The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานวรรณกรรมรัฐพงศ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by boonyisa6220, 2022-03-02 09:54:08

รายงานวรรณกรรมรัฐพงศ์

รายงานวรรณกรรมรัฐพงศ์



รายงานพจิ ารณาวรรณกรรม
เรือ่ ง ครอบครัวของฉัน

จดั ทำโดย
นาย รฐั พงศ์ หวงั สง่า
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 4 เลขท6ี่

เสนอ
นางสาว ปาริชาต นวลวิจติ ร

รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหนงึ่ ของรายวชิ าภาษาไทยเพิม่ เติม
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564

โรงเรียนกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั กระบ่ี

ขก

คำนำ

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทยเพิ่มเติม ในระดับชั้น
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 โดยมีวัตถุประสงค์เพอ่ื ใช้ในการศึกษาหาความรู้ที่ได้จากหนังสือท่ีอ่าน
คือ เรื่อง ครอบครัวของฉัน ทั้งนี้ในรายงานฉบับน้ีประกอบไปด้วยเนื้อหา แนวคิดรวมถงึ
การสะท้อนให้เหนถึงชวี ิตทผ่ี ู้แต่งได้เขียนขนึ้ มาในหนงั สือ

ผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อในการทำรายงานเนื่องมาจากเป็นเรื่องที่เขียนถึงชีวิตความ
เป็นจริง การใช้ชีวิตในสังคมและการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ทำให้เราได้เรียนรู้และคดิ
ตามไปกบั หนงั สอื เล่มนี้

ทางผจู้ ัดทำก็ต้องขอขอบคณุ คุณครู ปาริชาต นวลวจิ ติ ร ท่ใี หค้ วามรแู้ ละแนวทาง
การศึกษา ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นความรู้ให้กับผู้ที่มา
ศึกษา

ผู้จัดทำ
นายรัฐพงศ์ หวงั สงา่

สารบัญ คข

เรอ่ื ง หน้า
คำนำ ก
สารบญั ข
นิยามเรอ่ื งส้ัน 1
ประวัตผิ ้แู ตง่ 2
3
-งานเขียนคร้งั แรก
-ผลงานในด้านต่างๆ 4
รายชอื่ เรือ่ งส้ัน 5
เรื่องยอ่ ขาซา้ ยของแม่
-การวิเคราะห์ของเรอ่ื ง 11
เร่ืองยอ่ ถ้าผมเปน็ พอ่
-การวิเคราะห์ของเรอ่ื ง 16
เร่ืองยอ่ คืนเหน็บหนาว
-การวเิ คราะห์ของเรอ่ื ง 21
เรื่องยอ่ ดอกเลอื ด
-การวเิ คราะหข์ องเรอ่ื ง 26
เรอ่ื งยอ่ ครอบครวั กลางถนน
-การวิเคราะห์ของเรอ่ื ง 33
สรปุ 34
บรรณนานุกรม

1

บทนิยามเรือ่ งสนั้ เรอ่ื ง ครอบครัวกลางถนน

ครอบครัวกลางถนนเป็นหนังสือวรรณกรรมประเภทร้อย เรื่องสั้น 13 เรื่องของ
ศิลา โคมฉาย มีลักษณะสะท้อนการใช้ชีวิตของคนชั้นกลาง และการใช้ชีวิตในสภาพ
สังคมปัจจุบันบอกถึงความลำบากต่างๆของตัวละครที่พบเจอว่ามีปัญหาในชีวิตอย่างไร
บ้างต้องดิ้นรนในการใช้ชีวิตส่วนใหญ่แสดงภาพชีวิตของคนชั้นกลางในเมืองหลวง ที่
กำลังต่อสู้ดิ้นรนท่ามกลางความผันแปรของสังคมปัจจุบัน ดึงนานาปัญหาหลากหลาย
แงม่ ุมมาผูกรอ้ ยเร่อื งราว เช่น ความสัมพันธ์ ความขัดแย้งของคนในครอบครัว การด้ินรน
เพื่อความอยู่รอด การแก่งแย่งเชือดเฉือนในวงการธุรกิจและการเมือง ความเครียดที่ถกู
สังคมบีบคั้นและเร่งรัด ความกดดันรุนแรงที่ไม่มีทางออก ศิลา โคมฉาย ใช้ความหลัก
แหลมแยบยลสรรค์สร้างขนึ้ จากความเข้าใจชีวิต และสังคมรอบตัว โดยมีลลี าการเขียนท่ี
สมบรู ณด์ ว้ ยกลวธิ ีทางวรรณศิลป์ ใช้สำนวนโวหารท่สี รา้ งบรรยากาศและจนิ ตภาพ ทำให้
ผู้อ่านสามารถสัมผัสอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร เป็นการส่งสารวรรณศิลป์ได้
อยา่ งแนบเนียนและลกึ ซง้ึ

จากชื่อเรือ่ ง ครอบครัวกลางถนน เป็นการตั้งชือ่ เรอ่ื งท่ีต้องการให้ผู้อ่านได้คิดตาม
ว่าการใช้ชีวิตมันลำบากอย่างไรบวกกับสภาพสังคมเละสิ่งแวดล้อมทำให้เราได้มีการคิด
ตามและวิเคราะห์ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆที่ต้องเจอทำให้เรารู้ว่าผู้เขียน
ตอ้ งการให้ได้รถู้ งึ การใชช้ วี ติ ของคนชน้ั กลางนั้นเอง

2

ครอบครัวกลางถนน
สำนกั พมิ พ์ : Pajonphai Publishing
หมวดหมู่ : วรรณกรรมรอ้ ยแก้ว
ประเภทสนิ คา้ : หนงั สอื เรือ่ งสัน้
รางวลั วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยยี่ มอาเซยี น ปี 2536 ได้รบั รางวัลซไี รต์จากรวมเรอื่ ง
สัน้ ชดุ "ครอบครวั กลางถนน"

ประวัติผแู้ ต่ง

วินัย บุญช่วย นามปากกา ศิลา โคมฉาย วันเกิดวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 ที่ อำเภอ
ท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช การศึกษาจบมัธยมศึกษาตอนปลาย จาก โรงเรียนวัดนวลนรดิศ
ก่อนจะมาเรียนต่อที่เรียนระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นช่วงเกิดเหตุการณ์ 6
ตลุ าคม 2519 ดว้ ยความเป็นหนอนหนงั สอื ประกอบกบั มีโอกาสได้คลุกคลีอยูใ่ นแวดวงของนักอ่าน
นกั เขยี น ทำใหเ้ ขาเริม่ มีงานเขียนตงั้ แต่เรียนอยู่ชั้นมธั ยมดว้ ยเรอ่ื งสั้น กอ่ นจะมผี ลงานทั้ง นวนิยาย
ความเรียง สารคดี รายงาน และบทความ เริ่มต้นเขียนหนังสือโดยใช้ชื่อสกุลจริง "วินัย บุญช่วย"
แตพ่ อหลัง 6 ตุลา กลบั มาจากปา่ ก็เขยี นเรื่องสั้นมาจำนวนหนึ่ง 6-7 เรอื่ ง เอาไปทง้ิ ไว้ท่ีมติชน เอา
ไปฝาก เสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการเครือมติชนในขณะนั้น แล้วเรื่องสั้นก็ได้ลงหนังสือ "เฟื่อง
นคร" ขณะนั้นไม่มีนามปากกา บรรณาธิการเสถียรก็ใส่ชื่อ "ศิลา โคมฉาย" นักเขียนที่เขาชอบมี
หลายคน แต่ส่วนใหญ่ชอบงานทางเยอรมันและฝรั่งเศส เขาไม่ค่อยชอบงานด้านฝั่งสหรัฐสัก
เท่าไหร่ นักเขียนที่ชอบก็มี อัลแบรต์ กามูส์ หลู่ซิ่น ลีโอ ตอลสตอย คาลิล ยิบราน ส่วนนักเขียน

3

ไทยชอบอ่านงานของ ลาว คำหอม ศรีบูรพา นิคม รายยวา ศิลา โคมฉาย เคยอยู่ในวงการ
สื่อมวลชน ทำให้เขาเขียนหนังสือได้หลากหลาย ตั้งแต่งานวิจารณ์กีฬา วิจารณ์เพลง วิจารณ์หนัง
ซง่ึ กจ็ ะใช้นามปากกาอ่นื ๆ ไปตามสาระของคอลมั น์
งานเขยี นคร้ังแรก

เร่ืองสัน้ จำนวน 6 - 7 เร่อื ง ไดล้ งหนงั สอื "เฟือ่ งนคร"
ผลงานด้านเพลง

เปน็ ผู้แต่งคำรอ้ งและทำนองเพลง "ดาวแดงแหง่ ภพู าน" ท่มี ีชื่อเสยี ง

ผลงานรวมเลม่
ผลงานดา้ นหนังสอื
พ.ศ. 2516 "ก่อนจะสิ้นแสงดาว" ไดล้ งพิมพ์ใน "สยาม-รฐั สัปดาหว์ จิ ารณ"์
พ.ศ. 2517 ไดเ้ ขา้ เรียนทีม่ หาวทิ ยาลัยรามคำแหง และได้รว่ มงานกับรุน่ พ่ี และได้ทำ

หนงั สอื เฉพาะกิจ เรื่อง "เวลา"
พ.ศ. 2518 ก่อตัง้ วงดนตรเี พือ่ ชีวิต "โคมฉาย"
พ.ศ. 2532 ได้พมิ พ์นวนยิ ายเรือ่ ง "ทางเสือ" และใช้นามปากกาว่า "ศิลา โคมฉาย"

พ.ศ. 2536 ไดร้ บั รางวัลซีไรต์จากรวมเร่ืองสัน้ ชดุ "ครอบครวั กลางถนน"
นอกจากนี้ ยังมผี ลงานที่รวมเล่ม ไดแ้ ก่ เร่อื งสน้ั พันธะแห่งเสรีภาพ, ครอบครัวกลางถนน, แลว้
เมลด็ พันธม์ุ ิหยงั่ ราก, เธอมองไม่เหน็ เสน้ ขอบฟ้า(พ.ศ. 2560) สว่ นนวนิยายมีทางเสอื และในกรง
เลบ็
เกยี รตยิ ศทีไ่ ด้รับ

พ.ศ. 2535 ไดร้ ับรางวัลซไี รต์จากรวมเรื่องสัน้ ชดุ "ครอบครวั กลางถนน"
ปัจจุบนั

ปัจจุบนั เป็นนักเขยี นประจำอยู่ หนังสือพมิ พ์รายวนั บางกอก ทูเดย์ คอลัมน์บางกอกดดู ี

4

ครอบครัวกลางถนน
เปน็ หนงั สอื เรื่องส้นั 13เรอ่ื ง
1.ขาซา้ ยของแม่
2.ถ้าผมเปน็ พ่อ
3.ด่าน
4.คนื เหน็บหนาว
5.ดอกเลอื ด
6.ผเู้ ข้าใจ
7.ครอบครัวกลางถนน
8.อสิ รภาพ
9.มีดของนาย
10.มโนกรรม
11.เทพธิดา
12.เสียหมา
13.เด็กหวั ขี้เลื่อย

