จะเป็นลมยาดมหน่อย
นางสาวจริ ฏั ฐา พงษพ์ นั ธงุ์ าม
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 เลขท่ี 4
รายงานเล่มนีเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของการศกึ ษา
วชิ าหอ้ งสมดุ และการรูส้ าระสนเทศ
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
โรงเรยี นสงวนหญิง จงั วดั สพุ รรณบรุ ี
จะเป็นลมยาดมหน่อย
นางสาวจริ ฏั ฐา พงษพ์ นั ธงุ์ าม
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 เลขท่ี 4
รายงานเล่มนีเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของการศกึ ษา
วชิ าหอ้ งสมดุ และการรูส้ าระสนเทศ
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
โรงเรยี นสงวนหญิง จงั วดั สพุ รรณบรุ ี
คำนำ
รายงานเลม่ น้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวิชาห้องสมุดและการเรียนรู้สาระสนเทศวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีจดั ทาข้ึนเพือ่ บคุ คลที่มี
ความสนใจเกี่ยวกบั เรื่องของยาดมสมุนไพรแตล่ ะชนิดสรรพคุณตา่ งๆและวธิ ีการทายาดมแต่ละสูตร
ผจู้ ดั ทาหวงั ว่า รายงานเลม่ น้ีจะเป็นประโยชน์แกผ่ อู้ ่านหรือผทู้ ี่กาลงั ศึกษาหาขอ้ มลู เร่ืองน้ีอยู่ หากมีขอ้ แนะนาหรือ
ขอ้ ผิดพลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรับและอภยั ณ ท่ีน้ีดว้ ย
จิรัฏฐา พงษพ์ นั ธุง์ าม
20 กุมพาพนั ธ์ 2565
บทนำ
ชนิดของยาดม มีหลากหลายแบบ เช่นยาดมสมุนไพรและยาดมแบบชนิดน้าที่มีอยทู่ ว่ั ไป ผจู้ ดั ทารายงานเล่มน้ีอยากท่ี
จะเผยแพร่และไดแ้ นะนาเก่ียวเรื่องยาดม ยาดมสมนุ ไพรแตล่ ะชนิดในรูปแบบใหผ้ อู้ ่านไดร้ ู้จกั เก่ียวกบั ยาดมหรือยาดมสมุน
หรือวิธีการทา สรรพคณุ ต่างๆ ประโยชน์ โทษและขอ้ ดีของยาดมมากข้ึน
เร่ือง สำรบญั หนา้
คานา (1)
สารบญั เร่ือง จะเป็ นลมยำดมหน่อย (2)
บทนา 1
ประวตั ิและความเป็นมา
ประเภทของยาดม 2
ขอ้ หา้ มและคาเตือน
ปริมาณและการใช้ 3
ผลขา้ งเคียงและสรรพคณุ 3
ยาดมสมนุ ไพร 4
ส่วนประกอบและวธิ ีทา 4
วิธีทาและวธิ ีใช้ 5
ส่วนประกอบยาดมชนิดทวั่ ไป 5
เพราะอะไรยาดมถงฮอตตลอดกาล 5
ประโยชน์และโทษ 6
สรุป 7
8-10
11
บทนำ
ในปัจจุบันคนเราน้ันมีอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ คัดจมูก ได้ง่ายกว่าในสมัยก่อนมาก ท้ังน้ีเป็ นเพราะ
สภาพแวดลอ้ มท่ีเปล่ียนไปในทางแย่ลง มีมลพิพมากข้ึน ค่อนขา้ งจะเป็ นมลภาวะที่ส่งผลเสียอย่างมากต่อร่างกายคนเรา
และนอกจากน้ียงั มีอีกปัจจยั ก็คือการที่ร่างกายคนยคุ ปัจจุบนั น้นั เลือกทานแต่อาหารขยะ ( Junk food) และไมค่ ่อยออกกาลงั
