The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตัดผมชาย อิโมจิ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by บุญนํา ดําขํา, 2020-06-28 03:21:28

ตัดผมชาย อิโมจิ

ตัดผมชาย อิโมจิ

วิชาช่างตดั ผมชาย

โดย อาจารยบ์ ญุ นา ดาขา

อ่านตรงนีส้ ักนดิ สารบญั
ประวตั กิ ารไว้ผมสมยั กรงุ สโุ ททัย
ประวตั กิ ารไวผ้ มสมยั กรงุ ศรีอยุธยา การเปา่ ผม-ใส่นา้ มัน
ประวตั ิการไวผ้ มสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ หน้าท่ีของเสน้ ผม
การไวผ้ มจุก ผมเปยี ผมแกละ การถนอมและการรักษาเส้นผม
คณุ สมบตั ิของชา่ งตดั ผม-แต่งผม การยอ้ มสีและกัดสผี ม
ทรงผมมาตรฐาน การยอ้ มสีและกัดสีผมประวดั ย่อของมีดโกน
วิธีคลมุ ผา้ และทาแป้ง การปลงพระเกศาพระมหากระษัตริยใ์ นอดตี
อปุ กรณ์ตดั ผมแบบบาร์เบอร์ ข้อบญั ญัติกรุงเทพมหานครเร่ืองควบคุม
การต่ังฟันปัตตาเลอื่ น การแตง่ ผม พ.ศ 2518
วิธจี ับปตั ตาเลอื่ นไฟฟา้ กลอนเตือนช่าง
วิธจี ับปตั ตาเลอ่ื นแบบธรมดา ข้ันตอนการตัดซอย-แบบผม
วธิ กี ารจับกรรไกรตดั -ซอย
การจบั มีดโกนและหนา้ ที่ของมีดโกน
หลักการจับหวีเล็ก
การตดั ผมทรงนักเรียน (ทรงสงู )
รองทรงอังกฤษชน้ั เดียว (รองทรงกลาง)
รองทรงอังกฤษสองชั้น (รองทรงตา่้ )
รองทรงตา่้ จอนหนายกขา้ งหู
การซอยผม แบบไม่ใชม้ อื จับเส้นผม
ลกั ษณะสว่ นต่างๆของผม
วธิ ตี ดั ทรงผมอเมริกนั
ความเป็นมาของทรงผมอเมริกัน
การโกนหนวดและเครา
การโกนและกันหนา้
วธิ แี คะหแู ละล้างหู
วธิ ีลา้ งตาและเวลาเปดิ ตา

บทนา

หนังสอื หลักการหากนิ บนหัวคน เกิดขึน้ จากแรงสรา้ งคข์ องคณะผจู้ ดั ท้า โดยมวี ตั ถุประสงคื เพ่ือใหผ้ ูส้ นใจ
ได้ศึกษาด้านวิชาชพี ตัดแตง่ ผมนี้ มคี วามรูค้ วามชา้ นาญ ในด้านนีอ้ ยา่ งถกู ต้อง เพราะในหนงั สอื
เล่มน้ีได้บรรจุเนือ้ หาสาระ ตง่ั แต่ประวตั ิความเปน็ มาของการตดั แต่งผม ตลอดจนวิธีการต่างๆ ไวโ้ ดยละเอยี ด
ทุกข่นั ตอน ฉะน้ันหนงั สือเล่มน้ีจงึ มีคุณค่าอย่างยงิ่ สา้ หรบั ผู้ที่อ่านและสนใจในวิชาดา้ นนโี้ ดยเฉพาะ ซง่ึ ผมเองได้
คลกุ คลีอยู่กบั วิชาชพี นี้มานานกวา่ 18 ปี แลว้ กไ้ ดร้ ับความร่วมมือจากอาจารย์ท่ีสอนอยใู่ นสถาบนั เดียวกัน
ชว่ ยกันเขียน ชว่ ยกนั คดิ ฉะน่ันหนังสือเลม่ นี้ จึงสมบรู ณแ์ บบบาร์เบอรจ์ ริงๆเพราะแตล่ ่ะทา่ นมีประสบการณ์มา
มากกวา่ 10ปี ทง้ั นน้ั เม่ือท่านได้อา่ นหนงั สือเล่มนีแ้ ลว้ ขอให้มคี วามสุขความเจรญิ และสา้ เรจ็ วชิ าชพี น้ตี ามความ
ปรารถนาทุกประการเทอญ

อา่ นตรงนส้ี กั นดิ

ท่านทกี่ ้าลงั มาเป็นช่างแต่งผมทุกท่านการตัดแตง่ น้นั ความจิงแลว้ เรียนกันไม่อยาก เพียงแต่ทา้ ความเข้าจัยใน
เรอ่ื งของทรงผมแบบตา่ ง ๆ พร้อมทงั้ ร้จู กั กบั อุปกรณ์ ตลอดจนวธิ ใี ช้อุปกรณน์ น้ั ๆ อาชพี ช่างตัดผมถือว่าเปน็
อาชีพท่ีมีเกียรติเพราะได้ทา้ งานบนหวั คน ฉะน้นั การท่ีเราจะมาเรียนเป็นช่างตัดผมจงึ ไม่ใช่เป็นเรื่องอยาก ถา้
เราเริม่ เรียนเสยี ตง้ั แตเ่ ดย๋ี วนก้ี ็ไมส่ ายเกินไป เมอ่ื เรียนจบแลว้ สามารถน้าวชิ าชพี น้ไี ปประกอบ ณ ทใี่ ดก็ได้ โดย
ท่ไี ม่จา้ เปน็ วา่ เราจะต้องเปน็ เจา้ ของร้านเสมอไปและไม่ต้องไปเป็นลกู น้องใคร แต่เราไดเ้ ปน็ ตวั ของตัวเอง เช่น
เราห้วิ เครือ่ งมือไปตดั ผมตามชมุ ชน แฟลต โรงเรียน เวยี นไปเรอ่ื ย ๆ เทา่ น้ี จะทา้ ให้เราสามารถมีรายได้พอ
เลี้ยงชพี ได้อย่างสบาย ๆ โดยไมต่ ้องพ่ึงใคร ขอใหท้ า่ นจงใช้วิจารณญาณพินิจสักนิดวา่ “ทา่ นพร้อมหรือยังท่จี ะ
เรียนวชิ านี้

ประวตั ิการไว้ทรงผมของคนไทย

คนไทยเรานน้ั ได้มกี ารไว้ทรงผมแบง่ ออกเป็น 3 สมัย คือ สมัยสุโขทยั สมยั กรงุ ศรีอยุธยา และสมยั กรุง
รตั นโกสนิ ทร์ ทงั้ 3สมยั น้ีมีการไวผ้ มแตกต่างกันไป

สมยั กรุงสุโขทยั

ทงั้ ผู้ชายและผู้หญงิ ไวผ้ มคล้ายคลึงกนั มากคือไว้ผมเกลา้ มวยรวบม้วนไวต้ อนกลางศรี ษะพอจะสมมตุ ิไดว้ า่
เพราะวา่ บา้ นเมืองสมัยนนั้ มแี ต่ความรม่ เยน็ เป็นสขุ ปกครองกันแบบพ่อกบั ลกู ดงั ค้า ศิลาจารึกไวว้ า่
“ในน้ามปี ลา ในนามขี ้าว ใครจักใครค่ ้าข้าวคา้ ใครจักรักคา้ มา้ ค้า ฯลฯ” ไพร่ฟา้ หนา้ สดใส เหล่าน้ีเปน็ ตน้

สมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา

การไว้ผมในสมัยนี้มีการไว้ผมไปอีกแบบหน่ึง ซงึ่ เป็นสมยั ของ สมเด็ดพระรามาธบิ ดีที่1พระเจ้าอทู่ อง และใน
สมยั น้คี นไทยไดแ้ ยกกนั เปน็ พวกเปน็ เหล่าป ในประวตั ิศาสตรก์ ลา่ วว่าคนไทยต้องรบราฆ่าฟันกนั ท้าศึกสงคราม
มาตลอด ต้องรบกับประเทศเพ่อื นบ้านใกล้เคียงกัน เชน่ ญวน ลาว เขมร พมา่ เป็นตน้ ด้ังนัน้ พระเจ้าอทู่ องจงึ มี
พระราชประสงคท์ ่ีรวบรวมคนไทยให้ปึกแผ่นมนั่ คงจึงได้รวบรวมชายฉกรรจ์ไว้พอสมควรแล้ว พร้อมที่จะออก
รบจึงมีพระราชดา้ รวิ า่ ควรไวผ้ มส้ันเหมือนกันหมด คือ มลี ักษณะโกนรอบศีรษะเหมือนกะลาครอบ มีผมอยู่
ตรงกลางศรี ษะ หวแี สกกลาง ตอนแรกผมทรงน้ียงั ไมม่ ชี ื่อเรยี ก ต่อมาจงึ ได้ทรงเรียกช่ือวา่ “ทรงมหาดไทย”
ตามชื่อกระทรวง การไวผ้ มส้ันดัง้ กลา่ วจงึ ทา้ ใหผ้ ้ชู ายสมัยนัน้ ต้องท้างานหนักในการสร้างเมอื งและการเปน็
ทหาร อีกท้ังยังต้องออกทัพจบั ศกึ คือ ไม่ตอ้ งมาเสยี เวลาเอาใจใส่เรอื่ งของทรงผม

สมยั กรงุ รัตนโกสนิ ทร์

เป็นสมัยแผ่นดินของสมเดด็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว(รัชกาลที่5) ซ่งึ เป็นพระเจ้าแผ่นดนิ พระองค์แรกที่ได้มี
การรเิ ร่มิ เปลีย่ นทรงผม ทรงมหาดไทย มาเปน็ ทรงสมัยใหม่คอื เม่ือคร้งั เสดจ็ ประพาสประเทศสิงคโปร์ขณะนั้น
พระองค์ทรงมีพระชนมายุไดเ้ พยี ง16พระชนั ษา ในคร้ังนน้ั ได้มขี า้ ราชบริพาร ตดิ ตามเสด็จไปประมาณ 40 กวา่
คน พอไปถงึ ประเทศสงิ คโปร์ทุกคนขึ้นจากเรือพอพวกฝรัง่ เห็นเข้าก็พากันหัวเราะ ถามว่าเป็นผนเผ่าไหน เมอ่ื
พระองค์ไดเ้ สดจ็ กลับจากต่างประเทศ พระองค์ไดน้ ้าเอาแบบอย่างต่างๆมาดัดแปลงพัฒนาบ้านเมอื งและทรง
กลา่ วกับขา้ ราชการชน้ั ผู้ใหญ่บางคนวา่ การไวผ้ มสน้ั นน้ั สมควรทจ่ี ะเลิกเสีย เพราะการไวผ้ มทรงมหาดไทยนัน้

ทำใหพ้ วกฝร่ัง ดูหม่ินคนไทยวา่ เป็นคนป่าเถ่ือนจึงเห็นควรให้เลิกประเพณีการไว้ผมสน้ั แบบมหาดเสีย และให้
เปลี่ยนมาไว้แบบเดยี วเหมือนฝรัง่ และการไว้ผมตามแบบฝร่ังนนั้ กม็ ไิ ด้กา้ หนดกฎหมายตราก้าหนดไวแ้ ต่อยา่ ง
ใดเพยี งแตพ่ ระองค์เองไมท่ รงพระเกศาแบบมหาดไทย และได้ทรงกมีพระราชานญุ าตใหข้ า้ ราชการที่เขา้ เฝ้า
เปลี่ยนมาไว้ผมตามใจชอบซงึ่ ในปัจจบุ ันนท้ี รงผมท่ีไดต้ ัดกันโดยท่วั ไป เหมอื นฝร่งั ในสมัยนนั้ เรยี กวา่ รองทรง
อังกฤษชน้ั เดียว และรองทรงองั กฤษสองช้ัน ตราบเทา่ ทุกวนั น้ี คอื รองทรงสงู -รองทรงต้่า น่นั เอง

ทรงผมทค่ี วรรจู้ กั
การไวผ้ มจกุ ผมแกละ ผมเปีย

การไว้ผมทง้ั สามทรงน้ี มีมาแตส่ มัยกรุงสโุ ขทยั เปน็ ราชธานี สมัยนัน้ พอเด็กเกิดมา พอ่ แม่ก็จะมกั นยิ มไวผ้ มจุก
ผมแกละ ผมเปีย กนั ตามความเช่ือถือ คือ เมื่อเด็กเกดิ ได้ประมาณ7วนั 15วนั ถ้าเดก็ คนไหนผมบนศีรษะหนา
เปน็ หยอ่ มๆ พ่อแม่ก็จะโกนผมส่วนที่บางออก คงเหลอื ไว้แต่ส่วนท่ีหนา จะมองดเู ปน็ ผมจกุ คนสมยั นนั้ มคี วาม
เชือ่ ว่าเด็กท่เี อาไวผ้ มด้าเป็นหย่อม ๆ เด็กคนนั้นกอ้ จะไม่ปว่ ยไข้ แต่กม็ ีคนบ้างกลุ่ม ขัดแย้งวา่ เปน็ ลกู ผี ลูกปีศาจ
มาเกดิ บ้างก็ว่าเด็กที่ไวผ้ ม เป็นจกุ ๆ เด็กคนนั้นจะเป็นเด็กฉลาดและเลี้ยงง่าย ความเชื่อมีอยวู่ ่า เมื่อไว้ผมครบ
3ปี 5-10-15 ปี ก็จะท้าพิธตี ดั หรือโกนออกและจะมีงานกันตามประเพณี ตามอตั ภาพของแตล่ ่ะครอบครวั
ดังนน้ั การไวผ้ มจุก ผมแกละ ผมเปยี ในปัจจบุ ันจงึ ยังคงมีอยู่ ตามความเช่อื ถอื ของแต่ละ่ บคุ คล