5

ขาซ้ายของแม่

ขาซ้ายของแม่ เป็นเรื่องราวของหนุ่มวัยกลางคนที่เป็นบ้านนอกเเต่ต้องไปทำงานในเมือง
เริม่ ด้วยการท่ีเขาได้รับจดหมายจากเเมข่ องเขาว่าเปน็ อย่างไรบ้างสบายดีไหมจดหมายท่ีเต็มไปด้าย
ลายมือของเเม่ที่มีรอยเปื้อนเต็มไปหมดบอกถึงความจริงใจและความรักที่มีต่อลูกและต่อมาครั้ง
เมื่อเขาได้กลับไปหาเเม่พร้อมกับแฟนสาวกลับมารอบนี้เขาก็สังเกตุว่าขาซ้ายของเเม่มีอะไร
บางอย่างเขาเลยถามว่า ขาเป็นอะไร? เเม่ของเขาก็เลยตอบว่าบางทีมันชาจนเเข็งหัวเข่าอ่อนล้า
ลูกของเขาจึงถามว่า “นานเเล้วยัง ผมไม่รู้เลย” เเม่ตอบว่า”เป็นมาเกือบปีๆเเล้ว เเต่ไม่เป็นไร
หรอกเเม่ยังไปไหนมาไหนได้” เขาเลยได้รุว่าคำพูดนี้ทำให้เขารู้สึกและคิดต่อมาเเม่ของเขาก็ได้ไป
หาส้มมาให้ลกู ของเขาทำให้ลูกของเขาเหนชดั ขึน้ กับขาซ้ายท่มี ีปัญหาของเเม่ต่อมาลูกก็ได้ถาม”เเม่
ไปหาหมอบ้างหรือยัง”เเม่ตอบว่า”ไม่เปนไรหมอนวดบีบๆเดียวก็หายตอนนี้เเม่ไม่ได้ไปหาหมอ
หลายวันเเล้ว” ต่อมาเเม่ก็ได้พูดถงึ น้องสาวคนที่4ที่รบั ราชการจึงพูดคล้ายจะน้อยใจที่ลกู ชายคนนี้
ไม่ได้เป็นข้าราชการ ต่อมาเขาก็ได้คิดถึงว่าเขาจะช่วยรักษาเเม่ยังไงในหัวของเขาก็อยากที่จะเก็บ
เงินสกั กอ้ นนงึ เพอ่ื รกั ษาเเม่เเต่ด้วยมีเหตผุ ลหลายอยา่ งทัง้ การท่ีต้องดูเเลแฟนทำให้เขาก็ไม่ได้คิดถึง
เรื่องขาของเเม่เลยถึงแม้เขาได้ไปเยี่ยมพี่สาวเเต่เขาก็ไม่ได้บอกเรื่องขาของเเม่เลยทำให้ได้รับ
จดหมายอีกครั้งที่เเม่ได้บอกวา่ ปวดเข่ามากๆเลยเขารู้สึกเศร้าใจมากจนไม่รู้จะเริ่มต้นยงั ไง “กราบ
เท้าคุณแม่ท่ีเคารพ” เมื่อจบข้อความนี้ก็ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อไปดี และเขาคิดต่อไปว่า “กราบเท้า
คุณแม่...ใช่สิ กราบเท้าคุณแม่แต่เป็นข้างซ้ายนะ โปรดเถิดอย่าเป็นอะไรให้มากกว่านี้ ถ้าโชคช่วย
จะรีบมารกั ษา ผมใหส้ ญั ญา”

วิเคราะห์เนื้อเรือ่ ง

1.รูปแบบ

เรอื่ งครอบครวั กลางถนน ตอน ขาซ้ายของแม่

ประเภท เรื่องสัน้

2.โครงเร่อื ง

- การเริ่มเรื่องหรือการเปดิ เรอ่ื ง

ผู้เขียนเลือกถ่ายทอดเรื่องราวโดยการเล่าความขัดแย้งที่มีอยู่ในใจของตัวละครหลักที่ต้อง
ต่อสู้กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี โดยให้เห็นว่าการทานของแม่อย่างหนักที่ยอมเสียสละทำงานหนัก
เพื่อลูกของเขาผู้เขียนเปิดเรื่องโดยการเขียนขดหมายส่งถึงกันเพื่อให้ได้รู้สุขภาพของแม่ เละสร้าง
ปญั หาหลักของเร่ือง มกี ารเปิดเรอ่ื งโดยใช้ข้อความสน้ั ๆท่วี ่า

6

“เป็นอยา่ งไรบ้างลูก สบายดีหรอื ?...” คำพดู นี้เป็นการเปิดเร่ืองคือการทเ่ี ขาไดร้ บั จดหมาย
จากแมข่ องเขา จดหมายทเ่ี ริ่มต้นงา่ ยๆ ไม่มแี บบแผนเหมือนเปน็ การผลักบานประตูเข้ามาถามไถ่

- การดำเนนิ เรอื่ ง

ผู้เขยี นดำเนนิ เร่ืองโดยการท่ีใหล้ ูกชายของเขาได้กลับไปเย่ียมแมแ่ ล้วก็ได้เจอกับปัญหาของ
แม่ตามชื่อเรื่อง ขาซ้ายของแม่ ให้ลูกชายของเขาได้ ดังประโยคที่ใช้ในการดำเนินและเป็นจุด
ปัญหาของเร่ืองน้ี

“ทำไมหน้านี้?” แม่ไม่อาจซ่อนความปีติเมื่อผมพาว่าที่ลูกสะใภ้ไปกราบเป็นครั้งแรกขณะ
ผมงงงนั กับขาข้างซ้ายของแม่

“ฝนตกชุก สม้ สกุ ลกู ไม้ไม่ม”ี แมพ่ ยายามหดขาเหยียดตรงตามสบายสูท่ ่านั่งสุภาพ เมื่อคน
รักของผมขยบั เขา้ ใกล้ กวา่ จะแลว้ ต้องเผลอร้องครางออกมาสองสามครงั้ และใชม้ อื ชว่ ยดึงขึ้น

“ขาแมเ่ ปน็ อะไร?” ผมมีกังวลใจขึ้น

“ไมร่ ู.้ ..บางทีมันชาจนแข็งเปน็ ท่อนไม้ บางทหี ัวเข่าล้าออ่ นแรงอ่อนเหมอื นจะพบั ”

“นานแล้วยัง ผมไมร่ ู้เลย”

“เปน็ มาเกอื บปีๆแล้ว แรกก็เปน็ เหนบ็ นานๆเข้าชาจนแถบไมร่ ้สู ึก”

“แต่ไมเ่ ป็นไรหรอก ไม่หนักหนาอะไร แม่ยงั ไปไหนมาไหนได้”

- การจบเรอื่ งหรือการปิดเรื่อง

เรื่องนี้ปิดเรื่องโดยการที่ลูกชายของเขาไม่สามารถช่วยอะไรเเม่ของเขาได้เมื่อมีภาระของ
ตัวเองคอื ลกู ชายทำใหล้ มื คดิ เรือ่ งน้ีและปัญหานถ้ี ูกมองข้ามและจบเรอื่ งโดยเขียนจดหมายไปหาแม่
แต่ไม่ได้เอาเงินรกั ษาแม่ของเขาเลย ก่อนจบเร่ืองเขาไดร้ บั จดหมายจากแม่

“...สำหรับแม่สบายดี พักนี้เพียงแต่ขาปวดบ่อยๆขึ้น แต่ไม่เป็นไรหรอก แม่ให้เขานวด
บอ่ ยๆ แกไมต่ อ้ งเปน็ หว่ ง...”

ดวงตาของผมพร่าเลือนไป วินาทีนี้ ความยาวของแถวอักษรในบรรทัดได้แปรเป็นแส้โบยตี
จนสาหัส

วางกระดาษ จบั ปากกาขน้ึ มา สะบดั หัวไลค่ วามสับสน กลบั เขยี นอะไรไม่ได้เลยนอกจากคำ
ขึ้นต้น

7

“กราบเท้าคุณแม่ที่เคารพ...” ผมจะเริ่มต่ออย่างไรดี มือจับปากกาสั่นดิก ในช่องกะโหลกปรากฏ
ตวั อกั ษรมากมายเหลอื เกนิ ล้วนแต่เสียดแทงเยย้ หยัน

“กราบเท้าคุณแม่... ใช่ซิ กราบเท้าคุณแม่ แต่เป็นข้างซ้ายนะ โปรดเถิด... อย่าเป็นอะไรให้
มากกวา่ น้ี ถา้ โชคชว่ ยจะรีบมารกั ษา

ผมใหส้ ัญญา!

บทสนทนากอ่ นจบเร่ืองจะเหน็ ไดว้ ่าลกู ชายของเขาไดล้ ืมเรื่องนีไ้ ปแลว้ แตพ่ อได้รับจดหมาย
จากแม่ก็นึกได้อีกครั้งแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรไดใ้ นอาการขาของแมไ่ ด้แต่เขาได้แต่เขยี นจดหมาย
กลบั ไปแตไ่ ม่ไดช้ ่วยอะไรต่อเลยนอกจากเขยี นจดหมายสง่ กลับไป

3.ตัวละคร

- ตัวละครมีการเปล่ียนแปลง

มีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ต่างๆมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงตามบทบาทในการ
แสดง

- การสรา้ งตัวละคร

ผูเ้ ขยี นสร้างตัวละครท่ีสมจรงิ บอกถึงนสิ ัยของคนปัจจุบันได้ดีทพ่ี อได้ไปอยู่เมืองกรุงก็ลืมตัว
ลมื คิดว่าคนที่คอยเล้ียงดูเรามาคนทคี่ อยดูแลเราแต่พอทา่ นมีปัญหาเราไม่สามารถตอบแทนท่านได้
เลย

- การนำเสนอตวั ละคร

ผู้เขียนนำเสนอโดยการสอดแทรกเหตุการณ์ต่างๆ โดยให้ผู้ทีไ่ ด้อ่านไดเ้ ห็นพฤติกรรมต่างๆ
ของตัวละคร บทบาความสัมพันธ์เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง นิสัยของตัวละครว่าเป็นอย่างไร ทำให้เรารู้ว่า
ตวั ละครตัวน้นั คดิ อะไรอยูแ่ ละมีความสมจริงตามลักษณะของตวั ละคร

- ลักษณะนิสยั และบุคลิกของตัวละคร

ผู้เขียนสร้างตวั ละครแบบตวั กลม มีลกั ษณะนิสัยหลาย ๆ อย่างประกอบกนั ทัง้ ทเี่ ปน็ ส่วนดี
และส่วนบกพร่อง ซึ่งมีลักษณะนิสัยซับซ้อน เป็นลักษณะธรรมชาติของมนุษย์โดยทั่วไป ซึ่งจะ
เปลีย่ นแปลงไปตามสภาพอารมณแ์ ละเหตกุ ารณ์ คล้ายกับชวี ิตจริง สร้างความประทับใจให้ผู้อ่าน
เปน็ อย่างยง่ิ

8

- บทบาททของตัวละคร
ตัวละครท่ีเด่นชัดมี 2 ตัว คือตัวลูกที่เป็นตัวหลักในการดำเนนิ เร่ืองและแม่เป็นทีม่ าของชอ่ื
เรื่องสั้นตัวลูกนั้นเป็นหนุ่มท่ีมาทำงานอยู่ในเมืองมีฐานะพอสมควรแตไ่ มส่ ามารถท่ีจะช่วยรักษาขอ
แม่ของเขาได้ เขาได้แต่คิดที่จะช่วยรักษาขาแม่ของเขาแต่ไม่สามารถใช้เงินของตัวเองที่มีอยู่ได้
เนื่องจากห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายของตัวเองมากกว่า ส่วนแม่ของเขาเป็นผู้หญิงสูงวัยที่ทำงานมาตลอด
ชีวิตเพื่อเลี้ยงดูลูกของเขาแสดงให้เห็นถึงความรักลูกโดยในจดหมายเขียนแม้จะมีปัญหาที่ขาซ้าย
แตก่ ย็ งั มคี วามเป็นห่วงลกู เพราะไม่อยากใหล้ ูกต้องมากังวลเรื่องของตนเอง

4.บทสนทนา
บทสนทนาในเรื่องเน้นไปถึงแม่กับลูกที่เป็นห่วงลูกและไม่ให้เขาต้องมาคิดมากตามบท

สนทนาท่ีว่า
“โอ้ย จะไปทำไมให้เปลืองเงิน คนเฒ่าคนแก่แถวนี้ช่วยจับเส้นสายนวดให้เดียวกหายน่ี

ไม่ได้นวดมาหลายวันเลยดูมันแย่หน่อย” แม่บ่ายเบี่ยงด้วยน้ำเสียงและสีหน้าปกติ ไม่มีอะไร
สลกั สำคญั

“นา่ จะไปเสยี หนอ่ ยหนงึ่ ”
“แก... อย่าหว่ งไปเลย”
บทสนทนานท้ี ำใหเ้ หน็ วา่ แมเ่ ป็นหว่ งลกู มากถึงแมค้ นเป็นแมจ่ ะมีอาการที่ขาซา้ ยก็ตามแต่กไ็ มเ่ คย
บ่นและขอความช่วยเหลือจากลูกเลย