เป็นปัจจยั เหตสุ ่งผลใหร้ ่างกายของคนเราน้นั ออ่ นแอและมีอาการดงั กล่าวไดง้ ่ายข้ึน ดงั น้นั ยาดมจะสามารถ ช่วยบรรเทาและ
ลดอาการดงั กลา่ ว
ประวตั ขิ องยำดม
“ ยาดม ” นบั เป็นยาสามญั ประจาบา้ นตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข และมีประวตั ิความเป็นมานาน
ถึง 6,000 ปี โดยเป็นท่ีรู้จกั ของคนไทยอย่างแพร่หลายมาต้งั แต่รัชกาลท่ี 2 จนถึงปัจจุบนั
ท่ีมำของยำดม
คนไทยอยคู่ ู่กบั ยาดมมานานต้งั แต่มีการใช้สมุนไพรเป็นยารักษาโรคต่างๆแต่ไม่มีหลกั ฐาน ทางประวตั ิศาสตร์ไทย
แน่ชดั ว่าเราเริ่มใชย้ าดมกนั เม่ือไหร่ หากนบั ตามย่ีห้อยาดมเก่าแก่ในประเทศไทยอยา่ งย่ีห้อโป๊ ยเซียนก็เกิดข้ึนต้งั แต่เมื่อปี
2479 และแพร่หลายต้งั แต่น้นั มาแต่ถา้ ยอ้ นนบั ไปจนถึงการใชส้ มุนไพรในการรักษาหมวดของยาที่ใชก้ ล่ินบาบดั
(Aromatherapy) หรือท่ีแปลงเป็ นยาดมในปัจจุบนั น้ี เป็นที่รู้จกั กนั มานานกว่า 6,000 ปี เริ่มตน้ ใชใ้ นอียิปต์ชาวอียิปตม์ กั
ใชก้ ารเผาให้ไดม้ าซ่ึงกลิ่นหอมเพื่อบูชาเทพเจา้ ชาวโรมนั ไดร้ ับความรู้ทางการแพทยด์ ว้ ยการใช้กล่ินบาบดั รักษามาจาก
ชาวกรีกและไดพ้ ฒั นาหลกั ความรู้น้ีผสมผสานกบั ศาสตร์อ่ืนความรู้เกี่ยวกบั อโรมาออยลแ์ ละน้ามนั หอมแพร่กระจายและ
ไดร้ ับความนิยมมากข้ึนหลงั สงครามครูเสดระหว่างปี ค.ศ.980-1037 ทวีปเอเชียก็มีหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ยืนยนั ว่า
ชาวจีนรู้จกั วิธีใชพ้ ืชสมุนไพรและกลิ่นหอมมานานพอๆกบั ชาวอียิปต์ในหนงั สือสมุนไพรเล่มหน่ึงของจีนมีการจด
บนั ทึกไวเ้ มื่อ 2,700 ปี ก่อนคริสตกาลชาวจีนสามารถแยกสารหอมจากพืชธรรมชาติไดม้ ากกว่า 300 ชนิดและ
เช่นเดียวกบั ชาวอียิปต์ชาวจีนก็ใชก้ ารเผาไมห้ อมเพ่ือบูชาเทพเจา้ ในสังคมไทยหากจะกล่าวถึงพระมหากษตั ริยผ์ ู้ทรง
โปรดปรานเครื่องสุคนธรส(เคร่ืองหอม)แลว้ คงจะตอ้ งกล่าวถึง พระนามของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั ท่ี
สุนทรภู่ไดเ้ ขียนถึงพระองคไ์ วใ้ นปราสาทภูเขาทองว่า
เคยหมอบใกลไ้ ดก้ ลิ่นสุคนธ์ตลบ ละอองอบรสร่ืนช่ืนนาสา
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธรา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกล่ินสุคนธ์
แสดงให้เห็นว่าในประเทศไทย เรานิยมการดมกล่ินเพื่อการรักษาต้งั แต่สมยั ของรัชกาลท่ี 2 กนั แลว้
ที่มา https://www.google.com
ประเภทของยำดม
ยาดม คือ ยาน้าสาหรับสูดดมบรรเทาอาการคดั จมกู เวยี นหวั เป็นลม หรือทารักษาอาการคนั บวม แดงจากแมลงกดั ตอ่ ย