การใช้ปัตตะเลี่ยนแต่งผมจุก

1. ขมวดผมจุกใหเ้ ลก็ และสน้ั รัดดว้ ยหนังยางขอดให้ตดิ หนงั ศรี ษะ
2. จบั ปัตตะเลีย่ นคว่้าลงจกิ ให้รอบผมจกุ
3. ปลอ่ ยสรอ้ ยผมจกุ ให้ห่างจากตีนผมเลก็ น้อยประมาณ 1 ชม.
4. ผมจกุ ผมแกละ ผมเปยี ใช้ปัตตะเล่ยี นจิกแตง่ วิธเี ดียวกัน

คุณสมบตั ขิ องชา่ ง ตัด-แตง่ ผม

ชา่ งตัดแต่งผมน้นี ับวา่ เปน็ อาชพี ทีต่ ้องใหบ้ ริการแก่บุคคลทวั่ ไป ไมว่ ่าจะบุคบลระดบั ไหน ฉะนน้ั จงึ จ้าเป็นอยา่ ง
เป็นอย่างยิง่ ควรจะมีความรหู้ ลาย ๆ ดา้ น เพ่ือใหเ้ กดิ ความเจรญิ กา้ วหน้าในวิชาชีพอกี ทั้งท้าให้ผมู้ ารบั การ
บรกิ ารเกิดความนยิ มเลื่อมใส ช่างจงึ ควรจะมีคุณสมบตั ดิ ังต่อไปน้ี

1. จะตอ้ งเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ จะตอ้ งเปน็ คนมีความมานะอดทน เป็นผู้
มีบคุ ลกิ ลักษณะดี มีเสน่ห์แกผ่ ้ทู ีไ่ ด้พบเหน็ และรจู้ ักพร้อมทัง้ เข้าสงั คมไดเ้ ก่ง
2. เป็นคนรักษาความสะอาดทงั้ กายและการปฏิบัติงาน เปน็ คนชอบคดิ ค้น ศกึ ษาหาความรใู้ ส่คน เป็นคนฉลาด
หลักแหลมพร้อมทั้งมปี ฏิภาณไหวพริบดี
3. รจู้ กั ประมาณตน รู้จกั กาลเทศะ เป็นคนมีศลี ธรรม มจี รรยามารยาทงาม

สิ่งท่ชี ่างไม่ควรปฏบิ ตั มิ ีดงั นคี้ ือ

1. เป็นคนขาดความย้ังคดิ
2. เปน็ คนมนี ิสยั หยาบโลน
3. เป็นคนเหน็ แกต่ ัว
4. เป็นคนขโี้ มโห โกรธงา่ ย
5. เป็นคนข้ีโม้โออ้ วดตนเอง
6. เป็นคนขาดความเหน็ ใจเพ่ือนมนุษย์ดว้ ยกัน
ทรงผมแบบมาตรฐานมดี ว้ ยกัน 3 ทรง คือ
1. ทรงสงู 2. ทรงกลาง 3. ทรงตา้่

ทรงผมแตท่ รงไดแ้ บ่งออกเป็นแบบต่างๆ ดงั นคี้ อื

1. ทรงสงู ได้แบ่งออกเปน็ 4 แบบ คือ
1.1 ทรงสงู แบบนกั เรียนหนง่ึ เซน็
1.2 ทรงสูงแบบกระทุ่มสั้น
1.3 ทรงสงู แบบกระทุ่มยาว
1.4 ทรงสูงแบบไว้หวี

2. ทรงกลางได้แบ่งออกเปน็ 2 แบบ คือ
2.1 ทรงกลางแบบรองทรงอังกฤษชัน้ เดยี ว
2.2 ทรงกลางแบบรองทรงองั กฤษสองช้นั
3. ทรงต้า่ ไดแ้ บ่งออกเปน็ 2 แบบ คือ
3.1 ทรงตา้่ แบบจอนบาง
3.2 ทรงตา้่ แบบจอนหนา

ทรงผมที่ไดก้ ล่าวมาแล้วขา้ งต้น เป็นทรงผมแบบมาตรฐาน บารเ์ บอร์ ฉะน้ันก่อนทจ่ี ะทา้ การตัดแตง่ แตล่ ่ะ
ศีรษะจงึ ควรอาศัยการอ่าน การสงั เกต การจดจา้ ให้เข้าใจเสียกอ่ นวา่ เปน็ ทรงอะไรและให้สงั เกตแบบผมนน้ั
จะท้าการตดั ทรงอะไร สิ่งเหล่านี้จงึ เปน็ หลักการส้าคญั ๆ ท่ีชา่ งทกุ คนควรจะต้อง
อาศยั การฝึกหัด การดู การคิด และการจดจา้ จึงจะทา้ ใหต้ ัดแต่งทรงผมน้นั ไม่มีการผิดพลาดถูกต้องตามทรง
และท่เี ปน็ ถกู ใจของลูกคา้ เราจะสงั เกตได้วา่ สว่ นใหญ่ผ้ทู ่ีเป็นแชมป์ผมไมว่ า่ แบบบรุ ษุ หรอื แบบสตรี ส่วนมาก
จะเปน็ เป็นผู้ชายเสยี ส่วนใหญ่ แตใ่ นปจั จบุ ันนี้ สภุ าพสตรเี ริม่ มามบี ทบาทในการตัดผมแบบบาร์เบอร์มากขึน้
เพราะสมัยก่อนน้ัน มกี ารถือแบบโบราณ ผู้ชายบางคนจะไม่ใหผ้ ูห้ ญิงจบั หวั เพราะถือวา่ เปน็ การไม่ดีมกี ารลง
เลขลงยันตบ์ นกระกระหมอ่ ม ซ่งึ เชอื่ วา่ อาจท้าใหข้ องเสือ่ มเป็นตน้ ในปจั จุบนั ความเช่อื เหล่านหี้ มดสมัยไปเสยี
แล้วจึงทา้ ให้สตรมี ีบทบาทมากข้ึนตามลา้ ดับของสังคม

วธิ ีคลุมผ้าและทาแป้ง

การคลมุ ผ้าก็มดี ว้ ยกนั หลายวิธี แตข่ ึ้นอยกู่ บั ผู้ทจี่ ะใช้ให้เกดิ ความเคยชิน เพราะผา้ คลุมผมหญิง และผา้ คลุมผม
ชายก็ไมเ่ หมือนกนั ดไู ด้จากชว่ งผา้ พันคอ และความสนั้ ความยาวของผา้ จะแตกต่างกนั ไปบ้างพอสมควร
1. เอาผา้ คลมุ และผ้าขนหนูพาดไว้ที่ข้อศอก
2. เชิญผมู้ ารบั บริการนง่ั เกา้ อี้ให้เรยี บรอ้ ยเสยี ก่อน
3. ช่างจะตอ้ งยนื ด้านขวามือของผู้มารบั บริการ
4. กม้ ศีรษะเลก็ น้อย หรอื ไหวเ้ ปน็ การขอโทษก่อนปลดกระดมุ เสื้อออก 1-2 เม็ด
5. พบั คอเสื้อแบะออกไปดา้ นหลงั

6. เอาผ้าขนหนูผืนเลก็ พนั คอ ลกั ษณะพันจากดา้ นหน้าไปด้านหลงั
7. เอาผา้ คลมุ ผนื ใหญ่คลมุ ทับผืนเล็ก
8. ปล่อยชายผ้าผนื เลก็ เหนอื ริมผ้าใหญเ่ ลก็ น้อย
9. เอาแปง้ ทาตนี ผมใหร้ อบ แปง้ นนั้ จะชว่ ยท้าใหล้ ืน่ เมือ่ ผมหลน่ มาสมั ผัสผิวหนังตามต้นคอ

ขอ้ หา้ มในการคลุมผา้

1. ไมใ่ ห้คลุมผา้ แบบทอดแหข้ามหวั
2. ผา้ ขนหนผู นื เล็กพนั คอ เปล่ยี นบ่อยๆ
3. อย่าพันผ้าพนั คอใหต้ งึ เกนิ ไป

อปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการตัดผมแบบ-บารเ์ บอร์

1. เกา้ อตี้ ดั ผม 9. หวีซอย
2. ปตั ตะเล่ียน 10. หวีเล็ก
3. กรรไกรซอย 11. กลอ่ งสบู่-ภู่
4. กรรไกรตัด 12. กระปอ๋ งแป้ง
5. มีดโกน 13. แปรงแขง็
6. ผา้ คลุม 14. แปรงอ่อน
7. ผา้ ขนหนู 15. ผา้ ขนหนผู นื ใหญ่
8. หวีใหญ่ 16. ผ้าขนหนูผืนเล็ก(ผา้ เยน็ เชด็ หนา้ )

การต้ังฟนั ปัตตะเลยี่ น

การต้ังฟันปัตตะเล่ียนใช้ไขควงถอดน๊อตสองตัวออก
1. ให้ถอดฟันปัตตะเลยี่ นเชด็ ใหส้ ะอาด
2. จบั ตัวปัตตะเล่ยี นหงายขึน้
3. จับฟนั ตัวเลก็ ใส่ในชอ่ งเดือยตัวเหวี่ยงกอ่ น
4. จบั ฟนั ตัวใหญใ่ ส่ประกบ
5. เอานอ๊ ตใส่สองขา้ งอยา่ งเดิมขันไม่ตอ้ งแนน่ มาก
6. ให้ฟันตวั บนทใี่ สก่ ่อน ถอยให้ส้นั กวา่ ฟันลา่ งประมาณ 1 มลิ หรือคร่งึ เมลด็ งา
7. จากน้นั จงึ ไขสกรูใหแ้ น่นพอสมควร

8. การถอดฟันปตั ตะเล่ยี นน้นั ใหร้ ะวัง อย่าให้หล่น ฟนั หักและบิ่นได้
ส่งิ ท่คี วรระวังความคมของฟันปตั ตะเลี่ยน
1. หัวเป็นทราย
2. เสร้ ผมเป็นขป้ี ูน
3. หัวไมส่ ะอาด
สงิ่ เหล่าน้ีจะตอ้ งระวงั ใหม้ าก เหมือนเอามดี โกนฟนั ไม้ แลว้ เอามาโกนหนวด เชน่ เด่วกัน ฉันใดกอ้ ฉันนนั้

วิธีจบั ปัตตะเลยี่ นไฟฟา้

1. การจับปัตตะเลีย่ นไฟฟา้ จับให้เต็มอุ้งมือจบั มาทางดา้ นท้ายของปัตตะเลี่ยน
2. ทั้งสน่ี ิ้วใหป้ ระคองไว้ท่ีท้องปตั ตะเลี่ยน
3. ให้หวั แมม่ อื จับดา้ นบนของปัตตะเลี่ยนหัวแม่มือจะคอยเปิดปดิ สวทิ ซ์ของปัตตะเลยี่ นในการจบั ปัตตะเลี่ยน
ไถผมขึน้
4. ลกั ษณะการจับปัตตะเลี่ยน ตัดผมดา้ นบนไมว่ า่ จะเปน็ ทรงนักเรยี น หรือทรงอเมริกนั วธิ กี ารจับใหน้ ว้ิ กลาง
นิว้ นาง-นวิ้ กอ้ ย คอยประคองอยูใ่ ตท้ ้องของปัตตะเลี่ยน
5. สว่ นหวั แมม่ ือให้อยู่ทางด้านสวทิ ซ์เปดิ -ปดิ น้วิ ช้ีให้อยตู่ รงขา้ มของสวทิ ซ์เพ่ือคอยจับประกบกันเอาไวก้ ับหวั
แม่มือเพื่อไม่ให้ปตั ตะเลย่ี นหลน่

วธิ จี ับปัตตะเล่ยี นมอื

1. ให้หวั แมม่ อื เหนี่ยวประคองมาตามขาปตั ตะเลย่ี นและสอดเข้าทห่ี งอนของปตั ตะเลี่ยน ส่วนนวิ้ ชี้ให้อยู่
ดา้ นหนา้ สว่ นกลางของปมุ่ ส่วนนิว้ กลาง นว้ิ นาง ใหอ้ ย่ดู ้านหลงั ป่มุ มาทางด้านทา้ ยของปัตตะเลี่ยน
2. ส่วนนิ้วกอ้ ยใหป้ ล่อยไวธ้ รรมดา เวลาขยบั ปตั ตะเลี่ยนใหใ้ ชน้ ้วิ ทัง้ สามขยบั ปัตตะเลี่ยน
3. ส่วนหวั แมม่ อื ให้เปน็ หลักประคองอยู่ น่ิง ๆ ไม่ต้องช่วยขยับ(ถ้าหวั แม่มือช่วยขยับจะท้าให้ถอดผมไมไ่ ด)้
4. สว่ นก้าลงั ของข้อมือ ใหแ้ กรง็ พรอ้ มกนั น้ัน ข้อมือจะต้องใหอ้ อ่ นไปตามปัตตะเล่ียน ท่ตี ัดไปตามรปู ทรงผม