5.ฉากและบรรยากาศ
ฉากในเรื่องที่เห็นได้ชัดคือบ้านของแม่ท่ีเหนถึงสุขภาพของแม่ ผู้เขียนเขียนให้นึกภาพของ

แม่ขณะที่เดินไปเก็บผลไม้ในสวนและทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของแม่ที่ขาซ้ายหากสังเกตการ
เลอื กใช้ถอ้ ยคําสํานวนในการพรรณนาความรู้สึกนึกคิดของตัวละครแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้เขียน
ต้องการมงุ่ ไปทอี่ ารมณค์ วามร้สู กึ ผดิ ของลูก

9

6.ลลี าการใช้ภาษา
พูดด้วยถ้อยคำที่ง่ายและทำให้คิดย้อนตามเรื่องที่เคยผ่านมาและการใช้ถ้อยคำพรรณนา

ของตัวลูกดังประโยคที่ว่า “สมองผมพล่านไปกับภาพที่ประตูสวนและขาซ้ายถูกลากไปจนดึกดื่น
พอหลับตาลง มันช่างแจ่มชัดและบางครั้งขยายใหญ่จนน่าเกลียด ลากผ่านไป-มาอยู่ในห้วงคำนึง
เหมือนจะเหยียบย่ำนึกส่วนด้านหนาให้เละเหลวแล้วจู่ๆ ความอ้างว้างว้าเหว่อย่างเดียวกับ
ความรู้สึกต้องออกจากบ้านมาในครั้งแรก กรูเข้ามาในหัวใจ หอบเอาความหดหู่เข้าห่อหุ้ม ลุกขึ้น
อ่านจดหมายซำ้ สอง ซำ้ สาม”

7.คุณค่าวรรณกรรม
- ด้านเนอ้ื หา
สะท้อนมุมมองการเขยี นทด่ี ูเรียบงา่ ย เขยี นเพ่อื ให้เราย้อนกลับไปคดิ ระหว่างแมก่ บั ลกู ของ

เรอ่ื งน้ี
- ดา้ นวรรณศิลป์
การใช้ถ้อยคําสํานวนในเรื่องนี้เน้นไปที่การเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้อ่านให้รับรู้ร่วม

ไปกับตัวละครหลักที่มีความรู้สึกผิดอัดแน่นที่ไม่สามารถทำตามสิ่งท่ีตัวเองตั้งใจเอาไว้ได้ และเนน้
ไปที่การบอกเล่าพระคุณของแม่เพื่อดึงความรู้สึกร่วมของผู้อ่านให้นึกย้อนกลับไปถึงความ
ยากลําบากของผเู้ ป็นแม่ในการดแู ลลกู จนเตบิ ใหญ่

-ดา้ นสังคม
เรอ่ื งนีส้ ามารถกระตุ้นใหผ้ ูอ้ ่านนึกยอ้ นกลบั ไปพิจารณาบทบาทหนา้ ทขี่ องความเป็นลูกและ
สะท้อนมุมมองที่ผู้แต่งมีต่อสังคมเมืองปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับบางสิ่งบางอย่างน้อยเกินไป ดัง
จะเหน็ ได้จากการกระทำของตัวละครลกู ท่ีความจริงแลว้ สามารถจะแบ่งเงนิ มารกั ษาแม่ได้ แต่กลับ
เลือกที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากกว่า และมองข้ามการทำหน้าที่ตอบแทนพระคุณแม่ด้วย
การให้ความสำคัญกับผหู้ ญิงคนอ่ืนแทนแมข่ องตวั เอง

8.สำนวนภาษา
-การใช้ถ้อยคำ ในเรื่อง ขาซ้ายของแม่ผู้เขียนใช้ถ้อยคำที่ดูเหมือนกับคำพูดทั่วไปแต่ใน

คำพูดมันแฝงให้เราคิดตามและเขยี นใหเ้ หมือนกบั ชีวิตจริงท่ตี ้องพบเจอ

10

- พรรณนาโวหาร
"เป็นอย่างไรบา้ งลูก สบายดีหรือ?..."จดหมายของแมเ่ ร่ิมต้นงา่ ยๆ ไม่มีแบบแผน
เหมือนเป็นการผลักบานประตูเข้ามาถามไถ่ แทนที่จะเป็นตัวหนังสือโยเย้แนวยาวคล้ายรั้วไม้ผุๆ
กนั ววั ควายหมึกลูกลิ่นซึมแข็งเปน็ ก้อนตรงหัวตัว "ง งู' และเป้ือนเป็นคราบสีน้ำเงินหลายแห่ง
- บรรยายโวหาร
สมองผมพลา่ นไปกับภาพทปี่ ระตูสวนและขาซ้ายถกู ลากไปจนดึกด่ืน พอหลับตาลง มันช่าง
แจ่มชัดและบางครั้งขยายใหญ่จนน่าเกลียด ลากผ่านไป-มาอยู่ในห้วงคำนึงเหมือนจะเหยียบย่ำ
สำนึกส่วนด้านหนาให้เละเหลว แล้วจู่ๆ ความอ้างว้างว้าเหว่อย่างเดียวกับความรู้สึกต้องออกจาก
บ้านมาในครง้ั แรก กรเู ข้ามาในหวั ใจ หอบเอาความหดห่เู ขา้ ห่อห้มุ

สรุปความดคี วามเดน่ ของแต่ละเรื่องทีน่ ำมาวเิ คราะห์
เรอื่ ง ขาซา่ ยของแม่
ความดคี วามเด่น ผูเ้ ขียนไดแ้ ต่งเรอื่ งน้ีเพอ่ื ให้คนท่อี า่ นไดค้ ดิ วา่ การที่เราได้ไปใชช้ วี ติ ในเมืองกรุงจะ
เป็นอยา่ งไรการที่เราได้ดีจะลมื คนท่เี บื้องหลังหรือไมค่ นที่คอยชว่ ยเหลือคอยดูแลเราคอยเล้ียงดเู รา
มาตั้งแต่เลก็ ๆโดยสอื่ ผา่ นการเขียนทป่ี ราณตี ของเรอ่ื งขาซ้ายของแมท่ ่ที ำใหเ้ หน็ พฤตกิ รรมต่างๆ
ของตวั ละครใหส้ มชวี ิตจริง

11

ถ้าผมเป็นพอ่

มีลกู ชายคนหนง่ึ นะครบั ทไี่ ม่คอ่ ยเขา้ ใจกบั พอ่ ของเขาเพราะพอ่ ของเขาชอบว่าเขาเหลวไหล
เเต่ในอดีตป้าเคยเล่าให้เขาฟังว่าพ่อของเขาก็เป็นคนที่ชอบหนีเรียน ไปช้อนปลากัดหรือหนีไปชก
มวยตา่ งอำเภอ เมือ่ ลูกของเขาได้เขา้ มาเรยี นกรุงเทพพ่อกลับไม่พอใจในการตัดสนิ ใจของเขาเพราะ
กลัวเขาทำตวั ไม่ดี เขาเข้ามาเรียนในกรุงเทพสกั พักก็พบผูห้ ญิงคนหนึ่งที่สวยมาก ทำให้เขาถึงกลับ
หลงรักเธอ เขาคิดว่าพ่อคงเคยตกอยู่ในความรักแบบนี้เหมือนกัน เพราะป้าเคยบอกว่าตอนพ่อมา
เรียนท่กี รุงเทพ พ่อไดร้ บั จดหมายจากสาวๆทกุ วนั เขากเ็ ลยคดิ ว่าถา้ ย่ายังยุพอ่ จะทำอย่างไรเเต่เขาก็
ไม่กลา้ พูดจึงเขาเลยหยดุ คิดเร่อื งนี้

วเิ คราะหเ์ นื้อเรือ่ ง

1.รปู แบบ

วรรณกรรมร้อยแก้ว เรอ่ื ง ถ้าผมเป็นพอ่

ประเภท เรอ่ื งสน้ั

2.โครงเรอ่ื ง

- การเริ่มเรื่องหรือการเปิดเร่อื ง

ผูเ้ ขียนมกี ารเปิดเร่ืองโดยการท่ีมถี ้อยคำที่วา่ ลกู ชายของเขาดว้ ยประโยคเรม่ิ เรอ่ื งทวี่ า่

แกชั่งเหลวไหล... ทำตัวไม่เอาไหน... เถลไถล... อย่างนี้ไม่น่าไว้วางใจ... และถ้อยคำอีก
มากมายบ่งบอกใหเ้ ห็นถงึ ความขัดแย้งของการเปิดเรอื่ ง

- การดำเนนิ เรื่อง

ผู้เขียนดำเนินเรื่องโดยการที่มีพ่อและลูกของเขามีปัญหากันผู้เขียนดำเนินให้เขาทั้งสองมี
ความขดี แย้งซ่ึงกันและกันและบอกถึงปัญหาต่างๆท่ีพ่อได้พบเจอเพ่ือจะมาสั่งสอนลูกของเขาไม่ให้
เปน็ อยา่ งทีพ่ ่อเคยเปน็ มาในอดีต ดงั ตวั อย่างบทสนทนา

“มันว่าพ่อมนั เป็นจอมเตะบางขี้นาก” ผมยงั จำรอยยิ้มและแววตาขำของย่าได้

“ขา้ กเ็ ลยฉลองศรทั ธาจอมเตะด้วยตะพดปู่แก” แล้วหัวเราะลงลูกคอเอกิ๊ อยา่ งผูพ้ ชิ ิต

“จะตีมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ ตอนนั้นเป็นหนุ่มแล้วนี่ ถ้าให้รู้ตัวมันต้องเผ่นไปก่อน ข้า
ตอ้ งวางแผนแนบเนยี น พูดดกี ับมนั

12

บทสนทนาเป็นคำพูดของยายทท่ี ำใหต้ ัวละครคอื ลกู เกดิ ความคดิ ขัดแยง้ ที่ไดฟ้ งั ทำให้เขาคิด
ว่าพ่อก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเคยทำตัวไม่ดีต่างจึงทำให้ลูกชายของเขาไม่ค่อยเข้าใจกันกับพ่อจึง
เป็นปัญหาของเรอ่ื งนี้

- การจบเรือ่ งหรอื การปดิ เร่ือง
ผ้เู ขยี นมีการจบเร่อื งโดยทล่ี กู ของเขาไดม้ ปี ากเสียงกันกับพอ่ คอื
“พ่อน่าจะรู้เมื่อคำอยากพบผ่าน พ้นริมฝีปากงามคู้นั้น แม้จะแผ่วแต่มันกระทบความรู้สกึ
ได้รุนแรงซ่านซ่าอยู่กลางอก ก่อนจะถูกดูดซึมเข้าไปไว้ในทุกส่วนของร่างกาย และตึงติดแน่นไม่
คลอนคลาย”
นั้นเป็นสาเหตุให้ผมต้องแอบเผ่นออกทางประตู หลังบ้านน้าแต๋วขณะโรงเรียนยังไม่เลิก
อย่างท่พี อใชค้ ำวา่ ไม่เอาไหน... ทำตวั เหลไหล... หรอื ...
“อยากใหพ้ ่อลองเปน็ ผมดู”
“ถ้าพอ่ เปน็ ผม...”
แต่พ่อยังเป็นพ่อนี่นา... งั้นก็ช่วยเอาเงินเข้าบัญชีผมหน่อยแล้วกัน แล้วผมจะได้ไปเปิดไฟ
ไล่แสงอับหม่นหมองใหอ้ อกไปจากห้องน้เี สยี ที

3.ตัวละคร
- ตัวละครมีการเปล่ยี นแปลง
ตัวละครมกี ารเปล่ียนแปลงการพูดต่างๆหรือคำดา่ ท่ีเหมอื นกับชีวิตจริงท่ีตอ้ งเจอกรสั่งสอน