ซ่ึงมี 2 ชนิด ไดแ้ ก่ ยาน้าแอมโมเนียและยาน้าท่ีมีส่วนผสมของน้ามนั หอมระเหยหลายชนิด เช่น การบรู เมนทอล เมทิลซาลิ
ซีเลต เป็นตน้
ข้อห้ำมในกำรใช้ยำดม
หา้ มใชย้ าดมติดต่อกันเป็นเวลานาน และไม่ควรสดู ดมยาท่ีผสมเมทิลซาลิซีเลต เพราะอาจทาใหร้ ะบบทางเดิน
หายใจเกิดการระคายเคอื งได้ หา้ มทายาดมบรเิ วณผิวหนงั ท่บี อบบางหรือมีแผลเปิด และหา้ มใหย้ าเขา้ ตา เพราะอาจทาให้
ตาระคายเคืองหรือแสบรอ้ นได้ หากยาสัมผัสกับผิวหนังบริเวณดังกล่าวหรือยาเขา้ ตา ให้ผูป้ ่ วยลา้ งบรเิ วณนั้นดว้ ยนา้
สะอาดอยา่ งนอ้ ย 20 นาที โดยหา้ มถหู รอื ทาขีผ้ งึ้ แลว้ รีบไปพบแพทยท์ นั ที
หา้ มรบั ประทานยาดม หากกลืนยาโดยอุบตั ิเหตุใหด้ ่ืมนา้ มากๆ แลว้ รีบไปพบแพทยท์ นั ที ผทู้ ่ีตงั้ ครรภห์ รือกาลงั ใหน้ ม
บตุ รควรปรกึ ษาแพทยก์ ่อนใชย้ าดม ไม่ควรใชย้ าดมในเด็กอายตุ ่ากว่า 6 ปี หรือตอ้ งใชย้ าภายใตก้ ารดแู ลของแพทยห์ รือ
เภสชั กรเท่านน้ั ผทู้ ่กี าลงั ใชย้ ารกั ษาโรคประจาตวั อ่ืนๆ ควรปรกึ ษาแพทยห์ รอื เภสชั กรกอ่ นใช้
หา้ มใชย้ าดมหากแพน้ า้ มนั หอมระเหยหรือแอมโมเนีย หากมีขอ้ สงสยั ควรปรกึ ษาแพทยห์ รือเภสชั กร ผูป้ ่ วยโรคระบบ
ทางเดินหายใจ เชน่ หอบหดื หลอดลมอกั เสบ ถงุ ลมโป่งพอง โรคตา โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหวั ใจ ควรปรกึ ษาแพทย์
ผทู้ ่ีหนา้ มืดหรือหมดสติบอ่ ยๆ โดยเฉพาะผสู้ งู อายหุ รือผปู้ ่ วยโรคหวั ใจ ตอ้ งไปพบแพทยเ์ พ่ือเขา้ รบั การตรวจหาสาเหตขุ อง
การหมดสติ ผูป้ ่ วยควรปรกึ ษาแพทยห์ ากอาการเจ็บป่ วยไม่ทุเลาลงหรือมีอาการผิดปกติอ่ืนๆ เกิดขึ้นหลังจากใชย้ าดม
ผปู้ ่ วยอาจตดิ การสดู ยาดมเป็นนิสยั ไดห้ ากใชอ้ ย่างตอ่ เน่อื งเป็นเวลานาน เพราะส่วนผสมบางชนิด โดยเฉพาะการบรู และ
เมนทอลอาจมีผลต่อระบบประสาท สาหรบั ปริมาณการใชย้ าดมนนั้ มีการระบุว่า ใชส้ าลีชบุ ยาเล็กนอ้ ยแลว้ สดู ดม หรือ
สดู ดมยาจากบรรจุภณั ฑโ์ ดยตรง เพ่อื บรรเทาอาการหวดั คดั จมกู เวยี นหวั ใชส้ ดู ดมชา้ ๆ เพ่ือรกั ษาอาการหนา้ มืดจนกว่า
ผปู้ ่ วยจะรูส้ ึกดีขึน้ หรือใชส้ าลีชบุ ยานา้ แอมโมเนียเพ่ือใหผ้ ปู้ ่ วยท่ีเป็น ลมสดู ดมชา้ ๆ จนกว่าจะรูส้ กึ ตวั โดยถือสาลีใหห้ ่าง
จากจมูกของผปู้ ่ วยประมาณ 4 นิว้ ใชท้ าบางๆ บรเิ วณผิวหนงั เพ่ือรักษาอาการคัน บวม แดงจากแมลงกัดต่อยหรือการ
สมั ผัสพืชบางชนิด ส่วนการสูดดมยาดมนนั้ ใหใ้ ชส้ าลีหรือผา้ เช็ดหนา้ ชุบยานา้ ผสมนา้ มนั หอมระเหยท่ีอยู่ในแท่งยาดม