วธิ จี ับกรรไกรตดั -ซอยบาง

การจับกรรไกรเม่ือตัดผมน้นั มคี วามส้าคญั มาก ในการทีจ่ ะตัดผมให้ผมใหส้ ั้น ใหน้ วลกลนื จะต้องมีความ
ช้านาญในการใชแ้ ละจะต้องจับให้ถูกวิธดี ังนค้ี ือ
1. ให้สอดหัวแม่มือทางด้านหว่ งกลมทไ่ี มม่ ีหงอน
2. นิ้วนางใหส้ อดใส่ทางดา้ นที่มีหงอน
3. น้ิวก้อยให้วางบนช่วงหงอน
4. นว้ิ ชวี้ น้ิวกลาง บังคับกรรไกรเอาไว้
5. หวั แม่มือคอยขยบั กรรไกร เวลาตดั ผมให้ตัง้ กรรไกรในลักษณะเอียง ปลายน้วิ เลก็ น้อย
(การจบั กรรไกรน้นั ใช้วธิ ีการจับแบบเดียวกัน)

วิธีการจีบมดี โกนและหนา้ ทข่ี องมีดโกน

มดี โกน เป็นเครื่องมือท่ีมีความส้าคญั อย่างมากไม่นอ้ ยไปกว่าเคร่อื งมืออ่นื ๆ เพราะมีดโกนมหี นา้ ทส่ี า้ หรัญใช้ใน
การจบั ลอนกนั ชายผม โกนหนา้ โกนหนวด และโกนเครา หลงั จากท้าการ ตดั แต่งทรงผมเรยี บร้อยแล้ว เพ่อื
เสรมิ สรา้ งทรงผมท่ีตดั แต่งแล้วใหเ้ กิดความสวยงามยิ่งขนึ้ และจะทา้ ให้ใบหนา้ เกดิ ความสะอาดเปน็ เสนห่ ์ให้กบั
ใบหนา้ โดยเฉพาะความคมของมีดโกนให้อยใู่ นสภาพที่คมอย่เู สมอ จะต้องเอาใจใส่เป็นอย่างมาก

การจับมีดโกน

1. ใหค้ วา้่ ฝ่ามือ หวั แม่มือ กับน้วิ ชี้ให้จบั ประกบกัน ตรงด้านโคนของคมมดี
2. นวิ้ กลาง นวิ้ นาง นิ้วช้ี ให้อยทู่ างด้านเดียวกนั
3. นว้ิ ก้อย ให้อยูท่ างดา้ นเดยี วกนั กับนิ้วหวั แมม่ ือ เพอื่ ใหข้ ัดกนั กับ นว้ิ ช้ี น้ิวกลาง น้ิวนาง
4. .ให้อ้งุ มอื ประคองตอนกลางของมดี โกนและใหด้ ้านมีดงอขึน้ ประมาณ 45 องศา

หลักการจบั หวีเล็ก

หวที ่ใี ช้ในการตดั ผมชาย มีอยู่ดว้ ยกัน 3 ชนดิ คือ หวีใหญ่ หวีเล็ก หวีซอย หวแี ตล่ ะ่ ชนดิ ใชใ้ นการตดั ผมไปคน
ละ่ แบบ ฉะนนั้ จึงมคี วามสา้ คัญเป็นอยา่ งมาก อ่านแรว้ ให้สังเกตดตู ามรูปด้วยจะเข้าใจงา่ ยขึ้น
1. ให้ใชน้ ้วิ จับหวเี พียง 1 นว้ิ คอื ใช้นิว้ หัวแมม่ อื และนิ้วช้ี สว่ นนิว้ ทเ่ี หลืออกี 3 นว้ิ จะท้าหนา้ ทีช่ ่วยประคอง
และเปน็ หลักในการเดินหวีนอกจากนีห้ วีเล็กมหี นา้ ที่ไว้เก็บขอบ เช่น ผมรองทรง ผมทรงนกั เรียน หรือผมท่มี ี
ลกั ษณะการไว้ผม ขาว นวล กลืน

2.การจับหวซี อย ผ้ชู ายส่วนใหญว่ ยั กลางคนขึ้นไป ประมาณ 70 % มกั จะใสน่ ้ามนั ฉะนนั้ การซอยผมบุคคลท่ี
ใสน่ ้ามนั จะใช้มือจบั ซอยเหมือนผ้หู ญงิ ไมไ่ ด้ เพราะจะทา้ ให้เหนียวมอื การซอยผมชายทใ่ี สน่ ้ามัน จะไม่ฉีดนา้
ใสเ่ ส้นผม ไม่ใชม้ ือจับเสน้ ผมถามผ้มู ารบั บริการ
3.หวีซอยผมชาย เป็นไฟเบอร์พท่ี นความร้อน และมคี วามยาวเท่าๆ กับกรรไกรตดั และกรรไกรซอยบาง
4.หวีซอยนใ้ี ครจับลอนผมใหห้ ยกั โศก ได้ตามต้องการอีกด้วย
5.หวีรองตัดใหญ่ มีหน้าที่เอาไวต้ ดั ผมทรงอเมริกนั -ทรงนักเรยี น หรือรองทรงท่ีผมยาวหรอื หนาเท่านน้ั
เหมือนกบั เรามีมดี ใหญ่ๆไว้ทางปา่ น้าๆน่ันเอง
หมายเหตุ การจบั หวตี ัดผมซอยผมนนั้ จะตอ้ งให้หวีออกนอกตวั เราอยเู่ สมอ และจะตอ้ งฝึกจบั ใหเ้ กิดความ
คลอ่ งมือ

การตัดผมทรงสงู นกั เรยี น

ก่อนท่ีจะลงมือทา้ การตัดแต่งผม สิ่งสา้ คญั ช่างจะต้องศึกษา ทา้ ความเขา้ ใจเสยี กอ่ นว่าลักษณะของเสน้ ผม นอน
หรอื เวียนไปทางใด เส้นผมแต่ละเส้นตรงระดบั ขวัญนนั้ เวียนไปทางใด การทจ่ี ะรูว้ ่าเส้นผมของแตล่ ะคนนน้ั
เวียนไปทางไหน คือใช้หวีใหท้ ั่วศีรษะเสียกอ่ นทุกครัง้ โดยหวไี ฟตามการเวียนของเสน้ ผม และเราจะทราบได้
ทันทีวา่ ปลายเส้นผมเวยี นไปทางใด ก่อนท่จี ะใช้เครอ่ื งมอื ขึ้นแบบผมใหต้ ง้ั หน้าปตั ตาเล่ียน ยอ้ นเฉียงเสน้ ผม
พรอ้ มกับหนา้ ปตั ตาเล่ยี นจะต้องใหเ้ ท่ียง
วธิ ีการตดั

1. ใหว้ างหน้าปตั ตาเล่ยี นตรงระดบั จอนหนา้ ใบหู ใหห้ น้าของปัตตาเลีย่ นตรงส่วนฟนั ใหแ้ นบชิดกบั หนังศีรษะ
2. พร้อมกลับไถข้ึน มาถึงระดับลกู แกว้ หรือขมับแล้วเผยหนา้ ปัตตาเลี่ยนข้นึ เล็กน้อย
3. จากนนั้ ใช้หวรี อง เพ่ือใหน้ วล กลืน จากน้นั จงึ ค่อยมาวางหนา้ ปตั ตาเลยี่ น ระดับโหนกชายหดู า้ นหลงั กะสุด
พรอ้ ม เผยหน้าของปตั ตาเลยี่ น ตรงระดับส่วนโหนกของศรี ษะ
4.ให้ใชห้ วีรองทนั ทเี ชน่ กนั เพ่ือใหผ้ มตรงระดับของโหนก เปน็ ฐานของแบบเพื่อเลย้ี งต่อ ผมสว่ นทีเ่ หลือจากผม
ขาว เร่ิมเล้ียงตอจะต้องเปน็ ลักษณะของนวล
5. ผมทีเ่ หนอื ขนึ้ ไปอีกสว่ นหน่งึ เป็นลักษณะผมกลนื
6. เม่อื ท้าการสรา้ งแบบได้ตามรปู ทต่ี อ้ งการแลว้ การข้นึ ผมในระยะตอ่ ไปไหถ้ ือแบบที่สร้างไว้เป็นแบบตวั อย่าง
โดยวางหนา้ ของปตั ตาเล่ยี นคร่ึงหนึ่งอยู่ด้านของแบบอีกครึ่งหน่งึ อยู่ด้านผมยาว
7. การท่จี ะตัดแต่งผมสว่ นตอ่ ไป ให้พยายามใช้หวรี องไว้ทกุ ระยะ เม่ือท้าการแต่งผมดา้ นนไี้ ดต้ ามต้องการ
8. ให้มาตดั แตง่ อีกด้านหนึง่ ให้ถือหลกั ในการตัดแบบเดียวกัน
9. ผมส่วนด้านหลัง ใหไ้ ถขน้ึ ถึงขวญั เป็นเกณฑ์ ถา้ เปน็ เดก็ โตหรือผใู้ หญใ่ หต้ า้่ จากขวญั ลงมาประมาณ 1-2 นวิ้
10. ส่วนผมดา้ นบนของศรี ษะใหเ้ อาส่วนแบนของตอนกลางของศีรษะเปน็ ฉากคือให้มลี ักษณะกลมและกลืน ดู
พอเหมาะสม
11. เมอ่ื แบ่งส่วนบนไดต้ ามรปู แล้ว ใหค้ ่อย ๆ แต่งรถผมสว่ นบนมาหาส่วนลา่ ง และแต่งให้ลักษณะกลมกลืน
รับกับสว่ นล่าง ผมสว่ นหนา้ ใหต้ ัดแตง่ ใหป้ ลายผมรับกับผมส่วนบน

รองทรงองั กฤษชนั้ เดียว(รองทรงกลาง)

ผมทรงนี้สว่ นมากมักจะเป็นผ้สู ูงอายนุ ิยมไว้กันมาก
1. การตดั ผมรองทรงกลางหรือรองทรงสูงการขน้ึ ผมให้ใชป้ ตั ตะเล่ยี นไถตรงจอนให้ขาวขนึ้ มาเหนือตนี ผม
ประมาณ 1 หนา้ หวเี ล็ก
2. จากนัน้ จงึ ค่อยเผยปัตตาเลี่ยนขึ้นใหผ้ มมลี กั ษณะนวลกลืนตรงด้านขมับ
3. สว่ นดา้ นหลังใชป้ ตั ตาเลยี่ นไถขาวข้ึนมาถึงคร่ึงใบหู
4. จากนั้นใหเ้ ผยหนา้ ปตั ตาเลี่ยนข้นึ เป็นผมนวล กลืน กลม ท้งั ซา้ ยและขวา
5. การตดั ผมสว่ นบนดว้ ยกรรไกรตัด กรรไกรซอยบางและการเลม็ ขอบรอบ ๆ ตนี ผมใช้วิธีตดั แบบเดยี วกนั กบั
รองทรงอังกฤษสองชนั้ ทรงผมท่กี ลา่ วขา้ งตน้ น้ี มกั นิยมเรยี กกันว่ารองทรงสงู



รองทรงองั กฤษสองช้นั
( หรือรองทรงต่า )

การที่จะท้าการตดั แต่งผมทรงต้า่ ก่อนอน่ื จะตอ้ งท้าความเข้าใจส่วนต่างๆของศีรษะและเส้นผมเสยี ก่อนวา่ ผม
ของบุกคลทจี่ ะทา้ การตดั แตง่ นั้น มลี กั ษณะอย่างไร หวแี สกข้าง แสกกลาง หรืเสย หัวเลก็ หวั โต หัวบมุ แมแ้ ต่
เส้นผมหยกิ ผมแขง็ ผมบาง ฯลฯ
1.การตดั ให้เริม่ จากจอน โดยใชห้ วีรองใหม้ ีลักษณะผมนวน คอื ไวต้ ่อผม
2.สว่ นผมชายหู จะมีลกั ษณะเชน่ เดียวกบั ผมส่วนจอน คอื ไว้นวนเล้ยี งตอ เลาะมาชายหูด้านหลงั ผมตน้ คอ ให้
ลกั ษณะผมขาวนวน
3.เมอ่ื ตัดเล้ยี งตอไดร้ อบแลว้ ให้ใชห้ วแี ละกรรนไกรตดั สน้ั ตามความต้องการของบุกคลน้นั ๆ
4.การตัดแตง่ ผมบนส่วนทย่ี าว คือใชป้ ลายกรรไกรสอดยกผมขึ้น ใช้หวีตักสอดตามยกขึ้นตัดทีละชอ่ ตักแบง่ ผม
ทลี ะช่อประมาณ 2 ตัดไลจ่ ากขา้ งบนลงมาข้างลา่ ง ตดั สัน้ ให้รอบตามต้องการ
5.การซอยบาง ใชก้ รรไกรซอยตดั ยกขนึ้ ทีละชน้ั และแบ่งเป็นชอ่ ๆ แบบเดยี วกันกับตัดเวลาสับกรรไกรซอยบาง
เมอื่ ยกผมข้นึ แลว้ ใหส้ ับกรรไกรให้ถงึ ปลายผม สับ 1-2-3 ไลล่ งมาดา้ นปลายผมที่เห็นวา่ ส่วนไหนหนา เปน็ ขอบ
ไม่รบั กนั สว่ นปลายผมทเี่ หน็ เป็นขอบให้ใชก้ รรไกรซอยให้บางแตง่ ขอบ
6.จากนนั้ ให้ใช้ปตั ตะเลื่อนแต่งขอบ ให้กลมกลนื รับกัน ทัง่ ส่วนบนและสว่ นลา่ งอีกครง้ั