ลกู และเหตุการณ์ต่างๆมากมายทเ่ี ปลยี่ นแปลงอยตู่ ลอดเวลา

- การสร้างตวั ละคร
ผู้เขียนสร้างตัวละครให้คลา้ ยกับชีวิตจริงท่ีพบเจอเนื่องจากในปัจจบุ ันปัญหาแบบนี้มักเจอ
บอ่ ยครง้ั กับการที่ตอ้ งไปเจอกับสังคมขา้ งนอกเจอสงิ่ ใหม่ๆ รวมถงึ บทบาทขงตัวละครท่ีต้องพบเจอ
การทำตัวละครให้มีความธรรมชาติ และสอดคล้องกับเนื้อเรอ่ื ง
- การนำเสนอตัวละคร
ผู้เขียนมีการเล่าเหตุการณ์ของพ่อในอดีตที่เคยผ่านมาทำให้เราได้รู้พฤติกรรมของพ่อ
รวมถึงการพูดคุยเร่ืองในอดีตท่ีบอกผ่านที่ตัวพ่อท่ีเป็นตวั ละครเอกว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้างทำ

13

ให้เราได้ย้อนภาพตมและคิดตามในตัวละครนั้น ทำให้ดูสมจริงและมีความเชื่อมโยงกันใน
สถานการณป์ ัจจบุ นั ของเรือ่ ง

- ลกั ษณะนิสัยและบคุ ลิกของตวั ละคร
ผู้เขียนสร้างตัวละครแบบตัวกลม มีลักษณะนิสัยหลายๆอย่างที่เคยผ่านมาในอดีตบอกถึง
พฤติกรรมต่างๆครั้งที่เคยทำในอดีต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงตาม
เหตุการณเ์ พ่ือใหเ้ รื่องมคี วามสมจรงิ และมคี วามหลากหลายมากยิ่งข้ึน
- บทบาททของตัวละคร
พ่อ เป็นตัวละครท่กี ลา่ วถงึ ชีวิตในอดีตทีเ่ คยพบเจอเม่ือกอ่ นเปน็ คนท่ีชอบหนีเรียน หรอื หนี
ไปชกมวยทำใหร้ ้เู รอ่ื งในอดตี ของตัวละครและนำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ปจั จุบนั ของลกู ชาย
ลกู เป็นตวั ละครท่ีเปรียบเทยี บในปัจจุบันเพื่อใหไ้ ด้ร้เู หนการณ์ทเี่ คยผ่านมา
ป้า เป็นตัวละครประกอบที่สร้างมาเพื่อความขัดแย้งทำให้ลูกของเขาได้คิดเรื่องราวที่ผ่าน
มาของพอ่ และนำไปเปรียบเทยี บ

4.บทสนทนา
ในเรื่องถ้าผมเป็นพ่อผู้เขียนเขียนให้วิเคราะห์พฤติกรรมความขัดแย้งระหว่างพ่อและลูก

สอนให้คิดในเร่ืองทพี่ อ่ เคยทำมาโดยผ่านการบอกเล่าของป้าท่ีเป็นตัวละครอกี ตัวท่ีเคยบอกเรื่องใน
อดตี เกย่ี วกับพอ่ ทำใหเ้ รอ่ื งมีการคิดตามและสมจรงิ มากข้นึ

"แกก็ดทู า่ ไม่เบา" ป้าพดู กบั ผม เล่นเอางง เพราะรวู้ ่าตัวเองหนกั ตรงไหน
"รูปร่างหน้าตาไม่นา่ วางใจ"
"ทำไมละครับ" ผมถาม
"มีแฟนแลว้ ยงั " ป้าไมส่ นใจคำถามของผม
"ยังครับ" ผมเหนยี มจนร้สู ึกรอ้ นฉา่ ทีห่ ู

14

5.ฉากและบรรยากาศ
ในเร่อื งฉากอยู่ในสถานทคี่ ือในห้องของลูกทีม่ ีบรรยากาศทเี่ ขาโดนสั่งสอนและคำดุดา่ จากพ่อของ
เขาในสงิ่ ทีพ่ ่อของเขาเคยผ่านมาและวา่ ลูกของเขาเพื่อไม่ใหล้ กู ของเขาเป็นในส่งิ ท่ีเขาเคยได้ผ่านมา
ในอดีต

6.คุณค่าวรรณกรรม
-เนอื้ หา
การใชเ้ นอ้ื หาทเ่ี หมอื นกับชีวติ จริงแตม่ ีการเล่าเรอ่ื งใหผ้ ู้อ่านไดค้ ิดตามกับเหตุการณ์ของพ่อ

และนำมาเปรียบเทยี บดเู หมือนว่าพ่อของเขาจะเคยทำไม่ดีมาก่อนแต่ส่งิ ทพ่ี ูดทั้งหมดก็เพื่อให้ลูกได้
ดีและไมเ่ ป็นเหมอื นอยา่ งเขา

- ด้านวรรณศิลป์
การใช้ถ้อยคำที่เน้นไปในเรื่องการใช้อารมณ์ความรู้สึกให้รับรู้ร่วมกับตัวละครให้ได้เห็น
ความโกรธของตวั ละครและคำพูดทรี่ นุ แรงเพือ่ ใหล้ กู ขอองเขาได้ตระหนกั และไม่ทำเช่นน้ัน
-ดา้ นสงั คม
เรื่องสั้นถ้าผมเป็นพ่อกระตุ้นให้ผู้อ่านมีความคิดที่คิดในทางท่ีดีคิดในคำพูดของผู้เป็นพ่อท่ี
หว่ งลกู ที่คอยดุด่าแต่คำดุดา่ เหลา่ นัน้ ใหผ้ ู้อ่านไดค้ ิดวา่ ส่ิงท่ีผู้เขยี นได้เขียนล้วนแล้วแต่เปน็ สิ่งทช่ี แ้ี นะ
ในทางทด่ี ีดงั น้ันคำพูดท่ีพ่อดุด่าควรเก็บมาคดิ และนำไปปรบั ใช้

7.สำนวนภาษา
-การใช้ถ้อยคำ ในเรื่องถ้าผมเป็นพ่อผู้เขียนใช้ดำพูดที่ดูรุนแรงแต่ในทางกลับกับคำพูดที่

รุนแรงล้วนแต่เป็นข้อคิดดีๆที่จะสอนลูกเพื่อให้ไม่เป็นอย่างเขา แต่ในเนื้อเรื่องคำพูดที่ไม่ใช่คำด่า
ของพอ่ กม็ ใี ช้ถ้อยคำทไ่ี พเราะ และมคี วามปราณตี

- อุปมาโวหาร เชน่
“ถ้าพ่อเปน็ ผมกต็ ้องทำ...” ประโยคนีค้ อื เปรยี บเสมอื นว่าถ้าใหพ้ ่อลองมาเป็นเหมอื นเขา
บา้ ง

15

- บรรยายโวหาร
วัยของผมเป็นวัยของความฝัน แปรรูปอยู่ตลอดเวลาสว่างเรืองอยู่ในช่องสมองใช่ไหมครับ
พ่อ...พ่อก็เคยผ่านมาแล้ว วันนั้นความฝันของพ่อจะเป็นอะไรผมไม่อาจรู้ แต่ถ้าหากวันนั้นของพอ่
อยู่ในวนั นก้ี ็อาจจะไมต่ ่างจากผม...

สรปุ ความดคี วามเดน่ ของแต่ละเรือ่ งทนี่ ำมาวิเคราะห์
เรอ่ื ง ถา้ ผมเป็นพ่อ
ความดคี วามเดน่ ครอบครัวทกุ คนต่างก็ไมอ่ ยากให้ลกู เดนิ ในทางที่ไมด่ ี เพราะสิ่งท่ีครอบครัวเคย
ผ่านเขาไดเ้ รียนร้เู ขาได้ทำผิดพลาดมากอ่ นจึงอยากให้ลูกของเขาหรอื ตัวผู้อา่ นเองท่มี ลี ูกหรือคนท่ี
เป็นลูกได้อา่ นและคดิ ในแงด่ ีคิดในทางกลบั กนั วา่ สง่ิ ทเ่ี ขาบ่นท่เี ขาด่าเปน็ ส่งิ ทเี่ ขาหวังดเี สมอเพราะ
ครอบครวั น้ีและท่ชี ีแ้ นะใหป้ ระสบผลสำเร็จได้อยา่ งแน่นอนถึงแม้เราจะเชื่อฟงั แตก่ ็ควรเก็บไปคดิ
และทำตามบา้ ง

16

คืนเหน็บหนาว

รถเมย์จอดตรงป้ายบริเวณอนุสาวรีย์ ทุกคนต่างแย่งขึ้นลงรถก็อย่างเบียดเสียด ชายคน
หน่งึ ค่อยๆลงจากรถอยา่ งไมร่ บี ร้อน เพราะไม่อยากแยง้ กับคนอ่ืน พอลงจากรถเมย์เขากเ็ ดินใจลอย
ไปรอบๆอนสุ าวรีย์ เพราะยงั ไม่ดกึ นัก เม่ือเขาเหน็ ของเล่นเด็ก ทำให้เขาคดิ ถงึ ลูก ตอนเด็กๆเขาไม่
เคยได้เล่นของเล่นเหมือนเพื่อนๆ เมื่อมีลูกสิ่งแรกที่เขาคิดคือลูกจะต้องมีของเล่นราวกับเป็นการ
ชดเชย เขามองเห็นศูนย์การค้าจึงเดินเข้าไปในงาน บรรยากาศชวนให้นึกถึงเมียของเขา เพราะใน
ศูนย์การค้ามีแต่สิ่งที่เมียเขาชอบ เมียเขาเป็นคนเรียบร้อย เมียเขาเป็นคนเงียบมาก แม้เขาเมาจน
ขับรถชนเสาไฟ เมียเขาก็ไม่ว่าและยงั คอยดูแลเขาอีกด้วย แต่มีสิ่งหน่ึงทีเ่ ขาทนไม่ได้ เพราะเขาอยู่
กับความกดดันของครอบครัวใหญ่ของเมียและเมียเขาก็ชอบคล้อยตามครอบครัวใหญ่ ครอบครัว
ใหญ่กินอยู่อย่างประหยัด ไม่ชอบเสี่ยงโชค แต่เขาเป็นทุกอย่างที่ครอบครัวใหญ่ไม่ชอบ เขา
พยายามปลดหนี้แต่เขาก็ทำไม่ได้ เมื่อมานั่งปรึกษากับเมีย เมียก็เฉย เขารู้สึกว่าเมียเขาใช้ความ
เงียบเปน็ อาวุธจนบางคร้งั เขาทนไม่ได้ แตท่ ีเ่ ขาต้องทนมาจนถงึ ทุกวันนีก้ ็เพอื่ ลูก

วิเคราะห์เน้อื เรอ่ื ง

1.รูปแบบ

วรรณกรรมร้อยแก้ว เร่อื ง คนื เหน็บหนาว

ประเภท เรอ่ื งสน้ั

2.โครงเร่ือง

-การเร่ิมเรอื่ งหรือการเปิดเรอ่ื ง

ผูเ้ ขียนเปดิ เรอ่ื งโดยเขียนถึงรถโดยสารคันนึงที่เต็มไปดว้ ยความวนุ่ วายของคนท่ีกำลังจะขึ้น
รถและลงจากรถโดยสาร

ต่อมาก็ไดม้ ปี ระโยคทีว่ า่ “...ใหผ้ มบอกกบั ลูกเอง...”

คำกังวานในห้วงคำนึง ผลักดันให้ถอยกรูดไปข้างหลัง มันถูกห่อหุ้ม ด้วยความรู้สึกแปลกๆ
ผสมผสานไมเ่ ปน็ สัดส่วน ระหว่างเจ็บปวด หวาดกลัว สิ้นหวัง คล้ายๆจะเป็นความหดหู่ไร้เรี่ยวแรง
จนต้องถอนหายใจหนัก สะบัดหวั สองสามที

ประโยคเปิดเรื่องบอกให้เห็นว่าเรื่องนี้มีปัญหาแน่นอนและคนที่กล่าวก็สันนิษฐานได้ว่าตัว
ละครดงั กลา่ วน่าจะเป็นพอ่ ดงั ประโยคน้ี “...ให้ผมบอกกบั ลกู เอง...”