แลว้ สดู ดม หรือสดู ดมยาจากบรรจภุ ณั ฑโ์ ดยตรง โดยถือยาใหห้ ่างจากจมูกเล็กนอ้ ย หากตอ้ งการสดู ดมยาอย่างต่อเน่ือง
ใหท้ ายานา้ ผสมนา้ มนั หอมระเหยปรมิ าณเลก็ นอ้ ยบรเิ วณจมกู ลาคอ และหนา้ อก แตไ่ มค่ วรทายาในปรมิ าณมาก หรือสอด
แท่งยาดมในรูจมกู เพ่อื สดู ดมตลอดทงั้ วนั เพราะอาจทาใหเ้ ย่ือบโุ พรงจมกู ระคายเคืองได้ ควรเช็ดบรรจภุ ณั ฑใ์ หส้ ะอาดและ
ปิดฝาใหม้ ิดชิด ไม่ควรใชย้ าดมของผอู้ ่ืน เพราะอาจเส่ียงติดเชือ้ บางชนิดไดย้ าดมอาจทาใหร้ ะบบทางเดินหายใจเกิดการ
ระคายเคืองได้ โดยเฉพาะหากผปู้ ่ วยใชผ้ ิดวิธี และผูท้ ่ีสดู ดมยานา้ แอมโมเนียอาจไอหรือนา้ ตาไหลเล็กนอ้ ยได้ อย่างไรก็
ตาม ผปู้ ่วยตอ้ งไปพบแพทยท์ นั ทีหากมอี าการขา้ งเคียงท่รี ุนแรง เช่น เวียนหวั ปวดหวั ปวดตา มองไม่ชดั อาเจียน ทอ้ งเสีย
รวมทง้ั มีอาการแพ้ เช่น มีผ่นื คนั และมอี าการบวมบรเิ วณใบหนา้ หรือลาคอ หายใจลาบาก เป็นตน้
คำเตอื นในกำรใชย้ ำดม
▪ หา้ มเกบ็ หรอื ทงิ้ บรรจภุ ณั ฑย์ านา้ แอมโมเนยี ใกลแ้ หล่งกาเนดิ ความรอ้ นหรือประกายไฟ เพราะยาอาจตดิ ไฟได้
▪ หา้ มใชย้ าดมติดตอ่ กนั เป็นเวลานาน และไมค่ วรสดู ดมยาท่ผี สมเมทลิ ซาลิซีเลต เพราะอาจทาใหร้ ะบบทางเดินหายใจเกดิ
การระคายเคืองได้
▪ หา้ มทายาดมบรเิ วณผวิ หนงั ท่บี อบบางหรอื มีแผลเปิด และหา้ มใหย้ าเขา้ ตา เพราะอาจทาใหต้ าระคายเคืองหรือแสบรอ้ น
ได้ หากยาสมั ผสั กบั ผิวหนงั บรเิ วณดงั กลา่ วหรอื ยาเขา้ ตา ใหผ้ ปู้ ่วยลา้ งบรเิ วณนนั้ ดว้ ยนา้ สะอาดอยา่ งนอ้ ย 20 นาที โดย
หา้ มถหู รอื ทาขผี้ งึ้ แลว้ รบี ไปพบแพทยท์ นั ที
▪ หา้ มรบั ประทานยาดม หากกลนื ยาโดยอบุ ตั ิเหตใุ หด้ ม่ื นา้ มาก ๆ แลว้ รบี ไปพบแพทยท์ นั ที
▪ ผทู้ ่ตี งั้ ครรภห์ รอื กาลงั ใหน้ มบตุ รควรปรกึ ษาแพทยก์ ่อนใชย้ าดม
▪ ไม่ควรใชย้ าดมในเดก็ อายตุ ่ากว่า 6 ปี หรือตอ้ งใชย้ าภายใตก้ ารดแู ลของแพทยห์ รือเภสชั กรเท่านน้ั
▪ ผทู้ ่กี าลงั ใชย้ ารกั ษาโรคประจาตวั อื่น ๆ ควรปรกึ ษาแพทยห์ รือเภสชั กรกอ่ นใชย้ าดม
▪ หา้ มใชย้ าดมหากแพน้ า้ มนั หอมระเหยหรอื แอมโมเนยี หากมขี อ้ สงสยั ควรปรกึ ษาแพทยห์ รือเภสชั กร
▪ ผปู้ ่วยโรคระบบทางเดนิ หายใจ เชน่ หอบหดื หลอดลมอกั เสบ ถงุ ลมโป่งพอง โรคตา โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหวั ใจ
ควรปรกึ ษาแพทยก์ ่อนใชย้ าดม
▪ ผทู้ ่หี นา้ มืดหรือหมดสตบิ อ่ ย ๆ โดยเฉพาะผสู้ งู อายหุ รือผปู้ ่วยโรคหวั ใจ ตอ้ งไปพบแพทยเ์ พ่อื เขา้ รบั การตรวจหาสาเหตขุ อง
การหมดสติ
▪ ผปู้ ่วยควรปรกึ ษาแพทยห์ ากอาการเจ็บป่วยไมท่ เุ ลาลงหรอื มอี าการผดิ ปกตอิ ื่น ๆ เกิดขนึ้ หลงั จากใชย้ าดม