รองทรงต่าจอนหนายกข้างหู

การตดั ผมรองทรงต้่าจอนหนายกหู ส่านใหญ่มักจะเป็นคนสงู อายุ หรอื ไม่ก็เป็นคนเส้นผมแข็งและเหยยี ดตรง
ในสมัยโบราณเขามกั จะเลียกทรงผมน้ีว่า ทรงปีกกาคอื ท้ังสองขา้ งดูคล้ายๆปีกนกปีกกา ที่หุบปีกน้ันเอง และ
ก็ยังนิยมใช้กันอยตู่ ราบเทา่ ทุกวันนี้ เพราะเปน็ ทรงมาตรฐาน
1.ใหเ้ ร่มิ ตดั แต่งจอนก่อน ให้ใชป้ ัตตะเล่ยี นจกิ ตรงชอ่ ต่งิ หบู น
2.สว่ นผมที่เหนอื จอนและเหนือใบหูจะมลี ักษณะของผมยาวหวีทัดใบหูมาทางดา้ นหลัง
3.ใหม้ คี วามสวยและไม่สัน่ ไม่ยาวจนเกนิ ไป
4.ลกั ษณะสว่ นผมดา้ นหลังตรงต้นคอให้ใช้ปัตตะเลีย่ นขน้ึ ขาวเล็กนอ้ ย จากนั้นให้ใชห้ วรี อง ให้มลี ักษณะ
ผมนวน-กลืน-กลม-สลวย
5.เมื่อสร้างแบบไดร้ ูปท้ังสองข้างแล้ว ให้ใช้กรรไกรตัดส้ัน ให้ทัว่ ศรี ษะ ตามความต้องการและความเหมาะสม
6.สว่ นผมด้านเหนือจอน ที่จะมาทัดหูให้ความยาวเหลือประมาณ 2-3 น้ิวจะใหย้ าวมาทดั หไู ด้
7.ตัดใหส้ วยและกลมกลืนกัน เมอ่ื ตดั ส้นั ได้ตามความติองการแล้ว จงึ ค่อยใช้กรรไกรซอยบาง ในการซอยบาง
น้ันกะใหด้ ูตามความเหมาะสม ไม่ใชว่ า่ ผมเขาบางอยแู่ ลว้ แล้วไปซอยให้เขาอีก จะท้าให้เสียรปู ทรงได้

8.เราซอยเฉพาะส่วนที่หนาเท่านนั้ และตรงส่วนด้านหลัง ทีเ่ หน็ เป็นขอบให้ซอยตรงขอบให้บางลงเลก็ น้อย
9.เพือ่ จะได้ใชป้ ตั ตะเล่ยี นเก็บขอบได้งา่ ยขน้ึ ดแู ลว้ ไมเ่ ป็นกะลาครอบ และดูได้สดั สว่ นกลมกลืนรบั กัน กับ
สว่ นบน ส่วนชายผมดา้ นขา้ ง ใหใ้ ชป้ ตั ตะเลยี่ นจิกชายผม
10.ให้คลา้ ยๆ เส้นรอยกันแนวมีดโกน ให้ท้าแบบเดียวกนั ทง้ั สองข้าง

การซอยผมแบบไม่ใชม้ ือจับเส้นผม

การซอยผมทรงต่างๆ ของผูช้ ายนั้น วธิ ีการซอยไม่แตกต่างกันกับความนิยมมากนักก่อนอน่ื หวีใหเ้ ข้ารูป
เสยี ก่อนในระหว่างท่หี วีให้สังเกตสน้ ผมของผู้มารับบริการด้วยว่า ผมนัน้ มลี ักษณะ หยิก-แขง็ -บาง-หรือหนา ตดั
อย่างไรจึงจะดูรับกับใบหน้าและดูสวยงาม
1.การซอย ให้เรม่ิ จากขา้ งบนลงมาขา้ งลา่ ง ใชป้ ลายกรรไกรตดั ยกเสน้ ผมขึ้นมาเป็นชอ่ ๆ พรอ้ มกบั ใชห้ วสี อดตดั
เส้นผมยกขนึ้
2.ตดั ไลม่ าใหท้ วั่ ศีรษะ เมื่อตัดสั้นไดร้ ปู แลว้ ใหใ้ ช้กรรไกรซอยบางซอยในสว่ ยที่เห็นวา่ หนา ในการใช้กรรไกรฟัน
ซอยบาง ให้ใชป้ ลายกรรไกรตกั ยกข้ึน ใชห้ วตี กั สอดยกข้นึ พอประมาณพร้อมกับใช้กรรไกรซอยบนหน้าหวี สบั
กรรไกรหนึ่งคร้ัง ให้เลื่อนหวีมาแทนทสี่ ับกรรไกรใหเ้ ป็นชว่ งๆ1-2-3 กะห่างกนั ประมาณครึ่งนิว้ หรือแลว้ แต่
ความเหมาะสม ให้ซอยไล่ข้นึ มาด้านปลายผม
3.ข้อส้าคัญ จะต้องสังเกตการณ์แสกของแต่ละบคุ คล การหวแี สกแต่ละคนมีดังนี้ บางคนหวแี สกกลาง มแี สก
ข้าง หวีเสยขึน้ หวีแบบผมหนา้ ม้า ฉะนน้ั ก่อนทจ่ี ะท้าการตัดผมใหส้ ังเกตการณแ์ สกให้ดี
คือ 1.หวีแสกข้าง ใหต้ ดั จากหางคิ้วขน้ึ ไป

2.หวีแสกกลาง ใหห้ วีลงมาตัดแบบผมม้า

3.ดา้ นหลงั ตรงต้นคอ ใหป้ ลอ่ ยตีนผมลงมาประมาณครงึ่ น้ิว หนึ่งนิว้
หรอื แล้วแตค่ วามต้องการของผูม้ ารับบริการ

4.การซอยผมไม่ว่าจะเป็นทรงอะไร จะใช้มอื จบั ยกเสน้ ผมหรอื ใชห้ วีจับ
ผลท่อี อกมาผมนัน้ กจ็ ะอยใู่ นรูปแบบเดียวกนั ฉะน้ันจงึ ไมจ่ ้ากัด ความในเรื่องการซอยผม

อุปกรณ์ซอยผมมี 3 ชนดิ คอื

1.การซอยด้วยกรรไกรตัด
2.การซอยด้วยกรรไกรฟนั
3.การซอยด้วยมีดโกน

ลักษณะส่วนต่างๆของผม

การตดั แตง่ ทรงผมนั้น ขอ้ สา้ คญั ช่างจะต้องท้าความเข้าใจถงึ ลักษณะสว่ นต่างๆของผมอย่างทไ่ี ด้ใช้ปัตตะเลีย่ น
ทา้ การขึ้นได้ตามแบบแล้ว หรอื ไดใ้ ช้กรรไกรมือท้าการตัดแตง่ เรียบร้อยแล้ว ผมส่วนต่างๆนนั้ ควรจะมีลักษณะ
อย่างไร ผมน้ันจงึ จะมีความสวยงาม ดแู ลว้ ทกุ สว่ นมีความสัมพันธ์รับกันเหมือนผมบางแบบ เชน่ ทรงสงู ทรง
กลาง ทรงต่้า ชายผมจะมีลักษณะดังต่อไปนี้

1.ลกั ษณะผม ขาว

2.ลกั ษณะผม นวล

3.ลกั ษณะผม กลืน

4.ลกั ษณะผม กลม

5.ลักษณะผม สลวย

วธิ ีตัดผมทรงอเมริกัน

การสรา้ งแบบทรงผมอเมริกนั
1.ใช้หวใี หญร่ องตดั ตรงกลางศีรษะให้ได้รูปแบบเสียก่น เมื่อแบนได้ที่แล้ว
2.ใหใ้ ชห้ วรี องตดั ใหญ่ ต้ังฉากเริม่ จากจอนก่อน ให้ใชป้ ัตตะเลยี่ นวางบนหน้าหวีแลว้ ไถขึน้ ไปรับกับสว่ นบน ให้มี
ลกั ษณะจากส้นั ไปหายาว
3.ใช้หวรี องตดั ใหญ่ ตั้งฉากตดั ใหร้ อบศีรษะ หวีรองตัดใหญ่นั้นไวส้ า้ หรับคนที่ผมยาวและคนทผี่ มหนา
4.จากน้นั ใชห้ วรี องตดั เลก็ เกบ็ แต่งตีนผมเลีย้ งตอขึ้นไปรับกับสว่ นบน
5.ส่ิงสา้ คณั ชา่ งจะต้องรูจ้ ัก วิธีการเดินหวีจึงจะง่ายตอ่ การตัดผมทรงอเมรกิ นั
6.การใชห้ วีเลก็ เลยี้ งตอ จากตีนผมจากสั้นข้ึนไปหายาว เลี้ยงตอขึ้นไปให้รบั กนั กบั มมุ ฉากด้านบน
7.เวลาเดินหวีเล็กให้พรอ้ มกับวางหนา้ ปัตตะเลี่ยน เดนิ หวีไล่ขึ้นพร้อมกับปัตตะเลยี่ น
8.ควรระวงั อยา่ ให้ปตั ตะเลยี่ นไปก่อนหวี หรอื อย่าให้ปัตตะเลย่ี นว่งิ ออกนอกหวี
9.การตัดผมทรงอเมริกนั น้ัน อยา่ ให้ปัตตะเล่ยี นกินผมแหว่งขาวถึงหนังศีรษะได้โดยเด็ดขาด จะทา้ ให้หมดความ
สวยงามและเสียทรงไปทันที
10.การตัดผมทรงอเมริกันนัน้ ถือกนั วา่ อยากท่ีสุด ในการตัดผมทกุ ทรงและทุกแบบ

ความเป็นมาของทรงอเมริกนั

เร่มิ เมือ่ ฝรั่งเข้ามาตง่ั ฐานทพั ในประเทศไทยเม่อื ปี พ.ศ 2509 เพราะพวกฝรั่งเขาไม่นิยมตดั ผมส้ันเหมือนพวก
พลทหารของเมืองไทย (จะตัดเปน็ ทรงสงู คือ ทรงนักเรยี นนั้นเอง) พวกทหารจีไอ เขานิยมตัดผมส้นั เช่นเดยี วกัน
แต่เขานยิ มเล้ียงตอไลข่ น้ึ ไปทั้งหัว ต้ังแต่ตนี ผม จากสัน้ ไปหายาว ขึ้นมาจนถึงขัวญ จากด้านบนเหนือขัวญข้ึนไป
จะตัดผมใหส้ ้นั ลกั ษณะแบบส้ันไปหายาวจนถงึ ด้านหน้า ลักษณะกบั วา่ ผมทรงนี้เปรียบเสมอื น หวั เดยี วเปน็
สองแบบนั้นเองผม ทรงอเมรกิ นั นัน้ เหมาะสา้ หรบั คนผมแขง็ หัวจะต้องไมเ่ บย้ี ว จึงจะตดั ไดร้ ูปทรงและดู
สวยงามเมื่อตัดทรงผมอเมริกันมาตรฐานไดแ้ ล้วทีจ่ ะดดั แปลงไดอ้ ีก 3 ทรงคอื

1.ทรงอเมริกนั นักเรียน
2.ทรงอเมริกนั ลานบิน
3.ทรงอเมริกันรองทรง
ทั้ง 3 ทรงนี้มลี ักษณะคล้ายกัน จะผิดกนั ตรงความยาวไม่เหมือนกัน ฉะนนั้ การตดั แตง่ ผมทรงอเมริกัน ชา่ ง
จะต้องท้าความเขา้ ใจพอสมควร เมอื่ มีผมู้ ารับการบรกิ าร จะได้ทา้ ให้ถูกต้องตามทรงทล่ี กู คา้ ต้องการ

การโกนหนวด-เครา

หนวด-ความมีความแข็ง และหนาบางไมเ่ หมือนกนั ถ้าเป็นหนวด-เคราท่ีหนาแข็งจะต้องใช้ภแู่ ละสบู่ ทาถู
เพอ่ื ให้หนวดและเคราน่ิม เวลาโกนและกนั จะได้ไมร่ ะคายผวิ หนงั และเจ็บ ฉะนั้นการโกนหนวด-เครา จะ
ต้องพถิ ๊พถิ นั และระมัดระวังในการโกนอย่างมาก
1.ให้ยืนดา้ นขวา ของผู้มารบั บริการ
2.จับมีดโกนลกั ษณะหงายมอื กลบั คมมีดขึ้น
3.โกนจากใต้คางเสียก่อน กนิ เน้อื ท่ไี ปประมาณครึ่งหนงึ่ ของใตค้ าง
4.พลิกหนา้ แขกเข้าหาต้วเรา โกนตรงลกู คางลากมีดโกนเขา้ หาตวั เรา
5.กะใหส้ ดุ ลกู คางของแขกโกนส่วนท่เี หนอื รมิ ฝปี ากดา้ นบน
6.ใชม้ ือซ้ายดงึ หน้าใหต้ ึงลากมีดโกนลงหารมิ ฝปี าก
7.โกนไลล่ งมาจนถึงช่องจมูก ก่อนทจ่ี ะโกนตรงกลางช่องจมูก ใช้หัวแมม่ ือดึงปลายจมกู ข้ึนเล็กนอ้ ย
8.โกนไล่ลงมาใหส้ ดุ รมิ ฝีปาก พลกิ หนา้ แขกออกจากตวั เราเล็กน้อย
9.จับมีดโกนแบบหงายมือและกลบั คมมีดขึน้ โกนยอ้ นกลับริมฝปี ากด้านทเ่ี รายืน
10.เมือ่ โกนเสร็จดา้ นท่เี รายืน ให้ไปยืนด้านซ้ายมอื ของแขก