17

- การดำเนนิ เร่อื ง
ผู้เขียนดำเนินเรื่องโดยมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขาคนนั้นก็คือพ่อที่เป็นคนดำเนินเรื่องบอกถึง
เหตกุ ารณ์ต่างๆท่ีได้เจอ เหตกุ ารณ์ตวั อย่างคือ เขาไมเ่ คได้รับของเล่นเลยในตอนเด็กทำให้เขาคิดที่
จะสร้างของเล่นใหล้ ูกของเขา เช่น
“ตอนเป็นเด็ก ตัวเขาไม่ได้ของเล่น แม้อยากได้จนใจแทบขาด งุ่นง่านอิจฉาเพื่อนฝูง หาก
ได้มาก็พ้นความนิยมจนหมดสนุก ของเล่นต้องทำขึ้นเองและเล่นคนเดียว เมื่อมีลูกส่ิงแรกที่เขาคิด
คือแกจะต้องมขี องเล่น ท้งั ซ้อื ให้ ทำให้และสอนใหท้ ำ ราวเปน็ การชดเชย”
- การจบเรื่องหรอื การปิดเรอ่ื ง
ผ้เู ขียนจบเรอ่ื งโดยการให้เหนถึงสงิ่ ทพ่ี อ่ ของเขาไดท้ ำเอาไว้คือการสร้างหนีส้ ิน้ ทำให้คนเป็น
แมค่ ิดจะหยา่ เนื่องจากไม่อยากใหล้ กู ตอ้ งมารบั รู้เร่ืองแบบนี้

3.แนวคิด
แก่นของเรื่อง ทำให้รู้ว่าคนเป็นพ่อก็รักลูกสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับในเมื่อก่อนก็อยากให้ลูกได้

ทำบ้างไม่ใหเ้ ปน็ เหมือนอยา่ งเขาทีไ่ มเ่ คยไดเ้ ลน่ สงิ่ ตา่ งๆเลย

4.ตวั ละคร
- ตัวละครมีการเปล่ียนแปลง
เรื่องนี้มีการเปลี่ยนแปลงของตวั ละครไม่ว่าจะฉากตอนข้ึนการที่ได้ไปที่ต่างๆการที่ต้องพบ

เจอกับเหตุการณ์ต่างๆทำให้ตัวละครมกี ารเปลีย่ นแปลงอยู่ตลอดเวลาและเป็นไปตามบทบาทตาม
ธรรมชาตเิ พ่อื ใหส้ มจรงิ

- การสรา้ งตวั ละคร
ผู้เขียนสร้างตัวละครได้สมจริง โดยทุกบทบาทมีความสอดคล้องกับเนื้อเรื่องมีความเป็น
ธรรมชาติตามเนื้อเรื่อง ทุกตัวละครมีบทบาทของตัวละครเฉพาะอยู่แล้วรวมไปถึงนิสัยต่างๆที่สื่อ
ออกมาของตวั ละคร

18

- ลกั ษณะนสิ ัยของตัวละคร
ผู้เขียนสร้างตัวละครแบบกลมทำใหเ้ หนด้านต่างๆของตัวละครไม่วา่ จะเป็นความรักที่มตี อ่
ลูก รวมถึงปัญหาที่มตี ่อครอบครวั ของฝ่ังภรรยา ทำให้เราได้เห็นมมุ มองทีห่ ลากหลายของตัวละคร
ว่าเปน็ อย่างไร
-บทบาทของตัวละคร
พอ่ เปน็ ตวั ละครเอกทีค่ อยดำเนนิ เร่ืองในทกุ ฉากบอกถงึ ลกั ษณะนิสยั ต่างๆ
แม่ เปน็ ตวั ละครทเี่ งยี บไม่วา่ พอ่ จะพดู อยา่ งไรก็จะไมพ่ อใจและนง่ิ เงยี บ
ลูก ผู้เขียนสร้างมาเพื่อให้พ่อคิดเรื่องในอดีตในสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับเลยคิดที่จะสร้างให้ลูก
ของเขาไมเ่ หนและต้องเจอเหตุการณเ์ หมือนกบั เขา

5.บทสนทนา
ผู้เขียนใชบ้ ทสนทนาท่ไี มม่ าก มีความเปน็ ธรรมชาติที่ใช้พูดกนั อยูแ่ ล้ว ตัวละครมีการพูดจา

โต้ตอบกัน เช่น
“เราต้องหยา่ จากกัน อย่าใหล้ กู ตอ้ งรบั ภาระของคณุ ดว้ ยเลย”
“แล้วฉนั จะพูดกบั ลูกให้เข้าใจ...” เธอว่า
“ขอให้ผมไดบ้ อกกบั ลูกเองเถอะ” เขาเอ๋ยข้ึนอยา่ งคนแพ้
“ตามใจ แตเ่ ร็วหนอ่ ยและกนั ”
บทสนทนานี้บอกให้เห็นถึงความขัดแย้งของตัวละครตัวละครในบทสนทนานี้ก็คือพ่อและแม่ที่มี
ความขัดแยง้ หรือปัญหาของเร่ืองท่ผี เู้ ขยี นได้เขียนข้ึนมา

6.ฉากและบรรยากาศ
ในเรื่องผู้เขียนบรรยายภาพต่างโดยมีอยู่ 3 สถานที่ ที่กล่าวถึงคือบนรถเมย์ สถานที่ขอเลน่

และบ้าน เชน่
เปิดประตูห้องส่หู ้องโล่งใชน้ ่ังเลน่ แตง่ ตัว ดูโทรทัศน์... เปน็ การกลา่ วถึงสถานที่ก็คอื บ้าน

19

7.กลวิธีในการเขียน
- กลวิธกี ารเลา่ เรอ่ื ง
เล่นเรื่องโดยผ่านตัวละครหลักคือพ่อที่ให้ดูชีวิตของเขาที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร รวมถึงการที่

ตอ้ งมามีความขดั แยง้ กับครอบครัวและภรรยา
-กลวธิ กี ารตง้ั ชือ่ เรอื่ ง
มกี ารต้งั ชือ่ เรอื่ งท่ีบอกวา่ เป็นคล้ายๆกับคนื ทีเ่ หนบ็ หนาว คือท่มี ีแตค่ วามเศร้า
- กลวิธสี รา้ งความขดั แย้ง
สร้างความขัดแย้งคือการที่พ่อเป็นคนที่ชอบเสี่ยงโชคไม่ค่อยประหยัดเงินทำให้ครอบครัว

ของภรรยาไม่พอใจในสง่ิ ที่เขาทำ

8.สำนวนภาษา
- การใช้ถ้อยคำ
เลือกสรรคำท่มี ีความประณตี มคี วามไพเราะของเสยี งและเตม็ ไปดว้ ยคำพดู ที่ชวนให้คดิ
- อุปมาโวหาร
ไข่เป็ดวิเศษกลิ้งหมุน แววตาเจ้าหนูลุกวาว ทอประกายตื่นเต้นเมื่อมันแตกออกเสียง

หวั เราะเอ๊กิ !อา๊ ก!ปรบมือชอบใจกังวาน ความสุข ความหวงั ของเดก็ ช่างงา่ ยและซือ่ ตรง
- พรรณนาโวหาร ตัวอยา่ ง
“ลมดึกหน้าหนาวต้นฤดู กรรโชกผ่านหน้าต่างเข้ามา เขาสั่นสะท้าน สิ่งที่บอกว่าเหน็บ

หนาวจบั จิตคือน้ำเปยี กชืน้ บนลานแก้ม ร้อนผา่ วจนเกินทาน”
ตวั อย่างขอ้ ความนปี้ รากฏในการจบเรอื่ งทำให้เราไดร้ ูถ้ ึงเรื่องน้วี ่าความเหน็บหนาวของเร่ืองเป็นมา
อย่างไรและมีการพรรณนาที่ทำให้เกิดภาพท่ีทำใหเ้ กิดอารมณ์ของตัวละครมีการเล่นเสียงและการ
เลน่ คำตา่ งๆทำให้เรอ่ื งนี้มกี ารจบเร่ืองทส่ี วยงาม และไดร้ สชาติ

20

- บรรยายโวหาร
ตอนเป็นเด็ก ตัวเขาไม่เคยได้ของเล่น แม้อยากได้จนใจแทบขาด งุ่นง่าอิจฉาเพื่อนฝูง หาก
ได้มา มักจะพันสมัยนยิ มจนหมดสนุก ของเล่นต้องคิดทำขึ้นเองและสนุกเพยี งผู้เดียว เมื่อมีลูก ส่ิง
แรกทเี่ ขาคิดดแี กจะตอ้ งมขี องเล่น ทั้งซอ้ื ให้ ทำให้และสอนใหท้ ำ เราเปน็ การชดุ เชย
- เทศนาโวหาร
เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้เกลียด เพียงแต่ไม่เคยมีความรู้สึกภูมิใจต่อพ่อสักนิด ไม่โหยหายาม
ห่างเหินคล้ายเป็นแค่คนรู้จัก พ่อที่ทำให้ลูกเกิดความรู้สกึ เช่นน้ี เป็นคนประเภทไหนกันหนอ... ไม่
ขมช่นื ใจบ้างหรอื ไร เม่ือหาคุณคา่ ไม่ไดใ้ นสายตาลูก

สรุปความดีความเดน่ ของแตล่ ะเรอื่ งท่นี ำมาวิเคราะห์
เรื่อง คนื เหนบ็ หนาว
ความดีความเดน่

เป็นเรื่องที่บอกถึงชีวิตของเขาในเมื่อก่อนไม่ค่อยได้รับสิ่งที่ดีๆกับเขาเลยในวัยเด็กเขาไม่
เคยได้เลน่ ของเลน่ เลยพอเขาได้มีครอบครัวตอนโตเขาก็ได้สร้างใหล้ กู ของเขาท้งั ทีต่ ัวเองก็มีหน้ียุแต่
เขาก็ไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนเขาดังนั้นเรื่องนี้ก็จะเด่นไปทางการทำเพื่อลูกถึงพ่อจะไม่เคยได้รับ
สิง่ นัน้ มาแต่เขาไมเ่ คยคิดเสียใจแตเ่ ขาคิดทีจ่ ะทำอย่างไรใหล้ ูกของเขาไดร้ ับของดีๆเหมือนเพ่ือนๆ

21

ดอกเลือด

มีครอบครวั หน่ึงแม่เปน็ นกั เขียนบทประพันธ์หนังแนวแอค็ ช่นั จึงไม่ค่อยมีเวลาอบรมเล้ียงดู
ลกู เมอ่ื ลกู กลบั มาจากโรงเรียนกป็ ล่อยให้ลูกเลน่ ตามอิสระ แตล่ กู ของเขาชอบดูหนังแนวแอ็คชั่นจึง
มีวิธีการเล่นที่รุนแรง เมื่อแม่เห็นพฤติกรรมของลูกจึงพาไปเรียนดนตรีและเล่นกีฬา เพื่อลดความ
รุนแรงในตัวของลูก แม่ไปส่งลูกเรียนได้สักพัก แม่ก็ให้ลูกเลิกเรียน เพราะแม่ไม่มีเวลาไปรับไปส่ง
และปล่อยให้ลูกมพี ฤตกิ รรมอยา่ งเดิม เมื่อแม่เห็นพฤติกรรมรุนแรงต่างๆของลูกแม่ก็นำพฤติกรรม
ของลูกมาเขียนบทประพันธ์ตามปกติ จนวันหนึ่งลูกของเขาดูหนังที่มีการต่อสู้ ทำให้ลูกของเขา
หยิบไม้บรรทัดเหล็กมาฟันคนใช้จนเลือดออด คนใช้ร้องเสียงดัง ทำให้แม่ออกมาดู เมื่อแม่เห็นคน
ใช้เลือดหยดลงบนโต๊ะแม่ก็จินตนาการว่าเหมือนดอกไม้กำลังบานและตั้งใจว่าจะนำไปเขียนเป็น
บทประพันธ์ แม่ช่วยคนใช้ทำแผลและกลับมาเขียนบทต่ออย่างไม่สนใจใคร และปล่อยให้ลูกเล่น
ตามเดิม