▪ ผปู้ ่วยอาจตดิ การสดู ยาดมเป็นนสิ ยั ไดห้ ากใชอ้ ยา่ งตอ่ เน่อื งเป็นเวลานาน เพราะสว่ นผสมบางชนดิ โดยเฉพาะการบรู และ
เมนทอลอาจมีผลตอ่ ระบบประสาท
ปริมำณกำรใช้ยำดม
▪ ใชส้ าลชี บุ ยาเล็กนอ้ ยแลว้ สดู ดม หรอื สดู ดมยาจากบรรจภุ ณั ฑโ์ ดยตรง เพ่อื บรรเทาอาการหวดั คดั จมกู เวยี นหวั
▪ ใชส้ ดู ดมชา้ ๆ เพ่อื รกั ษาอาการหนา้ มืดจนกวา่ ผปู้ ่วยจะรูส้ กึ ดขี นึ้ หรือใชส้ าลีชบุ ยานา้ แอมโมเนียเพ่อื ใหผ้ ปู้ ่วยท่ีเป็นลมสดู
ดมชา้ ๆ จนกว่าจะรูส้ กึ ตวั โดยถือสาลีใหห้ า่ งจากจมกู ของผปู้ ่วยประมาณ 4 นวิ้
▪ ใชท้ าบาง ๆ บรเิ วณผวิ หนงั เพ่อื รกั ษาอาการคนั บวม แดงจากแมลงกดั ต่อยหรือการสมั ผสั พืชบางชนดิ
ท่ีมา https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/
ใช้ยำดมอย่ำงไรให้ถูกวิธี
1. ควรสูดดมใกล้ ๆ แต่ไม่สัมผัสโดยตรง
2. ไม่ควรให้หลอดยาเข้าไปค้างในจมูก เพราะสารทุกตัวอาจทาให้ระคายเคืองเมื่อสัมผัส
3. ควรหลีกเล่ียงการใช้หลอดยาดมท่ีสัมผัสกับจมูกผู้อื่น เพราะอาจทาให้ติดเช้ือได้
4. ยาดมมีฤทธ์ิบรรเทาอาการวิงเวียน หน้ามืด ตาลาย เพียงชั่วคราว หากอาการหนักควรพบแพทย์
5. ยาดมท่ีมีลักษณะเป็ นยาน้า หรื อข้ีผ้ึง ให้ใช้สาลีหรื อผ้าเช็ดหน้าป้าย หรื อนามาทาบางๆท่ีหน้าอก
6. หากมีโรคท่ีเก่ียวกับโพรงจมูกควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้
ผลข้ำงเคยี งจำกกำรใช้ยำดม
ยาดมอาจทาให้ระบบทางเดินหายใจเกิดการระคายเคอื งได้ โดยเฉพาะหากผปู้ ่ วยใชผ้ ดิ วธิ ี และผทู้ ส่ี ูดดมยาน้าแอมโมเนีย
อาจไอหรือน้าตาไหลเลก็ นอ้ ยได้ อยา่ งไรก็ตาม ผปู้ ่ วยตอ้ งไปพบแพทยท์ นั ทีหากมีอาการขา้ งเคยี งที่รุนแรง เช่น เวยี นหวั
ปวดหวั ปวดตา มองไมช่ ดั อาเจียน ทอ้ งเสีย รวมท้งั มีอาการแพ้ เช่น มีผนื่ คนั และมีอาการบวมบริเวณใบหนา้ หรือลาคอ
หายใจลาบาก เป็นตน้
สรรพคุณของยำดม
1. ใชส้ ูดดมบรรเทาอาการคดั จมูก เวียนหวั เป็นลม
2. ใชท้ ารักษาอาการคนั บวม แดงจากแมลงกดั ตอ่ ยหรือการสมั ผสั พชื บางชนิด
ท่ีมา https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/
ยำดมสมุนไพร
ยาดมสมนุ ไพร เป็นการนาสมนุ ไพรแหง้ ท่มี ีกลิ่นหอมเยน็ สดช่ืนตงั้ แต่ 2 ชนดิ ขนึ้ ไป เชน่ ลกู จนั ทน์ ดอกจนั ทน์ กานพลู
มาผสมกนั แลว้ หมกั ดว้ ยนา้ มนั หอมระเหย ซง่ึ นา้ มนั หอมระเหยจะเป็นตวั สกดั สารสาคญั และกลน่ิ ของสมนุ ไพรออกมา
ส่วนประกอบของยำดมสมุนไพร
1.เปลอื กสมลุ แวง้ โกฐหวั บวั โกศสอ
2. ดอกจยั ทน์ กานพลู