(ลักษณะการยนื แบบเดยี วกนั กับด้านขวามอื )

11.ให้จบั มีดโกนหงายมือ และกลับคมมดี ข้นึ
12.โกนใตค้ าวสว่ นทเ่ี หลอื เม่ือเสร็จแล้วให้เปลีย่ นวธิ จี ับมดี จับแบบธรรมดา
13.โกนตรงขอบปลายคาง ลากมีดโกนเข่าหาตัวเรา
14.โกนใตร้ มิ ฝีปากล่าง การโกนหนวดกันหน้า จะใช้ปลายมีดโกนเสียส่วนใหญ่



การโกนและกนั หนา้

1.กอ่ นท่ีจะทา้ การโกนหนา้ ใหใ้ ช้แปง้ ทาตามส่วนตา่ งๆของใบหนา้ ให้ทั่ว อยา่ หนาดูพอประมาณ เพื่อจะไดเ้ ห็น
ขนอ่อนเวลาโกนกัน จะไดร้ ู้ว่าสว่ นใดทโี่ กนแลว้ และส่วนใดทีย่ ังไม่ได้โกน

2.การยืนจะต้องยนื ใหต้ วั ตรง ไมก่ ้มหนา้ จนเกินไป และกะใหห้ ่างพอประมาณ

3.การโกน ให้โกนจากสว่ นหนา้ ผากโกนทางด้านซ้ายมาหาดา้ นขวา โดยใชม้ อื ซา้ ยดึงผิวหนงั ใหต้ ึง อยา่ ให้
ผวิ หนงั หยอ่ นได้ ให้คมมีดโกนเขา้ หาตวั เรา ลากมดี โกนยาวๆ และโกนจากส่วนบนลงมาหาควิ้ เม่ือส่วน
หน้าผากโกนทั่วแลว้ เอียงหน้าแขกไปทางซ้ายมือนดิ หนง่ึ โกนหน้าสว่ นท่ีเรายืนใหท้ ว่ั เม่ือเสรจ็ แล้วใหพ้ ลิกหน้า
แขกเขา้ หาตัวเราอย่างเดมิ

4.จากนั้นโกนด้านซ้าย ลากมีดโกนใต้ขอบตา มาหาจมกู เสร็จแล้วไปยืนดา้ นซา้ ยโกนส่วนทเ่ี หลือ

5.การโกนหนา้ เม่อื ลากมดี โกนสดุ และยกมีดข้ึนให้เอามือซ้ายลบู คลา้ ทกุ ครัง้ ท่ียกมดี โกนข้นึ เพื่อให้หายระคาย
ผวิ หนัง และเพือ่ ให้รวู้ า่ ขนอ่อนนนั้ ยงั คงหลงเหลืออยู่หรือไม่ จะไดโ้ กนซ้าอกี ครั้งหนึง่

6.ก่อนตดั ขนจมูก ใหใ้ ชน้ วิ้ กดตรงเหนอื รมิ รจู มกู (เพ่ือให้ผรู้ บั บรกิ ารรูส้ ึกตัว) จากนน้ั จึงใช้กรรไกรตัดขนจมูก
สว่ นท่ียาวเกนิ ออกมานอกรจู มูกเท่าน้นั

วธิ แี คะห-ู ลา้ งหู

แคะหู-ลา้ งหู อปุ กรณ์ที่จะใช้จะต้องท้าความสะอาด ล้างด้วยแอลกอฮอล์ทุกครง้ั ก่อนจะใช้กับแขกกกเพื่อ
ป้องกนั โรคติดต่อ

1.ให้ใชไ้ ฟส่องดู ในหูเสียกอ่ น ใหส้ ังเกตดูว่ารหู ูเล็กหรือใหญ่ ลักษณะเป็นคนหมุนบ่อยหรอื ไม่ เปน็ คนขหี่ เู ปียก
แฉะ แหง้ เปน็ แผน่ เปน็ ขลุยสิ่งเหล่านข้ี ึ้นอยู่กับการสงั เกตของช่าง จะต้องพจิ ารณา การใชเ้ ครอ่ื งมือ เชน่ ข่ีหู
แฉะใหเ้ อาส้ารีพันไม้ ลูกตุม้ ป่ันเชด็ เสยี ก่อน

2.จากน้นั จึงใช้ช้อนตกั ขี่หอู อก เมื่อขูดเขย่ี แล้วเห็นว่าไมส่ ะดวกพอ ให้ใชส้ ้าลีพันไมล้ ูกตุ้มจุม่ ในน้ายาล้างหูเอา
มาเชด็ ลา้ งใบหู หมนุ ลา้ งให้ทว่ั ดึงเขา้ ออก ลกั ษณะลกู สบู

3.ใหส้ งั เกตหนา้ ลูกคา้ วา่ เจบ็ หรอื เสียว ถ้าแขกรู้สึกเจบ็ ไม่ต้องหมุนเข้าไปลึก กะว่าหมนุ ดูเวลาพอสมควรเปลี่ยน
เอาส้าลีใหม่พันไมอ้ ยา่ งเดิม

4.จุ่มในน้าสะอาดไปหมุนในหู ล้างน้ายาออก เม่ือเสรจ็ แล้วเอาสา้ ลพี ันไมเ้ ชด็ ใหแ้ หง้ อกี ครั้งหน่งึ จากนน้ั ใช้ชอ้ น
ตักขี่หู ขดู ให้ท่ัวใบหูจากนน้ั จึงใชส้ ้าลีพนั ไม้ หรือภปู่ ัน่ หปู ่ันให้เกดิ อาการคัน จากนั้นจึงค่อนเอาช้อนมาขดู ใหม่
อีกครั่งหน่งึ จากนั้นจึงเอาภปู่ ่ันเข้าไปในหู ไม่ต้องลึกมาก และคาไวใ้ นหู ใช้คบี ปากยาวเคาะท่ีปลายไม้แลว้ หมนุ
คีมให้เกิดเสียงดงั และสนั่ สะเทือนลากขน้ึ กับไม้ที่คา้ งในหูท้า 2-3 คร้งั
5.การแคะหูแหง้ ถ้าเปน็ แผ่นใช้เสยี มแซะงัดขน้ึ ให้รอบ จากน้ันจงึ ใชค้ รมี ปากยาวจับดึงออกเมื่อเหน็ วา่ ไม่
สะอาดพอ แคะหูโดยไมใ่ ชน้ ้ายาลา้ งนน้ั กเ็ ปรยี บเสมือนอาบนา้ ไม่ถูสบู่ ความสะอาดน้ันก็ยอ่ มไม่ดีกว่าที่ควร
6.การแคะหู-ลา้ งหู ใชเ้ วลาไม่เกนิ 20 นาที หรือแล้วแต่ความเหมาะสม เมอ่ื เสรจ็ แต่ละข้างใหเ้ อามือปดิ และ
เคาะเบาๆ ให้เป็นช่องๆ2-3ครง้ั

วธิ ลี ้างตาและเวลาเปิดตา

การล้างตา ตามหลักการแพทยเ์ ปน็ สงิ่ ส้าคัญมากเพราะในตามฝี ุน่ ละออง อาจท้าให้เกิดอาการระคายเคืองคนั
ในตาบางคนเป็นตาแดงเปน็ ตุ่ม เป็นต้อ การลา้ งตาทางการแพทยจ์ งึ ถือวา่ ช่วยป้องกนั ไว้ไดอ้ กี มาก โดยมีวิธที ่ี
ถูกต้องดงั ต่อไปน้ี
1.ใหผ้ ้มู ารบั บริการ นงั่ บนเกา้ อ้ตี ัดผม เงยหนา้ นดิ ๆ พอประมาณ ใชผ้ า้ ขนหนูผืนเลก็ พันจากคางมาหาหน้าผาก
เอาปลายผ้าขนหนูพันทับกนั เอาก๊บิ ติดไว้
2.ใช้ยาหยอดตา ขา้ งละหยดใช้น้ิวถา่ งตานดิ ๆใชก้ ระชายทเ่ี ตรียมไว้ เขี่ยไปทนี่ ยั นต์ าตามมมุ ตามซอกเปลอื กตา
บนและล่าง เม่ือทา้ เสร็จข้างหนงึ่ แลว้ ใหไ้ ปท้าอีกขา้ งหนงึ่ แบบเดยี วกนั

3.ในระหวา่ งทเี่ ขย่ี ตานั้น ผู้มารบั บริการจะมีอาการคันและเคืองตา ทา้ ให้เกิดนา้ ตาไหลใหใ้ ช้ส้าลีเช็ดเอาไว้
เรอื่ ยๆ ไม่ใหน้ ้าตาไหลตามใบหน้า เม่อื เขี่ยตาทั้งสองข้างเสรจ็ แลว้
4.อาน้ายาลา้ งตา ใสถ่ ว้ ยประมาณครึ่งถ้วยให้วางถ้วยชิดขอบตา กะพอประมาณเวลา ควา่้ ถ้วยใหค้ รอบตาพอดี
ในเวลายกถว้ ยครอบตาน้ัน จะต้องใช้เทคนิคและความเรว็ เพ่ือมใิ ห้น้าออกจากถว้ ย
5.ขนึ้ ถว้ ยครอบไว้ 3-4 นาที แลว้ ตะแคงเอวถ้วยออกไม่ให้น้าหกราดตาจะต้องไม่ใหน้ า้ หกออกจากถว้ ย

6.เมอื่ เสรจ็ แล้ว ให้ไปท้าแบบเดยี วกัน ใชส้ ้าลเี ชด็ ขอบตาทงั้ สองข้างใหแ้ ห้งจากนน้ั เอายาหยอดตาทั้งสองข้าง
เม่ือหยอดตาแลว้ เช็ดตาใหแ้ ห้งอีกคร้งั หน่งึ
7.เทน้าใสถ่ ว้ ยล้างตา ท้าสา้ ลเี ปน็ แผน่ ๆ กะขนาดปิดตาพอดี แลว้ เอาสา้ ลีจุม่ ลงในถว้ ยน้ายา กะให้พอมี
ความช้ืนแล้วเอามาปดิ ตาทั้งสองขา้ ง ท้งิ ไวส้ กั 4-5 นาที
8.ในระหว่างที่พกั สายตาอยูน่ ้ัน ช่างอาจจะเกบ็ อปุ กรณ์ หรอื บบี นวด เพ่ือให้แขกได้รบั ความสบายเปน็ การเอา
ใจแขก

การคว่าถ้วยลา้ งตาอีกวธิ หี นึ่ง

เอามือซ้ายประคองตัวผู้มารับบรกิ ารใหล้ กุ ข้นึ เล็กนอ้ ยพอประมาณ จากน้ันเอาถว้ ยน้ายาลา้ งตาวางท่ขี อบตา
ล่าง แลว้ คว่้าถ้วยกะให้พอดกี ับขอบตาบน จากน้ันค่อยให้ผู้มารบั บรกิ ารนอนลงทา่ เดิม จะงา่ ยกว่าวธิ ีการแรก
วิธีแรกผมู้ ารับบริการสบาย เพราะไมต่ ้องลกุ ขึน้ แต่ช่างล้าบาก
วธิ ที สี่ องผ้มู ารบั บรกิ ารล้าบาก เพราะจะต้องลุกข้ึน แต่ช่างสบาย ฉะน้นั ทง้ั สองแบบนี้ ขนึ้ อยทู่ ีช่ ่างจะต้องใช้
ความสามารถและความชา้ นาญพอสมควร
1.เอาสา้ ลีท่ีปดิ ตาทง้ั สองข้างออก เอามือแตะตาทงั้ สองข้างไว้ก่อน ยังไม่ต้องให้แขกลืมตา เอาสา้ ลที ่ีสะอาดมา
เชด็ ตาใหแ้ หง้ ทั้งสองขา้ ง
2.แลว้ คอ่ ยๆ เอามอื แหวกตาใหล้ ืมท้ังสองขา้ งพรอ้ มๆกัน
3.การล้างตาใชเ้ วลาประมาณ 20 นาทหี รอื มากกว่านน้ั อยู่ทก่ี ารเอาใจแขก
หมายเหตุ ก่อนลา้ งตา ให้เหลากระชายให้ปลายบางๆเสียกอ่ น สง่ิ ที่ใชเ้ ขี่ยตามีอยดู่ ้วยกนั หลายอย่าง เช่น
ลกู ตมุ้ ล้างตา กา้ นพลู ฯลฯ

