่ จ่ายไฟของอปุ กรณเ์ คลื่อนท่ีมีระยะเวลาทีจ่ ากัด ทาใหไ้ ม่สามารถใชง้ านได้
ตลอดเวลา

 อปุ กรณ์แบบไร้สายมหี ลายรุ่น หลายยห่ี อ้ คุณสมบตั ขิ องแต่ละเครือ่ งกแ็ ตกต่างกนั การใชง้ านก็ย่อม
แตกตา่ งกนั ไป ยกตัวอย่างเช่น หน้าจอทีเ่ ล็ก หนว่ ยความจาท่มี ีจากดั และนอ้ ย ทาให้ไม่เอื้ออานวยตอ่
การ ดาวน์โหลด ขอ้ มลู โดยเฉพาะขอ้ มลู รปู ภาพ และเสียง ท่ตี อ้ งใชห้ นว่ ยความจามาก

สรปุ

การเติบโตของเทคโนโลยสี ารสนเทศมีลกั ษณะเปน็ แบบก้าวหน้า เช่น มกี ารพฒั นาทกุ ๆ สามปี และพัฒนาการ
ทางความเรว็ ของคอมพิวเตอร์จะเพิ่มขน้ึ ได้ประมาณสองเทา่ เมอ่ื เป็นเช่นน้คี วามกา้ วหน้าทางเทคโนโลยสี ารสนเทศจึง
มีแนวโน้มทจี่ ะก้าวไปได้อีกมาก ความฝนั หรอื จินตนาการตา่ งๆ ท่คี ดิ ไว้ จะเปน็ จรงิ ในอนาคต พฒั นาการเหล่าน้ีย่อมมี
บทบาททสี่ าคญั ตอ่ การศกึ ษาอย่างมาก องค์กรท่ที าหน้าที่ในการวางแผนการศึกษาของชาติจะตอ้ งให้ความสาคัญกับ
การใช้เทคโนโลยเี หล่าน้ีอยา่ งเตม็ ท่ี การนาเอาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ให้เกิดประโยชนต์ ่อมวลมนุษยจ์ ึงเปน็ เร่ือง
สาคัญ อย่างไรกต็ ามการลงทุนทางดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศมีราคาแพง จงึ จาเปน็ ต้องเลือกสรรใหเ้ หมาะสมกับการ
ใช้ประโยชน์ผทู้ ี่เกีย่ วข้องจึงต้องมกี ารศึกษา และวางแผนให้เหมาะสมเพ่ือก่อให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด และอยา่ คดิ ว่า
เทคโนโลยีสารสนเทศนเ้ี ป็นเพยี งเครื่องประดับเท่าน้ัน

แบบฝึกหดั ทา้ ยบท
1. CAI แตกต่างจาก WBI อย่างไร
2. ยกตวั อยา่ งเทคโนโลยสี ารสนเทศทส่ี ามารถนามาใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนมา 5 ประเภท

พรอ้ มทง้ั ระบุขอ้ ดีข้อเสีย
3. จงบอกเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสาหรับการเรียนการสอนทเ่ี น้นความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล พรอ้ ม

ท้ังอธิบายวธิ ีการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศนน้ั ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
4. จงบอกเทคโนโลยสี ารสนเทศที่เหมาะสาหรับการเรียนการสอนกลุ่มใหญ่ พรอ้ มทัง้ อธบิ ายวิธกี ารใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศนัน้ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
5. ยกตัวอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศทีน่ ามาใช้ในการเรยี นการสอนที่แตกต่างจากเนือ้ หาในบทเรยี นน้มี า 1

ประเภท พรอ้ มทง้ั บอกรายละเอียดและข้อดีขอ้ เสีย


Click to View FlipBook Version