3.พรกิ ไทยดา
4.ว่านประหอม อย่างละ 1 สว่ น
5.พมิ เสน 2 กรมั
6.การบรู 4 กรมั
7.เมนทอล 8 กรมั
8.นา้ มนั ยคู าลิปตสั 16 มลิ ลลิ ิตร
วิธที ำยำดมสมนุ ไพร
1.นาสมนุ ไพรทง้ั หมด มาห่นั เป็นชิน้ เล็กๆและบบุ พรกิ ไทยดาเลก็ นอ้ ย
2.นาพิมเสน การบรู เมนทอล และนา้ มนั ยคู าลปิ ตสั มาผสมกนั ในถว้ ยแกว้ ใหล้ ะลายเป็นเนอื้ เดยี วกนั
3.จากนน้ั นาสมนุ ไพรท่หี ่นั แลว้ ใสใ่ นขวดแกว้ 4.เติมสว่ นผสมในขอ้ 2 ลงไปในขวดแกว้ ใหท้ ว่ มตวั สมนุ ไพร ปิดฝาใหส้ นิท
5.ตงั้ ขวดแกว้ ทงิ้ ไวป้ ระมาณ
7 วนั แลว้ จงึ นามาใชโ้ ดยทาการแยกบรรจเุ ป็นขวดเล็กๆ
วธิ ใี ช้และสรรพคุณ
ใชส้ ดู ดม แกว้ งิ เวยี นศีรษะ หนา้ มดื ตาลาย ทาใหส้ ดช่ืน
ท่ีมา https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/
ส่วนประกอบยำดม (ชนิดท่ีมีท่ัวไป)
คนไทยโบราณโดยเฉพาะในภาคกลาง ทายาดมจากผิวส้มโอมือผสมเครื่องหอมอ่ืนๆ ที่มีส่วนช่วยทาให้สดชื่น และ
บารุงหวั ใจ แต่ต่อมามีการเติมพิมเสนการบูรและเกลด็ สะระแหน่ เพื่อเพ่ิมกลิ่นหอมเยน็ ซ่า ปัจจุบนั ยาดมมีหลากหลาย
ชนิด ท้งั ท่ีเป็นแบบด้งั เดิมที่มีชิ้นสมุนไพร เช่น ส้มโอมือชนิดน้า ชนิดชุบไส้กรอง
โดยสมุนไพรส่วนใหญ่ที่นิยมนามาทายาดม ประกอบไปดว้ ย
1. พิมเสนเกล็ด Borneol (พิมเสนเทียม) , พิมเสนแท้ Borneol camphor
เป็นวตั ถุไดจ้ ากตน้ พิมเสน อีกท้งั ยงั เป็นสารสกดั จากพืชใชร้ ักษาแผลสด มีกลิ่นหอม แกล้ มวิงเวียนหนา้ มืด ช่วยขบั ลม
บารุงหัวใจ ทาให้ชุ่มชื่น ทาให้เรอ ขบั ผายลม แกจ้ ุกเสียดแน่นเฟ้อ แกป้ วดทอ้ ง แกบ้ าดแผลสด แผลเร้ือรัง แผลกามโรค
แผลเน้ือร้าย
2. เมนทอล (Menthol Crystal)
เป็นสารสกดั จากน้ามนั สะระแหน่ (peppermint oil) ซ่ึงไดม้ าจาก พืช Mentha piperita ใชเ้ ป็นยาภายนอกเกี่ยวกับการลด
อาการปวดเม่ือย ฆ่าเช้ือ และใชเ้ ป็นยาขบั ลม คุณสมบตั ิ คลา้ ยกบั น้ามนั เปปเปอร์มิ้นทเ์ พราะสกดั มาจากน้ามนั สะระแหน่
3. ผงการบูร
เป็นเกลด็ กลมเล็กๆ สีขาวแห้ง อาจจบั กนั เป็นกอ้ นร่วนๆ แตกง่าย ทิ้งไวใ้ นอากาศ จะระเหิดไปหมด รสร้อนปร่าเมา
บารุงธาตุ ทาให้อาหารงวดขบั เสมหะและลม แกธ้ าตุพิการ แน่นจุกเสียด ปวดทอ้ ง ขบั ลมในลาไส้ แกไ้ อ แกเ้ ลือดลม ชู
กาลงั แกค้ นั แกโ้ รคตา ขบั ลมให้ผาย กระจายลม บารุงความกาหนดั ขบั เหงื่อ แกป้ วดตามเส้น เกลื่อนฝี แกเ้ คลด็ ขดั ยอก
บวม แกก้ ระตุก แกป้ วดขอ้ แก้ ปวดเส้นประสาท แกร้ อยผิวหนงั แตก แก้พิษแมลงสัตวก์ ดั ต่อย
ท่ีมา https://sites.google.com/site/khawrwm144/
เพรำะอะไรยำดมถึงฮอตตลอดกำล?