การเป่าผม-ใสน่ ้ามนั

การเปา่ ผมนนั้ มดี ว้ ยกันหลายวิธี และหลายแบบขน้ึ อยวู่ ่า ผมน้นั สน้ั หรือยาว มากนอ้ ยแคไ่ หน ปัจจุบันจึงไดม้ ี
แปรงไดร์ และหวมี ขี นาดท่แี ตกตา่ งกันออกไป ตามความเหมาะสม ทั้งผมส่ันและผมยาว เพราะปจั จุบนั ผู้ชาย
อกี จา้ นวนมาก ทปี่ ลอ่ ยผมยาวเหมอื นผ้หู ญงิ ฉะนัน้ ชา่ งตดั แตง่ ผมชาย สมควรจะเป่าผม หรอื ไดรผ์ มเปน็
หลายๆแบบ
ทงั้ แปรงกลมหลายขนาด และหวี ไฟเบอร์ที่ใช้จับลอน ดังในภาพท่ีเหน็ อยู่น้ี ดังนนั้ การเปา่ ผม-ไดร์ ผมปัจจุบนั
จะใหผ้ มอยู่ทรงนนั้ จะต้องอาศยั วิทยาศาสตรด์ ว้ ย เช่นการใสน่ ้ายาตา่ งๆ เชน่ เจล-สเปรย์-เดฟ-น้ามนั ฯลฯ
กอ่ นการไดร์ผม และใสน่ ้ายา ควรสระผมใหส้ ะอาดเสียก่อน มฉิ ะนั้น การเป่าผม จะไมเ่ ข้ารูปเทา่ ที่ควร
1.สระผมให้สะอาด
2.ใสน่ า้ ยาแต่ละชนดิ ตามต้องการ
3.หวีใหเ้ ขา้ รูปทรงเท่าท่ตี อ้ งการ ของแตล่ ะทรงนัน้ ๆ
4.ถา้ ผมหยกิ มาก ใหใ้ ชแ้ ปรงกลม ไดรใ์ หย้ ดื เสยี ก่อนเล็กน้อย
5.ถา้ ผมเหยยี ดตรง เม่ือใสน่ ้ายาแลว้ ตอ้ งการจบั ลอน ให้ใช้หวไี ฟเบอร์จับ เส้นผมบดิ ผมให้เปน็ ลอน หยกั ศก
6.ให้ขยับหวี ผ่อนเบา เพ่ือให้ความรอ้ นเข้าไปทว่ั ถงึ
7.ทง้ิ ระยะหา่ งเทา่ ท่เี หน็ สมควร ให้มอง ดูเหมือนกับผมหยักศก

ข้อควรระวงั ในการไดร์ผม

1.ผมแหง้ กรอบ ท่ีไมม่ ีความช้ืน
2.ต้องการเป่าไดร์ ใหผ้ มอยู่ทรงไมค่ วรใสน่ ้ามนั ก่อนเปา่ และไดรผ์ ม

1.ไดรเ์ ป่าผม ใชส้ า้ หรบั เปา่ ผมเปยี กให้แหง้ ใหผ้ มเข้ารูปเข้าทรง
2.แปรงเปียก ใชส้ า้ หรบั หวผี มตอนเปยี ก
3.แปรงกลม ใชส้ ้าหรับมว้ นปลายผมให้ง้มุ เขา้ รปู หรือม้วนผมปัดไปตามทรงที่ตอ้ งการ
4.หวีใต้ ใช้สา้ หรับหวผี มยาวกอ่ นลงมือท้าการไดรผ์ ม
5.หวีหาง ใช้ส้าหรบั หวผี มใหเ้ รียบ

6.หวกี ระดกู ใช้ส้าหรับไดรผ์ ม หรือหวีผมเข้ารูปทรง
7.หวซี ่อม ใช้ส้าหรับหวผี มที่ดดั ในลกั ษณะหยิก
1.หวีตา่ งท่ใี ชใ้ นการไดร์ผม
2. แปรงใช้หวใี ห้เขา้ รปู ทรงเลาไดร์เสร็จ เรยี กแปรงกระดูก แปรงตุ่ม
3. ไดร์เปา่ ผมพร้อมแปรงเปียก
4. การใช้มือจบั แปรงกลมพร้อมเครื่องไดร์ ดา้ นซา้ ยมือของแขก
5. ลกั ษณะเดยี วกัน แต่เปน็ ดา้ นขวามือของแขก
ตามข้อความที่กลา่ วขา้ งตน้ เปน็ เพยี งพอสงั เขป เพื่อให้ท่านผู้อ่านเกดิ ความเขา้ ใจในเร่อื งของผมมากขน้ึ วธิ ีการ
ตา่ งๆมิไดผ้ ิดไปจากการแต่งผมชายมากนัก ปจั จบุ ันผู้ประกอบอาชีพเสรมิ สวย มักจะเรยี นทัง้ ทา้ ผมสภุ าพสตรี
พรอ้ มไปกบั การแต่งผมสุภาพบุรุษ การเปิดร้านมักจะไม่แยกประเภทเช่นสมัยก่อน คอื สมัยกอ่ นมักจะแยก รา้ น
เสริมสวยกม็ ักจะทา้ แต่ผมผู้หญงิ สว่ นรา้ นบาร์เบอร์กจ็ ะท้าแต่ผมผูช้ าย สมัยนี้แฟชน่ั ด้านผมไดก้ า้ วหนา้ ไปมาก
ผหู้ ญิงนยิ มไว้ผมสน่ั ใช้ปัตตเลี่ยนตัดแต่งบางสว่ น ส่วนผชู้ ายนิยมการเปลย่ี นสีผม-ดัดจับลอน ไว้ผมยาวประบา่
ท้าใหค้ า่ นยิ มอยูใ่ นแนวเดยี วกัน ท้าใหผ้ ู้มารับบรกิ ารจะเลอื กร้านเข้ารบั บริการตามชอบ ชายเขา้ รา้ นหญงิ หญงิ
เขา้ รา้ นชาย ทา้ ให้ช่างแต่งผมท้ังหญิงและชายต่างตน่ื ตวั และพร้อมท่ีจะใหบ้ ริการกับแขกไดท้ ุกรปู แบบ เพ่อื
สนองความต้องการ

หน้าทีข่ องเสน้ ผม มอี ยา่ งไรบา้ ง

หน้าทข่ี องเสน้ ผม มอี ยู่ด้วยกันหลายประการ จะขอน้ามาอธบิ ายเพยี งยอ่ ๆ เท่านัน้
1.ผมหรือขน ชว่ ยซบั เหงื่อหรือสิ่งสกปรกและยงั มสี ว่ นชว่ ยป้องกัน โรคภัยไข้เจ็บ บางชนิดได้ เชน่ เดยี วกับ
ขนตา ขนจมูก ขนค้ิว ฯลฯ

2.ผมช่วยใหค้ นมีเสนห่ ์แกร่ ่างกาย และยงั ชว่ ยเสรมิ ความงาม ให้กับบุคลิก และยังชว่ ยให้เกดิ ความร่มเยน็ แก่
ศีรษะ

3.ผมชว่ ยเป็นเกราะป้องกัน ในการเกดิ กระทบกระเทือน ที่อาจจะเกดิ ขึน้ บนศรี ษะ ชว่ ยให้เกดิ ความร่มเยน็ ไม่
วา่ จะร้อนหรอื หนาว

4.ผมยังมีประโยชนอ์ ีกหลายอย่าง ถา้ บุคคลใดขาดผมหรือขน ก็ขาดเสน่ห์ไปมากเสยี ทีเดยี ว

การถนอมและการรักษาเส้นผม

เส้นผมของคนเราน้นั ทุกคนมักจะห่วงใยและพยายามทะนถุ นอม ไม่ใหผ้ มรว่ ง หงอก ขาว เพราะจะท้าใหเ้ สีย
บุคลิก จงึ ได้สันหาสง่ิ ปรุงแต่ง เชน่ ยาย้อมผม น้ามนั ใส่ผม มาเพมิ่ ความงาม ใหก้ ับเส้นผม ดังนั้นจะขอกล่าว
วิธีการรกั ษา เส้นผมไวเ้ ป็นข้อๆดงั น้ี

1.การสระผมมสี ่วนสา้ คัญมาก นอกจากจะทา้ ให้ผมสะอาดแล้ว ยังชว่ ยปอ้ งกันการเกิดรังแค ขณะที่เราท้าการ
สระผมน้ัน เรายงั มีโอกาสนวดหนงั ศรี ษะ พรอ้ มกันไปดว้ ย เพ่อื ใหเ้ กดิ การหมุนเวียน ของโลหิตได้คล่องตวั ขึน้
นา้ ยาสระผมก็มสี ว่ นส้าคญั มาก ควรเลอื กพิจารณา ชนิดท่ีไม่เป็นอนั ตรายต่อหนังศีรษะ และเส้นผม

2.การใช้น้ามันใสผ่ ม หรอื ครีมชนดิ ต่างๆ ทีท่ ้าใหผ้ มอยู่ทรง ก็ควรจะสังเกตว่า ชนิดใดถูกกับหนังศีรษะและเสน้
ผม เพราะบางอยา่ งใส่แลว้ ท้าใหเ้ กิดผมรว่ ง ผมกระด่าง เมื่อถูกเป่าดว้ ยความร้อน กอ็ าจท้าให้สุขภาพนน้ั เสีย
ได้

3.การรักษาเส้นผมน้ัน จะต้องมีองคป์ ระกอบหลายประการ คอื เชน่ การขาดอาหารบางอย่าง หรือสขุ ภาพ
ทรุดโทรม ป่วยไข่ก็ส่งผลให้หนังศีรษะ และเส้นผมไม่สมบรู ณ์ เปรยี บเสมือนต้นไม้ที่ขาดนา้ และปุ๋ย แมแ้ ต่การ
หวีผม คนเราจะตอ้ งสัมผสั กันอย่ทู ุกวนั

4.เพราะทา้ ใหโ้ ลหติ มกี ารหมุนเวยี นไปตามธรรมชาติ ท่ัวศรี ษะ เพราะการกระต่นุ ดังกล่าว จะช่วยขจัดส่งิ
สกปรกบนหนงั ศรี ษะไดแ้ ละจะทา้ ให้ ผมสลวย จัดเข้ารูปทรงไดอ้ ีกด้วย

การยอ้ มสีผม-กดั สผี ม

การยอ้ มสผี มหรือกัดสผี ม คา้ พดู ตามแบบสมยั นิยมฉะนน้ั การย้อมจึงมีอยู่ด้วยกนั หลายวิธี และแตล่ ะวธิ กี ็ไม่ยาก
ปจั จบุ ันส่งิ ทีใ่ ช้ในการย้อมผมนั้น ใช้สะดวกมาก และมหี ลานสใี หเ้ ลือก ฉะน้ันในท่ีท่ีไม่จ้าเป็นบอกถงึ วิธกี าร
อะไรมากนัก เพราะไม่เหมือนสมัยก่อนยงุ่ ยากและขน้ั ตอนเยอะ ปจั จุบันนี้เป็นหลอด บบี ใส่ถว้ ยคนใหท้ ัว่ ใช้
แปรงสฟี นั ก็ได้หรือใชแ้ ปรงของเขาโดยเฉพาะกไ็ ด้ ดีเสยี อกี ด้วย
1.สระผมให้สะอาดและเชด็ ให้แหง้
2.เทน้ายาใส่ในถว้ ย คนใหเ้ ขา้ กัน
3.ใช้แปรงจมุ่ ลงในถ้วยน้ายา แล้วใชแ้ ปรงทาผมจากข้างบนลงมาขา้ งล่าง แบ่งผมขา้ งใดข้างหนึง่ ก่อนก็ได้
4.เวลาทาผมอย่าใหย้ าถึงตนี ผม ให้ห่างจากโคนผมเล็กนอ้ ย
5.เพ่ือไม่ให้ถูกหนงั ศรี ษะ เมอ่ื ถูกหนังศีรษะอาจจะเลอะและล้างออกอยาก ดไู มส่ วยงาม
6.เมอื เลอะตามตีนผม ใหร้ บี เช็ดออก ถา้ แห้งติดผวิ หนังนานจะเชด็ ออกล้าบาก
7.การเช็ดออก ใชน้ ้ายาดดั ผมท่าๆไปหรือน้ายาที่ทางบริษัทยาแต่ละย่ีห้อที่แนะน้ามาในสลากยานั้นๆ
8.กอ่ นใช้ยาแต่ละย่ีห้อ ให้อา่ นในใบแนะน้าให้เขา้ ใจเสียก่อน
ข้อควรระวัง หวั เปน็ แผล หรอื เป็นเชอื้ ราตา่ งๆ หา้ มย้อมสีผมจะเกิดอันตรายได้

ประวัตกิ ารตดั แต่งผมและสญั ลกั ษณ์ไฟหมุน (ย่อ)

ประวัตแิ ละความเปน็ มา เรื่องการตัดผมในอดีตนัน้ เมื่อสมัยโรมนั และกรีก ในสมยั นัน้ มกี ารส้รู บ เพื่อแย่งชงิ
ดนิ แดนกนั เป็นสว่ นใหญจ่ นกระทง่ั ได้มผี บู้ าดเจ็บเป็นจา้ นวนมาก และหามมาพักรกั ษาตัวอยใู่ นแคมป์ หรือ
บา้ นพัก ต่อมาไดเ้ รียกกนั ว่า โรงพยาบาล ผปู้ ว่ ยไดป้ ่วยอยู่ในโรงพยาบาลเปน็ เวลานาน หลายเดอื นเข้าท้าให้ผม
ยาวเกะกะรุงรัง หมอเห็นดงั นั้น กเ็ ลยใชก้ รรไกรตัดผมให้ ตัดหนวดให้
ต่อมาประเทศอังกฤษและอเมรกิ า ได้ตรากฎหมายออกมาวา่ โรงพยาบาลของรฐั เอกชนและคลนิ ิก จะมี
สัญลกั ษณ์ กากบาทแบบกาชาด สว่ นรา้ นตัดผมและเสริมสวยจะให้มลี ักษณะสญั ลักษณ์ สีขาว-แดง ให้มี
ลักษณะกลมเหมือนกระบอก ทาสีขาว-แดง คาดเปน็ เกลยี ว พดู งา่ ยๆเปน็ เกลียวเหมอื นผ้าพันแผลน้นั เอง