วเิ คราะหเ์ นื้อเรื่อง

1.รปู แบบ

วรรณกรรมร้อยแกว้ เร่อื ง ดอกกเลอื ด

ประเภท เรื่องส้ัน

2.โครงเรอ่ื ง

-การเรม่ิ เรอ่ื งหรือการเปิดเรือ่ ง เรม่ิ ต้นด้วยคำบรรยาย “คลาสสคิ ” ซงึ่ พอ่ ของนอ้ งเอ็กซ์ได้
บรรยายคำนี้ไว้ว่าเป็น “ภาพประทับใจ สะเทือนใจ สะใจ ความรุนแรง”พ่อน้องเอ็กซ์ได้นำความ
บริสุทธิ์และความขาวสะอาดไปผสมกับความโหดเหี้ยมและรุนแรง พ่อของน้องเอ็กซ์เป็นนักเขียน
บทภาพยนตร์แอ็คชั่น ซึ่งมีฉากรุนแรงประกอบเสมอ “ ภาพแห่งการทำลายล้างสมจริง ละเอียด
ทุกแง่มุม ความตายผ่านทารุณกรรมสยดสยอง ประเภท “โหดกระฉูด” “เจาะกะโหลกปิดบัญชี
เลือด” “กระสนุ คว้านแค้น” “เลอื ดลา้ งเมือง” ซง่ึ ไม่น่าแปลกถ้าพอ่ น้องเอ็กซจ์ ะเห็นลูกชายตัวเอง
เล่นผาดโผนและเลน่ ตอ่ สู้เปน็ เรอื่ งธรรมดาของเดก็ ผู้ชาย

- การดำเนนิ เร่ือง เป็นเรอื่ งสนั้ ท่สี ่อให้เหน็ ถึงการเลยี้ งลูกด้วยวิธีสมัยใหม่ท่ีปราศจากการตี
และการทำโทษที่รุนแรง โดยทำตามคำแนะนำของกุมารแพทย์ในทีวี “มีเวลาพร้อมหน้าพ่อ-แม่-
ลูกไม่น้อย โอบกอดให้ความรักอบอุ่น ไม่ตะคอกเสียงดัง ตี ด่า ยามลูกทำผิดเพราะกลัวจะทำให้
เด็กอารมณ์ร้าย กระด้าง” ด้วยความที่ว่าน้องเอ็กซ์เป็นบุตรคนแรกและไม่มีน้อง พ่อแม่ของน้อง
เอ็กซ์จึงจำเป็นที่จะต้องพึ่งสื่อวีดีโอในการสอนลูกให้รักและเอื้อเฟื้อ รู้จักสังเกตจดจำ แต่ในทาง

22

กลับกัน พ่อน้องเอ็กซ์ได้บรรยายฉากการสังหารเจ้าพ่อคู่อริ “การสังหารคู่อริใช้เด็กอายุ 14 ปี
หน้าตาดูซ่ือบริสทุ ธิ์เป็นมือสังหาร” การบรรยายฉากสังหารนี้ ทำใหว้ รรณกรรมเรื่องนี้แสดงถึงการ
ประชดประชันด้านโครงสร้าง แทนที่ผู้ประพันธ์จะใช้การประชดประชันทางคำพูด กลับเสนอ
ลกั ษณะเดน่ ดา้ นโครงสรา้ งซ่ึงใช้ความหมายสองความหมายโดยตลอด

-การจบเรื่องหรือการปิดเรื่อง ในตอนจบของเรื่อง “ดอกเลือด” พอ่ นอ้ งเอ็กซ์ ได้บรรยาย
ฉากสำคัญที่สดุ ในเรื่อง “คลาสสิค” “แทงครั้งเดียวอยา่ งถนัดถนี่ ดึงมีดออกแล้วเลือดพุง่ แบบหนัง
จีน... ดูตลกพิกล การเห็นเลือดจะต้องได้อารมณ์เจ็บปวดหรือสะใจกว่านั้น หรือจะให้เลือดหยด
จากปลายมีด....” ในขณะที่พ่อน้องเอ็กซ์กำลังคิดโครงหลักของเรื่อง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่น้อง
เอ็กซ์ใช้ไม้บรรทัดฟุตเหล็กเป็นดาบเลเซอร์ในมือ ใช้ฟันพี่เลี้ยงสาลิกาจนเป็นแผลยาวเป็นแนว
เลือดแดงเข้มกำลังซึมระหว่าง่ามนิ้ว หยดลงบนผ้าปูโต๊ะสีขาว “เลือดค่อยๆ ขยายตัวออกไปรอบ
ด้าน มองคล้ายอาการผลิคลี่ออกดอกของกลีบดอกไม่แดง แต่ละหยดสร้างดอกดวงละลานตา ราว
เป็นพุ่งไม้ดอกพร้อมใจกันเบ่งบาน” ศิลา โคมฉายได้เปรียบเทยี บผ้าปูโต๊ะสีขาวให้เป็นเหมือนชวี ิต
คนเราที่มีแต่ความดี ความขาวสะอาด และความบริสุทธิ์ หากแต่ว่าเลือดเป็นสัญลักษณ์ของความ
เจ็บปวด ความรุนแรง และความโหดเหี้ยม เมื่อเลือดหยดลงบนผ้าปูโต๊ะ กลายเป็นความรุนแรง
ความตาย และความเจ็บปวดที่แผ่ขยายใหญ่ขึ้นบนความสะอาดและบริสุทธิ์ของคนหนึ่งคน ซึ่ง
ผสมผสานกนั ออกมาเป็น “ดอกไมแ้ สนคลาสสคิ ” หรอื ความสวยบนความรุนแรงท่ลี งตัวอยา่ งไม่น่า
เชือ่

3.แนวคิด

เรื่องดอกเลอื ดแสดงให้เหนถึงการเลยี้ งลกู สมยั ใหม่ทไี่ มค่ อ่ ยมีเวลาให้ลูกไม่สอนส่ิงท่ีถูกต้อง
ให้ลูก แสดงถึงปัญหาของชีวิตของพ่อและแม่ ที่สะท้อนถึงตัวลูกว่าเงินที่ใช้จ่ายไม่สามารถช่วยลูก
ให้ดีขึ้นได้และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ การดูแลต่างหากท่ีสำคัญเพราะทำให้รู้จักคิดรู้จักสิ่งถูกส่ิงผิดได้
ในอนาคต

23

4.ตัวละคร
- ตวั ละครมกี ารเปลี่ยนแปลง
ตัวละครมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตอดเวลาในตัวของลูกคือ “เอ็กซ์” มีพฤติกกรมที่

เปลีย่ นแปลงเหมอื นกับชีวิตจรงิ อยตู่ ลอดและมบี ทบาทตามฉากต่างๆทเ่ี หมือนกบั เหตกุ ารปัจจุบันที่
บางครอบครวั ตอ้ งเจอกับเหตกุ ารณ์แบบน้ี

- การสร้างตวั ละคร
ผู้เขียนสร้างตัวละครมีลักษณะนิสัยเป็นธรรมชาติ โดยตัวละครทุกตัวมีบทบาทสอดคล้อง
สัมพนั ธ์ของเรอื่ ง
- ลักษณะนสิ ยั ของตวั ละคร
ผู้เขยี นสรา้ งตวั ละครแบบกลม มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไม่วา่ จะเหตุการณต์ า่ งๆในเน้ือ
เรื่องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด มีลักษณะนิสัยที่ซับซ้อน มีทั้งส่วนดีและไม่ดีในตัวละคร ซึ่งเป็น
ธรรมชาตอิ ยู่แล้วของตวั ละครที่จะต้องเปล่ยี นแปลงตามอารมณแ์ ละเหตกุ ารณท์ ี่คล้ายกบั ชวี ติ จริง
-บทบาทของตวั ละคร
พอ่ -แม่ เป็นคนท่ีปล่อยลูกให้ใช้ชีวติ ตามลำพังไม่เคยสอนลูกหรือมีเวลาดูแลลกู เลย
ลกู (เอก็ ซ์) มนี ิสยั ก้าวร้าวชอบทำรา้ ยผู้อืน่ เนื่องจากขาดการดูแล
คนใช้ เป็นคนที่โดนกระทำแต่ไม่เคยได้รับการสั่งสอนจากการที่ลูกของเขามากระทำเขา
เลย

5.บทสนทนา
ในเรอ่ื ง “ดอกเลอื ด” ไม่มบี ทสนทนาตอ่ กนั แต่เปน็ การพดู ทเ่ี ปน็ ธรรมชาติเหมือนข้อความ

ท่ัวไปใช้พูดกัน แต่มีการเลือกใชค้ ำทีม่ คี วามหมาย เชน่
“เล่นพิเรนทร์ ทำให้เดก็ อารมร้าย กระด้าง”

24

6.ฉากและบรรยากาศ
ในเร่ืองผู้เขยี นบรรยายภาพใหเ้ ห็นถึงสถานทีต่ ่างๆ ทำให้เหน็ ภาพอยา่ งชดั เจนว่าในสถานที่

น้นั ๆเกิดอะไรขนึ้ บ้างและเปน็ อย่างไร

7.กลวิธใี นการเขียน
- กลวิธีการเล่าเรื่อง ผู้เขียนเล่าเรื่องโดยให้เห็นว่าพ่อ-แม่สมัยใหม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก

ปลอ่ ยใหล้ ูกใช้ชีวิตตามใจตนเองและทำรา้ ยผอู้ ืน่ แลว้ ยังไมค่ ดิ ที่จะปรบั พฤตกิ รรมของลกู เลย
- กลวธิ ีการตงั้ ช่อื เรอ่ื ง ทำให้เราคดิ ว่าชอ่ื เร่ืองต้องเกยี่ วกับเลือดแน่ๆ เพราะมีคำว่าลือดอยู่

ในชอื่ เร่ือง
- กลวิธีสร้างความขัดแย้ง ในเรื่อง “ดอกเลือด”ผู้เขียนใช้กลวิธีกรขัดแย้งที่เป็นปัญหา

สำคัญนั้นก็คือลูกของเขาที่ชอบดูหนังแอ็คชั่นแล้วทำตามใจตนเองโดยไม่มีใครห้ามเลยเกิดการทำ
รา้ ย

8.สำนวนภาษา
- การใช้ถอ้ ยคำ
จะเน้นไปในเรื่องของตัวละครทีเ่ ป็นลกู ท่ีมีคำแปลกๆออกมาหลงั จากท่ีเขาได้ดหู นงั แอ็กช่ัน

ตัวอย่าง “ย๊ากซ์ซ์ซ์” กู่แหลม “เฮ้ย!” คำเหล่านี้เปรียบได้ก็คือ เป็นคำ อุทาน โดยคำอุทาน
เหลา่ นี้สังเกตไู ด้จากเคร่ืองหมายอัศเจรีย์ ! กำกบั เสมอ

- ส่วนในบทอื่นก็จะเป็นการใช้ถ้อยคำทั่วไปที่เป็นเหมือนกับภาษาพูดกันทั่วไปเป็นคำพูด
ธรรมชาตขิ องตวั ละคร

- พรรณนาโวหาร
ชั่วขณะที่มันซึมลงสู่เนื้อผ้า เลือดค่อยๆขยายตัวออกไปรอบด้าน มองคล้ายอาการผลิคลี่
ออกของกลีบดอกไม้สีแดง แต่ละหยดสร้างดอกดวงละลานตาราวเป็นพุ่มไม้ดอกพร้อมใจกันเบ่ง
บาน

25

- บรรยายโวหาร

ไม่รู้คำว่า 'คลาสสิก' ติดปากมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้กระทั่งความหมายแท้ๆ และไม่คิดจะ
คน้ คว้าหาคำจำกัดความใดๆ เขารเู้ พียงว่ามันเป็นคำรวบยอดอธิบายความรู้สกึ ส่วนตัว เกิดต่อภาพ
ประทบั ใจ สะเทอื นใจสะใจ ชนดิ กระทบความรสู้ กึ รุนแรง และเป็นทรี่ ้กู ันในแวดวง ใช้มนั สม่ำเสมอ
เมอื่ ต้องแสดงความเห็นต่องานของคนอ่นื ราวเปน็ มาตรวดั คณุ ค่าช้นิ สำคัญ

- เทศนาโวหาร

หลายส่ิงหลายอยา่ งพร่ำสอน ใหร้ กั ให้เออ้ื เฟ้อื ร้จู กั สังเกต จดจำ ท้ังลงมือด้วยตัวเอง และใช้
วิดีโอเป็นสื่อ ช่างน่าแปลก ยิ่งโตยิ่งเบนออกไปจากทางวาดหวัง ดื้อและส่อแววก้าวร้าว เขาซื้อ
กีตาร์ของเล่นให้จุงความสนใจไปหาดนตรี ลูกดันเอาไปทำเป็นปืนของเกตเตอร์จี มือปราบอวกาศ
ในหนงั สงครามพทิ กั ษ์โลก