ยาดมสมุนไพรจดั อยู่ในกลุ่มยาแผนโบราณ เมื่อการแพทยแ์ ผนปัจจุบนั เริ่มเขา้ มาในประเทศไทยการใชย้ าสมุนไพร
และการแพทยแ์ ผนไทยเริ่มลดนอ้ ยลง แต่ความนิยมของยาดมไม่ไดน้ ้อยลงตามผลวิจยั จากมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
และมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ระบุว่า ในปัจจุบนั แนวโน้มการใชส้ มุนไพรเริ่มกลบั มามีบทบาทเนื่องจากผูค้ นเริ่มหัน
กลบั มาสนใจสุขภาพกนั มากข้ึน การใชส้ มุนไพรมีผลขา้ งเคียงที่น้อยกว่ายาปฏิชีวนะ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายมี
ความปลอดภยั สูง สามารถใชไ้ ดโ้ ดยไม่ตอ้ งกงั วลกบั โอกาสท่ีจะเกิดความเป็นพิษ อาการไม่พึงประสงค์ หรือผลขา้ งเคียง
ต่างๆ โดยการใชส้ มุนไพรยงั มีขอ้ มูลพื้นฐานอา้ งอิงตามหลงั ขอ้ มูลทางวิทยาศาสตร์ จึงตอ้ งเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกบั โรค
อาการอย่างถูกตอ้ ง และยงั คงมีความเสี่ยง ที่เกิดจากการใชส้ มุนไพรท่ีผิดประเภท ผิดอาการ ผิดขนาด และผิดวิธีทาให้
รักษาหรือบรรเทาอาการไดไ้ ม่ตรง ตามวตั ถุประสงค์ และอาจนาไปสู่อาการไม่พึงประสงค์ และการแพย้ า แต่ท้ังน้ี
สมุนไพรก็ยงั คงมีความน่าเชื่อถือและมนั่ ใจต่อการใชม้ ากกว่ายาแผนปัจจุบนั นอกจากน้ียาดมเป็นยาที่ไดช้ ื่อว่าสะดวก
พกพาง่ายหาซื้อไดต้ ามร้านคา้ หรือร้านขายยาทวั่ ไป พร้อมกบั สรรพคุณที่เหลือลน้ ท้ังบรรเทาอาการคดั จมูก หายใจไม่
ออก และบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ
ท่ีมา https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/
ดมอย่ำงไรไม่ให้เป็ นทุกข์
ทุกอย่างเม่ือมีขอ้ ดีก็มกั จะมีขอ้ เสียดว้ ยเช่นกนั เพราะการดมยาดมบ่อยคร้ังอาจทาให้เกิดอาการติดได้ เนื่องจาก
สารเคมีที่ใชผ้ ลิตบางชนิด เช่น เมนทอล การบูร เป็นสารที่มีผลต่อระบบประสาท แต่ไม่ใช่ว่าจะอนั ตรายรุนแรงเสีย
ทีเดียว เพียงแต่การติดยาดมน้นั จะเป็นรูปแบบท่ีใชจ้ นติดเป็นนิสัยหรือขาดไม่ไดเ้ ท่าน้นั เอง ยาดมเป็นยาสามญั ประจา
บา้ นท่ีมีประโยชน์ หากรู้จกั ใชอ้ ยา่ งถูกวิธี ก็จะไดร้ ับประโยชน์อย่างสูงสุด ซ่ึงวิธีการใชย้ าดมที่ถูกตอ้ งตามคาแนะนาของ
องคก์ รอาหารและยา มีดงั น้ี
1. ควรสูดดมใกลๆ้ แต่ไม่สัมผสั โดยตรง
2. ไม่ควรให้หลอดยาเขา้ ไปคา้ งในจมูก เพราะสารทุกตวั อาจทาให้ระคายเคืองเมื่อสัมผสั
3. ควรหลีกเล่ียงการใชห้ ลอดยาดมร่วมกบั ผอู้ ่ืน เพราะอาจทาให้ติดเช้ือได้
4. ยาดมมีฤทธ์ิบรรเทาอาการวิงเวียน หนา้ มืด ตาลาย เพียงชั่วคราว หากอาการหนกั ควรพบแพทย์
5. ยาดมท่ีมีลกั ษณะเป็นยาน้าหรือข้ีผ้ึง ให้ใชส้ าลีหรือผา้ เช็ดหน้าป้าย หรือนามาทาบางๆ ที่หนา้ อก แลว้ สูดไอระเหย
6. หากมีโรคท่ีเกี่ยวกบั โพรงจมูกควรหลีกเล่ียง เพราะหากสูดยาดมท่ีมีเขม้ ขน้ มากๆ อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองมากข้ึน
ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/2130790
ประโยชน์ของยำดม
1. บรรเทาอาการวงิ เวยี นศรีษะ
อาการวิงเวยี นศรีษะอนั เน่ืองมาจากอากาศเมืองไทยท่ีร้อนอบอา้ ว การเบียดเสียดคนแน่นขนดั บนรถไฟฟ้า รถเมล์
2. กระตนุ้ ร่างกายใหต้ ืน่ ตวั
ในวนั ที่รู้สึกสมองเบลอๆร่างกายไม่ตื่นเตม็ ที่หรือง่วงหงาวหาวนอนระหวา่ งขบั รถสามารถใชย้ าดมช่วยกระตุน้ ร่างกายได้