เพราะฉะน้นั ช่างตดั แตง่ ผม และหมอจงึ มีอุปกรณเ์ ครื่องใช้เหมอื นกันหลายชนดิ อปุ กรณ์ของชา่ งตัดแต่งผมท่ี
เหมอื นหมอมดี งั น้ี
1.ผ้าปิดปาก-จมกู
2.เสื้อคลุม
3.มีดโกน
4.กรรไกร
5.แอลกอฮอล์
6.ยาหยอดตา
7.ยาล้างตา
8.ยาล้างหู
แมแ้ ต่ค้าพูดก็ยงั เหมือนกัน อย่างเชน่ หมอกับคนไขเ่ ดนิ ตามกนั มา และมีคนถามว่า ไปไหนมา ตอบวา่ ไปฉดี ยา
มา ถามอกี คนไปไหนมา กต็ อบไปฉดี ยามา เลยไม่รู้วา่ ใครฉดี ใคร แม้แต่คา้ พดู ของชา่ งตัดผมเหมอื นกนั ถ้าใช้
คา้ ถามแบบเดยี วกัน กจ็ ะไม่รู้ว่าใครตดั ใคร หมอและชา่ งตัดผมจงึ มกี ฎหมายควบคุมเหมือๆกันเม่ือทา้ ผิดจรรยา
ของชา่ งตัดแตง่ ผมน้ีคือความเปน็ มาของชา่ งตดั ผม สญั ลักษณไ์ ฟหมนุ แบบย่อๆเท่าน้ัน

ประวตั ยิ ่อของมดี โกน

เมือ่ สมนั กรีก และโรมนั ออกล่าอาณานิคมแย่งชิงความเป็นใหญ่ การสรู้ บมักจะออกไปทางเรือใบ การส้รู บสมยั
นนั้ จะใชด้ าบที่ยาวเรียว น่แี หละมีดโกนเริ่มมมี าพร้อมๆกับดาบ เม่ือยุคมีการตดิ าบน้นั เอง ความจริงแลว้ มีด
โกนมีไวส้ า้ หรับ ตดั สายรองเทา้ เมือเวลาส้รู บตกจากเรือ หรอื เรอื แตก จะได้ว้ายน้าได้สะดวก เพราะรองเท้า
สมัยนน้ั จะเป็นหนังและจะสารรัดขน้ึ มาถึงหัวเขา่ ถา้ ทา่ นเคยดูหนงั สมันโบราณก็คงจะทราบ ฉะนัน้ มีดโกนจะ
ใช้เวลากระช้นั ชิดตัวมดั โกนปลายโคนมีดจึงมีหงอน เพื่อวางน้ิวกนั พบั มางบั มือเราองและรกั ษาอนรุ ักษ์ไว้จนถงึ
ปจั จุบนั น้ี

การปลงพระเกศาพระมหากษตั รยิ ใ์ นอดีต

จากหนังสือของ ม.ร.ว.คกึ ฤทธ์ิ ปราโมชเขยี นไวเ้ ม่ือปี พ.ศ. 2524 เรื่องปลงพระเกษาพระมหากษัตริย์แต่ละยคุ
แตล่ ะสมัยจะตัดตอนเอามาลงเฉพาะเร่ือง ปลงพระเกศาเท่าน้นั ในสมยั โบราณประชาชนคนไทย เปรยี บ
พระมหากษัตริย์เปน็ พระเจา้ ตามความเชอ่ื ถือใครจะแตะต้องไม่ได้ เข้าถือว่าพระเจ้าเปรียบเสมอื นพระอาทิตย์
ค้าว่าพระอาทิตย์นน้ั เป็นของสงู เป็นของร้อนใครแตะต้องไมไ่ ด้สมยั โบราณ แม้แตจ่ ะมองหนา้ พระมหากษัตริยก์ ็
ไม่มใี ครกลา้ มอง เพราะคนโบราณถอื ว่าเปน็ เทพเจา้ แตะต้องไม่ได้ จะเกดิ ภยั พบิ ัติกบั ตัวเรา สมยั กอ่ นนั้นเช่ือกนั
ว่า สิ่งใดเปน็ ของพระเจ้าอยู่หัวตกลงสพู่ ้นื ดินการเกษตรต่างๆ จะไมเ่ จริญงอกงามและประชาชนจะอดอยาก
แมแ้ ตก่ ารเดนิ ไปไหนกจ็ ะต้องปูลาดพระบาทตลอดทาง การแตะต้องพระองค์ก็ไมไ้ ด้ ทุกอย่างก็เกิดปญั หา คอื
พระองคต์ กน้า กไ็ ม่มใี ครชว่ ย เวลาทรงเคร่ืองใหญ่ ก็ไมม่ ีใครช่วย การจา้ เริญพระเกศาหรปื ลงพระเกา ก็ไมม่ ี
ใครชว่ ย ฯลฯต่อมาการแตะต้องพระองค์กม็ ีข้ึนจนได้ ท้ายงั ไงทุกอย่างท่ีกลา่ วมาจะต้องทา้ เปน็ ครงั้ คราวก็ตั้ง
กรมภูษามาลาข้นึ กรมนี้มีตระกลู เดียวไมม่ กี ารแตง่ ตง้ั แปลว่า การเสีย่ งตาย ให้คนตระกูลนต้ี ระกูลเดยี วเรยี กว่า
ภูษามาลา มีหน้าทม่ี ีสิทธแิ์ ตะต้องเก้ยี วกับตวั พระองค์ ทกุ อย่างที่เก่ยี วกับตัวพระองค์ แมแ้ ตม่ ัดพระบรมศพ
เขา้ โกศ ขา้ ราชการอนื่ แตะต้องไม่ได้ ทนี ี้มากลา่ วถึง การจา้ เรญิ พระเกศาหรือ การปลงพระเกษาขั้นต้น พระ
ราชอาสนท์ ่ปี ระทบั จะต้องปูใบตองที่พืน้ ก่อนต่อมาปูหนงั ราชสีห์ ซึ่งเป็นสัตวร์ ้อน เอารอ้ นกับร้อนเข้าไปแล้วจึง
ปูผ้าขาวในการปลงพระเกษากต็ อ้ งระมดั ระวงั ขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าตทิ ุกคร้ัง เป็นต้นว่า จะใช้
กรรไกร กจ็ ะต้องกราบถวายบังคมทลู ขอใช้พระแสงกรรบิด พระแสงกรรบดิ น้ีไมใ่ ช่พระแสงธรรมดา เป็น
กรรไกรโบราณอย่างน้อยก็ตอ้ งลงสกั หนสองหนก่อนเปน็ พระราชประเพณีต่อไปจึงใช้กรรไกรธรรมดาจะใชม้ ดี
โกนก็ต้องลงถวายบงั คมอีก ขอพระบรมราชานญุ าติใชพ้ ระแสงขูด เป็นการล่าชา้ เหลอื เกินแต่รู้สึกว่าภษู ามาลา
ท่ผี มเคยเหน็ เขาเช่ือจรงิ ๆระมัดระวงั อย่างย่ิง ปลงเส้นพระเกศาทีหน่งึ กเ็ อามือรับแล้วน้ามาใสภ่ าชนะมใี บตอง
รองภาชนะ เคยถามวา่ เสรจ็ แล้วเอาไปไหน รวบรวมแลว้ ก็ใส่ผอบแล้วไปลอยกลางพระมหาสมทุ รปล่อยลงดิน
ไมไ่ ด้ ชาตบิ ้านเมอื งจะร้อนเปน็ ไฟ ข้าวกลา้ นาด้าจะไม่เจริญงอกงาม สิง่ เหล่าน้ีเป็นของร้อนทัง้ นัน้ (ราช
ประเพณผี มเคยเห็นมาจนถงึ รัชกาลท่ี9) ขอ้ ความนเ้ี ปน็ ค้ากลา่ วของ ม.ร.ว.คกึ ฤทธิ์ ปราโมช ก็ต้องยอมรับวา่ น่า
เบ่อื หน่ายลา่ ช้าวนุ่ วายเหลือเกิน ในปจั จบุ นั น้คี งไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว เพอ่ื ความสะดวกและรวดเร็ว อย่าง
สมัยก่อนเสดจ็ พระราชดา้ เนินไปทีไ่ หนก็ต้องปูลาดพระบาทไปตลอดทาง เด๋ยี วน้ีประเพณีดังกลา่ วเลิกแล้ว
เหลอื แตง่ านทีส่ า้ คญั ๆ เท่าน้นั การปลงพระเกศากเ็ หมือนกันยงั คงเหลือไว้ในส่วนท่ีเหน็ สมควรเทา่ นน้ั
บางอยา่ งก็ตัดออกไป บางอย่างทส่ี ้าคัญก็เกบ็ ไว้ ข้อความท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ นี้ ข้าพเจ้าคดิ วา่ ทา่ นผอู้ า่ นคงได้รับ
ความรูพ้ อสงั เขป

ข้อบัญญัตกิ รุงเทพมหานคร เรื่องควบคมุ การแตง่ ผม พ.ศ.2518

โดยทีเ่ ปน็ การสมควรตราข้อบัญญตั ิ กรงุ เทพมหานคร เรอ่ื ง ควบคมุ การแตง่ ผมในเขตกรุงเทพมหานคร อาศัย
อ้านาจตามความในมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2518 และ
มาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติ สาธารณสุข พุทธศักราช 2484 กรงุ เทพมหานคร โดยได้รับความเหน็ ชอบจาก
สภากรุงเทพมหานคร จงึ ตราขอ้ บญั ญัตกิ รงุ เทพมหานครนี้ขึน้ ไวด้ งั ต่อไปนี้
1.ข้อบญั ญตั ิกรุงเทพมหานครน้เี รยี กว่า”ขอ้ บัญญตั ิกรงุ เทพมหานคร” การแตง่ ผม พ.ศ. 2518
2.ให้ใชข้ ้อบญั ญัติกรุงเทพมหานครนี้ ในเขตกรงุ เทพมหานครตง่ั แต่ถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
และกรงุ เทพ กจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป
3.ห้ามมใิ ห้ผู้ใดตั้ง หรือใช้สถานทแ่ี ห้งใดแหง่ หน่ึง เปน็ ท่ีรับจา้ งแต่งผมเวน้ แต่จะได้รับอนญุ าตจากผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานคร
4.ในการรอ้ งขอรบั ใบอนุญาตตามความในขอ้ 3 ตอ้ งย่นื เรื่องราวตามแบบทกี่ า้ หนดไว้ต่อผวู้ ่าราชการ
กรุงเทพมหานคร โดยแสดงให้ชัดเจนวา่ จะใช้สถานทป่ี ระกอบการคา้ ประการใดบ้าง
5.ใหเ้ รยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนียม ใบอนุญาตตงั่ หรือใช้สถานทเ่ี ปน็ ผ้รู บั จา้ งแตง่ ผม ตามอัตราท้ายข้อบญั ญัติ
กรงุ เทพมหานครนี้
6.ผู้รับใบอนุญาตให้ตั้งหรือใช้สถานที่เปน็ ที่รับจ้างแต่งผม ต้องมเี ครื่องหมายสา้ หรบั สถานทีท่ ้าด้วยไม้แกว้
กระเบ้ืองเคลือบ หรือวัตถุใดทถ่ี าวรลักษณะ เปน็ รูปทรงกระบอก กวา้ งหรือวัดส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง 12 ซม.ยาว 40
ซม. ระบายหรือเคลือบสี แดงสลับขาว เป็นเกลียวตามแบบหรอื ตัวอยา่ ง รองผวู้ า่ ราชการกรุงเทพมหานคร
ก้าหนดไว้ ตดิ หรอื ตงั้ ไว้ในทีท่ ่เี หน็ ได้ชดั เจนหนา้ สถานที่ที่รับจา้ งแตง่ ผม
7.สถานทร่ี บั จ้างแตง่ ผม ต้องมเี ครอื่ งใชท้ ่ีจา้ เปน็ ดงั ต่อไปนี้
1.เก้าอีน่ ั่งหรอื นอนท่ีมั่นคงและสะอาดสา้ หรับผูร้ ับการแต่งผม
2.ผา้ คลมุ ตัวสะอาดสา้ หรับคลมุ ตวั ผ้รู ับบรกิ ารแต่งผม กนั ผมเปรอะเปื้อน
3.ผา้ สะอาดสา้ หรับพนั คอ เพอ่ื ป้องกันมิใหผ้ า้ คลุมตัวสัมผสั ต้นคอของผ้รู บั บรกิ ารแต่งผม
4.ผ้าขนหนูสะอาด สา้ หรับเช็ดหน้าเชด็ คอ ของผู้รบั บริการแตง่ ผม
5.กรรไกร มดี โกน หวี แปรง และอุปกรณ์อื่นๆทจี ้าเป็นส้าหรับการแตง่ ผม
6.สบสู่ า้ หรบั โกนหนวด สบหู่ รอื ยาสระผมสา้ หรับฟอก
7.น้ายาฆ่าเชื้อโรค เช่นไลโซล 5% หรือ เอธทลิ แอลกอฮอล์ 7.%
8.หา้ มมิให้ผู้ใดประกอบกิจการอนั อาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพดังระบุไว้ต่อไปน้ีในสถานที่แตง่ ผม
1.การประกอบกิจการใดๆท่ีมเี สยี ง กลนิ่ ควัน และฝุน่ ละออง
2.การทา้ ประกอบ ปรงุ สะสมอาหาร หรือ น้าแข็ง

3.การคา้ ซ้ึงเป็นทร่ี ังเกียจ หรอื อาจเป็นอันตรายแก่สขุ ภาพหรอื เพ่อื การคา้ เห็นแตจ่ ะได้จดั สถานทแี่ ยกไวเ้ ป็น
สดั สว่ นชดั เจน และได้รับความเหน็ ชอบ จากเจ้าพนกั งานสาธารณสุขหรอื ตามค้าส่ังของผูว้ า่ ราชการ
กรุงเทพมหานคร