สรปุ ความดคี วามเด่นของแตล่ ะเรอื่ งทน่ี ำมาวเิ คราะห์

เร่ือง ดอกเลอื ด

ความดคี วามเดน่

เป็นเรอ่ื งทส่ี ามารถนำมาเปรียบเทียบความแตกต่างในเน้ือหาได้อย่างลึกซึ้ง เร่ืองดอกเลือด
ชี้แนะใหผ้ ู้อ่านได้คำนงึ ถงึ ผลในการเลี้ยงดลู ูกที่เหมาะสม รวมทั้งสื่อบันเทิงต่างๆ ที่ควรได้รับในแต่
ละวัน ตัวละคร “น้องเอ็กซ์” นับวันมีแต่ก้าวร้าวรุนแรงมากขึ้นซึ่งผิดไปจากสิ่งที่พ่อแม่คาดหวัง
เอาไว้แต่แทนที่จะได้ปรับแก้กลายเป็นพ่อแม่ไม่ปรับปัญหาตรงนี้แถมยังเอาปัญหาตรงนี้ไปเขียน
เปน็ หนงั สอื ของเขาอีก

26

ครอบครัวกลางถนน

เริ่มด้วยชายคนหนึ่งมีภรรยาท่ีแสนรอบคอบ เขามีนัดตอนบ่ายเเต่ภรรยาเขามีนัดตอน
เที่ยงเชาทั้งสองก็เลยนัดกันไปตอน9โมงเช้าเพราะเป็นเวลาพอเหมาะพอดีนอกจากนี้ภรรยาของ
เขายงั ได้เตรียมกบั ข้าวไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทฟาสท์ฟดู้ ถงั น้ำเเข็ง ขนมนมเนย กระท่งั มะขาม
อ่อน มะยม กระปุกเกลือ ถุงไส่ขยะ กระโถนหรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าชุดสำรองเรียกได้ว่าเหมือนไป
แคมปิ้งกันเลยทีเดียว หลังจากนัน่ พวกเขาก็ได้กลบั มาจากที่ทำงานทุกๆ5โมงเย็นพวกเขากลบั มาก็
พดู ว่าแถบจะคลานขน้ึ เตยี งเนื่องจากทำงานมาก็เหน่ือยและเนอ่ื งด้วยเขามอี ายุตงั้ 38ปีเเล้วทำให้ไม่
มีเวลาได้ทำอย่างอื่นเลย หลังจากนั้นเขาก็ได้เล่าความฝันของเขาที่อยากมีบ้านมีเป็นของตนเอง
อยากเป็นเจ้าของกิจการเเต่ลำพังเงินเเต่ละวันก็ยังไม่พอ รถที่มีก็เป็นสิ่งที่ดีเเล้วทุกๆครั้งที่เขาไป
ทำงานใช้เวลานานเนื่องจากรถติดเเต่ก็มีรถยนต์ต่อให้รถติดเขาก็ยังมีการละเล่นกันในรถมีการ
พดู คยุ กนั ทกุ วนั ทำให้ไมค่ ่อยเบือ่ และไม่ต้องนงั่ ร้อนๆยุบนรถเม วนั ถัดมาเขาได้นอนเต็มอิ่มเขารู้สึก
วา่ เขาเหมือน14อกี คร้ัง เขากไ็ ดท้ ำปกติและไปทำงานตามปกตเิ เต่วนั นี้มีรถชนเสาไฟฟา้ ทำให้รถติด
มากกว่าเดิมในขณะนั้นเขาก็ได้เหนหนุ่มสาวอยอกเล่นกันเขาจึงเกิดมีอารมขึ้นมาจึงหันไปจับ
ใบหน้าของภรรยาต่อมาเขาก็ได้มองไปที่ขาภรรยาทำให้เขาทั กไปว่าขาของเทอสวยจังและขาว
พร้อมกับเสียงสั่นหลังจากนั้นเขาก็ได้ปอดที่กันแดดกะจะจัดภรรยาของเขาในรถเเต่เนื่องจาก
ภรรยาของเขารุทันจึงไมส่ ามารถทำได้หลังจากนั้นเขาก็ไดห้ ยิบตะกรา้ อาหารมารับประทานจนอิ่ม
หลังจากนั้นก็ได้ขับรถต่อมาเขาก็ได้ลงจากรถไปยืดเส้นยืดสายและไปเหนลุงคนหนึ่งกำลังปลูกต้น
กลัวยุเขาก็ได้พูดว่าปลูกต้นกล้วยก็ดีเหมือนกันนะได้ช่วยซับมลพิษลุงคนนั้นจึงชวนเขาปลูกต้น
กลว้ ยในระหว่างรถติด หลงั จากนนั้ เขาก็ได้กลับข้ึนรถและเหนภรรยาของเขากำลังอ้วกไส่ถุงยุเขาก็
เลยรุสึกดีใจที่คิดว่าภรรยาของเขาท้องเเล้วทำให้เขาดีใจ และคิดถึงอนาคตตลอดทางวางเเผน
เกย่ี วกับชีวติ ของเขาอย่างมีความสุข

วิเคราะห์เนื้อเรอื่ ง

1.รูปแบบ

วรรณกรรมรอ้ ยแกว้ เร่อื ง ครอบครัวกลางถนน

ประเภท เรือ่ งส้นั

27

2.โครงเรือ่ ง

- การเร่ิมเร่ืองหรอื การเปิดเรอื่ ง

มกี ารเปดิ เรอื่ งโดยมีตัวละครคนหนึง่ กค็ ือภรรยา เปดิ เรอ่ื งโดยการท่ีบอกว่าภรรยาเป็นคนที่
แสนรอบคอบเนอื่ งสามีมนี ัดตอนบ่ายโมงแต่ภรรยาคนนก้ี ็เตรียมอาหารทีพ่ รอ้ มสำหรับการเดินทาง
ไปทำงานใหก้ ับสามีและเขา

- การดำเนนิ เรอื่ ง

ดำเนินเรื่องโดยการบอกเรื่องราวเกี่ยวกับการไปทำงานของเขาทั้งสองในแต่ละวันไม่ว่าจะ
พบเจอเหตกุ ารณใ์ นการเดินทางไมว่ ่าจะเปน็ รถติดเป็นประจำในการเดินทาง การพบเจอกับผู้คนใน
ระหว่างเดินทางและมกี ารเล่นเกมกนั ในรถ เช่น

“หลกั ตาเสยี ” เธอออกคำส่งั

“หลับทำไม?” ผมฉงอน

“นา... นะ...” เธอว่าพลางลากกระโถนจากหลังรถ วางบนท่ีวางเท้า ถกกระโปรงขึน้ รูดตัว
ลงไปใตพ้ วงมาลัย ผมทำตามสง่ั เอามอื ปิดตาแต่ถ่างนิ้วออก

แอบชมเนียนเน้อื ซงึ่ ไม่ใชข่ องแปลกใหม่ ชว่ งเชน่ นั้นอารมณว์ ิปริตถูกกระตนุ้ จนต่ืนเต้น

“แน้... พลิ ึก คนขี้โกง" เธอคอ้ นเมอ่ื เสร็จกจิ ทุบไหลผ่ มเสยี สองสามที แก้ขวย

- การจบเรือ่ งหรอื การปดิ เรื่อง

จบเรื่องโดยการที่เขามีความสุขที่ภรรยาเขาท้องและเขาพร้อมที่จะวางแผนชีวติ ในอนาคต
เพื่อลูกของเขาเนื่องจากเขาไม่ค่อยมีเวลาเลยพอกลับมาจากที่ทำงานก็ทำให้ไม่มีเวลาที่จะพูดคุย
หรือมคี วามสุขด้วยกันเลยเพราะเหนื่อยจากการทำงาน

“ฉันท่าจะไม่ไหวแล้ว คุณช่วยขับทีเถอะ" แค่เปิดประตูเข้าไปนั่ง ภรรยาของผมครางเสียง
เครอื ใบหนา้ ซีดขาว เมด็ เหง่อื พราวลานหนา้ ผาก ในมือถือถุงพลาสติกรองรบั อาเจียน

"เปน็ อะไรไป?" ผมตระหนกกับสารรูปที่เหน็

"มันวิงเวยี น แลว้ คลนื่ ไสเ้ ปน็ บา้ เลย"

"หนกั เลยหรอื ทนไหวไหม เดี๋ยวจะได้แวะหาหมอ"

"คงไมเ่ ปน้ อะไรมากหรอก" เธอว่า แข็งใจเงยหน้าจ้องตาผมอดึ ใจใหญ่ "เมนไม่มาเกือบสอง
เดอื นเข้าแลว้ สงสัยจะท้อง.."

28

ผมสะท้านเฮือก นิ่งแข็งเป็นท่อนไม้ไปพักใหญ่ก่อนไชโยโห่ฮิ้วให้กับตัวเองเสียงและกลิ่น
อาเจียนโอ้ก! อ้าก! ไม่อาจรบกวนประสาทสวนใดเลย คกึ คะนองจนเกิดความรู้สึกห่ามๆ อยากเปิด
ประตูรถลงไปรอ้ งตะโกน

...เมียผมทอ้ งแลว้ โวย้ ทอ้ งกลางถนน...

3.แนวคิด
บอกถึงปญหาต่างๆของคนชั้นกลางที่กำลังต่อสู้อยู่ในเมืองหลวง แล้วนำเรื่องราวมาโยง

ความสัมพนั ธ์ ไมว่ า่ จะเป็นความสมั พันธข์ องครอบครัว ความขัดแย้งของครอบครัว รวมถึงปัญหาที่
ต้องด้ินรถเพ่อื เอาความอยูร่ อดในแต่ละวนั

4.ตวั ละคร
- ตวั ละครมีการเปล่ียนแปลง
ครอบครังกลางถนนมีตัวละครที่เปล่ียนแปลงอยู่ตลอดในทุกๆฉากของเรื่องมีการสนทนาที่

เหมอื นกบั ชวี ิตจรงิ การทต่ี ้องเผชญิ กับปญั หาจริงๆทำให้เรอื่ งดเู ปน็ ธรรมชาตแิ ละทำให้เกิดข้อคิดดีๆ
ตา่ งๆของการใชช้ ีวติ คนช้ันกลาง

- การสรา้ งตวั ละคร
ผู้เขียนสรา้ งตัวละครข้ึนมาเหมือนกับชวี ิตจริงเหมือนกับเหตุการณท์ ี่ตอ้ งเจอจริงๆในการใช้
ชีวติ ของคนในเมอื งกรุงโดยทกุ ตวั ละครมีบทบาทสอดคล้องกบั เร่ือง
- ลกั ษณะนสิ ยั ของตวั ละคร
ผู้เขียนใช้การสร้างตัวละครแบบแบนไม่ได้มบี ทบาทอะไรมากแต่จะเน้นไปในเรื่องของการ
ใช้ชีวิตการพดู เกีย่ วกับการดำเนนิ ชีวติ ของตวั ละครแต่ตวั ละครไมไ้ ด้มคี วามซับซอ้ นมากเท่าไร
- บทบาทของควั ละคร
ตวั ละครเอกมีด้วยกนั 2 ตัว คือ
พ่อ-แม่ เป็นตัวละครเอกของเรื่องที่ใช้ในการดำเนินเรื่องเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์
ทง้ั หมดและสรา้ งบทบาทโดยการสรา้ งส่ิงรอบข้างให้ดูมคี วามขัดแยง้ กบั ตวั ละครท่ีตอ้ งพบเจอ

29

5.บทสนทนา
ในเรื่องมีการพูดคุยกับตัวละครประกอบเพื่อให้ได้เหนภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นและให้รู้ว่า

สถานการณก์ ำลังทำอะไรอยู่ เช่น
“ทำอะไรครบั ”ผมทักดว้ ยคำถาม
“ปลกู กลว้ ย”เขาตอบโดยไม่ละสายตาจากงานและยม้ิ ให้
“ใบกลว้ ยทง้ั กวา้ งยาวใหญ่ มนั ชว่ ยซบั มลพษิ ทางอากาศได้มาก”
“เนีย่ ผมปลูกมันเรือ่ ยละวันละหน่อสองหนอ่ คณุ จะลองไหม”
“ดเี หมอื นกัน อีกหน่อยคงเปน็ สวนกล้วย”ผมสนองขณะรบั เสียมมาถือไว้
“พอมันแตกใบเขียว เหมือนขับรถอยูใ่ นสวนบรรยากาศน่าจะดีนะ”