3. ลดอาการปวด บวมร่างกายได้
ดป้ เมนทอลในยาดมมีสรรพคณุ ช่วยลดอาการปวด บวม และออกฤทธ์ิเป็นยาชาออ่ นๆ ควรใชใ้ นปริมาณที่พอเหมาะไมง่ ้นั
อาจเกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจได้
4. บรรเทาอาการเคลด็ ขดั ยอก แมลงสตั วก์ ดั ต่อย
แลและเช่นกนั การบูรในยาดมมีสรรพคณุ บรรเทาอาการเคลด็ ขดั ยอก แมลงสัตวก์ ดั ต่อยช่วยบรรเทาไดใ้ นชวั่ ขณะหน่ึง
5. ทดแทนการเลิกสูบบหุ รี่
กเกมีผตู้ ิดบหุ รี่บางรายท่ีสามารถเลิกบหุ ร่ีได้ โดยการหนั ไปใชย้ าดมแทน ซ่ึงถือวา่ เป็นหน่ึงวธิ ีการเลิกบุหร่ีแบบไมห่ กั ดิบท่ี
น่าสนใจมาก แต่ถึงอยา่ งไรกอ็ ยา่ ติดยาดมมากเกินไป
ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/2130790
โทษของยำดม และข้อควรระวงั
1. ยาดมมีสารเคมีเขม้ ขน้ สูง
เหหเหลายคนเสพติดกล่ินหอมของยาดม และคดิ ว่าดมๆ ไปเถอะสมุนไพรท้งั น้นั ขอบอกเลยวา่ คดิ ผิด เพราะในตวั ยาดมมี
สารเคมีที่เขม้ ขน้ สูง สามารถเขา้ ไปทาลายเยอ่ื บโุ พรงจมกู เกดิ การอกั เสบไดเ้ ลย
2. ห้ามใชก้ บั เด็กทารกเด็ดขาด
เปแ ไมว่ า่ จะดว้ ยเหตุผลอะไรกแ็ ลว้ แต่ คุณพ่อคุณแม่หรือผปู้ กครอง ควรเกบ็ ยาดมให้ห่างจากมือเดก็ และไม่ควรอนุญาตให้
เด็กดมยาดมเด็ดขาด เพราะโพรงจมูกของเด็กยงั ไม่แขง็ แรงดีพอท่จี ะรับสารเคมีเขา้ สู่ร่างกายได้
3.ติดเช้ือจากหลอดยาดม
ปดิปไมค่ วรใชย้ าดมร่วมกบั ผอู้ นื่ หากใชย้ าดมที่สมั ผสั กบั จมูกผอู้ นื่ แลว้ มีโอกาสท่ีจะทาใหเ้ กิดการตดิ เช้ือจากหลอดยาดม
ไดแ้ ตถ่ า้ ในกรณีฉุกเฉินจริงๆอาจยกเวน้ ได้ เช่นเห็นคนเป็นลมต่อหนา้ ต่อตา ให้ใชว้ ธิ ีการดมโดยให้จมกู อยหู่ ่างๆ จากตวั
หลอดยาดม
4. เสียบุคลิก
ปิ ปิ ปนอกจากเสียสุขภาพเกี่ยวกบั ระบบทางเดินหายใจแลว้ การท่ีตดิ ยาดมมากเกินไปว่างไมไ่ ดต้ อ้ งหยิบมาดม บางรายเป็น
หนกั ถึงข้นั เสียบคา้ งคารูจมกู ไวเ้ ลย ยง่ิ ทาใหเ้ สียบคุ ลิกเอามากๆ เลยค่ะ
5. มีผลตอ่ ระบบประสาท
ปิ ปกเมนทอลและการบรู ในยาดม มีสารเคมีที่ส่งผลตอ่ ระบบประสาท ส่งผลใหเ้ กิดการเสพติดในชนิดท่ีไมร่ ุนแรงมาก คลา้ ย
เป็นการติดนิสัยเหมือนเวลาวา่ งๆ ก็ตอ้ งหยิบมือถือข้ึนมาเลน่ อยา่ งใดอยา่ งน้นั
ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/2130790
สรุป
สรุปกค็ ือการยาดมเป็นยาสมุนไพรที่ควรใชเ้ ป็น “ยาเสริมสุขภาพ” มากกว่ายาที่ใชป้ ระจาทุกวนั ทางที่ดีแนะนาออกขา้ งนอก
ไปสูดอากาศบริสุทธ์ิตามพ้ืนที่สีเขยี วในสวนสาธารณะ ชมธรรมชาติ สูดโซนบริสุทธ์ิ ปลอดภยั กวา่ ดีต่อร่างกาย แทบไมม่ ี
โทษใหต้ อ้ งกงั วล
ท่ีมา https://sites.google.com/site/khawrwm144/
บรรณำนุกรม
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (2563) เปิ ดที่มา 'ยาดม' เพื่อนสนิทมิตรคู่บา้ นคนไทยทุกยคุ สมยั คน้ เมื่อ 5 สิงหาคม 2563
จาก https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/892284
ไทยโพสต(์ 2563) ยาดม..ของคกู่ ายผสู้ ูงวยั ใชง้ า่ ยแตม่ ีขอ้ ควรระวงั คน้ เมื่อ 9 มีนาคม 2563
จาก https://www.thaipost.net/main/detail/59187
UNDUB ZAPP (2560) ติดยาดม อนั ตรายม้ยั ? 5 ประโยชน์และโทษ “ยาดม” ที่หลายคนเขา้ ใจผดิ คน้ เม่ือ 10 สิงหาคม 2560
จาก https://undubzapp.com/ยำดม-อนั ตรำย-จริงม้ยั /