9.การขอรบั ใบอนุญาตเป็นผรู้ ับจา้ งแตง่ ผม ใหผ้ ู้ขอยืน่ เร่ืองราวดว้ ยตนเองตามแบบท่กี ้าหนดไว้ และแจ้งใหช้ ดั

ว่า จะรบั จ้างแต่งผมประเภทใดพร้อมดว้ ยรูปถา่ ยหน้าตรง ครงึ่ ตัวไม่สวมหมวก ขนาด 1 1/2* 2 สองรูป เพอื่

ปิดไวใ้ นใบอนุญาตที่ออกให้ ซ้ึงต้องแสดงไวใ้ นทีเ่ ปิดเผย ณ สถานที่ไดร้ ับอนญุ าต ใหแ้ ตง่ ผมหนึง่ รูป และใหน้ ้า

ใบรับรองการตรวจร่างกายจากแพทยข์ องกรงุ เทพมหานครหรือแพทยจ์ ากทางกรุงเทพมหานครรับรองว่าไม่

เปน็ โรคเร้ือน วัณโรค กามโรค โรคคุดทะราด หรอื โรคผิวหนงั ท่เี กิดจากเชือ้ รา หรือเช้ือจุลนิ ทรีย์ หรือไวรัส อนั

เป็นที่ น่ารังเกยี ดหรือซึ่งปรากฏว่าเป็นผู้วิกลจริต หรือลมบา้ หมู เมือ่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พิจารณา

เห็นว่าไมข่ ดั ต่อข้อบญั ญัตกิ รงุ เทพมหานคร แล้วกอ็ อกใบอนญุ าตได้

10.ผรู้ บั ใบอนุญาตรับจา้ งแตง่ ผม จะต้องไดร้ บั การตรวจร่างกายจากแพทยท์ ่ีได้กลา่ วไว้ขา้ งตน้ รบั รองอย่าง

น้อยปีละ 1 คร้งั และให้รบั รองใบตรวจโรคที่แพทย์ออกให้ ภายในเวลาไมเ่ กนิ 12 เดือน ไปแสดงตอ่ เจ้าหนา้ ท่ี

ในการขอต่อใบอนุญาตดังกล่าวนน้ั ด้วย

11.ใบอนญุ าตฉบบั หนงึ่ ให้ใช้ไดเ้ ฉพาะผรู้ ับจา้ งแต่งผมรายเดียวและเฉพาะประเภทท่ีไดร้ ะบุไวใ้ นใบอนุญาต

12.ผ้รู ับใบอนุญาตรบั จา้ งแต่งผม ต้องแตง่ กายและรกั ษาความสะอาดดังต่อไปนี้

(1.) ในขณะที่ท้าการแตง่ ผม ต้องแต่งกายให้สะอาด และสภุ าพเรยี บร้อย และต้องสวมเสอื้ คุมท่สี ะอาดตาม

แบบท่ีพนักงานสาธารณสขุ ได้กา้ หนดไว้

(2.) เม่ือจะท้าการแตง่ ผม ต้องลา้ งมือดว้ ยสบู่และนา้ สะอาดเช็คใหแ้ หง้

(3.) ในขณะทา้ การแต่งผม ตอ้ งมีผา้ สะอาดปดิ ปากและจมูก

13.ผู้รับจา้ งได้รับใบอนุญาตแตง่ ผม ตอ้ งใช้เครื่องใช้ในการแตง่ ผมตามวธิ ดี งั ต่อไปนี้เพ่อื ให้ถกู ต้องด้วย

สุขลกั ษณะ

(1.) ผ้าพนั คอและผา้ ขนหนูคือระบไุ วใ้ นข้อ 8 (3)และ(4) ผืนหน่งึ ๆใหใ้ ช้กบั ผ้มู ารับการแตง่ ผมเพียงครั้งเดยี ว

แล้วตอ้ งนา้ ไปซักฟอกใหส้ ะอาดเสยี ก่อน จึงจะนา้ มาใช้ได้อีก

(2.) ให้ทา้ ความสะอาดกรรไกร มดี โกนแปรงทาหนวดและผม หวี ดว้ ยน้ายาไลโซล 5%หรือเอธทลิ

แอลกอฮอล์ 70% ทกุ ครัง้ หลังจากได้ใชแ้ ต่งผม ให้แก่ผูม้ ารับบรกิ ารแตง่ ผมคนหนงึ่ แล้วต้องเช็ดใหแ้ ห้งเกบ็ ไว้ใน

ท่สี ะอาด จึงน้ามาใช้อีก

14.หา้ มมใิ หผ้ รู้ บั ใบอนญุ าตรับจา้ งแตง่ ผมใช้เวชภณั ฑต์ ่อไปนี้

(1.) เวชภัณฑ์ทร่ี ูว้ ่าได้ปรงุ ด้วยสารหนหู รืปรอท

(2.) เวชภณั ฑท์ ่เี จา้ พนักงานสาธารณสุขไดแ้ จ้งใหท้ ราบ เป็นสิง่ ท่ีไมร่ บั การใชใ้ นการแตง่ ผม เพราะอาจเปน็

อนั ตรายแกส่ ขุ ภาพของผู้มารับการแตง่ ผมได้

15.เมือ่ ปรากฏหรอื มีเหตุควรเช่ือว่า ผู้รับใบอนุญาตรบั จา้ งแตง่ ผมเปน็ โรควกิ ลจริต ลมบ้าหมู โรคเรือ้ นชนดิ

ผิวหนัง วัณโรคระยะติดต่ออันตรายคุดทะราด กามโรค ไข้ทรพษิ ไข้สุกใส ไข้หดั หรือโรคผวิ หนงั ทเ่ี กดิ จากเช้ือ

รา หรืเชอื้ จลุ นิ ทรีย์ หรือไวรัส อันเปน็ ทน่ี า่ รังเกียดหรือเป็นพาหนะของโรคดงั กลา่ ว หา้ มรับจ้างแตง่ ผม และ

ผวู้ า่ ราชการกรุงเทพมหานคร มีอ้านาจท่ีจะสงั่ พักให้ใชห้ รอื เพิกถอน ใบอนญุ าตรบั จา้ งแต่งผมได้

16.ห้ามมิให้ผรู้ ับจา้ งแต่งผมใหแ้ ก่ผ้มู อี าการดงั ทกี่ ล่าวมาในขอ้ (17) โดยเดจ็ ขาด

17.ผูร้ บั ใบอนุญาตใชส้ ถานท่เี ป็นที่รับจา้ งทา้ การแต่งผมคนใดกระท้าผิดโดยการฝ่าฝืน ข้อบัญญัติ

กรุงเทพมหานครน้ี หรือปลอ่ ยให้ผ้รู ับจา้ งแต่งผมในสถานท่ขี องตนท้าผดิ โดยฝา่ ฝืนขอ้ บัญญัติของ

กรุงเทพมหานครน้ีขอ้ หน่ึงข้อใดผูว้ ่าราชการกรุงเทพมหานครฯมีอ้านาจส่ังพักใบอนญุ าตได้ คราวหนึ่งไมเ่ กนิ

15วนั ในกรณผี ้รู บั ใบอนญุ าตคนใด ได้ถูกสงั่ พักใบอนุญาตมาแล้ว 2คร้ัง ถา้ กระทา้ ความผิดอีก ผวู้ า่ ราชการ

กรงุ เทพมหานครจะสั่งให้เพิกถอนเสียก็ได้

18.ผู้ใดฝา่ ฝนื ขอ้ บญั ญัติกรุงเทพมหานครในข้อหนึง่ ข้อใดมีความผิดตามมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติ

สาธารณสุข พทุ ธศักราช 2484

กลอน-เตอื นชา่ ง

ช.เออ เอิง เอย เอื่อ เออ เอย้ จะกลา่ วถึงรา้ นแตง่ ผม ทกุ นิยมสถานที่ได้ตง้ั ร้านกนั ออกบาน ทง้ั ร้านเล็กรา้ นใหญ่
จะพูดถงึ แตเ่ รื่องรา้ นเด๋ียวจะร้าคาญเบ่ือหูเพราะใครๆกร็ ูร้ า้ นมอี ย่ทู ่ัวไป จะขอกลับย้อนกลา่ ว ถงึ เรื่องราวนาย
ช่างมอี ้วนบา้ งผอมบ้าง ขอจงรบั ฟงั เอาไว้ เราเป็นชา่ งแต่งผม ตอ้ งหม่นั อบรมวิชาการ หดั ตัดใหช้ า้ นาญ

ทงั่ มีดโกนกรรไกร ต้องมเี คร่ืองมือให้ครบตามระบบของชา่ ง หวถี ี่หวีห่างเราต้องสร้างเอาไว้ มดี โกนกรรไกร
เราเลือกใชแ้ ต่ของดี ลับให้คมจี๋ สะดวกดีเวลาใช้ เสอ้ื ผา้ ต้องสะอาด อย่าให้ขาดสกปรก เราไมใ่ ชช่ ่างสมัยปืน
ครก สกปรกไม่ได้ กางเกงขาวเส้ือขาว ใส่เป็นฟอร์มน่ันและดี มิควรใส่เสอ้ื สี ผิดวธิ ีช่างไทย ใส่รองเทา้

ใหม้ ีส้น อยา่ สัปดนใส่รองเท้าแตะ เขาจะวา่ ไอ้ช่างพวกนี้และ ชอบใส่รองเทา้ แตะถือกรรไกรร่างกายต้อง
สะอาด มารยาทเรยี บร้อย พูดจาเบาๆหนอ่ ย อยา่ พน่ พล่อยเป็นไฟ เวลาท้างานอยา่ ริอ่านสูบบหุ ร่ี มองสโี นน่ สีนี่
ชา่ งแบบน้ีใชไ้ ม่ไดเ้ รื่องเกา่ ๆก่อนๆอย่ากะล่อนมาคุยกนั สมาชกิ เขาจะร้าคาญ เหน็ สนั ดานช่างไทย

จงตัง่ ใจตดั ผม ให้กลมกลอ่ มสวยเก๋ หวีแสกหรอื หวีเป๋ กะคะเนเอาไว้เวลาหวีต้องมือเบาๆ อย่าดึงเอาแรงๆที่
ไหนไม่ดีควรแตง่ ยิ้มแฉง่ เข้าไว้ จอนดา้ หรอื จอนขาว หน้ายาวหรอื หนา้ ส่ัน หัวเล็กหรอื หัวบาน กะประมาณลง
ไปทีไ่ หนเป็นหลมุ เปน็ บอ่ ต้องตดั ต่อให้ดี ใชป้ ลายกรรไกรจ่ี อยา่ ใหม้ ีขน้ั บนั ไดคนหวั ล้านน้ันใจนอ้ ย ต้องค่อยๆ
ลูบคลา้ ผมบนไมต่ ้องหั่น ตัดทรงตา้่ เขา้ ไว้ ผมหยิกไมต่ ้องซอย ประเด่ียวจะยอ้ ยลงมา เลมข้างนอกดีกวา่ ตาม
ต้าราเขียนไว้ สุขภาพต้องรกั ษา ให้มเี วลาพักผอ่ น ประเด๋ียวจะโดนโรคจรจะต้องมานอนร้องไห้ เราขืนยืนกนั
ทกุ วัน เพ่ือหา้ ห้นั แต่เกศา ไม่คิดถึงภยั ขา้ งหนา้

จะฉุดฆ่าเราไป การทา้ งานนัน้ หนา ธรรมดาต้องมีหยุด เพอ่ื มิให้รา่ งกายเราทรดุ ต้องช้ารุดเกินไป นผ่ี ม
ยกตวั อยา่ งสิง่ ต่างๆ ให้รู้เห็น ฟงั กันเลน่ ๆ เยน็ ใจ

เพอ่ื นจะเห็นเป็นอย่างไร โอ้โอ่ชา่ งไทย ร่างกายซูบซดี มองดเู หมือนไมห้ นบี ใครถบี สู้ไม้ไหว ผอมนักผอมหนา
หนา้ คลา้ ยสที อง ซ่ีโครงสงู กว่าท้อง

ไมเ่ ชอื่ ลองก็ได้ เราทา้ งานเกนิ ควร มอื ถือกรรไกรต้งั ท่า กินขา้ วไม่เป็นเวลา โอ้วาสนาช่างไทย ก่อนข้าจะ
จากไป ยงั มอี าลยั อาวรณ์ จงึ ไดเ้ ขียนเป็นบทกลอน มาวิงวรณ์กราบไหว้ ขอจงรักกันใหด้ ี รกั ใหเ้ หมือนพ่เี หมือน
นอ้ ง สามคั คีปองดอง เราพนี่ ้องชา่ งไทย หนกั นดิ เบาหน่อยเราคอ่ ยๆพูดกนั อย่าโมโหหนุ หัน

จงรักกันเข้าไว้ ชา่ งจะอยู่ร้านไหน ก็ควรอยู่ใหเ้ ป็นท่ี เด๋ยี วโดดไปรา้ นนูน้ เดีย๋ วโดดไปร้านนี้ มนั หนา้ ตดี ้วย
กรรไกร ผมขอกราบลาละท่าน แลว้ บนบานกราบผี ขอให้ทา่ นถกู ล็อตร่สี วดั ดีมีชัย ขอให้ทา่ นมคี วามสุข ความ
ทกุ ข์ไมต่ ้อง ซ่ีโครงต่า้ กวา่ ท้อง รา้ วงเล่นกับนอ้ ง แลว้ นอนตีกลองสองใบ


Click to View FlipBook Version