จากบทสนทนาทำให้เราได้เห็นเหตุการณ์จริงๆที่เขาได้พบเจอ การพูดคุยกันทำให้เกิดภาพได้
ชัดเจนมากยิ่งขน้ึ

6.ฉากและบรรยากาศ
ผู้เขียนสร้างฉากและบรรยากาศได้สมจริงไม่ว่าจะเป็นฉากที่บ้านของเขาและฉากการใช้

ชีวิตในรถในระหว่างที่รถติดรวมถึงบรรยากาศรอบข้างทีม่ ีความลงตัวทำให้เรานกึ ภาพตามและน่า
ติดตามไปกบั การเลา่ ขอผู้เขยี น เชน่ ถนนกรงุ เทพฯ “รถยงั คงติดเป็นตงั เมตามปกติ”
“รถเคล่ือนข้ามสพานตรงแยกเกษตร กอ่ นจะตดิ แหงก็ ลงใกลๆ้ ”

7.กลวธิ ีในการเขยี น
- กลวิธีการเล่าเร่ือง
เรื่องครอบครัวกลางถนนผู้เขียนได้เขียนให้เห็นภาพการใช้ชีวิตของคนชั้นกลางที่มาอาศัย

ในเมืองกรุงและต้องสู้กับปัญหาต่างๆรอบข้างรวมถึงปัญหาในชีวิตที่ต้องพบเจอในการใช้ชีวิตว่า
เปน็ อยา่ งไร

30

- กลวิธีการตั้งชือ่ เร่อื ง
มีการตั้งชื่อเรื่องท่ีดูจะเป็นครอบครัวเล็กไม่ได้ร่ำรวยอะไรต้ังชื่อเรื่องผู้คนได้อ่านได้คิดตาม
ว่าครอบครัวนี้ตอ้ งเจอเหตุการณ์อะไรบา้ ง
- กลวิธีสรา้ งความขดั แยง้
ผ้เู ขียนได้สรา้ งความขัดแย้งโดยการทีต่ อ้ งเจอกับอุปสรรคในการทำงานของเขาในแต่ละวัน
รวมถึงความขัดแยง้ ในครอบครวั ท่ตี ้องเจอ

8.คณุ ค่าด้านวรรณกรรม
- ดา้ นเนือ้ หา
เนอ้ื หาของเร่อื ง ครอบครัวกลางถนนจะเน้นไปในกลางของคนชั้นกลางทีต่ ้องเจอกับปัญหา

ในเมอื งกรุงไมว่ ่าจะปัญหาในสงั คม ปัญหาครอบครัว ทำให้เหน็ มมุ มองของคนทตี่ ่างกัน การทำให้
ผอู้ ่านไดอ้ ่านและคดิ ตาม

- ด้านวรรณศลิ ป์
การใช้ถอ้ ยคำทเี่ น้นไปในเรอื่ งเนน้ ไปท่อี ารมณ์ของความรู้สึกของผอู้ ่านให้รับรู้ถงึ ตวั ละคร
ตัวอยา่ ง เชน่ ช่างน่าแปลก พออายุ 38 ปี กลับถงึ บ้านตอนหา้ ทุ่ม แทบตะกายขึ้นเตยี งด้วยความ
เปลี้ยเพลียราวเส้นสายในตวั หย่อนยานหมดอายุใช้งาน ท้งั ทีต่ อนเรยี นมัธยม ผมเคนเปน็ นัก
ฟุตบอลของโรงเรยี นครูจบั ใหเ้ ล่นฮาลฟ์ อย่างที่เรียกว่ามิดฟิลดป์ จั จุบนั แถมเป็นประเภทไดนาโม
ว่ิงไดไ้ มร่ เุ หนอื่ ย
ข้อความนเี้ นน้ ไปทกี่ ารบอกเล่าเพ่ือดึงความรูส้ ึกของผอู้ า่ นใหน้ กึ ไปตอนที่เขากำลังหนมุ่ ๆวา่ ตวั เขา
เปน็ อยา่ งไร
- ดา้ นสังคม
ผู้เขียนเขียนให้รู้ถึงกลุ่มคนชนบท ที่ปัจจุบันต้องต่อสู้กับปัญหาต่างๆจึงเกิดความเครียด
และเป็นปัญต่อสุขภาพหรือจิตจี่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง โดยไม่
คำนึงถึงความเสียหายและความถูกต้อง ดังนั้นมนุษย์ควรปรับตัวตามสภาพสังคม แต่ก็ควรอยู่ใน
กรอบ ไมท่ ำให้ผอู้ ื่นเดอื ดรอ้ น พอใจในความเปน็ อยขู่ องตตนเอง

31

9.สำนวนภาษา

-เรื่องครอบครัวกลางถนน เป็นเรื่องที่มีสำนวนที่ใช้เยอะมากเพราะเป็นหนังสือที่ได้รับ
รางวลั ดงั นั้นเรื่องนก้ี ารใชภ้ าษาก็จะเต็มไปด้วยคุณค่าต่างๆและการใชภ้ าษาต่างๆได้ดีท่ีสุดในเล่มน้ี
เลย

ตัวอยา่ งการเลน่ คำ เชน่ “นา...นะ...” , “ยะ... อย่า...”

- อุปมาโวหาร

ตัวอย่าง เหมือนมนต์แห่งพิศวาสหวามยังคงวนเวียนในทำเลนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในความรู้สึก
ว่าผิด ต้องแอบซอ่ น เร่งรีบ หวาดไหว ดิ้นขลุกขลักในที่คับแคบ ดูท้าทายและเย้ายวน ดุจเดียวกับ
ความรสู้ กึ ครง้ั เป็นเดก็ แอบปีนป่ายขโมยมังคดุ ในวัด

ในคำทแ่ี ดงไว้กจ็ ะมคี ำทีป่ รากฏใหเ้ ดน่ ชัดเลยคอื คำว่า ดุจ เปรยี บไดก้ บั การอุปมาโวหารท่ีเปรียบส่ิง
หน่งึ เหมอื บกับอีกส่งิ หน่ึง ซึ่งในทแ่ี ดงไวค้ ือการทเี่ ขาเปรยี บเขาเหมือนกบั ตอนที่ยงั เป็นเด็ก

- พรรณนาโวหาร

หากเราเป็นชนชั้นล่างยากไร้ คงได้ยึดสลัมกลางเมืองเป็นที่พัก เช่นเดียวกับชนชั้นสูง มี
คอนโดมิเนียมไว้ชมอาทิตย์อัสดง ทอประกายทองทาบระลอกคลื่นแม่น้ำนั่นยังไม่สำคัญเท่าความ
ฝันทีพ่ รา่ งพราวอยเู่ สมอ

- บรรยาย

คนงานดีอย่างผมมีหรือเจ้านายไม่เรียกใช้ใกล้ชิดอย่างนัดวันนี้เป็นเจ้าของเครื่องดื่มใหม่
'สาโท-แคนพร้อมให้เราเข้าช่วยสนับสนุนในแผนการตลาด ตั้งแต่คิดตั้งชื่อให้เร้าใจจำง่าย ติดปาก
วางชั้นสินค้าในตลาดระดับกลาง ทำโฆษณาทั้งฮาร์ดเซลล์ตอกย้ำและสร้างภาพพจน์จูงใจ
กลุ่มเป้าหมาย

สรุปความดีความเด่นของแต่ละเรอื่ งทน่ี ำมาวเิ คราะห์

เร่อื ง ครอบครัวกลางถนน

ความดีความเดน่

เรื่องส่วนใหญ่แสดงภาพชีวิตของชนชั้นกลางและชนชั้นล่างในเมืองหลวง ที่กำลังต่อสู้ด้ิน
รนท่ามกลาความแปรผันและความกดดันของสังคปัจจุบัน ซึ่งล้วนเป็นปัญหาหรือประเด็นสำคัญท่ี

32

ชวนให้ผู้อ่านหันมาตระหนักและแก้ไขโดยรวมเรื่องสั้น “ครอบครัวกลางถนน”ถื อว่าเป็น
วรรณกรรมอกี ชิ้นหนึง่ ที่ทำหนา้ ทข่ี องวรรณกรรม คือ เปน็ กระจกสะท้อนสงั คมได้อยา่ งดเี ยย่ี ม

33

สรปุ

เรื่องสั้น เรื่อง ครอบครัวกลางถนนก็เป็นอีกผลงานทางด้านวรรณกรรมประเภทร้อยแก้วที่
ผู้เขียน คือ ศิลา โคมฉาย ที่เขียนขึ้นมาด้วยความรู้สึกและบ่งบอกถึงคุณค่าต่างๆทั้งในด้าน
วรรณศิลป์ การใช้สำนวนโวหาร รวมถึงหารใช้ภาษาที่ชวนให้คิดตามไปกับเรื่องที่เขาเขียน ทั้ง 13
เรอื่ ง โดยนำเสนอผา่ นมมุ มองของตวั ละครที่เป็นธรรมชาติและมีความสมจริงมากและชัดเจน ทำให้
เราได้รู้ชีวิตของคนช้ันกลางที่ต้องเจอกับอุปสรรคต่างๆปัญหาชีวิตต่างๆ ทั้งการเอารัดเอาเปรียบ
การแขง่ ขันของนักธุรกิจตา่ งๆ แลว้ เขายังสะทอ้ นใหเ้ ห็นปัญหาของคนชนั้ กลางกับสภาพสังคมเมือง
ซึ่งลว้ นเปน็ ปญั หาท่ีกำลงั เปน็ อยแู่ ละทกี่ ำลังเป็นในอนาคต และด้วยเหตผุ ลน้ีทำให้ผู้เขียนศิลา โคม
ฉายจงึ ไดร้ ับรางวังซไี รตท์ ีไ่ ม่ใชว่ ่าทุกคนจะทำได้และไม่ไดม้ าเพราะโชคชว่ ยแตส่ ง่ิ ท่เี ขาเขียนข้ึนเป็น
ความสามารถของเขาท่เี ต็มเป่ียมไปด้วยความรู้ความสามารถของตัวผู้เขยี นเองทีเ่ ขียนสอื่ ออกมาใน
เรอ่ื งต่างๆ

- กลวิธีการนำเสนอแนวคิดของเร่อื งทั้งหมด

การนำเสนอแนวคิดผ่านตัวละคร โดยเสนอแนวคิดผ่านตัวละคร 3 ด้าน คือ การเสนอ
แนวคิดผ่านกระแสสำนึกของตัวละคร การเสนอแนวคิดผ่านการบรรยายบุคลิกลักษณะของตัว
ละคร และการเสนอแนวคิดผา่ นบทสนทนาของตัวละคร

การนำเสนอแนวคิดผ่านชื่อเรื่อง ใช้กลวิในการนำเสนอ 2 ลักษณะ คือ การเสนอแนวคิด
ผา่ นชอ่ื เรือ่ งโดยตรงและการเสนอแนวคดิ ผา่ นช่อื เร่อื งโดยนัย

การนำเสนอแนวคิดผ่านฉาก เสนอแนวคิดผ่านฉาก 3 ลักษณะ คือ การเสนอแนวคิดผ่าน
ฉากที่เป็นสถานที่การเสนอแนวคิดผา่ นจากที่เป็นเวลา และการเสนอแนวคิดผ่านจากการดำเนินชี
วดิ ของตวั ละคร

34

บรรณานุกรม

1.หนังสือ
1.1ศิลา โคมฉาย. (2535). ครอบครัวกลางถนน (พมิ ครง้ั ท2่ี 1). โรงพมิ พ์ภาพพิมพ์

กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ผจญภยั .
2.เว็บไซต์

2.1 “ประวตั ผิ ูแ้ ต่ง” ผลงาน รางวัล แหลง่ ทม่ี า
https://sites.google.com/site/khrxbkhrawklangthnn604/phu-taeng ( 24
ธนั วาคม 2564 )


Click to View FlipBook Version